ความคิดเห็นที่ 1 เป็นวิศวะ  จบมาตั้งใจทำงาน  สร้าง ตึก สร้างสะพาน ให้แข็งแรง  ไม่พังง่ายๆ หรือสร้างสรรค์ นวัตกรรมใหม่ๆ  ให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง ก็ดีอยู่แล้ว แต่อยากมาเป็นหมอรักษาสิว  ประเทศชาติ ได้อะไร จากคุณ : jutapit เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 14:09:53

ความคิดเห็นที่ 2 ท่านเจ้าของกระทู้..ก็เป็นคุณครูไม่ใช่เหรอครับ.. ก็อบรมเด็กรุ่นใหม่ให้ดีสิครับ..สั่งสอนเขาซะให้รู้เรื่อง..ว่าอย่าโลเล.. มาบ่นไอ้พวกเด็กรุ่นนี้..มันก็ไม่ทันซะแล้วอ่ะครับ..ครูเขาคงไม่ได้สั่งสอนกันมา.. แล้วทำไมถึงฝังใจจังอ่ะครับ..ว่าคนเก่ง..คนรวย..เขาต้องโกงกันทุกคน.. จากคุณ : ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 14:11:35

ความคิดเห็นที่ 3 มีคนเล่าให้ฟังว่า เด็กที่เรียนหมอตอนนี้ไม่เลือกเป็นหมอศัลยกรรมแล้ว  เพราะงานหนัก เครียด แต่เลือกเป็นหมอผิวหนังมากกว่าเพราะรวยง่าย ไม่เครียด ไม่ต้องรับผิดชอบมากเท่าหมอศัลย์ ฟังแล้วก็ อึ่ม  อีกหน่อยใครต้องผ่าตัดจะทำไงดีหว่า หรือส่งไปรักษาสิวก่อนดีมั้ยเนี่ย จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 14:25:32

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนใหญ่ที่เรียนหมอเเล้วไม่อยากต่อศัลย์ เพราะการฟ้องร้องที่จ้องจะเอาเงินให้ได้ โดยไม่สนใจเหตุผลทางวิชาการ เเละเอาความรู้สึกสงสารมาตัดสินคดี ทำให้หมอไม่อยากผ่าตัดกัน เดี๋ยวนี้มีคำว่า จรรยาบรรณหมอหายไป เเต่ผมว่า ต้องทบทวนคำว่าจรรยาบรรณคนไข้ด้วยนะครับ จากคุณ : Ujaoming (Ujaoming) เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 14:33:16

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วเค้าผิดอะไรเหรอคะ? อาจจะเข้าไปเรียนวิศวะแล้วมันไม่เหมาะกับตัวเองอย่างที่คิด มีใครบ้างรู้อนาคต? ถ้าเค้าเข้าหมอได้ อนาคตอาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นหมอผิวหนัง ถ้าเค้าเกิดเรียนเก่งเป็นหมอที่ดี มันก็ดีต่อประเทศชาติเหมือนกันไม่ใช่หรือคะ? เค้ามีสิทธิ์เลือกชีวิตเค้า เปิดใจมองโลกให้กว้างๆบ้างเถอะค่ะ ปล. จขกท.เขียนเว้นวรรคเป็นคำๆ อ่านยากจังค่ะ จากคุณ : ariz'u เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 14:35:56

ความคิดเห็นที่ 6 เคยได้ยินมั้ยครับว่า การค้นหาตัวเอง บางทีทั้งชีวิตก็ไม่เจอ เคยเห็นมั้ยครับ เรียนมาสามปี แต่เพิ่งมารู้ปีที่สี่ว่า จริงๆแล้วเราชอบอะไร  นี่คือทำไมถึงมีเคส เรียนมาอย่างนึง ทำงานอีกอย่างนึง ผมว่า จขกท อายุก็ไม่น้อย เรื่องการค้นหาสิ่งที่อยากทำ สิ่งที่อยากเป็นจริงๆ ไม่ใช่ว่าจะค้นพบง่ายๆ เหมือนปากบอก แก่เด็กนะครับ อันนี้ น่าจะรู้กันดีไม่ใช่เหรอครับ? บางครั้ง การอยากเรียน กับ อยากทำ มันไม่มาพร้อมกันหรอกครับ ใครจะไปรู้ แรกๆเรียนวิศวะเพราะคิดว่าถนัด แต่จู่ๆก็รู้ตัวเองว่า อยากเป็นหมอ นี่คือทำไม ซิ่วถึงได้มีกัน มาตลอดการศึกษา ลองดูอย่าง ต่างชาติ เรื่องแบบนี้ก็ไม่แปลก เรียนมาจะจบ แต่ออก เพราะรู้ว่าตัวเองอยากทำอะไรต่อ ก็มุ่งไปเลยก็มีเยอะแยะ   สติฟ จ้อปเอย มาร์คเอยก็เป็น ตัวอย่างให้เห็น แต่ถ้าจะโทษ ผมโทษระบบการศึกษาและสังคมในประเทศไทยมากกว่า ที่ไม่มีการเอื้อให้เด็กค้นพบตัวเอง เคสมาเจอตัวเองหลังจากก้าวไปแล้ว เลยมีเป็นดอกเห็ดนี้แหละครับ ลองมองมุมอีกมุมกันดูหน่อย จากคุณ : recnalxam เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 14:38:12

