ความคิดเห็นที่ 1 สรุปง่ายๆใจความสั้นๆนะครับว่า ที่ดิน นส.๓ นั้น เป็นที่ดินที่มีเพียงสิทธิครอบครองเท่านั้น ผู้ใดครอบครอง ผู้นั้นย่อมมีสิทธิดีกว่าเอกสาร นส.๓ เป็นไหนๆ ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งของเรื่องนี้คือ พ่อของ จขกท ได้ซื้อขายและส่งมอบการครอบครอง และมีการสละการครอบครองให้พ่อ จขกท แล้ว แม้ว่าไม่จดทะเบียนซื้อขายตาม ป.ที่ดิน ก็ไม่ทำให้การซื้อขายนั้นเสียไปแต่อย่างใด หนำซ้ำยังมีผลเป็นการโอนสิทธิครอบครองในทางแพ่ง ที่บังคับกันได้อีกด้วย ทายาทของผู้ตาย ไม่ใช่บุคคลภายนอก จึงต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ที่มีต่อพ่อ จขกท คือ ต้องทำการแบ่งแยกที่ดิน ๖ ไร่ให้แก่ พ่อ จขกท ตามสัญญาซื้อขายเดิมนั่นเอง เรื่องนี้มีสองทาง คือ ๑ ไปร้องต่อศาลให้มีคำสั่งให้ทำการแบ่งแยกที่ดิน นส.๓ ตามที่ได้ซื้อมา โดยฟ้องทายาทของผู้ตายทุกคนให้ทำการแบ่งแยก หรือ ๒ ไปสำนักงานที่ดินเพื่อขอทำการแบ่งแยก โดยอ้างเรื่องสิทธิครอบครองและได้สิทธิครอบครองแล้ว แต่วิธีที่สอง ยังไงก็ต้องจบที่ศาลในวิธีที่ ๑ อยู่ดี ปล.เอาแค่นี้ก่อนครับ ให้คนอื่นมาเพิ่มต่อแล้วกัน จะได้มีวิธีอื่นๆอีก จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 18:12:42

ความคิดเห็นที่ 2 1.นาย ง. (พ่อผมเอง) จะต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อจะได้ไม่เสียสิทธิในที่ดินจำนวน 6 ไร่ที่ซื้อไป ตอบ---นาย ง.มีสิทธิครอบครองในที่ดิน น.ส.๓ก ส่วน 6 ไร่ที่ตนเองครอบครอง แต่คงต้องรอให้ถูกโต้แย้งสิทธิเสียก่อนจึงจะสามารถพิสูจน์สิทธิการครอบครองได้ พูดง่าย ๆ รอเขาฟ้องก่อน 2.หาก นาง จ. ฟ้องเรียกร้องสิทธิในการถือครองที่ดิน นาย ง. จะฟ้องแย้งการครอบครองได้อย่างไร เนื่องจาก นาย ง. ได้ทำกินบนที่ดิน 6 ไร่ โดยเปิดเผยมาโดยตลอดเกินกว่า 20 ปี ตอบ---นาย ง.ฟ้องแย้งไม่ได้ ได้แต่ให้การโต้แย้งสิทธิ และเมื่อศาลพิพากษาให้เป็นฝ่ายชนะคดีแล้วสามารถนำคำพิพากษาไปขอเปลี่ยนแปลงสิทธิในหนังสือแสดงสิทธิการครอบครองได้ 3.ถ้ามีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น และถ้านาย ง. เป็นฝ่ายชนะ นาย ง. สามารถให้นาง จ. ยินยอมชดใช้เสียค่าทนายให้กับนาย ง. ได้หรือไม่ ตอบ---ศาลสั่งให้ได้ตามดุลยพินิจ 4.หากมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้นโอกาสที่ นาง จ. จะชนะมีมั้ยครับ และจะแก้ปัญหาอย่างไรครับ ตอบ---ผมมองว่าโอกาสที่นาง จ.จะชนะ มีทางเดียว คือทนายของคุณต้องอ่อนหัดมาก ๆ หรือไม่ก็ไม่ตั้งใจทำงาน หรือไม่ก็สติไม่ดี พูดง่าย ๆ คดีนี้ทนายคนไหนทำแล้วยังให้นาง จ.ชนะได้น่าจะมีงานสถานเดียว 5.หากมีความเห็นเป็นอย่างอื่น รบกวนท่านช่วยชี้แนะด้วยครับ ตอบ---หน้าที่ในการพิสูจน์เป็นของฝ่ายนาย ง.จำเลย(หรืออาจเป็นผู้คัดค้าน) ก็นำสืบให้ครบประเด็น ก็ ลอยลำแล้วครับ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ บังเอิญโพสพร้อม ๆ กับ คห.1 ด้วยความหวังดี ว่าอย่าทำตาม คห.1 เด็ดขาด เพราะศาลจะยกฟ้องครับ เท่านี้นะครับ และ คห.1 ก็ควรไปค้นเอาเองว่าทำไมผมถึงบอกว่า อย่าทำเด็ดขาด ครับ ไปค้นซะอย่ามาอิดออดครับน้าออด จะได้จบเนฯไว ๆ V V V แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 55 18:35:57 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 55 18:19:03 จากคุณ : LUCKPOWERRICH เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 18:15:41

