ความคิดเห็นที่ 1 *บอกตรงๆเป็นคนพุทธค่ะ นิยมเข้าวัดและปฏิบัติตามหลักคำสอน พุทธ กับ ผี อะไรดีกว่ากัน จากคุณ : uthai_y เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 08:38:04

ความคิดเห็นที่ 2 อยู่ดีๆ เฉยๆ ก็คงไม่เปลี่ยน ถ้าจะเปลี่ยนก็ต้องมีเหตุ  เช่น  ถ้าไปเข้าถือคริสต์แล้วได้เรียนหนังสือ ได้กินดีอยู่ดีขึ้นเขาก็ไปกัน หรือว่ามาติดต่อกับคนพื้นราบ ย้ายมาเรียนในเมือง ก็อาจจะมานับถือพุทธเพิ่มขึ้นก็ได้ (แต่ก็ไม่เลิกนับถือตามเดิม) เวลากลับถิ่นที่อยู่ก็ยังทำเหมือนเดิมๆ ตามที่เคยทำมา จากคุณ : birdeyeview เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 08:40:53

ความคิดเห็นที่ 3 การที่มีคนจะนับพระพุทธรูปขึ้นไปตั้ง นับว่าดีมากๆค่ะ เป็นสิ่งที่ดี ควารกล่าวอนุโมทนาบุญ ไม่ใช่ไปตำหนิติเตียน จะเป็นบาปกับตัว การได้ชี้ทางให้คนได้พบสัจจะธรรม เป็นบุญอันใหญ่ ขออนุโมทนาบุญกับผู้นั้นที่จะเอาพระพุทธรูปขึ้นไปตั้ง จากคุณ : แป้ง เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 08:41:40 A:27.55.0.21 X: TicketID:358210

ความคิดเห็นที่ 4 ผมไม่มีศาสนาครับ เพราะผมชอบคำสอนของทุกๆศาสนา และผมเชื่อว่าส่วนใหญ่แล้วสอนให้เป็นคนดีทั้งนั้น หรือแม้แต่การนับถือผีก็เถอะ หากว่าการนับถือผีนั้นไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร มันก็คือการครองตัวให้อยู่ในศีลได้อีกทางหนึ่ง เพียงแต่พวกเขานับถือในเชิงของการหาสิ่งยึดเหนี่ยว ถ้าไม่ได้งมงาย และไม่ได้เบียนเบียนใคร ก็คงไม่เสียหายอะไร ผมเองแม้ไม่มีศาสนา แต่ผมไปร่วมงานบุญของทุกศาสนา ไม่ว่าจะเป็นพุทธ คริสต์ หรือ อิสลาม ผมไปหมด ในตอนที่ผมแจ้ง สนง.เขตว่าผมไม่มีศาสนานั้น ผมได้รับการโต้แย้งจาก จนท.ว่าคนไทยต้องมีศาสนา ผมบอกให้เธอคนนั้นช่วยกางรัฐธรรมนูญให้ดูหน่อยว่ามีข้อไหนบังคับ ผมไม่ชอบการเหมารวม ไม่ชอบการที่จู่ๆจะมาบอกว่าผมต้องเป็นพุทธ แล้วพอถึงเวลาก็เอาไประบุในแบบเรียนของเด็กประถม ว่า "ประเทศไทยเป็นประเทศที่คนนับถือศาสนาพุทธกว่า 90%" ไอ้แบบนี้แหละครับ มันทำให้เราได้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริง เพราะเราไม่รู้หรอกว่าจริงๆเขาอยากนับถือศาสนาอะไร แต่เราไปยัดเยียดให้เขาต้องเป็นชาวพุทธตามทะเบียนบ้าน แล้วผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงตีกรอบให้มีแค่ พุทธ คริสต์ และ อิสลาม เกิดคนเขาอยากเป็น ฮินดู, ซิกข์, บาไฮ, ยิว หรือ เซ็น เขาไม่มีสิทธิ์เลยหรือ อีกทั้งคนที่ไม่มีศาสนานั้น เอาเข้าจริงๆเขาอาจจะครองตัวในศีลได้ดีกว่าคนมีศาสนาก็ได้ เพราะผมมองว่าหลักๆแล้วไอ้คำว่า "ศีล" นั้นมันมีอยู่ในทุกศาสนานั่นแหละ เนื่องจากมันเป็นการครองตัวขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ที่ไม่ควรจะฆ่าใคร, ลักขโมย ,โกหก หรือ เป็นชู้กับใคร ผมเถียงอยู่กับ จนท.ประมาณ 10 นาที จนท้ายที่สุดผมเบื่อที่จะเถียงต่อไปอีกแล้ว จึงได้ยืนยันไปว่าถ้าจะถือวิสาสะกรอศาสนาให้ผมก็ตามสบาย แต่ผมจะฟ้องศาลปกครองให้เป็นคดีตัวอย่าง จนท.จึงได้ยอมให้ผมเป็นคนไม่มีศาสนาในฐานข้อมูลประชากรครับ แม้ผมจะไม่มี "ศาสนา" ในฐานข้อมูลประชากร แต่ผมมั่นใจว่าผมมี "ศีล" อยู่พอสมควรแน่ๆครับ จะนับถืออะไรก็คงไม่ใช่ประเด็น ขอแค่อยู่ในโลกนี้แบบไม่เบียดเบียนใครก็พอครับ จากคุณ : ตุ้ม (Toom McCartney) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 09:07:49

