ความคิดเห็นที่ 1 นั่งฟังก็รู้สึกแย่เหมือนกันค่ะ เป็นการเจรจาผ่านสื่อที่ไม่ค่อยจะได้ประโยชน์อะไรเลย นอกเสียจากว่าทำให้ประชาชนได้เห็นและทราบข่าวนี้เฉยๆ จากคุณ : ผ้าพันคอสีเขียว เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 18:29:59

ความคิดเห็นที่ 2 ใจเย็นครับ มันเป็นขั้นตอนนะครับ ธนาคารรับผิดชอบตรงที่มีหลักฐานแน่ๆ ผมว่าไอ้ล้านกว่าบาทอันนี้คงได้คืนเร็ว แต่ที่เหลือเนี่ยคงตรวจกันยาวเลย เพราะเป็นลายเซนต์ของป้าแกเอง ผมว่าฝ่ายทนายน่าจะหาคำที่มันดูดีด้วยนะครับ เข้าใจว่าใช้สื่อความหมายเพื่อเร่งธนาคาร แต่มันเหมือนแช่งมากกว่า (ตั้งแต่เมื่อวานละ) ใช้คำให้ soft ลงนิดนะครับ ผมกลัวว่าจะได้คืนไม่ถึงครึ่งนะสิครับป้า สู้ๆครับ ปล.ผมขอให้ผู้ร้ายคดีนี้ โง่แบบพนักงานธนาคารที่เคยเป็นข่าว ยักยอกทรัพย์ในตู้นิรภัย และเอาเงินไปใช้จนคนสงสัยแถมยังไม่หนีออกนอกประเทศ  จะได้เอาผิดได้แบบคาหนังคาเขาไปเลยครับ จากคุณ : สู้ต่อไปนะป้า (Pakinai) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 18:35:19

ความคิดเห็นที่ 3 เขาก็บอกว่า ธนาคารพร้อมจะรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่จะให้เขาพูดว่า จะรับผิดชอบให้เท่าไร ยังไง เขาไม่สามารถจะให้คำตอบได้ตอนนี้ เพราะกระบวนการสอบสวนยังไม่เสร็จ ปัญหาคือ เจ้าของเป็นคนเซนต์ชื่อเองด้วยในใบถอน ทำให้เรื่องพิสูจน์ทุจริตในเอกสาร มันทำได้ยาก เพราะลายเซนต์เป็นลายเซนต์จริง เพียงแต่ไม่ได้กรอกตัวเลขเอง และไม่ได้ตรวจสอบเอกสารด้วยตนเอง ถ้าเป็นกรณีปลอมลายเซนต์ จะพิสูจน์การโกงได้ง่ายและได้เร็วกว่านี้ แต่ระหว่างสอบสวน ทางธนาคารเขาก็จะดูแลคุณป้าไปก่อนด้วย เงินหนึ่งล้านกว่าที่มีหลักฐานว่าเป็นการทุจริต ก็จะคืนได้เร็วกว่าก้อนอื่นๆ เราว่า เขาก็ตอบเท่าที่จะทำได้ แต่จะรับปากอะไรแน่นอนยังไม่ได้ เพราะต้องรอผลการสอบก่อน จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 18:54:07

ความคิดเห็นที่ 4 ผมว่าสุดท้าย  รอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน จะได้ไม่เข้าตัวเองภายหลัง หลายๆเคสมักเป็นแบบนี้ จากคุณ : samr เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 21:30:10

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่า ผู้เสียหายจ้างทนายผิดแหละครับ คนนี้ไม่เตรียมตัว ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ มองแต่โลกสวยด้านเดียว จริง ๆ เรื่องเงินล้านกว่า ถ้าขีดเส้นใต้สองเส้น ก่อนที่เกิดกรณีล้านกว่าหลังสุด แล้วเคลียร์เป็นสองส่วนแยกกัน ผมว่า ก็คืนล้านกว่าได้ในเวลาอันสั้นแน่ ๆ แต่ดูท่าทางธนาคารจะขีดเส้นใต้ หลังจากเกิดเหตุล้านกว่า แล้วจะพิสูจน์ทั้งก้อน ซึ่งดูแล้วน่าจะใช้เวลาหลายเดือน หรือเป็นปีแน่ ๆ และคงต้องสรุปทั้งหมด รวมเป็นยอดความเสียหายที่จะชดเชยให้ แล้วคงเป็นกรณีว่า ให้แค่นี้ เอาไม่เอา ไม่เอาก็ไปเดินเรื่องทางศาลไป ซึ่งคิดว่า สุดท้ายคงได้เงินคืนในระดับ ไม่เกิน 10 ล้านบาท แน่ ๆ เพราะฟังดูพิสูจน์ยากมาก นอกเสียจากว่าตอนนี้ มีการอายัดบัญชีทั้งหมด แล้วตรวจสอบเส้นทางการเงิน มีเงินจากก้อนแรก โอนไปกองอยู่ ยังไม่ได้ถอนไปไหน ถ้าแบบนี้เหลือเท่าไหร่ ก็คงได้คืนเท่านั้นแหละครับ จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 06:59:20

ความคิดเห็นที่ 6 ดูเจาะข่าวติดกัน 2 วันแล้วค่ะ เราว่าทางธนาคารคงรับผิดชอบแค่ที่มีหลักฐานชัดเจนว่า   เจ้าหน้าที่ทุจริตจริงๆ ส่วนที่เหลือเราว่ายากค่ะ เพราะคุณป้าเซ็นชื่อเอง ส่วนทนาย ไม่เห็นพูดเรื่องคดีเลย ตอบไม่ตรงคำถามว่าทางด้านทนายได้ตรวจสอบและ   ดำเนินการอะไรแล้วบ้าง พูดแต่เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับคดี เช่น ธนาคารบริการลูกค้าสำคัญๆ   ไม่ดี ให้รอนาน ลูกค้าไว้ใจผู้จัดการเพราะเห็นว่าไปต่อคิวยาว แล้วผู้จัดการมาบริการดีก็   เลยประทับใจ เราว่าทนายไม่เตรียมพร้อมสักเท่าไหร่เลย เมื่อวานนี้ทนายบอกว่า อยากให้ธนาคารรีบจัดการคืนเงิน เพราะคุณป้าเจ็บป่วยกลัวว่า     จะไม่มีโอกาสได้ใช้เงิน จากคุณ : fuji_fancy เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 09:27:17

ความคิดเห็นที่ 7 ใช่ค่ะ เราดูแล้วนึกถึงเคสเชฟดังคนนึงชื่อคุณหมึก...ที่แกเซ็นแบบฟอร์ม เซ็นบัตรปชช. อะไรต่อมิอะไรไว้หมด งานนั้นหมดไปเยอะเลยค่ะ จากคุณ : Searchlady (Searchlady) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 12:09:43