ความคิดเห็นที่ 3 ยังไม่ทันฟ้องศาลเลย..รู้ได้ไงว่าศาลจะยกฟ้อง.. คห.๒ ลองอ่านคำตอบของคุณที่บอกมา แล้วอ่านของผมใน คห.๑ มันก็ไม่ต่างกันหรอกนะ.. เพียงแต่ วิธีการบอกมันต่างกันเท่านั้นเอง แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 55 18:37:40 จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 18:29:54

ความคิดเห็นที่ 4 คห.๒ บอกว่า ต้องรอให้ถูกโต้แย้งสิทธิก่อน จึงจะฟ้องได้ และบอกว่าต้องรอให้เค้าฟ้องก่อน.. นี่ถึงขนาด นาง จ.ต้องการจัดการแบ่งแยกที่ดินให้กับทายาทผู้ตาย โดยกระทบถึงที่ดินของ พ่อ จขกท แล้ว ยังไม่ถูกโต้แย้งสิทธิอีกเหรอ... น่าคิดนะ แล้วถ้าเค้ารังวัดแบ่งแยกที่ดินให้กับทายาทคนอื่นไปแล้ว เค้าก็ไม่ฟ้อง นาย ง.เสียที แบบนี้ยังไม่ถูกโต้แย้งสิทธิอีกหรือเปล่า... น่าคิดเช่นกัน จขกท จะเชื่อใคร จะทำตามหรือไม่ สุดท้ายก็อยู่ที่ทนายของ จขกท ตั้งเรื่องและตั้งประเด็นอีกที ข้อแนะนำที่ผมบอกไปคือ บอกวิธีโดบรวม โดยไม่ได้เจาะลึกถึงขนาดให้มีผลทางคดี ง่ายๆสั้นๆก็อย่างที่บอกแหละ ใครครอบครองคนนั้นมีสิทธิดีกว่า จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 18:35:32

ความคิดเห็นที่ 5 ทำไมต้องทำตามด้วยล่ะ.. ตลกอ่ะ. จบเนติฯเร็วหรือช้า...มันต่างกันตรงไหน คนจบก่อนลืมก่อน เข้าหม้อเข้าไหก็เยอะ อย่างที่เห็นๆกันอยู่นี่ไง หุ หุ ผมเหลืออีกขาเดียว... ดีใจที่มีคนเอาใจช่วย.. จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 18:41:07