ความคิดเห็นที่ 5 ก็ไม่คิดยังไง ไม่ยุ่งเกี่ยว แต่จะบอกให้คนสร้างไปถามเขาก่อนทำ ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะบุกขึ้นไปสร้างศาลาเอาเองตามใจชอบ และผมก็ไม่ได้คิดว่านี่คือการทำบุญ ได้บุญตรงไหน ถ้าจะทำบุญคือเอาหลักคำสอนไปแนะนำให้เขาได้เอาไปใช้ปฏิบัติ ไม่ใช่เอาแต่สิ่งสักการะไปกราบไหว้ แบบนี้มันก็ไม่ได้ต่างจากการนับถือผีตรงไหน จากคุณ : TingTing เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 09:47:02

ความคิดเห็นที่ 6 ชาวเขาหรือพวกบ้านบน หลายแห่งมีการเผยแพร่ศาสนาทั้งพุทธและคริสต์พวกเขารับได้ แต่เรื่องของผีบรรพบุรุษเขาไม่ลืมครับ จากคุณ : ไผ่เหลือง เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 09:57:30

ความคิดเห็นที่ 7 ก็แค่เอาพระพุทธรูปไปตั้งไว้หนิ เขาไม่ได้บังคับไม่ใช่เหรอว่าชาวบ้านต้องมานับถือพุทธ บางศาสนายังส่งคนขึ้นไปเผยแพร่ศาสนาบนดอยได้เลย แถมชาวเขาส่วนใหญ่เมื่อเลิกนับถือผีก็หันไปนับถือศาสนานั้นกันตั้งเยอะ บางคนบอกได้ตังค์ด้วย เขาให้ตังค์เลี้ยงดูดี อันนี้เพื่อนชาวเขาที่ยากจนเล่าให้ฟัง ได้ยินมากับหูตัวเองเลย แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 10:18:32 จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 10:18:13

ความคิดเห็นที่ 8 ผมรู้สึกคล้าย ๆ จขกท ถ้าคนแถบนั้น ไม่รู้จักศาสนาพุทธมาก่อนเลย การนำพระพุทธรูปไปตั้งและทำศาลาไว้ อาจจะเป็นการมิควรเสียด้วย เพราะชาวบ้านแถวนั้นที่ไม่รู้อาจจะทำการไม่เคารพ ทำบางอย่างมิบังควรได้ และถ้าแม้ไม่ทำ การปล่อยทิ้งไว้รกร้างไม่มีใครดูแลก็เป็นการมิบังควรอีก แต่ถ้ามีใครสักคนที่เคารพศรัทธาคอยดูแล-บูชา อยู่ทางโน้น อย่างนี้ไม่น่ามีปัญหาครับ จากคุณ : ปฐมธง เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 10:38:14

