ความคิดเห็นที่ 1 อาร์เซนอลเลื่อนชั้นได้อย่างไรในปี 1919 เซอร์ เฮนรี่ นอร์ริส ผู้เป็นประธานสโมสรอาร์เซนอล หลังจากประมูลซื้อสโมสร woolwich arsenal ก็ได้พัฒนาให้ทีมเลื่อนชั้นเป็นทีมอาชีพ ด้วยเป้าหมายที่จะให้ลอนดอนเป็นศูนย์กลางของฟุตบอลอาชีพ และเขาก้อได้ย้ายทีม woolwich arsenal นี้มาที่ highbury ซึ่งถือได้ว่าอยู่หน้าประตูบ้านของสเปอร์สเลยนั่นเอง ซึ่งนี่ก้อเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง ความเป็นอริระหว่าง 2 สโมสรนี้ขึ้น เซอร์เฮนรีถูกปฏิเสธ 2 ครั้งจากลีก ครั้งหนึ่งตอนขอรวมอาร์เซนอลกับฟุแล่ม และอีกครั้งคือขอแชร์สนามกับฟุแล่ม ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เค้าต้องการเอาคืนมั่ง การย้ายอาร์เซนอลไปที่ไฮบิวรี่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ถึง £200,000 ซึ่งสูงมากๆ มหาศาลในต้นศตวรรษที่ 20 แต่ไม่นานนักก็เกิดหายนะขึ้น การขยายตัวของฟุตบอลได้หยุดชะงัก รวมถึงการพัฒนาด้านอื่นๆของประเทศด้วยพร้อมกับสงครามโลกที่เริ่มขึ้นในปี 1914 ลีกต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อจัดการแข่งขันให้ครบตามกำหนดการ และหลังจากนั้นลีกก็ต้องหยุดพักไปนั่นเอง แต่นอร์ริสก็ยังคงไม่ลืมเรื่องที่ลีกได้ปฏิเสธเขาถึง 2 ครั้งได้ง่ายๆ ถ้าคุณอ่านประวัติศาสตร์สโมสรอาร์เซนอลคุณจะเจอว่า สโมสรได้เลื่อนชั้นจากดิวิชั่น 2 ขึ้นไปดิวิชั่น 1 ถึงแม้ว่าจะจบฤดูกาลเพียงอันดับที่ 5 ของลีก ก่อนสงครามโลกนั่นเอง แต่คุณคงจะไม่ได้รับคำอธิบายว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร รายละเอียดของเรื่องราวเหล่านี้ได้หายไปตามกาลเวลา และสิ่งที่คุณจะได้พบคือคำว่า ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นตอนนั้น ฟุตบอลลีกในปี 1919 นั้น อาร์เซนอลได้เล่นในดิวิชั่นสูงสุดคือดิวิชั่น 1 ซึ่งกฎที่ให้ 2 ทีมจากดิวิชั่น 2 ได้เลื่อนชั้นมาดิวิชั่น 1 ก็ได้ออกมาเรียบร้อยมาก่อนแล้ว ปัญหาเดียวที่มีคือ อาร์เซนอลจบในลำดับที่ 5 พวกเขาไม่มีสิทธิ์อะไรจะขอเลื่อนชั้นมาดิวิชั่น 1 เลย แต่ว่าในช่วงนั้นพอดี เกิดหลุมอากาศ พอสงครามจบสิ้นลง ลีกได้ตัดสินใจจะขยายดิวิชั่น 1 เพิ่มขึ้นมาอีก 2 ทีม และการเลื่อนขึ้นเลื่อนลงลีกในตอนนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่มีอะไรแน่นอน และนั่นก็เป็นตอนที่นอร์ริสเริ่มแผนการเอาคืนของเขา กฏเกณฑ์เดียวที่มีในตอนนั้นคือให้ทุกสโมสรโหวตตัดสินการขยายลีกว่าจะทำอย่างไร ซึ่งนั่นแหละคือสิ่งที่นอร์ริสต้องการเลย ในการขยายลีกมีหลักการที่สมเหตุสมผลอยู่ 2 อย่างคือ 2 ทีมอันดับสุดท้ายที่ควรจะตกชั้น จะได้อยู่ต่อ หรือ 4 ทีมจากดิวิชั่น 2 จะได้เลื่อนขึ้นมาแทน หรือผสมกันคือ 1 ใน 2 ทีมอยู่ต่อ ทีมที่ 3 เลื่อนขึ้นด้วย แต่ก็ไม่มีใครเคยบอกว่า ลีกมีเหตุผล แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 49 12:51:35 จากคุณ : saf fan - [ 26 เม.ย. 49 12:48:53 ]