ความคิดเห็นที่ 6 ขอถามเป็นวิทยาทานครับ #2 วิธีการในความเห็น #1 บกพร่องอย่างไรจึงอาจจะทำให้แพ้คดีครับ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับ จขกท และผู้สนใจอื่นๆ ส่วนในความเห็นที่ 2 ท่านได้อธิบายเหตุผลแล้วครับ คิดว่าท่านทั้งสองน่าจะวิชาชีพเดียวกันครับมีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือผู้อื่นเช่นกันครับ ผมแอบมาขอความรู้อยู่ครับ   ขอให้กำลังใจน้าออดครับให้สอบผ่านโดยเร็วครับ จากคุณ : sternberg เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 18:59:34

ความคิดเห็นที่ 7 1.นาย ง. (พ่อผมเอง) จะต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อจะได้ไม่เสียสิทธิในที่ดินจำนวน 6 ไร่ที่ซื้อไป - ประการแรก ให้ยื่นคัดค้านการรังวัดออกโฉนดที่ดินทั้งแปลงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน  เจ้าพนักงานที่ดินจะดำเนินการสอบสวนแล้วมีคำสั่ง  หากไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ดินก็สามารถยื่นฟ้องต่อศาลได้ภายในเวลาที่กำหนดในประมวลกฎหมายที่ดิน           2.หาก นาง จ. ฟ้องเรียกร้องสิทธิในการถือครองที่ดิน นาย ง. จะฟ้องแย้งการครอบครองได้อย่างไร เนื่องจาก นาย ง. ได้ทำกินบนที่ดิน 6 ไร่ โดยเปิดเผย มาโดยตลอดเกินกว่า 20 ปี - ฟ้องแย้งว่าได้ที่ดินโดยการครอบครองแล้ว การซื้อขายที่ดิน น.ส. ๓ แม้ไม่จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน การซื้อขายเป็นโมฆะ แต่ก็สมบูรณ์โดยการส่งมอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์   นาย ง. ย่อมได้สิทธิครอบครอง  แต่จะฟ้องให้นาง จ. แบ่งแยกที่ดินและโอนกรรมสิทธิ์ให้ไม่ได้ เพราะนาง จ. ไม่มีหน้าที่ทางนิติกรรมที่จะต้องไปดำเนินการเช่นนั้น 3.ถ้ามีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น และถ้านาย ง. เป็นฝ่ายชนะ นาย ง. สามารถให้นาง จ. ยินยอมชดใช้เสียค่าทนายให้กับนาย ง. ได้หรือไม่ - ถ้าการกระทำเป็นการละเมิด ก็ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ 4.หากมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้นโอกาสที่ นาง จ. จะชนะมีมั้ยครับ และจะแก้ปัญหาอย่างไรครับ - ตามรูปคดี บิดา จขกท. ซึ่งเป็นผู้ครอบครองอยู่ในฐานะได้เปรียบ  เว้นแต่พยานหลักฐานในชั้นพิจารณาจะพิสูจน์ไม่ได้เหมือนกับที่ให้รายละเอียดมา บิดา จขกท. มีหน้าที่ในการพิสูจน์ครับ หากพิสูจน์ไม่ได้ ก็แพ้คดี 5.หากมีความเห็นเป็นอย่างอื่น รบกวนท่านช่วยชี้แนะด้วยครับ - ถ้าจะให้ชี้แนะ คงไม่เกี่ยวข้องกับคดี แต่อยากแนะนำว่าถ้ามีโอกาสซื้อขายที่ดินในภายหน้า ควรทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เสียให้เรียบร้อย จะได้ไม่มีปัญหาในภายหน้าครับ จากคุณ : ใต้หล้า (นายตัวบท) เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 19:13:09

