ความคิดเห็นที่ 1 ช่วยจัดหน้าให้ดูง่ายๆหน่อยค่ะรูดจนงง จากคุณ : muenee เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 10:56:12

ความคิดเห็นที่ 2 http://news.ch7.com/detail/7475/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99_%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%A3.html อัพข่าวช่อง 7 ครับ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 08:03:26 จากคุณ : lll57 (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 10:58:08

ความคิดเห็นที่ 3 โดยคุณพ่อของเป็ดน้อยลอดชายนั้น ได้พบเข้ากับคลิปวีดีโอเกี่ยวกับโฆาณาชวนเชื่อเกี่ยวกับการรักษาโรคที่เว็บ Holy Zone มีชื่อว่า พยานชีวิตของหมอประกายสิริวงศ์ โดยมีทั้งหมด 5 ตอน โดยมีนายพรหมพันธุ์ โรจนพุทธิหรืออาจารย์ฟู เป็นเจ้าของ Channel http://www.youtube.com/watch?v=7RRUznsJIJA แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 55 09:22:51 จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:03:03

ความคิดเห็นที่ 4 สำหรับบุคคลอื่นที่ไม่ได้มีความเชื่อในศาสนาศริสต์นั้น อาจจะแค่ดูไปผ่านๆ แต่ไม่ได้สนใจอะไร แต่คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายนั้น เป็นผู้ที่มีความศรัทธาในศาสนาคริสต์นั้น ประกอบกับที่ตัวลูกสาวนั้นได้มีโรคประจำตัวที่เป็นอันตรายมาก จึงเกิดความสนใจ และได้โทรไปตามเลขหมายที่ได้โฆษณาเอาไว้ หมอประกายสิริ ได้ให้คำแนะนำว่าโรคทุกๆ โรคนั้นเกิดมาจากความผิดปกติทางกระดูก ถ้ามีการจัดกระดูกให้ถูกต้องแล้ว โรคทุกโรค ก็จะสามารถรักษาให้หายได้ "พระเจ้าได้ให้เธอมีความสามารถพิเศษในการช่วยรักษาโรคได้ทุกโรคโดยเฉพาะคนที่มีความเชื่อในพระเจ้าและต้องไว้ใจหมอประกายสิริจะทำให้หายโรคได้อย่างแน่นอนและต้องเชื่อว่าพระเจ้าใช้หมอประกายสิริมารักษาให้หายได้โดยการจัดเรียงกระดูกเพื่อการบำบัดการรักษาให้หายจากโรคที่เป็นอยู่ได้" นี่เป็นคำยืนยันจากปากของหมอประกายสิริ ซึ่งชักจูงให้คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชาย ที่ไม่สามารถพึ่งพาการแพทย์แผนปัจจุบันเผื่อรักษาโรคเบาหวานให้หายขาดได้ เริ่มมีความเอนเอียงตามหมอประกายสิริ ภาพข่าว จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:09:21

ความคิดเห็นที่ 5 สำหรับเป็ดน้อยลอยชาย ผู้ซึงจบการศึกษามาจากคณะคุรุศาสตร์จุฬาเกียรติ์นิยมอันดับ 1 เธอมีความเชื่อและความศรัทธาในศาสนาคริสต์ และเชื่อมั่นเสมอในพระเจ้า เธอเป็นเด็กดี มีความกตัญญู เป็นที่รักของเพื่อนฝูง และลูกศิษย์ตัวน้อยของเธอที่ Early Learning Center ในทีแรกนั้น เป็ดน้อยลอยชายนั้น ปฏิเสธและไม่สนใจในแผนการรักษาของหมอประกายสิริ ตัวเธอนั้นไม่ได้มีความทุกข์ใจอะไรมากมายนักกับโรคประจำตัวของเธอ ตัวเธอนั้นมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ตามแนวทางของพระผู้เป็นเจ้า จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:16:35

ความคิดเห็นที่ 6 เอิ่ม เบาหวานนี่ เป้นไรคไม่ร้ายแรงนะครับ ถ้าควบคุมระดับน้ำตาลให้ดี ก็อยู่กับมันได้สบายๆ มีแค่ไม่กี่ รายเท่านั้นที่เป็นหนักนะครับ -*- จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:24:09

ความคิดเห็นที่ 7 ในเวลาต่อมานั้น คุณพ่อของเธออาจารย์เอ(นามสมมติ) จากพี่น้องชาวคริสเตียนบางคนผ่านทาง Skype ในกลุ่ม Holy Zone และอาจารย์เอนั้นก็ได้แนะนำคุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายให้รู้จักกับคุณเล็ก ที่อาศัยอยู่ที่บ้านเช่าเรียกว่า ”นิเวศน์อธิษฐาน” โดยสถานที่นั้นได้ตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 21 แยกที่ 2 และคุณพ่อได้อยู่ร่วมประชุมในบ้านหลังนั้นในวันนั้นด้วย คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายจึงได้พาคุณแม่และตัวเธอ ไปเยี่ยมเยียนที่ "นิเวศน์อธิษฐาน" และแนะนำให้ให้ได้รู้จักกัน ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้มีกลุ่มคนที่ชุมนุมในบ้านหลังนั้น ได้แวะเวียนเข้ามาที่บ้านของเป็ดน้อยลอยชาย และได้พยายามชักจูงให้คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายนั้น นำตัวลูกสาวเข้าทำการรักษากับหมอประกายสิริ โดยตัวเป็ดน้อยลอยชายก็ได้ทำการปฏิเสธอีกครั้งหนึ่ง และหลังจากนั้น ก็มีอีกหลายครั้งที่คนจากบ้าน "นิเวศน์อธิษฐาน" ได้พยายามชักชวนเป็ดน้อยลอยชายเข้าทำการรักษา ซึ่งคล้ายคลึงกับความเชื่อแบบปากต่อปาก ภาพประกอบของบ้านหลังที่ว่า จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:29:01

ความคิดเห็นที่ 8 มารอติดตามค่ะ จากคุณ : BeingImagination เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:37:00

ความคิดเห็นที่ 9 สรุปคือการศึกษาไม่ได้เป็นตัวชี้ว่าคนนั้นจะงมงายรึไม่สินะ จากคุณ : Misty เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:40:43 A:49.48.159.68 X: TicketID:363072

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ามาเพราะสงสัยว่า "ไม่ได้รับความเป็นธรรม"   อ่านแล้วก็ยังสงสัยต่อว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมยังไง รอฟังต่อค่ะ จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:49:36

ความคิดเห็นที่ 11 ช่วยเล่าแบบสรุปทีนะคะ คือเราเข้าใจเรื่องความศรัทธาในศาสนา อธิบายสั้นๆก็พอค่ะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า ว่ามันเป็นยังไง ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมน่ะเอาแบบบทสรุปเลย จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 12:08:54

ความคิดเห็นที่ 12 ขออ่านให้จบ ก่อนจะวิพากษ์วิจารณ์ครับ เพราะข่าวนี้ผมก็สงสัยหลายๆอย่างเหมือนกันว่าระดับนักศึกษาเกียรตินิยมไม่น่าจะไปเชื่อเรื่องงมงายประเภทนี้ได้ง่ายๆ จากคุณ : พฤกษาไร้สำเนียง เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 12:12:31

ความคิดเห็นที่ 13 และแล้ว จุดเริ่มต้นของฝันร้ายนั้นก็บังเกิดขึ้น ในวันที่ 15 มิถุนายน คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายนั้นได้โทรไปปรึกษาหมอประกายสิริ เรื่องของเป็ดน้อยลอยชายอีกครั้ง และหมอนั้น ก็อยากจะขอพบกับเป็ดน้อยลอยชาย ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชาย ได้โทรหาหมอประกายสิริเพื่อขอเลื่อนนัด เนื่องจากเป็ดน้อยลอยชายยังติดงานอยู่ แต่หมอประกายสิริต้องการให้มาพบในตอนเย็นของวันนี้ ซึ่งเป็ดน้อยลอยชายก็ไม่ได้เต็มใจนัก แต่เนื่องจากแค่พบอย่างเดียวจึงไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อไปถึงที่บ้านหมอประกายสิริในเวลา 18.00 น. หน้าบ้านเป็นประตูเหล็กดัดสีเขียว มีตัวอักษรเขียนไว้ที่ด้านบนประตูหน้าบ้านว่า “บ้านนี้มีพระเยซูเป็นประมุข” และเมื่อไปถึงที่ประตูหน้าบ้าน ก็ได้พบหมอประกายสิริที่หน้าบ้าน เมื่อเข้าไปในบ้านแล้วก็พบกับคนในกลุ่ม ”นิเวศน์อธิษฐาน” อยู่ภายในบ้านซึ่งนำลูกมาเป็นลูกค้าใช้บริการหมอประกายสิริ หมอประกายสิริบอกให้คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายนำกระดาษที่พิมพ์คำอธิษฐานสารภาพความผิดบาปให้คนที่จะมารักษาอ่าน เมื่อเป็ดน้อยลอยชายอ่านเสร็จแล้วจึงสอบถามวิธีการรักษาจากหมอประกายสิริ โดยตอบได้ใจความว่าต้องใช้เท้าเหยียบนวดไปตามร่างกาย คุณพ่อจึงเสนอว่าในครั้งแรกนี้จะขอพูดคุยก่อน แต่หมอประกายสิรินั้นกล่าวอ้างในพระผู้เป็นเจ้า โดยอ้างว่าพระเจ้าทรงใช้เธอให้มาช่วยคนไทยนานกว่า 30 ปีแล้ว คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายจึงวางใจมากขึ้น เพราะเชื่อในคำที่ให้ไว้ในรายการ “คำพยานชีวิต” และฟังจากคำพูดของคนในกลุ่ม ”นิเวศน์อธิษฐาน” ที่เจอในเวลานั้น จากนั้นหมอประกายสิริได้วิเคราะห์ตัวเป็ดน้อยลอยชายว่า "ไม่ได้เป็นโรคเบาหวาน" แต่เป็นเพราะกระดูหน้าอกบิดเบี้ยว และสะโพกบาน โดยจะต้องถูกบำบัดในวันนี้เลยเพื่อทำให้อาการต่างๆ ดีขึ้น โดยอาศัยจิตวิทยา ทำลายความมั่นใจของเป็ดน้อยลอยชาย และอาศัยความเกรงใจของคุณพ่อ คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายจึงให้เธอลองบำบัดดูสักครั้ง ซึ่งในขณะเดียวกัน หมอประกายสิริก็ได้เปิดคลิป "พยานชีวิต" ซึ่งมีใจความเปรียบเทียบการแพทย์ปัจจุบันว่า แม้จะเจ็บแต่รักษาไม่หายขาด แต่ของตัวเองนั้น เจ็บแต่หายขาด แล้วยังเปิดเพลงนมัสการของคริสตจักรยุคพระคุณไปด้วยและก็ร้องเพลงตามไปด้วย เพื่อเรียกความน่าเชื่อถือ จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 12:17:32

ความคิดเห็นที่ 14 ช้านิดนึงนะครับ เพราะต้องทำงานไปด้วย จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 12:18:09

ความคิดเห็นที่ 15 สนใจค่ะ  รออ่าน จากคุณ : successfully เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 12:38:06

ความคิดเห็นที่ 16 หลังจากการบำบัดรักษานั้นผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง หมอประกายสิรินั้นก็ให้ยาสวนทวารและวิตามินกลับมารับประทาน และเก็บค่ารักษาอีกกว่า 1,500 บาท โดยสร้างภาพลักษณ์ว่าหมอประกายสิริจะไม่จับเงิน แต่ให้ใส่กล่องเป็นการถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าแทน ซึ่งหลังจากกลับบ้านมา เป็ดน้อยลอยชายก็มีอาการเหนื่อยล้า และอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก โดยในเวลาตี 3 ของวันนั้น เธอก็มีอาการกระสับกระส่าย ปวดเมื่อไปทั้งตัว คลั่นเนื้อ คลั่นตัวเป็นอย่างมาก และรับประทานยาที่หมอประกายสิริให้มา ในคืนนั้นคุณแม่ของเธอได้เข้านอนเป็นเพื่อน ซึ่งในรุ่งเช้าของวันนั้น อาการของเธอก็ทุเลาลง และไปสอนได้ตามปกติ แต่ในเที่ยงของวันนั้น เป็ดน้อยลอยชายได้โทรศัพท์กลับมาที่บ้าน โดยเธอบอกว่า เธอรู้สึกใจสั่น หงุดหงิด ไม่สบาย ซึ่งในช่วงเวลาเย็นวันนั้นเธอก็มีอาการดีขึ้น และสามารถไปงานเลี้ยงส่งรุ่นพี่ที่สมาคมนักศึกษาคริสเตียนไทยได้ และได้กลับมาถึงบ้านในเวลา 5 ทุ่มโดยมีรุ่นพี่มาส่งที่บ้าน ในตี 2 ของวันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน เป็ดน้อยลอยชายมีอาการถ่ายท้อง และอาเจียนเป็นช่วงๆ จนกระทั้งช่วงเช้า อาการของเป็ดน้อยลอยชายก็ดีขึ้น คุณพ่อและคุณแม่ของเธอจึงแนะนำให้เธอไปโรงพยาบาล แต่เป็ดน้อยลอยชายได้ปฏิเสธไป ในช่วงบ่าย 3 โมงของวันนั้น คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายได้โทรศัพท์ไปหาหมอประกายสิริ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุ หมอประกายสิริจึงเสนอให้พาตัวเป็ดน้อยลอยชายไปหาในทันที ทุกคนในบ้านจึงตามไปด้วยการเพื่อไปดูการรักษา เมื่อถึงที่บ้านของหมอประกายสิริ ก็ได้รับคำอธิบายว่า อาการอาเจียนนั้นเป็นการขับสิ่งชั่วร้ายที่อยู่ในตัวออกมา แล้วทำการรักษาด้วยวิธีเดิมอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นได้แนะนำคุณพ่อและคุณแม่ของเป็ดน้อยลอยชายกับคนไข้รายหนึ่ง โดยอ้างว่ามีคนไข้รายนั้นโรงพยาบาลไม่สามารถรักษาได้ จึงนำมารักษากับเธอแล้วอาการดีขึ้น เมื่อได้รับการบำบัดโดยการเหยียบอีกเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ก็จ่ายเงินค่ารักษาไปอีก 1,500 บาท แล้วอาการก็บรรเทาลงไปช่วงหนึ่ง จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 12:38:33

