ความคิดเห็นที่ 1 แสดงว่าน้องยังไม่เข้าใจที่พี่นักข่าวคนนั้นพูดเลย แล้วตีความ จับนั้น จับนี่ มารวมกันมั่วไปหมด เรียนที่ไหนไม่สำคัญ มันก็หมายความรวมๆ  เป็นสถานที่หาความรู้  ม.รัฐ  ม.เอกชน   ศูนย์ฝึกวิชาชีพ  ฝึกอบรม โรงเรียน วัด บ้าน นั้นแหละ จบมาเป็นคนดี ก็ตรงตัว มีหลายๆ คนในประเทศนี้ไม่ได้เรียน มหาลัย ไม่ได้อยู่บริษัทปูน น้ำมัน แต่ก็ประสบความสำเร็จในชีวิต  เพราะเค้าเป็นคนดี ซื่อสัตย์ ตั้งใจ ขยันทำมาหากิน  หลายๆ คนก็ท่อง A-Z ไม่ได้  หลายคนบวกเลขไม่เก่ง คนเก่ง ไม่จำเป็นต้องโกง แล้วรวย คนดี ไม่ใช่ว่าต้องยากจน จากคุณ : PiGsPy เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 03:59:05

ความคิดเห็นที่ 2 คนละเรื่องกันเลยครับ ทุกอย่าง ดีชั่ว เก่งไม่เก่ง อยู่ที่ตัวทำเท่านั้น คนที่ทั้งเก่งและดี ผมบอกเลยว่ามีมากในสังคม แค่เค้าไม่เป็นข่าวให้คุณเห็นมากมาย ถ้าคิดจริงๆว่า ดีแล้วต้องไม่เก่ง หรือเก่งแล้วต้องโกง มันก็ส่อถึงคุณภาพความคิดของคุณแล้วล่ะครับ จากคุณ : Baritone เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 04:53:57

ความคิดเห็นที่ 3 เก่งและดี ก็มี ดีและรวย ก็มี จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 06:01:17

ความคิดเห็นที่ 4 น้องเคยเห็นคนเก่ง แต่ไม่ดีโดนไล่ออกหรือเปล่าครับ จากคุณ : electus เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 06:02:01

ความคิดเห็นที่ 5 บริษัทรับ คนเก่งและคนดีครับ เก่งอย่างเดียวถ้าไม่ดีก็ไม่รับ เพราะกลัวจะไปโกงบริษัท ดีอย่างเดียวแต่ไม่เก่งรับอยู่ครับ เพราะงานบริษัทที่ใช้แรงกายก็มี จากคุณ : บุญถิ่น เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 06:06:36

ความคิดเห็นที่ 6 น้องเอย คนเรียนจบรามคำแหงก็เก่งได้  เพราะคนเรียนรามคำแหงต้องรับผิดชอบมากจึงจะจบได้  บางคนเรียนไปทำงานไป  ได้เงินเดือนเกินแสน เพราะว่าเขาเก่ง ดี และมีความรับผิดชอบ  เด็กที่เอาแต่เรียนอย่างเดียว  ก็เก่งแต่เรียน จากคุณ : nuch_tre เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 06:19:14

ความคิดเห็นที่ 7 เป็น คนดี มันกว้าง นะครับ จขกท 555+ จากคุณ : Julia-RoboT.JR เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 06:36:02

ความคิดเห็นที่ 8 เค้าพูดปลอบใจ จะให้เค้าบอกต๊ายแล้ว คุณเค้ามหาลัยไมได้ พอเลนกลั้นหายใจตายไปซะ คงไม่มีหน้าอยู่บนสังคมนี่แล้วล่ะ หรอ คนที่ไม่ได้เข้ามหาลัยของรัฐ ดังๆ เค้าก็ไม่ได้อยู่ไม่ได้ซะหน่อย คนเราบางทีมันอยู่ที่โอกาสความสามารถส่วนตัว คุณรู้มั้ยว่าคนที่เรียนเก่งมหาลัยรัฐ เค้าก็เป็นได้แค่มนุษย์เงินเดือนมากสุดก็หลักแสน แต่คนที่เรียนมหาลัยเอกชนก็รวยขึ้นมาได้มากกว่าคนที่เรียนจบม.ดังๆ เช่นเจ้าของเถ้าแก่น้อย หรือแม้แต่คนเรียนไม่จบก้รวยได้อย่าง 1. ริชาร์ด แบรนสัน (Richard Branson) : ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Virgin ด้วยภาพลักษณ์นักธุรกิจนอกกรอบ ตำราไหนว่าแน่พี่ขอแหก เสาะแสวงหาความท้าทาย ในการดำเนินชีวิตและธุรกิจ เลิกเรียนตั้งแต่อายุ 16 มาเอาดีด้วยการทำนิตยสารสำหรับนักเรียนเป็นธุรกิจ ค่อยๆ ขยายธุรกิจอื่นๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่สายการบิน เป็นเพลย์บอยแถมรวยภาพที่ปรากฏก็เลยแสบๆ อย่างที่เห็น 2. โคโค แชลแนล (CoCo Chanel) : ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Channel เธอเกิดมากำพร้า เริ่มอาชีพเป็นเพียงช่างเย็บผ้า ในยุคที่สตรีต้องตัดชุดสตรีเท่านั้น แชนแนลผลักดันตัวเองอย่างกล้าหาญด้วยการออกแบบเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย ด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและผสมผสานเนื้อผ้า สร้างเอกลักษณ์ให้ผลงานของเธอ แต่ที่สร้างชื่อให้เธอเป็นที่จดจำตลอดกาลคือ คือ น้ำหอม แชนแนลหมายเลข 5 อันโด่งดังนั่นเอง 3. ไมเคิล เดลล์ (Michael Dell) : ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Dell ไปไหนก็จะเห็นคอมพิวเตอร์-โน้ทบุ๊คยี่ห้อ Dell กันใช่ไหม ผู้ก่อตั้งคือ ไมเคิล เดลล์ เขาหยุดเรียนตั้งแต่อายุ 19 มาก่อตั้งบริษัท PC's Limited ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Dell, Inc และผันตัวเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ประสบความสำเร็จ มากที่สุดในโลก ในปี 1996 เดลล์ได้มอบทุนให้มหาลัยเทกซัสจำนวน 50 ล้านเหรียญ (ราวๆ 2,000 ล้านบาท) เพื่อยกระดับสุขภาพและการศึกษาของเยาวชน 4.เฮนรี่ ฟอร์ด (Henry Ford) : ผู้ก่อตั้ง Ford Motor เขาออกจากบ้านตอนอายุ 16 ปีเพื่อเป็นช่างยนต์ ภายหลังก่อตั้ง บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ดำเนินอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ ซึ่งรถที่ประสบความสำเร็จครั้งแรกคือรุ่น Ford Model T ผลกำไรทำให้ขยายกิจการ และริเริ่มวางสายการผลิตแบบอัตโนมัติ 5. บิล เกตส์ (Bill Gates) : ผู้ก่อตั้ง Microsoft ติด อันดับมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกปี 1995 - 2006 ช่วงวัยรุ่นหยุดเรียนเพราะมุ่งมั่นมากที่ จะตั้งบริษัทผลิตซอฟท์แวร์ ชื่อความหมายเล็กจิ๋วว่า บริษัทไมโครซอฟท์ รวยล้นฟ้าแล้วยังใจบุญ เพราะครอบครัวบิลก่อตั้ง มูลนิธิ บิล & มาลิดา เกตส์ คอยช่วยเหลือด้านการศึกษาและสุขภาพแก่คนทั้งโลก 6. สตีฟ จ็อปส์ (Steve Jobs) : ผู้ก่อตั้งและสร้างความยิ่งใหญ่ ให้แบรนด์ Apple เรียนมหาวิทยาลัยได้เทอมเดียวก็ไปทำงานให้กับ บริษัท อาตาริ ก่อนที่จะควบรวมเป็น บริษัท แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ แต่ชื่อมันยาว เดี๋ยวนี้เลยตัดเหลือเพียง แอปเปิ้ล แบรนด์ล้ำๆ ที่ทำให้คนทั้งโลกคลั่ง กับผลงานล่าสุดอย่าง iPad และ iPhone 4 ครั้งหนึ่งสตีฟ จ็อปส์เคยเป็น CEO ให้ Pixar ก่อนที่จะควบรวมกับ วอลท์ ดีสนีย์ 7. เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) : ผู้กำกับระดับออสการ์ หยุด เรียนตอนปี 2 ไปทำงานรับจ้างทั่วไป ทั้งขับรถบรรทุกและงานเขียน ระหว่างนั้นก็พยายามเรียนด้าน สเปเชียล เอฟเฟค ด้วยตนเอง จากวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาในห้องสมุด หลังจากดูหนัง สตาร์วอร์ จึงเลิกขับรถบรรทุก ไปหางานในวงการภาพยนตร์ทำ จากงานผู้ช่วย ก็ผันมาเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานที่กลายเป็นตำนาน อย่าง คนเหล็ก 2, ไททานิค และ ภาพยนตร์ 3D สุดอลังการอย่าง อวาตาร 8.เลดี้ กาก้า (Lady Gaga) : นักร้องซุปเปอร์สตาร์ หลุดโลก กว่าจะเป็นราชินีเพลงป๊อปแดนซ์และเจ้าแม่แฟชั่นหลุดโลกคนนี้ เธอหัดเปียโนตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เริ่มเขียนโน้ตเปียโนตอน 13 พออายุ 17 ปีก็แต่งเพลงเอง จนกระทั่งปีสองเทอมสอง เธอหยุดเรียนและหันไปเอาดีในอาชีพดนตรี ด้วยเงินเพียงน้อยนิด จนประสบความสำเร็จในชื่อ "เลดี้ กาก้า" ที่ทั้งโลกรู้จัก ชื่อที่ผันมาจากชื่อเพลง "เรดิโอ กา ก้า" 9. ไทเกอร์ วู๊ดส์ (Tiger Woods) : อดีตนักกอล์ฟหมายเลข 1 ของโลก เล่นกอล์ฟตั้งแต่เดินได้ โชว์วงสวิงให้โลกตะลึงตอนอายุ 2 ขวบ เอาชนะพ่อตัวเองได้ตอน 11 ขวบ หลังจากคว้าแชมป์รายการดังมากมาย จึงตัดสินใจหยุดเรียนและเปลี่ยนเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ ขณะอยู่ปี 2 ผูกขาดตัวเองเป็นนักกอล์ฟมือหนึ่งของโลกมานานหลายปี 10. มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) : ผู้ก่อตั้ง Facebook จะดีมั้ยถ้าประเทศไทย วัดคุณภาพคนและคุณภาพงาน จากตัวตนและผลงานของคนๆนั้นจริงๆ โดยไม่ดูที่ใบปริญญา?!? ข้อมูลจากhttp://www.koratsound.com/home/index.php?topic=3247.0 หากรวยแล้วก้ต้องเปนคนดีด้วย ถึงเรียกว่าครบสูตร จากคุณ : จะจูบอำลาสังคมแสงสีในเมืองนภา เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 06:57:13

ความคิดเห็นที่ 9 9 ใน 10 จากคห 8 อยู่อเมริกา .... จากคุณ : gift is a present เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 07:15:06