ความคิดเห็นที่ 7 ผมว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ตัวเด็กอย่างเดียวหรอกครับ บางทีมันอยู่ที่ตัวครูแนะแนวด้วย ผมขอพูดถึงกรณีของผมเอง เมื่อสมัยผมอยู่ ม.6 และเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ณ ตอนนั้นผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าแต่ละคณะมันคืออะไร รู้จักแค่ชื่อคณะต่าง ๆ รู้แค่ว่ามันโก้ รู้แค่ว่าเป็นหมอเนี่ยมันแปลว่าได้รับการชื่นชม, เป็นวิศวะแล้วมันจะดูเท่, บัญชีก็คือเด็กที่ดูเนี้ยบ ๆ, ฯลฯ แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเนื้อแท้แต่ละสาขามันคืออะไร ในแต่ละวันมันเรียนอะไรและจะเจออะไรบ้าง และที่สำคัญคือจบมาแล้วจะเป็นอะไร จะทำอะไร (นี่ไม่ต้องไปพูดถึงคณะที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักเลยนะครับ เช่นพวก ธรณีวิทยา, ออกแบบลายผ้า, ฯลฯ) คนที่จะให้ข้อมูลตรงนี้ได้คือครูแนะแนว ซึ่งผมจบมาจากโรงเรียนประจำจังหวัดที่มีชื่อเสียงในระดับนึง แต่ว่าผมกลับไม่เคยได้รับข้อมูลแต่ละคณะจากครูฝ่ายนี้เลยครับ เพราะท่านจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปขายขนมปังให้เด็ก ฯลฯ ครั้งนึง ผมเคยไปคุ้ยกองเอกสารที่เค้ารับสมัครเด็กทุน ที่มันซุกเอาไว้ในห้องแนะแนวแล้วเจอการประกาศเด็กทุนไปเรียนที่ญี่ปุ่น ซึ่งจะหมดเขตในอีกสองวัน ซึ่งผมเดินเรื่องไม่ทันแล้ว ผมเลยถามครูแนะแนวว่าเอกสารนี้มานานหรือยัง ทำไมไปอยู่ในแฟ้มซ่อนเอาไว้ลึกมาก  คำตอบที่ได้คือ "โอ๊ย มันมาตั้งนานแล้ว ทำไมเธอไม่มาหาให้เร็วกว่านี้ล่ะ" ผมยอมรับว่าผมผิดที่ไม่ได้เข้ามาหาให้เร็วกว่านี้ แต่ผมก็มั่นใจว่าถ้าผมเป็นครูฝ่ายนี้ ผมจะทำหน้าที่เอาทุนต่าง ๆ มาแปะบอร์ดให้เด็กได้เห็นว่าเค้ามีอะไรกันบ้างครับ สุดท้าย เด็ก ม.6 ที่หลงทาง เข้าไปเรียนคณะต่าง ๆ เพราะว่าตามเพื่อน, ตามพี่, ตามกระแสสังคม ก็จะเจอการเรียนของคณะนั้น ๆ ที่ตนเองไม่คิดว่าจะเจอ จนปรับตัวไม่ได้ และก็เกิดการซิ่วในที่สุด จากคุณ : ตัวตลกจมูกแดง เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 14:40:35

ความคิดเห็นที่ 8 อคติมากไปเปล่า?? การที่เด็กซิ่วนี่คือสิ่งไม่ดีใช่ป่ะ เด็กสมัยนี้ก็คิดเป็นนะครับ บางทีอาจจะรู้ตัวช้า หรือบางทีเรียนไปแล้วไม่ใช่อย่างที่คิด ถามหน่อยใครจะอยากเสียเวลาฟรีๆครับ??? แล้วทางเลือกก็มีเยอะแยะ เด็กเก่งเลือกมหาลัยดังๆ คุณก็ไปเลือกมหาลัยดังๆก็โดนเด็กเก่งชวดหมดสิครับ บอกว่าแอดมิชชั่นมันง่าย ถ้ารู้ตัวเองไม่เก่งก็ขยันๆเข้าสิ ไม่ใช่มาบ่นเด็กเก่งได้หมดเลย เด็กหัวไม่ดีจะไปเรียนที่ไหนได้ แบบนี้มันโทษมั่วซั่วสินะครับ จากคุณ : acz- เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 14:44:08 A:125.27.193.8 X: TicketID:375849

