เรื่องจริงของวิศวกรคนหนึ่งที่เคยโดนหลอก
|
|
จากกระทู้ของคุณราชันย์ยาสูบ(จะทำยังไง ถ้าพึ่งคบแฟนได้ 2อาทิตย์ แล้วแฟนมาขอให้ดาวน์รถให้) อ่านเรื่องนี้แล้ว นึกถึงเรื่องของน้องชายตัวเอง ขอเล่าไว้เป็นแง่คิดเตือนใจบ้าง
น้องชายเป็นผู้ชายหน้าตาดี อาชีพวิศวกร ทำงานในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี หลังจากเรียนจบน้องชายทำงานได้สามปี เงินเดือนสี่หมื่นบาท และเป็นโสด เพิ่งเลิกกับแฟนเก่าที่คบกันมานาน ได้รู้จักผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาพอใช้ได้ คิดว่าคงจะรู้จักผู้หญิงคนนี้ผ่านทางเน็ต แต่ตอนนั้นเราถามน้องบอกว่า รู้จักกันผ่านทางเพื่อนของเพื่อน...อืม เพื่อนก็เพื่อน เราก็เชื่อตามนั้น
หลังจากที่รู้จักกันกับผู้หญิงได้สองเดือน ผู้หญิงก็มาหาที่ทำงานน้องชายในช่วงวันหยุด ผู้หญิงทำงานที่พิษณุโลก น้องชายทำงานที่ชลบุรี เราทำงานที่ กทม. ตอนนั้นผู้หญิงมีหน้าที่การงานดี เธอว่าเธอเป็นพยาบาล มีรถเก๋งเก่าๆคันหนึ่ง ลงทุนขับรถเองมาหาน้องชายที่ชลบุรี น้องชายก็พามาทำความรู้จักกับเรา เธออายุมากกว่าน้องชาย 3 ปี ซึ่งก็อายุเท่ากันกับเรา
น้องชายกับเธอคบกันได้ประมาณ 6 เดือน น้องมาบอกว่าจะลาออกจากที่ทำงานมาหาสมัครงานใหม่ที กทม. เพราะผู้หญิงบอกว่าจะหาทางย้ายมาประจำที่โรงพยาบาลในกทม. จะได้อยู่ใกล้กัน น้องสมัครงานที่ใหม่ได้ ย้ายมาพักที่เดียวกับเราที่ กทม. งานที่ใหม่ เงินเดือนน้อยลงกว่าเดิม ได้รับประมาณ 35,000 บาท แต่ไม่นานผู้หญิงก็ทำเรื่องย้ายจริงๆ แต่ย้ายไปอยู่โรงพยาบาลในจังหวัดบ้านเกิดของเธอทางภาคเหนือ ซึ่งไกล กทม.ออกไปอีก เราก็ถามน้องชายว่าทำไมเป็นแบบนั้น น้องก็บอกว่าย้ายเข้า กทม. ยาก(ทั้งที่ กทม.มี รพ. มากมายทั้งรัฐบาลและเอกชน) น้องเชื่อผู้หญิงทุกอย่าง...