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าเก่งจริงไม่ต้อมาดูที่สถาบันค่ะ ปูนที่ จขกท ว่ามา พี่สามีเรามีลูกน้องจบหมาลัยอันดับต้นเยอะแยะ แต่เค้าไม่ได้เรียนมหาลัยพวกนั้นปูนให้เงินเดือนตอนปี2เลยค่ะ เราถือว่าเค้าเป็นตัวเย่างเลยว่า คนเก่งจริงมหาลัยไม่เกี่ยว และเดี๋ยวนี้หลายๆที่เค้าก็ไม่ได้มาดูมหาลัยมากมายนะคะ เรซูเม่คุณผ่านอะไรมา ทำอะไรได้ เพราะที่ผ่านมาเจอพวกหัวกะทิแต่ง่อยเยอะแยะ คนรู้จักที่ทำงาน ปตท ก็ไม่ได้จบจุฬายังเข้าได้เป็นหัวหนเาเด็กจุฬาได้ ไม่มองคนส่วนน้อยพวกนี้บ้าง มองดูว่าเค้าทำยังไงทั้งๆที่ก็ไม่ใช่ญาตินักการเมืองคนไหน เราจบมาเกรดน้อยกว่าเพื่อนเราเยอะเลย เพื่อนเราเกือบ4เยอะมากแต่เรา3นิดๆแต่ได้งานคนแรกเลย เพราะตลอดเวลาที่เรียนมาทำโน่นนี่ ฝึกงานหลายที่และขอเค้าทำหลายๆอย่าง ทุกอย่างมันไปด้วยกันได้แม้จะเหนื่อยสุดๆนะ เรียน ทำงาน หาประสบการณ์ เราก็ผ่านมาได้ ตบมาก็มาดูแลลูกน้องอายุเยอะกว่าเราอีก เราผ่านช่วงเวลาหางานมาแล้วตอนจบดันเป็นปีที่เค้าให้คนออกงานเยอะ เรายอมรับว่าเมืองไทยยังเลือกที่จะเอาใบปริญญามาวัด เกรดและชื่อเสียงมาวัด แต่สิ่งที่จะทำให้คนเรายืนอยู่ในสนามแข่งได้จริงๆมันคือความสามารถของเราเอง บางคนเส้นเข้าไปแต่ถ้าไม่เก่งจริงก็ได้แค่นั้นค่ะ ส่วนคนดีมันเป็นพื้นฐานแรกที่คนควรจะมีแต่เดี๋ยวนี้มันหายากมากกว่าคนเก่งด้วยซ้ำ คนดีที่เค้าพูดถึงเค้าก็ไม่ได้บอกว่าต้องโง่ แต่ถ้าตีความหมายของคำว่าคนดีได้แค่นี้ ก็จงไปโรงเรียนตามเดิมเถอะค่ะแล้วลองไปหาความหมายของคำว่าคนดีว่ามันคืออะไร สำหรับเราความดีมันอาจจะวัดอะไรได้ไม่มากแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นอะไรที่คนควรจะมีแต่เดี๋ยวนี้คนเลือก รายได้ มาก่อน มันเลยมีความเห็นแก่ตัวมากขึ้น โดยที่เราลืมไปว่า การแข่งขันเราเดินไปคนเดียวไม่ได้ ถ้าไม่เข้าใจก็รอทำงานก่อนน่าจะคิดได้นะ จากคุณ : kangkakangka เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 07:21:24

ความคิดเห็นที่ 11 ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ส่วนพวกที่คิดว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่ไหน..นั่นคือพวกไม่รู้จักพอ มันไม่จำเป็นว่าจะต้องประสบความสำเร็จร่ำรวยมหาศาลแต่เราประสบความสำเร็จกับเป้าหมายชีวิตที่เราตั้งไว้ก็พอแล้ว จากคุณ : poldorovski เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 07:58:07

ความคิดเห็นที่ 12 คนที่เก่งธรรมดา ๆ เขาก็สมัครงานบริษัท บริษัทก็รับเข้าทำงาน คนที่เก่งมาก ๆ เขาจะไม่สมัครงานบริษัท เขาจะหาวิธีการว่าทำอย่างไรจึงจะใช้ความสามารถของตัวเองให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และการสมัครงานเพื่อขายความสามารถโดยได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินเดือนนั้น เป็นทางเลือกสุดท้ายของคนที่เก่งมาก ๆ ครับ จากคุณ : TLL01 เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 08:08:57

ความคิดเห็นที่ 13 หลายๆความเห็นพูดได้ดีมากครับ    เอาเป็นว่าผมสรุปง่ายๆ   ในเคสส่วนใหญ่   1. คนไม่เก่งและไม่ดี  แทบอยู่ไม่ได้ในสังคมปัจจุบัน 2. คนเก่งแต่ไม่ดี  อยู่ในสังคมลำบาก  อยู่แบบใจไม่เป็นสุข 3. คนดีแต่ไม่เก่ง  พออยู่ได้ในสังคมแต่ไม่ถึงขนาดมีใช้เหลือเฟือ 4. คนดีและเก่ง อยู่ได้ดีในสังคมและสบายใจ คุณยกตัวอย่าง บริษัทระดับต้นๆของประเทศอย่างปูนใหญ่   บริษัทระดับนั้นแค่ดีอย่างเดียวไม่พอครับ   คล้ายๆกับคุณจะไปทำงานธนาคารแห่งประเทศไทย มันต้องทั้งเก่งทั้งดีครับ    ถ้าบอกดีอย่างเดียวไม่เก่งเลย ตายครับล่มจมกันพอดี        ดีไม่ยกองค์การนาซ่ามาเปรียบเทียบจะยิ่งเห็นภาพชัด ดังนั้นถ้าบอกว่า เป็นคนดีแต่ไม่เก่ง  ก็จะมีงานที่เหมาะสม  ตามวิถีชีวิตรออยู่ครับ   ธรรมชาติของโลกมันยุติธรรมในตัวมันอยู่แล้วครับ     ดังนั้นอย่าไปเปรียบโดยยกเคสที่มันเป็นเคสส่วนน้อยครับ    เพราะคนที่ทั้งเก่งและดี มีอีกเยอะครับ  ถ้าโลกเราไม่ยุติธรรม ไม่ให้คนที่ทั้งเก่งทั้งดี   ได้พบสิ่งที่ดีๆไปก่อน    ก็ไม่รู้ว่าเด็กที่ดีต่อไปในอนาคต จะตั้งใจเรียนให้เป็นทั้งคนที่เก่งและดีไปทำไมครับ จากคุณ : darkming เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 08:47:32

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่อยากโลกสวย แต่คนดีให้ตายยังไง เครดิตก็สู้คนจบ ม.รัฐ top 5 ไม่ได้หรอกครับ คุณจบ ม. no 1 ของไทยสิครับ มีแต่คนอยากได้ตัวคุณไว้ทำงานทั้งนั้นแหละ ไปดู ธนาคารหลายๆที่ เค้าให้ค่า มหาลัย top อีก 2 พันบาทนะครับ ทำงานในตำแหน่งเดียวกันแท้ๆ ไม่เห็นเค้าจะมาสัมภาษณ์ว่าคุณเป็นคนดีแค่ไหน ? ทำความดีอะไรมาบ้าง ? ไร้สาระ.... คนที่จะขึ้นมาจุดสูงสุดได้ ไม่มีเป็นคนดีหรอกครับ โลกนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับคนดีหรอกครับ ลองไปทำงานราชการสิ แล้วจะรู้ว่าเป็นคนดีมันอยู่ไม่ได้ การเหยียบคนอื่นเพื่อให้ตัวเองสูงขึ้น เป็นเรื่องปรกติของสังคม คำว่าคนดี ความหมายมันกว้าง คุณแค่ไม่ไปปล้นฆ่าใคร ก็ถือว่าเป็นคนดีแล้ว แล้วไงต่อ ? ไม่ได้ปล้นฆ่าใคร แต่ ทำดีเอาหน้า เลียขาเจ้านาย ตัดหน้าคนอื่นเสนองาน ฯลฯ ไม่ได้ทำให้ใครเจ็บปวดนี่ ก็ถือเป็นคนดีแล้วใช่ไหม ? อย่าง นักข่าวชื่อดัง บางคน เค้าทำอะไรมาบ้าง รู้ไหมว่ามือไม่ได้ขาวสะอาดหรอก จากคุณ : กบกินกะลา เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 09:07:04

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่เป็นไรครับ ถ้าคิดอย่างงั้นก็เลวไปเลย โง่ด้วยเลวด้วย ครบสูตร สังคมสมัยนี้คนจำพวกนี้เยอะมาก จากคุณ : Sir Buyachita (Sir Buyachita) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 09:34:02

ความคิดเห็นที่ 16 ...แม่ผมไม่ได้เรียนหนังสือ ...แต่ก็เลี้ยงผมมาจนโตได้ โดยไม่้ต้องโกงใครหรือทำผิดกฏหมาย .................................................................................... จากคุณ : Aha2Pro เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 09:35:25

ความคิดเห็นที่ 17 เอาไว้โตกว่านี้วุฒิภาวะมากขึ้นและจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 09:40:44

ความคิดเห็นที่ 18 แม่เราก็ไม่ได้จบมหาลัย Top 5 ของเมืองไทย จบแค่ ป 4 ต่สามารถเลี้ยงเราจนโต ไม่มีหนี้ เรียนจบ โดยไม่ต้องโกงใครเหมือนกันคะ จะดีจะชั่ว จะรวยจะจน อยู่ที่ใจของเรา คนอื่นว่าเก่ง ว่าดี ก็ช่างเขา เรามีความสุข กินอิ่ม นอนหลับ ไม่มีศัตรู ได้ทำบุญ ช่วยเหลือคนอื่นบ้างตามความเหมาะสม แค่นี้ชีวิตก็ยิ่งกว่า คนรวยล้นฟ้า แต่หาความสุขไม่ได้แล้วคะ จากคุณ : ฮาจัง เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 09:48:40 A:110.49.226.113 X: TicketID:358210

ความคิดเห็นที่ 19 น้องยังเด็กเลยคิดอะไรแบบเด็กๆๆ. เดี๋ยวโตไปประสบการ์ณจะทำให้ความคิดเปลี่ยนเองละ จากคุณ : การ์ดโฟนคิงคอง เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 09:54:25

ความคิดเห็นที่ 20 --ลูกผมกำลังอยู่ในวัยเรียน ผมบอกลูกว่า..เอาแค่พอผ่านก็พอลูก ไม่ต้องเก่งมาก ทุกอย่างต้องไปด้วยกัน ไม่เคยกดดันลูกว่าต้องเรียนเก่ง ต้องนั่นนี่ได้ เวลาผมทำงานหากลูกว่างผมจะพาลูกไปด้วย ให้เขาเห็นเองว่า คนงานทำงานอย่างไง เหนื่อยยากแค่ไหน ---เรียนเก่งแต่เอาตัวไม่รอดผมก็เห็นเยอะไป จากคุณ : กำนันเปล่ง เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 09:56:51

ความคิดเห็นที่ 21 เพิ่งรู้ว่า ถ้าอยากมีงานทำและรวย ต้องเก่งต้องโกง จากคุณ : DramaLover เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 10:26:27

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าคิดแต่ว่าจะออกมาเป็นลูกจ้างเขา ก็ตั้งใจเรียนไปเถอะค่ะ ...... เรียนให้ได้คุณสมบัติตามที่บริษัทต้องการ แต่ที่ว่า ....จะเป็น คนดี    หรือ คนเก่ง... เก่ง    โกง     รวย           หรือ ดี   ซื่อสัตย์    แต่ยากจน จขกท คิดอย่างนี้จริง ๆ หรือคะว่ามีแค่สองแบบนี้....แค่อยากจะบอกว่า ชีวิตคนเรามีเยอะกว่านี้มากมายค่ะ จากคุณ : ทะเลสวย น้ำใส เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 10:38:01

ความคิดเห็นที่ 23 พนักงานหน้าร้านผม พิจารณาจากคนดีเป็นหลักครับ ยิ่งใครกตัญญูทำงานส่งเงินให้พ่อแม่ตลอด ผมยิ่งให้โบนัสเป็นพิเศษ เรื่องความเก่งมันฝึกหัดกันได้ คุณคิดว่าจบมหาลัยรัฐชื่อดังแล้วเก่งหรือครับ จากประสบการณ์นะครับ ที่เรียนจบมาไม่ค่อยได้ใช้หรอกครับ มันเป็นพื้นฐานเบื้องต้น ที่คนเรียนจบที่ไหนก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ จากคุณ : นายอุดม เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 10:46:44

ความคิดเห็นที่ 24 บริษัทยักษ์ใหญ่มีประกาศรับคนเก่งแต่ชั่วมั๊ยเอ่ย  หรือเก่งแต่ชอบสร้างปัญหาให้บริษัทมั๊ย จากคุณ : ย้ง (suanplu) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 10:47:07

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่เห็นต้องเลือกเลย ก็เป็นมันทั้งสองอย่าง ดีด้วย เก่งด้วย ถ้าไม่เก่ง ก็ขอให้เหลือความดีไว้ เพราะถ้าทั้งไม่เก่งและไม่ดี แบบนี้จะเอาดีไม่ได้สักอย่าง จากคุณ : Sunshine Sonata เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 11:32:10

ความคิดเห็นที่ 26 จริงๆแล้ว มันก็ถูกอย่างที่น้องพูด แต่มันก็ถูกไม่หมดทีเดียวคะ การแข็งขัน เพื่อให้ได้เข้า มหาลัย ระดับTOP ของประเทศ เลยเป็นการแข็งขันที่สูงคะ เพราะมันเป็นใบเบิกทางอีกทางหนึ่งคะ เรื่องจริง สมัครงานที่ไหน เค้าดู สถาบันด้วยนะคะ แต่ถ้ามันสอบไม่ติด ก็อย่าไปเครียดกับมันคะ เราก็ไม่ได้จบ มหาลัยดัง ก็สามารถมีงานทำเลี้ยงชีพได้พอควรคะ เราก็อยู่ปะปนกับมหาลัยดังๆนี่แหละ สู้ๆคะน้อง อย่าไปเครียดมากนะคะ จากคุณ : jeeban_2 เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 11:32:27