ความคิดเห็นที่ 17 พ่อแม่ เห็นลูกถ่ายท้อง อาเจียน แต่ไม่นำไปส่ง รพ กลับพาไปหาบุคคลที่แอบอ้่างพระเจ้าเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้าย ? ผู้ป่วยไม่ไปพบแพทย์ แต่เชื่อว่าตนเองป่วยเพราะสิ่งลี้ลับ ? เพราะอะไร เพราะอะไร เพราะอะไร แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 12:54:18 แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 12:53:42 จากคุณ : itssmallworld เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 12:52:49

ความคิดเห็นที่ 18 กลับไปอ่านข้อความต้นกระทู้ แล้วก็เห็นว่า จขกท.มีความรู้สึกว่าเพื่อนถูกซ้ำเติมเลยตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาอธิบาย เราก็ไม่ขอแสดงความเห็นแล้วค่ะ อ่านให้เป็นอุทธาหรณ์ละกัน และอยากบอกว่า รายการทีวีเดี๋ยวนี้ อันตรายมากๆ โดยไร้การควบคุม แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 16:01:27 แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 13:22:20 จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 12:54:09

ความคิดเห็นที่ 19 ในช่วงเวลาตี 3 ของวันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน เป็ดน้อยลอยชายมีอาการหนักยิ่งขึ้น เจ็บปวดทุรนทุราย หอบหายใจเสียงดัง และในตอนเย็นของวันนั้น คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายได้โทรศัพท์ไปหาหมอประกายสิริเพื่อถามหาสาเหตุของอาการที่เกิดขึ้น โดยหมอประกายสิริให้ความเชื่อมั่นว่ารู้จักอาการแบบนี้ดี และไม่ต้องเป็นห่วง ซึ่งหมอประกายสิริก็ได้ให้พาเป็ดน้อยลอยชายไปที่บ้านของหมออีกครั้งหนึ่ง ในเวลาถัดมา ทุกคนในบ้านได้ไปพบหมอประกายสิริ และได้พบกับเป็ดน้อยลอยชายในสภาพนอนอ้าปากหายใจอยู่บนเตียง ทำให้ทุกคนตกใจกับภาพที่ได้เห็น ซึ่งหมอประกายสิริก็ได้อธิบายว่า เป็นเพราะมีน้ำมูกมากต้องหายใจทางปาก และเพราะกระดูกหน้าอกมีปัญหา จึงต้องหายใจหอบเสียงดัง โดยในขณะนั้นผู้ที่อยู่ใน "นิเวศน์อธิษฐาน" ก็ได้เข้าร่วมเกลี้ยกล่อมให้คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายเชื่อในตัวของหมอประกายสิริว่าจะรักษาได้ แต่คุณพ่อและคุณแม่ของเป็ดน้อยลอยชายเห็นว่าอาการของลูกไม่ปกติอย่างมาก และสมควรจะได้รับการรักษาจากทางโรงพยาบาล แต่ก็ได้รับการคัดค้านจากทางทุกคนที่อยู่ใน "นิเวศน์อธิษฐาน" และกล่าวอ้างว่า “อย่ามีความรู้พระคัมภีร์แค่ทางสมองต้องมีความเชื่ออย่าดูสภาพที่เห็นอยู่ให้ไว้วางใจในพระเจ้า” ทำให้ครอบครัวของทางเป็ดน้อยลอยชายสับสนเป็นอย่างมาก ซ้ำร้ายหมอประกายสิริยังให้คำมั่นว่า ทุกๆ อย่าง หมอประกายสิริจะรับผิดชอบเอง แล้วยังบอกว่าครอบครัวของเธอไม่เข้าใจในอาการของเป็ดน้อยลอยชายในขณะนี้ และต้องเชื่อฟังที่หมอประกายสิริพูด คือต้องให้เป็ดน้อยลอยชายค้างคืนที่นี่ จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 13:16:28

ความคิดเห็นที่ 20 ความเชื่อ  อยู่เหนือเหตุผลเสมอ  อย่าไปซ้ำเติมผู้ที่สูญเสียไปแล้ว จากคุณ : successfully เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 13:17:19

ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่าไอ้พวกที่อยู่ในวันเกิดเหตุและเกลี้ยกล่อมให้พ่อของน้องเค้าไม่ต้องนำน้องไปส่ง รพ.เนี่ย มันน่าจะโดนข้อหาร่วมกันกับนางหมอเขมรคนนี้จริงๆ จากคุณ : พฤกษาไร้สำเนียง เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 13:27:01

ความคิดเห็นที่ 22 สงสารเด็กจัง เจ็บขนาดนี้แล้ว ยังไปหารอบที่ 2 แทนที่จะไปหาหมอโรงพยาบาล อ้างว่ามีสิ่งชั่วร้าย สิงอยู่ข้างใน โทษ นี้มัน 2012 (2555) ไม่ใช่ยุค 60  กลุ้ม จากคุณ : yaimpm เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 13:36:56

ความคิดเห็นที่ 23 คุณพ่อกับคุณแม่ของเป็ดน้อยลอยชาย ได้ตกลงกันว่าจะให้คุณแม่คอยนอนเป็นเพื่อน เผื่อถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจะได้โทรศัพท์กลับมาได้ทันท่วงที และรับตัวไปรักษาที๋โรงพยาบาลเพชรเวช ซึ่งในเวลานั้นคุณพ่อกับคุณแม่เริ่มไม่ไว้ใจหมอประกายสิริแล้ว ในเวลานั้นหมอประกายสิริได้กล่าวกับทางครอบครัวว่า ให้รอพระเจ้ากำลังจัดกระดูกใหม่ให้เป็ดน้อยลอยชาย และเธอก็จะหายกลับมาเป็นคนใหม่อย่างแน่นอน ณ เวลาเที่ยงคืน หมอประกายสิริขอตัวขึ้นไปพักผ่อนและให้คุณแม่ของเป็ดน้อยลอยชายคอยดูแลเธอ ซึ่งคุณแม่ก็คอยจับมือของเป็ดน้อยลอยชายเอาไว้จนกระทั้งหลับไป และในที่สุด ณ เวลาตี 1 ของวันนั้น เวลาแห่งความตายก็ได้มาถึง เมื่อคุณแม่ของเป็ดน้อยลอยชายได้สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เห็นเป็ดน้อยลอยชายยังคงอ้าปากหายใจอยู่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร จนเมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง เป็ดน้อยลอยชายก็ได้สิ้นเสียงหายใจไปแล้ว ในขณะนั้นเป็นเวลา 2 นาฬิกา 45 นาที คุณแม่ได้ตกใจเป็นอันมาก ตะโกนเรียกหมอประกายสิริอย่างลืมตัว และวิ่งไปเคาะประตูหาทุกชั้น แล้วพูดว่า “ลูกแอมมี่ ไม่หายใจแล้ว” โดยที่ชั้น 4 มีเสียงตอบกลับมาจากหมอประกายสิริว่า “ใครบอก” ก่อนจะเปิดประตู และได้เจอหมอประกายสิริ หมอพูดว่า  “คุณเป็นแม่ยังไงกัน ถึงดูแลลูก ไม่ได้อย่างนี้” จากนั้นก็พากันวิ่งลงมาหาเป็ดน้อยลอยชาย หมอประกายสิริได้ทำการปั้มหัวใจให้เป็ดน้อยลอยชาย แล้วทำการให้เท้าเหยียบให้เสมหะออกจากจมูก และคุณแม่ของเป็ดน้อยลอยชายก็ได้โทรศัพท์กลับมาที่บ้านเพื่อแจ้งให้ทางครอบครัวได้ทราบ 30 นาทีต่อมา คุณพ่อและน้องชายของเป็ดน้อยลอยชายได้มาถึงพร้อมกับรถส่วนตีว และรถพยาบาลของทางโรงพยาบาลเพชรเวช เมื่อรถพยาบาลไปถึง ก็ได้ทำการตวรจเลือดและชีพจร และบอกกับครอบครัวว่า “แอมมี่ เสียชีวิตแล้ว และการขาดอากาศหายใจ ในช่วงเวลามากกว่า 30 นาที ถือว่าไม่สามารถช่วยในการปั้มหัวใจได้ เพราะไม่มีประโยชน์อะไร  ลูกสาวของคุณเสียชีวิตแล้ว” ซึ่งในระหว่างช่วงที่คุณแม่กำลังรอรถพยาบาลอยู่นั้น หมอประกายสิริได้พูดไปว่า “ถ้าใครถามให้บอกว่ามานอนบ้านญาติ  ไม่ต้องบอก ใครนะว่ามารักษาที่นี่” จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 13:37:42

ความคิดเห็นที่ 24 จากเหตุการณ์ดังที่ได้เล่ามาทั้งหมดนี่ เป็นส่วนขยายที่ข่าวในหนังสือพิมพ์ทุกๆ ฉบับไม่ได้มีการกล่าวถึง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ผมเสียใจเป็นอย่างมาก นั่นคือ มีคนจำนวนมาก ที่แม้เพื่อนของผมคนนี้จะเสียชีวิตไปแล้ว ก็ยังมีคนคอยซ้ำเติมสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเข้าใจแบบผิดๆ ว่า "โง่" "งมงาย" "เสียชื่อสถาบัน" ซึ่งผมที่รู้จักเธอมากว่า 7 ปี ย่อมรู้ว่าสิ่งใดคือความจริง สิ่งที่ผมเรียกร้องนั้น ไม่ได้มากเกินกว่าที่ทุกคนจะให้ได้ คือ "ขอให้เข้าใจ ขอให้เห็นใจ" บ้าง เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เธอไม่ได้มีส่วนผิดแม้แต่นิดเดียว ในบางส่วนอาจจะเห็นว่าพ่อแม่ของเธอนั้นก็มีส่วนผิดอยู่กึ่งหนึ่ง ที่ยอมไว้วางใจวิธีการรักษาสุดพิสดารของหมอประกายสิริ ซึ่งผมคงไม่อาจโต้แย้งอะไรได้ นอกเสียจากบอกว่า "ความหวัง ความเชื่อ และความงมงาย ต่างกันแค่ปลายปากกา" ในเมื่อมีโอกาส ในยามที่ไม่มีสิ่งอื่นจะไขว้คว้า คนเราย่อมอยากจะจับโอกาสนั้นเอาไว้ แม้จะมองไม่เห็นปลายทาง ซึ่งในกรณีนี้ก็เป็นทั้งบทเรียน และความเจ็บปวดอันมากยิ่งกว่าที่ใครจะรับรู้ได้จึงขอความกรุณาแม้เพียงสักเล็กน้อย แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 00:28:53 จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 13:54:12

ความคิดเห็นที่ 25 รูปไม่ติด แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 13:57:35 จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 13:57:16

ความคิดเห็นที่ 26 นอกจากครอบครัวของเป็ดน้อยลอยชาย จะต้องสูญเสียลูกสาวอนาคตไกล และเป็นที่รักของบุคคลจำนวนมากแล้ว ความยุติธรรมก็ยังคงไม่ได้รับกลับมา สังคมยังคงมีความเข้าใจแบบผิดๆ คนร้ายในขณะนี้ก็ได้ถูกประกันตัวออกไปแล้ว จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 13:58:01

ความคิดเห็นที่ 27 สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านในที่นี้ช่วยปรับคติ และความเข้าใจบ้างนะครับ ว่าการสูญเสียเป็นอย่างไร ความผิดพลาดเป็นอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเขา ทุกคนได้รับรู้ข่าวเป็นอุทาหรณ์ ในขณะที่ครอบครัวของเขาต้องสูญเสียอย่างใหญ่หลวง เพราะฉะนั้นอยากให้ช่วยหยุดซ้ำเติมเถอะครับ สิ่งที่พวกเขาได้รับมันก็มากพอแล้ว... สิ่งที่ผมทำได้นั้นมีเพียงน้อยนิด ยังมีคนมากมายที่ไม่ได้เข้ามาอ่านความจริงๆ ในข้อนี้ แต่ผมก็ยังอยากจะช่วยสักเล็กน้อยก็ยังดี วอนขอทุกท่านที่เข้ามาอ่าน อย่างน้อยก็ขอให้ช่วยบอกเล่าความจริง ให้กับบุคคลที่ยังคงเข้าใจผิดอยู่นะครับ ขอบคุณมากครับที่เข้ามาอ่าน จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 14:03:17

ความคิดเห็นที่ 28 แสบมากยัยแม่หมอ   แต่ละคำพูดก็เพ้อเจ้อสิ้นดี  เราไม่ค่อยชอบเท่าไรกับคนบางกลุ่มชอบยัดให้เข้ากลุ่มอย่างนั้นอย่างนี้  เคยเจอเหมือนกัน เราเป็นนายตัวเองทำไมต้องให้ใครมาครอบงำด้วย มันคือความงมงายทั้งนั้น ให้รักคนนั้นคนนี้เชื่อในสิ่งนั้นสิ่งนี้ รักตัวเองดีที่สุดค่ะ  แล้วสุดท้ายพระเจ้าช่วยได้หรือป่าวคะ เสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยค่ะ   คิดในสิ่งที่ดีคือผู้เสียชีวิตหมดเวรหมดกรรมแล้วค่ะ  ไปสบายแล้ว  คนเราถึงคราวก็ต้องไปทุกคนอย่าโทษคนนั้นคนนี้เลยค่ะ จากคุณ : คนดีทำไมไม่รัก เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 14:05:37