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยกับคห.7  สมัยที่เราเอ็นทรานซ์  เขาให้เลือกคณะ แล้วเรียนไป1 ปี  ค่อยมาแยกสาขา แต่เดี๋ยวนี้ให้เลือกไปเลยตั้งแต่ตอนแอดมิดชั่น  แล้วเด็กจะรู้มั้ยว่าตัวชอบอะไรอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ก็เลยเลือกที่คิดว่าจะสอบได้มากกว่า  พอเข้าไปก็ไม่ชอบและอยากซิ่ว  แต่ทุกยุคทุกสมัยมันก็มีเรื่องค่านิยม มาเกี่ยวข้อง  แล้วเมืองไทยนะย้ายสาขา ย้ายคณะ  ย้ายยากมาก  บางทีก็ต้องทิ้งวิชาปี1 ไปเลย แล้วพอไปเรียนที่ใหม่ก็ต้องนับ1 ใหม่ ไม่ยอมให้ transfer ยิ่งต่างมหาลัยยิ่งยาก  ทำให้เสียเวลาไปทุกอย่าง โอ๊ย พูดแล้วปวดหัวค่ะ จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 14:48:49

ความคิดเห็นที่ 10 ตามความเห็น 7 ครับ สมัยผม ไม่เคยได้รับการแนะแนว ต้องดิ้นรนเอง โชคยังดีที่ พ่อกับแม่ เป่าหูตั้งแต่ตอน 3 ขวบ ว่าจะต้องเรียนอะไร จะต้องทำงานอะไร มันเลยมีเป้าหมายในชีวิตอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่จบออกมา ทำงาน ก็สามารถดำเนินชีวิตได้ครับ จากคุณ : Thefool เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 14:55:24 A:110.49.251.194 X: TicketID:132879

ความคิดเห็นที่ 11 เพื่อนผมเรียนแพทย์ไปสี่ปี เริ่มรู้ตัวตั้งแต่ปีสองแล้วว่าไม่น่าไหว แต่ที่บ้านก็อยากให้สู้ให้ถึงที่สุด เค้าก็สู้มาจนถึงปีสี่ สุดท้ายถึงรู้ว่าไม่ไหว ก็ออกมาเรียนวิศวะ ตอนนี้จบวิศวะแล้ว ทำงานแล้ว มันเป็นทางเลือกเค้านะครับ ถ้าสุดท้ายเค้าไม่ชอบ ไม่อยากเรียน ทำงานที่ไม่ชอบไปก็ไม่มีความสุข ให้เค้าเลือกเถอะครับ จากคุณ : basicguy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 14:56:50

ความคิดเห็นที่ 12 เราก็มองว่าเป็นคำถามที่สร้างสรรค์ดีนะ เด็กวิศวะ อาจจะไม่รู้เรื่องเลยว่า เรียนหมอผิวหนังต้องทำยังไง มองได้ 2 แง่ 1. ในแง่ของการโอนถ่ายวิชา ถ้าต้องการย้ายคณะ เป็นไปได้ไหม โอนได้กี่หน่วยกิจ แล้วต้องลงเรียนใหม่กี่หน่วยกิจ จำเป็นต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง 2. มองในแง่วิชาชีพ วิศวะ อาจจะนั่งเรียนฟิสิกส์มากกว่าชีวะ ก็ไม่รู้ว่าอาชีพหมอผิวหนัง ขั้นตอนการเรียนเป็นยังไง จะเลือกสาขานี้ จะต้องทำยังไง มีหลายคนที่เลือกเรียนคณะที่คิดว่าคะแนนตนเองถึง สามารถสอบเข้าไปได้ หรือคิดว่าวิชาชีพนี้ดี อย่างหมอ หรือวิศวะ ก็แล้วแต่ แต่พอเรียนไปแล้ว ค้นพบว่า ตนเองไม่ได้ชอบวิชาชีพนี้เลย การทนฝืนเรียนต่อไป มันเป็นการทรมานตนเองอย่างมาก วันก่อนฉันก็เจอเด็ก 4 ปีคนหนึ่ง เขาบอกว่าเขาทนเรียนต่อไปไม่ไหวแล้ว อีกแค่เทอมเดียวก็ไม่ทน จะสอบกลางภาคนี้เขาก็จะไม่ไปสอบ เทอมนี้เขาไม่เข้าห้องเรียนเลย เพราะไม่อยากเรียน ฉันเสียดายอนาคตมาก อีกแค่ไม่กี่เดือน เทอมเดียวก็จบแล้ว อดทนอีกนิดไม่ได้หรอ มันสิ้นสุดตรงที่วิชาปี 4 เนี่ยแหละ ที่มันเกินทน เขาทำตามพ่อแม่คาดหวังไม่ได้แล้ว เขาพบแล้วว่าตนเองไม่เหมาะกับบัญชีเลย  ชอบคอมพิวเตอร์มากกว่า เขาจะไปเรียนคอมฯ เสียดายเวลาก็เสียดาย เสียดายอนาคตก็เสียดาย แต่เราไม่ใช่เขา สำหรับเขาคือเอาภูเขาออกจากอกได้แล้ว เขาสบายใจ และคิดว่าตนเองคงเป็นนักบัญชีที่ดีไม่ได้หรอก ไม่อยากทำอาชีพนี้ ขอไปเริ่มต้นใหม่ดีกว่า กับสิ่งที่ตนเองชอบ เขาบอกว่าเขาค้นพบตนเองช้าไป แต่ดีกว่าไม่พบเลย ก็ได้แต่ภาวนานะ ว่าเขาคงไม่ตัดสินใจผิดพลาด คนเรามีสิทธิ์เลือกอนาคตตนเองใช่ไหม ชีวิตคนๆหนึ่งควรได้ทำในสิ่งที่ชอบ มากกว่ามาเสียดายเวลา เสียดายเงิน เสียดายโอกาส กับสิ่งที่มันไม่ใช่ จากคุณ : ..ฟ้าใส.. เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 15:01:31

