ความคิดเห็นที่ 1 เรากอดลูกแล้วพูดกับลูกว่า หนูจ๋าแม่ดีใจนะที่เป็นวันนี้ เพราะวันนี้มีคนที่รักหนูอยู่กันครบเลย เห็นมั้ย หนูมีพ่อ มีแม่ มีพี่ มีย่า มีอา ทุกคนรักหนูหมดเลย ขาดแค่คน คนนั้นคนเดียวเอง (ขณะที่พูดเราก็น้ำตาไหล แต่ไม่ให้ลูกเห็น สงสารลูกจับใจ) วันนี้หนูอยากร้องไห้หนูร้องให้พอนะแต่พรุ่งนี้หนูต้องเข้มแข็ง อย่าทำให้คนคนนั้นรู้ว่าหนูอ่อนแอ ลูกพยักหน้า... เราบอกลูกว่าถึงแม้จะเลิกกันไปก็ได้แต่เสียใจ แต่ถ้าหนูปล่อยตัวให้เค้าด้วย หนูก็เสียทั้งตัวและเสียใจ นี่โชคดีหนูแค่เสียใจ วันนั้นลูกคงใช้ความพยายามอย่างหนักในการเก็บความรู้สึก พอช่วงสายเราได้กระซิบบอกอาของลูก(ลูกกับอาสนิทกันมากค่ะตลอดเวลาที่ลูกเรียนที่ กทม ตั้งแต่ ม.4มีอาคนนี้ดูแลเป็นผู้ปกครอง) เราบอกอาของลูกว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูก ขอให้อาพูดให้สติกับลูก อาก็รับคำ เราไม่รู้นะว่าอาพูดอะไรกับลูก แต่สีหน้าของลูกดีขึ้น จากวันนั้นถึงวันนี้ ปีกว่าแล้วค่ะ ที่ลูกผ่านวันนั้นมาได้ลูกเข้มแข็งขึ้น   เมื่อเร็วๆนี้ เราถามลูกว่า หนูมีแฟนหรือยัง ลูกตอบว่า อยู่คนเดียวดีแล้ว หนูไม่ต้องปรับตัวเองเพื่อใครไปดูหนังกินข้าวก็ไปคนเดียวได้ เราถามต่อ แล้วมีคนมาจีบบ้างป่ะ ลูกตอบว่า ก็มีบ้างแต่หนูไม่ชอบ เคยมีมาชวนไปนู่น ไปนี่ แต่หนูไม่ไปเค้าบอกว่าจะชวนครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย จะไปมั้ย เราถามแล้วหนูไปมั้ย ลูกตอบไม่ไปแล้วเพื่อนคนนั้นก็ห่างๆไป (เรารู้เค้ายังไม่ลืมคนนั้นเพราะเค้าเคยพูดว่าถ้าหาคนบุคลิกแบบนั้นไม่ได้เค้าจะยังไม่มีแฟน) เป็นแม่ต้องทำตัวเหมือนเพื่อนค่ะ ทำให้ลูกไว้ใจ เราทำตัวเป็นที่ปรึกษาให้เค้าได้ ลูกสามารถคุยได้ทุกเรื่องเวลาที่เค้ามีปัญหา เค้าจะนึกถึงเราเป็นคนแรกค่ะ โชคดีค่ะ ปล ที่เล่ามาทั้งหมดไม่ใช่ว่าเราโลกสวย ลูกบอกอะไรก็เชื่อหมด ทั้งหมดทั้งมวลเราต้องดูพฤติกรรมรวมๆของลูกด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ " แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 12:03:51 จากคุณ : 18 นะไม่ใช่อายุแต่เป็นมงกุฏ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 11:41:29

ความคิดเห็นที่ 2 ผมอ่านเรื่องราวของคุณป้ามิ้มแล้ว....คิดถึงแม่ผมจังครับ ขอบคุณครับป้ามิ้ม จากคุณ : ทะลายร่างทะลวงใจ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 11:54:04

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าใครทำให้ผมอกหัก  ผมจะยิงมันเลยฮะป้ามิ้ม ไม่ต้องเก็บไว้ให้ช้ำใจ ยิง ๆๆๆๆๆๆๆๆ  อ่าสงกรานต์นี้ อย่าเล่นปืนฉีดน้ำแรงดันสูงนะ เด๋วโดนจับง่ะ แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 12:35:51 แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 12:34:03 จากคุณ : LODI เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 11:54:15

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคูณ คุณ ท. ค่ะ พักนี้ไม่รุเป็นไร ชอบคิดถึงลูกค่ะ กลางเดือนนี้ต้องไปอยู่เป็นเพื่อนตอนลูกฝึกงานค่ะ เป็นคำสั่งของพ่อเค้า เค้าให้ไปอยู่จนลูกฝึกงานจบ มิ้มขอไปอยู่แค่อาทิตย์เดียว พ่อเค้าบอก ไม่รักลูกก้ตามใจ... แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 12:32:59 แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 12:10:16 จากคุณ : 18 นะไม่ใช่อายุแต่เป็นมงกุฏ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 12:09:15

ความคิดเห็นที่ 5 แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 12:33:53 แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 12:29:03 จากคุณ : 18 นะไม่ใช่อายุแต่เป็นมงกุฏ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 12:13:50

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านแล้วนึกถึงแม่เราเหมือนกันค่ะ ตอนยังเป็นวัยรุ่นเรียนมหาวิทยาลัย ด้วยความที่แม่ก็ไว้ใจมากและเราก็รักแม่มาก ทำให้ก็กลายเป็นคนรักษาเนื้อรักษาตัว เพราะกลัวแม่เสียใจ หากทำอะไรผิดพลาด พอโตมา ไม่นานมานี้ อกหักอย่างแรง อยู่คนละจังหวัดกับแม่ นึกถึงวันที่เราบอกแม่ว่า เราจับได้แล้ว ว่าแฟนเรามีคนใหม่  เค้าทิ้งเราอย่างไม่ใยดีว่าเราจะเป็นจะตายยังไง เราอยู่คนเดียวค่ะ ได้แต่ร้องไห้โฮ คนเดียว ตี 3 คืนนั้น เราก็ยังร้องไห้อยู่ อยู่ดีๆ แม่ก็โทรมา ซึ่งปกติไม่เคยโทรมาเวลานี้ แม่บอกว่า แม่นอนไม่หลับ แม่คิดว่าลูกแม่ก็นอนไม่หลับ เราได้แต่ร้องไห้ค่ะ แม่ก็ปลอบจนผ่านเราคืนนั้นมาได้ ... จริงๆ แล้วลูกก็รู้ว่า อะไรที่ลูกควรทำ แต่บางทีกำลังใจมันหายไปหมด วูบนั้น งง มีแต่แม่เท่านั้นค่ะที่อยู่ข้าง รับฟังทุกอย่าง ที่ผ่านมา ยึนหยัดมาได้ก็เพราะกำลังใจจากครอบครัวล้วนๆ มันทำให้เรารู้สึกว่าเรามีค่า ... จากนี้ไป เราก็เลยสัญญากับตัวเองว่า เราต้องเป็นฝ่ายให้เค้าบ้าง ปกป้อง ดูแลพวกเค้าตลอดไป จากคุณ : นายแจ่ม เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 12:15:31

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่มีลูกสาวกับเค้าซะด้วย  เลยไม่รู้จะช่วยตอบยังไง เด๋วให้ท่านอื่นช่วยคอมเมนต์ดีกว่า แห่ะ ๆ จากคุณ : LODI เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 12:20:27

ความคิดเห็นที่ 8 ดีที่สุด คือ ลูกเล่าให้ฟัง...ไม่ว่าจะทุกข์  หรือ สุข   พ่อ แม่ อยากเป็นคนแรกที่ลูกจะนึกถีง เมื่อมีความทุกข์   ช่วยรับฟัง  แบ่งเบาความทุกข์ของลูก หรือแม้จะป่วยไข้ ก็อยากเป็นแทน ลูกคงต้องการแค่มีคนที่ไว้ใจได้ ได้ระบายความรู้สึก... ในการใช้ชีวิต เราคงไม่ได้อะไรจากชัยชนะ.. ความสมหวัง.. ความทุกข์  ความฟ่ายแพ้  จะเป็นพลังให้เราสู้ต่อไป แต่อย่าแพ้ให้บ่อย ๆ นัก ก็แล้วกันนะ จากคุณ : กะลาน้อย เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 12:38:11

ความคิดเห็นที่ 9 งั้นช่วงนี้ อยู่ใกล้ลูกสาวให้มาก ๆ อยู่เป็นเพื่อนเค้าไว้นะฮะคุงป้า กลางเดือนนี้ สงกรานต์พอดี ไหน ๆ ก็ไปอยู่เป็นเพื่อนลูกแล้ว  ไปเล่นน้ำกับลูกด้วยซะเลย จากคุณ : LODI เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 12:38:14

ความคิดเห็นที่ 10 แปะ แปะไม่มีลูกสาว แสดงว่ามีลูกชาย ???? จากคุณ : 18 นะไม่ใช่อายุแต่เป็นมงกุฏ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 12:51:54

ความคิดเห็นที่ 11 ขอตอบในฐานะลูกสาวนะคะ   แม่แบบคุณน่ารักมากๆค่ะ ให้ทั้งความเป็นเพื่อนและเป็นแม่ เหมือนคุณแม่ที่บ้านเลยค่ะ ถ้าเรารู้สึกว่า  ไว้วางใจ แล้วเนี่ย เรื่องต่างๆเล่าให้ฟังหมด เพราะบางที การแบกอะไรไว้คนเดียว มันหนักเหมือนกันนะคะ อย่างน้อย พ่อ แม่ เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน พอเล่าให้ พ่อ แม่ ฟัง เเละได้รับคำปรึกษาที่ดีเนี่ย เวลาจะทำอะไร คนแรกที่เราจะนึกถึง คือ พ่อ กับ แ่ม่ เพราะคือบุคคลที่อยู่ข้างเรา  รักและดูแลเราตลอด  ยิ่งเวลาที่อกหัก อยากประชดผู้ชาย ฆ่าตัวตายไรเเบบนี้ไม่มีในหัวเลยนะคะ เพราะคิดอยู่เสมอว่าครึ่งนึงของเรา คือ แม่ อีกครึ่งนึงคือพ่อ ถ้าทำไป พ่อ แม่ ต้องเสียใจ แล้ว ไอ้คนนั้น ก็ไม่มีค่าพอที่กะเก็บมาทำร้ายตัวเองให้พ่อกะแม่เสียใจ ในขณะเดียวกัน หนูเห็นครอบครัวเพื่อน พ่อ แม่ ก็คงรักลูกแหละ แต่เวลาลูกมีปัญหาอะไร ไม่เคยเชื่อลูกตัวเอง ตี และด่า ตลอด ไม่มีคำปรึกษาดีๆให้ เพื่อนหนูกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ก็สะบักสะบอมเหมือนกัน ดีนะที่เวลาอกหักมันไม่ไปติดยา และ ประชดชัวิตถึงขั้นฆ่าตัวตาย  และมันบอกว่าจะไม่ทำแบบนั้นกับลูกเด็ดขาด จากคุณ : สบายดีไหม เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 12:52:26

