ความคิดเห็นที่ 1 Inside Innovation บัญชา ธนบุญสมบัติ / buncht@mtec.or.th ฟีฟ่า (FIFA) ทดสอบลูกฟุตบอลอย่างไร ? ทุกครั้งที่มีมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลระดับโลก ก็จะมีลูกฟุตบอลแบบใหม่ออกมาให้ยลโฉมเสมอ อย่างเมื่อคราวที่ญี่ปุ่นและเกาหลีร่วมกันเป็นเจ้าภาพในปี 2002 ก็มีลูกฟุตบอลฟีเวอร์โนวา (Fevernova) ของอาดิดาส จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 10:14:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 และในครั้งนี้เมื่อเยอรมนีเป็นเจ้าภาพในปี 2006 ก็มีลูกฟุตบอลทีมไกสต์ (+Teamgeist) ของอาดิดาสเจ้าเก่า คำว่า Teamgeist นี่ตั้งเอาใจเจ้าภาพเป็นภาษาเยอรมันซึ่งแปลว่า จิตวิญญาณแห่งทีม (team spirit) ลูกบอลรุ่นล่าสุดนี้ว่ากันว่าผิวเรียบ กลมดิ๊ก แถมยังไฮเทคกว่าเดิม โดยมีนักเตะระดับพระกาฬ อย่างซีดานหรือเบคแฮม มาช่วยกันโม้ว่า "ยิงได้แม่นดังใจนึก" หรือ "ลูกจะพุ่งไปยังจุดที่คุณต้องการให้มันไป" อะไรทำนองนี้ จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 10:23:20 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แต่ไม่ว่าบริษัทจะใหญ่แค่ไหน หรือนักเตะดังจะโม้ยังไงก็ตาม ก่อนที่ลูกบอลรุ่นหนึ่งๆ จะมีสิทธิลงสนามได้ ก็จำเป็นต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบของสมาพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า (FIFA) ซะก่อน จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 10:25:06 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เพื่อให้เห็นภาพครบ จะขอพูดถึงเกณฑ์ 3 ระดับ โดยระดับที่เคี่ยวที่สุดคือ FIFA Approved (ได้รับการยอมรับโดยฟีฟ่า) ระดับรองลงมาคือ FIFA Inspected (ได้รับการตรวจสอบโดยฟีฟ่า) และระดับธรรมดาๆ คือ International Matchball Standard (มาตรฐานลูกบอลสำหรับการแข่งขันในระดับนานาชาติ) เจ้ามาตรฐานสองระดับแรกนี่ต้องส่งลูกฟุตบอลตัวอย่างไปทดสอบที่แล็บชื่อ EMPA ในสวิตเซอร์แลนด์ ส่วนมาตรฐานระดับธรรมดาสามารถส่งไปทดสอบที่สถาบันในยุโรปที่ใดที่หนึ่งใน 7 แห่ง ซึ่งฟีฟ่าให้การรับรอง จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 10:28:21 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วลูกบอลต้องโดนทดสอบอะไรบ้าง ? คำตอบคือ มี 7 มิติด้วยกัน โดยในทุกกรณี ผมขอยกตัวอย่างลูกบอลไซส์ 5 ซึ่งเติมลมเข้าไป 0.8 บาร์ (ยกเว้นระบุค่าอื่น) และบอกเงื่อนไขหลักๆ ไว้ โดยรายละเอียดไว้ให้ค้นเล่นเองมั่ง มิติแรกสุดเลยก็คือ ลูกบอลต้องมีขนาดพอเหมาะ เช่น ถ้าต้องการ FIFA Approved ลูกบอลก็ต้องมีเส้นรอบวง (circumference) ในช่วง 68.5-69.5 เซนติเมตร แต่ถ้าจะเอาแค่ FIFA Inspected ขอให้อยู่ในช่วง 68.0-70.0 เซนติเมตร ก็พอ จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 11:17:02 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนมิติที่สองคือ ลูกบอลควรกลมดิ๊ก โดยจะใช้เครื่องมือวัดขนาดรวม 16 ตำแหน่ง แล้วนำค่ามากที่สุดตั้ง ลบด้วยค่าน้อยที่สุด ได้เท่าไรหารด้วยค่าขนาดเฉลี่ย ค่าๆ นี้เรียกว่า สภาพความกลม (sphericity) ค่านี้ยิ่งน้อยเท่าไร แสดงว่าลูกบอลยิ่งกลมมาก โดยลูกบอลในอุดมคติจะมีสภาพความกลม = 0 (คือ ไม่ว่าจะวัดขนาดตรงไหน ก็ได้ค่าเท่ากันเป๊ะ) ลูกบอลจะได้ FIFA Approved จะมีค่านี้ไม่เกิน 1.5 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเอาแค่ FIFA Inspected ก็จะยอมให้เบี้ยวได้อีกนิดๆ คือ ไม่เกิน 2 เปอร์เซ็นต์ จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 11:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สำหรับมิติที่สาม ลูกบอลต้องมีน้ำหนัก (weight) พอเหมาะ โดยอยู่ระหว่าง 420-445 กรัม สำหรับ FIFA Approved และ 410-450 สำหรับ FIFA Inspected จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 11:21:00 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ในระหว่างการเล่น