ความคิดเห็นที่ 9 ขอแย้งคุณตุ้มนิดนึงน่ะคับ กฎหมายไม่ได้บัญญัติให้คนไทยต้องนับถือศาสนาพุทธหรอกคับ เจ้าพนักงานคนนั้นก็ไม่ได้ผิดด้วย เขาใช้สามัญสำนึกของวิญญูชนทั่วไปต่างหากล่ะคับ แต่การที่จะไม่กรอกเอกสารว่าไม่มีศาสนานั้น อาจจะทำให้มีผู้อื่นไม่พอใจก็ได้ ผมคนนึงล่ะที่ไม่นับถือศาสนาอะไร และผมก็ไม่ชอบเข้าพิธีกรรมอะไรต่างๆ ด้วย ไม่ว่าของศาสนาอะไรก็เถอะ แต่บางครั้งก็ไป เพราะว่าหน้าที่การงานมันบังคับ กรอกเอกสารว่าศาสนาพุทธเพราะสภาพสังคม เราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาล พลังของสังคมมันแรงกว่าพลังของคนๆ เดียวนะคับ ---- มีเพื่อนและคนอื่นๆ ถามผมว่านับถืออะไร ผมก็ตอบว่าไม่ได้นับถืออะไร แล้วก็ถามผมตอนว่าเวลากรอกเอกสารนี่ปล่อยว่างไว้เลยเหรอ ผมก็บอกว่าไม่ได้ปล่อยว่างคับ ก็ใส่ศาสนาพุทธนั่นแหละ เพื่อไม่ให้มีปัญหา การเอาตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วไปเถียงกับเจ้าพนักงานนั้นผมถือว่าเป็นการก่อปัญหาให้กับเจ้าพนักงานและตัวคุณเองด้วย คิดดูสิ ว่าเจ้าพนักงานคนอื่นๆ กับประชาชนที่ไปติดต่อราชการหรือที่อื่นๆ ได้ยินเข้า เขาจะว่ายังไง คุณเจ้าของกระทู้อาจจะไม่แคร์ก็ได้ แต่บางทีเขาใส่ใจนะคับ ถ้าเกิดคุณไปสมัครงานเอกชนที่เจ้าของบริษัทเป็นคริสต์ บางที่เบาไม่รับเลยนะคับ แต่คุณอาจจะไม่แคร์ก็ได้ แต่ที่คุณว่าไว้วรรคสุดท้ายนั่นน่ะ ผมว่าคุณกำลังเบียดเบียนเจ้าพนักงานคนนั้นอยู่นะคับ การที่คุณเอาแต่ใจตัวเองและไปข่มขู่เจ้าพนักงานนั้น ผมมองว่ามันผิดน่ะ เขาทำตามหน้าที่ ต้องมารองรับความเอาแต่ใจของคุณน่ะ ไม่รู้ว่า "เบียดเบียน" ของคุณหมายความว่ายังไง แต่เบียดเบียนของผมมันหมายถึงการสร้างปัญหาให้กับผู้อื่น จากคุณ : Sieghart เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 10:42:40

ความคิดเห็นที่ 10 อย่าเอาไปแต่พระพุทธรูปครับ ต้องเอาคำสอนของพระพุทธเจ้าท่านไปด้วย เพราะคุณค่าของศาสนาพุทธนั้นอยู่ที่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ถ้าเอาไปแต่พระพุทธรูปแล้วตั้งศาลให้เคารพบูชา แต่ไม่ได้เอาคำสอนไปบอกด้วย ชาวเขาเขาก็ไม่รู้หรอกครับว่า พระพุทธเจ้าและศาสนาพุทธมีอะไรดีพวกเขาถึงต้องมาเคารพ ต้องให้เขาเข้าใจและเห็นถึงคุณค่าของพระธรรมคำสอนที่พระพุทธเจ้าท่านสอนมาครับ และคำสอนต่างๆก็ควรเป็นคำสอนที่ถูกต้องและเข้าใจง่ายด้วย เอาแบบพื้นฐานเช่น ศีล5 พรหมวิหาร4 อิทธิบาท4 ฯลฯ ที่ควรใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อให้ชีวิตและสังคมสงบสุขครับ ส่วนหลักการปฏิบัติต่างๆควรไว้ทีหลัง เพราะต้องค่อยๆให้เขาค่อยๆเรียนรู้และพิสูจน์ไปทีละนิดๆครับ แต่อย่าไปเอาพวกความงมงายที่ชาวบ้านเอามาปนอย่างพวก ศาลพระภูมิ ไหว้เจ้า อะไรพวกนี้ไปปนนะครับ เพราะพวกนี้ไม่ใช่ศาสนาพุทธ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 11:00:14 จากคุณ : Kudo Kai เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 10:52:46