ความคิดเห็นที่ 13 """"" พอ ไป เป็นหมอผิวหนัง แล้ว.... อนาคต มีสาขา การออกแบบ นวัตกรรม   มาอีก... ก็ อาจจะเปลี่ยน  ไป เรียน อันใหม่ อีก.... ...งดูจากทีวี มา  เค้าว่า จะดี จะทำเงินได้ง่ายๆ.. ก็ คงแห่ไปตามนั้น. จากคุณ : n-park (prince-npark) เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 15:11:02

ความคิดเห็นที่ 14 เจ้าของกระทู้..ไม่เคยภูมิใจในเด็กไทยเลยนะครับ.. ออกแนวดูถูกเหยียดหยามตลอด..ไม่มีดีในสายตาสักนิด.. จากคุณ : ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 15:19:40

ความคิดเห็นที่ 15 เค้าเรียนมหาวิทยาลัยนอกระบบหรือเอกชนที่ต้องออกเองรึเปล่าคะ? ทุกวันนี้มีปัญหาเรื่องมหาวิทยาลัยออกนอกระบบเยอะมากเพราะรัฐไม่มีเงินสนับสนุนนี่แล เราไม่รู้นะว่ารัฐเอาเงินส่วนนี้ที่ต้องออกให้เด็กส่วนนึงไปทำอะไรหมด เป็นหนึ่งคนที่ซิ่วมาเหมือนกันค่ะ เรียนสถาปัตย์ปีนึงรู้สึกว่าไม่ไหวและไม่ใช่ ก็ลาออกมาเรียนวรรณกรรมที่คิดว่าน่าจะเหมาะกับเรามากกว่า ตอนนี้ปีสี่ละค่ะ ก็เพิ่งรู้ว่ารัฐออกค่าเล่าเรียนให้เราด้วย ค่าเทอมก็ค่อนข้างจะแพงทั้งที่ไม่ได้มีอุปกรณ์ใดใดเลย หนังสือประกอบการเรียนก็ออกเอง ก็ไม่เข้าใจว่ารัฐออกอะไรให้เราหรือคะ? อาจจะนอกประเด็นเรื่องที่เด็กวิศวะคิดว่าหมอผิวหนังเงินเดือนดีกว่าไปนิดนะคะ ขออภัย จากคุณ : kekey_fuey เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 15:21:22

ความคิดเห็นที่ 16 ใครบอกว่า "แอดมิชชั้น เข้าง่ายกว่า  เอ็นทรานซ์ "  ??? ใช้อะไรคิดครับ ??? : D จากคุณ : OnceWakeUp เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 15:45:40

ความคิดเห็นที่ 17 ขออนุญาตแสดงความเห็นแบบกลางๆนะคะ บางครั้ง สิ่งแวดล้อมรอบๆตัว สังคม คนรอบข้าง และสื่อ รอบๆตัว ทำให้สับสน บอกตามตรงว่า ตอนเรียนมปลาย ครูแนะแนวไม่เห็นเคยแนะนำอะไรเลย ตอนนั้น จำได้เลยว่า ตอนเอ็นทรานซ์เลือกได้ สี่อันดับ(บ่งบอกความแก่เลยนะ) สองอันดับแรก ให้พ่อกับแม่เลือก อันดับสาม คือสิ่งที่เราอยากเรียนคือ FoodScience จุฬา แต่สุดท้ายคือได้อันดับ สอง ปีแรก ก็งง ชีวิตเปลี่ยนไป อยากลาออกเหมือนกัน แต่เรียนไปเรื่อยๆ ก็เริ่มลงตัว บางครั้ง คนเราก็ไม่เหมือนกัน อย่าตัดสินว่าคนอื่นไม่ถูก ไม่ดี โดยใช้ความคิดของตัวเอง เชื่อไหมว่า คนที่เรียนคณะเดียวกับเรา (เกือบ 20 ปีก่อน) โดน ไทน์ สามคน รีพีท อีกประมาณ 6 คน(เรียนร้อยกว่าคน) เราว่า คนเหล่านั้นน่าสงสาร เค้าควรจะได้เปลี่ยนไปเรียนในสิ่งที่เค้าชอบ และอยากเรียนมากกว่า บางครั้งก็ พูดยากเรื่องถูกหรือผิด ... จากคุณ : หัวใจนักท่องเที่ยว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 15:46:13