ความคิดเห็นที่ 8 การจดทะเบียนเกี่ยวกับ น.ส.3.ในกรณีแบบนี้กรมที่ดินมีวิธีการจดทะเบียนให้ได้ โดยไม่ต้องฟ้องแต่มีหลักการหลายอย่าง (ซึ่งในทางปฏิบัติอาจง่ายหรือยากก็ได้ แล้วแต่กรณี) ให้ไปศึกษาจากระเบียบคำสั่งเรื่องนี้ได้เลยที่นี่ http://www.dol.go.th/registry/images/medias/registry/file/handbook/handbook-1/handbook28.pdf (พวกระเบียบที่ออกมานี่แม้ไม่ใช่กฎหมายแต่ก็ยึดหลักกฎหมายเป็นหลัก ไม่ใช่จะคิดกันขึ้นเอง ขอให้อ่านดีๆ จะเห็นว่าเดินตามหลักกฎหมาย) ขอแสดงความเห็นหน่อย การตอบปัญหากฎหมาย(หรือแนวทางการดำเนินการใดๆ ) นี่ต้องยอมรับว่าไม่ใช่ว่าใครจะถูกต้องทุกอย่าง หรือผิดทุกอย่างทุกครั้งไป ก็อาจมีผิดบ้างถูกบ้างเป็นเรื่องปกติเพราะไม่มีใครรู้ทุกเรื่องไปหรอก การที่ใครเข้ามาตอบก็ต้องถือว่าน่านับถือแล้ว เพราะอย่างน้อยก็พยายามจะให้ความกระจ่างตามที่ตนเข้าใจด้วยเจตนาดีแน่ๆ ไม่มีใครตั้งใจหลอกหรอก เพราะเสี่ยงที่จะโดนคนอื่นต่อว่าได้ การจะตอบได้อย่างน้อยก็ต้องให้ความสนใจอ่านปัญหา และต้องเสียเวลาหาคำตอบให้(มากน้อย ตามที่ตนมีคำตอบอยู่ในมือหรือเท่าที่จะหาได้ และเสียเวลาพิมพ์ตอบด้วย) ในการตอบไม่ควรโจมตีตัวบุคคลคนที่ตอบ ในการแสดงความเห็น ควรให้ข้อเท็จจริงและเหตุผลของเราเท่านั้น อย่าพูดนอกประเด็นในเรื่องส่วนตัวของคนถามหรือให้ความเห็น เพราะมันจะกลายเป็นการดูหมิ่นกัน ซึ่งใครก็คงไม่ชอบ แม้แต่คนอื่นที่มาอ่านก็ไม่ชอบเช่นกัน เพราะหากปะทะกันแล้วในที่สุดคนที่ตั้งใจช่วยก็มักจะเบื่อหน่ายไม่อยากที่จะเข้ามาตอบ ผลที่ตามมาคนอื่นก็จะพลอยเสียประโยชน์ไปด้วย จากคุณ : หมอที่ดิน (หมอที่ดิน) เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 19:51:56

ความคิดเห็นที่ 9 ขอเรียนถามท่าน คห7 ข้อ 2 ถ้ายอมรับว่าการได้สิทธิในที่ดังกล่าวได้มาโดยการครอบครอง โดยผลของกฏหมาย จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดิน โดยผู้ร้องขอไม่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แล้วจะทำเช่นไร ถ้าไม่สามารถฟ้องให้นาง จ แบ่งแยกที่ดินหรือโอนกรรมสิทธิ์ได้ด้วยเหตุผลดังกล่าวครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ จากคุณ : sternberg เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 20:54:06