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านจบแล้ว  เข้าใจความรู้สึกของ จขกท.  ขอแสดงความเสียใจกับเพื่อนของคุณด้วย คนที่ไม่ได้ประสบเรื่องราวกับตัวเอง  ไม่ควรไปวิพากษ์วิจารณ์ตัดสินครอบครัวผู้เสียชีวิต สังคมนี้   บางนี้การเป็นตัวของตัวเอง  ไม่เชื่อฟังผู้อื่น  ไม่มีความเชื่อเหมือนคนส่วนใหญ่ เชื่อมั่นในตัวเองอย่างแท้จริง   ก็อยู่ในสังคมกับเขาไม่ได้ จากคุณ : successfully เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 14:17:18

ความคิดเห็นที่ 30 สงสารน้อง และเห็นใจครอบครัวของน้องด้วยนะคะ อ่านแล้วอยากร้องไห้จริงๆ  เรื่องนี้คงเป็นบทเรียนให้กับทุกคน รวมทั้งพ่อแม่ และเพื่อนฝูงนักแนะนำทั้งหลาย ส่วนหมอเถื่อนนั่น  ก็ต้องมีการติดตามกันต่อไปว่าจะได้รับโทษแค่ไหน ทุกคนจะต้องได้รับกรรมตามที่ตัวเองกระทำค่ะ  คุณพ่อคุณแม่น้องรับไปแล้ว ที่เหลือตามมาแน่นอน จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 14:34:19

ความคิดเห็นที่ 31 อินเตอร์เน็ทนี่ทำให้ผมเข้าใจอะไรได้สองอย่าง อย่างแรกคืออย่าด่วนตัดสินคนอื่น มีข้อเท็จจริง สภาพแวดล้อม เหตุการณ์อะไรอีกเยอะแยะมากมายที่เราไม่รู้ เพราะงั้นต้องคิดเสมอว่าเราไม่รู้ก็อย่าด่วนไปด่าคนอื่น (แต่บางทีก็เผลอตัวมั่งอ่ะนะ ก็พยายามคิดเสมอๆ) อย่างสองคือ คนเรามันยิ่งกว่าบัวสี่เหล่าจริงๆ บางคนก็หลับหูหลับตาด่าคนอื่น บางคนก็อยากด่า อยากประชด คนที่ไม่แคร์คนอื่นไม่ดูตัวเองนี่มีเยอะมาก บางคนก็แค่อยากดัง อยากทำสวนกระแส บางทีเราต้องปล่อยวางไปมั่ง อย่าไปจริงจังคนพวกนี้ เป็นทุกข์เปล่าๆ จากคุณ : TingTing เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 14:34:45

ความคิดเห็นที่ 32 ลบรูปครับ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 18:51:33 แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 15:35:14 จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 14:37:46

ความคิดเห็นที่ 33 ลบรูปครับ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 18:52:10 จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 14:38:26

ความคิดเห็นที่ 35 ลบรูปครับ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 18:52:38 จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 14:39:29

ความคิดเห็นที่ 36 ลบรูปครับ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 55 08:40:03 แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 15:08:01 จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 14:41:47

ความคิดเห็นที่ 37 รูปจาก คห. 36   คนซ้ายมือนั่นคือคุณ พ-วงเดือน ใช่ไหมคะ จากคุณ : ต่อเวลา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 14:59:11

ความคิดเห็นที่ 38 เห็นใจเจ้าของกระทู้นะครับ แต่ผมว่ากระทู้นี้เสี่ยงกับปัญหากฎหมายสองประการ 1. บุคคลผู้อยู่ในรูปและถูกเรียกว่า "หน้าม้า" อาจฟ้องหมิ่นประมาทได้ หรือบางคนในรูปก็อาจจะไม่ใช่หน้าม้า แต่เป็นเหยื่ออีกคนหนึ่ง 2. ข้อความในกระทู้นี้ อ่านจนจบแล้ว น่าเป็นห่วงว่าจะเป็นประโยชน์กับคดีแพ่งของหมอเถื่อนมากกว่า ในหลักการเรื่อง "ความยินยอมไม่เป็นละเมิด" (เฉพาะคดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย เพราะคดีอาญาใช้ข้อแก้ตัวเช่นนี้ไม่ได้) คือตามเรื่อง การตายของน้องคนนี้ แม้จะมีส่วนมาจากหมอเถื่อนบ้าง แต่หลักๆ เลย ตั้งแต่ต้น คือ "ความยินยอม" ของฝ่ายผู้เสียหายทั้งหมดในการเข่ารับการรักษา รวมทั้งการไม่ไปรักษาในระบบการแพทย์แผนปัจจุบัน แม้จะมีเหตุว่าถูกหลอกลวง แต่ถ้ามองอย่างวิญญูชน การ "เชื่อ" ในคำหลอกลวงนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวของฝ่ายผู้เสียหายมากกว่า เพราะถ้าฝ่ายหมอเถื่อนเอากระทู้นี้ไปใช้ต่อสู้ในศาลว่า ตัวเองไม่ได้บังคับ หรือกักตัวอะไร เพียงแต่พูดโน้มน้าวด้วยความเชื่อทางศาสนาเท่านั้น อาจจะรับผิดทางแพ่งน้อยลงหรืออาจจะไม่ต้องรับผิดเลยก็ได้ เพราะผู้เสียหายสมัครใจเสี่ยงภัยเอง ลองพิจารณาดูนะครับ จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 15:19:47

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณมากครับ จะเอาไปพิจารณาครับ จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 15:34:40

ความคิดเห็นที่ 40 เห็นด้วยเรื่องคำว่า "หน้าม้า" ค่ะ  แก้ไขลบออกได้นะคะ จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 15:41:02

ความคิดเห็นที่ 41 ไม่ได้รับความเป็นธรรม ?  ตรงไหนคะ คือเราไม่เข้าใจจุดประสงค์เจ้าของกระทู้อะ  ว่าตั้งกระทู้มาเพื่ออะไร  ต่อว่าคนที่ว่าน้องเค้า...  แต่น้องเค้าก็ผิดจริงที่งมงายไม่ไปหาหมอจริง  เชื่อคนที่ไม่ใช่หมอจนเสียชีวิตนี่คะ เราว่ากรณีนี้น่าจะเป็นตัวอย่างให้คนอื่นๆมากกว่า  ว่าอย่าเชื่ออะไรงมงาย  จะรักษาทางอื่นน่ะรักษาได้  แต่ไม่ใช่หยุดรักษากับหมอจริงค่ะ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 15:45:57

ความคิดเห็นที่ 42 ผมว่าน้องเค้าไม่ได้ทำผิดนะ แค่การกระทำของเค้าไม่ตรงกับค่านิยมของคนส่วนใหญ่ในสังคมก็เลยโดนด่า โดนเหน็บแนม หากอยู่ในสังคมที่เชื้อเรื่องแบบนี้เป็นส่วนใหญ่ ( เรื่องเทพ เรื่องผี ) การที่น้องเค้าไปหาหมอแผนปัจจุบัน อาจจะโดนด่า ประชด ว่าจะไปหาทำไม ยังไงก็ไม่หาย ก็ได้นะ จากคุณ : Manowski เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 15:59:13

ความคิดเห็นที่ 43 คห.41 ครับ ขออภัยครับ แต่อยากให้อ่านทั้งหมดก่อนนะครับ แต่ถ้าอ่านทั้งหมดแล้ว ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดครับ ถ้าคุณได้อ่านจริงๆ ผมจะบอกว่าทั้งตอนที่พบเจอ ทั้งตอนที่รักษา น้องเค้าไม่เคยเชื่อครับ และไม่เคยเต็มใจไป เพียงแต่เค้าเชื่อพ่อแม่เค้า และยอมไปให้พ่อแม่เค้า ซึ่งพ่อแม่เค้าเองก็ถูกหลอก ถูกกล่อม และทำให้เชื่อไปตามกระแสส่วนใหญ่ในขณะนั้น "กรณีตัวอย่าง" เป็นแน่ๆ ครับ แต่คุณมีความจำเป็นที่จะต้องซ้ำเติม "กรณีตัวอย่าง" มั้ยครับ? จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 15:59:24

ความคิดเห็นที่ 44 เข้าใจชัดเจนครับ จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ก็เข้าใจครับ เข้าใจหัวอกของผู้เป็นพ่อแม่และความเป็นที่รักของผู้จากไปดีมากๆครับ อย่าเสียใจซ้ำกับพวกที่กระหน่ำซ้ำเติมเลยครับ มันเป็นวิธีการเเสดงความเฉลียวฉลาดของตัวเอง(แบบงั่งๆ)ด้วยการซ้ำเติมความผิดพลาดของผู้อื่นอย่างน่าสมเพช อย่าหวังความเห็นอกเห็นใจหรือความเข้าใจจากบุคคลเหล่านี้ รวมถึงอย่าให้ความสำคัญครับ เพราะไม่ว่าคุณจะเพียรพยายามอธิบายอย่างไร สำหรับพวกเค้า มันก็จะเป็นได้แค่การแก้ตัวหรือลบข้อครหาครับ ความคุณความดีใดๆที่น้องเป็ดน้อยลอยชายได้ทำไป จงหวนกลับมาปกป้องคุ้มครองน้องไม่ว่าจะอยู่ในแดนภพใด ขอให้น้องสงบเย็น ในอยู่ในที่ๆจิตน้องอบอุ่นและแวดล้อมด้วยความงดงามนะครับ จากคุณ : แก้ไขข้อความ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:03:59

ความคิดเห็นที่ 45 ตกลงผู้เสียชีวิต เสียเพราะอาการหัวใจล้มเหลวเนื่องจากยาที่ทานไปใช่ไหม? ไม่ใช่เพราะนวดโดยการเหยียบ? จากคุณ : น้องเหมียวสีสวาด เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:10:04

ความคิดเห็นที่ 46 เรียนคห. 45 เป็นไปได้จากทั้งสองสาเหตุครับ น่าจะเป็นเพราะเหนื่อยล้า ช้ำใน จากการถูกเหยียบ แล้วก็ความร้อนจากก้อนหิน ทั้งจากยาสวนทวารที่กิน ทำให้สูญเสียแร่ธาตุ น้ำออกจากร่างกายจนช๊อค อาการหอบก็น่าจะเป็นเพราะกล้ามเนื้อบางส่วนทำงานไม่ปกติ แลกเปลี่ยนก๊าซไม่ได้ ไอ้หมอเถื่อนนั่น ดูไงๆ ก็รู้ว่าจะตายแล้วๆ ก็ขนคิ้วไม่กระตุก รวมถึงพวกที่เข้ามาขวางด้วยล่ะ จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:18:24

ความคิดเห็นที่ 47 ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของน้อง และขอให้ดวงวิญญาณของน้องไปสู้สุคติด้วยค่ะ จากคุณ : Brunette เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:33:17

ความคิดเห็นที่ 48 เห็นใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นค่ะ ต้องชมเชยว่า  ครอบครัวเขากล้าหาญ และเสียสละมาก  ที่เปิดเผยและเผยแพร่เรื่องนี้ออก มา  เป็นประโยชน์จริง ๆ ค่ะ   ไม่อย่างนั้นจะมีคนที่เคราะห์ร้ายต่อไปอีกไม่รู้เท่าไหร่ ขอย้ำว่า....เขากล้าหาญและเสียสละมากจริง ๆ   คุณพิสูจน์ได้แล้ว.....จากความเห็น  ของหลาย ๆ คน  ที่แสดงออกมา.......... จากคุณ : Aunty Solitary เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:37:49

ความคิดเห็นที่ 49 เราเคยเห็นคุณเป็ดน้อยลอยชายในหลายๆกระทู้ และเราก็เป็นชาวคริสต์ด้วย ขอแสดงความเสียใจกับความสูญเสียในครั้งนี้นะคะ และจากการที่เราเคยรักษาผู้ป่วยด้วยการนวดแผนไทย ทุกคนมาด้วยอาการสิ้นหวังจากแผนปัจจุบัน เขาจึงมาพึ่งเรา ส่วนความเชื่อ สำหรับพ่อแม่ ก็อยากให้ลูกหาย ความเชื่อที่พระเจ้ารักษาหายได้นั้นมีพลังมากนะคะ จุดนี้จึงทำให้คนไม่ดีฉวยเอาผลประโยชน์ แต่สำหรับหมอเถื่อนเขมรที่แอบอ้างพระเจ้า และรักษาโดยไม่เคยเรียนแพทย์จริงๆ ไม่มีหลักการโดยแม้แต่น้อย เราขอประนามค่ะ จากคุณ : SonGiiz* เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:43:08

ความคิดเห็นที่ 50 ครอบครัวออกมาเปิดเผยก็ดีแล้วค่ะ เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนงมงาย มีแม่ของเพื่อนเป็นหินปูน ทาง รพ จะผ่าตัดเอาออกให้ ก็ไม่ยอมค่ะ ไปให้พระเหยียบ แต่เค้าบอกว่าว่าเมื่อก่อนพอจับจะมีก้อน เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว ก็แล้วแต่ความเชื่อนะ บางคนเค้าก็กลัวที่จะผ่าตัด สำหรับเรา แค่ฉีดยายังไม่กล้า เจาะหูยังไม่เจาะ แต่ถ้าเป็นอะไรแบบนี้ ไป รพ. ดีกว่า ถ้าจะตายเพราะรักษาผิด คนที่ยังอยู่จะพูดได้เต็มปากว่า รักษาผิด จากคุณ : AcuNa เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:54:46