ความคิดเห็นที่ 12 ใช่ฮะคุงป้ามิ้ม  อั๋วมีแต่ ตัวผู้ล้วน ๆ ง่ะ  เลยสบายใจหน่อย มังจะไปสำมะเลเทเมาที่ไหน ผมก็ไม่ค่อยเป็งห่วงมันนัก  ตอนนี้โตเป็นกระบือไปหมดแล้ว หมดห่วง อิอิ จากคุณ : LODI เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 13:03:31

ความคิดเห็นที่ 13 อ่านแล้ว น้ำตาไหล พานนึกไปถึงเรื่องของตัวเอง ด้วยความที่หน้าตาไม่สวย แต่ก็ดันมีแฟนกับเค้าจนได้ เป็นรักครั้งแรก ตอนเข้ามหาวิทยาลัยปี 1 ตอนนั้นทั้งโลกแทบจะมีแต่เค้าคนเดียว พอขึ้นปี 3 ก็เลิกกันไป ด้วยเหตุผลที่ว่าเราดีเกินไป หรือจริงๆ แล้วคือเค้าเบื่อเรานั่นเอง ประกอบกับ โลกเค้ากว้างขึ้น ได้พบเจอคนใหม่ๆ จำได้ว่าวันที่โดนบอกเลิกทางโทรศัพท์ เราเดินไปเรื่อยๆ จากห้างเมโทร ไปจนถึงแยกมักกะสัน น้ำตาไม่ไหลสักหยด แล้วก็ต่อรถกลับบ้าน กลับบ้านเราก็เงียบไปเรื่อยๆๆๆ ซึมๆๆๆๆ ดึกแล้วก็ยังไม่นอน พออยู่คนเดียวกลางคืน เริ่มร้องไห้ ร้องหนักมาก ลงมาข้างล่างเจอพ่อนั่งอยู่ พ่อเรียกมากอด ปลอบเราเหมือนที่จขกท.ปลอบลูกสาวเลยค่ะ เราก็ร้องไห้ไปเรื่อยๆ เป็นชม. (ตอนนั้นตีสาม) แต่จากวันนั้น พลิกโลกเราเลย จากที่เคยเห็นแต่เค้าคนเดียว โลกของเราก็กว้างขึ้น เปิดสายตามากขึ้น มองเห็นน้ำใจเพื่อนตอนนี้ เห็นความรักของครอบครัว เห็นทุกอย่าง และรักพ่อมากขึ้นก็เพราะเหตุการณ์นี้ จนถึงเดี๋ยวนี้ ถ้าใครถามว่าสิ่งสำคัญของเราคืออะไร ตอบได้ทันที คือพ่อกับแม่ค่ะ จากคุณ : yurime เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 13:05:23

ความคิดเห็นที่ 14 ป้าเองก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์  ในการปลอบลูกเวลาอกหักด้วยซิคะ มีแต่ลูกพาเพื่อนคนที่เขาคิดว่า ใช่ มาให้รู้จัก  ..... กับลูกชายรู้สึกว่าเขารักๆเลิกๆมาหลายคนแล้ว  ไม่เห็นเขาเสียใจอะไรเท่าไหร่  หรือว่าเขาจะไม่แสดงให้ป้ารู้ก็ได้นะ ส่วนลูกสาวเขาก็พาคนที่เขาคบด้วยมาให้รู้จักเหมือนกันค่ะ....ก็ต้องดูกันไปเรื่อยๆว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าถึงวันหนึ่งถ้าหากเลิกคบกัน  ป้าก็ไม่แน่ใจนะคะว่าเขาจะมาปรึกษาป้าหรือเปล่า.... แต่ก็อยากให้เขามาบอกป้า  เหมือนกับที่ลูกของน้องมิ้มบอกน้องมิ้มเหมือนกันค่ะ จากคุณ : ป้าพัด เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 13:31:21

ความคิดเห็นที่ 15 เข้ามาอ่าน       มีลูกสาวเหมือนกัน....... จากคุณ : ว่าวปักเป้า เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 14:03:08

ความคิดเห็นที่ 16 อ่านแล้วคิดถึงพ่อกับแม่มากเลยค่ะ พี่มิ้ม T.T ตอนหนูอกหัก หนูไม่เอาอ่าวอะไรเลยค่ะ เมาหัวราน้ำกลับบ้านทุ๊กกกกวัน ตอนนั้น ไม่รู้เลยว่า พ่อแม่รู้สึกยังไง จนวันนึง หนูไปแอบได้ยินพ่อกับแม่ทะเลาะกันเรื่องหนู หนูรู้ทันทีเลยค่ะ ว่าที่ผ่านมา หนูแย่มากๆๆๆๆ ทำให้พ่อกับแม่เสียใจอย่างที่สุด หนูก็เลยคิดว่า แม่ม มันไม่รักเราช่างมันแร่ว พ่อแม่เราเนี่ยแหละ รักเราที่สุด ตั้งแต่นั้นมา หนูเปลี่ยนตัวเอง ดูแลครอบครัวมากขึ้นๆๆๆๆ จนนาทีสุดท้ายของพ่อแม่ จริงๆ ค่ะ หนูรู้สึกว่า ดีนะ ที่เราได้อกหัก ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะมากมาย ตอนหนูอกหัก แม่ไม่ถามอะไรมากเลยด้วยซ้ำ มีแต่ถามว่า กินข้าวมายัง วันนี้เป็นไง เหนื่อยมั๊ย ฯลฯ สารพัดของคำถาม ที่แสดงถึงความเป็นห่วง สมัยก่อนบ้านหนูไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ช่วงหน้าหนาว แม่หนู จะคอยดูนาฬิกาว่าหนูจะตื่นประมาณกี่โมง (แม่หนูรู้เวลามากๆๆๆๆ ค่ะ) แม่หนูจะคอยต้มน้ำร้อนรอไว้ให้ ให้หนูลงมาอาบพอดีเวลา พอคิดๆๆๆๆๆ ถึงความดีแม่นะ เรื่องผู้ชาย มันแค่ "เรื่องขี้หมา" เลยค่ะ แล้วพอหนูทำใจได้จริงๆ บังเอิญไปเห็นอัลบั้มรูปเก่าๆ เลยเปิดดู ตกใจเกือบตาย รูปคู่หนูกับแฟนเก่า ถูกฉีกทิ้งออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนที่เป็นรูปหนูยังอยู่ในอัลบั้ม ส่วนรูปแฟนเก่าหนู หายไปแล้ว!! พี่มิ้มคะ หนูเปิดอัลบั้มไป ร้องไห้ไป ไม่ใช่ร้องเพราะผู้ชายนะคะ แต่ร้องเพราะรู้แล้วว่า หัวใจแม่หนู ถูกทำลายไปพร้อมๆ กับการอกหักของหนู T.T หนูรู้ซึ้งเลยค่ะ ว่าพ่อแม่เรา รักเราแค่ไหน นั่นคือเหตุผลที่ ทำไมหนูถึงทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวให้มากที่สุด เท่าที่หนูจะทำได้ ขอบคุณการอกหักในครั้งนั้นจริงๆ ค่ะ ที่สำคัญมันทำให้หนูได้เปิดใจรับบอยเข้ามาในชีวิต แล้วหนูก็รู้ซึ้งอีกว่า เราปล่อยให้เค้ารอนานเกินไปมั๊ยเนี่ย (เกือบ ๒ ปี) ที่หนูไม่สนใจความรู้สึกของเค้าเลย และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้หนูทำทุกอย่างให้บอย อย่างดีที่สุด เท่าที่หนูจะทำได้เช่นกันค่ะ เรื่องแบบนี้ ความรักของพ่อแม่ สำคัญมากๆๆๆๆ ค่ะ กำลังใจจากครอบครัว ก็สำคัญไม่แพ้กันเลยจริงๆ ค่ะ ตอบกระทู้ ถ้าลูกมาบอกว่า แม่ขา หนูอกหัก... ในฐานะของลูก หนูอยากได้กอดแน่นๆ จากพ่อแม่ค่ะ หนูอยากได้กำลังใจจากพ่อแม่ค่ะ T.T ปล.๒ คนนี้แหละค่ะ ที่รักหนูที่สุดในโลก (พิมพ์ไปน้ำตาไหลเลยอะ ฮือๆๆๆๆๆๆ) จากคุณ : ~~ LucKy_RiN ลัล..ล้า..~~ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 14:04:53

ความคิดเห็นที่ 17 ไล่มันไปเตะบอล จากคุณ : เจ๊ก in the city เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 14:17:40 A:110.168.214.25 X: TicketID:353828

ความคิดเห็นที่ 18 อยากมีแม่แบบ จขกท จัง ตอนวัยรุ่นไม่ค่อยสนิทกับแม่เลยอ่ะ จนทุกวันนี้ไม่ค่อยเล่าไรให้แม่ฟังเลย แม่ก็ไม่ค่อยถามไร โทรหาแม่ก็นานที คุยกันไม่กี่ประโยคแล้วก็วาง จากคุณ : รักแม่แต่ไม่แสดงออก (ลานีญ่า) เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 14:32:11

ความคิดเห็นที่ 19 อ่านไป น้ำตาไหลเลยคะ อยากให้แม่ เรามากอดแบบนี้บ้างในวันที่ เราทุกข์ใจ แม่เรา รับรู้นะว่าเรา เลิกกับแฟน แต่แม่เรา เลือกวิธีที่ไม่คุยกับเรา ไม่โทรหาเรา เราก็ไม่เข้าใจแม่เหมือนกันว่าทำไม แต่คิดว่า แม่คงไม่อยากโทรมา เพราะแม่คิดว่าตัวเองก็คือปัญหา ไม่อยากโทรให้เราทุกข์ใจเพิ่ม แต่จริงแล้วเราอยากได้ยินเสียงแม่ปลอบใจเรา แต่ชั่งเถอะ เราพยายามไม่คิดมากคะ อิจฉาลูกของคุณจังเลยนะคะ ที่มีแม่ในแบบฉบับของคุณ จากคุณ : jeeban_2 เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 14:36:51