ความคิดเห็นที่ 10 เรียนทุก คห.ที่เคารพ ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะมาเอาชนะคะคาน แต่สำหรับผู้ที่ต้องการความรู้ความเห็น อะไรที่เราตอบได้ก็ตอบไป อะไรใครตอบถูกผมก็บอกว่าถูก ไม่ถูกก็คือไม่ถูก กรณีที่เป็นเรื่องของศาสตร์ หมายถึงสิ่งที่มีคำตอบ อะไรที่ผมไม่รู้ก็นิ่งเสีย เดิมทีผมอ่านอยู่นานก่อนที่จะลงมาคลุกตอบ บ่อยยครั้งที่ผมเห็นการตอบที่ไม่ถูกต้อง บ่อยเข้าก็ทนไม่ไหว เพราะอะไร เพราะอย่างกรณีการฟ้องร้องเป็นเรื่องที่จริงจัง มันไม่ใช่แค่ให้แสดงความเห็นว่า จะใส่เสื้อผ้าสีไหนเก๋เท่ห์กว่ากัน ยกตัวอย่าง กระทู้นี้ ผมโพสพร้อมกับ คห.1 จากนั้นจึงได้เห็น คห. 1 ปรากฎพร้อมกัน ผมเห็นว่าข้อแนะนำของ คห.1 ผิด และ คห.1 เป็นผู้ที่ขาประจำห้องนี้ให้ความเชื่อถืออยู่พอสมควร ผมจึงรีบทักท้วง อย่างตรงไปตรงมาที่สุด จขกท จะเห็นว่าอย่างไร เป็นเรื่องของ จขกท แต่พอจะเห็นได้ว่า คห 1 ไม่ยอมรับ ซึ่งก็เป็นสิทธิ ยกตัวอย่างข้อความใน คห.5 ซึ่งก็เป็นสิทธิ ผมบังคับไม่ได้จริง ๆ เพียงแต่ผมเห็นว่าเรื่องพื้น ๆ ประมาณคำถามนี้ นักกฎหมายส่วนใหญ่ไม่พลาด ไม่ต้องเก่งไม่ต้องแม่นอะไรเลย ผมเฉลยข้อนี้แค่ว่า ศาลต้องยกฟ้อง ตาม วิแพ่ง ม.55 ถ้าจะทำตาม คห 1 ส่วนจะไปค้นดูหรือไม่ เมื่อมั่นใจว่าไม่ต้องก็เป็นสิทธิ ส่วนคุณ คห.8 เชื่อว่าเป็น นิติกร สนง.ที่ดิน ซึ่งไม่ถนัดกฎหมายสบัญญัติ ผมเคารพในความเห็นครับ สำหรับคุณ คห.6 ผมได้ตอบให้แล้ว ในเรื่องของ วิแพ่ง ม.55 ไปทำความเข้าใจเอาเองครับ ความจริงแล้วผมมาตอบในห้องนี้เพราะมีความปรารถนาเป็นพิเศษที่จะช่วยให้ผู้กำลังประสบปัญหาได้เห็นแนวทางของสิ่งที่ตัวเองกำลังประสบ แต่ผมไม่ได้มีหน้าที่มาบรรยายกฎหมายหรือสอนกฎหมายครับ ผมเองก็จะขอยุติการตอบ ข้อสงสัยเรื่องกฏหมายในห้องศาลา นับตั้งแต่กระทู้นี้เป็นต้นไป เพราะเห็นด้วยกับ ข้อความนี้ครับ คนที่ตั้งใจช่วยก็มักจะเบื่อหน่ายไม่อยากที่จะเข้ามาตอบ ผลที่ตามมาคนอื่นก็จะพลอยเสียประโยชน์ไปด้วย ห้องที่ผมมักจะวนเวียนถกเรื่องโน้นเรื่องนี้ หลัก ๆ ก็ ห้องกีฬา ห้องสมุด และห้องอื่น ๆ ก็ไปครับ ก็คงจะกลับไปลั้ลลาอยู่แถว ๆ นั้นตามเดิมละครับ แต่ผมก็ยังจะมาแวะห้องนี้อยู่ดีเพราะยังมีหมวดอื่นห้องย่อยอื่นล้วนแต่น่าสนใจอยู่ครับ แต่จะไม่ตอบเรื่องกฎหมายจะได้สบายใจด้วยกันทุก ๆ คน ครับ ผมฝากไว้แค่ว่า รู้อะไรให้รู้จริงแล้วค่อยตอบครับ เพราะนี่มันห้องกฎหมาย นักกฎหมายก็เหมือนกับหมอ วินิจฉัยโรคผิด คนไข้ก็เสี่ยงตายเกินครึ่งตัว วินิจฉัยถูกรักษาผิดคนไข้ก็เสี่ยงตาย แต่ถ้ารักษาผิดแล้วยังฝืนว่าถูก ตายสนิท ทั้งคนไข้ ทั้งคนรักษาครับ จากคุณ : LUCKPOWERRICH เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 21:09:37

