 |
ถ้ามันคือสิ่งที่ถูกลิขิตมา ไม่ว่าจะอย่างไร เราฝืนมันไม่ได้หรอกครับ
ผมเชื่อว่าคุณพ่อคุณอาจพูดด้วยอารมณ์
เพราะไม่ว่าจะอย่่างไร ลูกก็ยังคงเป็นลูกอยู่เสมอ มีคนมากมายที่เป็นเกย์ และเป็นเกย์ที่เป็นคนดี
คนอย่างพี่เบิร์ด , ดร.เสรี วงฯ, เบน ชลาทิศ คุณนที ธีระโรจนพงษ์ ไปจนถึง ริคกี้ มาร์ติน ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีคุณภาพ และมีค่าต่อสังคมในด้านที่พวกเขาถนัด
ผมอาจตอบไม่ตรงกับคำถาม แต่อยากบอกว่ารักร่วมเพศไม่ใช่เรื่องน่าอายครับ
เพราะมันเป็นเรื่องของรสนิยมครับ หาใช่ความผิดปกติทางร่างกายแต่อย่างใด
ในสมัยก่อนนั้น ผู้คนมักมองกันว่า การเป็นรักร่วมเพศเป็นเรื่องผิดปกติ
นั่นเป็นเพราะมนุษย์ดันไปนิยามกันเองว่า โลกนี้มีแค่ 2 เพศ คือชาย กับ หญิง เท่านั้น
แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้นดอกครับ
การที่ผู้คนเข้าใจว่ารักร่วมเพศคือความผิดปกติ เพราะในตอนแรกองค์การอนามัยโลกได้บัญญัติเอาไว้ โดยกำหนดให้ "รักร่วมเพศ" ถือเป็นความผิดปกติของมนุษย์ และได้ใส่มันไว้ใน ICD หรือ International Classification Disease
มันคือ "บัญชีการจำแนกโรค" ของ WHO เขาครับ
ผู้คนก็เลยเชื่อไปว่ามันคือความผิดปกติ
แต่พอเวลาผ่านไป โลกเรามันโลกาภิวัฒน์มากขึ้น WHO ได้พิจารณาถอดรักร่วมเพศออกจาบัญชี เพราะตระหนักแล้วว่ามันคือรสนิยมส่วนบุคคลอย่างแท้จริง
ที่สำคัญมันมีมาตั้งแต่ยุคสมัยไหนแล้วก็ไม่รู้
ขนาดวรรณกรรมของแต่ละชาติ ก็ยังมีเรื่องของรักร่วมเพศไว้ให้ได้ศึกษากันเลย เห็นกันชัดๆเลยก็คือ "สามก๊ก" ที่มีเหล่าขุนนางขันที ซึ่งทรงอิทธิพลในราชสำนักถึงขนาดชี้เป็นชี้ตายได้เลย
หรือแม้แต่ปกรนัมโบราณของพวกกรีก ก็ยังมีเรื่องราวของรักร่วมเพศมาเป็นพันๆปีแล้ว
"เฮอร์มาโฟรไดรตัส" เป็นเทพที่เป็นเกย์ครับ
แรกเริ่มเดิมทีเขาก็เป็น "แมน" ตามปกตินี่แหละ เขาเป็นลูกชายของเทพเฮอร์เมส กับ เทพีวีนัส ทั้งพ่อและแม่เป็นคนที่หน้าตาดีมาก และได้ถ่ายทอดความสง่างามมายังลูก
"เฮอร์มาโฟรไดรตัส" จึงเป้นที่หมายปองของนางอัปสรทั้งหลาย
หนึ่งในนั้นคือเทพอัปสรแห่งน้ำพุ ที่ชอบ "เฮอร์มาโฟรไดรตัส" มาก และได้ไปอษิฐานขอพรให้ร่างของนางรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเขา
จนกระทั่งวันหนึ่ง "เฮอร์มาโฟรไดรตัส" ก็พลาดท่า เพราะเขาได้ไปอาบน้ำพุที่เป็นน่ำพุที่เธอดูแลอยู่ และเธอได้หลอมร่างของเธอรวมไปกับ "เฮอร์มาโฟรไดรตัส"
จนทำให้เขาเป็นชายหนุ่มที่มีอวัยวะเพศตามปกติ แต่มีหน้าอก และเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบของความเป็นหญิงทันที !!!!
"เฮอร์มาโฟรไดรตัส" จึงกลายมาเป็นชื่อทางการแพทย์ ที่เรียกกันว่า "เฮอร์มาโฟรไดรท์" ที่สื่อความหมายถึงรักร่วมเพศครับ
เรื่องแบบนี้มันมีกันมาตั้งแต่โบราณแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับมันว่าเป็น "อาการป่วย" หรือ "รสนิยม"
ผมเชื่อว่าถ้าคุณและพ่อของคุณ ต่างให้โอกาส ให้เวลากันและกัน ในการที่จะปรับตัว ปรับทัศนคติ และยอมรับความจริง ยอมรับความเป็นไปของชีวิต และเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่าเปิดใจแล้วละก็
การเป็นเกย์ มันก็แค่รสนิยมเท่านั้นเอง......
หาใช่ทุกอย่างที่จะทำให้ชีวิตพังทลายครับ
โชคดีนะครับ......
จากคุณ |
:
ตุ้ม (Toom McCartney)
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ส.ค. 55 21:19:38
|
|
|
|
 |