ความคิดเห็นที่ 20 ตอนเริ่มเป็นวัยรุ่น แม่บอกว่ามีแฟนไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ถ้ามีแฟนต้องช่วยกันเรียนช่วยกันดูแลเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน...รู้สึกดีที่แม่เข้าใจอ่ะค่ะ ตอนนี้ลูกสาวจะห้าขวบแล้ว ถามลูกตลอดว่ามีแฟนรึยัง...ไม่เร็วไปใช่มั้ยคะ 555 พอลูกโตอยากให้เค้าพูดคุยบอกเราทุกเรื่องอ่ะค่ะ ก็เลยพยายามฝังหัวตั้งแต่ตอนนี้ ทุกวันนี้สะกดจิตลูกทุกวัน...คุยกับพ่อแม่สนุกที่สุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆ เชื่อว่าความรักของพ่อแม่เป็นเกราะที่ดีที่สุดสำหรับลูกค่ะ ปล.คห.16 คะ...ขี้แยอีกแล้วนะคะ เข้มแข็งนะตะเอง พ่อกับแม่จะได้ไม่เป็นห่วงลูกสาวคนนี้ น๊ะ...ม่ะ กอดกันหน่อยเร็ว ^o^ แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 14:40:18 จากคุณ : I'll be there for you. เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 14:39:35

ความคิดเห็นที่ 21 เก่งอ่านกระทู้นี้แล้วกำลังร้องไห้ค่ะ อยากให้แม่เข้าใจแบบนี้บ้างค่ะ ทุกวันนี้แม่ก็เหมือนไม่เข้าใจเรา คิดอะไรของเค้าก็ไม่รู้ เหมือนๆกับที่ผ่านมา ตลอดเวลาเวลามีปัญหาเรื่องแฟนหรืออะไรพวกนี้ ร้องไห้กับเพื่อนสนิท คนเดียวเท่านั้นค่ะ แม่ไม่รู้เลยว่า เรามีแฟนตอนไหน เจอกันยังไง คบกันยังไง หรือมีปัญหาอะไร ไม่ใช่เก่งไม่กล้าบอกนะคะ แต่พื้นฐานครอบครัวเก่งเค้าจะเน้นเรื่องเรียน และญาติหลายคนมีแฟนแล้วการเรียนเสีย เค้าก็จะกลัวมาก แต่ตลอดเวลาที่มีแฟน หรือแม้กระทั่งมีปัญหา การเรียนก็ไม่เคยตก เค้าเลยไม่รู้ ถ้าเอาไปปรึกษาเค้าก็จะบอกว่า เค้าอยากให้ตั้งใจเรียนมากกว่า เก่งเจอแบบนั้นแล้ว สาบานกับตัวเองเลยค่ะว่า จะไม่เป็นแม่แบบนั้นเด็ดขาด เก่งก็เข้าใจว่าเค้าห่วงเรา หลายๆเรื่องเค้าก็สอนนะคะการป้องกันยังไง เพศศึกษาเค้าก็สอนเรา แต่พอมีแฟนจริงๆเค้าก็จะโน่นนี่นั่นเยอะมาก เก่งแค่อยากให้แม่ เป็นแม่ที่เก่งมีปัญหาแล้วคุยกับแกได้ ไม่ต้องปลอบก็ได้ แค่รับฟังแล้วกอดเราไว้ แค่นี้เอง น่าอิจฉาลูกสาวพี่มิ้มค่ะที่มีแม่ที่เข้าใจแบบนี้ จากคุณ : kangkakangka เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 14:58:42

ความคิดเห็นที่ 22 เราก็รู้นะคะว่าแม่รัก แม่ห่วง แต่แม่บางคนก็แสดงออกไม่เป็นมั้ง ตอนเราเลิกกับแฟน...เพราะไม่ยอมให้มันฟัน ตอนนั้นเราเศร้ามาก แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้เพราะมันยังตื้อๆไปหมด คืนนั้นอยากนอนกับแม่ อยากให้แม่กอด เราก็แค่ซึมๆ กินข้าวไม่ลง ไปขอนอนด้วย  เจอแม่ถามกลับมาคำเดียวที่ทำเราร้องไห้ทั้งคืน แม่ถามว่า  แค่เลิกกับผู้ชาย ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ มีอะไรกับมันแล้วหรือไงถึงต้องจะเป็นจะตายขนาดนี้ สรุปคืนนั้นหอบหมอนกลับไปนอนห้องตัวเอง แล้วก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องอะไรแบบนี้กับแม่อีกเลย ลูกสาวคุณน้าโชคดีมากๆ คำพูดของคนเป็นพ่อแม่มีความหมายและละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของลูกมากจริงๆนะคะ ทุกวันนี้ก็รุ้ค่ะว่าแม่รัก  แต่มันก็เหมือนมีกำแพงกั้นอยู่  ที่ทำให้เปิดใจคุยอะไรลึกๆกันไม่ได้อีก ปกติแล้วเป็นคนไม่มีความลับอะไรกับพ่อแม่เลย  แต่จากคำพูดนั้น รู้สึกว่า...เรื่องบางเรื่อง...พูดไปก็เท่านั้น... รู้สึกว่าแม่ไม่เคยรู้จักลูกสาวตัวเองเลย จากคุณ : ยืมแม่มาเล่น (ยืมแม่มาเล่น) เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 15:20:42

ความคิดเห็นที่ 23 ---มีลูกสาวเหมือนกัน...ของผมมีเรื่องให้ปวดหัวกับมันบ่อยๆ...พักหลังๆ เริ่มปล่อยวางแล้วครับ..สุดแต่บุญกรรม จากคุณ : กำนันเปล่ง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 15:21:54

ความคิดเห็นที่ 24 คุณยืมแม่มาเล่น...เยี่ยมมากจ้า! เลิกกับแฟนเพราะไม่ยอมให้มันฟัน... เป็นเหตุผลในการเลิกกับผู้ชายเห็นแก่ตัวที่เท่ห์มั่กมาก...ซู้ดหยอดดด แม่บางคนอาจจะพูดหวานไม่เป็นมั้งคะ ที่แม่บอกว่า... "แค่เลิกกับผู้ชาย ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ มีอะไรกับมันแล้วหรือไงถึงต้องจะเป็นจะตายขนาดนี้" แม่คงอยากให้ลูกสาวเข้มแข็งเหมือนแม่รึเปล่าคะ...ยายอาจจะเลี้ยงแม่มาแบบนี้รึเปล่า ผู้ใหญ่น่าจะมองออกนะคะ ว่าคุณไม่ทำอะไรแบบนั้นแน่... คงจะไม่อยากเห็นลูกสาวไปเสียน้ำตาให้ผู้ชายงี่เง่าอ่ะค่ะ เลี้ยงมาเองกับมือเช็ดอึเช็ดฉี่มาตั้งแต่แบเบาะเนอะ ต้องรู้จักลูกตัวเองดีที่สุดอยู่แล้วค่ะ แค่วิธีการแสดงออกบางครั้ง ปากอาจจะตรงข้ามกับใจก็ได้เนอะ แม่ทุกคนต้องรักแล้วก็หวังดีกับลูกอยู่แล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแม่คุณเก่งหรือแม่คุณยืมแม่มาเล่น จริงๆอาจจะอยากกอดลูกสาวแน่นๆ แต่ก็ไม่ได้ทำอย่างที่คิด อาจจะเป็นเพราะไม่อยากโอ๋ลูกอยากให้ลูกเข้มแข็งในแบบของเค้าอ่ะค่ะ ที่แน่ๆคุณน่ารักมากที่รักตัวเองมากพอที่จะไม่ยอมให้ผู้ชายงี่เง่าเห็นแก่ตัวแบบนั้น มีลูกแบบนี้แม่ภูมิใจตายเลย ^o^ จากคุณ : I'll be there for you. เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 16:10:28

ความคิดเห็นที่ 25  เข้ามาดู..ไม่มีลูกสาวเหมือนอาแปะ..LODI.. จากคุณ : ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 16:11:49

ความคิดเห็นที่ 26 คห.22  เราเคยเจอสาเหตุที่เลิกกะแฟนเหมือนกะคุณเลยค่ะ ตอนนั้นเรานอนร้องไห้ ไม่กินข้าว แม่เดินเข้ามาพูดว่า "คนเราถ้าคู่กันแล้วไม่แคล้วกันหรอก ขนาดบางคนบ้านอยู่ในป่า ในสวน ยังมาพบรักกับคนในเมือง หรือบางคนก็ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเจอกัน แสดงว่าเค้าเป็นคู่กัน อยากจะร้องก็ร้องไป แต่ให้คิดซะว่าเค้าไม่ใช่เนื้อคู่เรา" เราฟังแค่นั้นเราก็ทำใจเลยค่ะ พยายามรับความจริงให้ได้ ไม่ทำอะไรตอกย้ำตัวเอง หลังจากนั้น 3 วัน ก็กลับมาเหมือนเดิมแม้ลึกๆ จะยังเหงาๆ เศร้าๆ ไปบ้าง แต่ก็อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ จากคุณ : ก๋วยจั๊บกับแมวน้อย เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 17:10:13

ความคิดเห็นที่ 27 เข้ามาอ่าน และบอกว่า คุณเป็นแม่ที่ดีจังครับ จากคุณ : Redrum เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 17:49:39

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่มีลุกสาว ไม่มีลูกชาย ไม่เคยอกหัก ลุงอกหักกับกิ๊กมาก็ไม่กล้าบอกป้าก็เลย ไม่รู้จะปลอบใครดี แต่คุณมิ๊มสอยกิ๊ฟแรกของป้าเดือนนี่ไปซะแร้นนน จากคุณ : ป้าลายคราม เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 18:55:47

