 |
ในระดับบุคคล หลายคนเลือกใช้วิธีปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือ นิตยสารนิวสวีคเมื่อต้นปีนี้ขึ้นปกด้วยเรื่อง "๓๑ วิธีที่ช่วยให้ฉลาดขึ้นและคิดเร็วขึ้น" วิธีหนึ่งที่เสนอก็คือ "โยนสมาร์ทโฟนของคุณทิ้งเสีย" เพราะ "การเช็คอีเมล์อยู่เนือง ๆ นั้นบั่นทอนสมาธิและลดทอนผลิตภาพของคุณ" ควบคู่กับวิธีการดังกล่าวก็คือ การติดตั้งโปรแกรมFreedom ซึ่งช่วยให้จดจ่อกับงานที่อยู่ข้างหน้า
ทุกวันนี้มีผู้คนเป็นอันมากโหยหาช่วงเวลาที่ปลอดข้อมูลข่าวสาร ปิโค อิเยอร์ นักเขียนชื่อดังของนิตยสารไทม์ พูดถึงเพื่อนนักหนังสีอพิมพ์สองคนที่ถือศีล "อินเตอร์เน็ตวิรัติ"ทุกอาทิตย์ โดยปิดเครื่องมือสื่อสารทุกอย่างตั้งแต่ค่ำวันศุกร์จนถึงเช้าวันจันทร์ เพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวและตัวเองมากขึ้น ส่วนเพื่อนอีกหลายคนนิยมออกไปเดินเล่นไกล ๆ ในวันอาทิตย์เพื่อห่างไกลจากติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์ หรือไม่ก็ออกไปพักแรมในชนบท ที่ซึ่งไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต หลายคนพบว่า สมาธิและความจำดีขึ้น ความคิดแจ่มชัดและเฉียบคมกว่าเดิม
ปัจจุบันถึงกับมีรีสอร์ตบางแห่งในอเมริกาที่ยกโทรทัศน์ออกไปจากห้อง แม้กระนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากยอมจ่ายคืนละ ๒,๒๐๐ เหรียญเพื่อพักห้องดังกล่าว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในอนาคต สถานที่หรือบริการที่เปิดโอกาสให้ผู้คนได้อยู่เงียบ ๆ กับตัวเองหรือใกล้ชิดกับคนในครอบครัว จะได้รับความนิยมมากขึ้น
เดี๋ยวนี้ใคร ๆ มักจะบ่นว่าชีวิตเร่งรีบมากขึ้น มีเวลาว่างน้อยลง และเครียดกว่าเดิม หลายคนโทษสภาพแวดล้อมในเมืองที่วุ่นวาย แต่ลืมมองไปว่า ตนเองก็มีส่วนไม่น้อยที่ทำให้วิถีชีวิตของตนอยู่ในภาวะดังกล่าวเวลาในแต่ละวันไม่เพียงหมดไปกับการทำมาหากินเท่านั้น แต่จำนวนไม่น้อยยังถูกใช้ไปกับการบริโภคสิ่งต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลข่าวสาร ถ้าเราเพียงแต่บริโภคให้น้อยลง จะพบว่าเรามีเวลาว่างมากขึ้น สุขภาพกายและสุขภาพจิตดีขึ้น ความเครียดน้อยลง
ข้อมูลนั้นมีประโยชน์ตราบเท่าที่เราเป็นนายมัน สามารถควบคุมมันให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมได้ แต่หากมันกลายเป็นนายเราเมื่อใด ยอมให้มันแย่งชิงเวลาเราไปเท่าไรก็ได้ ชีวิตเราก็ย่ำแย่เมื่อนั้น
จากคุณ |
:
โชติช่วงชัชวาล
|
เขียนเมื่อ |
:
วันแรงงาน 55 09:00:30
|
|
|
|
 |