ความคิดเห็นที่ 11 1. ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ดิน ขอคัดค้านได้ครับ เขาจะมีระยะเวลาประกาศประมาณ 1 เดือน 2. นาย ง. ไม่ต้องฟ้องแย้งก็ได้ครับ แค่ให้การไปว่า ครอบครองใช้ประโยชน์มาเกิน 1 ปี ก็มีสิทธิในที่ดินดังกล่าวดีกว่าโดยไม่ต้องจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่  นาง จ. ก็ไม่มีสิทธิไปขายให้ใครได้ เพราะนาย ง. ได้สิทธิครอบครองมาก่อน  ตรงนี้จะต่างจากกรณีครอบครองปรปักษ์ที่ดินมีโฉนด 3. แล้วแต่ศาลจะตัดสินครับ บางครั้งก็ให้ค่าทนายความเป็นพับทั้งสองฝ่ายไป 4. โอกาสที่นาง จ. จะชนะมีน้อย เพราะว่าเราเป็นผู้ครอบครองที่ดินอยู่ 5. นาย ง. ก็ยื่นเรื่องขอทำเป็นโฉนดต่อ สนง.ที่ดินไปเลย จากคุณ : นอนดูดาว เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 21:11:29

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ LUCKPOWERICH ตอบกฎหมายก็ตอบไปเถอะครับ  แต่ก็ไม่ต้องสนใจใครมากนัก เลือกตอบในสิ่งที่ดีเป็นประโยชน์ จากคุณ : นอนดูดาว เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 21:14:52

ความคิดเห็นที่ 13 ขอ อนุญาตถามครับ  คุณนอนดูดาวครับ การครอบครองแล้วไม่จดทะเบียน เราจะบังคับให้นาง จ ไม่ขายให้บุคคลอื่น ได้อย่างไรครับ ถ้ากรณีเกิดขายให้บุคคลภายนอกโดยสุจริตแล้วไปจดทะเบียนสำนักงานที่ดิน แล้วสิทธิของบุคคลที่สามที่ซื้อโดยสุจริต กับผู้ครอบครองที่ไม่ใช้สิทธิเปลี่ยนแปลงทาง ทะเบียน เกิดโต้แย้งกันใครจะมีสิทธิดีกว่ากันครับ ขอบคุณครับได้ความรู้มากทีเดียวครับ ขออนุญาตตามความเห็น 10 ครับ การตอบปัญหาสาธารณะ นำเสนอคำตอบที่หลากหลายพร้อมเหตุผลครับ ซึ่งมีทั้งผู้ที่รู้กฎหมายและผู้ที่ไม่ทราบ เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการอีกครั้ง โดยหลักวิชาการ คงไม่ได้เชื่อโดยสนิทใจโดยไม่พิจาณาใดๆครับ ที่บอกให้ไปอ่านกฎหมายเองแล้วจะเข้าใจ ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีครับ(ผมทำงานด้านอื่น) ผมก็เชื่อว่า จขกท ก็คงไม่เข้าใจ เรื่องเดียวกันมุมมองที่ต่างกันได้ครับ เหมาะไม่เหมาะอย่างไรนำเสนอได้ครับ จขกท ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆครับ ถ้าตั้งใจช่วยเหลือหรือแลกเปลี่ยน อธิบายโดยย่อพร้อมเหตุผล เทียบเคียงแนวทางคำ พิพากษาก็ได้ครับ ผมคิดว่าสร้างสรร และ ได้สาระ  ได้ประโยชน์ ได้กุศลครับ ชื่นชมในจิตสาธาณะที่เจตนาอันเป็นกุศลช่วยเหลือผู้อื่นครับ ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมบอร์ด บางคนเป็นเพื่อนร่วมอาชีพ ร่วมวิชาชีพครับ รักกันและให้เกียรติกันครับ จากคุณ : sternberg เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 23:11:27