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านแล้วคิดถึงตอนตัวเองอกหักเลยค่ะ 10กว่าปีมาแล้ว  หนูอกหักแต่เป็นหักแบบเลวร้ายมากๆ เพราะหนูทำผิดคำสอนของแม่ ด้วยค่ะ  พออกหักมา ถึงมาคิดถึงความรู้สึกแม่ ว่าท่านจะเสียใจมากกว่าหนู แค่ใหน เลยไม่กล้าบอกแม่ แต่คุยกับพี่ชาย  พี่ชายคง แอบไปบอกแม่  แต่แม่ไม่เคยถาม จนหนูกลับบ้าน ที่ตจว. (แอบไปเลียแผลล่ะค่ะ) แม่ก็ไม่ถาม หนูยิ่งรู้สึกผิด ไปใหญ่ สุดท้ายวันนั้นจำติดตาค่ะ  หนูไปทุ่งกับแม่ 2คน คุยๆกันไปเรื่องทั่วไป พอนั่งพักแม่เงียบ แล้วพูดขึ้นมา ว่า หนูอยากร้องไห้ไหมลูก  ร้องเหอะ แม่ไม่ว่าหรอก.. แล้วหนูก็ร้องไห้จริงๆ แม่ก็กอดหนู (พิมพ์ไปน้ำตาไหลไปค่ะ) แล้วแม่ก็บอกว่า ไม่มีใครไม่เคยผิดหวังและทำผิดหรอกลูก ชีวิตเรายังต้องเดินต่อ  ถ้าหนูหายเหนื่อยแล้วก็สู้ต่อไป แม่ขออย่างเดียว สิ่งที่ผิดเอามาเป็นครูและบทเรียน วันหน้าอย่าทำผิดซ้ำ2 สิ่งที่เราเสียไป ไม่ใช่จะปล่อยไป ตามนั้น  อย่าทำตัวไร้ค่า อย่าทำอะไรประชดชีวิต หนูซึ้งมากๆ เพราะก่อนหน้านั้นแม่จะสอนให้หนูอย่าทำ อะไรแย่ๆ แต่พอหนูพลาดพลั้งทำไป แม่ก็มีคำปลอบ โยนที่ หนูรู้สึกว่าหนูโชคดีที่สุดที่เป็นลูกแม่ค่ะ ก่อนนั้นไม่กล้าบอกแม่เพราะคิดว่า แม่คงจะด่าว่าหนู อย่างหนักแน่ๆเลยค่ะ แต่สุดท้ายไม่มีใครรักและให้อภัย เราได้เสมอ เหมือนพ่อกับแม่เราจริงๆนะคะ เรื่องของหนู อาจจะไม่เหมือน เรื่องอกหักเล็กๆของ ลูกสาว จขกท นะคะ  แต่หนูอยากบอกว่า แม่ทุกคนรัก และห่วงลูกในทุกๆเรื่องจริงๆนะคะ ขอบคุณ จขกท ที่ทำให้หนูคิดถึงวันๆนั้น วันที่แม่คนนี้.... ปลอบใจ และทำให้หนูมีวันที่เข้มแข็งและสมบูรณ์ถึงวันนี้ค่ะ       จากคุณ : สาวถุงกาแฟ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 19:08:29

ความคิดเห็นที่ 30 ขอเล่าบ้างค่ะ เรื่องเกิดขึ้นนานมากแล้ว แต่ไม่ใช่เรื่องอกหัก เป็นปัญหาในที่ทำงานกับเจ้านาย เค้าบังคับให้เซ็นเอกสารที่ไม่ถูกต้องเราไม่ยอมเซ็นเค้าก็ขู่ต่างๆ นาๆ ตอนนั้นเรายังเด็ก ก็กลัวแล้วก็เครียด วันนั้นเป็นวันเสาร์ เราตื่นนอนแล้วไม่ลงไปข้างล่างสักที นอนคิดนั่นคิดนี่เครียดมาก แม่เลยขึ้นมาดู  พอเห็นหน้าเครียดๆ เค้าก็ตกใจถามว่าเป็นอะไร จากที่เครียดๆ เราปล่อยโฮเลย แม่กอดเราไว้แน่น พอเราเลิกร้องไห้เลยเล่าให้แม่ฟัง แม่เราบอกคำเดียว  ลาออกเลยลูก   ทั้งๆที่ปกติแล้วแม่เราจะพร่ำสอนถึงคุณค่าของการทำงาน สอนให้ไปทำงานแต่เช้า แล้วก็ขยันขันแข็ง เรารู้ซึ้งถึงความรักของแม่เลย รู้ว่าคนที่จะอยู่เคียงข้างเราเมื่อเกิดทุกข์ที่สุดก็คือพ่อกับแม่นี่แหละค่ะ ส่วนเรื่องงานก็ไม่ได้ลาออกหรอกค่ะ ขอย้ายไปทำที่อื่น ก็จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งไป จากคุณ : koy_orca เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 19:19:43

ความคิดเห็นที่ 31 ก็จะบอกลูกว่า ชีวิตหนู จะมีคนเข้ามา หรือจากไป อีกหลายคน ไม่ว่า จะสุขหรือเศร้า หนูมั่นใจได้ว่า  จะมีคนคนหนึ่งอยู่ข้าง ๆ หนูไปตลอด เพราะรักแม่ คือรักแท้ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง จากคุณ : แม่น้องหยง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 19:21:03

ความคิดเห็นที่ 32 หรือว่าเราอาจจะชดเชย สิ่งที่เราอยากได้ในวัยเด็ก เราอยากได้ แม่ที่เข้าใจเรา เราอยากได้แม่ที่ไม่ขี้บ่น ไม่ด่า เราอยากได้แม่ที่พูดเพราะๆ เราอยากให้พ่อกับแม่พาไปเที่ยว แต่สิ่งที่พูดมาทั้งหมดเราไม่เคยได้ พอเรามีลูกเอง เราจึงมอบสิ่งที่เราอยากได้ทั้งหมดให้กับเค้า จากคุณ : 18 นะไม่ใช่อายุแต่เป็นมงกุฏ ............................................................................................. ประโยคนี้เหมือนใจเราเลยค่ะคุณมิ้ม  แต่ที่ไม่ได้รับเพราะแม่ต้องทำมาหากินหมดเวลา กับการค้าขายที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวสี่คน  เราเข้าใจแม่... พอมีลูกและโชคดีที่ได้เป็นแม่บ้าน  ทุกสิ่งทุกอย่างจึงทุ่มเทให้ลูกหมดใจ เรื่องแบบนี้ ก็เคยเกิดกับลูกเราแต่เป็นป๊อบปี้เลฟ  โห!! ตอนเห็นลูกนั่งร้องไห้ แม่ก็น้ำตาตกในแล้ว ก็ค่อยๆปลอบและถามสาเหตุ นั่งกอดลูกตลอดเวลา  ลูกก็เล่าให้ฟังหมด (เราเหมือนกัน อีกแล้ว.. ลูกไม่เคยปิดบัง) นั่งคุยแบบแม่ผสมเพื่อนไปในตัว   ตอนนี้ลูกสาวอยู่ม.ปลาย รู้สึกว่าเรื่องรักๆลูกจะเข้มแข็งขึ้น เพราะเราจะคอยคุยให้มันเป็น เรื่องที่ไม่สำคัญที่สุดในชีวิต   เรื่องเรียนคืออนาคตของลูกต้องมาเป็นอันดับ1 จากคุณ : ความรักมาทักทายแล้วหายไป เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 19:30:13

ความคิดเห็นที่ 33 ยุคนี้ส่วนใหญ่เด็กมีแฟนกันตั้งแต่เรียนมัธยมกันแล้ว แต่ไม่ค่อยบอกให้พ่อแม่รู้ เวลาจะบอกคือเวลาที่เกิดปัญหาหนัก เช่น อกหัก หรือตั้งท้อง หรือไม่ก็ โดนตบสั่งสอนถ่ายคลิป เรื่องแย่งแฟนกัน มีให้เห็นในข่าวกันประจำ ไม่รู้ว่าทำไม ผมก็ไม่เข้าใจ ใครมีพ่อแม่อยู่ใกล้ ยามมีปัญหา ส่วนใหญ่น่าจะได้รับสิ่งดี ๆ กันทั้งนั้น ยกเว้นบางคนอาจจะโดนด่า หนักกว่าเดิมอีก อันนี้ก็ตามแต่ละคน คงมีแตกต่างกันไปบ้าง ตามดวงละกัน ขอตอบคำถามว่า ถ้ามีลูกสาว บอกเราว่าเค้าอกหัก เราจะตอบว่าอย่างไร "ลูกอกหักมากี่ครั้งแล้ว นี่คือครั้งแรกใช่หรือเปล่า เป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ เพราะพ่อ อกหักมาเป็นสิบ ๆ ครั้ง ในภาวะที่กำลังเรียนอยู่ เพื่อนมีแฟนกันเป็นคู่ ๆ พ่อต้องเดินคนเดียว มาโดยตลอด อกหักเป็นประสบการณ์ ที่สำคัญมากในชีวิต ทุกคนควรจะเคยอกหัก คนที่ไม่เคยอกหักเนี่ย น่าสงสารเวทนามาก ๆ เพราะชีวิต คงมัวแต่ Perfect มัวแต่สมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง เมื่อใดสะดุดกับคำว่าอกหักตอนหลัง คนเหล่านี้แทบจะฆ่าตัวตายหมดทุกคน เหมือนคนไม่เคยหกล้มทั้งชีวิต เมื่อไหร่ล้ม ก็รู้สึกแย่ที่สุด แต่ถ้าเราอกหักไปแล้ว คราวหน้าจะอกหักอีก เราก็รับมือกับมันได้สบายขึ้น ยามอกหักในยุคนั้น ดีที่ยังมีเพื่อน ๆ คอยพูดคุยสนุกสนาน คอยปลอบใจ เมื่อไหร่พ่ออกหัก เพื่อน ๆ จะพากันไปกินพิซซ่า แล้วก็เล่าเรื่องกันในร้านพิซซ่า เป็นที่สนุกสนานของ เพื่อน ๆ และเป็นประเพณีที่ดี เพื่อน ๆ ได้ขำ ได้ฮา ได้ปลอบใจ เพื่อนช่วยเราได้ในยามเราลำบากใจ อย่างใครหลายคนมีแฟนแล้วทิ้งเพื่อนหมด เมื่อไหร่เลิกกับแฟน เพื่อนก็ไม่มีให้ปลอบใจ แบบนี้ใช้ชีวิตเสี่ยงมาก ๆ ลูกอย่าลืมหา เพื่อนที่สนิท เพื่อนที่ดี ๆ ไว้ใกล้ ๆ ตัวบ้างนะ เผื่อจะได้กินพิซซ่าแบบพ่อบ้าง อกหักเหมือนหกล้ม พ่อหกล้มมามากมาย แต่ก็ลุกขึ้นได้ทุกครั้ง เพราะถ้าไม่ลุกขึ้นใหม่ พ่อคงไม่ได้แต่งงานกับแม่เรา และไม่มีเราเกิดขึ้ันมาด้วย เราเป็นลูกของพ่อ เมื่อล้มแล้ว ก็ต้องลุกได้เหมือนกัน ความสามารถนี้ส่งผ่าน DNA ไปให้เราทั้งหมดแล้ว เพียงแต่ เราคิดจะใช้ความสามารถนี้หรือเปล่าเท่านั้น พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่าหล่ะ พ่อจะได้นัดแม่กับเรา ไปกินพิซซ่ากัน..." จากคุณ : เต่าน้อย/taonoi_@hotmail.com (เต่าน้อย) เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 19:56:11