ความคิดเห็นที่ 2 การล้มบอล ทีม 5 อันดับแรกในดิวิชั่น 2 คือ Derby, Preston, Barnsley, Wolverhampton Wanderers และ Arsenal และ 2 ทีมที่จะตกชั้นจากดิวิชั่น 1 คือ Tottenham Hotspur และ Chelsea ซึ่งเป็นทีมในลอนดอนทั้งคู่ แต่ในเรื่องราวทั้งหมดก็มีพล็อตเรื่องย่อย  ตลอดปี 1912 มีการกล่าวหากันถึงการล้มบอลตลอดทั้งปี ส่วนมากจากผู้เล่นที่พนันผลการแช่งขันไว้ แต่ผู้ที่รับผิดชอบก็มีอำนาจไม่เพียงพอที่จะจัดการกับเรื่องราวเหล่านี้ ปัญหาเรื่องการล้มบอลจึงกระจายเป็นวงกว้าง ยิ่งจะลงมือ พยายามแก้ไขเรื่องนี้เท่าไร เรื่องก็ยิ่งแดงขึ้นสู่สายตาประชาชน เกิดความไม่พอใจขึ้นอย่างมากมาย ทางที่ดีลีกก็เลยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่ามีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น แต่ก็มี 1 เกมของฤดูกาลก่อนสงครามที่ทำเป็นเมินเฉยไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ เพราะว่าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับได้ประโคมข่าวไปทั่วประเทศ พวกเขาจึงต้องทำอะไรสักอย่าง การล้มบอลนัด แมนยูพบลิเวอร์พูล ซึ่งแมนยูชนะไป 2-0 เป็นคดีทางฟุตบอลคดีแรก ที่ถูกนำไปพิจารณาในขั้นชั้นศาล และศาลสูงก็ได้ตัดสินว่าเกมนั้นมีการล้มบอลเกิดขึ้นจริงๆ ซึ่งจากผลการตัดสินนั้นสร้างความวุ่นวาย และกังวลให้แก่ลีกเป็นอย่างมาก ส่งผลโดนตรงต่อทีมท้ายตาราง ทำให้ไม่ใช่เชลซี และสเปอร์สที่จะต้องตกชั้น แมนยูกับสเปอร์สต่างหากที่ต้องตกแทน  แต่ทว่าก่อนหน้านั้นเชลซีก็พัวพันในคดีล้มบอล ให้ถูกปรับตกชั้นมาก่อนแล้ว ลีกเลยต้องพยายามหาทางออกโดยสั่งให้มีการแข่งใหม่ในเกมที่มีปัญหา แต่ว่ากว่าศาลจะได้ยินการตัดสินใจนี้มันก็สายไปแล้ว ประเทศได้เข้าสู่สงคราม ลีกตั้งหยุดพักการแช่งขันไป ถ้าจะมีการตัดสินใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เกิดความยุติธรรม จะต้องเกิดขึ้นในการประชุมของฝ่ายบริหารลีกในปี 1919 จากคุณ : saf fan - [ 26 เม.