ความคิดเห็นที่ 51 เจ้าของกระทู้คะ  เราอ่านแล้วค่ะ  เราถึงได้ออกความเห็นไงคะ  คุณเป็นเพื่อนน้องเค้า  คุณเข้าข้างน้องเค้าจนเกินควรมากกว่าค่ะ  ถึงจะอ้างว่าน้องเชื่อพ่อแม่  แต่แค่ไปรักษาหมอเถื่อนก็พอ  ไม่มีความจำเป็นตรงไหนต้องหยุดการรักษาทางการแพทย์นี่คะ  การที่น้องหยุดรักษากับหมอปัจจุบันแสดงว่าตัวน้องเองไม่ได้โดนพ่อแม่บังคับเพียงอย่างเดียวเจ้าค่ะ อ้อ  แล้วอย่ามาอ้างว่าเราไม่เข้าใจน้องเค้า  เราไม่รู้เรื่อง ฯลฯ เพราะเราเองก็เป็นคนนึงที่มีโรคประจำตัว  ตอนแรกก็โดนนั่นนี่ไปเยอะพอควรค่ะ  หาว่าเราเป็นบ้าบ้าง  โดนผีเข้าบ้าง  จะให้เราไปนั่นนี่  ไปหาคนไล่ผีให้ก็มี  -__-'  มีคนเอาอะไรแปลกๆมาให้เรากินก็มีเจ้าค่ะ  เราก็ไม่ยอมกิน  กว่าจะยอมพาไปหาหมอจริงให้ตรวจให้แน่ชัด  กว่ารู้ว่าเราเป็นโรคลมชักทำให้เราเสียเวลารักษากับหมอปัจจุบันไปหลายปีเลยเจ้า ทุกวันนี้นอกจากลมชัก  ก็ทนทรมานกับอีกหลายโรคที่รักษาไม่ได้  มีคนแนะนำแปลกๆแนวนี้มาเรื่อยๆเจ้า  โดยเฉพาะยาเทวดานี่มาเรื่อยๆ  555 เชื่อเหอะ  เราโพสแบบนี้  เดี๋ยวคงมีหลังมายหรืออีเมล์เรื่องยาหรือวิธีรักษาแปลกๆส่งมาให้เราอีก  555 จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 17:08:38

ความคิดเห็นที่ 52 ขออนุญาตตอบสั้นๆว่า ผิดคนละครึ่งครับ ปล. ผมก็เป็นเบาหวาน เข้าใจความรู้สึกของผู้ป่วยดี จากคุณ : เพชรปู เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 17:15:39

ความคิดเห็นที่ 53 ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ เราเข้าใจว่าคุณพ่อคุณแม่ของน้อง ก็คงอยากให้น้องหายดี ถึงเขาจะไปเชื่อทางไหนนั่นก็เพราะเขาหวังดีกับลูกอย่างแน่นอน เราจะไม่วิจารณืสิ่งที่พ่อแม่น้องตัดสินใจนะคะ เขาสูญเสียมามากแล้ว แต่เราไม่เข้าใจเลยว่าทำไมสื่อถึงไม่กล้าลงข่าวอ้างอิงถึงสถานที่ต้นเหตุมากนัก เหมือนจะกลัวอะไรนี่ล่ะ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 17:21:38 จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 17:21:26

ความคิดเห็นที่ 54 ในฐานะที่ผมเป็นคริสเตียน ซึ่งมีประสบการณ์ในการอธิษบานกับพระเจ้าในเรื่องต่างๆ และได้เห็นพระเจ้าตอบคำอธิษฐานมากมาย  รวมถึงได้มีประสบการณ์ในเรื่องของการที่พระเจ้า "ทรงรักษาโรค" และได้เห็นพระเจ้าทรงปลดปล่อยคนจากโรคภัยไข้เจ็บจำนวนมากมาย จะขออนุญาตออกความเห็นส่วนตัวบางเรื่องนะครับ (ผมอยู่ในคริสตจักรที่สังกัดองค์กรคริสเตียนที่ถูกต้องในประเทศไทย และได้รับการรับรองจาก "กรมการศาสนา" ว่าเป็นคริสตจักรที่สอนถูกต้องตามหลักของศาสนาคริสต์ เพราะฉะนั้น เรื่องที่ผมจะแสดงความคิดเห็น จะเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลักศาสนาคริสต์แน่นอนครับ) ผมมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ชื่อ Be In Health ซึ่งเขียนโดย Dr. Henry W. Write ซึ่งเป็นทั้งแพทย์ และเป็นผู้รับใช้พระเจ้าในระดับโลก ท่านได้รับความสามารถพิเศษจากพระเจ้า ในเรื่องการปลดปล่อย และการรักษาโรค และเป็นที่ยอมรับทั้งในวงการแพทย์ และวงการคริสเตียนระดับโลก (ท่านได้รับรางวัลจาก Who is Who ในปี 2005 ) หนังสือ Be In Health ของท่าน มีฉบับภาษาไทยคือ "สุขภาพดี วิถีเลิศ" (ของผมอ่านฉบับภาษาไทยครับ) มีอยู่ในเว็บของ SE-ED ด้วย ถ้าวางขายใน SE-ED ได้ นั่นคือวงการแพทย์เองก็ยอมรับหนังสือของท่านครับ (แต่ในเว็บเขาหมดสต๊อกแล้ว ถ้าจะหาซื้อ คงต้องลองถามศุนย์หนังสือเรเดียนครับ) http://www.se-ed.com/eShop/%28A%28KuV7th05zQEkAAAAMjMwODgzNzgtZThiNS00NDNlLTk0NTEtZjg1YTFjNTJlM2Jkl_pv-U_ICoMIx0S3ETQzz9d56Vc1%29%29/Products/Detail.aspx?No=9789740674863&AspxAutoDetectCookieSupport=1 เมื่อผมกลับไปลองอ่านทบทวนหนังสือของท่าน ผมเห็นว่า 1. แม้ว่าตัวท่านเองมีของประทาน (ความสามารถพิเศษจากพระเจ้า) ในการรักษาโรค (ซึ่งการเจิมของท่านในเรื่องนี้ อยู่ในระดับโลก) แต่สิ่งที่ท่านเน้นมาตลอดคือ โรคต่างๆ ที่รักษาไม่หายขาด เนื่องจากสาเหตุทางฝ่ายวิญญาณ การที่จะให้พระเจ้ารักษา คนป่วยจะต้อง "ยอม" กลับใจจากบาป หรือการดำเนินชีวิตที่ที่ขัดแย้งกับหลักการพระคัมภีร์ด้วย จึงจะได้รับการปลดปล่อย 2. ตัวท่านเองไม่เคยปฏิเสธการทำงานร่วมกับแพทย์ ตรงกันข้าม เวลาที่แพทย์เจอคนไข้ที่รักษาไม่หาย แพทย์เหล่านั้นจะติดต่อไปยังคริสตจักรของท่านให้มาช่วย หรือร่วมมือกันรักษาโรคนั้นๆ เสมอ เพราะฉะนั้น วิทยาการทางการแพทย์ ก็เป็นสิ่งที่พระเจ้าใช้ในการรักษาโรคภัยด้วยเหมือนกัน ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ สาวกของพระเยซู ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่เขียนพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ (หนังสือลูกา) ก็มีอาชีพเป็นนายแพทย์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจะเห็นว่าพระเจ้าไม่ได้ปฏิเสธความก้าวหน้าในเรื่องวิทยาการต่างๆ โดยเฉพาะด้านการแพทย์ ตรงกันข้าม หลักการในพระคริสตธรรมคัมภีร์เอง ได้ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในวงการแพทย์อย่างมากมาย (ไม่ว่าท่านจะทราบหรือไม่ก็ตาม) จากคุณ : Toey Kung (chwpenguin) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 17:26:55

ความคิดเห็นที่ 55 คห.53 น่าจะกลัวโดนฟ้องร้องน่ะเจ้า อย่างน้อยถึงไม่ลงสถานที่  แต่ก็ยังดีค่ะ  ยังทำให้หลายคนที่หมดหวังกับแพทย์ปัจจุบัน  แล้วไปรักษาทางนี้ระวังเอาไว้น่ะเจ้า จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 17:37:57

ความคิดเห็นที่ 56 ถึง กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย ผมก็เจอคุณที่ห้องเฉลิมไทยนี่แหละ เอาเป็นว่าเรื่องที่ผมเข้าข้างเพื่อนผม ผมขอยอมรับ แน่นอนว่าไม่เข้าข้างเพื่อน จะเข้าข้างใคร แต่อย่างน้อยๆ คนอื่นๆ ในสังคมก็ไม่มีสิทธิ์ปากเบามาว่าคนที่ต้องตายไปเพราะตกเป็นเหยื่อ หากคุณถูกหลอกขายของเก๊ ของเสื่อมสภาพให้ในราคาแพง แล้วมีคนมาหัวเราะเยาะ ถูกด่าว่าโง่ เรียนมาก็เยอะ เวลาซื้อของดันไม่ดูให้ดีๆ ถามว่าคุณจะรู้สึกยังไง? แล้วคนอื่นมีสิทธิ์มาวิจารณ์การตัดสินใจของคุณมั้ย? มีสิทธิ์มาซ้ำเติมมั้ย? หรือควรจะเอาเวลานี้ไปตามจับคนขายของปลอม? อันนี้ต้องคิดดูให้ดีๆ นะครับผม ส่วนเรื่องโรคประจำตัว กับรักษาหมอแปลกๆ ไม่ต้องหันหน้าไปหาใคร ผมเองก็โดนอยู่เมื่อตอนเด็กๆ คนแก่ๆ อย่างอาม่า อากง ของพวกเราๆ ส่วนใหญ่ก็เชื่อทั้งนั้นแหละ จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 17:44:18

ความคิดเห็นที่ 57 ฉันก็มีลูกที่เป็นโรครักษาไม่หาย ตั้งแต่เกิด แพทย์แผนปัจจุบันบอกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้แค่ช่วงวัยรุ่น มีคนพยายามแนะนำให้ฉัน พาลูกไปรักษากับยาต้ม ยาหม้อ สารพัด บอกว่าจะหาย แต่ฉันก็ไม่เคยเชื่อ จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังมีคนแนะนำอยู่เสมอ ฉันถูกมองว่า  เป็นไม่รักลูก ไม่อยากช่วยชีวิตลูกไปเสียอย่างนั้น จากคุณ : successfully เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 18:37:34

ความคิดเห็นที่ 58 มันไม่มีคนผิดหรอกค่ะ แต่ละคนมันก็แต่ละความเชื่อ ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่อยากจะให้ลูกมาเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้ แต่ในเมื่อเค้าเชื่อแบบนั้น ประกอบกับหมอคนนี้ก็มีแนวความเชื่อที่ใกล้เคียงกัน  ซึ่งหมออาจจะมีหลักจิตวิทยาอะไรบางอย่างก็ได้ ซึ่งเราเองก็ไม่ได้ไปนั่งฟังตอนเค้าคุยกัน เราจะมาตัดสินว่าคนอื่นที่คิดแตกต่างจากเรานั้นไม่ดี มันก็ไม่ถูก ในความรู้สึกของพ่อแม่ที่อยากให้ลูกหาย อะไรที่คิดว่าดีที่สุดเค้าก็ให้ได้หมด มันเหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำ อะไรที่ลอยเข้ามาใกล้ๆเราก็ต้องคว้าเอาไว้ก่อน ซึ่งในขณะนั้นคงจะกระ:-)กระสนจนไม่ได้สนใจว่าจะเป็นขอนไม้หรือจระเข้ คนที่ว่าหมอว่าไม่ดี หรือว่าครอบครัวน้องเค้าไม่มีวิจารณญาณ แต่คนที่ขุดเอาคนที่เค้าไปสบายแล้วมาด่ามาว่า มันก็ไม่สมควรเช่นกัน ดังนั้น เรื่องนี้มีคนเสียใจอยู่ไม่น้อยนะคะ เค้าต้องการกำลังใจไม่ใช่การซ้ำเติม คนที่สูญเสียคนที่รักไปมันก็เจ็บช้ำพอแล้ว ถ้าต้องการด่าว่าเพื่อความสะใจของตนเองก็สะใจเงียบๆดีไหม  อย่ามาพิมพ์หรือเขียนให้ใครเจ็บช้ำไปมากกว่านี้เลย น้องเจ้าของกระทู้ก็เช่นกันนะคะ เป็ดน้อยลอยชายเค้าก็จากเราไปแล้ว ถึงแม้ว่าในสายตาของคนอื่นเค้าจะเป็นยังไง แต่ในใจของเราเรารู้ดีไม่ใช่เหรอคะว่าน้องเค้าน่ารักแค่ไหน เก็บเค้าเอาไว้ในความทรงจำของเราก็พอ คนอื่นที่เค้าไม่มีทางที่จะได้เห็นก็ปล่อยให้เค้าคิดไปต่างๆนานา ช่างเขาไป เราไม่มีทางจะโน้มน้าวใจคนทั้งประเทศได้ ปล่อยให้เรื่องมันเงียบหายไปตามกาลเวลาดีกว่า(คนไทยลืมง่ายจะตาย)  ปล่อยให้คนอื่นลืมไป แค่พวกเราอย่าลืมน้องเป็ดน้อยลอยชายผู้น่ารักของเราก็พอ ขอให้น้องเป็ดน้อยลอยชายไปอยู่ยังที่ที่พระเจ้ารอน้องอยู่ อย่าได้เจ็บปวดและทุกข์ทรมานเพราะโรคประจำตัวของน้องอีกเลย จากคุณ : อิหนูหูเอียง เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 18:40:59