น้องทำงานที่ใหม่ได้ สองเดือน ผู้หญิงบอกว่าพ่อแม่ทางฝ่ายหญิงอยากให้แต่งงาน และให้น้องชายออกรถใหม่ โดยให้น้องชายนำรถของพ่อผู้หญิงมาขายเพื่อเป็นเงินซื้อรถคันใหม่ เธอบอกว่าเป็นรถที่พ่อเธอซื้อไว้นานแล้วไม่ได้ใช้เลยอยากขาย น้องชายเลยฝากสามีเราซึ่งมีเพื่อนอยู่เต้นท์รถมือสองให้ช่วยขายให้ ผู้หญิงนำเอกสารรถคันที่จะขายมาให้ด้วย สามีเราดูแล้วเขาก็นำทะเบียนรถไปเช็คข้อมูล ปรากฎว่าชื่อเจ้าของรถเป็นชื่อของผู้หญิงและได้รับโอนมาจากเจ้าของเดิม....ชื่อเป็นทหารชั้นประทวนในจังหวัดพิษณุโลกและ โอนก่อนหน้าที่จะบอกขายเพียง 1 เดือน สามีสงสัยว่าทำไมผู้หญิงบอกว่าเป็นรถของพ่อเธอที่ซื้อไว้นานแล้ว ทำไมชื่อเป็นคนอื่น แต่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับน้องชายเพราะท่าทางเขาจะรักกันมาก
หลังจากนั้นไม่เกินสองสัปดาห์ น้องก็บอกว่าผู้หญิงขายรถคันนั้นแล้วได้แสนห้า และจะนำไปซื้อรถใหม่ น้องชายเป็นคนออกเงินดาวน์อีกประมาณสามแสน กำหนดผ่อนส่งสามปี หลังจากซื้อรถน้องก็ให้รถผู้หญิงคนนั้นไปใช้ที่ต่างจังหวัด(มารู้ทีหลังว่าซื้อในชื่อผู้หญิง) แต่น้องชายเป็นคนผ่อน หนึ่งเดือนถัดมาน้องชายกำหนดแต่งงาน..รวมที่คบกันราวๆ 8-9 เดือนเท่านั้น น้องไม่ได้บอกเราก่อนด้วยทั้งที่พักอยู่ด้วยกัน ที่รู้ก็เพราะแม่โทรมาบอกว่าน้องให้ไปขอผู้หญิงให้ แม่เล่าว่าไปเห็นบ้านของผู้หญิงคนนั้นแล้ว ก็ฐานะปานกลาง ทางบ้านเราก็พอๆกัน พ่อแม่ผู้หญิงก็ยกให้และให้รีบจัดงานแต่งโดยเรียกสินสอดสองแสนบท ทอง 20 บาท แหวนเพชร น้องชายตกลงเพราะมีเงินเก็บพอสมควร..
เดือนถัดมา เราไปงานแต่งงานน้องชายที่บ้านผู้หญิงคนนั้น มีบางอย่างดูผิดปกติเพราะในงานแต่งงานเราสังเกตว่ามีญาติทางผู้หญิงมาร่วมงานน้อยมาก ผู้หญิงบอกว่ามีเพื่อนร่วมงานมาประมาณ 5-6 คน เพราะเพิ่งย้ายมาไม่สนิทกับใคร แต่เราสงสัยว่าทำไมไม่มีหัวหน้าของผู้หญิงมาร่วมงานเพราะถ้าเราแต่งงานเป็นเรื่องปกติที่เราจะเชิญมางานแต่ที่มา มีแต่เด็กๆรุ่นน้อง หรือควรจะมีเพื่อนคนอื่นๆมาร่วมงานอย่างที่ควรจะเป็น ถ้าสนิทกับเพื่อนร่วมงานที่เก่าก็น่าจะบอกเพราะจังหวัดไม่ไกลกันมาก แต่นี่ไม่มีเลย ในงานแต่งมีแต่ญาติทางเรา เพื่อนๆของน้องชาย เยอะกว่าฝ่ายหญิงหลายสิบเท่า เรากลับ กทม. ด้วยความสงสัย แต่ไม่อยากคิดอะไรในแง่ร้าย แต่คิดถึงงานแต่งตัวเองซึ่งเตรียมงานนานพอสมควร มีหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมรุ่นสมัยเรียน ญาติๆทั้งสองฝ่าย มาร่วมงานเยอะมากๆ ก็เลยสงสัยแต่คิดว่าผู้หญิงคงเป็นคนเพื่อนน้อย เพราะเธอเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด
หลังแต่งงาน น้องชายก็ทำงานที่ กทม. และพักกับเราเหมือนเดิม ส่วนผู้หญิงก็ทำงานที่บ้านเกิดเหมือนเดิม น้องชายจะไปหาช่วงวันหยุดเดือนละสองครั้ง แต่ตลอดหนึ่งปีที่แต่งงานกันมาน้องชายจะเป็นฝ่ายไปหาตลอด ผู้หญิงไม่เคยมาหาที่ กทม.เลย น้องชายจะผ่อนส่งค่างวดรถทุกเดือน และส่งค่าใช้จ่ายบางส่วนให้ผู้หญิง รวมทั้งซื้อข้าวของพวกมือถือราคาแพง คอมพ์โน้ตบุก ให้ผู้หญิงด้วย เราก็ไม่ได้คิดเยอะอะไรเพราะเป็นเรืองปกติของสามีภรรยา แต่เรื่องที่ผิดปกติคือผู้หญิงคนนั้นไม่เคยทำหน้าที่ภรรยาเลย เสื้อผ้าชุดทำงาน ของใช้ของน้องชายไม่เคยเอาใจใส่ดูแลให้ น้องชายเป็นคนประหยัดมาก ไม่ฟุ่มเฟือย ทำงานที่ กทม. นั่งรถไฟฟ้าไปทำงานทุกวัน ไม่มีรถส่วนตัว แต่เรื่องเสื้อผ้า ข้าวของใช้เราเป็นพี่สาวซึ่งทนดูไม่ได้ก็ช่วยจัดหาให้
ที่ผิดปกติอีกอย่างคือ หลังจากแต่งงานแล้ว ผู้หญิงไม่เคยโทรหาน้องชายก่อนเลย เพราะมักได้ยินน้องโทรไปต่อว่าผู้หญิงเสมอว่าไม่ชอบรับโทรศัพท์ ไม่เคยโทรมาหา ชอบอ้างว่า ติดเวร ขึ้นเวร ไม่ได้พกโทรศัพท์ งานยุ่งมาก พักหลังๆน้องชายไปหาที่บ้านพักในโรงพยาบาลที่ผู้หญิงทำงานอยู่ ก็ไม่ได้พบเพราะผู้หญิงอ้างว่าอยู่เวรตลอด คือน้องชายไปหาก็ไม่ได้เจอหรืออยู่ด้วยกันเหมือนคู่สามีภรรยา น้องชายก็มาบ่นให้ฟังตลอด จนกระทั่งแต่งงานเข้าปีที่สอง น้องชายอยากมีลูก พ่อแม่ก็อยากอุ้มหลานเพราะยังไม่มีหลาน น้องชายเลยบอกผู้หญิง แต่ผู้หญิงเขาก็บอกว่าไม่ท้องเองสักที(คิดว่ผู้หญิงคงจะป้องกันไว้เพราะเธอเป็นพยาบาล คงรู้ดี)
หลังจากนั้นชีวิตแต่งงานของน้องชายกับผู้หญิงคนนั้นก็ลุ่มๆดอนๆ คงเพราะระยะทางความห่างไกลที่เป็นอุปสรรค จนกระทั่งวันหนึ่งน้องชายก็ไปหาผู้หญิงที่ต่างจังหวัดเหมือนเคย แต่ก่อนไปติดต่อผู้หญิงไม่ได้ก็เลยไม่ได้บอกก่อนล่วงหน้า พอไปถึงที่พักที่โรงพยาบาลเพื่อนข้างห้องบอกว่า ผู้หญิงลาพักร้อนหนึ่งสัปดาห์รวมวันหยุดเสาร์อาทิตย์ด้วยรวม 7 วัน บอกว่าจะไป กทม. ไปหาสามีและออกเดินทางไปได้5วันแล้ว(ผู้หญิงไปวันจันทร์ น้องชายไปหาวันเสาร์) น้องชายก็สงสัยเพราะไม่ได้เจอที่กทม. และสงสัยว่า 5 วันก่อนหน้านั้นผู้หญิงไปไหน ไปพักกับใคร น้องชายตัดสินใจไปพักที่โรงแรมคืนวันเสาร์เพื่อรอผู้หญิงที่คาดว่าจะกลับมาในวันอาทิตย์ และทำทีโทรหาผู้หญิงว่าอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ โดยไม่ได้บอกว่าอยู่ทีโรงพยาบาลนั้นแล้ว โชคดีโทรติด เธอรับโทรศัพท์และบอกว่าขึ้นเวรตลอดเช้าบ่าย ไม่มีเวลาโทรหา ไม่ได้เปิดโทรศัพท์ น้องชายบอกว่าอดทนรอจนกระทั่งบ่ายวันอาทิตย์น้องชายโทรหาผู้หญิงอีกครั้ง ผู้หญิงบอกว่าวันอาทิตย์กลับไปบ้านพ่อแม่เธอที่อยู่ต่างอำเภอ คงกลับถึงโรงพยาบาลตอนค่ำๆ น้องชายก็ไปดักรอที่หน้าบ้านพัก