ย. 49 12:50:20 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จะขยายลีกอย่างไร ก่อนสงคราม เกมการแข่งขันฟุตบอลมีความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างล้นหลาม และประเทศต้องรอคอยการแข่งขันของกีฬาระดับชาตินี้ถึง 4 ปี  คนจึงอย่างเห็นการเล่นแบบมืออาชีพอีกครั้ง พวกนักฟุตบอลก่อสงครามไม่บาดเจ็บจากสงครามก็แก่เกินไปแล้วที่จะเล่นได้ การขยายลีกจึงได้รับการเห็นชอบจากทุกฝ่าย แต่ว่าก็ไม่มีใครรู้ว่าจะขยายลีกอย่างไรเพราะในแต่ละครั้งที่มีการเพิ่มทีม ก็มีวิธีที่แตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่นหลังฤดูกาล 1891-92 ได้มีการขยายลีก เพิ่มดิวิชั่น 2 ขึ้นมาเป็นครั้งแรก แทนที่ดิวิชั่นใหม่ที่เกิดขึ้นจะมีทีมที่ร่วมการแข่งขันเป็นทีมใหม่ทั้งหมดที่ไม่เคยเล่นในลีกมาก่อน แต่ว่าลีกนี้คงไม่ทำอะไรอย่างนั้นหรอก เพราะ 3 ทีมใหม่ที่ไม่เคยร่วมการแข่งขันเลย ผุดเข้ามา ใน ดิวิชั่น 1 เฉยเลยคือทีม แมนยู นอตติ้งแฮมฟอร์เรสและ เชฟฟิลด์ส เวนด์สเดย์ในขณะที่ ทีมที่เคยเล่นอยู่ในลีกอย่าง ดาร์วิน ถูกเลื่อนให้ตกชั้นลงไปดิวิชั่น 2 (ไม่รู้ว่าลีกท่านเอาอะไรมาตัดสินว่าทีมใหม่อย่างแมนยูจะเหมาะสมที่จะเล่นในดิวิชั่น 1 มากกว่าดาร์วินซึ่งเล่นมาในดิวิชั่นหนึ่งอยู่แล้ว) แต่ทีมในดิวิชั่น 2 ที่เหลือก็มาจากทีมใหม่ทีได้รับเลือกมาทั้งหมด ใน 1894 พวกเขาก็เคยพยายามที่จะโยนทีมอย่างมิดเดิลสโบรห์ที่จบที่ 11 จาก 15 ทีมออกจากลีกมาแล้ว ทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็นเลย แล้ว 14 ทีมที่เหลือกลับไม่โดนอะไรแม้แต่น้อย ในช่วงต้นของการแข่งขันลีกนั้น สโมสรที่จบท้ายตารางของดิวิชั่น 1 จะไม่ได้ตกลงไปยังดิวิชั่น 2 อย่างอัตโนมัติ แต่ว่าจะต้องเลยเกมทดสอบหลายแมตช์กับเกมที่อยู่หัวตารางของดิวิชั่น 2 ทีมที่อยู่ท้ายๆตารางก็จะถูกนำมาพิจารณารวมกันมั่วกับทีมใหม่ บางครั้งเช่นในปี  1899 ทีมที่จบท้ายตารางก็ต้องออกจากหลีก ให้ทีมอื่นมาแทน ในปี 1898 เมื่อลีกเพิ่มจาก 16 เป็น 18 ทีม 2 ทีมท้ายตารางดิวิชั่น 1 ไม่ได้ตกชั้น แต่ 2 ทีมจากดิวิชั่น 2 จะเลื่อนมาเพิ่มแทน แต่ว่าลีกก็ใช่จะมีเหตุผลแบบนั้นเสมอ แบบตอนปี 1905 ดิวิชั่น 2 ขยายเพิ่มเป็น 20 ทีม มี 5 สโมสรใหม่ได้เข้ามาร่วมแข่งขัน แล้ว ดอนคาสเตอร์ก็ต้องถูกโยนออกจากลีก ทั้งๆที่พวกเขายังอยากเล่นอยู่ในลีกเป็นอย่างมาก อาร์เซนอลจบเป็นที่สุดท้ายในฤดูกาล 1913 และต้องตกชั้น ฤดูกาลถัดมา ซึ่งเป็นฤดูกาลฉาวแห่งการล้มบอล พวกเขาก็อดได้เลื่อนขั้นอย่างเฉียดฉิวที่ต้องตัดสินโดยผลต่างประตูได้เสีย และในฤดูกาลก่อนสงครามฤดูกาลสุดท้าย พวกเขาก็จบฤดูกาลในลำดับที่ 5 ในปี 1915 นั้นลำดับตารางของแนนของแต่ละดิวิชั่นเป็นดังนี้ ดิวิชั่น 1 ที่ 18  แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - ได้มีการพิสูจน์ว่าได้ล้มบอลจริง แต่ก็ยังมี 2 แต้มเหนือเชลซี ที่ 19 เชลซี - คาดว่าจะต้องตกชั้น