ความคิดเห็นที่ 34 แต่ก่อน พอมีคนมาชอบ แม่ก็จะเตือนเสมอว่า คบกันเป็นเพื่อนไปก่อน อาจจะรู้สึกพิเศษมากกว่าเพื่อนได้ แม่ไม่ว่า พามาบ้านได้ ตอนพ่อแม่อยู่ แต่ อย่าให้เกินเลย ตอนนั้น เราก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก ว่าทำไม แม่พูดอย่างงั้น คิดว่าเพื่อนๆก็ มีแฟนได้ ไม่เห็นเป็นไร พอต่อมา จนเรียนมหาลัย ก็เริ่มเข้าใจคำพูดแม่ ประกอบกับก็ช่วงนั้นไม่มีแฟน เพราะอยู่คนเดียวก็สบายใจ และไม่ต้องรีบหา เพราะถ้าไม่ใช่ ก็ปวดใจอยู่ดี อยู่มาเรื่อยๆ เจอคนที่ ตอนนี้คิดว่าใช่ละ เราเองก็เรียน จบ ละ แม่ก็คอยถามอยู่ ทุกครั้งที่เจอ เมื่อไรจะแต่ง เดี๋ยว สามสิบ แล้วจะลำบาก(หมายถึงเวลามีลูกน่ะคะ)  เราก็ยัง อยากลั่นล้า ขอเป็นแฟนกันอยู่ยังงี้ก่อนสักพักละกัน พอมานั่งนึกๆ พอตอนเราอยากมีแฟน แม่ก็ยังไม่อยากให้มี แต่ตอนนี้แม่อยากให้มีสามี เรายังไม่อยากรีบมี ซะงั้น ตลก ดีเหมือนกันคะ ^^ แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 20:15:23 จากคุณ : kanie22 เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 20:13:45

ความคิดเห็นที่ 35 :'] จากคุณ : rakwahnron เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 20:44:29

ความคิดเห็นที่ 36 นึกถึงแม่เราเลยค่ะ แม่เราพอรู้ว่าเราผิดหวังกับความรัก แม่เราเสียใจกว่าเราอีก แม่บอกว่าจะไม่ถามอีกแล้ว สงสารเรา กลัวเราสะเทือนใจ แค่ฟังแม่พูด ก็รู้สึกว่าไม่มีใครดูแลหัวใจเราได้ดีเท่าแม่อีกแล้ว T_T จากคุณ : Alex on the rock เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 21:10:01

ความคิดเห็นที่ 37 ตอนเรียนประมาณปี2ถ้าเราบอกแม่เราอย่างนี้ "แม่คะ หนูอกหัก" แม่เราจะด่าๆๆๆๆๆเลยค่ะ และก็ห้ามคบผู้ชายเด็ดขาด ห้ามเป็นเพื่อนด้วย ห้ามคุยห้ามชอบห้ามมอง ถ้ารู้ว่ามี แม่จะให้เลิกเรียนเลยค่ะ เพื่อนผู้หญิงเราทุกคนก็กลัวแม่เราหมดเลยค่ะ แม่ให้เราคบแต่คนเรียบร้อย และขยันเรียนเท่านั้น คนไหนมีแฟน แม่เราไม่ให้คบเด็ดขาด เพื่อนผู้หญิงถ้าเรียนเก่งแต่ชอบแต่งตัว นุ่งกางเกงขาสั้นแม่เราก็ห้ามคบค่ะ ถ้าเรามีปัญหาอะไรในชีวิตบอกแม่ไม่ได้เลยนะคะ เดี๋ยวเจอเฆี่ยนหลังลาย จากคุณ : . (gwyndapooh) เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 21:36:58

ความคิดเห็นที่ 38 เพี้ยง....ลูกสาวผมเมื่อโตขึ้นมีแฟน... ขอลูกจงบอกพ่อหรือแม่อย่างนี้ด้วยเถอะ.... ไม่มีปัญหาใด...ที่พ่อแก้ไขให้ลูกไม่ได้.... ผมคิดว่า..ก่อนที่ลูกผมจะมีแฟน... ผมและแม่เขาคงได้พูดเรื่องการมีแฟน การอกหักที่อาจเกิดขึ้นได้ และวิธีการที่จะใช้ชีวิตในภาวะนั้นๆ ไปแล้วบางส่วน... หากลูกมาบอกผมว่าเขาอกหัก....ผมก็ต่อยอดในสิ่งที่เคยพูดกับเขาไว้... ผมเชื่อว่าโอกาสที่ลูกจะเชื่อผมมีมาก...เพราะผมเคยพูดไว้แล้ว....และเป็นเรื่อง ที่อาจขึ้นได้จริง...และเกิดกับเขาแล้ว... แต่...คงอีกนาน...ลูกสาวผม...๗ ขวบต้นๆ.... นอกจากเขาบอกว่าอยากเป็นแฟนกับณเดช...เอิ๊กๆๆๆ จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 21:51:00

ความคิดเห็นที่ 39 ผมขอโวตให้เป็นกระทู้แนะนำ  ขอชื่นชม ความเป็นแม่ ของ จขกท จากคุณ : ไกลบ้าน (darkest) เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 22:14:10

ความคิดเห็นที่ 40 อ่านแล้วแบบว่า 2 อารมณ์ค่ะ คิดถึงตัวเอง เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว อกหัก ครั้งแรก (แต่หักอกเขามาหลายครั้งแล้ว) ไม่รู้ทำไง คุยกับเพื่อนก็ไม่ได้ อาย เพราะเคยแต่ไปหักอกชาวบ้าน แต่มันเศร้าใจ เสียเซลฟ์ สับสน ว้าวุ่น คิดถึงแม่จับใจ ขับรถไปหาแม่ตอนตีสอง บอก "หนูอยากไปเที่ยวทะเล" :-)ัวเงียๆ แพ็คกระเป๋า เผื่อเราด้วย นั่งรถไปด้วยกัน เราไม่พูดสักคำ ปกติพูดจนลิงหลับ หึหึ ตระเวนหาที่พัก ตีสี่ส่งแม่เข้านอน เรานั่งถอนหายใจ ร้องไห้เงียบๆ อยู่ระเบียงห้องพัก เช้า 10 โมงแม่ปลุกมากินข้าว มองหน้าเรา แล้วแม่ทำหน้าจ๋อยๆ คือแม่อยากถาม อยากรู้ แต่ไม่กล้า คงกลัวแทงใจดำลูก เราอยากเล่าอยากบอก แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นเล่ายังไง กลัวทำแม่เสียใจ และตัวเองก็งงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม่พูดขึ้นมาแค่ว่า "ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม่เชื่อว่าลูกแม่จะผ่านมันไปได้ แม่เลี้ยงหนูมา แม่รู้จักหนูดี" แค่นั้นแหละ บ่อน้ำตาแตก ไหลทะลักอย่างกะน้ำป่าไหลหลาก เล่าหมด แม้จะวกวนบ้าง แต่สบายใจขึ้นเยอะ เยอะมาก จากนั้นก็กลับกรุงเทพฯ วันนี้ย้อนคิด ตูพาแม่ไปลำบากทำไมว้าาาาาา อารมณ์อยากชิลริมทะเล มีใครสักคนที่รู้ว่ารักเราอยู่ใกล้นั่นเอง   เลือกถูกคน เลือกแม่เสมอ ตอนนี้มีลูกสาว ย่างห้าขวบ คุณเอ๋ยยยยยย ทุกสิ่งอย่างคือความหวาดผวาเลยนะ เชื่อมะ มีอะไรที่กังวล หวาดหวั่น ก็ยังกลับไปหาแม่ทุกที  แม่อาจให้คำตอบไม่ได้ทุกเรื่อง แต่แม่ให้กำลัง ให้คำปลอบโยนและความรักทุกครั้ง มากเท่าที่ใจอยากได้เสมอมา ทุกวันนี้ คิดแค่ว่าจะเป็นแม่ยังไง ให้ได้เหมือน "แม่" จากคุณ : มิ้ว ณ ชมวิว เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 23:12:36

ความคิดเห็นที่ 41 อ่านเรื่องที่จขกท.เล่าและหลายๆคอมเม้นแล้วน้ำตาไหลเลยค่ะ เราก็เคยอกหัก ช่วงนั้นเรบกลับบ้านทุกอาทิตย์เลย เราทำงาน กทม บ้านไม่ไกลกทม เท่าไหร่ ปรกติแม่จะนอนชั้นล่าง มีคืนหนึ่งแม่ขึ้นมานอนคุยกับเราบนห้อง แม่ก็คุยเรื่องทำงานเรื่องอื่นๆไปเรื่อย ไม่ได้ถามตรงๆแต่เรารู้สึกได้เลยว่าแม่รู้ว่าเราอกหัก เราได้แต่นอนน้ำตาคลอใกล้ๆแม่ไม่กล้าร้องไห้ แต่เรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่าแม่รักและเป็นห่วงเรามากๆ จากคุณ : by iPhone (devilloveangle) เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 23:47:39

ความคิดเห็นที่ 42 อ่านแล้วยิ้มตามเลยค่ะ คุณป้ามิ้มเป็นคุณแม่ที่ทันสมัยมาก จากคุณ : มันกลมจนต้องกลิ้ง เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 07:34:21