ความคิดเห็นที่ 18 ข้อมูล...............จาก ห้องหว้า กอ... วันนี้เจอเด็ก เรียนป.ตรีมาถาม จากโจทย์     ประสิทธิภาพ = (ความเข้มข้นxxx ก่อน - ความเข้มข้นหลัง)/ความเข้มข้นก่อน x 100 แบบนี้ ให้ความเข้มข้นก่อนหลัง คิดประสิทธิภาพได้ พอให้ประสิทธิภาพ และ ความเข้มข้นก่อน ถามว่า ความเข้มข้นตอนขาออก จะผ่านมาตรฐานไหม เวรกรรมทำไม่ได้ แทนค่าก็ไม่ค่อยจะถูก(ที่จริงตอนเรียนแบบนี้ไม่ต้องมีสูตรด้วยซ้ำ) สุดท้ายบางคนพอจะแทนค่าได้ ด้นย้ายข้างสมการกันไม่เป็น ถามว่า ตอนเรียนม.ต้น ม.ปลาย ได้เลย เกรดอะไรมาเนียะ ผ่านมาได้ไง เวรกรรม   เด็กตอบด้วยความภูมิใจว่า ได้ A มาตลอด เวรกรรม ขอบ่นหน่อย สอนอะไร Advance ไม่ได้เลย พื้นฐานเล็กๆ ยังไม่ได้เรื่องเลย เซ็ง จากคุณ : ช้างยิ้ม เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 00:34:15 [แก้ไข] จากคุณ : n-park (prince-npark) เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 15:49:51

ความคิดเห็นที่ 19 จากข้อมูลของคุณช้างยิ้ม..แสดงว่าเด็กมีพื้นฐานความรู้ไม่แน่น..แล้วมันเกี่ยวกับหัวข้อกระทู้ยังไงอ่ะครับ.. จากคุณ : ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 15:56:46

ความคิดเห็นที่ 20 คุณหัวใจนักท่องเที่ยวคะ  สมัยดิฉันให้เลือกได้ 6 อันดับ  (เกทับว่าแก่กว่า) เพื่อนเราสองคนเรียนหมอ เพราะพ่อแม่อยากให้เรียน  ทั้งที่คนหนึ่งอยากเรียนวิศวะ อีกคนอยากเรียนมัณฑนศิลป์ ลูกของเพีื่อน ได้ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นเรียนสถาปัตย์ พ่อแม่ไม่ยอมให้ไปอยากให้เรียนหมอ   เลยแกล้งแอดมิดชั่นติด คณะแย่ๆ ที่พ่อแม่ไปไม่อยากให้เรียน   แต่เรียนไปเรียนมาตัวเองชอบขึ้นมา  ตอนนี้ได้ทุนไปเรียนญี่ปุ่นต่อถึงปริญญาเอก เราคิดว่า  ถ้าเด็กมีทัศนคติที่ถูกต้อง  ได้เรียน ได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก ถนัด เขาจะมีความสุขและไปได้ไกลค่ะ จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 16:33:05

ความคิดเห็นที่ 21 จขกท เองก็ยังแยกระหว่างการ์ตูนกับความจริงไม่ออกไม่ใช่รึครับ จากคุณ : AKB-SKE เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 17:37:13