แต่ก็เนื่องจากการล้มบอล ที่ 20 สเปอร์ส - คาดว่าจะต้องตกชั้น เพราะจบที่สุดท้ายของตาราง ดิวิชั่น 2 แชมป์  ดาร์บี้ เคาน์ตี้ - คาดว่าจะได้เลื่อนชั้น รองแชมป์  เพรสตัน นอร์ธเอนด์ - คาดว่าจะได้เลื่อนชั้น ที่ 3  บาร์นสลี่ย์ ที่ 4 วูลเฟอร์แฮมตัน วานเดอร์เรอร์ ที่ 5 เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ที่ 6 อาร์เซนอล จากคุณ : saf fan - [ 26 เม.ย. 49 12:53:23 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อะไรทำให้บอร์ดบริหารของลีกต้องการอาร์เซนอล การประชุมของลีกในเดือนมิถุนายน ปี 1919 นอร์ริสได้แสดงความสามารถที่ทำให้เขาได้รับการแต่ตั้งเป็นอัศวิน ความสามารถที่ทำให้เขาได้จับจองที่นั่งในรัฐสภาของภรรคอนุรักษ์นิยมอย่างเหนียวแน่นออกมา นอร์ริสทราบว่าแผนของเขาจะพังทั้งหมดถ้าพูดถึงเรื่องการนำอาร์เซนอลเลื่อนชั้นมาเร็วเกินไป เขาคิดว่าโอกาสเดียวที่อาร์เซนอลจะได้เลื่อนชั้นคือเป็นทีมสุดท้ายถ้ามาโควต้าเหลือ แต่ทว่าก็ยังมีทีมอื่นที่เหมาะสมกว่าอาร์เซนอลอีกที่ควรจะได้เลื่อนชั้นมากกว่า เขาจึงเริ่มไปสนับสนุนทีมอื่นที่ต้องการรักษาที่นั่งของตนในดิวิชั่น 1  ขั้นแรก เขาแสดงความไม่เห็นด้วยต่อกรณีของเชลซี ที่ถูกปรับตกชั้นจากการล้มบอล เราจำเป็นต้องทำ ต้องเป็นเชลซีนี่แหละที่จะทำให้เกิดความวุ่นวาย สับสนในกระบวนเลื่อนชั้นอีกครั้ง ต้องเป็นเชลซี ต่อมานอร์ริสก็แสดงความสนับสนุน ดาร์บี้และเปรสตัน  เขาไม่มีข้อขัดแย้งใดๆที่จะห้ามไม่ให้ 2 ทีมที่ได้คะแนนมากที่สุดในดิวิชั่น 2 ได้เลื่อนชั้นขึ้นไป ในเมื่อเชลซีจอง 1 ที่นั่งจาก 4 แล้ว  อีก 2 ทีมนั้นก็อีก 2 ที่นั่ง คราวนี้ก็เหลือที่นั่งนึงสำหรับดิวิชั่น 1 ฤดูกาลใหม่ 2 ทีมคือดาร์บี้กับเปรสตัน มีสิทธิ์เต็มที่สำหรับที่นั่งในลีกใหม่  แต่สเปอร์สก้อสามารถอ้างได้ว่าเชลซียังไม่ตกชั้น แล้วทำไมพวกเขาจึงต้องตกชั้นด้วย และก็ยังมีบาร์นสลี่ย์ที่ก็มีสิทธิ์ในที่นั่งที่เหลือเนื่องจากได้ที่ 3 ในลีกดิวิชั่น 2 ณ จุดนี้ นอร์ริสได้เดินเกมอย่างชาญฉลาดตามแผนของเขา พบปะกับทีมอื่นๆมากมายเพื่อให้เห็นด้วยกับประเด็น 3 ประเด็นที่เขาได้เสนอไป และให้ "ลิเวอร์พูล" เป็นตัวแทนเสนอให้ว่า ทีมที่ควรได้ที่นั่งสุดท้ายนั้นคือ "อาร์เซนอล" ความจริงที่ว่าลิเวอร์พูลเป็นผู้เสนอชื่อ ช่วยอาร์เซนอลนั้นอาจน่าประหลาดใจ มันไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่ามันมีความจริงซึ่งเลี่ยงไม่ได้เรื่องนึงว่า ลิเวอร์พูลมีส่วนพัวพันกับการล้มบอล ไม่มีใครอยากจะนึกถึงเลย การที่ลิเวอร์พูลจะถูกไล่ออกจากลีกพร้อมกับแมนยู เชลซีถูกปรับตกชั้น  