 |
เวลาผ่านไปดิฉัน ก็ยังไม่เลิกความเจ้าชู้ แค่คราวนี้ เปลี่ยนไปเป็นต่างชาติ เนื่องด้วยสาเหตุจริง ๆ อยากจะพัฒนาภาษาอังกฤษที่มีอยู่ ให้มันดีขึ้นกว่าเดิม จริง ๆ แล้ว การมีเพื่อนต่างชาติของดิฉันมันเริ่มตั้งแต่เรียน ป. โท แต่ก่อนหน้านี้ ก็ติดต่อระหว่างประเทศอยู่แล้ว เพราะบริษัทที่ทำงานอยู่ เจ้านายเป็นแขกอินเดีย สินค้าที่ส่งออกไป ก็ไปยังทั่วโลก ไม่มีหน้าร้านขายที่เมืองไทย ฉะนั้นทุก ๆ อย่างที่ติดต่อกับลูกค้า ก็จะเป็นภาษาอังกฤษหมด รวมทั้งงาน Exhibitions ที่ดิฉันจะต้องไปร่วมงานทุกครั้ง เพื่อติดต่อ พูดคุยกับลูกค้าต่างชาติก็มีอยู่ไม่ขาด แต่ว่า...มันก็เป็นภาษาเดิม ๆ ภาษาในการทำงาน เป็นศัพท์เทคนิคเท่านั้น นั่นทำให้ดิฉันอยากจะพัฒนาภาษาอย่างน้อยก็ให้ได้ศัพท์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ... ก็โดยจากการแนะนำของ เพื่อนสาว "ป" คนนี้นี่แหละค่ะ จริง ๆ แล้ว "ป" อยากได้แฟนต่างชาติ แต่เนื่องจากรูปร่างและผิวพรรณของเธอค่อนออกจะไปทางขาว รวมทั้ง "ป" เป็นสาวเหนือ ทำให้ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะสนใจเธอสักเท่าไหร่ แต่ดั้น...มีติดใจอีนางน้อยหอยสังข์ผู้นี้ ก็ดำดูด ดำดึง นี่คะ...
พี่ ต. เริ่มใช้เงินแบบที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง นั่นหมายความว่า จากแต่ก่อนแม่ให้เงิน 1000 บาท ต่ออาทิตย์ เป็น ให้เป็นรายวัน วันละ 150 บาท ถ้าวันไหนไม่มีเรียนก็จะไม่ให้เงิน นั่นยิ่งทำให้ดิฉัน สงสารพี่ ต. บางทีก็ยัดเงินให้ เวลาที่ไปหา ไปเจอ ซึ่งดิฉันเองก็ไม่รู้หรอกค่ะ ว่าพี่ต. เอาเงินนั้นไปทำอะไร ได้แต่หวังว่า จะไม่ไปทำให้เป็นภาระของแม่อีก นั่นคือ ไปขอเงินเพิ่ม ....โทรทัศน์ก็ซื้อให้ใหม่ เนื่องด้วย อ้างว่า มันพัง เปิดแล้วหน้าจอดำ, เครื่องเล่นดีวีดี ที่ซื้อให้ใหม่ ก็บอกว่าไม่ทน ก็พี่ต. เล่นเปิดมัน ทั้งวันทั้งคืน ไม่ใช่แค่ 1 วัน 1 คืน นะคะ.. ทรหด ทนทายาดส์ที่ไหนก็ต้องยอมพังค่ะ ก็พี่ต. เล่นเปิดไป หลับไป ตื่นมาก็ดูต่อ หลับไป ก็ไม่ได้ปิด ว่าง่าย ๆ 3 วัน 4 คืน เครื่องไม่ได้พัก มันก็ต้องเจ๊งซะคะ ขนาดคนเรา ยังต้องพักผ่อนทุกวัน แล้วเครื่องใช้ไฟฟ้า มันก็ต้องมีหยุดพักบ้างเป็นธรรมดา ...พี่ต. ให้เหตุผลว่า ดูเครื่องเก่าที่พี่ให้น้องชายสิ ทั้งเปิดทั้งทุบ มันยังไม่เป็นไรเลย มันต้องทนหน่อย...สรุป ก็ต้องซื้อทั้ง โทรศัพท์มือถือให้ใหม่อีกเครื่อง + โทรทัศน์ + เครื่องเล่น ดีวีดี + ซัฟวูฟเฟอร์...ตอนนี้ จาก 50,000 ก็กลายเป็น 80,000 ไปโดยปริยาย...ก็เพียงขอให้เค้าคิดดี ทำดี เป็นคนดี กลับไปตั้งใจเรียนหนังสือ..