ความคิดเห็นที่ 11 ยึดถือผี ก็จะมีธรรมเนียมการห้ามลบหลู่ผีและจะเกิดภาวะความกลัวเช่นนั้นเช่นนี้ไปตามที่ตนยึดถือ อาจมีทั้งธรรมเนียมการขอขมาผี การสังเวยบูชาผี ฯลฯ  ถือเป็นกลุ่มทางสังคมมนุษย์ที่ยึดถืออย่างเดียวกันจึงสามารถใช้อุบายหรือสิ่งยึดถือต่างๆในการรวมศูนย์จิตใจและช่วยให้ปกครองง่าย (ถือเป็นพฤติกรรมแบบหัวเก่าดั้งเดิมของมนุษย์นั่นเอง) ถ้ามายึดถือพุทธ ก็จะมีธรรมเนียมห้ามลบหลู่พระพุทธรูปหรือพระสงฆ์อีก และถ้าเป็นพุทธแบบสังคมไทยก็จะทั้งพทธคลั่ง และพุทธปล่อยวางซึ่งน่าจะเป็นพุทธตามหลักธรรมจริงๆ  กลุ่มพุทธคลั่งนับเป็นปัญหาสังคมอย่างหนึ่งในปัจจุบันเพราะจะมุ่งเบียดเบียนอย่างขาดสติต่อผู้ที่แสดงออกอย่างไม่เคารพสิ่งที่กลุ่มตนเองยึดถือ  พฤติกรรมการยึดถือศาสนาก็ถือเป็นพฤติกรรมแบบหัวเก่าดั้งเดิมของมนุษย์อีกอย่างหนึ่ง ดังนั้นกรณีนี้ถ้าจะแนะนำชาวเขาก็ดูเพียงว่าพฤติกรรมการยึดถือผีนั้นมีสิ่งที่เป็นโทษควรปรับปรุงแก้ไขไหม ถ้าไม่เป็นโทษต่อชีวิตต่างๆอย่างผิดปกติเกินสมควรก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงใดๆ  แต่ถ้ามีบางธรรมเนียมที่เป็นโทษต่อกันโดยไม่สมควร ก็ควรแนะนำศาสนาใดก็ได้ที่มีหลักการประพฤติที่ละเว้นโทษต่อกัน  ส่วนการแนะนำสิ่งยึดถือทางศาสนาที่อาจนำมาสู่พฤติกรรมคลั่งหรือปีติหลงไหลทางศาสนา ควรละเว้นครับ จากคุณ : ผู้ศึกษา เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 11:18:40

ความคิดเห็นที่ 12 ไอ้เรื่องที่อ้างข้อกฎหมาย ผมไม่ได้เป็นคนอ้างเลยซักนิด แต่ จนท.เขาเป็นคนอ้าง ผมก็เลยบอกให้เขาเอาข้อกฏหมายมากางให้ดูหน่อย จะมาใช้ "สามัญสำนึก" กับผม การทำงานเอกสารมันจะใช้ "สามัญสำนึก" ได้อย่างไร มันต้องใช้ "ข้อเท็จจริง" และ "กฏระเบียบ" เพราะหากใช้สามัญสำนึก คำถามก็คือเราจะมีกฏระเบียบไว้ทำไม ???? ไอ้ที่บอกว่าผมตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วไปเถียงกับ จนท. สาเหตุก็มาจาก จนท.ของรัฐได้เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง และใช้ "สามัญสำนึก" กับผมในแบบที่คุณบอกนี่แหละ แถมเป็นสามัญสำนึกที่มั่ว และ ไม่มีกฏหมายรองรับ ผมก็แค่ปกป้องสิทธิ์ที่พึงมีตามรัฐธรรมนูญ ผมเองก็มองไม่ต่างกันหรอก ว่าคุณก็เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง และมาตัดสินการใช้สิทธ์ส่วนบุคคลของผม ผมถูก "เบียดเบียน" ในสิทธิ์ และมีสิทธิ์เต็มที่ในการขัดขวางการ "เบียดเบียน" นั้น แต่ผมว่าคุณนี่แหละครับที่เบียดเบียนผม ด้วยการอยู่ดีๆมากล่าวหาว่าผม "ก่อปัญหาให้กับเจ้าพนักงาน" จากคุณ : ตุ้ม (Toom McCartney) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 11:22:14