ความคิดเห็นที่ 22 1. งั้นก็จำกัดไปเลยสิครับว่า ห้ามมีการซิ่ว ห้ามมีการเปลี่ยนแปลงคณะที่สอบ ถ้าเรียนจบสาขาไหนมาแล้ว จงทำงานสาขานั้นไปจนตาย  ห้ามคนที่จบสาขาใดๆย้ายไปทำงานในหน้าที่การงานสาขาอื่นๆเด็ดขาดนอกจากสาขาที่เรียนมา เมืองไทย ครูขาดแคลน คนจบคุรุศาสตร์ทุกคน ต้องทำงานเป็นครูเท่านั้น ห้ามทำงานอื่นแม้จะตกงานก็ห้ามทำ เพราะว่าถือเป็นการเอาเปรียบรัฐ คนที่สอบเข้ารร.ตำรวจ จบมาเป็นตำรวจ ห้ามลาออกจากราชการ ต้องเป็นตำรวจไปจนตาย ไม่งั้นเสียดายงบประมาณ คิดแคบไปหรือเปล่าครับ 2. แสดงว่าเจ้าของกระทู้ยอมรับได้กับการที่เด็กจบมาในสาขาที่ไม่ถนัด ไม่ชอบ และทำได้ไม่ดี และไม่ให้โอกาสเปลี่ยนคณะที่เค้ามีโอกาสจะรุ่ง 3. ปัญหาเรื่องคณะที่เลือกไม่ตรง คุณต้องไปดูว่าปัญหามันเกิดที่ไหน เด็กมันรู้ไหมว่าคณะที่จะไปเรียนเป็นคณะอะไร ผมสอบเข้าคณะวิทยาศาสตร์ตอนแรก โดยที่ไม่รู้ว่าคณะวิทยาศาสตร์มีไว้ทำอะไร เรียนอะไร สอนอะไร จบไปแล้วไปเป็นอะไร และที่จริง ผมมาเรียนหมอโดยไม่รู้ว่าหมอทำงานยังไง มันคือความผิดผมหรือ ที่ผมไม่รู้ หรือเป็นความผิดครู ที่ไม่แนะแนว หรือเป็นความผิดของภาครัฐ ที่ไม่มีทางทำให้เรารู้ว่าเราจะไปเรียนอะไรแบบไหนจบไปทำงานยังไง รุ่นผมเองก็มีคนที่เรียนมาหลายปีแล้วก็มารู้ตัวว่าไม่เหมาะที่จะเป็นหมอ ก็เบนเข็มไปทางนักการทูต ปัจจุบันทำหน้าที่ที่ดีกว่าการมาเป็นหมอที่เขาคงไม่มีความสุข ปัญหาเหล่านี้ มันไม่ใช่ปัญหาที่เด็กๆต้องมารับผิดชอบครับ แต่มันอยู่ที่ระบบ อยู่ที่ผู้ใหญ่ ที่ไม่สามารถทำให้เด็กเหล่านั้นรู้ได้ว่าเค้าเหล่านั้นจะไปเรียนเป็นอะไร ยุติธรรมแล้วเหรอ ที่เราจะให้เด็กชีวิตล่มสลายไปทั้งชีวิตต้องเรียนในวิชาที่ไม่ชอบ จบไปทำงานที่ไม่รัก เพียงเพราะว่าความห่วยของระบบการศึกษาที่ไม่สามารถอธิบายปัญหาง่ายๆว่า "หนูๆจ๊ะ สาขนี้จบไปทำงานแบบนี้นะจ๊ะ" จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 18:07:17

ความคิดเห็นที่ 23 บอกให้รัฐบาลออก กฎสิครับ มหาลัยรัฐฯ มีเงินสมทบจากที่อื่น ใครเรียนไม่จบ จ่ายเงินส่วนที่รัฐบาลสมทบให้ ง่ายจะตาย เหมือน LTF อ่ะ ถือไม่ครบจำนวนปีก็ จ่ายย้อนหลัง ตามนั้นย์ switching cost จะได้สูงมาหน่อย อยากเปลี่ยนคณะ เอนใหม่ก็ free will เลยจะ รัฐก็ไม่ต้องสมทบฟรี ส่วนไอ้เรื่องแย่งที่เนี่ย คนลาออกก่อนจบเท่าไร เกิน ปีหน้าก็รับเพิ่มไปอีกเท่านั้น จากคุณ : Opt (Uckaroot) เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 18:53:47

ความคิดเห็นที่ 24 นิยามผิดไปนิดครับ ent อะมันไม่ยุ่งยากเหมือนระบบใหม่มากกว่า -_- ปล เพือนผมซิวแล้วไปสอบใหม่แย่งเด็กถ่มไป =_=' เพราะเรียนแล้วไม่ชอบ ไม่งั้น่าจะปรับระบบการเรียนใหม่ ให้เลือกสายหลักคราวๆได้ตั้งแต่ ม ปลายเนอะ จากคุณ : blackcatXIII เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 18:59:17

ความคิดเห็นที่ 25 ...... เด็ก เค้าคงไม่รู้ มั้งง ว่า เงินที่ เรียนในมหาวิทยาลัย... ส่วนหนึ่งค่าใช้จ่ายรายหัว  ของ นศ  ในแต่ละปี.   รัฐบาลจะเป็นผู้ออกให้.ส่วนหนึ่ง.. ----------มหาวิทยาลัยที่เปิดวิศวะออกนอกระบบเกือบหมดแล้วครับ---ไม่ต้องกลัวว่าเสียงบประมาณ   ค่าเทอมไม่ถูกครับ จากคุณ : อุ้ยเซี่ยวป้อ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 20:03:19

ความคิดเห็นที่ 26 ต่อให้เรียนจบตรีสี่ปีแล้ว ถ้าค้นพบทางที่ตัวเองอยากเปลี่ยน จะกลับไปเรียนซ้ำป.ตรีอีกสี่ปี ผมมองว่าก็เป็นเรื่องที่เจ้าตัวจะเลือกครับ แล้วผมก็เคยเห้นคนทำแบบนั้นมาแล้ว  การค้นหาตัวเอง การเรียนรู้ การเปลี่ยนสายอาชีพ ทำได้ทั้งชีวิต เป็นการตัดสินใจของใครของมัน แล้วคนเราแต่ละคนก็ไม่ตำเป็นต้องจำกัดตัวเองให้มีความสนใจเดียว ประกอบอาชีพสายเดียวเสียเมื่อไหร่ ยิ่งยุคปัจจุบันนี่ สุดแล้วแต่ความสามารถใครจะไขว่ขว้า บางคนประกอบอาชีพสองสามสายไปควบคู่กัน ตามความสนใจแล้วสิ่งที่ตนรัก ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเสียหายอะไรแม้แต่นิด คุณเป็นใคร มีสิทธิอะไรเอาอคติส่วนตัวล้วนๆ ไปตัดสินทางเลือกในชีวิตของคนอื่นว่าผิด ว่าถูก ว่าดีหรือไม่ดี? แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 55 20:21:19 จากคุณ : Baritone เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 20:20:47