ความคิดเห็นที่ 59 เรื่องนี้ในความคิดของผม น้องเค้าไม่ผิดแต่ต้องไปรักษาเพราะคุณพ่ออยากให้ไป(เกรงใจพ่อ) คุณพ่อไม่ผิดเพราะอะไรก็ตามที่เชื่อว่าจะช่วยลูกได้พ่อแม่ย่อมสรรหา หมออะไรคนนั้นผิดอย่างมาก เพราะไม่มีความสามารถที่จะรักษาแต่ก็จะทำ คนที่สนับสนุนคนชักจูงให้รักษาทุกคนผิดเพราะงมงาย... จากคุณ : เมฆวายุ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 19:09:48

ความคิดเห็นที่ 60 ก็ไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมยังไงนี่คะ.. สังคมมันก็คือสังคมอยู่วันยันค่ำ คนเราสั่งให้ตัวเองหุบปากได้ สั่งให้บางคนหุบปากได้ แต่จะสั่งให้ทุกคนหุบปากไม่ได้หรอก ส่วนเรื่องใครผิดใครถูกยังไง ถ้าถอยออกมามองห่างๆ.. -หมอเขมร โน้มน้าวให้เชื่อ ไม่ว่าจะวัตถุประสงค์ใดๆก็ตาม.. แต่ผลออกมาเลวร้าย -เป็ดน้อย ไม่ยอมไปหาหมอ ทั้งๆที่ ผปค.ก็ถามจะพาไปหาหมอแผนปัจจุบัน นึกว่าตัวเองอยู่ได้เองไม่ต้องได้รับการรักษา (ไม่ประมาณตน) - ผู้ปกครอง ไม่คัดค้านตามความรู้สึกสัญชาตญาณตัวเอง ไม่ยอมตัดเสียงโน้มน้าวรอบๆ จนทำให้ลูกสาวอาการแย่ลง จากคุณ : on Xperia P (Animator's ART) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 19:10:44

ความคิดเห็นที่ 61 บางพื้นที่มีผีฟ้าผีปอบ บางพื้นที่ก็มีผีเขมรผีแอบอ้างพระผู้เป็นเจ้า ความงมงายไม่เข้าใครออกใครเป็นกันได้ทุกคนทุกสังคม จากคุณ : อ่าวโตเกียว เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 19:11:12 A:114.181.221.248 X: TicketID:299625

ความคิดเห็นที่ 62 เราเองก็ไม่เข้าใจเรื่อง "ไม่ได้รับความเป็นธรรม" จขกท.หมายถึงคำวิจารน์  หรือ กฏหมาย จากคุณ : blackbillaz เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 19:46:45

ความคิดเห็นที่ 63 จริงๆตั้งแต่เริ่มมีอาการไม่ดี ก็น่าจะไปเข้า รพ แล้ว แต่พอมีอาการ กลับโทรหาหมอเถื่อน ความเชื่อบังตาจริงๆ จากคุณ : ไถนาอุตลุด เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 20:13:04

ความคิดเห็นที่ 64 เรียน คห.ที่ 62 ทั้งสองอย่างครับ ทั้งเสียงวิจารณ์ ทั้งกฏหมาย ตอนนี้ คนที่อยู่เบื้องหลังการสนับสนุน ก็เอาผิดไม่ได้ หมอก็โดนประกันตัวออกไปแล้ว จริงๆ ต่อให้เป็ดน้อยไม่ตาย หมอก็ผิดกฏหมายอยู่ดี ที่รักษาด้วยวิธีที่ไม่ได้รับการรับรองจากทั่วไป รวมถึงจ่ายยาอย่างผิดกฏหมาย จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 20:22:27

ความคิดเห็นที่ 65 หมดปัญญากับเจ้าของกระทู้  เราว่าแทนที่คุณจะโวยวายว่าคนอื่น  ว่าไม่เข้าใจเพื่อนคุณ ลองมองย้อนกลับไป  แล้วดูว่า...  ทำไมคนอื่นถึงว่าเพื่อนคุณดีกว่าไหมคะ  เท่าที่เราอ่านๆมาไม่มีใครว่าเพื่อนคุณเลว ไม่ดี หรืออะไรเลยนะ  เค้ามีแต่ด่าหมอเถื่อนว่าเลว  แต่ที่ทุกคนเค้าว่าน่ะ  เค้าต่อว่าเรื่องทำไมเชื่องมงายไม่ยอมไปหาหมอจริง อย่ามาเพ้อเจ้อเรื่องของเถื่อนของแพงค่ะ  ไม่เกี่ยวกันเลย  ถ้าเราซื้อมาแล้วโดนคนว่าโง่  เราก็ยอมรับ  เพราะเราซื้อมาแพงเองนี่  เราซื้อของเก๊เองนิ  เป็นประสบการณ์ว่าหนหน้าจะได้ระวังขึ้น แล้วอีกอย่างกรณีซื้อของแพงของเก๊  มันก็แค่ของ  แต่นี่ชีวิตคน  เที่ยวไปรักษาสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง  เชื่อเหอะ  เพื่อนคุณและครอบครัวของเพื่อน  คงมีคนเตือนหลายคนแล้วให้ไปรักษากับแพทย์ปัจจุบัน  ไม่ใช่ไปรักษาแบบนี้  คนเตือนคงเตือนแล้วเตือนอีกจนระอาเหมือนกันค่ะ  -_-' จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 20:28:06

ความคิดเห็นที่ 66 ถ้าวิเคราะห์ต้องแยกนะ เรื่องคนตายไปแล้วไม่มีใครอยากซ้ำเติมหรอก เพราะคนเราไม่เคยรู้จักกันไม่เคยโกรธเคืองกัน ไม่มีเหตุผลที่จะไปพูดให้ร้ายผู้ตาย คนที่มาแสดงความเห็นเขาก็แสดงความเห็นไปในสิ่งที่เขาคิด วิเคราะห์ตามหลักเหตุผลของใครของมันขึ้นอยู่กับ ตรรกะ และความมีเหตุผลของแต่ละคนซึ่งก็แตกต่างกันตามพื้นฐานความคิด คุณจะไปห้ามเขาไม่ได้หรอก เพราะคุณเองยังคิดต่างกับเขาเลย แต่ถ้าพ่อ-แม่น้องเขาอยากให้กรณีนี้เป็นกรณีศึกษา (case study) ก็ต้องเปิดใจรับฟังการวิเคราะห์และวิจารณ์ รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นในวงกว้าง และต้องเปิดใจฟังทุกๆความเห็นไม่ว่าจะบวกหรือลบ เพื่อจะให้สังคมเห็นว่าอะไรเป็นสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเหตุการณ์นี้ และจะได้เป็นบทเรียนให้กับสังคม ซึ่งถ้าน้องเขารู้ว่าสังคมได้เรียนรู้จากกรณีของเขา น้องเขาคงยินดีว่าน้องเขาไม่ตายเปล่า สาเหตุของเบาหวานเกิดจาก การทำงานของตับอ่อนผิดปรกติ (เบาหวาน type I) หรือเซลต้านอินซูลิน (เบาหวาน Type II) ข้อมูลเท่าที่อ่านน้องเขาเป็นแต่เด็กน่าจะเป็น Type I ซึ่งตับอ่อนทำงานผิดปรกติผลิตอินซูลินได้น้อย แล้วไปรักษาโดยการเหยียบ สวนทวาร ฯลฯ มันจะทำให้ตับอ่อนกลับมาทำงานได้ดังเดิมเหรอ? ในมุมมองของเรา เราว่าปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าน้องเขาตายจากความเชื่อที่ขาดตรรกะและไม่อยู่บนหลักเหตุและผล ไม่ว่าจะของใครก็ตาม หมอเป็นแค่องค์ประกอบ แค่นี้แหละถ้าพูดทั้งหมดที่เราคิดเดี๋ยวดราม่า จากคุณ : >>Jou<< เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 20:43:09

ความคิดเห็นที่ 67 สรุปคือ คนที่ว่าน้องโง่งมงายน่ะ เข้าใจน้องผิด น้องไม่ได้เชื่ออะไรแบบนี้ แต่คนที่ผิด (ส่วนหนึ่ง) คือพ่อแม่ที่ดันหลงเชื่อใยบ้าคนนี้ จนทำให้ลูกสาวตาย ดังนั้นถ้าจะว่าโง่งมงาย ให้ว่าคนเป็นพ่อแม่ใช่มั้ย จากคุณ : Hyper_beam เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 20:50:26

ความคิดเห็นที่ 68 งงกับคำว่า "เพื่อนไม่ผิด" ๆๆๆๆ อย่ามาว่าเพื่อนเรานะๆๆๆๆ อย่ามาซ้ำเติมเพืี่อนเรานะๆๆๆๆๆ เห็นใจเพื่อนเราเถอะๆๆๆ อ่าห์....ก็บอกเองว่าเพื่อนพอมีอาการครั้งแรก ไม่ยอมไปรพ.ตามที่พ่อบอก.........(- -") สุดยอดเลยครับ ไม่ผิดก็ไม่ผิด ไม่ซ้ำเติมจ้ะ ๆๆๆ แต่จขกท.เข้าข้างเพื่อนมากไปไหนล่ะครับนั่น! "เจ็บแค่ไหนต้องรับไว้เอง ทำตัวเองทั้งนั้น...." เพลง โอ อนุชิต ถ้าพ่อผม ให้เสพยา แล้วผม ยอมเสพ ผมตาย ...ผมไม่ผิดครับ ^^ ขอร้อง อย่าซึน!!! ความเชื่อที่ผิดๆ(ในตัวบุคคลหรือศาสนา) ไม่ได้รักษาอะไรทั้งนั้น นอกจากแค่ปลอบประโลมจิตใจเพียงชั่วคราว การที่เข้าใช้บริการกับหมอเถื่อน คลีนิคเถื่อน ...มันก็เป็นความไม่รอบคอบของผู้ใช้บริการเองนั่นล่ะครับ เหมือนกรณีเจ้าหญิงนิทราที่ไปฉีดฟิลเลอร์(ถูกไหมไม่รู้ >_<) กับหมอเถื่ิอน ผมว่าการที่คุณรื้อฟื้นมามันจะเจ็บเองเสียเปล่าๆ ได้ไม่คุ้มเสีย ยังไงก็ขอให้เพื่อนคุณไปอยู่กับพระเจ้าของเธอก็แล้วกัน RIP จากคุณ : RIP (Pakinai) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 22:19:39

ความคิดเห็นที่ 69 ก็ยังเห็นว่าต้นเหตุที่ทำให้น้องเสีย ก็คือ ความงมงาย อยู่ดี ไม่ใช่ความงมงายในหมอเขมร เพราะคุณพ่อน้องก็ไม่ได้มั่นใจ แต่เป็นความงมงายในศาสนา ทำให้ขาดการพิจารณาด้วยสติ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่คำด่า หรือซ้ำเติมคีอบครัวน้อง แต่เป็นการกล่าวถึง สาเหตุที่แท้จริง ถ้าจะกล่าวโทษหมอเขมรหรือคนในบ้านนิเวศน์อธิษฐาน เพียงอย่างเดียว อนาคตถ้ามีคนกล่าวอ้างพระเจ้ามาหลอกลวงอีก ก็จะเชื่ออีกหรือ จากคุณ : ENNUI เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 22:36:38

ความคิดเห็นที่ 70 อ่านหนังสือออกหรือเปล่า ความเห็นบนๆน่ะ มีคนด่า เพื่อนเค้านะ ว่าเรียนจบมาสูงแต่โง่งมงาย ย้อนกลับไปอ่านเลย อ่านหนังสือปีละไม่ถึง 7 บรรทัดรึป่าว จขกท เลยเข้ามาอธิบาย ส่วนตัวเราเห็นใจเค้านะ ไม่ได้อยากมาซ้ำเติม ถ้ามีคนมาบอกว่า เป็นโรคเยอะแยะ รักษาไม่หาย ทำไมไม่ตายๆไปซะเลยล่ะ จะรู้สึกยังไง ในเมื่อโรคตัวเองก็เป็นจริง และรักษาไม่หาย ส่วนตัวไม่อยากไปซ้ำเติมใคร เค้าก็ตายไปแล้ว พูดไปก็คงไม่เข้าใจ คงต้องไม่ใครในครอบครัวคุณตายก่อนแล้วมีคนมาด่า ถึงจะเข้าใจ จากคุณ : nong_ao เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 22:40:41

ความคิดเห็นที่ 71 มันเกิดไปแล้วขอให้เป็นอุทาหรณ์ละกันค่ะ จากคุณ : หมูหวานน้ำกะทิ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 22:59:08

ความคิดเห็นที่ 72 คนเราถ้าไม่เคยเป็นผู้สูญเสียเอง จะไม่เข้าใจดีพอหรอกคะ ไม่ว่าจะอธิบาย หรือชี้แจงอย่างไรก็ตาม เห็นใจและเสียใจด้วยกับผู้ที่สูญเสียคะ อย่าไปสนใจ กับความคิดของคนอื่นที่ตีความจากการกระทำเพียงอย่างเดียวเลยคะ แต่ก็ยัง ไม่เข้าใจผู้ที่วิจารณ์อยู่ดีว่าทำไปเพื่ออะไร จากคุณ : penza เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 23:08:43

ความคิดเห็นที่ 73 ผมว่ามันอยู่ที่สื่อด้วยล่ะ ชี้นำซะอย่างนั้น จากคุณ : สุดโหดโคตรโรแมนติค เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 23:14:25