นอร์ริสจึงเป็นที่รู้กันทั่วไปในวงการว่าเป็นคนชักใยบงการเรื่องทั้งหมด ลิเวอร์พูลมีทุกเหตุผลที่ควรจะต้องฟังทุกคำที่นอร์ริสพูด กลัวว่าถ้านอร์ริสโกรธขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น เราคงจินตนาการไม่ยากหรอกว่านอร์ริสจะพูดข่มขู่ว่า "จริงๆแล้วผมสามารถทำให้แมนยูกับลิเวอร์พูลเด้งออกจากลีกหรือเด้งไปดิวิชั่น 2ได้ แต่ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำหรอก " นอร์ริสได้ออกตัวช่วยลิเวอร์พูลในเรื่องนี้ ให้พวกเขารอดพ้นจากการตกชั้น ที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่น่าเชื่อถือมีเกียรติในสังคมเป็นอย่างมาก เรื่องนี้จึงไม่ยากเลยสำหรับเขา และเขาก็ได้พูดสนับสนุนในกรณีของเชลซีอีกด้วย ส่วนดาร์บี้และเปรสตันก็ไม่อยากจะรู้เห็นกับเรื่องเหล่านี้อยู่แล้วตราบใดที่พวกเขายังคงได้เลื่อนชั้น หลังจากนั้น ลิเวอร์พูลก็ได้เสนอกรณีของอาร์เซนอลขึ้นมาในบอร์ดที่ประชุม ที่จริงแล้ว มันเป็นกรณีที่ไร้กรณีมากกว่า ไม่มีเหตุผลใดที่จะสนับสนุนได้ว่าอาร์เซนอลควรเลื่อนชั้นเลย ยกเว้นนอร์ริสได้เตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เชลซี เปรสตัน ดาร์บี้ ยกมือให้ขอเสนอของนอร์ริสแน่นอน เพราะนอร์ริสกำลังเจรจาสิ่งที่จะนำมาสู่ผลประโยชน์ของพวกเขา (ถึงแม้ว่านอรริสจะไม่ได้เป็นพันธมิตรกลับสโมสรเหล่านี้เลยก็ตาม เพราะเขายังเป็นผู้อำนวยการของฟุแล่มอยู่ ซึ่งคู่อริสำคัญของฟุแล่มก็คือเชลซีนั่นเอง และกรณีของอีก 2 ทีม นอร์ริสก็พยายามจะทำลอนดอนแข่งกับทีมจากตอนเหนือเสมอมา) ถึงแม้ว่ายังไม่มีหลักประกันใดๆที่จะรับรองให้ทีมที่ควนจะตกชั้น ได้อยู่ต่อ ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ 3 เสียงจาก 3 สโมสรเหล่านี้ รวมทั้งเสียงสนับสนุนจากแมนยูและลิเวอร์พูลซึ่งนอร์ริสสัญญาว่าจะรื้อเรื่องล้มบอลพวกนี้ทิ้งไปถ้าอาร์เซนอลได้รับเลือก  และนั่นก็รวมเป็น 5 เสียง รวมกับอีกเสียงหนึ่งซึ่งไม่ต้องคิดเลย อาร์เซนอลยกมือโหวตให้ตัวเอง รวมกับเสียงสนับสนุนจากทีมอื่นๆ ที่โล่งใจที่อาร์เซนอลสนับสนุนลีกระดับชาติ เพราะว่าเมื่อก่อน วูลวิช อาร์เซนอลพยายามจะทำให้เกิดลีกสำหรับทีมทางใต้แยกขึ้นมา การที่อาร์เซนอลพยายามจะเข้าร่วมลีกระดับประเทศ ก็ทำให้ที่ทั้งจากแลงคาไชร์ และ ยอร์กไชร์ซึ่งอยู่ทางเหนือดีใจที่จะทำให้พวกเขาไม่เสียลีกระดับชาติไป สุดท้ายนอร์ริสก็ได้งัดไม้ตายออกมาต่อสู้กับลีก คือ ไฮบิวรี่ ลีกไม่สามารถปฏิเสธนอร์ริสได้ ด้วยความที่เขาถูกลีกปฏิเสธมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ก็จงรักภักดีอยู่ รวมทั้งการทำการประมูลไฮบิวรี่จากลีก