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่ามันง่ายไปที่จะเอาเพียงพระพุทธรูปไปตั้ง แล้วคนจะหันมานับถือได้ พระสมัยก่อนต้องไปรอนแรมอยู่กับชาวบ้าน เข้าไปช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา กว่าชาวบ้านจะให้ความเคารพนับถือต้องใช้เวลาหลายปี ให้เอาหัวใจกับพระธรรมเข้าไปก่อนครับ เมื่อเขารับค่อยไปสร้างวัดสร้างวัตถุ จากคุณ : EspressoFx เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 11:29:30

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนใหญ่ชาวเขาหลายหมู่บ้านที่เปลี่ยนมานับถือศาสนาจะพุทธหรือคริสต์ก็แล้วแต่ เพราะมีผู้เข้าไปเผยแพร่ธรรม เข้าไปสร้างประโยชน์ให้เขา โดยมากที่เห็นก็เป็นบาทหลวงที่เข้าไปช่วยสอนหนังสือเด็กๆ แล้วก็ให้ทุนเขาเรียนหนังสือ บางคนได้เรียนที่บ้านเณรเพื่อเตรียมตัวจะบวชด้วยซ้ำ ถ้าเค้าจะเปลี่ยนมานับถือศาสนาใดคงเพราะเห็นแล้วว่าศาสนานั้นดีและมีประโยชน์กับเขา เอารูปเคารพไปตั้งเฉยๆเค้าก็คงไม่เกิดตาสว่างเห็นธรรมขึ้นมาได้หรอกมั้งคะ จากคุณ : Jajabink (ja_ja_jsr) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 11:52:00

ความคิดเห็นที่ 15 อย่างที่คห.13พูดเลยครับ สมัยก่อนครูบาอาจารย์สายพระป่า เช่น หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ไปธุดงค์แล้วไปพักอาศัยอยู่บริเวณใกล้ๆหมู่บ้านชาวเขา ด้วยการปฏิบัติตนของพวกท่านและคำสอนต่างๆที่ท่านนำมาสอนชาวบ้าน ทำให้ชาวเขาจำนวนมากหันมาสนใจและนับถือศาสนาพุทธ นอกจากนี้พวกท่านยังช่วยให้ความรู้กับพวกชาวเขาเกี่ยวกับการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ต่างๆ รวมถึงการดูแลสุขภาพต่างๆอีกด้วย จากคุณ : Kudo Kai เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 12:03:47

ความคิดเห็นที่ 16 มีความรู้สึกเหมือน จขกท.ค่ะ   เราเองก็พุทธ แต่ถ้าอยู่ดี ๆ จะให้เอาพระพุทธรูปไปประดิษฐาน  ก็เกรงใจเขาเหมือนกันค่ะ  ว่าเรารุกล้ำเขามากไปไหม  จะมีคนเข้าใจเจตนาหรือเปล่า  ตอนนี้ถ้าพวกเขายังไม่รู้จักแนวทางคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า  มันก็อาจไม่เป็นไปตามเจตนาของคนทำน่ะค่ะ ถ้าเทียบกับศาสนาคริสต์  จะมีตัวแทนพวกมิชชันนารีที่เข้าไปช่วยเหลือ  ทำให้ชาวบ้านรู้ที่มาที่ไป จากคุณ : aicm เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 12:13:36

ความคิดเห็นที่ 17 เพื่อนผมนับถือทั้งผีทั้งพุทธนะครับ มันก็ไม่ได้ขัดแย้งอะไรนิ บางครั้งก็เห็นต้องสู่ขวัญ บางครั้งก้เข้าวัด ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย บางคนก็นับถือทั้งผีและคริสต์ก็มีครับ จากคุณ : anthoni เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 12:31:57 A:49.48.246.225 X: TicketID:366500

