CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ๑๑.. ไหนลองสะกดคำว่า " ครอบครัว " ซิ ..๑๑

    ๑๑.. ไหนลองสะกดคำว่า " ครอบครัว " ซิ ..๑๑



    หมายเหตุ :

    Base on lie story
    งานเขียนชิ้นนี้สร้างจากเรื่องโกหกทั้งเพ



    คุณมีครอบครัวไหม?


    ...ผมไม่มี


    คุณเคยเห็นหน้าพ่อไหม?


    ...ผมไม่เคย


    คุณเคยได้กอดแม่ไหม?


    ...ผมอยากมีโอกาสนั้นสักครั้งในชีวิต



    ย้อนไปเมื่อสิบปีก่อน เด็กผู้ชายอายุสิบสี่คนนึง กำลังนั่งมองเพื่อนๆวิ่งไล่ฟุตบอลกันอย่างสนุกสนาน เหตุผลที่เขาไม่ลงไปเล่นด้วยเหมือนทุกวัน ก็คือไม้เท้าที่นอนสงบอยู่ข้างๆ รอเวลาที่จะใช้งานหากเขาต้องการเดินไปไหนมาไหน


    ใช่... เขาเพิ่งประสบอุบัติเหตุ กระดูกหัวเข่าแตก และต้องตัดเอ็นไขว้รูปกากบาทที่หัวเข่าทิ้งไปเส้นหนึ่ง


    ขาซ้ายที่เขาเคยภาคภูมิใจ ตอนนี้มันกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เขาปวดใจ


    เขาเคยเป็นนักกีฬาโรงเรียน เคยเป็นปีกซ้ายของทีม เคยเป็นตัวเปิดบอลให้กับเพื่อนๆ แต่ตอนนี้แม้แต่จะถอดกางเกง ก็ยังต้องเรียกให้คนช่วย


    นึกถึงคำพูดของตา ตาชอบดูมวยมาก เคยอยากให้เขาเป็นนักมวย ตาบอกว่าคนถนัดซ้ายจะต่อยมวยเก่ง ได้เปรียบคู่แข่ง ถนัดซ้ายเขาเรียกเซาท์โปล ถนัดขวาเรียกออโธด็อกซ์


    เขาบอกตาว่า ที่ถนัดไม่ใช่มือซ้าย แต่เป็นเท้าซ้าย ตาเลยบอกว่า งั้นคงต้องเป็นนักฟุตบอล เพราะในสนามหญ้า เท้าซ้ายเท่านั้นที่ครองโลก


    เขาเล่นฟุตบอลตั้งแต่ประถม แต่ก็ไม่เคยมีรองเท้าสตั๊ด เขาขยันฝึกซ้อม ซ้อมหนักและกลับบ้านเป็นคนสุดท้ายทุกครั้ง



    บ้าน?

    สิ่งนั้นไม่ได้เรียกว่าบ้าน ถ้าจะเรียกว่าที่ซุกหัวนอนก็คงใช่ ...ถ้าเป็นบ้าน มันต้องมีอะไรมากกว่านี้


    ต้องมีพ่อ มีแม่


    แต่มันไม่มีสักอย่าง...


    ตาเป็นคนนครสวรรค์ ตาไม่ชอบอยู่ไกลบ้าน ตาอายุมากแล้ว มาเยี่ยมลูกที่กรุงเทพก็ไม่อยากอยู่นาน กลัวจะเจ็บจะไข้ ประเดี๋ยวจะไม่ได้ตายที่นครสวรรค์ ตาอยากตายที่บ้านเกิดมากกว่า


    ตามาอยู่เป็นเพื่อนหลานได้นานๆหน ปีหนึ่งจะมาสักสองครั้ง ตามีลูกสิบสองคน มีหลานเกือบสี่สิบคน แต่ตาสงสารหลานคนนี้มากที่สุด หลานคนที่ไม่เคยเห็นหน้าพ่อ หลานที่ไม่ได้อยู่กับแม่


    ตาบอกว่าให้ทนอยู่ไป อย่างน้อยเขาก็ญาติเรา ดีร้ายเขาก็คงไม่เอาเราไปต้มยำทำแกง เก็บน้ำตาเอาไว้ ประเดี๋ยวพอโต เราก็ดูแลตัวเองได้แล้ว


    เด็กคนนั้นบอกตาว่า อยากได้รองเท้าสตั๊ด ตอนนี้เขาอยู่ม.ต้นแล้ว นักกีฬาโรงเรียนจำเป็นต้องมีรองเท้าสตั๊ด


    ตาบอกแค่ว่าเรามันจน...