ทำให้อาร์เซนอลต้องย้ายไปอยู่หน้าประตูบ้านสเปอร์สแทนที่จะย้ายไปส่วนอื่นของลอนดอนที่ยังไม่มีทีมใดจับจอง ครั้งนี้เขาควรจะได้อะไรตอบแทนบ้าง ถ้าไม่เช่นนั้นลีกยังจะต้องการอะไรจากอาร์เซนอลให้ช่วยอีก การเจนจาได้ผ่านพ้นไป ลีกได้ตัดสินให้สเปอร์สตกชั้นไปเล่นดิวิชั่น 2 โดยไม่ต้องทบทวนอะไรให้ยุ่งยากเลย สาเหตุจริงๆที่ลีกขอให้อาร์เซนอลย้ายมาไฮบิวรี่ซึ่งอยู่ใกล้กับสเปอร์สในระยะ 3 ไมล์ให้ได้คือ ต้องการให้ไปถ่วงดุลอำนาจสมาคมยิวที่ชักใยอยู่แถวนั้น ด้วยเสียง 6 เสียงที่มีอยู่ก่อนแล้ว รวมกับเสียงอื่นๆที่มาทีหลัง อาร์เซนอล ท่ามกลางเสียงต่อต้านทั้งหลาย ก็ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่ดิวิชั่น 1 และอาร์เซนอลก็ไม่เคยที่จะทำให้ลีกผิดหวัง สโมสรแห่งนี้ไม่เคยตกชั้นเลยนับตั้งแต่นั้นเป็นค้นมา และเป็นเจ้าของสถิติ การเล่นอยู่ในลีกสูงสุดนานที่สุด แบบไม่มีสโมสรไหนมาทาบรัศมีได้ แต่ว่า เหตุการณืเช่นนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแล้ว  F.A., ลีก, UEFA และ FIFA ได้ดูแลอย่างใกล้ชิด และทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความถูกต้องและยุติธรรม นี่เป็นความจริงของประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลอังกฤษที่ไม่มีใครอยากจะขุดคุ้ยเล่าต่อ จากคุณ : saf fan - [ 26 เม.ย. 49 12:55:46 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณครับ...ลงชื่อไว้ก่อนเดี๋ยวจะมาอ่านต่อครับ... จากคุณ : Muyan - [ 26 เม.ย. 49 13:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณจขกท. มากครับ จากคุณ : A.R.T. - [ 26 เม.ย. 49 13:29:21 ]

ความคิดเห็นที่ 7 น่าสนใจมากเลยครับ.. ถ้ามีเวลาว่างๆ คุณ saf fan น่าจะนำเรื่องราวของไฮบิวรี่ มารำลึกด้วยนะครับ เพราะเวลาพักผ่อนชั่วนิรันดร์ของ ไฮบิวรี่ มาถึงแล้ว จากคุณ : กิมเฮง - [ 26 เม.ย. 49 13:30:23 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เชียร์อาเซนอลมาตั้งหลายปีพึ่งจะรู้เบื้องหลัง วันนี้เอง จากคุณ : apace - [ 26 เม.ย. 49 13:42:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โอ้.... จากคุณ : คนน่ารักมึนตึบ - [ 26 เม.ย. 49 13:45:22 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณมากครับ ข้อมูลน่าสนใจมากๆ ที่สำคัญ อาเซน่อลเป็นทีมที่ไม่เคยตกชั้นอีกเลย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 49 14:11:34 จากคุณ : เอ็ม เชียงใหม่ - [ 26 เม.ย. 49 14:09:15 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อืม...........มันเป็นอย่างนี้นี่เอง จากคุณ : sandro botticelli - [ 26 เม.ย. 49 14:18:28 ]