ความคิดเห็นที่ 27 ฟังดูเหมือนเป็นการตัดพ้อมากกว่า ไม่ได้วางตัวเป็นกลาง จากคุณ : jom_bk เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 11:37:36

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่เคยเจอค่ะ คนดีและโกง มีแต่เจอคนจน แล้วไม่มีเงินเลยโกง เจอคนที่เก่งแล้ว และแบ่งปันผู้อื่นค่ะ ส้งคมมันมีทุกรูปแบบค่ะ การที่ไม่ขยันเรียน มันไม่ได้วัดหรอกค่ะ ว่าคุณเป็นคนดีหรือไม่ แต่มันวัดได้ว่า คุณขยันหรือไม่เอาถ่าน เราเอนท์ไม่ติด ยังเสียดายจนถึงทุกวันนี้ เพื่อนเราจบหมอ ศิริราช จบบัญชี จุฬา เขาก็นิสัยดีนี่คะ ไม่เห็นจะแย่ที่ตรงไหน สำหรับเรา เป็นคนดีมันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้นจะมีกฎ 2 กฎ คอยลงโทษ กฎแรก คือ กฎหมาย กฎที่สอง คือ กฎแห่งกรรม แต่เรื่องความพยายามนี่สิคะ มันขึ้นอยู่กับคนจริงๆ เรานับถือคนเก่ง เพราะส่วนหนึ่งเขาพยายามค่ะ ต่อให้จะไปนั่งติวเป็นสิบๆ ที่ มีแต่เงิน ไม่ขยัน ก็จะไม่ทนนั่งเรียนหรอกค่ะ ก็จะไปเดินห้างเล่นซะมากกว่า คนที่ทำในสิ่งดีๆ และเป็นสิ่งที่หลายคนทำไม่ได้ คนๆ นั้น วิเศษสุดค่ะ ตอบแบบไม่โลกสวย คนที่มีที่ยืนแถวหน้าของสังคม คือคนโดดเด่นค่ะ ไม่จำเป็นต้องรวย อาจจะเก่งขนาดติดมหาวิทยาดังๆ ระดับประเทศหรือระดับโลก ทำชื่อเสียงให้กับประเทศก็พอแล้ว นอกนั้น ก็คือคนธรรมดา โลกขี้เกียจจำทั้งนั้น ถ้าอยากเป็นที่ยอมรับ ต้องทำดี และเด่นค่ะ ไม่มีโอกาสไหน เข้ามาหาเรา ให้เรานั่งรอเฉยๆ ค่ะ มันต้องไขว่คว้าทั้งนั้น จากคุณ : น้องหมาของฉันน่ารักกว่าหลินปิง เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 11:40:45

ความคิดเห็นที่ 29 มาอีกแล้วเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน จากคุณ : นอกวงการ เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 11:53:43

ความคิดเห็นที่ 30 เข้าใจ จขกท นะ แต่สมการที่ว่า เก่ง + โกง = รวย ดี   + ซื่อสัตย์ = ยากจน มันเป็นความคิดที่คับแคบมาก ไว้โตกว่านี้ จขกท น่าจะเข้าใจอะไรๆ มากขึ้น แต่ก่อนอื่นต้องขอให้เปลี่ยนทัศนคติแบบเดิมเสียก่อน ไม่งั้นปัญญาไม่เกิดแน่ จากคุณ : น้องเหมียวสีสวาด เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 13:24:45

ความคิดเห็นที่ 31 เวลาตัวเองจะรับใครทำงาน เราจะเลือก เด็กจบจาก. รามคำแหง เป็นหลัก เพราะ (คคหสต). นะ อึดไม่เรื่องมาก สู้ ส่วนมากซื่อสัตย์ ไม่แต๊ดแต๋ ไม่หัวสูง กตัญญู รักบ้านเกิด ไม่รู้สิ ว่าเป็นคนโชคดีเป่าได้ลูกน้อง ที่จบจากสถาบันนี้ และไม่รู้ว่าเค้าดีเป่าแต่ทำงานแล้ว สบายใจ จากคุณ : มินนี่Mouse เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 13:56:15

ความคิดเห็นที่ 32 เสริมอีกนิดครับ   จากประสบการณ์ที่ทำงานเป็นเจ้าของกิจการมา 15 ปี   สัมภาษณ์คนมาเป็นร้อย    รับคนมาทำงานหลายสิบคน     ผมพบว่า  สถาบันมีส่วนพอสมควรเลยครับ         ยกตัวอย่างง่ายๆ ตำแหน่งธุรการ  พบว่าคนที่จบสถาบันที่ต้องแอดมิดชั่นหรือสอบเข้าไป    จะค่อนข้างรับผิดชอบงานหรือสั่งงานแล้วผลสำเร็จของงานค่อนข้างดีกว่าคนที่จบในสถาบันที่ไม่มีการแข่งขันเลย(ไม่ได้หมายถึงทุกคนนะครับ แต่ส่วนใหญ่) จากคุณ : darkming เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 14:48:09

ความคิดเห็นที่ 33 ในทุกสังคมนั้น ย่อมมีคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป เพราะนี้คือ คน จากคุณ : sexythaiweb เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 15:15:07 A:119.31.16.210 X: TicketID:358210

ความคิดเห็นที่ 34 #๘ บุคคลเหล่านั้น เป็นส่วนน้อยมากๆ ในสังคมโลกมนุษย์ครับ ที่ล้มเหลวมีเยอะกว่ามาก -*- ที่สำเร็จก็คือ เก่งจริงๆ จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 15:56:23

ความคิดเห็นที่ 35 แสดงว่าในความคิดของจขกท.ไม่มีโอกาสที่ว่า คนเรียนไม่จบมหาลัย แต่มีความสามารถสร้างธุรกิจของตัวเอง แล้วจ้างคนที่ได้เกียรตินิยมจากมหาลัยดังไปเป็นลูกจ้างได้เลย ความคิดแคบนะเรา ไปรร.ไปทำไมอ่ะ ไปคิดให้เยอะๆนะ อย่าไปคิดตามแต่ที่มีในหนังสือ ที่ครูสอน ครูสอนผิดก็มี จากคุณ : มารนิติ (mojamoja16) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 16:06:15

ความคิดเห็นที่ 36 ตราบใดที่ประเทศเราดูแต่กระดาษ ก็อย่างว่า คนที่เขียนเลขสวยในกระดาษเท่านั้นที่จะได้งาน จากคุณ : มหาบุรุษแห่งกรุงสยาม เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 17:12:04

ความคิดเห็นที่ 37 ประเทศ ไทย ..ปัจจุบัน เป็นเด๊่ยวนี้ เป็นแบบนี้ จริงๆ.. .. อย่าง ถ้า คุณเรียนไม่จบ มหาวิทยาลัย.. แล้วได้ สร้าง ธุรกิจ.. พอเริ่มเป็น รูปเป็นร่าง.. มี แชร์ไม่ตลาดเพิ่ม มากกขึ้น.. ธุรกิจ ที่ใหญ่ กว่า ก็ จะเริ่ม กำจัก คุณ ละ... โดยการ ให้ ทำสินค้า ถูกกว่า มา ตัด ราคา หรือส่ง คนมาก่อกวน.. .. .... ถ้า บ.นั้น มี เส้นสาย ก็ จะ ให้ สรรพากร มาไล่บี้ ภาษี คุณ.. sme ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยจะไว้ วางแผนภาษี....... ..... หรือ อย่างดู คนรวย สิ.. ติดคุก ไหม... ไม่ติด.. ต่อให้ศาลตัดสิน ว่าผิด ก็ หนีไป ต่างประเทศ.. ศษล หรือ ตร. ก็ จับไม่ได้ ละ... . นี่ๆไง ครับ ตัวอย่าง ของคนส่วนน้อยที่ทำผิด แต่ กฏหมายลงโทษ ไม่ได้.. มันก็เลย เป็น ตัวอย่าง ที่เห็น ชัดเจน ที่สุด... ปิ่น จักพาก.. หนีไปอังกฤษ.. ราเกซ.. เอกยุทธ บางคนก็หนี จนหมด อายุ ความ เหรรียญ มันมีสองด้าน ก็ จริง แต่จะทำให้ ทั้ง สองด้าน เป็นด้านที่ ดีงามทั้งสอง ด้าน .. สังคมไทย ทำได้ มั้ยย..... ...... คำตอยคือ มันทำไม่ได้... ถ้า ทุกคนไม่ช่วยกัน... กำจัด วัฒนธรรมแบบนี้ จากคุณ : นาย หุ้น n-park (prince-npark) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 17:38:51

ความคิดเห็นที่ 38 จขกท อย่าคิดแค่ แล้ว ทีนี้ ละ.. จะเป็น คนดี หรือ คนเก่ง... เก่ง โกง รวย หรือ ดี ซื่อสัตย์ แต่ยากจน ไม่อย่างนั้นต่อไปคุณจะเสียใจเหมือนเรา เมื่อก่อนเราก้คิดแบบนี้ชีวิตมีแค่ดำกับขาว ถูกกับผิด เท่านั้นไม่มีตรงกลาง สรุปเราเรียนไม่จบนิติศาสตร์เพราะความคิดคับแคบแค่นี้ แล้วเลยคิดว่าเมื่อมันมีสีเทาแล้วเราอาจจะต้องใช้วิชาที่เรียนมาในทางสีนั้นเราเลยไม่เรียนต่อให้จบปีสุดท้าย เพราะความคิดรุนแรงในใจของเราว่าโลกนี้มันต้องมีแค่ผิดกับถูก ขาวกับดำเท่านั้น จากคุณ : jazzzero (jazzzero) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 18:37:50

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่พูดเรื่องเด็กผู้ใหญ่ละ ฟังแล้วอึดอัด ไม่ต้องรอโตกว่านี้ เอาตอนนี้เลยละกัน ที่เห็นว่า โกง แล้วรวย ซื่อสัตย์แล้วจน มันเป็นกระแสส่วนหนึ่งของสังคมครับ ปฏิเสธยากเพราะ "เห็นๆ กันอยู่" แต่นั่นเป็นเพียงกระแสหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้าดูให้ดีดีจะกว่า คนดี เก่ง แล้วรวยมีครับ และมีความสุขด้วย การ เก่ง แล้วโกง เลยรวย นั่นไม่ได้แปลว่าเก่งจริง มันแปลว่าคนคนนั้นอ่อนแอ ไม่สามารถใช้วิธีที่ดีกว่า แล้วประสบผลได้ ก็เลยต้องโกง พูดสั้นๆ คือ ไม่เก่งจริง แถมจิตใจอ่อนแอ เลยต้องโกงไง ถ้าเก่งจริง หรืออดทน ก็สามารถไม่โกงได้แล้วก็อยู่ได้ครับ ส่วนเรื่องมหาวิทยาลัย อันนั้นจริงครับ จบมหาวิทยาลัยที่มีชื่อกว่า ย่อมมีโอกาสกว่า อันนี้ของจริง แต่มันก็ไม่ได้จริงทั้งหมดอีกนั่นแหละ เพราะบางคนเก่ง แต่พลาดได้เพราะจังหวะไม่ดี พลาดเล็กๆ น้อยๆ คนเก่งแบบนี้ทำไง เขาก็สามารถแสดงความเก่งของเขาออกมาในมหาวิทยาลัยชื่อเสียงน้อยๆ ได้ ทำกิจกรรม ทำงานไปด้วย สร้างผลงาน ทำได้ครับ มหาวิทยาลัยชื่อดัง มันเป็นกรอบนำไปสู่ความสำเร็จในระดับนึง ในแบบนึง แต่เราแหวกกรอบได้ครับ แล้วคนเก่งจริงๆ รวยจริงๆ เขาก็แหวกกรอบออกมาแล้วประสบความสำเร็จได้ บางทีเราจะมองได้ว่า คนเก่งก็เข้ามหาวิทยาลัยดัง จบมาการงานมั่นคง แล้วคิดต่อว่าจะไปไหนอีกดี แต่คนเก่งกว่าคือ เข้ามหาวิทยาลัยไหนก็ได้ สร้างผลงาน มีบริษัทมาจองตัว ได้การงานที่ดีกว่า แต่ที่ เก่งไปกว่านั้นอีก ก็ คคหที่ 8  แหละครับ เขามีเป้าหมายแล้ว จะเรียนมหาวิทยาลัยหรือไม่ เขาก็มองว่ามันเอื้อกับเป้าหมายเขาแค่ไหน แล้วก็ถ้ามีโอกาส เขาก็สร้างงานของตัวเอง ไม่ต้องรอใครมาจ้าง คนที่ ประสบความสำเร็จนั้น เขาไม่มารอเป็นลูกจ้างแล้วครับ เขาลงมือเองเลย แล้วค่อยจ้างพวกจบมหาวิทยาลัยดังๆ เป็นลูกน้องอีกที นักข่าวเขาพูดเพื่อเปิดโลกให้คนที่ สอบเข้าไม่ได้ มองไปอีกมุมนึงครับว่า ชีวิตไม่ได้มีแค่การสอบเข้า มันมีทางไปอีกเยอะ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 20:28:11

