หลังจากที่รอคอยมานานถึง 12 ปี ในที่สุดอิตาลีก็สามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกจนได้ หลังจากที่ 2 ครั้งล่าสุดต้องตกรอบตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้าย (ปี 1998 แพ้จุดโทษเจ้าภาพฝรั่งเศส) และรอบ 16 ทีมสุดท้าย (ปี 2002 แพ้โกลเด้นโกล์เจ้าภาพเกาหลีใต้ 1 - 2) และในปีนี้หลังจากโชว์ฟอร์มเยี่ยมในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในรอบรองฯ เราก็จะเข้าไปเจอกับเจ้าภาพอีกครั้ง ...
เกมนี้ลิปปี้กลับมาใช้ระบบการเล่น 4-4-1-1 อีกครั้ง หลังจากที่เคยใช้ระบบนี้ในการเล่นกับเช็ก ในรอบแรกนัดสุดท้าย โดยให้ต๊อตติกลับมาเป็นตัวจริงแทนเดล ปิเอโร่ และให้โทนี่ยืนเป็นกองหน้าคนเดียว ส่งคาโมราเนซี่ลงมาลากเลื้อยทางกราบขวาของสนาม และบาร์ซาญี่ที่ได้ลงเล่นแทนเนสต้าและมาเตราซซี่ที่ไม่สามารถลงสนามได้ ...
- - - - - - - - - - - - - - - - - Buffon - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
- - - Zambrotta - - - Barzagli - - - - Cannavaro - - - Grosso - - -
- - - - Camoranesi - - - Gattuso - - - - Pirlo - - - - Perrotta - - - -
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - Totti - - - - - - - - - - - - - - - - - -
- - - - - - - - - - - - - - - Toni - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เริ่มเกมอิตาลีทำได้ดีมาก มีโอกาสก่อนจากการยิงของคาโมราเนซี่ แต่ยังไม่ตรงกรอบ และในนาทีที่ 6 ซามบร็อตต้าก็ทำชิ่งกับต๊อตติก่อนที่จะยิงด้วยซ้ายบริเวณ 25 หลา ส่งบอลพุ่งเข้าไปทางเสาแรกอย่างสวยงาม แม้ชอฟคอฟสกี้จะปัดได้ แต่ด้วยความแรงทำให้บอลเสียบเสาเข้าไป อิตาลีออกนำไปอย่างรวดเร็ว 1 - 0 เมื่อโดนนำเร็วยูเครนต้องเปลี่ยนแท็กติกโดยเร็ว โดยบล็อกกิ้นส่งโวโรเบ กองหน้าอีกคนของทีมลงมาเล่นแทนสวิเดอร์สกี้ แต่ก็ไม่เป็นผล แม้จะมีโอกาสยิงจากเชฟเชนโก้ ที่ส่งบอลไปฉแลบขาคันนาวาโร่ แต่บุฟฟ่อนก็ยังไม่พลาดตะครุบเอาไว้ได้ที่เสาแรก ทำให้จบครึ่งแรกอิตาลีออกนำยูเครนไปก่อน 1 - 0 ...
ครึ่งหลังยูเครนเร่งเครื่องเดินหน้าเข้าใส่อิตาลีอย่างหนัก มีโอกาสหลายครั้งจากกูสเซฟ , คาลินิเชนโก้ แต่บุฟฟ่อนก็ยังโชว์ฟอร์มยอด เซฟเอาไว้ได้ทั้งหมด และในนาทีที่ 59 จากจังหวะสวนกลับอิตาลีก็มาได้ประตูนำ 2 - 0 เมื่อต๊อตติเปิดจากกราบซ้ายมาให้โทนี่พุ่งโขกเข้าไปทางเสาสอง นับเป็นประตูแรกในฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายของหัวหอกดาวซัลโวฟุตบอลยุโรปปีล่าสุด ...
ยูเครนน่าจะได้ประตูตีไข่แตก แต่ลูกโหม่งของกูสซีนไปชนคาน ทั้งๆ ที่บุฟฟ่อนได้แต่ใช้สายตาเซฟแล้ว และอิตาลีก็มาได้ประตูปิดฝาโลงในนาทีที่ 69 เมื่อซามบร็อตต้าล้มตัวแทงบอลทะลุช่องเข้ามาให้โทนี่ที่ยืนแปโล่งๆ หน้าประตูเข้าไป อิตาลีทิ้งห่าง 3 - 0 หลังจากนั้นอิตาลีก็เน้นเกมรับ ส่งกองหลังที่ตัวที่มีอยู่ลงสนาม ยูเครนเองก็ไม่สามารถเจาะแนวรับของอิตาลีได้ จบเกมอิตาลีจึงเอาชนะยูเครนไปได้อย่างสวยงาม 3 - 0 พร้อมผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับเจ้าภาพเยอรมันต่อไป ...