ความคิดเห็นที่ 14 - ความคิดเห็นที่ 9  ถ้าต้องการแบ่งแยกที่ดินจดทะเบียนเป็นชื่อของบิดา จขกท. ต้องยื่นฟ้องเป็นคดีพิพาทขอแสดงสิทธิครอบครอง การที่นาง จ. ให้บิดา จขกท. ออกจากที่ดินและขอรังวัดที่ดินเพื่อแบ่งปันแก่ทายาทถือเป็นการโต้แย้งสิทธิแล้ว  ถ้า จ. ไม่ฟ้องก่อน ข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้ บิดา จขกท. ก็สามารถฟ้องขอแสดงสิทธิครอบครองได้ เพราะถือว่ามีข้อโต้แย้งสิทธิแล้ว จากคุณ : ใต้หล้า (นายตัวบท) เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 07:10:12

ความคิดเห็นที่ 15 ที่ดิน น.ส.3 ใครครอบครองอยู่มีสิทธิดีกว่า  ถ้า นาง จ.นำไปขาย และคนซื้อไม่ดูที่ดิน แต่ไปจดทะเบียนโอนกันเลย  คนซื้อก็ไม่สามารถไปไล่ นาย ง. ออกจากที่ดินได้ ต้องมาเอาเงินคืนจาก นาง จ. แต่คิดว่า นาย ง. ต้องไปยื่นเรื่องต่อสำนักงานที่ดินก่อน ตามขั้นตอนที่หมอที่ดินทำลิงค์ไว้ให้  ถ้า สนง.ที่ดินไม่ดำเนินการให้ ถึงค่อยฟ้องศาลโดยบรรยายฟ้องด้วยว่า ได้ไปติดต่อที่ สนง.ที่ดินแล้ว สนง.ที่ดินไม่ดำเนืนการให้ จากคุณ : นอนดูดาว (นอนดูดาว) เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 12:08:58

ความคิดเห็นที่ 16 ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นเลยนะครับ ที่แสดงความคิดเห็นกันเข้ามา ทุกความคิดเห็นมี ประโยชน์กับผมมากทีเดียว เพื่อที่จะเป็นข้อมูลหรือแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ไปได้ด้วยดี เนื่องจากไม่อยากให้คุณพ่อโดนเอารัดเอาเปรียบนะครับ     ปล.อย่าให้กระทู้ผมต้องเป็นกระทู้บาดหมางของเพื่อนๆ พี่ๆ  น้องๆ ในชาวพันทิพเลยนะครับ และผมก็ยังอยากให้ เพื่อนๆ พี่ๆ  น้องๆ ช่วยกันแสดงความคิดเห็นเหมือนเดิมอ่าครับ เพื่อที่จะเป็นจะเป็นประโยชน์กับ จขกท และผู้สนใจอื่นๆ นะครับ          ขออนุญาตตามความคิดเห็นที่ 13 ครับ จากคุณ : Ahingsagha เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 17:10:30