ความคิดเห็นที่ 40 0ib' จริงๆ  ก็เข้าใจ  ว่านักข่าว พูดให้กำลัง ใจ คนเอ็นไม่ติด... ผมว่าสมัยนี้ ยังดี  ที่ เอ็นได้ ง่ายกว่า..  รู้สึกว่า ง่ายกว่า... เพราะรู้ คะแนน   ว่า ตัวเองได้เท่าไร่  จะ เข้าที่ คณะใด.. ... แต่ ใน เมื่อ หน่วย งาน ส่วนใหญ่..  ยัง ถามว่า คุณจบที่ไหน.. แล้ว มีเส้น  มั้ยย...  รู้จักใคร ในนี้ มั้ยย...   ก็ นะ.  ประเทศไทย... จากคุณ : นาย หุ้น n-park (prince-npark) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 21:01:07

ความคิดเห็นที่ 41 ไร้สาระจริงๆ แสดงว่าน้องยังอ่อนต่อโลกมากมายนัก เค้ารับคนเก่งก็จริง แต่คนเก่งไม่ได้ดูที่สถาบันอย่างเดียว มันต้องวัดองค์ประกอบอื่นๆ ด้วย ถ้าคุณสอบไม่ติด ม.ดัง คุณก็สามารถใช้เวลาในมหาลัยในการพัฒนาทักษะและความรู้สามารถเพิ่มเติมได้ เพราะความรู้ไม่ได้อยู่แต่ในมหาวิทยาลัยอย่างเดียว ส่วนไอ้เรื่อง บ.ปูน ยักษ์ใหญ่นี่เล่ากันมาตั้งแต่สมัยไหนแล้วครับ ลองเดินไปเช็คดูว่ามันจริงอย่างที่ว่าหรือเปล่า ไอ้ที่ควรเปลี่ยนทัศนคติน่ะ ไม่ใช่บริษัทหรอก แต่ควรเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือเด็กนักเรียน ที่ไม่ใช่มุ่งแต่จะเข้ามหาลัยดังๆ คณะดังๆ แต่ควรเลือกเอาสิ่งที่ตนเองชอบ ตนเองถนัดมากกว่า จากคุณ : nisas เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 21:43:48

ความคิดเห็นที่ 42 เถียงกันระหว่างโลกในอุดมคติกับโลกแห่งความจริง นักข่าวเค้าคงจะไม่พูดหรอกว่า   ว๊ายตตายแล้ว ทำไมสอบไม่ติดละ ฉลาดน้อยนะ โอกาสได้ทำงานบรษัทดีๆน้อยลงไปแล้วนะเนี่ย จากคุณ : NAN_KUNG เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 22:01:17

ความคิดเห็นที่ 43 พี่อยากได้คนดีจ้ะ คนไม่เก่ง เราสามารถฝึกให้เค้าเก่งได้ แต่คนไม่ดี อืมมม คงยากนะที่จะฝึกให้เค้าเป็นคนดี จากคุณ : nuttool เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 22:02:28

ความคิดเห็นที่ 44 ตั้งใจเรียนหนังสือนะครับน้อง... จากคุณ : rebornz132 เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 22:33:55

ความคิดเห็นที่ 45 คนเก่งดูตอนสมัครงาน  คนดีดูตอนทำงาน คนไม่เก่งตกตอนสมัครงาน  คนไม่ดีตกตอนทำงาน จากคุณ : เจ้าออฟ เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 22:34:20

ความคิดเห็นที่ 46 เรียนเก่ง แต่ทำงานไม่เป็น เค้าก็ไม่เอาไว้หรอกค่า อีกอย่าง คนดี คนรวย ไม่จำเป็นต้องทำงาน บ.ใหญ่ๆ ดังๆเสมอไป นะคะ จากคุณ : kanie22 เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 22:57:24

ความคิดเห็นที่ 47 เข้ามาทำความเข้าใจ จากคุณ : ดราม่ากันเข้าไป เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 23:00:37

ความคิดเห็นที่ 48 สังคมมันเป็นแบบนี้ น้องควรเข้าใจในสิ่งที่มันเป็น เราปฏิเสธไม่ได้ว่ามหาลัยดีๆนำมาซึ่งโอกาสดีๆ โอกาสที่จะนำมาซึ่งความสุขสบาย (แต่ก็แลกด้วยการทำงานหนัก ความเครียด และสุขภาพ) แต่คนดีก็ยังเป็นสิ่งที่สังคมต้องการ ความเก่งและการโกงไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องไปด้วยกันครับ เก่งและเป็นคนดีก็ยังมีให้เห็น แต่แค่เก่งและโกงมีให้เห็นมากกว่า คนจนอาจจะไม่มีเงิน แต่ถ้าเขาเป็นคนดี เขาก็จะมีคุณค่า ในขณะที่คนจน และพยายามโกง ก็จะถูกประณาม แล้วพวกคนรวยละ แค่มีเงินใช้ ประดับเปลือกนอกด้วยสิ่งที่สังคมคิดว่ามันแพง คนพวกนี้ก็จะได้รับการยอมรับอย่างง่ายดาย ไม่ว่าเขาจะเลวหรือดี น้องอาจจะถามว่าความเท่าเทียมมันอยู่ตรงไหน ความเท่าเทียมนี้ มันเป็นแค่ทางกฎหมาย ที่เรามีสิทธิเท่าๆกัน แต่ในทางเศรษฐกิจแล้ว เราไม่เคยเท่ากันเลยครับ น้องเก่งหรือไม่ น้องอยากจะเป็นคนระดับไหน มันอยู่ที่ตัวน้องเองว่ามีความพยายามพอหรือไม่ แต่น้องอยากเป็นส่วนช่วยให้สังคมของเราน่าอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่ จะโกงก็เป็นการตัดสินใจของน้อง แต่ถ้าผิดกฎหมาย ก็รับผิดชอบในสิ่งที่ทำไป แต่ถ้าใช่ การเป็นคนดี มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรครับ พี่อยากให้น้องลองคิดทบทวนอีกสักครั้งนะครับ จากคุณ : Sirumkung เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 23:07:55

ความคิดเห็นที่ 49 ปะพี่ N-park กลับบ้านเฮา พูดไปพวกเขาก็ไม่เข้าใจหรอก... ว่าระบบประเทศไทย มันไปกับระบบโลกสวยไม่ด้ายยยย จากคุณ : ลำบากชีวิต เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 23:15:50

ความคิดเห็นที่ 50 แล้วคนดี ฝ่ายบุคคลหรือคนคัดเลือกจะดูยังไง จากคุณ : Alex on the rock เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 23:19:02

ความคิดเห็นที่ 51 จขกท.คะ ยังมีพวกเด็กเส้นอีกนะ ไม่ต้องเก่ง ไม่ต้องโกง ไม่ต้องทำงานอะไรมากมาย จากคุณ : ม่านมัสลิน เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 23:25:02

ความคิดเห็นที่ 52 ไม่รู้สิ แต่เกรดไม่ถึง บริษัทที่อยากจะเข้าเลย เราไม่เก่งอ่ะ ยอมรับ แต่เราก็ว่าเราเป็นคนดีนะ คิดว่าผลจากความดี คงทำให้ได้งานดีๆด้วยเถิด จากคุณ : nong_ao เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 00:00:14

ความคิดเห็นที่ 53 ตื่นๆ โลกแห่งความจริงอยู่ #14 จากคุณ : tkhatta เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 00:01:14

ความคิดเห็นที่ 54 น้องขา เชื่อพี่ ชื่อมหาวิทยาลัยมันก็แค่ใบเบิกทาง ความสำเร็จคนเราไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงินเดือนสูงๆเดือนแรก หรือที่ทำงานดีๆที่แรกหรอกค่ะ วิ่งระยะไกลมันตัดสินกันไม่ได้แค่ร้อยเมตรแรกหรอกน้อง ถ้าเราไม่เก่งเท่าเขา เราก็ต้องเป็นคนดีให้ได้มากกว่าเขา คนเก่งแต่ไม่ดีมันก็อยู่ที่ไหนได้ไม่นานหรอกค่ะ ตัวอย่างเยอะแยะ เป็นคนดี ซื้อสัตย์ ตั้งใจทำงาน อยู่ที่ไหน ทำอะไรก็เจริญค่ะ จากคุณ : นานา (Girl like me) เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 00:08:08

ความคิดเห็นที่ 55 เค้าไม่ได้เลือกคนเก่งหรือคนดีครับ เค้าเลือก "คนที่จบจากมหาวิทยาลัยดี" ต่างหาก จากคุณ : nuza555 เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 00:12:56

ความคิดเห็นที่ 56 ระบบการรับเข้าทำงาน 1.ใครมีเส้นสายภายในมีชัยไปเกินครึ่ง 2.เกรดเฉลี่ยต้องสูงๆเข้าไว้ บวกกับจบจากมหาลัยรัฐดีๆ (ใครที่เรียนไม่เก่ง จบมาเกรดไม่ถึง2.5 อย่าได้ฝัน ) ก็คือเป็นคนเก่งนั่นเอง (ส่วนดี หรือเลว ฝ่ายบุคคลที่คัดเลือก ก็เพิ่งจะรู้จัก เค้าจะรู้ได้ไงว่าใครเป็นคนดีไม่ดี) 3.ดูที่ประสบการณ์ทำงาน 1 ปี 3 ปี 5 ปี อัพ ถึงจะรับสัมภาษณ์ 4.หน้าตาบุคลิกดี สวย หล่อ การพูดให้เป็นหลักการ ทั้งหมดมันคือเปลือกนอก รับเข้ามาแล้วค่อยรู้เองว่าเป็นคนดีหรือไม่ดี ทั้งหมดนี่คือการรับคนไปเป็นลูกจ้าง และถ้าสามารถทำงานบริษัทที่ใหญ่ๆมีชื่อเสียง หรืองานราชการ ก็สามารถคุยโชว์ให้เพื่อนๆฟังได้ว่ากุ ดูดี มีฐานะ มีงานที่มั่นคง ไม่อายใคร จากคุณ : ซมิเซอร์ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 02:08:08

ความคิดเห็นที่ 57 แล้วแต่สายงานด้วยนะ เคยบังเอิญได้ยินคุณหญิงท่านคุยกันถึงเรื่องลูกน้องที่จ้างให้มาช่วยงานใกล้ตัว ท่านว่า สมัยนี้หาคนท่านหาเอาคนดีไว้ก่อน งานไม่เป็นไม่ว่า ถ้ายังไงก็ฝึกได้ แต่ไม่อยากได้เด็กเก่งแต่ฉลาดแกมโกง ทำเรื่องไม่สมควร ไม่ก็เป็นงานแล้วได้ประสบการณ์แล้วก็ลาออกไปหางานที่ได้เงินดีกว่า ฝึกแค่ไหนก็เลี้ยวกลับมาแว้งกัดได้... จะจ้างใครเดี๋ยวนี้ ต้องมานั่งวัดใจกันจริงๆ จากคุณ : abstract เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 02:19:43 A:124.120.150.244 X: TicketID:071021

ความคิดเห็นที่ 58 เก่ง    โกง     รวย           .. หรือ ดี   ซื่อสัตย์    แต่ยากจน ^ ^ ประเทศไหนเชื่อแบบที่จขกท.ว่า "เรือหาย" แน่นอน! เพราะประเทศจะเต็มไปด้วยคนรวยที่คิดค้นกลเม็ดการโกงทุกรุปแบบเพื่อสูบเงินจากคนที่จนอยู่แล้วให้จนลง แล้วคนดีที่ยากจนนั้นก็จะไม่กล้าลุกขึ้นสู้ เพราะ "ขาดอำนาจ ขาดทุนทรัพย์" ดังนั้นการเชื่อแบบจขกท.คือความเชื่อที่นำไปสู่สังคมที่ชั่วร้ายและประเทศที่พังทลายนะครับ จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 04:42:43