.
.
ยอดเยี่ยมครับ ฟอร์มการเล่นของนักเตะอิตาลีในเกมนัดนี้ ทุกคนแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะผ่านเข้ารอบต่อไป นักเตะหลายคนที่เล่นได้ดีมาตั้งแต่นัดแรกๆ ก็ยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นบุฟฟ่อนหรือคันนาวาโร่ ที่แฟนอิตาลีหลายๆ คน ยกให้เป็นเทพเป็นเทวดากันไปแล้ว 555 ยังยืนยันครับว่ารู้สึกดีใจมากๆ ที่บุฟฟ่อนหายจากอาการบาดเจ็บกลับมาช่วยทีมได้ทันเวลา ดูเหมือนว่าในทัวร์นาเมนต์นี้เขาจะมีสมาธิและความตั้งใจสูงมาก ดูมา 5 นัดความผิดพลาดแทบไม่มีให้เห็น เลิกเถียงกันได้แล้วว่าใครคือผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้ ถ้าตำแหน่งผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมเซเรีย อา 6 สมัยติดต่อกันยังไม่สามารถยืนยันได้ ก็ดูฟอร์มของเขาในทัวร์นาเมนต์นี้ก็แล้วกัน ...
รวมไปถึงคันนาวาโร่และซามบร็อตต้า อีก 2 ผู้เล่นม้าลาย ยูเวนตุส (แหม พิมพ์ไปเขินไป ไม่ได้ยกยอปอปั้นทีมเชียร์ตัวเองนะครับ 555) ที่ยังเล่นได้อย่างแข็งแกร่งมาตลอด และนัดนี้ซามบร็อตต้าก็ยิงประตูแรกในฟุตบอลโลกของเขาได้เช่นกัน จังหวะที่บอลออกจากเท้าของเขาแล้วกระทบตาข่ายนั้น ผมร้องเสียงหลงเลย เพราะอะไร ก็เพราะว่านานทีปีหนเขาจะมีชื่อเป็นผู้ทำประตูน่ะสิครับ ดูจากสถิติ ที่เขายิงให้อิตาลี ประตูนี้เป็นเพียงประตูที่ 2 เท่านั้นจากการเล่นทีมชาติ 56 นัด และยิ่งมาดูสถิติการทำประตูของเขาในสีเสื้อของยูเว่ด้วยแล้ว ประตูสุดท้ายของเขาต้องย้อนไปเมื่อฤดูกาล 2003 - 04 เลยทีเดียว โดยปีนั้นเขาก็ยิงแค่ประตูเดียวเท่านั้นด้วย ฟอร์มในนัดนี้ของเขาเยี่ยมยอดมาก ทั้งรุกและรับ ผมยกให้เขาเป็น MOM. ของนัดนี้เลยครับ แม้ทางฟีฟ่าจะประกาศให้กัตตูโซ่ได้รับตำแหน่งนี้ก็ตาม ...
แดนกลางยังคงทำหน้าที่ได้เยี่ยม คู่หูจากมิลาน ทั้งปิร์โล่และกัตตูโซ่ ปิร์โล่นัดนี้เขาดูจะเติมเกมบุกเยอะกว่านัดที่ผ่านๆ มา คงเพราะปล่อยหน้าที่ในการตัดเกมให้กับกัตตูโซ่และแปร์ร็อตต้า ส่วนกัตตูโซ่ก็ยังคงวิ่งไล่บดบี้คู่แข่งได้อย่างลืมเหนื่อย โดนคู่แข่งเหยียบเข้าไปแล้ว แป๊บเดียวก็ลุกขึ้นมาวิ่งไล่ได้ต่อ เสียวก็แค่เขามีใบเหลืองติดตัวมาจากรอบที่แล้วนั่นแหละครับ กลัวว่าจะพลาดไปโดนอีกใบเข้า แต่สุดท้ายแล้วก็รอดมาได้ นัดหน้ายังคงได้ลงไปซ่าในสนามตั้งแต่นาทีแรกต่อไป ...
