"สำหรับใครหลายๆคน มองว่าเห็นการเพิ่มโทษแล้วดี ลองมองข้อเท็จจริงตรงนี้ก่อนนะ
นี่ไปเอามาจากบทวิเคราะห์ในเว็ปกระทง ตอนนี้กำลังวิจารณ์อย่างหนักเลย"
บทสัมภาษณ์นักโทษคดีฆ่าข่มขืน
เอ: "คุณคิดยังไงถ้าประเทศไทยจะมีการเพิ่มโทษคดีข่มขืนจากที่เป็นอยู่"
นักโทษ: "เพิ่มโทษแค่ไหนกัน ที่ผมเคยขึ้นศาลก็ผิดโทษข่มขืน"
เอ: " มีกระแสมาว่า เขาจะเพิ่มโทษให้เป็น...ไอ้นั่นหรือประหารชีวิต"
นักโทษ: "สำหรับผมแล้ว ถ้าจะก่อคดีแบบนี้อยู่ คงต้องฆ่าให้ตายสถานเดียว ผมเคยได้ยินเพื่อนๆมันเคยเล่าให้ฟังครับว่า ที่เมืองฝรั่งประเทศไรผมจำชื่อไม่ได้ เขาเคยมีโทษที่ข่มขืนแล้วตัด แต่ปรากฎว่าต่อมา คนที่ลงมือทำ กลับเปลี่ยนวิธีการใช้อาวุธแทนครับ โดยทิ่มเข้าไปที่จิ๋มผู้หญิงนะครับ แต่ถ้ากรณีเป็นผม ผมจะเอาท่อนไม้ยัดเข้าไปแรงๆมันจะตายหรือไม่ช่างหัวมันสิครับ ผมว่าผมมีอารมณ์ได้แน่นอน เห็นรูมันเปิด จากนั้นผมก็ช่วยตัวเองไปพร้อมๆกัน น่าจะเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ดีนะครับ คุณลองคิดดูสิว่า ถ้าพ่อมาดูในที่เกิดเหตุแล้วพวกนักข่าวมาถ่าย พบว่าผู้หญิงถูกข่มขืนด้วยท่อนไม้ตายคารู 555 ออกหน้า1แน่นอนครับผม ถ้าอย่างผมอาจจะไม่หยุดอยู่แค่นั่น เพราะผมต้องทำลายหลักฐาน ช่วงที่เอาท่อนไม้ยัดเข้าไปในรูสวาทปั๊ป ของมันจะเปิดใช่ไหมครับ พวกเราต้องทำลายหลักฐานโดยเอาน้ำมันก๊าซหรือเบนซินกรอกราดเข้าไป คุณครับเบนซินติดไฟนานผมชอบ ถือว่าเป็นการทำความสะอาดให้ครับ"
เอ: " หมายความว่ายังไง ฆ่า??? คุณจะฆ่าเขาก่อนข่มขืนเขาหรอ
นักโทษ: "ตอนผมทำคดีมันเกิดไปแล้ว ผมคงไม่ได้อยู่ในจุดตรงนั้น แต่คงมีคนคิดเหมือนผมทุกคนว่า ถ้าเอาคนตาย คงไม่เรียกว่าข่มขืนครับ เพราะการข่มขืนเนี่ยต้องกระทำต่อคนเป็นๆ หมายถึง สภาพบุคคลอะไรประมาณเนี้ย"
เอ: "คุณคิดว่า การข่มขืนผู้ที่ตายไปแล้วคุณจะไม่ต้องโทษคดีข่มขืนใช่ไม๊
นักโทษ: "555(ชายผู้นั้นหัวเราะร่า) ประมาณนั้นครับผม ถ้าจะมีกฎหมายว่าเอากับศพล่ะก็ค่อยมาว่ากันใหม่"
เอ: "อ่าวแล้วทีนี้ ยังไงคุณก็ผิดฐานฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายน่ะสิ"
นักโทษ: "ก็ใช่ครับ แต่ผมไม่ได้ผิดฐานข่มขืนนิแต่เป็นความผิดฆ่าคนแทนไง ถ้าผมให้การรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ ถ้าผมอ้างว่ากระทำไปเพราะบันดาลโทสะ อาจจะเป็นแฟนผมมันดันชั่วนอกใจมีชู้เลยต้องฆ่ามัน ผมคิดว่าก็คงไม่ต้องรับโทษเต็ม เพราะตอนนี้ในคุกคนเยอะมาก