ความคิดเห็นที่ 59 ตอนนี้ก็เป็นอยู๋นี่  เก่งโกงรวย  อุ้ยย  หรือไม่รู้ตัวเลยว่าเลือกแบบนี้กันเข้ามา จากคุณ : NAN_KUNG เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 07:03:57

ความคิดเห็นที่ 60 บริษัทชั้นนำของไทย  พิจารณาจาก 1...ถ้า  ปวส...พิจารณาจากเกรดเฉลี่ยก่อน 2...ป..ตรี  จากสถาบันก่อน   ถ้าสถาบันไม่เกี่ยว  คุณลองให้ใครซักคนที่จบจาก สถาบันที่ไม่ดังไปยื่นใบสมัครดูสิครับ เอาแบบเกรด 3.6 ขึ้นไปก็ได้ รับรองไม่โดนเรียก  คนที่ทำงานข้างในเก่า จบจากสถาบัน  A และคนยื่นใบสมัคร จบจาก A และ B ยังไงรุ่นพี่ก็ต้องเอารุ่นน้องก่อนแหละครับ จากคุณ : ดวงอีเกิ้ง เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 08:09:27

ความคิดเห็นที่ 61 #8 ที่คุณเสนอมานั้นเท่ากับสนับสนุนความเห็นของน้องเขาเลยนะครับ... เพราะทั้งหมดนั้นไม่มีคนไทยเลยสักคน... รบกวนขอของคนไทยด้วยนะครับ... จะได้เป็นแรงบันดาลใจให้น้องเขา... จากคุณ : อิสสระ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 09:11:31

ความคิดเห็นที่ 62 เรื่องสถาบัน กับบริษัทใหญ่ในเมืองไทย ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรเลย มหาวิทยาลัย top 5 ถือเป็นตัวเลือกแรก ที่องค์กรส่วนใหญ่ต้องการ แต่.... บริษัทเหล่านั้นต้องใช้พนักงานจำนวนมากนะคะ เค้าไม่สามารถคัดสรรคนจากมหาวิทยาลัย top5 เหล่านั้นได้ทั้งหมด บางสายงาน ขึ้นอยู่กับ portfolio ของคุณ บางครั้งไม่ได้จบจากสถาบันดีเลิศ แต่มีประสบการณ์การทำงานสูง หรือมีผลงานที่น่าพอใจ ดังนั้น สิ่งที่สำคัญกว่าคือประสบการณ์ และแนวความคิด ความดีอาจวัดไม่ได้ แต่ความคิดมันดูได้จากการสัมภาษณ์ มหาวิทยาลัย top 5 อาจเป็นสิ่งดึงดูดให้บริษัทเหล่านั้นสนใจ แต่การสัมภาษณ์ แนวความคิด ผลงาน บุคคลิกภาพ เหล่านี้ต่างหาก เป็นสิ่งที่บริษัทจะตัดสินใจยอมรับพนักงานคนใดเข้ามาทำงาน ดังนั้นต่อให้ไม่ใช่ top5 ของประเทศ คุณก็หางานที่ดีทำได้ ประสบความสำเร็จได้ แต่ต้องขยัน ซื่อสัตย์ มีวินัย และมีใจรักงานที่ทำด้วยค่ะ สู้ๆ นะคะ ขอเพิ่มเติม **** ลืมอีกเรื่องนั่นคือทัศนคติเชิงบวก จากพนักงานฝ่ายบุคคลสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 55 09:29:53 จากคุณ : yurime เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 09:28:26

ความคิดเห็นที่ 63 บริษัทเค้ารับคนเก่ง แต่ความดีจะทำให้เราทำงานกับเค้าได้นานค่ะ จากคุณ : Psycheza เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 10:25:35

ความคิดเห็นที่ 64 #1 จบมาเป็นคนดี มันไม่จำเป็นต้องเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยหรอกครับ ถ้าเรียนแล้วเป็นคนชั่วอ่ะนะ - -* คนจะดีจะชั่ว มันอยู่ที่ตัวของมันไม่เกี่ยวกัน เข้ามหาวิทยาลัย เค้าไม่ได้มาสอนให้คนทำความดี สอนแต่วิชาความรู้ ที่เราจะเอาออกมาแข่งขันกันในตลาดแรงงาน จบสูงๆ ฆ่าคนตาย เยอะแยะ จากคุณ : itonn เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 10:30:44

ความคิดเห็นที่ 65 อืมจบไหนก็ได้ ขอให้ซื้อหุ้น N-PARK ให้ได้ราคา 0.01 และขายให้ได้ 0.02 ก็พอใจล่ะ เงิน 1 ล้าน ก็เป็น 2 ล้านได้เลย ดีมะ จากคุณ : สริน เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 11:03:30 A:118.172.118.185 X: TicketID:358189

ความคิดเห็นที่ 66 คนดีในที่นี้ เขาน่าจะหมายถึง คนที่ไม่สร้างความดือดร้อนให้ตัวเองและผู้อื่นหรือเปล่า เพราะนิยามคำว่า "คนดี" เอาเข้าจริง ความหมายมันก็ได้แค่นี้แหละ (ทางสังคม) ส่วนที่ "ดี" นอกเหนือจากนี้ คงต้องเติมคำว่า "มาก" เข้าไป เพื่อให้แตกต่าง และเท่าที่เห็น คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในสังคมก็เป็นคนดีนะ แต่ในชีวิตส่วนตัวของเขาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จากคุณ : wanalee เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 11:13:20

ความคิดเห็นที่ 67 กำลังยุน้องให้ทำงานหาประสบการณ์ก่อนเรียนต่อซักปีนึง ไม่อยากให้เรียนเพราะไม่รู้จะทำอะไร  หรือเรียนๆไปเพราะเพื่อนเรียน อยากให้รู้ว่าตัวเองมีเป้าหมายอะไรกับชีวิต  หยุดคิดซะปี อยากให้ไปออกเดินทางหลายๆที ไปทำงานต่างจังหวัดอะไรก็ได้ หลายๆที ปีนึงก็พอ เดินทางกลับมาอาจจะมีมุมมองต่อสังคมและตัวเองได้ดีขึ้น เพราะเป้าหมายของคนในสังคมก็คือ  เราจะทำอะไรให้สังคมดีขึ้นได้บ้าง เป็นโจทย์แรก ส่วนความถนัดว่าจะทำอะไรก็อยู่ที่ตัวเองละครับ จากคุณ : Ramas เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 12:13:45

ความคิดเห็นที่ 68 เรียนหนังสือให้จบก่อนนะน้อง โลกกว้างหลากความคิด ความคิดคนก็จะกว้างขึ้นเมื่อเราโตขึ้นด้วย เท่าที่อ่านดูน้องยังมองแคบไป จากคุณ : Toretto เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 12:15:45

ความคิดเห็นที่ 69 อันนี้  ฟังจากนักข่าว ช่อง 3 ครับ.. ... ขอบคุณทุกความเห็น ... อยากให้มาแสดง ความเห็นกัน เยอะๆ ครับ.. .. จากคุณ : นาย หุ้น n-park (prince-npark) เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 12:53:35

ความคิดเห็นที่ 70 มันมีไม่กี่คนหรอก ที่รวยได้ อยู่ที่จังหวะโอกาสของใครของมัน เก่งดี เก่งเลว โง่ดี โง่เลว ก็มีปะปนกันไปในสังคมตลอดเวลา อยู่ที่ว่าอยากจะเป็นแบบไหนเท่านั้นเอง จากคุณ : RouteRaideR เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 13:07:20

ความคิดเห็นที่ 71 เมื่อใดที่คนเก่งๆไปเลือกเรียน นิติ, เศรษฐศาสตร์, MBA กันหมดก็เมื่อนั้นแหละ เก่ง โกง รวย อย่างที่จขกท.ว่า อ้าว เฮ้ย !!! มันเมื่อนี้นี่หว่า จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 13:11:13

ความคิดเห็นที่ 72 เป็นประเด็นที่ได้ข้อคิดดีครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ซะ ดิบดี เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 13:15:10

ความคิดเห็นที่ 73 เดินมาให้เลือก 2 คน คนดี  คนเก่ง เลือกคนที่ทำงานอึดกว่า วะ5555+ จากคุณ : Apple So Good เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 13:18:14

ความคิดเห็นที่ 74 จขกท เค้าไม่ได้เป็นเด็ก อายุเยอะแล้วค่ะ ที่ไป รร คือไปโรงแรม ไม่ใช่ไปโรงเรียน อิอิ จากคุณ : xemmy เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 13:18:50

ความคิดเห็นที่ 75 แล้วคนดีมันดูกันตรงไหนละครับ สัมภาษแค่ 10 - 20 นาที ไม่รู้หรอกครับใครดีไม่ดี บริษัทไหนก็อยากได้ทั้งคนเก่ง และคนดีครับ แต่ตอนแรกมันดูได้แค่วุฒิการศึกษา  กับโปรไฟล์ เอาเก่งๆไปก่อน  ดีๆไม่ดี ก็ดูกันต่อไป ^ ^ จากคุณ : peboybad เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 13:28:08

ความคิดเห็นที่ 76 คนดีดูยังไงเหรอ เวลาคุยกัน อย่างแรกเค้าดูจากทัศนคติ มองโลกในแง่ใหน บวกหรือลบ ที่ผ่านมาเคยมีจิตอาสาช่วยเหลือสังคม มหาวิทยาลัย หรือปฏิบัติตัวดีครอบครัวตนเองหรือไม่ แค่ตอนเปิดประตูบริษัทมาสัมภาษ มีนำ้ใจดูคนเข้ามาทีหลังหรือป่าว อาจบอกว่าสามารถโกหกได้ แต่ผู้สัมภาษเค้ามีประสบการณ์มองคนออกพอสมควรครับ จากคุณ : ดีจริงหรือป่าวเท่านั้นแหละ (manadee) เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 13:56:32

ความคิดเห็นที่ 77 แอบเห็นด้วยกับ จขกท.ครึ่งนึง เพราะเมื่อวันก่อนเพิ่งคุยเรื่องนี้กับเพื่อนๆในกลุ่ม แยกประเด็นเลยดีกว่า..... - ระบบฝ่ายบุคคลเมืองไทย(บางบริษัท) มีไม่กี่บริษัทที่จะพิจารณาได้ตรงกับความสามารถ ด้วยการรับแบบ พวกมากลากไป มีคนรู้จัก อคติส่วนตัว(ชอบเสียง ชอบการพูด ชอบบุคลิก)  ระบบเมืองนอก ใช้การสอบ...ทั้งสอบวัดความรู้ในสายงาน และ สอบวัดคุณลักษณะที่ต้องการ มีประสบการณ์ มาก่อนไหม คงไม่จำเป็น...ยกเว้นตำแหน่งที่ต้องการความเชี่ยวชาญระดับสูง จึงเรียกขอคนที่มีประสบการณ์ - ฝ่ายบุคคลเมืองไทย(บางบริษัท) ไม่พัฒนา  ระบบการสัมภาษณ์ ถ้าคนสัมภาษณ์ห่วยแตก ไม่สังเกตคน ....ก็สูญเปล่า   - ดูแค่ใบสมัคร   เคยโดน HR manager บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับ top3 ของประเทศ โยนเรซูเม่แล้วทำหน้ายี้มาแล้ว เนื่องจากวุฒิไม่ตรง....จากนั้น ก็ไม่ดูอะไรอีกเลย สัมภาษณ์แบบขอไปที - การวัดความดี มีค่ะ .... แต่ต้องนิยามให้ตรง เช่น ความดีของบริษัทคุณหมายถึง ความซื่อสัตย์ ความจริงใจ ความเชื่อใจ   ...เครื่องมือดีๆ มีหมดค่ะ ...แต่ HR บางคน ใช้ไม่เป็น เจ้าของบริษัทไม่ให้ความสำคัญ - สรุป = ประเทศไทยบางบริษัท ไม่พร้อมจะพัฒนา  ... ทำให้คนรุ่นหลังเกิดคำถามากมายแบบ จขกท. รวมถึงคนรุ่นดิฉัน ที่กำลังจะมีลูกด้วยค่ะ..... แนะนำให้อ่าน "สาขาอาชีพแห่งอนาคต" ของ อ.วิริย ฤาชัยพาณิชย์ ค่ะ แล้วจะพบความจริงกับวิธีอยู่ให้รอดในยุคปริญญาล้นเมือง  ...และระบบการศึกษายังห่วยแตก (อันนี้ ดิฉันเติมเองค่ะ) ^^ # กระทู้นี้ มีประโยชน์ค่ะ สะท้อนมุมมองว่า คนที่มาตอบ...บริษัทคุณ...ยังล้าหลังอยู่หรือไม่ จากคุณ : MaybeYesMaybeNo เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 14:26:44

