ผมควรจะบอกแม่ดีหรือเปล่าว่า "ผมเป็นเกย์"
|
 |
กระทู้นี้ยาวหน่อยนะครับ
ผมมีเรื่องอยากปรึกษากับสมาชิกห้องศาลาประชาคมหน่อยครับโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีลูกวัยกลางคนครับ ท่านจะรู้สึกจะคิดอย่างไรถ้าเกิดจู่ๆ ลูกชายของท่านมาบอกว่า ผมเป็นเกย์ ในชีวิตนี้ผมเคยคบกับผู้ชาย 2 คน คนแรกคือเพื่อนสนิทตอนเรียนปริญญาตรี และคนที่สองคือคนที่คบปัจจุบัน
จริงๆ ผมรู้ตัวว่าชอบผู้ชายมาตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรีแล้วครับ แต่ก็เคยได้ลองคบกันผู้หญิงอยู่บ้าง ถามว่าผูกพันธ์ไม๊ ห่วงไม๊ ก็ห่วง ผูกพันธ์ ผมดูแลแฟนผู้หญิงที่คบมาอย่างดีทุกคนนะครับ ยกเว้นเรื่องเดียวที่ผมผิดกับเธอเหล่านั้นซึ่งก็คือผมคบซ้อนกับเพื่อนผู้ชายของผมครับ
แต่สุดท้ายผมก็เลิกกับผู้หญิงไปเพราะนิสัยเราเข้ากันไม่ได้ และผมก็เลิกเด็ดขาดกับเพื่อนผู้ชายที่คบกันมานานกว่า 10 ปีด้วยเช่นกัน เพราะทนความไม่พอของเค้าไม่ไหว จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว ด้วยความที่ผมเป็นโสดอยู่ ก็เลยทำให้ผมได้รู้จักกับผู้ชายอีกคนนึง เค้าไม่เหมือนเกย์ทั่วไป เป็นคนดีมาก จิตใจดี ซื่อสัตย์ จริงใจ ไม่เคยโกหก เค้าคบผมเป็นคนแรกและพร้อมจะหยุดที่ผมทันที เราคบกันมาได้เกือบปีแล้ว เคยทะเลาะกันไปครั้งเดียวเท่านั้นและคืนดีกันภายในชั่วข้ามคืน ซึ่งเราทะเลาะกันเพราะ นิสัยที่ดีเกินไปของเค้า ครั้งนั้นทำให้ผมทุกข์ใจมาก เพราะเค้าเศร้ามาก จนผมคิดว่าไม่อยากจะทำให้คนดีๆ อย่างนี้เสียใจอีก
ผมพูดได้เลยว่าตั้งแต่คบกับแฟนผู้หญิง หรือเพื่อนสนิทผู้ชายคนนั้นมา ไม่เคยมีคนไหนทำให้ผมสบายใจ อยู่ด้วยแล้วมีความสุขมากมายขนาดนี้ และผมก็อยากอยู่กับเค้าไปตลอด แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าทั้งผมและเค้าเป็นผู้ชาย มันไม่ง่ายเลยที่จะคบกัน
ตอนนี้ผมอยู่ต่างประเทศ เราคบกันข้ามประเทศครับ แต่เราก็คุยกันทั้งวันผ่าน whatsapp, line, facebook ครับ ตกดึกเราก็จะเปิดกล้องกันทุกวัน แล้วผมเองก็กลับเมืองไทยบ่อย ทุกครั้งที่กลับเมืองไทยก็จะไปอยู่ ไปเที่ยวกับเค้าครับ แต่ในอีกไม่ช้า ผมจะหมดวาระการทำงานที่นี่ และจะต้องกลับไปทำงานต่อที่เมืองไทยอย่างถาวร ซึ่งดูเหมือนจะดีที่ว่าผมจะได้กลับไปอยู่เมืองไทย ได้เจอเค้าบ่อยๆ แต่นี่ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาที่ผมต้องเผชิญหน้า หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วเช่นกันครับ