ลูกบอลควรเด้งดี ดังนั้นจึงมีการทดสอบมิติที่สี่ คือ การเด้งดึ๋ง (rebound) ซึ่งเมื่อปล่อยลูกบอลจากที่สูง 2 เมตร ตกกระทบบนแผ่นเหล็กกล้า ลูกบอลต้องเด้งกลับสูง 120-165 เซนติเมตร (ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส) และสูงไม่ต่ำกว่า 120 เซนติเมตร (ที่ 5 องศาเซลเซียส) จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 11:22:47 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เวลาแข่งจริง ลูกบอลที่โดนเตะ โดนเหยียบ โดนโหม่ง กลิ้งและกระเด้งกระดอนไปเรื่อยๆ ตลอดเวลา ย่อมจะมีลมรั่วหนีออกไป จึงต้องมีการทดสอบมิติที่ห้า คือ การสูญเสียความดัน (loss of pressure) อันนี้จะอัดลมลูกบอล 1.0 บาร์ ทิ้งไว้ 72 ชั่วโมง (3 วัน) แล้ววัดใหม่ เกณฑ์ FIFA Approved ระบุว่าต้องมีความดันลดลงไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วน FIFA Inspected ก็ไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 11:23:59 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หากตอนแข่งเกิดฝนตกสนามเฉอะแฉะ นักเตะย่อมไม่ชอบลูกบอลที่ดูดซับน้ำไว้มากเกินไป ดังนั้นจึงมีการทดสอบการดูดซึมน้ำ (water absorption) ซึ่งเป็นมิติที่หก โดยจะวางลูกบอลในอ่างที่มีน้ำสูง 2 เซนติเมตร จากนั้นก็ใช้เครื่องกดนวดลูกบอล (พร้อมๆ กับกลิ้งไปด้วย) ทั้งหมด 250 ครั้ง โดยในการนวดไป-กลิ้งไปแต่ละครั้ง ลูกบอลต้องแบนลงไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ เสร็จแล้วเอาลูกบอลขึ้นมาเช็ดผิวให้แห้ง แล้วนำไปชั่ง หากต้องการ FIFA Approved ต้องมีน้ำหนักเพิ่มไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเอาแค่ FIFA Inspected ก็ยอมให้เพิ่มได้ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 11:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สำหรับมิติสุดท้าย (ซึ่งใช้กับ FIFA Approved เท่านั้น) นั้นคือ อยากรู้ว่า หากลูกบอลถูกเตะไปนานๆ จะยังคง 'รักษาหุ่น' เอาไว้ได้ดีแค่ไหน ในการทดสอบจะอัดลูกบอลกระแทกกับแผ่นเหล็กกล้า 2,000 ครั้ง พอลูกบอลน่วมได้ที่แล้ว ก็จะวัดค่าต่างๆ ได้แก่ เส้นรอบวงต้องเพิ่มขึ้นไม่เกิน 1.5 เซนติเมตร สภาพความกลมเปลี่ยนไม่เกิน 1.5 เปอร์เซ็นต์ และความดันลดลงไม่เกิน 0.1 บาร์ จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 11:25:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12 นี่แหละคือ เกณฑ์มาตรฐานสุดหินของ FIFA ซึ่งลูกฟุตบอลระดับโลก ต้องผ่านให้ได้ หากคิดจะไปโชว์ฟอร์มในสนามแข่ง (และไปวางขายในร้านค้า) ไม่ใช่แค่เอาหน้าม้ามาเชลียร์ก็ใช้ได้แล้ว พูดง่ายๆ ก็คือ "ลูกฟุตบอลดี ต้องมีคุณภาพ ส่วนผู้นำดี ก็ต้องมีคุณธรรม" นั่นเอง (เฮ้ย! เกี่ยวกันได้ไงหว่า?)   จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 11:33:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Deeper Inside ใครสนใจข้อมูลละเอียดกว่านี้ เชิญไปที่ www.SoccerBallWorld.com ซึ่งมีประวัติลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันบอลโลก เกณฑ์การทดสอบของฟีฟ่า และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 11:34:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คำถาม - ใครประดิษฐ์ลูกฟุตบอลยางลูกแรกของโลก ? แต่เดิมนั้น ลูกฟุตบอลทำจากกระเพาะปัสสาวะของหมู ทำให้รูปร่างบูดๆ เบี้ยวๆ ใหญ่มั่ง เล็กมั่ง จนกระทั่งมียอดนักประดิษฐ์คิดค้นยางวัลกาไนซ์ (vulcanized rubber) สำเร็จ และนำวัสดุนี้ไปใช้ประโยชน์อย่างหลากหลาย โดยหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ ลูกฟุตบอลยางลูกแรกของโลกที่อวดโฉมในปี ค.ศ.1855 รู้ไหมว่ายอดนักประดิษฐ์ผู้นี้คือใคร และมาจากไหน (ใบ้ให้นิดหนึ่งว่า ชื่อแรกคือ Charles ส่วนชื่อสกุลเป็นชื่อของยางรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง) จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 11:35:32 ]