ความคิดเห็นที่ 78 เพิ่มเติม....ต่อจาก #77 ส่วนเรื่อง เก่ง ดี จน รวย ....ดิฉันไม่ขอพูดถึง "เพราะความยุติธรรมในบางบริษัท มันไม่มี....จริงๆ" แต่ ณ เวลานี้ ทุกคนต้องพิสูจน์ตัวเอง ด้วย "ความสามารถ และ ต้องรอเวลา"...จนกว่าระบบฝ่ายบุคคลจะพัฒนาไปอีกขั้นค่ะ.... สู้ๆนะคะ คนไทยทุกคนนน  ^^ จากคุณ : MaybeYesMaybeNo เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 14:34:25

ความคิดเห็นที่ 79 เป็นคนดี ใคร ๆ ก็รักใคร่ค่ะ เป็นคนเก่งแล้วไม่ดี ใคร ๆ ก็พากันเกลียดชังค่ะ เลือกเอาว่าอยากเป็นแบบไหน บริษัทที่รับคนเก่งเข้าไป ถ้ามันเป็นคนไม่ดี ไม่มีใครรัก จะโต จะมีความสุขได้อย่างไร จากคุณ : Jemie_A เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 15:08:13

ความคิดเห็นที่ 80 เสนอ คุมกำเหนิด ระบบอุปถัมภ์ ครับผม   แล้วหลายหลายเรื่องที่ถ่วงประเทศไทยจะค่อยค่อยหายไป   ประเทศไทยจะพัฒนาไปกว่านี้มากมากมากมาก............................................................................ จากคุณ : มาอีกแล้ว เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 15:38:51

ความคิดเห็นที่ 81 เก่งและดี หายากครับ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 55 15:50:52 จากคุณ : EMT-I เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 15:48:26

ความคิดเห็นที่ 82 เห็นด้วยที่ตอนรับเข้าทำงานเค้าจะเลือกคนเก่งก่อน เพราะต้นทุนการศึกษามันเห็นๆ กันเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ไอ้ความเป็นคนดีเนี่ยสิ ตอนสัมภาษณ์งานรู้ได้จริิงๆ เหรอว่าคนนี้มันเป็นคนดีอ่ะ สงสัยตรงนี้แหละ จากคุณ : attach43 เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 17:30:12

ความคิดเห็นที่ 83 ตัวอย่างการโกง  มีให้เห็น... คนโกง ข้าราชการคนนั้น  ก็ ยัง.  สบายดีอยู่ เลย..ยังกินเงินภาษ๊ของเราอยู่เลย   ไม่เดือดร้อนอะไร การ เอ็นทรานซ์.. เป็นเรื่อง สำคัญ ของเด็ก ม6 "  แต่ไม่ใช่ตัดสิน อนาคต ทั้งชีวิต.  แต่ เคยมีคนทำให้ การสอบ บกพร่อง..และ .. ทำให้ ลูก ของนักการเมือง เข้า มหาวิทยาลัย ได้      โดยการที่ข้าราชการ คนนั้น ไปขอดูข้อสอบ  ทั้งที่ไม่มีอำนาจ  และ หน้าที่  ที่ต้องดู......ดูแล้ว ก็ เลย ข้อสอบรั่ว ...   ...สุดท้าย  เลยถูก ย้าย....   ย้ายไป   ตำแหน่ง ที่ สูงกว่าเดิม... อีกกรณี   ... ตอนใช้ คอมพิวเตอร์  ตรวจ ข้อสอบ ที่ เขียนดวยมือ... คอม  พิว เตอร์  มัน จะรู้ มั้ยย ว่า เวลา เขียน  เลข 7  และ 1  มันมีหลายแบบ เลข 7  มีขีดตรงกลาง   เลข 7 มีหัว อ้ายย ..ด็อก  เตอร์  ที่ เป็นผู้ควบคุม การสอบเอ็นทรานซ์   มันบอก ผมอยากไป บวช...  ผมว่า ไม่ควรบวช หรอก  ควร ตายซะมากกว่า.  ที่ ทำเรื่องการสอบ เอ็นทรานซ์  เป็นเรื่อง เล่นๆ    บ้าเทคโนโลยี..เอา คอมมาตรวจข้อสอบที่เขียนด้วยมือ.   และก็ ประกาศ ผลสอบไม่ได้  เลื่อน แล้ว เลื่อนอีก.. บากคน คะแนน ต่ำกว่าเดิม  จนเข้า จุฬา   มธ  หรือ แม่แต่  ม  ระดับรองลงไปยังไม่ได้..  ,,,,,,, อันนี้ รวมถึง กรณี โกงข้อสอบ ให้ลูกนักการเมือง ด้วย.. ถ้า มี 1 คนที่ ไม่สมควร  เข้าได้... แต่เข้าไปได้   แปลว่า  ต้องมี อีก 1  คน ที่ควรจะเข้าได้  แต่ ไม่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย. แม่ว่าการ  เอ็นทรานซ์  ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต... แต่มันก็เป็น ก้าวสำคัญที่ ต้องเดิน  เพราะ ประเทศนี้  ยังถามหา  ใบปริญญากันอยู่  จึงอย่าไป ว่า เด็ก ถ้าเด็กคนนั้น  จะ ฆ่าตัวตาย   เค้ารักศักดิ์ศรี ของเค้า..ตายเพื่อรักษา ศักดิ์ศรี ... แต่เข้าเรียนไม่ได้ เพราะ เหตุนี้ ... สังคม ควร จะมี เพียง  ขาว และ ดำ เพราะ เค้าเป็น คนดี     พ่อแม่  เค้า ก็หากินสุจริต... ไม่ได้ ไปโกงใคร,, แต่กับ  คนโกงจนได้เข้าเรียน ... คุณ ว่าใคร ผิด""" แต่ถ้า เขาจะเรียนไป 1  ปี  แล้ว ค่อย มาเอ็นใหม่. ... มันก็ แปลว่า  รัฐต้องจ่ายเงิน อุดหนุน  ให้เค้าไปฟรีๆ  1 ปี ... ........เห็นมั้ยย  ว่า  การทำ ชั่วของคน เพียงคนเดียว  จะส่งผล กระทบต่อสังคม เป็นลูกโซ่ มากถึง ขนาดนี้. จากคุณ : นาย หุ้น n-park (prince-npark) เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 18:27:47

ความคิดเห็นที่ 84 เรียนจบมาแต่ละที่ ทำให้คุณภาพของคนด้อยลง มีโอกาสได้งานน้อยลง ก็ทั้งจริงและไม่จริงครับ ที่จริงนั้น ไม่ได้หมายความว่าเขาเลือกที่สถาบันที่ดังเป็นพื้นฐานหรอกครับ เขาเลือกที่จบมาจากที่เดียวกับเขา แล้วบริษัทที่จขกท.ว่ามา มันก็มีคนจบมหาลัยอันดับหนึ่งเยอะ ก็เลยเหมือนเลือกรุ่นน้องตัวเองก่อน แต่จุดนี้ไม่ได้ตอบว่าเขาเลือกที่สถาบันดังครับ มันตอบว่าเขาเลือกมหาลัยที่เขาคุ้นเคย ซึ่งนั้นหมายถึงถ้ารุ่นพี่ทำดี รุ่นน้องก็จะพลอยมีโอกาสไปด้วย แต่ถ้ากลับกันรุ่นพี่เก่งมาก แต่ก็โกงเก่งด้วย เอาเปรียบบริษัทเก่งด้วย ความรับผิดชอบแย่ มันจะมีประโยชน์กับบริษัทไหม แล้วเขาจะประสบความสำเร้จไหม จขกท.คิดว่าไงครับ ที่ไม่จริง ก็ตามตัวครับ มีบริษัทอีกมากมายที่ไม่ดูสถาบันที่จบ แต่เขามีคนกรองประวัติการเรียน ซึ่งก้คงดูจากรายวิชาที่เรียนด้วย และความสามารถเพิ่มในด้านที่เขาสนใจ ประสบการณ์การเรียนฝึกงานที่ผ่านมา ตลอดจนอาจมีแบบประเมินทัศนคติให้ทำ ซึ่งตรงนั้นจะได้งานหรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวกับสถาบันที่จบมาเป้นหลักเลยครับ หรือจะการันตีว่าคนที่จะผ่านการคัดตัวต้องเป้นมหาวิทยาลัยชื่อดัง (ผมท้าให้วางเดิมพันกับผมได้เลยครับ ในระบบบริษัท หรือกิจการที่เขาใช้วิธีแบบนี้คัดเลือก ว่าสถาบันดังจะไม่ผ่านก็มี และสถาบันไม่ดังจะผ่านก็มี) และเพราะคนแบบจขกท.ที่ตั้งแง่และคิดไปแบบนี้หละครับ เด็กสมัยนี้เลยโดนความคิดแบบนี้ บีบให้ไม่มีความสุขในการเรียน ไม่มีความสุขในการจะค้นพบตัวเอง เขาจะต้องเลือกในสิ่งที่สูงไว้เสมอ เพื่อชีวิตเขาจะได้ไม่พลาด ไม่สะดุด แต่ในความเป็นจริงแล้ว เด็กที่เครียด เด็กที่ไม่เรียนรู้ตามวัย เล่นตามวัย จะมีปัญหามากกว่าเด็กที่ใช้เวลาได้เหมาะสมตามช่วงวัยครับ ผมถามหน่อยครับ ถ้าเรียนจบมาคนละสถาบัน แต่มีความขวยขวายในการเรียนเท่ากัน คิดว่าเขาจะต่างกันแค่ไหนครับ คิดว่าคนที่เรียนจบในที่ไม่ดัง ชีวิตจะจบสิ้นจริงๆหรือครับ ผมจะไม่ยกตัวอย่างใครหรอกครับ แต่จะยืนยันเลยว่าคนเราจะประสบความสำเร็จได้ ก็ที่ตัวเอง ไม่ใช่มาจากว่าจบมาจากสถาบันไหน และแค่ทำงานเก่ง แต่เป็นคนไม่ดี ก็ไปไม่รอดหรอกครับ สุดท้ายก็จะพบปัญหา และก็จะแพ้ภัยตัวเองไปในที่สุด ซึ่งความคิดแบบจขกท.จะทำร้ายได้ก็แต่เด็กที่ยังไม่มีความคิดที่ถูกต้อง หรืออยู่ในความดูแลของผู้ใหญ่ที่ยังไม่มีความคิดที่ถูกต้องเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลไม่น้อยเช่นกัน เพราะความคิดแบบนี้มักสร้างปัญหาให้กับเด็กได้มาก ปล.พอดีเห็นความเห็นข้างบน ผมบอกได้เลยครับว่าถ้าบริษัทที่คุณไปสมัครนั้น มีนักจิตวิทยาองค์กรที่มีประสบการณ์(ทำงานวิจัยมามากพอ ซึ่งโดยปกติก็ต้องฝึกวิเคราะห์คนในเบื้องต้นอยู่แล้ว) จะสามารถรู้ได้ครับว่ามีลักษณะนิสัยอย่างไรมากพอสมควร (นอกจากว่าจะเจอคนที่เรียนจิตมาเหมือนกัน) และสามารถตัดสินใจได้ว่าจะเข้ากับองค์กรได้หรือไม่ครับ จากคุณ : I am not old Y (I_am_y) เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 18:49:44