คุณแม่ถามผมทุกวันที่ผมโทรกลับไปหาว่า เมื่อไรจะมีแฟนสักที เพราะผมไม่มีแฟนผู้หญิงนานแล้ว ท่านบอกว่ากลับมาอยากให้รีบมีแฟน อยากให้รีบแต่งงาน เพราะว่าผมเองก็พร้อมทุกอย่าง ทั้งวัย-หน้าตา ทั้งหน้าที่การงาน ทั้งวุฒิการศึกษา และการเงิน พูดง่ายๆ ว่า profile ดูดีมากครับ (ดีจนคนอื่นๆ สงสัยว่าอย่างผมหลุดไม่มีแฟนได้อย่างไร ซึ่งทุกครั้งผมจะอ้างว่างานยุ่งเสมอ และอยู่ต่างประเทศ จะให้ไปหาที่ไหน) ท่านบอกว่าไม่อยากให้ช้าไปกว่านี้ เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้
เมื่อก่อนผมคิดเสมอเลยนะครับ ว่าอยากแต่งงาน อยากมีลูก อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ตอนนี้ผมมีแฟนผู้ชายซึ่งเค้าดีกับผมมาก มากจนผมไม่กล้าคิดจะทิ้งเค้าไปแต่งงาน ไปมีลูกเลย ผมเป็นห่วงเค้า กลัวว่าถ้าผมทิ้งเค้าไป แล้วเค้าไปเจอคนใหม่ จะโดนหลอก เพราะสังคมเกย์ หาคนดี จริงใจยากมาก ขนาดเพื่อนสนิทผมที่คบกันมายาวนานกว่า 10 ปี ยังแอบนอกใจเลย และที่สำคัญคือตอนนี้ผมรักแฟนผมมากครับ
แต่จะทำอย่างไรดีครับ ทุกวันนี้คุณแม่ผมถามผมบ่อยมาก จนผมกดดัน เครียดมาก ผมปรึกษากับแฟนผมทุกครั้งที่แม่พูดเรื่องนี้ครับ ครั้งแรกแฟนผมเค้าร้องไห้เลย เค้าบอกว่าเค้ารัก เค้าไม่อยากให้ผมไปแต่งงาน แต่ครั้งต่อมาเค้าเริ่มทำใจได้บ้าง เค้าบอกว่า ถ้าต้องเลิกจริงๆ เค้าก็ต้องยอม เพราะว่าอย่างน้อยที่เลิกกันไม่ใช่ว่าผมเป็นคนไม่ดี ทิ้งเค้าไปมีคนใหม่ แต่ที่เลิกกัน เพราะผมต้องการทำให้คุณแม่สบายใจ ไปทำหน้าที่ลูกที่ดี เค้าบอกว่าเค้าก็ไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ผมกับแม่ต้องทะเลาะกัน
ล่าสุดคุณแม่ก็คุยเรื่องนี้อีกครับ ผมก็เครียดเลยไปปรึกษากันอีก คราวนี้เราเลยตัดสินใจตกลงกันว่า ผมจะไปบอกความจริงกับแม่ทั้งหมด จะเข้าไปคุยแบบขอคำปรึกษาแทน จะบอกแม่ว่า
ผมเป็นเกย์ ถ้าผมแต่งงานไปผมไม่แน่ใจว่าผมจะมีความสุข และจะสามารถทำให้ภรรยามีความสุขได้หรือเปล่า แล้วผมจะมีครอบครัวที่อบอุ่นได้หรือเปล่า ผมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ผมมีความสุขกับการคบแฟนผู้ชาย และเค้าก็มีความสุขที่ได้คบกับผม
แต่ด้วยว่าแม่ผมเป็นคนคิดมาก เครียดเก่ง ความดันขึ้นสูงง่าย เป็นคนสุขภาพไม่ดีอยู่แล้วด้วย ผมก็เป็นห่วงท่านนะครับ กลัวท่านเครียดมากจนความดันขึ้น สุขภาพย่ำแย่ลง ล้มป่วยได้ แม่เป็นคนคิดมากจริงๆ นะครับ คิดมากเว่อร์ๆ เลย ผมเลยคิดจะถามแม่แบบขอคำปรึกษา โดยจะพูดต่อไปว่า