ความคิดเห็นที่ 15 โอ้..ขอบคุณครับ ได้ความรู้จริงๆ สงสัยบอลที่ผมเตะอยู่จะไม่ได้มาตรฐานอะไรเลย 555+ จากคุณ : Dr.เต่า - [ 14 มี.ค. 49 11:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เฉลย : ยอดนักประดิษฐ์ลูกฟุตบอลยางลูกแรกของโลกคือ ชาลส์ กู๊ดเยียร์ (Charles Goodyear) ชาวอเมริกัน เกิดที่มลรัฐคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ.1800 จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 11:38:06 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ เมื่อครั้งที่ James Naismith ได้คิดและพัฒนาการเล่นกีฬาบาสเก็ตบอลขึ้นมา เกมบาสฯเกมแรกในประวัติศาสตร์ที่เล่นกันนั้นก็ใช้ลูกฟุตบอลในการเล่น !!!! จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 11:40:59 ]

ความคิดเห็นที่ 18 [ของแถม] มาดูลูกฟุตบอลที่ถูกใช้ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการของมหกรรมฟุตบอลโลกที่ผ่านมากันครับ จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 11:45:44 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Telstar: Mexico, 1970   เป็นฟุตบอลลูกแรกที่เย็บด้วยหนัง 32 ชิ้นเข้าด้วยกัน โดยจะมีหนังรูปห้าเหลี่ยม (Pentagon) สีดำจำนวน 12 ชิ้น เย็บเข้ากับหนังรูปหกเหลี่ยม (Hexagon) สีขาว 20 ชิ้น ซึ่งจะทำให้ได้ลูกฟุตบอลที่มีรูปทรงที่กลมที่สุดได้ ณ. เวลานั้น เจ้าลูกหนัง TELSTAR (Star of Television) สีขาวดำนี้จะสังเกตเห็นได้ง่ายเวลามีการถ่ายทอดสดการแข่งขันผ่านทีวี (บอลโลกปี '70 ที่เม็กซิโกเป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดสดผ่านทีวี) ผมเกิดไม่ทันตอนนั้น คงต้องไปถามเฮียกิมเฮง ว่าได้ดูถ่ายทอดบอลโลกผ่านช่องทีวีขาวดำตอนนั้นหรือเปล่า? แล้วสังเกตเห็นลูกบอลได้ชัดอย่างที่ว่าไว้หรือไม่ แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 49 12:04:09 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 49 12:00:42 จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 11:58:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โอวว สุดยอด จากคุณ : ฝ่ามือไร้ที่ติ - [ 14 มี.ค. 49 12:55:47 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมดูบอลโลกผ่านทีวีครั้งแรกก็ปี 78 แล้ว ตาป๋อง+!!!!!!!!!!!!! จากคุณ : กิมเฮง - [ 14 มี.ค. 49 13:15:18 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมากครับ ยอดเยี่ยม จากคุณ : Sir (alex2000) - [ 14 มี.ค. 49 13:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เยี่ยมมากครับ จากคุณ : death of a salesman (Mesia_82) - [ 14 มี.ค. 49 13:43:39 ]