น้องชายเล่าว่า เห็นผู้หญิงกลับมาโดยมีผู้ชาย (น้องไม่เคยรู้จัก)ขับรถคันที่น้องชายซื้อ มาส่งที่บ้านพักและขับกลับออกไป น้องชายสงสัยเลยถามว่าเป็นใคร ผู้หญิงว่าเป็นญาติ มาส่งและจะยืมรถไปใช้ชั่วคราว น้องชายซึ่งรู้ความจริงจากเพื่อนข้างห้องแล้วก็เลยถามคาดคั้นผู้หญิง เธอบอกว่าไปพักที่บ้านพ่อแม่แต่โกหกเพื่อนข้างห้อง น้องชายบอกว่าตอนนั้นก็ยังเชื่อแต่พอผู้หญิงเข้าห้องน้ำ น้องชายเลยค้นกระเป๋าเจอเอกสารเกี่ยวการจองตั๋วเครื่องบินไปกลับ เอกสารใบเสร็จที่พักโรงแรมที่ กทม.และภูเก็ต (เธอคงไม่ทันได้เก็บหลักฐานเพราะไม่คิดว่าจะเจอน้องชาย)วันเวลาที่ไปก็ตรงกับที่เพื่อนข้างห้องบอกทุกอย่าง วันนั้น น้องชายต้องรีบกลับ กทม. เพื่อมาทำงานจึงไม่ได้อยู่ค้นหาความจริง
ผ่านไปสองวันผู้หญิงรีบโทรมาหาน้องชาย ถามเรื่องที่น้องชายไปหาที่บ้านพักในวันเสาร์ ซึ่งคิดว่าเพื่อนข้างห้องคงเล่าให้ฟัง เธอก็สร้างเรื่องว่ามาหาน้องสาวที่ กทม. มาพักผ่อน มาชอปปิ้ง น้องชายเลยบอกว่าถ้ามา กทม. ทำไมไม่มาพักกับน้องชาย มาเจอกัน หรือโทรมาหา แต่น้องชายก็เก็บเรื่องที่เจอเอกสารจองตั๋วเครื่องบินกับใบเสร็จโรงแรมไว้ไม่บอกผู้หญิง จากนั้นน้องชายก็โทรไปหาน้องสาวผู้หญิงที่อยู่ กทม. ว่าวันที่นั้นๆ พี่สาวมาหาหรือเปล่า น้องสาวผู้หญิงก็บอกว่าเปล่า คงเพราะพี่สาวไม่รีบโทรมาเตี๊ยมก่อน เรื่องจึงแดงขึ้นมาเรื่อยๆว่าเธอโกหกทุกอย่าง
น้องชายตัดสินใจบอกเลิกกับผู้หญิง และบอกเราว่าเลิกกันแล้ว และเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง เราไม่รู้เรื่องรถที่ซื้อ คิดว่าซื้อในชื่อน้องชาย เลยบอกให้น้องเอารถกลับมาและยกของอย่างอื่น เงิน ทอง ข้าวของมีค่าให้ผู้หญิงไป น้องบอกว่ารถซื้อในชื่อผู้หญิง และผู้หญิงก็ไม่ยอมให้ น้องชายก็ยอมเพื่อให้เลิกรากันไป โชคดีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันก็เลยเลิกรากันไปง่ายๆ