ความคิดเห็นที่ 27 ความคิดเห็นที่ 1 ......'' เป็นหมอรักษาสิว ประเทศชาติ ได้อะไร "... นั่นสิ เเล้ว การที่เราเป็นสิว ประเทศชาติ จะได้อะไร.......... พวกเรามาช่วยกัน '' รณรงค์ เลิกเป็นสิว กันเถอะครับ " ประเทศไทยเราจะได้ไม่ต้องมี หมอรักษาสิว เพื่อประเทศชาติ ของเราครับ จากคุณ : werty_max (werty_max) เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 20:56:50

ความคิดเห็นที่ 28 เค้าคงตกผนึกแล้วนะคะ ว่าหมอผิวหนัง รายได้ขนาดไหน น้องคนนี้มีความคิดที่แบบ เห็นแก่รายได้เป็นหลัก จากคุณ : jeeban_2 เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 21:21:43

ความคิดเห็นที่ 29 ใจแคบ ทัศนคติแคบ มาก จากคุณ : blackbillaz เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 21:50:18

ความคิดเห็นที่ 30 ดีแล้วที่อยากเป็นหมอ เพราะตอนนี้คนไข้มีมากกว่าหมอเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ถ้าเรียนหมอแล้ว อยากเป็นวิศวะนี้ ไม่ดีเลย เพราะ วิศวะล้นตลาดแล้ว แข่งหางานกันอยู่เลย จากคุณ : niky02 เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 22:00:52

ความคิดเห็นที่ 31 สิวเป็นเรื่องธรรมชาติ!! จากคุณ : Pride เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 22:50:22

ความคิดเห็นที่ 32 -ขายข้าวมันไก่ กับผมดีกว่า มีทั้งเนื้อ มีทั้งหนัง นับกะตังทุกวันๆ... จากคุณ : น้องกุมาร เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 23:11:20

ความคิดเห็นที่ 33 สังคมสมัยนี้เน้นสวยหล่อเป็นหลัก พ่อแม่ทำงานกันเหงื่อออกไข่ ลูกเอาเงินไปฉีดกลูตาไธโอนซะฉิบ จากคุณ : JYRO เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 23:34:18

ความคิดเห็นที่ 34 ...... เด็ก เค้าคงไม่รู้ มั้งง ว่า เงินที่ เรียนในมหาวิทยาลัย... ส่วนหนึ่งค่าใช้จ่ายรายหัว  ของ นศ  ในแต่ละปี.   รัฐบาลจะเป็นผู้ออกให้.ส่วนหนึ่ง.. ยังมี เด็ก ยากไร้ อีกมาก ..ที่รัฐบาลไม่มีเงินพอ  จะ ไปอุดหนุน จัด สวัสดิการสังคมให้.. ตรงนี้ซินะคือประเด็น  เราควรให้ด็กที่เลิกเรียนกลางคันจ่ายชดเชยตรงนี้ไหมครับ จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 55 08:07:50

ความคิดเห็นที่ 35 จขกท. ครับ  ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาสามัญมาก  ใครๆ ก็อยากจะเลือกในสิ่งดีที่สุดสำหรับตัวเองทั้งนั้น   ใครมันจะรู้อนาคตไปทั้งหมด  ไม่งั้นในโลกนี้ก็คงไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรเลย   สมัยก่อนต้องก้มหน้าก้มตาเรียนให้จบ  อาจเป็นเพราะทัศนคติที่ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่  หลายๆ คนเรียนจบมา  หันมาทำอาชีพที่ตัวเองชอบก็เยอะแยะไป   ส่วนคนที่ไปใหนไม่ได้ก็กล้ำกลืนฝืนทนทำอาชีพที่ตัวเองไม่ชอบต่อไป สมัยนี้เด็กเค้าคิดเองเป็น  เนื่องจากมีข้อมูลที่ค้นหาได้ง่ายๆ  เค้าเลยอยากเปลี่ยน  แต่มันก็มาพร้อมกับเสียงติฉินนินทาว่า  ไม่อดทน  ไม่สู้งาน  ซึ่งมันมีทั้งถูกและผิดในสายตาผู้ใหญ่     ก็ได้แต่คาดคะเนกันเป็นส่วนใหญ่ ทางออกในที่นี้  น่าจะอยู่ที่คนที่มีบทบาทมากที่สุด  คือพ่อแม่ผู้ปกครอง  ต้องปูพื้นฐานกันตั้งแต่เด็กๆ  สอนให้เด็กเป็นคนมีเหตุผล  สังเกตว่าลูกชอบอะไร  แล้วก็ส่งเสริมไปในทางนั้น  ถึงเวลาเลือกเรียน  ก็เอาหลักสูตรของมหาวิทยาลัยมาเปรียบเทียบกัน   โอกาสที่เด็กจะเลือกเรียนผิดที่ผิดทางก็จะน้อยลง จากคุณ : พิซซ่าไทย เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 55 10:51:58