แต่มันยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม หลังจากที่ดิฉันเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปทำงาน ดิฉันบอกพี่ต. ว่า ตั้งใจเรียนนะ เหลืออีกแค่ ตัวเดียว วิชาเดียวก็จะจบแล้ว วิชาที่เหลือไม่ต้องไปรีเกรดมันหรอก ซึ่งพี่ ต. ก็ดูจะสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ
แม้ว่าดิฉันจะทำงานที่ต่างประเทศ แต่ก็ขยันหมั่นโทรศัพท์มาหาพี่ ต. ทั้งที่เครื่องพี่ ต. เอง (ที่ดิฉันซื้อให้) รวมทั้ง โทรหาแม่พี่ ต. ด้วย... แม่พี่ ต เริ่มเอ่ยว่า "พี่ต. อาการแปลก ๆ ไม่ยอมไปเรียน" ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ดิฉันกังวลใจขึ้น ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ ทั้งตัวดิฉันเอง กับพี่ ต ก็ไปที่สถาบันฯที่พี่ ต. เรียน เพื่อจะขอทำเรื่องลงทะเบียนย้อนหลัง ปรับสภาพนักศึกษา เพราะเมื่อเทอมที่แล้ว พี่ ต ได้ลงดร๊อป เอาไว้....แล้วนั่นก็คือปัญหาอีกที
เพราะเมื่อเทอมที่แล้ว แม่พี่ ต. ไม่มีเงินค่าเทอมให้ลูกชายไปลงทะเบียนเรียน จนทางฝ่ายทะเบียนทวงทั้งเป็นการส่วนตัวและทางจดหมาย แต่ทางตัวแม่พี่ ต. เองก็ไม่รู้จะหันหน้าไปหาเงินทางไหน ซึ่งตัวดิฉันก็งง ค่ะ ยอมรับว่า งง ว่า ตัวแม่พี่ ต. ไม่มีเงินให้ค่าเทอมลูก แต่ไม่ยอมเอารถที่มีอยู่ไป รีไฟแนนซ์ หรือ พูดกับลูกสาวคนโต ว่า "แม่ขอเงินเป็นค่าเทอมให้ พี่ ต. ได้มั้ย" ซึ่งถ้าเกิดกับครอบครัวดิฉัน ดิฉันพูดได้อย่างเต็มอกเลยค่ะว่า.. "ทำไมจะไม่ได้หล่ะ ในเมื่อนั่นคือน้องเรา" และที่แปลกคือ แม่พี่ต. มีเสื้อผ้า มีทองหยอง 55555 งง มั้ยคะ แต่นั่นแหละค่ะ แต่ให้คบกับพี่ ต. มาเกือบจะ 6 ปี แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความถึงว่า ดิฉันจะเป็นครอบครัวเค้าใช่มั้ยคะ นั่นเพราะดิฉันกับพี่ ต. ยังไม่ได้แต่งงานกัน
เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็เท่ากับว่า พี่ต. จะต้องจ่ายค่าเทอมที่ค้างไว้ของเมื่อเทอมที่แล้วที่ดร๊อปไว้ กับค่าเทอมของเทอมปัจจุบันที่ทำเรื่องขอลงทะเบียนเรียนล่าช้า ...แต่ มันช้าไปเสียแล้ว เพราะ พี่สาวพี่ต. เสนอจะให้ยืม (ยืม นะคะ) (งง มั้ยหล่ะ พี่สาวทำงานแล้ว ยังให้น้องชายที่ยังเรียนไม่จบ ยืมเงิน) ไปเพื่อจะจ่ายค่าเทอม ตอนแรกหน่ะ พี่ต. เข้าใจว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องจ่ายของเทอมที่แล้ว เนื่องจากไม่ได้เรียน จึงบอกพี่สาวไปแค่ 15,000 บาท แล้วพี่สาวพี่ต. ก็ตอบตกลง แต่กลับกลายเป็นว่า ฝ่ายทะเบียนส่งเอกสารมาว่า พี่ ต. จะต้องจ่ายเงินค่าเทอมของเทอมที่แล้วที่ดรอป แถมยังต้องจ่ายค่ารักษาสภาพนักศึกษาด้วย... นั่นคงทำให้พี่ต. เครียดใหญ่...เงินก็มีในมือแล้ว 15,000 แต่ยังต้องการเงินอีกเท่าตัว เพื่อที่จะเรียนหนังสือให้จบ เพราะเหลืออีกแค่เทอมเดียว .....แม่พี่ ต. บอกว่า ให้พี่ ต. เอาเงิน 15,000 นี่แหละไปจ่ายให้ฝ่ายทะเบียนก่อน แล้วส่วนที่เหลือ บอกกับฝ่ายทะเบียนว่า เดี๋ยวจะขอทยอยจ่าย
เรื่องกลับตาลปัตรอีกรอบ เมื่อ พี่ต. หายไปกับเงิน 15,000 สามวัน สรุปแล้วก็คือ พี่ต. ไม่ได้เอาเงินไปลงทะเบียน แล้วเงินหายไปไหน????? นั่นคือคำถาม ซึ่งในระหว่างที่เกิดเรื่องนั้น ดิฉันไม่ได้อยู่เมืองไทยหรอกค่ะ ไปอยู่ต่างประเทศแล้ว นั่นยิ่งทำให้ดิฉันเป็นทุกข์เป็นร้อนทางใจมาก แต่ก็ทำใจมานานแล้วค่ะ ทำใจว่า "อยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ"
จากคุณ |
:
No One Love
|
เขียนเมื่อ |
:
15 ก.ย. 55 11:14:22
|
|
|
|
 |