ความคิดเห็นที่ 43 อ่านแล้วคิดถึงคุณแม่เลยค่ะ คุณแม่เราก็เหมือน จขกท ที่เป็นทั้งแม่ ทั้งเพื่อน ให้คำแนะนำแต่ไม่บังคับ ไม่ขีดเส้นทางเดิน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวเอง ผลออกมาร้ายหรือดี ก็ต้องรับให้ได้ แต่วันไหนมีทุกข์ จะมีพ่อและแม่อยู่เคียงข้างเสมอ ด้วยความที่เป็นลูกคนโตจึงไม่ได้อ้อนคุณแม่มากมาย แต่ก็คุยกันได้ ปรึกษาได้ทุกเรื่อง ไม่ปิดบัง ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรก็จะคุยกับคุณแม่เสมอ เลยทำให้ติดนิสัยของกลับบ้านต่างจังหวัดบ่อยๆ เพราะแค่อยู่ในอาณาเขตของคำว่าครอบครัว แค่นี้ไม่ต้องเอ่ยอะไรออกมามากมาย กำลังใจก็กลับมาเต็ม พร้อมที่จะเผชิญกับชีวิตในเมืองกรุงต่อแล้วค่ะ จากคุณ : soulchan เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 10:15:43

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณมาก คับ ที่ทำให้คิดได้ อีกครั้ง ผมเคยอกหัก มีพ่อกับเเม่เเหละ ผมกำลังจะฆ่าตัวตาย โทรไปหาเเม่ เเม่บอกกลับมาลูกๆๆ พ่อจากทำกับข้าวไม่เป็น พ่อทำกับข้าวให้กินเรานั่งคุยกัน ผมยังจำภาพนั้นติดตา ทำไมผมไม่คิดถึงเขา เเต่ไปเเคร์คนอื่นทำไม ผมจะเข้มเเข็งทุกครั้งที่คิดถึงเขา สองคน รักพ่อเเม่คับ จากคุณ : กรรมดี เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 11:16:16

ความคิดเห็นที่ 45 แม่เราเคยพูดกับเราว่า มีแฟนให้บอก เพราะถึงไม่บอกก็ไปแอบคบกันอยู่ดี อย่างน้อยทำอะไรก็ยังอยู่ในสายตา แฟนเราบางคนแม่ก็ไม่ชอบหรอกค่ะแต่ก็ไม่พูดอะไร จนวันที่เลิกรากันไปแล้วนี่แหละ ถึงจะมาบอก เพราะเค้าไม่อยากให้เราลำบากใจ รู้สึกสบายใจมากเลยค่ะ เพราะทำอะไรก็ไม่เคยต้องปิดบังแม่ จากคุณ : ผู้หญิงธรรมดา เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 12:12:13

ความคิดเห็นที่ 46 อ่านไว้ๆ จะได้จำไปใช้มั่ง (เผื่อจะมีโอกาสนะฮัฟ) จากคุณ : ล็อกอินนี้นิสัยดีแต่ปากเสีย เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 13:30:31

ความคิดเห็นที่ 47 .....ตอนที่เราอกหัก......ตอนนั้นแม่ (จริง ๆ เป็นยายแต่เราเรียกยายว่าแม่) ป่วยเข้า รพ.เนื่องจากช็อค ที่ลุงซึ่งเป็นลูกชายเสียชีวิต ตอนนั้นแม่จำใครไม่ได้เลย  แม้แต่เรากับน้องที่แม่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก แต่ช่วงหนึ่งตอนที่เราขอตัวกลับบ้าน......แม่ก็เรียกเราเข้ามากอด (ทั้ง ๆ ที่จำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อเรา).....แล้วพูดกับเราว่า....... "ไม่เป็นไรนะลูก......ใครไม่รักแม่รัก".......... เท่านั้นแหละ......ทั้งเราทั้งน้อง...ร้องไห้โฮเลย...... ไม่อยากจะเชื่อ แม่จำใครไม่ได้ แต่แม่กลับจำเรื่องของเราได้ขนาดนี้....... นี่แหละความรักของแม่ (ยาย) เราเอง....... จากคุณ : ...I'm ลั้นลา... (~AcareMom~) เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 14:27:53

ความคิดเห็นที่ 48 เอิ่มมม  กลับมาอ่านเจอคห. 24 แล้วละอายใจ มันไม่เท่ห์อะไรหรอกค่ะ  เราไม่ได้เป็นคนบอกเลิก แต่เราถูกทิ้ง   แล้วหลังจากเลิกกันครั้งนั้น  เราไปเรียนต่อ เราก็ไม่ได้ทำตัวดีเท่าไหร่ อืมม เขียนอะไรไปเยอะแยะ แต่เปลี่ยนใจดีกว่า ไม่อยากเอาเรื่องตัวเองมาขาย แล้วมันก็คงเสียมารยาทกับจขกท. มาโพสต์แต่เรื่องตัวเองซะงั้น สรุปเอาเป็นว่า...รู้ดีค่ะว่าแม่ทุกคนรักลูก แต่อยากบอกคนที่เป็นแม่หรือกำลังจะเป็นแม่ว่า เวลาโมโหหรือจะด่าว่าสอนอะไรลูก อย่าเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งเลยค่ะ คำพูดจากปากพ่อแม่ เป็นได้ทั้งพรและคำสาปแช่งสำหรับคนเป็นลูกน่ะค่ะ ยิ่งเด็กวัยรุ่นด้วยแล้ว  มันฝังจิตฝังใจและเป็นปมในใจเค้าไปอีกนานเลยทีเดียว จากคุณ : ยืมแม่มาเล่น (ยืมแม่มาเล่น) เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 14:53:05

ความคิดเห็นที่ 49 ไครไม่รัก....    พ่อรัก เครดิต  เคยอ่านในพันทิปนี้แหละ จากคุณ : takatin เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 18:34:38

ความคิดเห็นที่ 50 การแสดงออกของแต่ละบ้านคงต่างกันไปนะคะ ที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ว่า ลูกจะรับสาร ความรู้สึก และความห่วงใยปรารถนาดีจากพ่อแม่ได้แค่ไหน อ่านแล้วคิดถึงตัวเอง ตอนนั้นเราอายุ 24 มีแฟน รักเค้าม๊ากกกก   พออกหัก นั่งเป็นบื้อใบ้ กินข้าวกับพ่อแม่กับน้อง ใครพูดอะไรก็วิ้งๆ หูอื้อ ไม่ได้ยิน จนพ่อโวยขึ้นมาว่าเป็นอะไร พูดด้วยไม่พูดด้วย ใจลอยไปไหนวะ (โมโหแล้วล่ะ พ่อน่ะ) เรามองหน้าพอแล้วบอกว่า "แฟนเราทิ้งเรา เค้าจะไปแต่งงานกับคนอื่น" แล้วเราก็ร้องไห้ฮั่กๆ สะอื้นตัวโยน -- จำได้ว่าเงียบกันไปทั้งโต๊ะ น้องตบบ่า แม่ดึงไปกอด .. พ่อโวยวาย .. ถามแม่ว่า ลูกมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผมไม่รู้เรื่อง นี่รู้กันทั้งหมดเลยใช่ไม๊ พอดีเราไม่ค่อยสนิทกับพ่อ เพราะพ่อทำงานต่างจังหวัด แล้วตอนนั้นเราเพิ่งกลับมาจากเรียนต่างประเทศ ห่างกันไปนาน มีแต่น้องกับแม่ที่รู้ว่ามีแฟน ตอนนั้นที่สะอื้น แม่ลูบหัว แล้วบอกว่าไม่เป็นไรนะลูก แต่ที่จำได้แม่นคือ พ่อพูดว่า ไอ้สารเลวนั่นมันเป็นใคร มันบังอาจมากมาทำแบบนี้กับลูกสาวพ่อ หยุดร้องไห้ได้แล้ว อย่าไปเสียน้ำตาให้ไอ้คนชั่วๆ ที่มันทำกับเรา พ่อเลี้ยงเรามายี่สิบกว่าปียังเลี้ยงมาได้ จำไว้ -- ผู้ชายถ้ามันเลวก็ไม่ต้องไปสนมัน ลูกคนเดียวพ่อเลี้ยงได้ แล้วพ่อก็ลุกไปจากโต๊ะ ได้ยินแว่วๆเหมือนพ่อตะโกนว่าไอ้เอี้ยเอ๊ย อย่าให้กรูเจอนะเมิง นาทีนั้นมัวดราม่าเลยไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอคืนนั้นนอนคิด ได้สติ หลังจากนั้นจะคบใครจะเผื่อใจไว้ตลอด แล้วก็เตือนตัวเองเสมอว่า ไม่มีใครรักเราเท่าพ่อแม่จริงๆ จากคุณ : gorgeous เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 19:20:50

ความคิดเห็นที่ 51 จขกท.เป็นแม่ที่น่ารักมากเลยค่ะ ถ้าเรามีโอกาสเป็นแม่ เราคงทำแบบนี้เหมือนกัน :D จากคุณ : ยิ่งโต ยิ่งเลอะเทอะ!! เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 21:03:19

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นนะคะ แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 55 22:28:20 จากคุณ : 18 นะไม่ใช่อายุแต่เป็นมงกุฏ เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 22:24:32

ความคิดเห็นที่ 53 ลูกสาวแม่ค่ะ จากคุณ : 18 นะไม่ใช่อายุแต่เป็นมงกุฏ เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 22:32:05

ความคิดเห็นที่ 54 ลูกสาวสวยน่ารักมากค่ะ...คนที่ทำให้น้องอกหักไม่ตาถั่วก็ตาเหล่ ดีแล้วแหละ เก็บความสาวความสดใสของเราไว้ หนทางยังอีกไกล...ค่อยๆดูค่อยๆเลือกไป ...^__^ จากคุณ : ^__^ (อาชีพฉันคือนั่งเล่นเนท) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 06:40:16

ความคิดเห็นที่ 55 ความเห็น 54 ถูกต้องที่ซู๊ดด ด ด ดด ด จากคุณ : แนวเนี๊ยะ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 08:51:57