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้างั้นผมก็ขอแนะนำคุณตุ้มไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเลยคับ ว่าการบังคับให้ใส่ศาสนาขัดต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน จะได้มีฎีกาออกมาเป็นเคสตัวอย่าง ผมบอกแล้วว่าเจ้าพนักงานเขาทำตามหน้าที่ คุณอาจเป็นคนแรกที่ไปมีปัญหากับเจ้าพนักงานเขาเรื่องศาสนาก็ได้ ที่ผมบอกว่าคุณไปมีปัญหา เพราะว่าคุณเป็นผู้ก่อ อีกทั้งใช่ว่าเจ้าพนักงานจะรู้กฎหมายทุกมาตราทุกเรื่อง เขาอาจจะเห็นว่า application ที่เขาใช้อยู่มันต้องใส่ เขาก็เชื่อว่าต้องใส่ แล้วประชาชนทุกคนต้องมีศาสนา เขาทำหน้าที่โดยเคร่งครัด และที่ผมบอกว่าคุณเอาตัวเองเป็นที่ตั้งนั้น เพราะคุณทำตัวขวางโลก "เกินไป" ต่างหากล่ะคับ ผมนี่โดนทุกคนว่ามาหมดแล้ว ทั้งคำว่า "มารศาสนา พวกขวางโลก จรเข้ขวางคลอง มึน กวนทีน หาเรื่อง กวนประสาท หรือแม้กระทั่งเอาตัวเองเป็นที่ตั้งหรือศูนย์กลางจักรวาล" ผมก็โดนมาหมดแล้ว ผมถึงได้รู้ไงว่าเป็นยังไง หลังๆ มา ถึงแม้ว่าผมจะยังมีแนวคิดแบบนี้ แต่ผมก็ไม่มึนถึงขนาดจะต่อต้านไปซะทุกเรื่องหรอก ในบัตรประชาชนผมจะเป็นศาสนาพุทธก็ช่าง ในใบสมัครสอบผมจะกรอกศาสนาพุทธก็ไม่ได้สนใจ เพราะว่าผมทำเพื่อไม่ให้มีปัญหา ผมถึงได้บอกไงว่า ถ้าคุณสมัครงานเอกชน หรือ สมัครสอบหน่วยงานรัฐแล้วได้ ตอนสัมภาษณ์เขาถามขึ้นมา ถ้าคุณตอบแบบมีเหตุผลให้เขายอมรับได้ก็ดีคับ แต่ถ้าตอบแล้วเขายอมรับไม่ได้ ตัวคุณเองนั่นแหละที่จะแย่ ---- มีคนนึงที่สอบตกสัมภาษณ์ผู้ช่วยผู้พิพากษ์ ด้วยคำถามที่ว่า "ทำไมถึงมาสอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา" คนนั้นตอบกับผู้ที่สัมภาษณ์ว่า "ผมไม่ได้อยากเป็นผู้พิพากษา ผมชอบสอนมากกว่า ผมคิดว่าเป็นอาจารย์สอนกฎหมายให้ความรู้มากกว่าที่จะเป็นผู้พิพากษา และที่ผมมาสอบ ผมมาสอบเพื่อให้คนอื่นเขารู้ว่าผมก็ทำได้" เท่านั้นล่ะคับ ตกทันทีเลย บางครั้ง เรื่องที่เราเป็นตัวของตัวเอง มีแนวคิดเป็นของตัวเอง ก็ไม่สมควรที่จะพูดเหมือนกันนะคับ ---- สุดท้าย ที่คุณตุ้มบอกว่าผมเบียดเบียนคุณ เพราะคุณมาตอบโพสแบบนี้ไงคับ(คุณเป็นคนก่อเองนะ) แต่ยังก็คือ ผมไม่ได้เริ่มก่อน อีกทั้งคุณก็มาพูดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว กล่าวหาเจ้าพนักงานฝ่ายเดียวโดยที่เขาตอบโต้ไม่ได้ เพราะเจ้าตัวเขาไม่รู้ คุณอาจจะพูดใส่ความเจ้าพนักงานคนนั้นยังไงก็ได้ โดยที่เจ้าพนักงานคนนั้นไม่มีสิทธิแก้ต่างให้ตัวเองเลยน่ะ แล้วในเมื่อผมเห็นแย้งกับคุณ คุณก็มาว่าผมอีก ในเมื่อคุณไม่ต้องการให้ผมแย้งความคิดคุณ แล้วคุณเข้ามาตอบโพสคุณเจ้าของกระทู้ทำไมล่ะคับ ในเมื่อรับความเห็นต่างไม่ได้ แล้วเข้ามาเล่น bss ทำไมล่ะคับ และในเมื่อไม่สามารถรับฟังความเห็นต่างได้ จะเรียกว่าอะไรดีล่ะคับ จะให้ทุกคนเห็นดีเห็นงามกับแนวคิดคุณทุกคนคงเป็นไปไม่ได้หรอกนะคับ ฝากไว้ด้วย สวัสดี *** เพิ่มเติม *** อยากให้อ่านที่ผมเขียนไว้เกี่ยวกับศาสนาซักนิดนึงน่ะคับ http://www.pantip.com/cafe/social/topic/U12339686/U12339686.html#13 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 14:06:47 จากคุณ : Sieghart เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 13:46:36