ความคิดเห็นที่ 74 อ๋อเรื่องเป็นอย่างนี้นี่เอง หมอเขมรหน้าตาเบี้ยวมาก ซิลิโคนย้อยเชียว สรุปว่า พ่อกับ:-)มงาย ลูกเกรงใจเกินไปเชื่อฟังพ่อแม่ทุกอย่าง ไม่มีความรู้ในเรื่องโรคที่เป็นอยู่ พอไปที่นี่นานๆเข้าก็ถูกล้างสมองเข้าลัทธิ cult น่าเห็นใจผู้เสียชีวิตที่ตกอยู่ในภาวะสิ่งแวดล้อมแบบนั้น ซวยจริงๆ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 23:29:58 จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 23:29:23

ความคิดเห็นที่ 75 เสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย ศาสนาและความเชื่อเป็นเรื่องที่พูดยาก จากคุณ : มายมายด์ MyMind เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 00:43:32

ความคิดเห็นที่ 76 จะไปเรียกเขาว่าเป็นหมอได้ยังไง ถ้าคิดจะช่วยคนคิดค่ารักษาชั่วโมงละ 1500 บาททั้งที่รู้ว่าบางคนก็ไม่ค่อยมีสตางค์อีกอย่าง การรักษาก็ไม่ใช้เอาเท้าวางบนแผ่นความร้อนแล้วมาลูบๆตัวนะ เขาเหยียบหนักมากเหยียบท้องน้อย เหยียบตามอวัยวะสำคัญๆที่สามารถทำให้คุณตายได้ ผมเคยรักษาแล้ว แล้วก็พาผมไป โบสถ์ให้ผมเชื่อตามเขา ผมไม่ได้โง่นะ แล้วผมก็ยังเชื่อในสัญชตญาณของผมว่า ถ้าผมเชื่อเขาแล้วทำให้ผมตายผมไม่เอา บอกให้ผมหยุดยา จำไว้นะ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ความเชื่ออย่าให้มันอยู่เหนือเหตุผลทันทีที่มันอยู่เหนือเหตุผลมันน่ากลัวมากครับ จากคุณ : Crab_Poup เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 01:03:16

ความคิดเห็นที่ 77 ขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียเพื่อนของคุณ และลูกสาวสำหรับครอบครัวนะคะ เรื่องที่จขก เอามาบอกกล่าวนี้  คงช่วยเหล่าผู้ป่วยจำนวนหนึ่ง ไม่ให้เจอเรื่องการรักษาลวงโลกแบบนี้ อีกทั้งช่วยไม่ให้ครอบครัวอื่นๆ ได้รับความสูญเสียคนในครอบครัวไปเช่นนี้ ขอให้ได้รับความเป็นธรรมจากการดำเนินคดีในชั้นศาลนะคะ อยากให้เอาผิด กลุ่มคนจำนวนนั้น พวกกองยุส่งส่งเสริม รวมถึงเวปที่เผยแพร่ +เจ้าของช่องchannel นั้นด้วย เหมือนร่วมกันหลอกลวงประชาชน ใครจะไปรู้ ว่าคนพวกนั้น ได้ผลประโยชน์อะไรด้วยหรือเปล่า สุดท้าย ขอให้ครอบครัวน้องเขาทำใจได้โดยเร็ววัน คนที่เขามาด้วยความหวัง ด้วยความรักลูก คงไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้หรอกคะ ปล.ส่วนหนึ่งที่เราเบื่อเวปพันทิปมาก เพราะมันเป็นศูนย์รวมของคนทุกระดับคะ ไม่ใช่แค่ระดับสมอง แต่หลักๆคือ ระดับจิตใจ  มันเหลื่อมล้ำห่างกันมากนัก แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 01:23:43 จากคุณ : น้องต๋าว เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 01:20:00

ความคิดเห็นที่ 78 ผมขออย่าให้เราขัดแย้งกันเลยครับ ผมขอความเป็นธรรมให้กับลูกสาวของผมเท่านั้น และขออย่าให้ใครตกเป็นเหยื่อเหมือนลูกสาวของผมเลย อย่าลอง เพราะเกรงใจ หรือ อย่าคิดใช้พระนามพระเยซูไปหากินเลย ครับ เพื่อสังคมไทยจะได้ไม่ประณามคริสเตียนเพราะคนที่เห็นแก่ตัวทำให้ชื่อของพระเจ้าเสื่อมเสียเพราะบุคคลที่โลภ เห็นแก่เงิน ครับ และผู้นำศาสนาควรจะ จัดการเอาป้าย บ้านนี้มีพระเยซูเป็นประมุข ออกโดยเร็ว ครับ พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่า ในใจของคนสกปรก ยากนักจะเห็น หน้าตาดี แต่จิตใจชั่วร้ายนัก ผมรอเวลาพิสูจน์ 3 เดือนที่ผ่านมา ผมเก็บข้อมูล ประสานงานหน่วยงานต่างๆ แต่สาวใหญ่ 2 คนที่เห็นอยู่ในรูปนี้ ไม่สำนึก ถึงความผิดพลาดของตนเองเลย ผมรอมา 3 เดือน ถ้าเป็นคนดีจริง น่าจะเข้ามาคุยกับครอบครัวของผมในฐานะ คนที่รู้จักกัน ในความเชื่อเดียวกัน แต่ไม่มีเยื่อใย ไม่ขอโทษ ไม่มาแสดงความเสียใจ มีคุณพ-วงเดือนมางานศพ คืนแรก มาขอเพียง ให้อย่าเอาเรื่อง กับ หมอเถือน นางวองทื ลลิตา เท่านั้น ผมจะค่อยๆเปิดเผย พร้อมกับ ดำเนินคดี และชี้ให้ตาของพี่น้องคริสเตียน และคนที่ยังมีมุมมอง ที่ไม่เข้าใจได้ตาสว่าง ขอให้ลูกผมเป็นศพสุดท้ายดีกว่านะครับ จากคุณ : คุณพ่อขอลลูกแอมมี่ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 01:25:32 A:27.145.54.55 X: TicketID:376134

ความคิดเห็นที่ 79 เมื่อวันที่ หมอเถื่อน ชาวเขมร นางวองท์ ลลิตา ถูกจับ พี่น้องรู้ไหม ใครไปประกันตัว ก็คุณ พ-วงเดือน และสามี คุณณัฐ ยนตรรักษ์ ไปประกันตัว ด้วยเงิน เกือบแสนบาท ผมก้ไม่เข้าใจ การจับกุม ในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวของเราเลย เราแจ้งความร้องทุกข์ตามความจริง แต่กระทรวงสาธารณะสุข และตำรวจเข้าไปตรวจสอบตามขั้นตอน ถ้าถูกต้องก็ไม่ต้องจับ และถ้าผิดก้ต้องจับกุม นำตัวมาลงโทษ การคบคนชั่วและไปสนับสนุนคนที่กระทำผิดนั้นไม่ดีเลย ผมถูกสอนมาตามพระคำพระเจ้า ผมไม่อยากแก้แค้น ผมเพียงขอความเป็นธรรมให้กับลูกสาวที่กำลังจะมีอนาคตในชีวิต ที่ต้องมาเสียชีวิตเพราะคนชั่วแบบนี้ นี่หรือ คนที่รักพระเยซู ผมต้องเลือกคบคนให้ดีกว่านี้ ครับ จากคุณ : คุณพ่อขอลลูกแอมมี่ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 01:37:58 A:27.145.54.55 X: TicketID:376134

ความคิดเห็นที่ 80 ลูกรักของพ่อ พ่อจะทำหน้าที่ของพ่อให้ดีที่สุด พ่อต้องขอโทษลูกจริงๆ ที่ทำให้ลูกต้องถูกคนชั่วทำให้ตาย เพราะความซื่อๆ จริงใจ และไม่ได้สงสัยในสิ่งที่เขาหยิบยื่นให้ จึงทำให้เพื่อนๆของลูก ต้องเสียใจไปตามๆกัน พ่อรู้ว่ามันเป็นสงครามฝ่ายวิญญาณ ที่มองไม่เห็น แต่ไม่น่าเลย มันไม่น่าจะเกิดขึ้นเช่นนี้เลยลูกรัก ครอบครัวเรา คิดถึงลูกทุกวัน แอบร้องไห้กันอยู่เรื่อยๆ ทำไม ๆ พระเจ้าจึงอนุญาต ให้เป็นเช่นนี้ พ่อก็ไม่เข้าใจ ไม่อยากจะเจอ ไม่อยากจะคบกับใคร อีกต่อไป พ่อรับไม่ได้จริงๆ นอนไม่ค่อยหลับ และคิดมากๆ คิดถึงว่าเมื่อไหร่เราจะได้พบกันอีกตาม พระสัญญา ลูกรักของพ่อ พ่อจะทำหน้าที่ของพ่อให้ดีที่สุด จากคุณ : คุณพ่อขอลลูกแอมมี่ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 01:40:20 A:27.145.54.55 X: TicketID:376134

ความคิดเห็นที่ 81 คห.70 ถ้าตายเพราะอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ผมยอมรับได้ แต่ตายเพราะ.....อ่ะ ยกตัวอย่าง เล่นแพลงกิ้งบนตึกแล้วตกลงมาตาย...ถึงเป็นญาติกันก็ขอสมน้ำหน้าครับ โทษใครไม่ได้ครับ นอกจากตัวเอง ! หรือออกไปแว๊น แล้วรถล้มตายกลางถนน (เถียงด้วยเหตุผลสิ เถียงสิ ผมเชื่อว่าคุณจะไม่เถียงด้วยเหตุผล แต่จะกระแนะกระแหนว่า "พวกไร้น้ำใจ บลาๆ " ) เรื่องนี้หลายคห.ก็กล่าวไปแล้ว ไม่ว่าจะเรื่อง งมงาย ไม่รอบคอบ พ่อแม่รังแกฉัน บลาๆ ถ้าจขกท.ออกมา ถ่ายทอด ความรู้สึกในแนว เป็นเครื่องเตือนใจ...ผมสนับสนุนครับ แต่ออกมาขอความเป็นธรรม เป็นธรรมอะไรกับสมาชิกเว็บบอร์ดกันครับ เราไม่ได้เป็นต้นเหตุทำให้เธอเสียชีวิตนะครับ คุณต้องไปเรียกร้องความเป็นธรรมตามกระบวนการกฎหมายกับคนที่ทำเพื่อนของคุณครับ (และผมขอให้ชนะและลงโทษจำเลยให้ถึงที่สุด) ส่วนคุณพ่อที่บอกว่า ออกมาเพื่อเตือนใจ OK ครับ อันนี้ผมสนับสนุน ^^ ขอให้ใครทำกับลูกสาวคุณพ่อไว้ได้รับกรรม(อ่า ผมไม่รู้ว่าศาสนาคุณพ่อนับถือมีเรื่องเวรกรรมหรือไม่ ) เป็นกำลังใจให้ดำเนินคดีกับจำเลยได้ถึงที่สุดแล้วกันครับ ผมเข้าใจเรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ว่าเมื่อเกิดแล้วคุณพ่อ และเพื่อนต้องรับได้นะครับ ที่จะถูกวิจารณ์ในแง่ต่างๆ (มันเป็นเรื่องปกติของ social network ) ลองดูเรื่องต่างๆที่ผมยกมาแล้วกัน ไม่ว่าจะเสริมความงาม แว๊น แพล๊งกิ้ง etc. อย่าท้อครับ สู้ๆครับ (เรื่องคดี) จากคุณ : ไฟท์โตะ (Pakinai) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 01:49:46

ความคิดเห็นที่ 82 ขอฝากถึงทุกคนที่เกี่ยวข้องกับ และช่วยเหลือหมอเขมรคนนั้น ในฐานะที่ผมเองมีประสบการณ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทั้งในเรื่องการเจิม และการอัศจรรย์ต่างๆ ที่เป็นของจริง ไม่ใช่เทียมเท็จ พวกคุณคิดอะไรอยู่ในหัวสมอง ถึงกล้าเอาของประทาน และฤทธิ์เดชพระวิญญาณบริสุทธิ์มาหาผลประโยชน์ส่วนตัวทางธุรกิจ ผมรู้แต่ว่าพวกคุณทำให้คนมองการอัศจรรย์ของพระวิญญาณ (เช่น น้ำมันใหลจากฝ่ามือ ซึ่งเป็นการอัศจรรย์ที่มาจากพระวิญญาณจริง) ในแง่ลบ ทำให้พระนามพระเจ้าพระยาห์เวห์ พระเยซู และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ต้องเสื่อมเสีย จะรับผิดชอบกับพระเจ้ากันยังไงดีครับ จากคุณ : Toey Kung (chwpenguin) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 07:18:04

ความคิดเห็นที่ 83 เป็นกำลังใจให้คุณพ่อด้วยนะคะ  ขอให้จัดการคนเลวได้ค่ะ  ทำให้เค้าไม่สามารถไปทำร้ายคนอื่นได้อีก  T-T อย่างน้อยลูกสาวของคุณพ่อ  ก็ช่วยเราไว้พอควรค่ะ  เวลามีใครมาชักชวนเราไปรักษาแปลกๆ  เราจะได้ปฏิเสธได้เต็มปาก  โดยยกเคสนี้มาอ้าง  แล้วขอรักษากับหมอแผนปัจจุบันต่อเจ้า และหลายๆคนที่หมดหวังกับโรคของตัวเอง  ที่คิดจะไปรักษาแนวทางนั้นจะได้ระวังเอาไว้เจ้า จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 07:48:04

ความคิดเห็นที่ 84 เราว่าจะโทษหมอเถื่อนอย่างเดียวก็ไม่ได้นะคะ ต้องโทษพ่อแม่ด้วย...ที่มีส่วนทำให้ลูกตัวเองเสียชีวิตเหมือนกันนะนั่น เพราะความเชื่อ  อยู่เหนือเหตุผล ปล.ไม่ได้จะซ้ำเติม แต่อยากจะให้เอาความเป็นจริงมาคุยกันค่ะ จากคุณ : nAHMLeMoN เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 08:50:48