หลังจากที่น้องชายเลิกกับผู้หญิงคนนั้น เราก็มานั่งทบทวนตั้งแต่แรกในเรื่องของน้องชายกับผู้หญิงคนนั้น ก็เห็นความผิดปกติหลายเรื่องมาตั้งแต่แรกจริงๆ ทั้งเรื่องที่รู้จักกันทางเน็ต เรื่องรถของพ่อผู้หญิงที่จะขาย เรื่องเร่งรัดการแต่งงาน เรื่องจัดงานแต่งงานที่เรียบง่ายเกินไปผิดวิสัยของผู้หญิงที่ไม่เคยแต่งงานซึ่งมักจะเห่อโน่น นี่ นั่น แต่ผู้หญิงคนนั้นเหมือนทำเพื่ออะไรบางอย่าง มารู้ตอนหลังน้องชายบอกว่าผู้หญิงจะขอเงินจากน้องชายตลอด โบนัสเธอก็เอาไปทั้งหมด น้องชายเคยมีเงินเก็บเยอะเพราะเป็นคนประหยัด ก็หมดไม่เหลืออะไร คือกว่าจะรู้ความจริง ระแคะระคายก็หมดตัวแล้ว คงเพราะความรักบังตา ทางครอบครัวเรา ญาติๆเราต่างก็เคยเจออดีตน้องสะใภ้คนนั้นกันแค่่สองครั้งเท่านั้น ซึ่งผิดวิสัยของคนที่มาเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่อยากคิดว่าเธอจะเป็นคนโกหก หลอกลวง เพราะภาพลักษณ์เธอดีมาก หน้าที่การงานก็ดี การศึกษาสูง หน้าตาภายนอกดูเรียบร้อย พูดน้อย แต่พฤติกรรมทั้งหมดที่เธอทำ มันแย่มากๆ
หลังจากนั้นไม่นาน เราเผอิญได้เจอเพื่อนเก่าสมัยเรียนและสามีเพื่อนทำงานที่โรงพยาบาลเดียวกับผู้หญิงคนนั้น เราลองให้เพื่อนช่วยสืบดูว่าหลังจากที่ผู้หญิงเลิกกับน้องชายแล้ว เธอมีแฟนใหม่หรือเปล่า หรือมีพฤติกรรมเป็นอย่างไร เราเล่าให้เพื่อนฟังเพื่อนก็แค้นใจเพราะเพื่อนก็รู้จักกับน้องชายเรา เพื่อนเลยรับปากช่วยสืบดู ก็ได้ความว่าตอนที่เธอทำงานที่โรงพยาบาลในพิษณุโลก เธอไปเป็นกิ๊กกับแพทย์คนหนึ่ง และเมียของแพทย์คนนั้นจับได้ เธอปฏิเสธและอ้างว่าเธอมีแฟนแล้วและกำลังจะแต่งงาน ซึ่งคงเป็นช่วงประจวบเหมาะกับที่มารู้จักกับน้องชายพอดี เลยคิดใช้น้องชายเป็นตัวช่วยให้ภาพของเธอดีขึ้น และย้ายหนีปัญหาจากพิษณุโลกมาที่บ้านเกิด หลังจากที่แต่งงานกับน้องชายแล้ว เธอก็ยังคบหากับผู้ชายอีกคนที่จังหวัดบ้านเกิด คงโกหกว่าเลิกกับน้องชายแล้ว คงสับหลีกกันไปมาด้วยนิสัยชอบโกหกหน้าตายของเธอ ไม่รู้ว่าตอนนี้ เธอยังโกหกหลอกลวงใครอยู่หรือเปล่า...
เหตุการณ์นี้ผ่านมาได้สามปีแล้ว ตอนนี้น้องชายได้พบผู้หญิงคนใหม่ นิสัยใช้ได้ มีลูกน่ารัก หน้าที่การงานก็ดีขึ้น เริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวใหม่..
อยากฝากเรื่องนี้เป็นอุทธาหรณ์ไว้เตือนสติผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตามที่อยากมีความรัก มีคนรัก มีครอบครัว ก็โปรดพิจารณไตร่ตรองให้ดีทุกๆอย่างก่อนที่จะตัดสินใจ ควรปรึกษาพ่อแม่พี่น้อง หรือคนที่เราไว้ใจ ให้เขาช่วยคิดช่วยดู เรื่องของน้องชายเราขอยืนยันว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง หวังว่าเรื่องนี้จะให้ข้อคิดและเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นบ้างนะคะ
จากคุณ |
:
paewjasmine
|
เขียนเมื่อ |
:
21 พ.ย. 55 22:48:54
|
|
|
|