แต่หลายคนอาจจะเลือกใช้วิธีัการทรมานให้ตายอย่างเดียว แล้วถ่ายคลิืปไว้ ไปช่วยตัวเองทีหลังก็ได้ครับ สำหรับผมถ้ามันเรื่องมากนักเรื่องโทษ ก็ฆ่ามันอย่างเดียวเลย สะใจดี"
เอ: " แล้วทำไมคุณต้องไปฆ่าเขาด้วยล่ะครับ"
นักโทษ: "ผมคิดว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ กฎหมายปัญญาอ่อนแบบนี้ถ้ามี ผมว่าเขาเลือกปฎิบัติเฉพาะเพศใดเพศหนึ่งนะครับ ส่วนตัวผมยังรู้เลยว่า กฎหมายมีไว้บังคับใช้โดยไม่แบ่งเพศ ถ้าไม่ฆ่าก่อนแล้วมาโดนโทษข่มขืน ผมเชื่อว่า ผู้ก่อคดีทุกคนจะต้องคิดแบบผมแน่นอนว่า ต้องฆ่าซะก่อน ก็สมควรแล้ว เพราะมันจะกลายเป็นแค่คดีฆ่าคนตายเท่านั้นน่ะครับ ผมว่าดีออกมันจะได้ไม่ต้องไปอับอายใครที่ไหนว่าเคยโดนข่มขืนครับ"
เอ: "ผมถามตรงๆทำไมคุณต้องไปข่มขืนเขาด้วย"
นักโทษ: "ไม่รู้มังครับอารมณ์มันพาไป อยากแต่งตัวยั่วเองทำไมครับ อ้อ ถ้าผมจะบอกว่า ถ้ามีการเพิ่มโทษจริงๆ ผมว่าจะไม่มีคดีข่มขืนหรอกครับ แต่เป็นข่มขืนศพแทน ได้ทั้งเงิน แถมข่มขืนมันให้หายอยาก และจะขอแนะนำให้ว่า การเผาศพครับโดยน้ำมันเบนซิน หรือ ถ่วงทะเล จะทำลายหลักฐานบนคราบน้ำอสุจิได้อย่างดีทีเดียวครับ"
เอ: "เอาเป็นว่า ผู้ที่คิดจะทำผิด ยังไงก็ไม่มีวันแก้ไขหรือลดลงได้ กลับกันยิ่งห้ามเหมือนยิ่งทำและยิ่งทำรุนแรงมากกว่าโทษที่กำหนดมา แบบนี้ถูกต้องไหมครับ"
นักโทษ: "ก็แล้วแต่คนจะคิดนะครับ แต่ทางที่ดี ควรสร้างรายได้ของคนทุกคนให้ดีซะก่อนก่อนที่จะคิดบทโง่ๆนี้ขึ้นมาโดยใช้อารมณ์โง่ๆ ผมเองก็รู้อยู่แล้วว่าตัวผมเป็นคนอย่างไร คุณจะว่าๆผมมาจากครอบครัวแบบไหน ก็แล้วแต่คุณจะมอง แต่ผมทราบอีกข้อนึงว่า ผู้ชายทุกคนควรจะมีงานทำดีๆส่งเสริมให้มีรายได้สูงๆ ไม่ใช่ไปส่งเสริมสตรีเพศๆเดียว รัฐบาลที่มีนายกเป็นผู้หญิงเลยมองถึงปัญหาผู้ชายไม่ออกหรอกครับ เพราะมันเป็นได้แค่ผู้หญิง ถ้าผมคิดแบบนี้ใครจะหัวเราะเยาะก็ช่าง:-) ถ้าคุณบอกว่าต้นเหตุคือผู้ชาย แต่ถ้าผู้ชายมีงานมีการทำที่ดีสูงๆมีรายได้ดีๆ ผมขอถามคุณกลับไปว่า แล้วผู้ชายแบบนั้น เขาจะมาก่ออาชญากรรมหรอครับ คุ้มไหมกับตำแหน่งหน้าที่การงานของเขา ที่ผมก่อเหตุนั้นมีสาเหตุอีกประการนึง คือ เอาเงินไงครับ แถมได้ระบายอารมณ์ด้วย แต่เผอิญผมฆ่ามันไปด้วยครับ!!!"