ผมควรทำอย่างไรดี ผมไม่อยากทำให้แม่ไม่มีความสุข ไม่อยากให้แม่มาทุกข์กับผมเรื่องนี้ ผมอยากให้แม่ช่วยชี้แนะผมด้วยว่าผมควรทำอย่างไรต่อไปดี ไม่ว่าแม่จะเลือกทางไหนให้ผม ผมยอมรับทางนั้น ถ้าแม่อยากให้ผมเลิกคบ ให้ผมไปแต่งงาน ผมก็ทำให้แม่ได้ เพื่อให้แม่สบายใจที่สุด เพราะก่อนที่ผมจะมาคุยกับแม่ครั้งนี้ ผมได้คุยกับแฟนผมแล้ว เค้าบอกว่าเค้าจะยอมรับทุกอย่าง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เค้าไม่อยากเป็นตัวปัญหาให้กับครอบครัวของผม และไม่อยากทำให้แม่ไม่สบายใจ
ผมควรจะไปสารภาพ ไปพูด ไปขอคำปรึกษากับแม่อย่างที่ผมกับแฟนวางแผนกันไว้ไหมครับ แฟนผมเค้าบอกว่าเค้าจะยอมรับทุกอย่างจริงๆ แต่อย่างที่บอกครับ ผมกลัวแม่เครียด กลัวแม่ทุกข์ใจและเป็นกังวลไปตลอด แม่คงต้องคิดว่า 1) ถ้าเค้าจะเลือกให้ผมคบกับแฟนต่อไปได้ เค้าก็จะเป็นห่วงผมไปตลอด ห่วงว่าต่อไปใครจะมาดูแล คนแก่สองคน จะอยู่กันอย่างไร 2) ถ้าเลือกให้ผมเลิกกับแฟนผู้ชาย แล้วให้ผมไปแต่งงานกับผู้หญิง ครอบครัวผมจะมีความสุข จะอยู่รอดหรือเปล่าอย่างไรหรือไม่
จริงๆ ผมเคยพูดกับแม่นะ ว่าผมไม่อยากแต่งงาน ท่านเคยบอกว่า ไม่ได้หรอก คนเราต้องแต่งงาน ต้องมีครอบครัว จะได้สมบูรณ์แบบ ถ้าไม่แต่งงานแล้วแก่เฒ่าดูแลตัวเองไม่ได้ใครจะมาดูแล แล้วแม่ก็ยกตัวอย่างป้าที่รู้จักกัน เค้าไม่ได้แต่งงาน อยู่คนเดียว เวลาป่วยก็ต้องนอนอยู่คนเดียว ไม่มีลูกหลานมาอยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลา จะมีแค่มาเยี่ยมเท่านั้น
หรือผมควรจะบอกเลิกกับแฟนผู้ชายไปแต่งงานตามที่แม่ต้องการโดยที่ไม่ต้องเล่าความจริงให้แม่ฟัง เพื่อที่เค้าจะได้ไม่ต้องสบายใจดีครับ? (ไม่อยากให้โยงเรื่องเป็นเกย์เลิกไม่ได้ ต้องวกกลับไปหาผู้ชายอีกวันยังค่ำ เพราะถ้าผมจะแต่งงานผมก็จะซื่อสัตย์ต่อครอบครัวของผมครับ)
ใจนึงก็คิดว่าคุณแม่คงรับไม่ได้แน่ๆ ถ้าบอกว่าเป็นเกย์ แต่อีกใจก็คิดว่าแม่น่าจะเข้าใจ เพราะที่ผ่านมาผมก็เป็นลูกที่ดีของแม่ เรียนดี เรียนสูง ทำงานดี ดูแลเอาใจใส่คุณพ่อคุณแม่มาตลอด และหวังลึกๆ ว่าคุณแม่คงไม่อยากทำร้ายจิตใจใครเลยสักคน คุณแม่ก็คงรู้สึกไม่ดี ถ้าต้องบอกให้ผมไปบอกเลิกกับแฟน
แต่ถ้าจะถามว่า ก็ไม่ต้องบอกแม่ อยู่ไปเฉยๆ อย่างนี้แหล่ะ ก็จะตอบได้เลยว่า ทั้งผมและแม่คงต้องอึดอัดกันมากแน่ๆ เพราะแม่พูดทุกอยู่ทุกวันจริงๆ ครับ แล้วอีกอย่างผมกับแฟนผมจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร?
อยากถามท่านผู้ใหญ่ ผู้มีประสบการณ์หน่อยว่าผมควรทำอย่างไร ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดครับ
จากคุณ |
:
เกมส์
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ก.ค. 55 10:33:52
A:133.62.142.110 X: TicketID:332232
|
|
|
|