ความคิดเห็นที่ 85 อย่างกรณี  ข้าราชการ  โกงข้อสอบ. ให้ลูกนักการเมือง   และ ไปขอดู ขอสอบเอ็นทรานซ์    ทั้งที่ตัวเอง ไม่มีสิทธิ์  และหน้าที่  ที่ต้องดู ... การ เอ็นทรานซ์.. เป็นเรื่อง สำคัญ ของเด็ก ม6 "  แต่ไม่ใช่ตัดสิน อนาคต ทั้งชีวิต.  แต่ เคยมีคนทำให้ การสอบ บกพร่อง..และ .. ทำให้ ลูกของนักการเมือง เข้า มหาวิทยาลัย ได้      โดยการไปขอดู ข้อสอบเอ็นทรานซ์..  ทั้งที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ ที่ต้องไปขอดู ...สุดท้าย  เลยถูก ย้าย.... ย้ายไตำแหน่ง ที่ สูงกว่าเดิม... อีกกรณี   ในปีต่อมา   ... มีการใช้   คอมพิวเตอร์  ตรวจข้อสอบ ที่ เขียนด้วยมือ... คอมพิวเตอร์  มัน จะรู้ มั้ยย ว่า เวลา เขียน  เลข 7  และ 1  มันมีหลายแบบ เลข 7  มีขีดตรงกลาง   เลข 7 มีหัว เวลา ประกาศ ผลเอ็นทรานซ์  .. ก็ ประกาศไม่ได้  อ้ายย ..ด็อก  เตอร์  ที่ เป็นผู้ควบคุม การสอบเอ็นทรานซ์   มันบอก ผมอยากไป บวช...  ผมว่า ไม่ควรบวช หรอก  ควร ตายซะมากกว่า.  ที่ ทำเรื่องการสอบ เอ็นทรานซ์  เป็นเรื่อง เล่นๆ    บ้าเทคโนโลยี..เอา คอมมาตรวจข้อสอบที่เขียนด้วยมือ.   และก็ ประกาศ ผลสอบไม่ได้  เลื่อน แล้ว เลื่อนอีก.. บ้างคน คะแนน ต่ำกว่าเดิม  จนเข้า จุฬา   มธ  หรือ แม่แต่  ม  ระดับรองลงไปยังไม่ได้..  ,,,,,,, อันนี้ รวมถึง กรณี โกงข้อสอบ ให้ลูกนักการเมือง ด้วย.. ถ้า มี 1 คนที่ ไม่สมควร  เข้าได้... แต่เข้าไปได้   แปลว่า  ต้องมี อีก 1  คน ที่ควรจะเข้าได้  แต่ ไม่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย. แม่ว่าการ  เอ็นทรานซ์  ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต... แต่มันก็เป็น ก้าวสำคัญที่ ต้องเดิน  เพราะ ประเทศนี้  ยังถามหา  ใบปริญญากันอยู่  จึงอย่าไป ว่า เด็ก ถ้าเด็กคนนั้น  จะ ฆ่าตัวตาย   เค้ารักศักดิ์ศรี ของเค้า..ตายเพื่อรักษา ศักดิ์ศรี ... แต่เข้าเรียนไม่ได้ เพราะ เหตุนี้ ... สังคม ควร จะมี เพียง  ขาว และ ดำ เพราะ เค้าเป็น คนดี     พ่อแม่  เค้า ก็หากินสุจริต... ไม่ได้ ไปโกงใคร,, แต่กับ  คนโกงจนได้เข้าเรียน ... คุณ ว่าใคร ผิด""" แต่ถ้า เขาจะเรียนไป 1  ปี  แล้ว ค่อย มาเอ็นใหม่. ... มันก็ แปลว่า  รัฐต้องจ่ายเงิน อุดหนุน  ให้เค้าไปฟรีๆ  1 ปี ... ........เห็นมั้ยย  ว่า  การทำ ชั่ว  หรือทำผิดพลาดของคน เพียงคนเดียว  จะส่งผล กระทบต่อสังคม เป็นลูกโซ่ มากถึง ขนาดนี้. จากคุณ : นาย หุ้น n-park (prince-npark) เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 19:09:32

ความคิดเห็นที่ 86 จขกท ก็ถูกในภาพรวมนะ เราจบราม เกรด 2.5 เป๊ะ กรอกใบสมัครตามจ๊อบแฟร์...ไม่เคยได้รับการติดต่อกลับมาเลย แต่ถ้าเป็นแนววอล์กอินอินเทอร์วิว...ไม่รู้เป็นไร ได้งานซะงั้น และเราก็มีข้อเสียที่ซื่อและเถรตรงเกินไป อยู่กับคนอื่นไม่ค่อยรอด ฮ่าๆๆ ตอนนี้แต่งงานแล้ว สามีไม่คิดจะให้ไปทำงานหรอก ไม่แน่ใจว่าเขาเห็นเราดีเกินไป หรือกลัวเราโดนหลอกใช้ทำงานเกินเงินเดือนก็ไม่รู้ (เราทำงานจริงจัง และออกแนวทำคนอื่นเครียดไปด้วยอะดิ) เลยบอกให้รอเลี้ยงลูกให้ดีละกัน...ซะงั้น จากคุณ : พาระวี เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 21:00:05

ความคิดเห็นที่ 87 เพราะอยากรวยไง มันถึงต้องเก่ง เพื่อทำงานสบายๆ รายได้ดีๆ ลองคิดแบบพอเพียงสิ แต่ต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุดนะ แล้วชีวิตจะมีความสุข จากคุณ : จะบอกไงดี เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 21:05:45 A:27.130.143.42 X: TicketID:262715

ความคิดเห็นที่ 88 ชีวิตใครชีวิตมันว่ะ จะสอบติดไม่ติด ก็นะ ชีวิตไม่สิ้นก้ต้องดิ้นกันไปอยู่ดี จากคุณ : แพรเพลง เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 23:19:54

ความคิดเห็นที่ 89 ความเก่งไม่เก่ง ความดีความโหด เหมาะกับงานแต่ละตำแหน่ง บางตำแหน่งต้องการคนเก่งมากๆ เพราะโง่ทำไม่ได้ บางตำแหน่งต้องการคนเหี้ยม ถ้าติ๋มทำไม่ได้ ฯลฯ โลกนี้มันต้องพึ่งกัน คุณเป็นคนแบบไหนสุดท้ายบุคลิกคุณจะพาคุณไปสู่งานที่เหมาะสมเอง อย่าไปคิดมากทำในสิ่งที่ชอบ ทำในสิ่งที่เป็นตัวของตัวเองแหละ คนขับซาเล้งบางคนเงินเดือนดีกว่ามนุษย์ออฟฟิตแถวสีลมบางคนซะอีก แต่ให้มนุษย์ออฟฟิตที่ว่าลาออกมาขับซาเล้งคงไม่เอาเพราะไม่เหมาะกับตัวเอง ชีวิตคนเหมือนละครฉากใหญ่ เรื่องของเราก็คือเรื่องของเรา ไม่มีใครมาแทนได้หรอก ทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อนั่นแหละดีสุดแล้ว จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 23:30:51

ความคิดเห็นที่ 90 คห.8 คุณรู้มั้ยว่าคนที่เรียนเก่งมหาลัยรัฐ เค้าก็เป็นได้แค่มนุษย์เงินเดือนมากสุดก็หลักแสน แต่คนที่เรียนมหาลัยเอกชนก็รวยขึ้นมาได้มากกว่าคนที่เรียนจบม.ดังๆ เหรอคะ ??? คนเราบางทีมันอยู่ที่โอกาสและความสามารถส่วนตัวอย่างที่คุณพูดน่ะถูกแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นมหาวิทยาลัยรัฐก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นได้แค่มนุษย์เงินเดือนมากสุดก็หลักแสนหรอกนะคะ จบที่ไหนไม่สำคัญ จงภูมิใจในสถาบันที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้เรา อยากเป็นมนุษย์เงินเดือนหลักแสนจัง เมื่อไหร่จะถึงสักทีว๊า จากคุณ : The forgotten girl เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 11:04:01

ความคิดเห็นที่ 91 ที่เจอมา หลายบริษัทฯเขาชอบคนดี และซื่อสัตย์ครับ ส่วนเรื่องเ่ก่งไม่เก่ง มันฝึกกันได้ครับ..... จากคุณ : navinto เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 13:41:54

ความคิดเห็นที่ 92 พี่พูดจากประสบการณ์ตัวเองเลยนะ บริษัทใหญ่ๆดังๆ เขาดูที่สถาบันด้วย ทำงานจะม๊เงินค่าสถาบันบวกให้ด้วย เขาจะเน้นเลยว่าจบจากไหน แต่ถ้าเป็นหน่วยงานราชการก็ต้องสอบ และมีเงินใต้โต๊ะ เมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่ตอนนี้ไม่รู้เหมือนกัน... ทุกวันนี้พี่ไม่ได้เป็นมนุษย์เงินเดือน ผันตัวเองมาทำธุรกิจส่วนตัว ย้ำว่าเป็นงานสุจริต งานที่ไม่เบียดเบียนชีวิตใคร ไม่เคยโกงใคร แต่พี่ไม่ร่ำรวย แต่ไม่ยากจน กินอิ่ม นอนหลับ ตามอัตภาพ ในโลกใบนี้มีอีกหลายอย่างที่ต้องเจอ มันไม่ง่ายอย่างฝัน แต่ก็ภูมิใจ มีเพื่อนพี่บางคน และคนรู้จัก เขาทั้งโกง ทั้งขายของหนีภาษี ทั้งค้ายา รวยมาก แต่พี่มองว่ามันไม่น่าภาคภูมิใจเลย....ถ้าเราเป็นคนดี ซื่อสัตย์ ขยัน อดทน เราไม่จนหรอก เพียงแต่ไม่รวยเว่อร์เท่านั้นเอง แล้วน้องจะรู้ว่าสุขที่ใจเป็นยังไง.... จากคุณ : กระเป๋าตุง-กระเป๋าตังค์ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 19:53:42

ความคิดเห็นที่ 93 ชีวิตจริงมันมันหนีไม่พ้นการแข่งขันครับ  จะเข้าเรียน เข้าทำงาน ย้ายงาน มันแค่ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละระดับเขาจะใช้วิธีคัดเลือกยังไง  จะสอบ สัมภาษณ์ ดูจากประสบการณ์ มันอยู่ทีจะเป็นผู้กำหนดกติกา  และมันคงไม่มีกติกาที่จะทำให้ยุติธรรมได้สำหรับทุกคน    ชิวิตจริงมันไม่มีแค่ขาวกับดำ และมันก็ไม่มีอะไรมาวัดได้ด้วย ตัวเองมองอาจจะบอกว่าตัวเองขาว แต่คนอื่นมองอาจะเทา แล้วเราจะตัดสิยว่าใครถูกดีหล่ะครับ         บริษัทใหญ่ๆ ทั้งหลาย  มีผลตอบแทนดีก็เพราะเขาต้องการดึงคนที่มีความสามารถเข้ามาทำงาน บริษัทรองๆ ก็ลดต่ำกันลงไป คนสมัครก็เหมือนกัน ก็ต้องเลือกสมัครบริษัทที่ใหญ่ๆก่อน   แล้วคนสมัครหลักพัน หลักหมื่นคน เขาคงไม่สามารถให้โอกาสได้ทุกคน ทุกที่ไม่มีใครอยากรับคนไม่ดีแต่มันไม่สามารถวัดกันได้แค่เวลาตอนสัมภาษณ์ วลาเขารับก็ไม่พ้นต้องดูที่ที่จบ เกรดมาอันดับแรกอยู่แล้ว  สุดท้ายคนไม่ดีก็จะถูกคัดออกตอนถึงเวลาทำงานเอง     ยิ่งถ้าคนที่ต้องรับผิดชอบครอบครัวในอนาคต การตัดสินใจทำอะไรในวันนี้ มันมีผลต่ออนาคตทั้งนั้น การเลือกเรียนละสาขาจบไป รายได้ที่ได้มันก็ต่างกัน ความยากง่ายในการเรียน ความขยัน มันมีผลในอนาคตทั้งนั้น  จริงอยู่ เราอาจเห็นหลายคนประสบความสำเร็จได้โดยไม่ต้องเรียนจบ ไม่ต้องจบสถาบันดัง เกรดไม่สูง  แต่มันไม่ใช่ข้ออ้างที่เราจะบอกกับตัวเองว่า        เห็นไหมคนนั้นไม่ต้องเรียนก็รวยได้  แล้วจะเรียนไปทำไหม             เห็นคนนั้นเกรดไม่ต้องสูงเลย จบมาก็ทำงานเดือนสูง วันนี้เลยไม่ต้องตั้งใจเรียนก็ได้       เห็นไหมจบอะไรมา ก็รวยเหมือนกัน วันนี้เลยเลือกเรียนที่ง่ายๆ สบายๆไว้ก่อน และอีกหลายเหตุผลที่เราจะเอามาอ้างกัน เวลาเราจะทำอะไรไม่ดี        แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต ใครจะไปรู้ได้ว่าเราจะไปอยู่ตรงไหน  ที่ดีที่สุดคือ ตั้งใจทำวันนี้ให้ดีที่สุด ตั้งใจเรียน ทำหน้าที่ตัวเอง บริการความรับผิดชอบกับ ชิวิตให้ลงตัว และเหมาะกับตัวเอง กับฐานะ  อะไรที่ผ่านมาแก้ไขไม่ได้แล้วก็ช่างมัน  เริ่มตั้งใจใหม่ ต่อไปอนาคตไม่ดี จะได้ไม่กลับมาโทษตัวเองว่าตอนน้ันไม่น่าทำอย่างนั้นเลย อย่างนี้เลย จากคุณ : Deknon22 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:46:56