ความคิดเห็นที่ 56 อ่านแล้วนึกถึงตัวเองคะ ในฐานะลูก ปัจจุบันเราอายุ 24 ย้อนไปเมื่อ 10 เดือนก่อน คบกับคนคนนึง มา 2 ปี ปีที่ 3 เค้าไป Work and Study ที่แคนาดา กำหนดการณ์คือ ไป 1 ปี แล้วกลับ ช่วงเวลา 2 ปีแรกที่คบกันคือเข้ากันดีมาก ทะเลาะกันเรื่องใหญ่ๆไม่มีเลย ไม่เคยมีประวัติเจ้าชู้ นอกใจ ตอนเค้าไปแคนาดาก็ติดต่อกันดี เค้าบอกเพื่อนที่แคนาดาทุกคนที่เจอว่า คบกับเราอยู่ เรารออยู่ที่เมืองไทย เค้าจะกลับมาหา จนกระทั่งประมาน 2 เดือนก่อนกลับเมืองไทยถึงเริ่มมีปัญหากัน คือมีผู้หญิงมาชอบเค้า (และจะเอาผู้ชายคนนี้ด้วย ทั้งๆที่รู้ว่าเค้าคบกับเราอยู่) เรื่องนี้เราไม่เคยซีเรียสเลย เราคิดว่าถ้าคนของเราหนักแน่นพอ เราก็ไม่สนอะไร (ไว้ใจ) ครั้งก่อนๆที่ผ่านมา ถึงจะมีผู้หญิงมาชอบเค้า แต่เค้าก็ยังอยู่กับเราที่เมืองไทย ระยะทางไม่มีปัญหา แต่ครั้งนี้ ปัญหาที่ระยะทางด้วย ความใกล้ชิดกับผู้หญิงคนนั้น แล้ว แฟนเราก็ยอมรับกับเราตรงๆว่า ชอบ ทีนี้ ทั้งชอบ + ใกล้ชิด เราก็เป็นกังวล เริ่มระแวง ประกอบกับ ผู้หญิงคนนี้ หยามเรามาก ขึ้นสเตตัสเฟสบุ๊ค โดนจงใจให้เราเห็นว่า " J (ตัวอักษรย่อชื่อเค้า)" เรารู้สึกพ่าย เลยคะ เพิ่งเคยเจอผู้หญิงที่กล้าแสดงออกขนาดนี้ว่า ผู้ชายคนนี้ชั้นชอบ ชั้นจะเอานะ ตอนนั้นเราโกรธแฟนเรามากกว่านะ โกรธว่า ทำไมเค้าไม่ปกป้องเรา ผู้หญิงคนนี้ตั้งใจมาทำร้ายเราชัดๆ ทำไมเค้ายังคบ "เป็นเพื่อน?" ต่อไปได้ ?? เราไม่เคยตอบโต้ ไม่เคยคุยกับผู้หญิงคนนี้เลย ถึงคุยก็ไม่รู้จะคุยอะไร เราด่าคนไม่เป็น (อยากจะด่าเหมือนกันนะ แต่เอาเข้าจริงก็พูดไม่ออกหรอก) เราทำได้มากสุดคือ "งี่เง่า" ใส่แฟนเรา มันเลย เป็นปัญหาคาราคาซังคะ ระหว่างที่ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟน คุยด้วยแล้ว ทะเลาะกันตลอดเวลา ซ้ำยังอยู่ห่างกันอีก กับผู้หญิงคนใหม่ที่เข้ามา หน้าตาตรงสเป็ค ใกล้ชิด ทำตัวอ่อนหวาน คิดว่า..... แบบไหนมันน่าคบ น่าอยู่ด้วยกันมากกว่าละคะ? (พูดถึงตอนนี้ก็เจ็บ ^^") สุดท้ายนะ ยังดีที่เค้ากลับมาเมืองไทย กลับมาให้โอกาสเจอเรา 1 ครั้ง เพื่อที่จะโทรมาบอกกับเราว่า "เลิกกันเถอะ ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิม" หลังจากนั้น ประมานอาทิตย์ 2 อาทิตย์ (เร็วมากก).............เค้าตกลงคบกับผู้หญิงคนนั้น (ผู้หญิงยังอยู่ที่แคนาดา) ส่วนเรากลายเป็นคนหน้าด้าน เป็น ยัยบ้างี่เง่า ที่โทรไปขอร้อง อ้อนวอน (สมเพสตัวเองนะ =w=") โดนตัดสายโทรศัพท์ ก็ยังหน้าด้านโทรหา จนถึงจุดๆนึง เรารับสภาพตัวเองไม่ได้ เราก็หยุดค่ะ โทรไปหาเค้าครั้งสุดท้ายบอกว่า "ถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือ โทรมาได้นะ เราพร้อมให้ความช่วยเหลือเสมอ" แล้วเราก็ไม่โทรหา ไม่เป็นฝ่ายติดต่อก่อนอีกเลย ตอนตัดสินใจเล่าปัญหาให้แม่ฟัง แม่พูดว่า "ก็เห็นแล้วว่า ไม่มีความสุข ตาบวมบ่อยๆ แต่ไม่ถาม เพราะคิดว่าถ้ามีอะไรก็คงมาเล่าเอง" น้ำตาไหลเลยคะ ทั้งความรู้สึกเจ็บที่อกหัก แล้วก็ความรู้สึกขอบคุณที่เรายังมีแม่อยู่ข้างๆ ชวนแม่ไปชอปปิ้งแม่ก็พาไป อยู่ๆ บอกอยากเล่นกีต้าร์ แม่ก็พาไปซื้อ คือ อยู่ข้างเราทุกอย่างอ่าคะ ช่วงนั้น เพี้ยนมาก ไม่เป็นตัวของตัวเอง กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เวลานอนปวดมวนๆที่ท้อง (เหมือนเครียดมากอ่าคะ) ต้องฝืนใจกิน กินไม่ลงก็ต้องกิน สมองสั่งตัวเองว่า ร้องไห้ได้ แต่อย่าทำร้ายตัวเอง รักษาสุขภาพตัวเองไว้ นึกถึงอนาคตคะ ไม่อยากเป็นโรคกะเพาะติดตัว (แม่สอนให้รักตัวเอง คิดถึงอนาคต) แล้วตอนนั้นช่วงใกล้สอบด้วย ดราม่าแค่ไหน ก็ต้องบังคับตัวเองให้อ่านหนังสือ อ่านๆๆๆๆ อ่านเพื่อที่จะไม่คิดเรื่องอื่น บทสุดท้าย เป็นไงรู้ไหมค่ะ?? หลังจากที่เค้า 2 คนคบกัน 3 อาทิตย์?? 1 เดือน ?? นานเท่าไหร่ไม่รู้ ไม่เคยถาม (แต่จำได้ว่าแปปเดียว) ผู้ชายคนนั้น กลับมาขอคืนดีกับเรา (ปัจจุบันก็ยังโทรมาอยู่บ้าง) ........ เค้าบอกว่า คบกับคนอื่น ยังไงก็ไม่ใช่ เค้าอยู่กับเรา คุยได้ทุกเรื่อง เป็นธรรมชาติมาก เค้ารู้สึกแปลก ที่อยู่ๆ ก็ไม่มีเรา ก็ขอบคุณที่กลับมา ทำให้เรารู้สึกว่า เรายังมีค่าอยู่ หลังจากที่ช่วงก่อนขนาดเราเองยังสมเพสตัวเองเลย เราให้อภัยเค้านะ แต่  ไม่สามารถทำใจกลับไปคบกับคนที่ เลือดเย็นแบบนี้ได้ (ก็ตอนที่จะไป ก็ไปโดยไม่สงสารเราเลยหนิ) (ขออวดนิดนึง ช่วงประมาน 2 อาทิตย์ก่อนยังโทรมาหาเราอยู่เลยนะ ฮิ้วววววววว.... ตอนนี้ต้องทำตัวเป็นสวยเลือกได้ดีกว่า!! (สะบัดบ๊อบ เชิ่ดใส่ :P) ============================================================== เราว่า การอกหักก็เป็นประสบการณ์หนึ่งนะ เรารู้สึกว่า ตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้น นิ่งขึ้น ใจเย็นขึ้น(มั้ง) ขอบคุณคุณแม่เลย ที่เป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ แล้วก็เพื่อนๆทุกคน ที่คุยเล่นเป็นเพื่อน ชวนไปเที่ยว ชวนเล่นเกม ไม่ให้ฟุ้งซ่าน สุขภาพจิตดีขึ้นเยอะ :) สุขภาพกายดีขึ้นตามลำดับ อกหัก... ไม่ยักกะตายหนิ เน๊อะ   ปล. กลายเป็นเล่าเรื่องเราไปสะงั้นน >.,< ขออนุญาตจขกท. ให้ผู้หญิงคนนี้ได้ระบายละกันคะ แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 11:08:07 จากคุณ : Ducky_Evil เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 11:01:00

ความคิดเห็นที่ 57 สวัดดีค่ะ ขอบคุณนะคะที่เข้าไปเยี่ยมชมในกะทู้  สิ่งที่คนเป็นพ่อเป้นแม่กลัวที่สุดคือ การที่ลูกคิดไม่เป็น T___T  ปสก ในชีวิตยังน้อย ชีวิตเจอแต่ตำราเรียน เมื่อมาเจอเหตุการณืเรื่องความรัก กลัวลูกเอาตัวไม่รอด น่ะค่ะ กับเหตุการณ์ที่ลูกเจอ มันเหมือนมีวัคซีนป้องกัน มันทำให้ชีวิตเข้มแข็งขึ้น คราวต่อไป ถ้าเจอปัญหาแบบนี้อีก ก็สามารถผ่านได้อย่างสบายๆ ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งค่ะ . จากคุณ : 18 นะไม่ใช่อายุแต่เป็นมงกุฏ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 11:46:40

ความคิดเห็นที่ 58 อ่านแล้วนึกถึงย้อนไปถึงตัวเอง เมื่อช่วงสองปีที่แล้วคะ แฟนเก่าคบกันมา 7 ปี เลิกกันได้1ปี โทรมาบอกว่าเค้ากำลังจะแต่งงาน พอวางสาย น้ำตามันไหลมาแบบไม่รู้ตัวเลยคะ พ่อกับแม่ มาเรียกไปกินข้าวเย็น มาเห็นลูกสาวนั่งร้องไห้อยู่ ช่วยกันทั้งปลอบ และให้กำลังใจ แม่จะเป็นกองให้กำลังใจ ส่วนพ่อนี่จะเป็นกองโวยคะ โทรตามเรียกน้องชายน้องสาว ให้รีบกลับบ้านมาปลอบพี่ สรุปข้าวเย็นวันนั้นกว่าจะได้กินก็เลทไปอีกเป็นชั่วโมง ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว ก็มีความสุขไปอีกแบบคะ เล่าเรื่องของตัวเองมาซะยาว ภูมิใจกับลูกคุณจขกท.มีแม่ที่ดีอย่างคุณจขกท.คะ ใครไม่รัก พ่อแม่รัก คำนี้ใช้ได้กับทุกเรื่องทุกสถานการณ์เลยคะ จากคุณ : Bichy_dewy เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 11:58:36