ความคิดเห็นที่ 17 ขอเรียนถามท่าน LUCKPOWERRICH ผมไปสืบค้นมาแล้วอ่าครับ วิแพ่ง ม.55 ผู้ที่จะนำคดีเสนอต่อศาลได้จะต้องเป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 เท่านั้น ซึ่งมาตรา 55 บัญญัติว่า “เมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น เกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลใดตามกฎหมาแพ่ง หรือบุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาลบุคคลนั้นชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งที่มีเขตอำนาจได้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายแพ่งและประมวลกฎหมายนี้ จากบทบัญญัติ มาตรา 55 นี้ได้กำหนดให้บุคคลมีสิทธิเสนอคดีแพ่งต่อศาลได้ 2 กรณีคือ        1. กรณีที่มีการโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลใดตามกฎหมายแพ่งคำว่า “สิทธิ” ได้แก่ประโยชน์อันบุคคลมีอยู่ แต่ประโยชน์จะเป็นสิทธิหรือไม่ก็ต้องแล้วแต่ว่าบุคคลอื่นนี้มีหน้าที่ต้องเคารพหรือไม่ ถ้าบุคคลอื่นมีหน้าที่ต้องเคารพประโยชน์นั้นก็เป็นสิทธิ กล่าวคือ ได้รับการรับรองและคุ้มครองของกฎหมาย (คำพิพากษาฎีกาที่ 124/2487) ดังนั้น สิทธิใดที่มีกฎหมายรับรองคุ้มครองใครทำให้เสียหายแก่สิทธิเช่นนี้เป็นผิดกฎหมายเหมือนกันหมด        2. กรณีที่จะต้องใช้สิทธิทางศาล หมายความว่าเป็นกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้สิทธิ มิใช่ว่าเพียงแต่อยากจะใช้สิทธิเท่านั้น คำว่า “ต้องใช้” นี้จึงเป็นเรื่องที่จะต้องใช้สิทธิทางศาลเพราะเหตุว่าความจำเป็นเกิดขึ้นจากกฎหมายบัญญัติไว้ตามกฎหมายสารบัญญัติ การใช้สิทธิทางศาลในข้อนี้เป็นกรณีที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาลจริง ๆ เพื่อให้ศาลแสดงสิทธิของตน แม้บางกรณีจะไม่มีผู้ใดโต้แย้งสิทธิ หน้าที่ แต้มีความจำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิทางศาล โดยขอสิทธิจากศาลหรือขอให้ศาลมีคำสั่งเสียก่อนจึงจะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้มีผลตามที่กฎหมายรับรองไว้ได้ ส่วนกรณีใดบ้างจะต้องใช้สิทธิทางศาลต้องพิจารณาจากกฎหมายสารบัญญัติ เช่น การร้องขอตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์ การขอให้ศาลสั่งให้คนวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถและตั้งผู้อนุบาล เป็นต้น แต่ถ้าเรื่องใดไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าจำต้องขอสิทธิจากศาลแล้วจะมาขอใช้สิทธิทางศาลไม่ได้ เช่น คนมีสัญชาติไทยอยู่แล้วจะมาขอให้ศาลสั่งแสดงว่าตนเป็นคนไทยอีกไม่ได้*   *ฎีกาที่ 1317/2495 กล่าวว่า การใช้สิทธิทางศาลดังกำหนดไว้ในมาตรา 55 กล่าวว่า เมื่อบุคคลใดจะ “ต้อง” ใช้สิทธิทางศาลบุคคลนั้นชอบที่จะเสนอคดี ฯลฯ ซึ่งหมายความว่าเป็นกรณีจำเป็นที่จะต้องมาขอสิทธิจากศาล     คำถาม 1. นาย ง. (พ่อผมเอง) จะต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อจะได้ไม่เสียสิทธิในที่ดินจำนวน 6 ไร่ที่ซื้อไป ตอบ---นาย ง.มีสิทธิครอบครองในที่ดิน น.ส.๓ก ส่วน 6 ไร่ที่ตนเองครอบครอง แต่คงต้องรอให้ถูกโต้แย้งสิทธิเสียก่อนจึงจะสามารถพิสูจน์สิทธิการครอบครองได้ พูดง่าย ๆ รอเขาฟ้องก่อน -------  ถ้านาง จ. ยังไม่ดำเนินการฟ้องร้อง ล่ะครับ ทางนาย ง. สามารถใช้ วิแพ่ง ม.55 ในข้อ 2 ได้หรือไม่ครับ เพราะเหตุใด 2. นาย ง. ดำเนินเรื่องฟ้องร้องก่อน แล้วศาลยกฟ้อง หมายความว่า นาย ง. เสียสิทธิ์ในที่ที่ดิน 6 ไร่เลย หรือว่า ศาลยกฟ้องเพราะเห็นว่า นาย ง. จะฟ้องร้องก่อนไม่ได้ต้องรอให้ทาง นาง จ. ฟ้องร้องก่อนครับ ขอความกรุณาท่านด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Ahingsagha เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 17:54:35