ความคิดเห็นที่ 94 คนเรียน ม. ดัง จบมา ได้ดี เป็นเจ้าของกิจการเยอะแยะ ไม่ยกมาโชว์สักคน คนไม่เรียน ได้ดี ไม่กี่คน เอามาโชว์กันไม่จบไม่สิ้น จากคุณ : du เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 09:18:40 A:203.149.4.38 X: TicketID:308748

ความคิดเห็นที่ 95 ที่บ.เราที่ทำนี่ล่ะค่ะ ตำแหน่ง Engineer เหมือนกัน แต่จบต่อเนื่อง(ปวส. ต่อมหาลัย) กะจบมหาลัย ให้ฐานเงินเดือนต่างกัน 4 พันบาท แถมค่าประสบการณ์ ต่างกัน 500 ตอนปรับฐานเงินเดือนตามค่าครองชีพอีก ต่างกันอีก 500 บาท เฮ้อออ ก็ไม่รู้เอาอะไรมาคิดนะ ส่วนตัวเราไม่เดือดร้อนอะไร จบมหาลัยมาได้เรทปกติ แต่เห็นใจลูกน้องที่เข้ามาใหม่ กลัวจะน้อยเนื้อต่ำใจ พาลลาออกไปซะก่อน ก็นะ ทำงานเหมือนๆกัน แต่เงินต่างกันขนาดนั้น อันนี้มันก็อยู่ที่วิสัยทัศน์ของฝ่ายบุคคลเค้าอ่ะ ไม่รู้เกี่ยวกะกระทู้นี้มั้ยนะ แต่อยากระบาย ><" จากคุณ : lookkung เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 10:21:37

ความคิดเห็นที่ 96 จบสูง  มหาลัยดัง   ไม่ได้แปลว่าจะทำงานดีนะครับ จากคุณ : ขนมจีนแม่แต๋วอร่อยมาก เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 11:25:11

ความคิดเห็นที่ 97 ประชากรมากขึ้น  การแข่งขันสูงขึ้น คนที่มีดีรอบตัวก็ได้โอกาสมาก  ไม่ค่อยมีดีก็โอกาสน้อยหน่อย ถ้าคุณขยันหมั่นเพียรมากกว่าคนอื่นๆเท่าตัวจนเก่งมายืนแถวหน้า  แต่ทางบริษัทให้ความสำคัญเท่าๆกับคนที่ไม่พยายามเท่าคุณ เก่งน้อยกว่าคุณ  คุณคิดว่ายุติธรรมมั้ยล่ะ จากคุณ : ตายประชดป่าช้า เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 12:47:03

ความคิดเห็นที่ 98 ขอนอกเรื่องหน่อยนะครับ ถ้าใครจะคิดว่ามหาลัยมันสำคัญ ปริญญามันคือที่สุด แต่สำหรับผม " ฝีมือและใจ" สำคัญกว่าสิ่งใดใดทั้งหมด  ทำไมชอบคิดกันจังว่าเพราะเค้าไม่ให้โอกาสเรา เพราะเค้าเล่นพรรคเล่นพวก ผมถามหน่อยว่า แล้ว  " คุณให้โอกาสตัวเอง "  มากพอรึยัง เรียนปริญญา ก็เรียนเหมือนกับเพื่อน ทำอะไรก็เหมือนกับคนอื่นเค้า แล้วไหนล่ะ โอกาสที่คุณให้ตัวเอง มีแต่ตามกัน เฮโลกัน ตอนนี้อะไรกำลังฮิตอะไรกำลังดัง ก็ตามกันไป คุณจะมาบ่นทำไมในเมื่อแต่ละปีคนเรียนจบมหาลัย ราชฎัช สถาบันต่างๆ มีเป็นหมื่นคน บริษัทต่างๆที่เปิดรับสมัครงานก็มีไม่เยอะ เพราะฉนั้นโอกาสที่เค้าจะรับก็น้อย สิ่งที่คุณควรทำมากกว่ารอโอกาสคือ สร้างมันขึ้นมาเอง หาโอกาสให้ตัวเอง ไม่ยากนะครับ ถ้าคืิดจะทำ คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นลูกจ้างอย่างเดียวครับ แต่คนเด็กรุ่นใหม่ส่วนใหญ่      " ขี้เกียจ และ รัก สบาย"    เพราะฉนั้น ชั้นจะเลือกงานออฟฟิตก่อน อย่างน้อยก็ได้นั่งในห้องแอร์ ก็ในเมื่อทุกคนคิดแบบนี้ แล้วออฟฟิตที่ไหนมันจะพอให้เราไปนั่งได้ทุกคน ก่อนจะบ่นใคร ช่วยบ่นตัวเองก่อนว่า   " เราให้โอกาสตัวเองน้อยไปรึเปล่า " ปล. ผมก็จบแค่ปริญญาตรีนะ แต่แค่เลือกที่จะไม่เป็นลูกน้องใคร จากคุณ : naqdat เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 14:14:51

ความคิดเห็นที่ 99 สิ่งที่ จขกท.พูดเป็นเรื่องจริงและปฏิเสธไม่ได้ในสังคม คนที่จบจากสถาบันชั้นนำมีโอกาสได้ทำงานกับบริษัทดังๆได้เงินเดือนสูงๆมากกว่า แต่ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าคนที่ไม่ได้เรียน คนที่เก่งจริงคือคนที่สามารถเป็นเจ้านายคนที่จบจากสถาบันดีๆเหล่านี้มากกว่า. จากคุณ : แมน (Man_urai) เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 14:23:52

ความคิดเห็นที่ 100 มันอยู่ที่การใฝ่หาโอกาสให้กับตัวเองต่างหาก พ่อของพี่เรียนจบมัธยมที่โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ  โลกก็ไม่ได้กว้างไกล วันที่พ่อพี่ไปสมัครการไฟฟ้านครหลวง มือกำเงินไป 4 บาท ค่ารถไปกลับกรุงเทพ-ราชบุรี 2 บาท เหลืออีก 2 บาทไว้กินข้าว  จนทุกวันนี้พ่อพี่เกษียณจบที่เงินเดือน 80000 บาท มีทุกอย่างพร้อม น้องคิดว่าไงล่ะ  จนและดี มีหัวคิด  ความเก่งมันพัฒนากันได้   พี่เข้าใจว่าสมัยนี้งานมันแก่งแย่งกัน ต้องมีดีต้องเหนือกว่าถึงจะมีโอกาส แต่ทำไมเราต้องไปเอาสิ่งที่มีคนอยากได้เหมือนกันมากๆ  ทำไมเราไม่สร้างโอกาสให้ตัวเอง ลด spec ลงหน่อย  อาจจะเป็นม้าตีนปลายก็ได้ จากคุณ : เพลงพันทาง เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 14:52:19

ความคิดเห็นที่ 101 อยากจะบอกว่างานที่เราทำอยู่นั้น มีการแข่งขันโดยเรากับคนอื่นที่มาสมัครนั้น คนอื่นจัดว่าเก่ง profile เริศ เราเป็นคนธรรมดาจบในระดับดีแต่คงไม่เก่งเมื่อเทียบกับผู้แข่งขัน แต่เข้างานได้เพราะคนคัดเลือกเค้าเห็นว่าเรา เหนือคู่แข่งเพราะเราเป็นคนดีค่ะ ^__^ ชีวิตจริงไม่ได้มีขาวกับดำยังมีอีกหลายโทน ปรับความคิดแล้วชีวิตจะเป็นสุขค่ะ จากคุณ : PlaPinky เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 16:39:12

ความคิดเห็นที่ 102 ถ้าคนดีไม่มีความพยายาม ก็ให้คนคนเลวครองโลกไปเถอะครับ ผมสนับสนุน คนเรามันต้องมีความมุมานะซะก่อน จะมาแยก ดี เลว มันก็อีกเรื่อง จากคุณ : .. (กุ้งแม่น้ำเผา) เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 17:48:43

ความคิดเห็นที่ 103 คน (เก่ง) บางคน  การศึกษาก็ช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ จากคุณ : พี่น้องผองเพื่อน เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:23:22

ความคิดเห็นที่ 104 ถามคำเดียว ถ้าคนเรามีลูก เราจะสอนลูกว่าอะไร ๑. โตขึ้นหนูต้องเป็นคนดีของสังคมนะลูก หนูจะเรียนอะไรก็ได้ตามที่หนูชอบและทำมันได้ดี อย่าไปคตโกงใครเขา ทำเท่าที่เราทำได้ ๒. โตขึ้นหนูต้องเป็นคนที่เก่งนะลูก หนูต้องทำเป้าหมายที่หนูตั้งใจไว้ทุกอย่างให้ประสบผลสำเร็จตามที่หนูหวังเอาไว้ โดยหนูไม่ต้องสนใจวิธีการนะ หนูอยากได้ผลงานหนูก็ยัดเงินเขาเลย,หนูก็แกล้งคู่แข่งเลย,หนูก็ข่มขู่คู่แข่งหนูเลย ถึงคู่แข่งและเพื่อนร่วมงานหนูจะรู้ว่าหนูนิสัยไม่ดี แต่เวลาไปสมัครงานที่ใหม่เขาดูแค่ผลงานหนูนะลูก เขาไม่รู้จักนิสัยใต้แกนสมองหนูหรอก ผมเห็นมาแล้วจบเกียรตินิยม เก่งมาก แต่สุดท้ายยักยอกเงินบริษัท ,เก่งในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์มาก สุดท้ายเอาความเก่งนั้นไปโกงบริษัทถูกดำเนินคดี  กลับกันจบ ป.๔ เขียนหนังสือไม่ได้ต้องประทับลายนิ้วมือเอา ชีวิตมีความสุขลูกหลานรักใคร่, จบปวช.ช่างยนต์ เป็นเจ้าของกิจการประดับยนต์ใหญ่โต การสอนให้เป็นคนดี มันเป็นการปลูกจิตสำนึกที่ดี พอโตขึ้นคนเราก็จะมีวุฒิภาวะมากขึ้น ก็ค่อยเอาไปปรับใช้ได้  แต่ถ้าปลูกฝังให้สนแต่เป้าหมายโดยไม่สนวิธีการชีวิตไม่มีความสุขหรอกครับ อยากรวยไปขายยาบ้าเอาก็ได้ มันอยู่ที่คุณตั้งเป้าหมายชีวิตแบบไหน คุณอยากรวย คุณก็จะสนใจหาแต่ข้อมูลคนรวยๆว่าเขาประสบความสำเร็จแบบไหน  คุณอยากมีความสุขคุณก็จะหาวิถีของคนที่ชีวิตมีความสุขว่าสำเร็จเป็นแบบไหน ผมเห็นนายพลปลดเกษียณ มีลาภยศมีลูกน้อง มีธุรกิจส่วนตัว เป็นที่ปรึกษาบริษัทชั้นนำ ทุกวันนี้เฝ้าฝันแต่รอเวลาที่เหมาะสมเพื่อจะได้ไปทำอาชีพเกษตรกรปลูกขิงและเกษตรพอเพียงในต่างจังหวัด แต่ก็ยังทำไม่ได้ต้องทนทุกข์ฝืนขับเบนซ์ใส่สูทบินเป็นว่าเล่นทั้งที่เงินก็มากพอจะไม่ต้องทำอะไรไปจนตาย ชีวิตคนเรามันต่างกันครับ หาความสุขที่แท้จริงให้เจอ แล้วก็ทำมัน จบไหนมาก็ไม่ได้การันตีชีวิตคนได้ จากคุณ : เจ้าชายรองเท้าแตะ 655 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 12:35:45

ความคิดเห็นที่ 105 แต่ถ้าคนเก่งนิสัยไม่ดี เป็นอิชั้นก้อไม่เอาค่ะ เอามาทำตอนแรกหลังจากนั้นคง get ค่ะ  วงการบันเทิง น้อยค่ะจะรับคนจบ ม ดังๆ เพราะ จะทรนงว่ากรูเรียนดีเรียนเก่งเรียนที่ดัง เอามา ปวดหัวค่ะเจอเยอะ รับน้องที่ ม ไม่ดังแต่ตั้งใจ และนิสัยดี อิชั้นว่าโอเคนะค่ะ จากคุณ : ขอบใจจริงๆ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:46:20

ความคิดเห็นที่ 106 จขกท  น้อยใจ บริษัท ปูน   รึเปล่าครับ จากคุณ : ง.งูเดินย่อง เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 13:43:21