ความคิดเห็นที่ 36 เด็กรุ่นใหม่รักสบาย  หนักไม่เอาเบาไม่สู้  อยากรวย แต่ไม่อยากทำงานหนัก เจอมาเยอะ จากคุณ : นักฆ่าดาบเดียว เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 55 12:28:36

ความคิดเห็นที่ 37 เดี๋ยวเห็น คนขายราดหน้า  ไก่ทอด  อาจจะเปลี่ยนใจอีก   เป็นเรื่องธรรมดามากๆ  ตอนอยู่ในม.ปลาย สังคมก็เอาแต่ยกยอ หมอ วิศวะ จากคุณ : Ninjax เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 55 14:44:03

ความคิดเห็นที่ 38 เคยแต่โดนครูประจานในห้องตอน ป.2เพียงเพราะยกมือขึ้นถามว่า ญาติเสียคืออะไรคะ ผิดมากรึไง ที่ตอนนั้นไม่รู้จักคำว่าญาติ  เราว่าสอนให้คนเรียนครูจบออกมาทำตัวเป็นครูที่ดีก่อนดีกว่า  พอครูดีแล้วก็สามารถสั่งสอนให้เด็กดีตามได้ส่วนหนึ่งแหละ  ไม่ใช่แอะอะสอนพิเศษ ใครไม่เรียนพิเศษด้วยไม่มีทางได้เกรดเกิน 2-3 เจอมากับตัว ใครเรียนพิเศษได้ชีทที่จะออกข้อสอบ แถมมีห้ามเอาชีทไปให้คนไม่ได้เรียนอ่านด้วย  นักการเมืองโกงก็ด่านักการเมืองเลว  เจอพนักงานบริการ บริการไม่ถูกใจก็ด่าว่าแย่  แต่มีใครเคยมองมั่งมั้ย ว่าทุกอาชีพ มันก็เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้เหมือนกันหมดแหละ   (อ้าวหลงประเด็น) จากคุณ : ขวัญใจ (ขวัญใจมหาชนสุดยอดแล้ว) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 55 23:21:01

ความคิดเห็นที่ 39 ครูห่วยๆ มีเยอะครับ สมัยก่อนผมวาดรูปตัวการ์ตูนในสมุดด้านหลังที่เป็นกระดาษว่างๆ (ยังไงสมุดก็มีหน้าเหลืออยู่แล้ว) คุณครูทำยังไงรู้มั้ยครับ เอาสมุดผมมาประจาณหน้าห้องแล้ว ให้ผมฉีกสมุดออกเป็นชิ้นๆต่อหน้าทุกคน แล้วให้ลอกการบ้านใหม่ทั้งหมดลงเล่มใหม่ บอกว่าผมไม่ตั้งใจเรียนเป็นเด็กไม่ดี ผมจำฝังใจมาก โตมาผมก็ยังวาดรูปจนตอนนี้ผมเป็นสถาปนิกครับ เงินเดือนผม 50k+ ยังชอบแอบวาดรูปลงในงานด้านหลังอยู่เลย คุณเป็นครูประเภทนั้นหรือเปล่า ? จากคุณ : ราชาหมีแห่งป่าเงียบเหงา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 10:16:20

ความคิดเห็นที่ 40 เรื่องนี้ง่ายนิดเดียวครับ คือ อยากเปลี่ยนสายเพราะไม่ชอบสายเก่า หรือชอบสายใหม่ ถ้าชอบสายใหม่ก็จบสายเก่าก่อน-ไปเรียนหมอใหม่ ถ้าไม่ชอบสายเก่าด้วย-ก็อาจจะออกไปเรียนสายใหม่เลย สำหรับในด้านการลาออกจะทำให้เสียสิทธิสำหรับ นศอื่นไหม อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องยกเว้นครับ เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล จนกว่าจะมีเคสอย่างนี้มากจนเกิดปัญหา ประเด็นที่ว่าชอบเพราะผลประโยชน์มากกว่านั้น คงไม่เกี่ยวนัก เนื่องจากถ้าคิดอย่างนี้ ก็คงคิดมาตั้งแต่เลือกเรีัยนวิศวะเเล้วนี่ครับ ส่วนที่ประเทศชาติจะได้อะไรจากความคิดที่เน้นวัตถุนิยมเป็นหลัก ก็ได้คนทำงานที่ดีตามสติปัญญาครับ แต่จะไม่ได้คนทำงานที่ทำงานด้วยหัวใจ สรุปปัญหาเรื่องนี้ ต้องเเก้ด้วยการสอนทักษะคุณธรรมจริยธรรม ตั้งแต่ยังเด็กในทุกส่วนระบบของสังคมครับ จากคุณ : P Q BOY เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:42:04