ความคิดเห็นที่ 19 คุณเป็นใคร ??? จู่ๆจะมาแนะนำให้ผมทำโน่น ทำนี่ ??? แล้วผมไปร้องขอคำแนะนำจากคุณตอนไหน ??? ผมไม่ได้ต้องการคำแนะนำจากคุณนะครับ ผมก็ตอบกระทู้ไปตามประเด็น แล้วคุณจะมาอินอะไรกับคำตอบของผม ถึงขนาดจะมาบอกให้ผมไปร้องนั่น ร้องนี่ ผมจะร้องหรือไม่ร้องก็เรื่องของผมนะครับ.... คุณเองก็มีปัญหา และ ขวางโลกครับ ส่วนคุณจะโดนใครเขาว่าอะไรมาแบบไหน มันเรื่องของคุณครับ ไม่ใช่เรื่องของผม ผมไม่ได้อยากรู้อะไรเลยซักนิด จะมาบอกผมทำไม ?????? อย่ามากังวลเรื่องชีวิตของผม อย่ามาห่วงผมเรื่องสมัครงานเลยครับ คุณไม่ได้รู้จักอะไรผมเลย และผมก็ "มีดี" พอในสาขาอาชีพที่ผมทำอยู่ โดยที่หน่วยงานของผมไม่ได้สนใจเรื่องศาสนาของผม แต่สนใจในทักษะของผม อย่าคิดแทน อย่ากังวล อย่าเป็นห่วงผมครับ เพราะเราไม่รู้จักกันจนต้องมากังวลว่าผมจะไม่มีงานทำ จะมาห่วงอะไรกับชีวิตการทำงานของผมล่ะ คุณเป็นอะไรกับผม ???? ผมมาตอบกระทู้ เพราะอยากตอบคุณ จขกท. ไม่ได้อยากสื่อสารอะไร หรือ แลกเปลี่ยนอะไรกับคุณ คุณมาเบียดเบียนด้วยการกล่าวหาผม ผมก็เลยเบียดเบียน และกล่าวหาคุณกลับ จู่ๆจะมาบอกว่าผม "เริ่มก่อน" ทั้งๆที่ผมก็ตอบของผมไปตามทัศนคติ....หึหึ... ผมไป "เริ่มก่อน" กับคุณตอนไหน ??? ผมตอบกระทู้ไปที่ตัวประเด็นของกระทู้โดยตรง ผมเปิดรับความเห็นต่าง ในทุกครั้งที่ผมตั้งกระทู้ เพราะเมื่อผมตั้ง นั่นแสดงว่าผมต้องการ คห. แต่เมื่อผมไม่ได้ตั้ง ผมมาตอบกระทู้ตามสิทธิ์ แล้วคุณจะมาบังคับให้ผมต้องฟัง คห.ของคุณทำไม ในเมื่อผมไม่ได้อยากได้ คห.อะไรจากคุณเลยซักนิด เอาไว้เมื่อผมตั้งกระทู้ก่อน แล้วเมื่อไรที่ผมแสดงชัดว่าไม่ยอมรับ คห.ที่แตกต่าง ถึงตอนนั้นคุณค่อยมาโวยวายด่าผมได้ในฐานะที่ตั้งกระทู้แล้วไม่ยอมรับ คห. ผมว่าคุณนั่นแหละครับ ที่ไม่ยอมรับ "สิทธิ์" ของผู้อื่น ในการที่จะรักษาสิทธิ์แห่งการไม่เปิดรับ คห.ต่างใดๆ เพราะไม่ได้เป็นคนตั้งกระทู้ ผมไม่จำเป็นต้องรับฟัง คห.คุณ เพราะผมไม่ได้ตั้งกระทูเพื่อขอ คห. ผมแค่คนมาตอบ และ ไม่ได้อยากได้ คห.อะไร ในเมื่อคุณไม่ต้องการให้ผมแย้งความคิดคุณ แล้วจู่ๆคุณเข้ามายุ่งอะไรกับทัศนคติของผมละ ในเมื่ออยากแสดงความเห็นต่าง คุณก็แสดงทรรศนะไปที่คุณ จขกท.ได้เลยครับ เพราะคนตั้งกระทูเขาอยากได้ คห. แต่ผมไม่อยากได้ ในเมื่อไม่สามารถเคารพสิทธิ์แห่งการตอบกระทู้ของคนอื่นได้จะเรียกว่าอะไรดีล่ะครับ จะให้ทุกคนเห็นดีเห็นงามกับแนวคิดคุณทุกคนคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แล้วผมก็ไม่จำเป็นต้องคลิกไปอ่านข้อเขียนของคุณตามลิ้งค์ เพราะผมไม่ได้อยากรู้แนวคิด หรือ ทัศนคติใดๆของคุณเลย มันไม่ได้มีคุณค่าอะไรกับผมแม้แต่น้อย เนื่องจากผมไม่ได้อยาก "เสพ" มัน ไม่ต้องมาฝากลิ้งค์อะไรให้ผมอ่านหรอกครับ ผมไม่ได้อยากอ่านในสิ่งที่คุณบอกว่า "อยากให้อ่าน" เพราะผมรู้ตัวดีว่าอยากอ่าน หรือ ไม่อยากอ่านอะไร จากคุณ : ตุ้ม (Toom McCartney) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 14:53:42