ความคิดเห็นที่ 24 Telstar Durlast : West Germany, 1974 4 ปีถัดมา ลูกบอล Telstar กลับมาอีกครั้งในบอลโลก 1974 ที่เยอรมันตะวันตก คราวนี้เปลี่ยนนิดนึงตรงโลโก Adidas จากสีทองเป้นสีดำ และยังมีเวอร์ชั่นสีขาวล้วนในชื่อ Chile Durlast อีกด้วย (บอลโลกปี '62 ที่ชิลีมีการใช้ลูกบอลสีขาวล้วน) วัสดุและเทคนิคการผลิตยังคงเหมือนรุ่น Telstar เมื่อปี '70 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 49 13:48:59 จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 13:48:28 ]

ความคิดเห็นที่ 25 Tango Durlast 1978 บอลโลกปี '78 ที่อาร์เจนตินา มาพร้อมกับ Tango ลูกบอลใหม่ดีไซน์เก๋ ซึ่งต่อมากลายมาเป็นลูกบอลดีไซน์สุดคลาสสิคอีกรุ่นหนึ่ง และลายลูกบอล triad ที่ต่อเชื่อมกันทำให้เกิดวงกลมอีก  12 วง ได้ถูกโมดิฟายใช้กันต่อๆมาในทัวร์นาเม้นท์บอลโลกอีก 5 ครั้ง  รวมไปนถึงใช้ในกีฬาโอลิมปิคและฟุตบอลยุโรเปี้ยนคัพ จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 14:01:37 ]

ความคิดเห็นที่ 26 Tango Espana: Spain, 1982   ลูกบอลรุ่น Tango ในเวอร์ชั่นสเปน จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 14:06:24 ]

ความคิดเห็นที่ 27  Azteca: México, 1986 เป็นรุ่นแรกที่ใช้วัสดุโพลียูรีเทน ทำให้กันน้ำและใช้ได้ดีแม้สภาพพื้นสนามที่เปียก จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 14:13:08 ]

ความคิดเห็นที่ 28 Etrvsco Unico -  Italy, 1990 นอกจากถูกใช้ในทัวร์นาเม้นท์บอลโลก 1990 ที่อิตาลีแล้วยังใช้ในทัวร์นาเม้นฟุตบอลยุโรปปี 1992 อีกด้วย Euro Championship". จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 14:18:11 ]

ความคิดเห็นที่ 29 Questra: USA, 1994   มีการเพิ่มชั้นเลเยอร์ของ  polystyrene foam นอกจากช่วยทำให้กันน้ำได้ดีขึ้น ยังช่วยเร่งให้ลูกบอลพุ่งไปได้เร็วขึ้นเมื่อเตะและสมารถคอนโทรลบอลได้ดีขึ้นอีกด้วย จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 14:23:55 ]

