ความคิดเห็นที่ 1 As simple as this scoring appears, the running score of each game is described in a manner peculiar to tennis: scores of zero to three points are described as "love" (or "zero"), "fifteen", "thirty", and "forty", respectively. The origin of this scoring comes from the (quarterly) stations of the clock, where "forty" was, presumably, easier to say than "forty-five." When stating the score, the server's score is stated first. Thus, for example, the phrase "thirty-love" means that the server has won two points and the receiver none............. ใน Google มีเยอะเลยนี่ครับ อ่าน  40  เพราะง่ายกว่า   45 แต้มสูงสุด  เขาไม่ขาน  เขาร้องว่า   เกม.....มั๊ง จากคุณ : thid chum - [ 16 ม.ค. 49 14:52:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เดิมใช้ระบบนาฬิกา                    0                  15                  45                  เกม(60) ภายหลัง45เปลี่ยนเป็น40(ทำไมไม่รู้) จากคุณ : EDM_MAN - [ 16 ม.ค. 49 14:53:29 ]

ความคิดเห็นที่ 3 น่าจะนับตามเข็มนาฬิกานะครับ ทุกๆ 15 นาที.....โดยเริ่มจาก 15  30  40 (แต่แทนที่จะเป็น 45 กลับกลายเป็น 40 เนื่องจากว่าเวลาขานแต้ม 45 ในภาษา อังกฤษอ่านว่า forty five ซึ่งกลายเป็น 3 พยางค์ ไม่เหมือน 15 และ 30 จึงเปลี่ยนจาก 45 เป็น 40 ครับ...เพื่อสะดวกในการขานคะแนน) แต้มสูงสุดนี่ก็ 40 ครับ ถ้าแต้มมาถึง 40 เท่ากันก็ต้อง ดิ๊วซ์ ครับ เดี๋ยวรอแฟนเทนนิสพันธุ์แท้ ในห้องมาคอนเฟิร์มอีกทีครับ มีเพื่อนๆ หลายท่าน ที่แม่นกติกามากๆ เลยครับ จากคุณ : กิมเฮง - [ 16 ม.ค. 49 14:56:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ในขั้นแรกใช้คอร์ตที่มีรูปร่างเหมือนนาฬิกาทราย ตาข่ายสูง 7 ฟุต กั้นกลางสนาม และภายหลังจากเขาได้แนะนำกีฬาชนิดนี้ ให้ประชาชนได้รู้จักกันเป็นครั้งแรกในงานเลี้ยงที่สนามปาร์ตี้ (Lawn Party) ณ เวลส์ ในปี พ.ศ. 2417 Walter C.Wingfield ได้จดทะเบียนสงวนลิขสิทธิ์ของสนาม และตาข่าเคลื่อนที่ของเขา จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2418 ประชาชนได้เรียกร้องให้เลิกสงวนลิขสิทธิ์นี้ กีฬาเทนนิสจึงได้แพร่หลาย เพื่อความสะดวกของผู้เล่น สมาคมโครเกต์แห่งอังกฤษที่วิมเบิลดันได้อุทิศสนามให้เป็นที่เล่นกีฬาใหม่ชนิดนี้ และทางสมาคมยังได้จัดการแข่งขันเพื่อความชนะเลิศของโลกประเภทสมัครเล่นขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2420 ทำให้มีการแข่งขันลอนเทนนิสที่มีชื่อเสียงมาจนถึงทุกวันนี้ ต่อมาในปีพ.ศ.2431 ได้มีการก่อตั้งสมาคมลอนเทนนิสแห่งชาติขึ้นที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งต่อมาสมาคมนี้มีชื่อว่า "ลอนเทนนิสสมาคม" และได้จัดพิมพ์กติกาของเลนเทนนิสขึ้นเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2437 ซึ่งจากสนามรูปนาฬิกานั่นเองจึงได้มีการขานแต้มตามเวลาคือ 15-30-45 ซึ่งในภายหลังการนับแต้มที่ 45 ได้ยกเลิกไปเพื่อให้ได้นับสองพยางค์เช่นเดียวกัน และเมื่อแต้มถึง 40 เท่ากัน ถือว่าดิวซ์ ต้องมีการแข่งจนกว่าฝ่ายใดจะมีแต้มเหนือกว่าอีกฝ่าย 2 แต้ม ทั้งนี้ ถือว่าฝ่ายใดถึง 7 แต้มก่อน จะเป็นผู้ชนะ เว้นเซ็ทสุดท้าย ที่ต้องทำแต้มสูงกว่า 2 แต้มจ้า ส่วนข้อมูลดังกล่าวหาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.siamsport.co.th/sportdata_tennis_data.html จากคุณ : K-modjung - [ 16 ม.ค. 49 16:01:41 ]