ความคิดเห็นที่ 20 วงแตก จากคุณ : ไผ่เหลือง เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 09:27:06

ความคิดเห็นที่ 21 เอาหล่ะวา อย่าทะเลาะกันเลยค่ะ จขกท เพียงยกกรณีตัวอย่างเท่านั้นเองว่า ไม่ว่าคุณจะนับถืออะไร เพียงแต่เป็นคนดีก็คงจะพอแล้ว เหมือนอย่างบางความเห็นว่า การนำพระพุทธรูปขึ้นไป แล้วคนข้างบนยังไม่เห็นถึงคุณค่ามันก็ไม่ต่างกับเอาขยะ ขอโทษที่พูดแรงนะคะ ไปทิ้งที่บ้านเขา พอไปไม่มีคนดูแล เก่ากลายเป็นสถานที่ไม่พึงประสงค์อีก จะทำให้ศาสนาพุทธเสียหายอีก เราเลยคิดเหมือนหลายความเห็น ว่าถ้าจะเข้าไปอย่านำปัญหา แต่นำคำสอน ความดี เข้าไปก่อน ให้เขาซึมซับและเต็มใจรับนับถือก่อน จึงนำวัตถุขึ้นไป แต่ใจจริงก็ไม่อยากให้เขานับถือพุทธเท่าไหรหรอกค่ะ เพราะนับถือผี ดูไม่วุ่นวายเหมือนพุทธ แต่ทำคนเป็นคนดีได้เหมือนกัน และเป็นความเชื่อประจำถิ่นที่มีเสน่ห์ในตัว การเป็นคนที่ปฏิเสธที่จะนับถือศาสนา เราก็ไม่เห็นว่าจะผิดตรงไหน เพียงแต่ จนท บางคนเขาอาจเห็นเป็นเรื่องธรรมดาว่า คนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และอาจยังไม่เปิดใจให้กับการเป็นอิสระไม่นับถือศาสนาเท่านั้นเอง บางคนก็ใส่ศาสนาไปเพื่อตัดรำคาญ อย่างหมอคนนึงที่เรารู้จัก ในประวัติก็นับถือพุทธ แต่พอพูดคุยท่านบอกไม่นับถือศาสนา จากคุณ : luksawkhonklang เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 21:24:08