ความคิดเห็นที่ 30 Tricolore : France, 1998   ลูกบอลสำหรับฟุตบอลโลกลูกแรกที่ไม่มีเพียงแค่เฉพาะสีขาว-ดำ แต่มาพร้อมกับสีแทนธงชาติฝรั่งเศสทั้งสามสีคือ แดง ขาว น้ำเงิน จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 14:30:08 ]

ความคิดเห็นที่ 31 Fevernova TM: Korea Japan, 2002 ฟีเวอร์โนวา ลูกบอลชื่อเท่ดีไซน์เฉียบจากบอลโลกคราวที่แล้วที่เราคุ้นตากันดี จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 14:42:54 ]

ความคิดเห็นที่ 32 Teamgeist Germany, 2006   แล้วก็มาถึงคราว Teamgeist ลูกบอลที่จะถูกคนทั่วโลกจับตามองในบอลโลกกลางปีนี้ จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 14:45:12 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มาดูกันให้ชัดๆครับ จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 14:48:40 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มาดูคอลเลคชั่นลูกบอลดีไซน์เท่ๆกัน จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 15:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อยากได้ๆๆ (Heidi Klum นะ) จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 15:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ความรู้จริงๆ จากคุณ : Renaissance - [ 14 มี.ค. 49 17:11:52 ]

ความคิดเห็นที่ 37 "ทีมไกส์" นี่เป็นญาติกับ "ทีมไก่" รึเปล่าครับเฮียป๋อง จากคุณ : The Red - [ 14 มี.ค. 49 17:26:45 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ^ ^ OH!!!! ทดสอบลูกบอลผมไม่ค่อยถนัดแต่ถ้าเป็นทดสอบลูกแตงโมนี้ขอให้บอก เอิ๊กๆๆๆ จากคุณ : ThePong+ - [ 14 มี.ค. 49 23:18:57 ]

ความคิดเห็นที่ 40 มาช่วยตาป๋องทำมาหากินยามดึกเสียหน่อย.... Roteiro เป็นลูกฟุตบอลที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแมทช์แบบแท้จริงเลยครับ...... คือแต่ละแมทช์ใน ยูโร 2004 นี่ จะมีเจ้า Roteiro 20 ลูกหมุนเวียนใช้ในสนาม..ที่สำคัญระบุไว้บนลูกบอลเลยครับว่า... ลูกบอลลูกนี้ใช้สำหรับเตะแมทช์ไหน ใครแข่งกับใคร วันที่เท่าไหร่ สนามอะไร ที่เหลือเชื่อก็คือยังบอกเส้นลองติจูด และเส้นละติจูด บริเวณจุดศูนย์กลางที่ตั้งของสนามด้วยนะครับ (เว่อร์ไปป่าวครับ adidas) ด้วยเหตุนี้...ผู้เก็บลูกบอลจากแมทช์ที่เบคแฮมยิงจุดโทษพลาด จึงสามารถนำไปประมูลขายได้เงินอื้อซ่า เนื่องจากข้อมูลบนลูกบอลระบุได้ว่าเป็นของแท้.. จำไม่ได้ครับนัดอังกฤษเจอทีมอะไร.... จากคุณ : กิมเฮง - [ 14 มี.ค. 49 23:31:27 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ความคิดเห็นที่ 37   "ทีมไกส์" นี่เป็นญาติกับ "ทีมไก่" รึเปล่าครับเฮียป๋อง จากคุณ : The Red ----------------- ^ ^^ 555+ มุขเด็ดดีครับ The Red เรียก ลูกบอลทีมไก่ จำง่ายดี เอิ๊กๆๆๆ ขอบคุณเฮียกิมเฮงด้วยครับที่ช่วยกันทำมาหากิน อ้อ รู้สึกว่าลูกบอลที่เบ็คซัดจุดโทษข้ามคานออกไปไกลมากๆ ถูกนักบินอวกาศตามเก็บมาได้แล้วครับ 555 จากคุณ : ThePong+ - [ 15 มี.ค. 49 00:11:29 ]