ความคิดเห็นที่ 85 อ่านแล้วโมโหคุณพ่อ คุณแม่จังเลยค่ะ (ขอโทษที่ต้องพูดแรงไป) ทั้งที่รู้แก่ใจว่าท่านรักที่สุด เสียใจที่สุด แต่ก็ขอขอบคุณท่านนะคะ ที่ท่านยอมเปิดเผยเพื่อเป็นอุทาหรณ์ ให้กับหลายๆ คนที่ยังมีความเชื่อกับสิ่งที่มองไม่เห็นมากเกินไป (ไม่เกี่ยวกับศาสนานะคะ เพราะดิฉันให้ความเคารพกับทุกๆ ศาสนา) คว. ที่80 คุณพ่ออย่าปิดตัวเองขนาดนั้นเลยนะคะ ยังมีคนดีอีกเยอะให้เราเลือกคบได้ค่ะ ไม่คบคนพาล เป็นมงคลชีวิตข้อแรกเลยค่ะ จากคุณ : WANAJAA เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 09:09:51

ความคิดเห็นที่ 86 เป็นกำลังใจให้กับครอบครัวนะคะ ขอให้ครอบครัวได้คลายความเศร้าโศกได้ในเร็ววัน เห็นด้วยกับคุณพ่อ ขอให้ประมุขแห่งพระศาสนจักรในกำจัดคนชั่วที่อาศัยพระนามของพระเยซูเจ้าเป็นเครื่องมือในการทำร้ายคนอื่นด้วยค่ะ ฝากบอกกลุ่มคนที่ยังพยายามในการเผยแผ่ความเชื่อนี้ อย่าได้ไปกดออดรบกวนชาวบ้านชาวเมืองที่เค้าได้พักผ่อนในวันหยุดให้มาอ่านพระคัมภีร์ของพวกคุณเลย ความเชื่อเกิดเหตุผล ความเชื่อไม่ได้เกิดจากการชักจูงของพวกคุณ... จากคุณ : Pim_ลภัส เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 09:24:23

ความคิดเห็นที่ 87 เมื่อเช้าดูสรยุทธิ์บรรยายซะเห็นภาพ ไม่อยากอ่านซ้ำเลย... ฟังข่าวไปก็ถามในใจตลอดว่า...ทำไมไม่ไปโรงพยาบาล!!! น้องน่าสงสารมาก  อาการหนักขนาดนั้นยังพาน้องไปให้เค้าเหยียบอยู่ได้ กว่าจะได้ไปโรงพยาบาลน้องก้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังไงเหตุก็เกิดขึ้นไปแล้ว  ก็ต้องขอบคุณครอบครัวที่นำเรื่องราวมาเปิดเผย  จะได้ไม่เกิดกับคนอื่นอีก แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 09:32:37 จากคุณ : ตงอี้ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 09:30:53

ความคิดเห็นที่ 88 เห็นคุณพ่อมาโพสต์ เลยพูดไม่ออกเลยค่ะ ขอแสดงความเสียใจค่ะ และไม่อยากให้คุณพ่อกล่าวโทษตัวเองมากไปกว่านี้ ถ้าลูกสาวคุณพ่อยังมีชีวิตอยู่  เราเชื่อว่า เธอให้อภัย และเธอไม่อยากให้คุณพ่อ มีชีวิตที่เหลืออยู่ แบบเศร้าโศกค่ะ อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า ตราบใดที่คุณมีเท้า 2 ข้าง และคุณเลือกได้ว่าจะก้าวเท้าไปทางซ้าย หรือทางขวา นั่นแปลว่า คุณมี " อำนาจ "  และ " อิสรภาพในการเลือก " ค่ะ บางคนเกิดมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย  ยากจน  งมงาย  ฯลฯ  แต่เขาก็ยังเลือกก้าวเท้า เดินเข้าหาแสงสว่าง จนพบทางออกที่ปลายอุโมงค์ค่ะ ปล. ให้กำลังใจ กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ยนะคะ  อำนาจตัดสินใจ เป็นของคุณเดี๋ยวนี้  และคุณมีอิสรภาพ ในการเลือกก้าวเท้าเดินค่ะ จากคุณ : จำฉันได้ไหม เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 09:56:42

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ และคุณพ่อของน้อง ที่นำเรื่องนี้มาเปิดเผยให้สาธารณชน ให้รับทราบ เหตุการณ์ผ่านมา 3 เดือนแล้วคุณพ่อคงได้ไตร่ตรองอย่างรอบครอบแล้ว ว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นอุทธาหรณ์เตือนสติหลายๆคน ในการพิจารณาเรื่องความเชื่อที่ถูกต้อง ของประทานการรักษาโรคเป็นสิ่งที่พระองค์ประทานให้ เพื่อถวายเกียรติแด่พระบิดา เมื่อมีบุคคลนำมาใช้เพื่อหาประโยชน์ใส่ตัว หรือผู้สนับสนุนโดยขาดการไตร่ตรอง ของประทานนั้นก็ไม่ได้มาจากพระบิดาแต่มาจากลูซิเฟอร์ การกระทำที่ลบหลู่เกียรติ ของพระบิดา พระองค์จะจัดการสิ่งนั้น จากคุณ : kop999kiat เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 09:58:46

ความคิดเห็นที่ 90 คุณพ่อของน้องคะ หนูเป็นกำลังใจให้นะคะ คุณพ่อหาทางรักษาน้อง เพราะความรัก อยากให้น้องหาย คุณพ่ออย่าโทษตัวเองเลยนะคะ น้องเค้าได้ไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว สักวันหนึ่งพวกคุณต้องได้พบกันค่ะ เชื่อฟังคำสอนของพระองค์ เฝ้ารอวันที่จะได้เจอกันกับน้องเค้านะคะ จากคุณ : JJคุง เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 10:18:28

ความคิดเห็นที่ 91 โดยส่วนตัวรู้จักกับน้องเอมมี่จากห้องสยามค่ะ เมื่อสามสี่ปีที่แล้วตอนน้องอยู่ปีหนึ่งปีสอง น้องเคยทำกิจกรรมพาเด็กออทิสติกไปเที่ยวเขาดิน เราสมัครเข้าร่วมไปเป็นอาสาสมัครในครั้งนั้นด้วย น้องเป็นคนดี นิสัยน่ารักมากนะคะ หลังจากนั้นเราก็ไม่ค่อยได้ติดต่ออะไรกันเท่าไหร่ ตอนที่น้องเสีย มีพี่ในห้องสยามมาโพสในเฟส เราก็รู้สึกใจหายเหมือนกันค่ะ เราขอร้องว่าให้หยุดว่าประนามน้อง และคุณพ่อคุณแม่ได้ไม๊คะ ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอกค่ะ โดยเฉพาะพ่อแม่ของน้องก็เสียใจมากพอแล้ว ควรจะมุ่งประเด็นไปที่หมอเถื่อนที่นำพระเจ้ามาอ้างเป็นเครื่องมือหากินดีกว่ารึเปล่า เรื่องความเชื่อมันพูดยาก โดยเฉพาะเรื่องศาสนา คนนอกอาจจะมองว่าเป็นเรื่องงมงาย อย่างถ้าของพุธก็พวกวัดจานบินนั่น เราควรจะโทษพวกแกนนำที่ใช้ความเชื่อของคนมาหากินมากกว่า ในกรณีนี้ก็ควรนำหมอเถื่อนคนนี้มาลงโทษที่หลอกลวงประชาชน ไม่ใช่ไปซ้ำเติมผู้เคราะห์ร้ายแบบนี้ ยิ่งใช้อาการป่วยของคนที่สิ้นหวังมากดดัน ชักจูงบวกกับเรื่องศาสนาด้วยแล้ว ถ้าเป็นเรา ถ้าคนที่เรารักป่วย เราคงหาทุกวิถีทางเหมือนกัน ยิ่งถ้ามีคนใกล้ตัว คนที่เราสนิทมาเล่า มาชักจูงว่าเคยไปหาหมอ ไปกินยาหม้อนู่นนี่แล้วหาย เราก็อาจจะไปเหมือนกันค่ะ บางทีเราอาจจะขาดสติ ทำยังไงก็ได้ให้คนที่เรารักหาย ดังนั้นอยากให้เห็นใจน้อง และครอบครัวบ้าง กับการพูดหรือพิมพ์อะไรโดยไม่คิดของเรา อาจทำร้ายจิตใจคนอื่นก็ได้ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องการกันหรือคะ สำหรับคุณพ่อน้องเอมมี่ เราขอให้กำลังใจ ขอให้ผู้กระทำผิดโดนลงโทษไวไว ขอให้คุณพ่อมีเเรงสู้เพื่อความเป็นธรรมของน้องต่อไป ส่วนน้องเอมมี่ น้องเป็นคนดีค่ะ ตอนนี้คงได้ไปอยู่กับพระเจ้าบนสวรรค์แล้ว RIP จากคุณ : พี่เมย์ (นู๋ผีมีเรื่องเล่า) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 10:53:16

ความคิดเห็นที่ 92 ผมเป็นคริสเตียนที่เป็นหมอ ผมไปโบสถ์ ผมประกาศข่าวประเสริฐถึงพระกิตติคุณความรักของพระเจ้า แต่ผมก็ไม่ได้ทิ้งการแพทย์ปัจจุบันครับ ผมเคยเห็นเคสคนไข้ครรภ์เป็นพิษที่รุนแรงมาก มีภาวะแทรกซ้อนจนไม่น่าจะรอด แพทย์ก็ทำเต็มที่ ส่วนญาติก็อธิษฐานเผื่อ ปรากฏว่าคนไข้อาการดีขึ้นอย่างอัศจรรย์ น้ำที่ท่วมปอดอยู่ก็หายวับไปเลย ย้ายออกจาก ICU กลับบ้านได้เฉย พระเจ้าไม่ได้ห้ามเรารักษาโรคตามมาตรฐานการแพทย์ครับ จากคุณ : เขียนบน iPhone (Jin Shuu Hei) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:04:57

ความคิดเห็นที่ 93 เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่มากค่ะ คนเป็นพ่อเป็นแม่ อยากมอบสิ่งดีๆให้กับลูกทั้งนั้น ใครจะไปรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า มันจะมีเหตุการณ์ที่ร้ายแรงแบบนี้เกิดขึ้นกับลูก  ถ้ารู้ก่อนล่วงหน้า คงไม่พาไป... ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน้องด้วยค่ะ และขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกะทู้นี้ ที่นำเรื่องออกมาเผยแพร่ให้เป็นที่รับรู้ของสังคม เพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่าง ขอให้บุญกุศลที่ท่านได้ทำในครั้งนี้ ส่งผลให้น้องที่เสียชีวิต ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีด้วยค่ะ . จากคุณ : 18 นะไม่ใช่อายุแต่เป็นมงกุฏ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:07:10

ความคิดเห็นที่ 94 ขอพระเจ้าเสริมกำลังครอบครัวน้องแอมมี่ค่ะ ขอพระเจ้าจัดการกับผู้นำพระนามพระเจ้ามาหากินโดยเร็ว การรักษาโรคจากการอธิษฐานมีจริง แต่การรักษาโรคจากคนโลภ หวังเงินทอง ไม่เป็นจริงค่ะ ขอพระเจ้าจัดการคนอธรรมด้วย จากคุณ : NeoPP33 เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:23:38

ความคิดเห็นที่ 95 คุณเจ้าของกระทู้ ลบรูปคนอื่นๆออกเถอะค่ะ พวกนั้นไม่เกี่ยวด้วย จะทำให้เขาเสียหายและเป็นคดีกันได้ค่ะ เราต้องไม่เอาบุคคลที่ 3 มาเกี่ยวข้องค่ะ จากคุณ : NeoPP33 เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:28:37

ความคิดเห็นที่ 97 ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน้องด้วยนะคะ และขอให้ดวงวิญญาณของน้องไปสู่สุขคติ เข้าใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ดีค่ะ ไม่มีใครไม่หวังดีกับลูกหรอก น้องชายของเราก็เพิ่งเสียไป เมื่อ เม.ย.ที่ผ่านมานี้เหมือนกันค่ะ น้องชายเราก็ป่วยตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ก็พาไปหาหมอตลอด ทั้งหมอปัจจุบัน หมอทางเลือก แม้กระทั่งยาผีบอก ใครบอกดีพ่อแม่ก็พาไปหมด เพราะทุกที่ ที่ไป มันเป็นความหวัง หวังว่าน้องจะหาย สุดท้ายน้องชายของเราก็เสียที่โรงพยาบาล หลังจากหมอสรุปว่าต้องผ่าตัด หลังจาก ผ่าตัดก็อยู่ไอ ซี ยู ตลอด 2 อาทิตย์แล้วน้องชายเราก็จากไปอย่างสงบ มันคงเป็นบุญเป็นกรรม ที่เขาลิขิตเอาไว้แล้วว่าใครจะเสียชีวิตอย่างไร อย่าโทษพ่อแม่ของน้อง หรือแม้แต่น้องที่เสียชีวิตเลยว่างมงาย ใครจะไปรู้อนาคต ว่าไปหาหมอที่ไหนแล้วต้วเองจะเสียชีิวิต จากคุณ : แดดยามบ่าย เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 13:56:28

ความคิดเห็นที่ 98 อยากให้ พระเจ้า มรับตัว พวกหากินกับความเชื่อไปอยู่ด้วย เร็วๆจัง จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 14:05:48