แนวรุกต๊อตติแม้จะไม่มีสกอร์ในนัดนี้ แต่ผมว่าเขาเริ่มปรับเข้าสู่ระบบทีมได้แล้ว มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์เกมอย่างมาก ทั้งเลี้ยงทั้งจ่าย แม้บางจังหวะจะเสียวแทนเขาที่ครองบอลนานๆ เรียกให้คู่ต่อสู้มาไล่หวดก็ตาม ทางด้านโทนี่ ในที่สุดเขาก็ทำประตูได้เสียที และผมก็คิดว่าลิปปี้คงจะมองเห็นอะไรบางอย่างจากการลงสนามในนัดนี้แล้ว โทนี่ควรจะเล่นหน้าคนเดียวมากกว่า อย่างในตอนที่เล่นให้กับฟิออเรนติน่า ส่วนใหญ่เขาก็เล่นหน้าตัวเดียว โดยมีมอนโตลิโว่ , ฟิออเร่และยอร์เกนเซ่นสนับสนุนเกมรุกอยู่ด้านหลัง นานๆ ครั้งปรันเดลลี่ถึงจะส่งโบยินอฟหรือปาสซินี่ลงมาเล่นคู่กับเขา และยิ่งลักษณะการเล่นของเขาคล้ายคลึงกับจิลาร์ดิโน่เป็นอย่างมาก จึงไม่เหมาะที่ทั้งคู่จะลงไปเล่นด้วยกัน ...
ผมยอมรับนะว่าก่อนฟุตบอลโลกครั้งนี้จะเปิดฉากขึ้น กับทีมชาติอิตาลีชุดนี้ผมหวังไว้แค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ถ้าทะลุเข้าไปได้ลึกกว่านี้ถือว่าเป็นโบนัส แต่ความเป็นจริงในปัจจุบัน ถ้าจะบอกว่าผมยังไม่ลุ้นถึงตำแหน่งแชมป์ก็เป็นการโกหกตัวเองเกินไป อีกแค่ 2 ก้าวสำคัญเท่านั้นเราจะได้ฉลองกันแล้ว ลึกๆ แล้วแฟนอิตาลีทุกคนก็ต้องหวังล่ะครับ แต่ก้างชิ้นโตที่ขวางทางเราอยู่ข้างหน้ากลับกลายเป็นเจ้าภาพเยอรมันแทนที่จะเป็นอาร์เจนติน่านี่สิที่น่ากลัว ...
ไม่รู้ว่ามีใครได้สังเกตรึยัง อย่างที่ผมพิมพ์ไว้ตั้งแต่ช่วงต้นกระทู้แล้ว ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 ครั้งล่าสุด อิตาลีมีอันต้องตกรอบกลับบ้านด้วยฝีเท้าของเจ้าภาพมาโดยตลอด ในปี 1998 พบกับเจ้าภาพฝรั่งเศส ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในเวลา 120 นาทีเสมอกัน 0 - 0 และอิตาลีก็แพ้จุดโทษไป 3 - 4 ต่อมาในปี 2002 พบกับเจ้าภาพเกาหลีใต้ และอิตาลีก็ต้องมาแพ้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1 - 2 จากประตูทองของอาห์น จุง วาน ...
ผมไม่ได้บอกว่ากลัวอาถรรพณ์ตรงนี้จะย้อนกลับมาเล่นงานอิตาลีอีกหรอกนะครับ แต่ที่กลัวก็คือความแข็งแกร่งของเจ้าภาพเยอรมันน่ะสิครับ ทีมอะไรยิ่งเล่นยิ่งดี กำลังใจของทีมเยอะมากๆ ถ้ายังไม่หมดเวลา ถึงจะตามอยู่ก็จะสู้จนนาทีสุดท้าย สปิริตของทีมสูงมาก และยิ่งต้องเจอกับกองเชียร์นับหมื่นนับแสน ที่คอยส่งเสียงเชียร์อีก งานนี้เรียกว่าอิตาลีเหนื่อยมากๆ ทีเดียว แต่ก็อย่างว่าแหละครับ มาจนถึงจุดนี้แล้ว ยังไงก็ต้องสู้ ถ้าผ่านเยอรมันเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้แล้วล่ะก็ คงไม่ต้องกลัวทีมใดอีกแล้ว และเยอรมันเองก็คงมีความยำเกรงอิตาลีเช่นเดียวกัน น่าติดตามมากๆ ครับเกมคู่นี้ อาจจะสนุกกว่านัดชิงฯ ก็เป็นได้นะเออ ใครจะไปรู้ ...
ยังไงก็เอาใจช่วยกันต่อครับ ใกล้ถึงจุดหมายแล้ว Forza Italia Forza Azzurri !!! ...
จากคุณ :
pinturicchio boy
- [
1 ก.ค. 49 20:01:04
]