ความคิดเห็นที่ 59 ... ครับ ... ครั้งนะครับว่า ช่วยๆๆ กันกด VOTE ก็ดีนะครับ เพี่อที่ กระทู้จะได้อยู่ได้นานๆ นะครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 18:44:16

ความคิดเห็นที่ 60 นึกถึงตัวเอง เมื่อ 5 ปีที่แล้ว (ตอนนั้นเพิ่งเรียนจบ ทำงานปีแรก) โดน ผู้ชาย หลอก.... ทั้งนอกใจไปมีึคนอื่น แถมยืมเงินเราอีก ไอ้ตอนนั้น ก็รักจนหลง โง่ไปหลายรอบ รักๆเลิกๆไปหลายรอบ สุดท้าย ...ทนความเจ็บไม่ไหว... ลุกขึ้นไป เคาะห้องพ่อกับแม่ ตอนตี 4 พอแม่เปิดประตูห้องมา ..เท่านั้นแหละ  น้ำตาไหลไม่หยุด แม่ตกใจ แล้วบอกว่า "เป็นอะไรลูก คไหนเล่าให้แม่ฟังสิ" คืนนั้น ได้นอนบนตักแม่ ร้องไห้ตลอด เล่าไปด้วยร้องไปด้วย พ่อก็นั่งใกล้ๆ คอยลูบหัว...แล้วสอนอะไรเกี่ยวกับความรัก ชีวิตคู่มากมายให้ฟัง อยากบอกพ่อแม่ว่า...อย่าห้าม อย่าซ้ำเติมลูกค่ะ เพราะยังไง สุดท้ายแล้ว ลูกก็ต้องกลับบ้าน ถ้าบ้านเราอบอุ่นจริงๆ ตอนนี้ เรากำลังจะแต่งงาน กับผู้ชายในแบบที่พ่อสอนเอาไว้...ว่าจะเลือกคู่ชีวิต ควรจะเป็นยังไง.... เขาเป็นคนดีมาก และเรามีความสุขมากค่ะ ^^ จากคุณ : MaybeYesMaybeNo เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 13:21:21

ความคิดเห็นที่ 61 อ่านแล้วร้องไห้เลยค่ะ นึกถึงตอนที่เราอกหัก กินไม่ได้นอนไม่หลับ ร้องไห้ ไปนอนกอดแม่ทุกคืนเลย ช่วงนั้นเรากินอะไรไม่ลงจริงๆ แม่ก็คะยั้นคะยอ ขอให้เรากินอะไรหน่อย แม่เป็นห่วง จนสุดท้ายเราเห็นแม่ร้องไห้เสียใจแทนเรา เรานี่แบบตัดใจได้เลย เพราะคิดว่าเราไม่ได้ทุกข์ใจคนเดียว แม่เราต้องเจ็บปวดไปด้วย แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใครจะมาทำให้แม่เราต้องเสียน้ำตาไปด้วย เราเลยเลิกร้องไห้ และพยายามกลับมาเป็นปกติให้เร็วที่สุด และป๊าเราที่ปกติไม่เคยคุยเรื่องแบบนี้กับเราเลยก็โทรมาหาเราและบอกว่า ไม่เป็นไรนะลูก ใครไม่รัก แต่ป๊ารักลูกนะ ส่วนแม่ก็ส่งเมสเสจมาให้กำลังใจตอนที่เรากลับมากรุงเทพว่า ช่างมันนะลูก ก็แค่ผู้ชายห่วยๆคนนึง ป๊า แม่ และน้องๆรักลูกนะ ทุกคนเป็นกำลังใจให้ลูกเสมอ เข้มแข็งเร็วๆนะลูก รักป๊ากับแม่ที่สุดเลยค่ะ จากคุณ : สวยตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 16:48:01

ความคิดเห็นที่ 62 อยากมีแบบนี้บ้าง.. แค่เห็นเราร้องไห้ก็ด่าเช็ดแล้ว ปรึกษาไม่เคยฟัง อิจฉาลูกๆหลายๆคน ถ้าเรามีลูก เราจะทำช่องว่างที่เราเคยเจอให้หายไป จากคุณ : DollyBoots เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 01:43:57

ความคิดเห็นที่ 63 ตอนเราอกหักจริงๆ ตอนนั้นเริ่มทำป.เอกอยู่ต่างประเทศค่ะ เศร้ามาก โทรไปหาแม่ บอกแม่ว่าอกหัก แล้วก็ร้องไห้ แม่เราก็พอรู้บ้างว่าเรามีแฟนนะคะ แต่เราไม่ได้เล่าอะไรให้แม่ฟังมาก แม่ก็บอกว่าใจเย็นๆ ถ้าคนเป็นคู่แล้วก็ไม่แคล้วกันหรอก บางทีอาจมีคนที่ดีกว่านี้เข้ามาในชีวิตก็ได้ คนที่ไม่ทำให้เราร้องไห้ แล้วก็บอกอีกว่าให้ทำตัวให้มีความสุข เปิดโอกาสหาคนใหม่ เราเป็นพวกมองไปในอนาคตอยู่แล้วค่ะ เราก็เชื่อ เลิกร้องไห้ลุกขึ้นมาเริ่มชีวิตใหม่ แล้วผ่านไปสองปีมาเจอคนที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นคนโชคดีมากๆ อยากขอบคุณแม่มากๆที่เข้าใจเราค่ะ จากคุณ : winter_peace เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 07:45:10

ความคิดเห็นที่ 64 ดีครับ สำหรับการพูดคุยให้เกิดความเข้าใจ มีความห่วงใยกันเสมอมา ซึ่งตรงนี้จะเป็นเกราะป้องกันให้ลูกไม่ออกนอกลู่นอกทางได้เป็นอย่างดี ขอให้จขกท.มีความสุขจากความคิดและการกระทำที่ดีของแม่อย่างนี้ตลอดไปครับ จากคุณ : I am not old Y (I_am_y) เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 09:42:15

ความคิดเห็นที่ 65 ดีค่ะ ที่ลูกเห็นความสำคัญเราเวลาทุกข์ จากคุณ : aa เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 12:42:12 A:123.199.41.249 X: TicketID:354558

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณที่ แบ่งปัน เรื่องราวดีๆ การดำเนินชีวิต ระหว่างลูกกับ จขกท มาให้อ่านนะครับ 555+ จากคุณ : Julia-RoboT.JR เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 13:17:16

ความคิดเห็นที่ 67 เป็นคุณแม่ทีืน่ารักมากเลยค่ะ จากคุณ : momokozap1 เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 17:44:38

ความคิดเห็นที่ 68 ตอนที่อกหักจากแฟนคนแรกเคยบอกพ่อค่ะ (อยู่กับพ่อ 2 คน) พ่อควักกระเป๋าให้ไปเที่ยว 3 วัน 3 คืนเลย ไปกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนนึง ตอนนั้นอายุ 18 ปีแล้วค่ะ หลังจากนั้นพออกหักก็บอกพ่อเหมือนกัน แต่ไม่ได้ไปเที่ยวแล้ว ฮ่าๆ พ่อบอกว่าอายุ 20 ก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องแฟน พอ 20 พ่อบอกว่า 25 ก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องแฟน ตอนนี้อีกไม่กี่วันจะ 30 แล้วค่ะ มีแฟนมาเยอะ เบื่อแล้ว อยากอยู่คนเดียว เคยถามพ่อว่าไม่แต่งงานได้มั๊ย พ่อตอบว่า ไม่ต้องแต่งงานก็ได้ แค่ผูกข้อไม้ข้อมือกันก็พอ o.O" หนูไม่ได้หมายความว่าอย่างง้านนนน ขำๆนะคะ จากคุณ : Chompuly เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 21:07:17

ความคิดเห็นที่ 69 ตอนอกหัก แม่ไม่ได้ถามไม่ได้ปลอบอะไรเราเลยค่ะ แต่พอไปไหว้พระที่วัดพระแก้ว ที่ด้านหน้าจะมีน้ำมนต์ แม่ก็เอาดอกบัวจุ่มน้ำมนต์มาเคาะๆ ที่หัวเรา แล้วบอกว่า "หมดทุกข์หมดโศกซะทีนะลูก" ^^ จากคุณ : ratta เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 12:52:47

ความคิดเห็นที่ 70 เป็นคุณแม่ที่น่ารักมากครับ  คุณพ่อนี่ก็น่ารักครับ อ่านกระทู้จนจบเลย รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในครอบครัว ผมชอบตรงที่คุณพ่อบังคับคุณแม่ลงมาอยู่เป็นเพื่อนลูกนี่แหล่ะ... 55 ไว้ฐานะการเงิน และโอกาสเอื้ออำนวย ผมคงต้องขอกราบฝากเนื้อฝากตัวคุณพ่อ-คุณแม่ ด้วยนะครับ ... อิอิ จากคุณ : single_club เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 22:30:50

ความคิดเห็นที่ 71 คุณ จขกท. เป็นแม่ที่น่ารักจริงๆ ครับ คุณพูดถูกต้องที่สุดนะครับว่าควรทำตัวเหมือนเพื่อนของลูกด้วย เพราะเค้าจะได้นึกถึงคุณคนแรกเวลาที่มีปัญหา ต่างจากผมที่นึกถึงแม่เป็นคนสุดท้าย หรือ ยอมที่จะไม่บอกเลยดีกว่า อนาคตผมจะสร้างครอบครัวที่ดีของผมเอง ผมไม่หวังอะไรกับตอนนี้แล้วน่ะครับ จากคุณ : นาย (ตี๋ หมี่เกี๊ยว) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:19:26

ความคิดเห็นที่ 72 ชีวิตคือการเรียนรู้ครับ จากคุณ : jom_bk เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 23:25:56

ความคิดเห็นที่ 73 แม่ กับคนที่บ้านทำลายความไว้ใจ ที่เรามี เวลาเรามีอะไรเราจะเล่าให้ฟัง โดยไม่ปิดบัง แต่ได้คำตอบเรื่องเพื่อนผู้ชายมาว่า เดี๋ยวก็เรียนไม่จบ เราคิดเลยถ้ามีลูกหรือหลานเราจะไม่ทำเช่นนี้กับเขา ขอบคุณสำหรับตัวอย่างดีๆนะคะ จากคุณ : i'll be your girl เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 14:31:14