ความคิดเห็นที่ 99 ตามอ่านในกระทู้เก่าๆแล้ว ดูท่าว่าน้อง"เป็ดน้อยลอยชาย" น่าจะเป็นคนร่าเริงและมองโลกในแง่ดี  นิสัยดีมากๆคนหนึ่ง http://topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2009/09/M8310332/M8310332.html ...ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน้องด้วยครับ RIP จากคุณ : อุบลแมน เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 15:21:13

ความคิดเห็นที่ 100 ลองมองเทียบกับคดีของ  Anneliese เมื่อปี ค.ศ.1976 ที่พ่อแม่พาลูกไปรักษากับหมอผี เพราะเชื่อว่าลูกโดนผีเข้า จนลูกต้องเสียชีวิตในที่สุด คดีนั้นอัยการฟ้องทั้งหมอผีและฟ้องพ่อแม่ด้วยนะ ที่เป็นสาเหตุให้เธอต้องตาย เพราะมีส่วนพาเธอไปรักษาด้วย ส่วนคนไทย คุกมีไว้ขังคนจน ก็แค่นั้น ขอสงสัยนิดนึงค่ะ จขกท รู้เรื่องละเอียดมากเลย คือฟังมาจากพ่อแม่ผู้เสียชีวิตอีกที หรือว่าอยู่ในเหตุการณ์ด้วยคะ ? จากคุณ : Destiny mind เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 15:55:40

ความคิดเห็นที่ 101 ได้แต่ สลด เมื่ออ่าน จบ++ จากคุณ : เราก็คนเหมือนกัน เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 16:37:50

ความคิดเห็นที่ 102 ได้แต่เศร้าใจเหมือนกันครับ พวกลวงโลกมักไปแฝงตัวกับกลุ่มศรัทธาทางศาสนาแบบนี้เยอะครับของพุทธเราเองก็ยังเจอบ่อยๆ มีความศัทธาอันแแรงกล้าเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ความรอบครอบเป็นเหตุเป็นผลเลยน้อยลง จึงง่ายต่อการถูกหลอกลวง ผมก็เป็นโรคที่รักษาไม่หายเหมือนกันหมดเงินกับค่ารักษาไปเยอะระดับหลายล้านเลย เคยเจอคนมาให้ผมรักษาแนวๆนี่ล่ะ ผมเลิกคุยกับมันเลย จากคุณ : laekul เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 16:54:23

ความคิดเห็นที่ 103 เอาเป็นว่าช่วยกันตามเรื่อง เอาหมอเถื่อนมาลงโทษดีกว่า สังคมไทยถ้ามีอิทธิพลหรือมีเงิน  เดี๋ยวเรื่องก็เงียบหายไป มันก็เที่ยวไปก่อกรรมทำเข็ญกับคนอื่นๆ อีก  อย่างที่คุณพ่อน้องพูด "ขอให้น้องแอมมี่เป็นศพสุดท้าย"  ขอขอบคุณคุณพ่อด้วยค่ะ ที่เสี่ยงเอาเรื่องมาเปิดเผย  ขอบุญกุศลครั้งนี้ส่งให้น้องแอมมีไปสู่สุคติค่ะ จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 17:37:18

ความคิดเห็นที่ 104 แหม หมั่นไส้จริงๆไอ้พวกที่ว่าเขางมงายอ่ะ น้องคนนั้นไม่ใช่ว่าไม่รักษาหมอปัจจุบันแล้วเอาแต่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติซะเมื่อไร แรงโน้มน้าว บางทีก็ทำให้เขว จากคุณ : angelzpuu เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 18:29:59

ความคิดเห็นที่ 105 เออ เรื่องที่ผมรู้มา ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุหรอกครับ อาศัยรู้จักกันมา 7 ปี ไปร่วมงานกับครอบครัวเค้าบ้าง เลยพอรู้อยู่บางเรื่อง ส่วนเรื่องที่นำมาลง มาจากคำพูดของพ่อของแอมมี่ครับ นำคำพูดมาตกผลึกแล้วเขียน มาเฉพาะใจความ จัดหน้าต่างๆ ให้อ่านง่ายขึ้นครับ สำหรับพวกเราแอมมี่เป็นคนสำคัญที่หาที่ไหนไม่ได้ครับ จะปล่อยไปเฉยๆ ก็กระไรอยู่ อย่างน้อยๆ เราเปลี่ยนกระแสส่วนใหญ่ในสังคมไม่ได้ ก็ขอแค่มีคนเข้าใจเพิ่มขึ้นก็พอ ดีกว่านั่งแกว่งเท้าเฉยๆ แล้วให้คนอื่นที่เข้าใจแบบผิดๆ มาพูดเสียๆ หายๆ ครับ จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 18:59:00

ความคิดเห็นที่ 106 RIP นะคะ น้องเป็ดน้อยลอยชาย ขอให้ไปสู่สุขคติ **** น้องผู้หญิง(เป็ดน้อยลอยชาย) มีโรคประจำตัวอยู่แล้วที่รักษาไม่หาย สาเหตุการตาย: หัวใจล้มเหลว ภาวะหัวใจล้มเหลวคืออะไร? ภาวะนี้คือภาวะที่หัวใจไม่สามารถทำงานตอบสนองความต้องการของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในสภาวะต่างๆ สาเหตุเกิดจากหลายประการ เช่น กล้ามเน้อหัวใจตาย หรือภาวะความดันโลหิตสูงที่เป็นอยู่นานๆ ก็จะทำให้หัวใจทำงานหนักมากเกินไป เพราะต้องคอยบีบเลือดผ่านหลอดเลือดที่มีความต้านทานสูง จนในมี่สุดก็ทนไม่ไหวเกิดภาวะหัวใจโตและหัวใจล้มเหลวในที่สุด นอกจากนี้ การติดต่อเชื้อบางประเภทก็ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอลง ถ้าเป็นมากก็ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ หรือแม้แต่ความผิดปกติของลิ้นหัวใจ ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ พูดรวมๆ ได้ว่าความผิดปกติของหัวใจทุกชนิด ถ้าไม่ได้รับการดูรักษาทันเวลาก็จะทำให้หัวใจโต แล้วก็หัวใจล้มเหลวในที่สุด อาการของผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวก็เกิดจากการที่หัวใจไม่มีประสิทธิภาพในการทำงานนั่นเองครับ ที่พบบ่อยๆ คือ เหนื่อยหอบในเวลาออกแรง นอนราบไม่ได้ บางคนต้องตื่นขึ้นมาในตอนดึกๆ เพราะนอนแล้วหายใจไม่สะดวก (เนื่องจากมีน้ำท่วมในปอด) แน่นจุกลิ้นปี่ (ตับมีน้ำคั่ง) หรือบวมตามแขนขา เป็นต้น แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 19:11:29 จากคุณ : Gretchen เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:08:41

ความคิดเห็นที่ 107 คนดีๆคนหนึ่งได้ตายไปแล้ว แม้เราจะเห็นว่าคนเป็นพ่อแม่จะงมงาย หรือเชื่อหมอจอมปลอมอะไรก็ตามแต่ แต่การวิพากษ์วิจารณ์ผู้ตายหรือพ่อแม่ของเขา ก็ทำให้เขาฟื้นขึ้นมาไม่ได้ แล้วจะไปซ้ำเติมเขาทำไม  มันทำให้อะไรดีขึ้นมาบ้าง ถ้าแสดงความเห็นอกเห็นใจไม่ได้ เพราะไม่เห็นด้วย งดตอบกระทู้ไม่ง่ายกว่าหรือ จะวิพากษ์วิจารณ์ให้ได้อะไรขึ้นมา มีแต่สาดความเจ็บปวดเข้าใส่คนที่สูญเสียไม่รู้จบสิ้น หากจะพยายามชี้ให้เห็นว่าก็ครอบครัวผู้ตายงมงายขนาดนั้น ถึงได้สูญเสียลูกไป ก็อยากจะถามกลับว่า...เขาสูญเสียลูกไปแล้วไง...เจ็บปวดพอหรือยัง? ความเห็นบางอย่างไม่ต้องแสดงออกมาก็ได้ ในยามที่คนกำลังทุกข์ใจแสนสาหัส จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:47:14

ความคิดเห็นที่ 108 ตกใจนิดๆ เพราะผมเองรู้จักน้องเป็ดน้อยลอยชายมานานแล้ว แม้ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ก็คุ้นเคยเพราะน้องเป็นเด็กที่คุยเก่งแล้วก็สดใสครับ ขอแสดงความเสียใจกับการจากไป ณ ที่นี้ด้วยครับ ---- เช้านี้เป็นเช้าที่ความหงุดหงิดของผมถึงที่สุด กับการนำเสนอของสื่อมวลชน ซึ่งมีบทบาทในการชี้นำสังคม รวมทั้งสร้างค่านิยมให้กับคนในสังคม ผมหงุดหงิดเพราะสื่อพยายามจะเน้นว่า จบจุฬาเกียรตินิยมอันดับ 1 นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ "สิ่งดีๆที่คนๆนึงทำมา" จะถูกนำมาใช้ในทำนองเสียดสีประหนึ่งว่าทำไมคนเก่งๆ ฉลาดๆถึงได้พลาดอะไรแบบนี้ได้ เราพบเห็นการพาดหัวข่าวที่มีสีสันแบบนี้บ่อยครั้ง "ดร.สาวโดนหลอกหมดตัว" "น.ศ.วิศวะปล้นหาเงินใช้หนี้พนัน" ผมอยากถามว่าสื่อมวลชนจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องบอกว่าพวกเขามีดียังไง เพียงเพื่อให้เรื่องมันดูใหญ่โตว่าคนเก่งๆ ก็ทำอะไรแบบนี้ได้ ผมอยากให้สื่อเคารพผู้อื่นบ้าง บางทีการที่คนเราลงเอยจนเป็นข่าวแบบนี้มันมีอะไรมากกว่าความโง่ที่น่าหัวเราะ เรารับรู้เรื่องของพวกเค้าเพื่อเจริญสติปัญญา ไม่ใช่เพื่อความสะใจว่าคนโง่ๆแบบเรากลับเจ๋งกว่าคนเก่งๆที่ต้องลงเอยแบบนี้ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 20:55:54 จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:45:27

ความคิดเห็นที่ 109 เค้าพาดหัวข่าวเพื่อให้คนมาดูเยอะๆ เค้าไม่ได้คิดหรอกครับ ว่าคนพูดพาดพิงจะรู้สึกยังไง ขอแค่คนอ่านเยอะๆ ได้ตังค์เข้ากระเป๋า จะเขียนเสียดสียังไงก็ทำได้ครับ เพราะเค้าไม่ใช่คนเสียหาย จากคุณ : จขกท (f_m_p57) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 21:31:25

ความคิดเห็นที่ 110 พอดีผมไปเจอมาครับ ไม่รู้ชุดเดียวกันรึเปล่า แต่หมอคนนี้ คนเดียวกันชัวร์ ทำไมคนขวา เชียร์ออกหน้าออกตาขนาดนั้น จากคุณ : Hara N. เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 01:21:41

ความคิดเห็นที่ 111 ทำไมถึงเรียกคนจำพวกนี้ว่า คุณหมอ? อย่างไรก็ตามถ้าการรักษาแบบนั้นทำลายชีวิต ถือว่าผิดกฎหมาย ตั้งใจหรือไม่ ก็ผิดกฎหมาย  ชีวิตทั้งชีวิตต้องมาสูญเสียไป... .เสียใจแทนบุพการีที่ท่านทั้งสองรู้เท่าไม่ถึงการณ์ _____________ ตัวอิฉันเองจะจำเอาไว้เป็นบทเรียนไปสอนลูกสอนหลาน อย่าเชื่อในสิ่งที่เราได้ยินมาจาก จากคุณ : ป้าแตง (Gators) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 01:59:31

ความคิดเห็นที่ 112 ขอให้น้องไปสู่สุขติค่ะ เข้ามาอ่านเงียบๆ แต่สะดุดกับคำว่า จัดกระดูก มากๆ เมื่อประมาณ5ปีที่แล้ว พ่อเราเคยไปรักษา พ่อเราชอบปวดเมื่อยกระดูก ปวดหลัง อยู่ๆก็ไปหาหมอจัดเรียงกระดูก  ไม่รู้เจ้าเดียวกันเปล่า  ได้ยามากินเหมือนกัน ไม่รู้ใครแนะนำให้ไป ปกติพ่อเราไม่เชื่ออะไรทำนองนี้ ไม่เคยฟังใคร ดีนะไม่เป็นอะไรขึ้นมา สุดท้ายก็ปวดเหมือนเดิม ไม่หาย จากคุณ : Clover_Pixie เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 04:22:57

ความคิดเห็นที่ 113 เราว่าน่าจะโทษพ่อแม่นะ ไม่ได้ว่าน้องเชื่องมงาย แต่พ่อแม่นั่นแหละงมงายจนลูกตัวเองตาย สมควรโทษตัวเองไม่ใช่โยนให้คนอื่นหมด จากคุณ : Nightmare_Yuki เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 08:59:22

ความคิดเห็นที่ 114 จัดกระดูกนี่เคยได้ยินจากศาสตร์แพทย์แผนจีนนะ   มีน้องที่รู้จักเล่าให้ฟัง  น้องทำงานที่คลีนิคหมอจีนฝังเข็ม  วันนึงก้มยกของผิดท่า  เจ็บหลังแปล๊บ  ปวดมาก  หมอจีนเลยจัดกระดูกให้  แกบอกหมอทำยังไงไม่รู้เจ็บแปล๊บและรู้สึกว่ากระดูกมันเรียงกันกรึ๊บบบบ   และหายปวด  (เราว่าถ้าคนทำไม่รู้จริงนี่มีสิทธิ์อัมพฤกษ์ อัมพาตได้เลยนะนั่น) จากคุณ : ต่อเวลา เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 13:13:52