ความคิดเห็นที่ 12 และจะพยายามเป็นทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดให้มากที่สุดอีกด้วย จากคุณ : Mr.Ball ณ ไฮบิวรี่ - [ 26 เม.ย. 49 14:38:02 ]

ความคิดเห็นที่ 13 น่าเอาไปทำหนัง the insider หรือ the godfather ภาค FA จากคุณ : นายไผ่ - [ 26 เม.ย. 49 15:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เครียดจัง จากคุณ : wi_pae - [ 26 เม.ย. 49 15:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สุดยอดมากครับ ขอบคุณครับ (^ ^ ~ จากคุณ : Icke - [ 26 เม.ย. 49 16:10:03 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เยี่ยมครับ เจ้าของกระทู้ จากคุณ : กลิ่นลำดวนตรอมตรมจมอุรา - [ 26 เม.ย. 49 17:10:35 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นเบื้องหลังที่อีกหลายคนไม่เคยรู้..... ผมเองถึงจะรู้มาแล้วก็จริง แต่ก็ยอมรับว่า ไม่เคยได้มีโอกาสอ่านเนื้อหาโดยละเอียดอย่างนี้มาก่อนเช่นกัน.... อีกเรื่องนึง อยากขอชมเจ้าของกระทู้ด้วยใจจริงว่า เรื่องทำนองนี้ ถ้าเป็นอีกหลายๆ คน และที่สำคัญ ถ้ามันเกี่ยวกับทีมที่ตัวเองเชียร์ ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครกล้ายกขึ้นมาเขียนให้คนอื่นอ่านอย่างนี้ เพราะมันหมิ่นเหม่กับการล่อเป้าทีมตัวเอง เหมือนกับการทุบหม้อข้าวเลยก็ว่าได้....แต่เจ้าของกระทู้กล้าทำ และมันก็สมควรยิ่งที่จะทำให้หลายๆ คนได้มีโอกาสรับรู้กับตำนานบทนี้ ก่อนที่มันจะปิดฉากลงในห้วงเวลาหนึ่ง.....และเป็นการเขียนโดยที่ไม่ได้คำนึงว่า นับแต่นี้ไปจะมีใครยกเอาเรื่องนี้มาค่อนขอดทีมเราด้วยหรือไม่......ความจริงก็คือความจริงครับ.... และสำหรับแฟนสเปอร์ (ที่อังกฤษ) บทความนี้เป็นการเฉลยว่า เหตุใด แฟนระหว่าง 2 สโมสรนี้ ถึงมีเรื่องบาดหมางกันรุนแรงมาเนิ่นนาน นี่แหละครับสาเหตุใหญ่ที่ผมรู้มานานแล้ว แต่ไม่สามารถค้นหาแหล่งข้อมูลที่มันชัดเจนลึกซึ้งอย่างนี้มาเขียนให้อ่านกันได้ จำได้แต่ว่า เคยสรุปสั้นๆ ไว้ในกระทู้นึง นานมาแล้ว (ตั้งแต่สมัยที่ยังทำกระทู้พรีวิวอยู่...ซึ่งหลายปีพอดู) ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากๆ เลยครับ จากคุณ : Grand Gunner - [ 26 เม.ย. 49 18:04:29 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อืมเชียมาตั้งนานพึ่งจะรุความจริงขอบคุณ จขกท.มากนะครับ จากคุณ : Vaffancuro - [ 26 เม.ย. 49 19:00:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 วันหลังจะนำประวัติ เบื้องลึกแบบนี้ของไฮบิวรี่มาเล่าให้ฟังค่ะ ประวัติที่เป็นความจริงแบบที่หาอ่านไม่ได้ในเว็บสโมสร อยากให้ช่วยกันทำกระทู้ส่งท้ายไฮบิวรี่ดีสักอัน ก่อนพวกเราจะลาสนามแห่งนี้ตลอดไป จากคุณ : saf fan - [ 26 เม.ย. 49 20:38:38 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากครับ เชียร์มาเป็นค่อนชีวิตก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าทีมเราเกลียดสเปอร์สุดก็ด้วยเหตุการ์ณตั้งแต่โบราณกาลละครับ มีเรื่องลึกๆเกี่ยวกับปืนอีกก็เขียนอีกนะครับ :) จากคุณ : defeho - [ 26 เม.ย. 49 21:14:18 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เข้ามาอ่าน ขนลุกเลยครับ ขอบคุณครับ Together Gunner Skywalker จากคุณ : Gunner_Noy_Skywalker_5 - [ 26 เม.ย. 49 23:28:01 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สุดยอดครับ จขกท. จากคุณ : il giallorossi - [ 27 เม.ย. 49 00:13:06 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เบื้องหลังชื่อล็อกอินของเรา มันเป็นแบบนี้นี่เอง..มาเฟียจริงๆเลยเนอะ ขอบคุณที่เอามาให้อ่านค่ะ จากคุณ : ปืนใหญ่ที่ไฮบิวรี่ - [ 27 เม.ย. 49 01:39:30 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากครับ  มันส์กว่า CSI หลายเท่านิ จากคุณ : Jewel of the Niles - [ 27 เม.ย. 49 07:40:28 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณงามงามแด่เจ้าของกระทู้ครับ............ ขอชมว่าเขียนหนังสือจากข้อมูลต่างประเทศได้ราบรื่น............ไม่ติดกลิ่นนมเนย.............สำนวนมืออาชีพ........... น่าชวนมาเป็นนักแปล(อด ๆอยาก ๆ) อย่างผมอีกสักคน............ จากคุณ : 190อีสีขาว - [ 27 เม.ย. 49 12:35:04 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอชมด้วยครับ ว่าเนื้อหาดีจริงๆ แต่ไม่เห็นด้วย กับ คห. 25 ที่ว่าสำนวนไม่ติดกลิ่นนมเนย  คือ...เนี่ย สำนวนฝรั่งแทบทุกประโยคเลยอะครับ เหมือนอ่านงานของพวกสยามกีฬาเลย อิอิ ถ้าไม่รบกวนมากไป ช่วยลงลิ้งค์ของที่มาได้ป่าวคับ อยากอ่านต้นฉบับมากๆ จากคุณ : แปลได้ดีครับ (อคัมย์สิริ) - [ 27 เม.ย. 49 17:44:39 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เยี่ยมครับ... จากคุณ : Liverpool Forever - [ 28 เม.ย. 49 10:49:43 ]

ความคิดเห็นที่ 28 #26 ถูกต้องครับ.....สำนวนการแปลยังคงเรียกได้ว่า แปล เพราะถ้าจะให้คุ้นหูคนไทยอย่างเราๆ จำเป็นต้องเรียบเรียงอีกพอสมควร จนอาจจะต้องตัดหรือเปลี่ยนบางคำ ที่ไม่ตรงตามรากศัพท์ที่ใช้ (อันนี้เดาเอาจากรูปคำที่เห็นนะครับ ไม่ได้เห็นต้นฉบับ) คือถ้าน้องเอามาเกลาอีกหน่อยจะสละสลวยขึ้นกว่านี้นะ จากคุณ : Grand Gunner - [ 28 เม.ย. 49 13:32:22 ]