    พูดจบแล้วตาก็ช่วยเขาล้างรถเบนซ์คันงามต่อไป ...รถคนนั้นเป็นของลูกสาวตา



    ถ้าเรามีพ่อก็คงดี...เด็กคนนั้นแอบคิดอย่างนี้ทุกคืน ลูกของป้ามีป่าป๊า มีอากง อาม่า อาโกว มีโซ้ยเจ็ก ตรุษจีนทีไรก็ได้เงินใส่ซองแดงๆเยอะแยะ ...ถ้าเขาได้อย่างนั้น เขาจะเอามันไปซื้อรองเท้าสตั๊ด แทนที่จะซื้อรถวิทยุบังคับหรือขนมถุง


    วันนึงลูกของป้าได้ของขวัญเป็นรองเท้าสตั๊ด ...เด็กอ้วนคนนั้นใส่รองเท้าเบอร์เดียวกับเขาพอดี มันสวยมาก สีแดงสลับดำขาว เป็นรุ่นพรีเดเตอร์ของอาดิดาส เขาเคยไปยืนลูบคลำในห้างอยู่บ่อยๆ


    ถึงเขาจะเป็นนักฟุตบอลโรงเรียน เคยทำแฮตทริคใส่โรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี เคยได้แชมป์นักเรียนเขต แต่ก็ยังไม่มีสตั๊ดเป็นของตัวเอง


    ลูกของป้าใส่สตั๊ดคู่นั้นสองหน เตะบอลเล่นในสนามหญ้าหลังบ้าน แล้วก็ไม่ได้แตะมันอีกเลย


    เขารวบรวมความกล้าเอ่ยปากขอยืมใส่ในแมตช์สำคัญ แต่คำตอบคือ " ไม่ "


    เขาเป็นแค่เด็กในบ้าน เป็นลูกกำพร้า ลูกของป้าอายุน้อยกว่าเขาสองปี มักเห็นเขาเป็นของเล่น เป็นสิ่งมีชีวิตสำหรับระบายอารมณ์ เอาไว้แกล้งให้ถูกป้าดุ ลูกของป้าจะได้หัวเราะอย่างมีความสุข


    เขาตัดสินใจเอาเงินเก็บทั้งหมด ซึ่งมันไม่พอที่จะซื้อพรีเดเตอร์ข้างนึงด้วยซ้ำ เขาขอซื้อต่อสตั๊ดคู่นั้นจากลูกของป้า


    และในที่สุดเขาก็ได้มา รองเท้าสตั๊ดมือสอง เป็นรุ่นท็อปที่สุดของสมัยนั้น ...อ้อ! ไม่ใช่มือสอง สตั๊ดตีนสองต่างหาก แต่ถึงอย่างไรเขาก็รักมันมาก นอนกอดมันทุกคืน


    ปีนั้นตาไม่มาหาเขา แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้เขามีครอบครัวใหม่แล้ว... ครอบครัวของเขาอยู่ในสนามฟุตบอลนั่นแหล่ะ



    พอถึงวันพ่อ ครูบอกให้เขาเอาพ่อมาโรงเรียน จะให้เป็นพ่อดีเด่น ...แต่เขาบอกครูไปว่าพ่อคงไม่ว่าง


    พอถึงวันแม่ ครูบอกให้เขาเอาคุณแม่มาร่วมงาน จะให้เป็นแม่ดีเด่น ...แต่เขาบอกครูไปว่าแม่ก็คงไม่ว่างเหมือนกัน


    และคงไม่ว่างตลอดไป...


    พอขึ้นม.๒ มีโค้ชจากโรงเรียนชื่อดังที่เห็นผลงานในสนามของเขาหลายครั้ง สัญญาจะให้โควตานักกีฬา เขาจะได้เรียนต่อม.ปลายฟรี มีเบี้ยเลี้ยง พร้อมกินอยู่ที่โรงเรียน... เขาดีใจมาก พอจบม.๓ เขาจะได้ออกจากบ้านหลังนี้เสียที เขาจะได้เล่นฟุตบอลที่เขารักตลอดเวลา ไม่ต้องรีบกลับบ้านไปล้างรถ อาบน้ำหมาพันธุ์ยุโรปหกตัว หรือกวาดสนามหญ้าหลังบ้านขนาดสองไร่อีกต่อไป



    แต่แล้วเข่าของเขาก็แตก รถมอเตอร์ไซค์คันเล็กๆที่เขาขับไปจ่ายตลาด เบรคมือที่เสียไปนานแล้ว ทำให้เขาหยุดรถไม่ได้เมื่อมีเด็กขี่จักรยานตัดหน้า ...หักหลบเข้าข้างทาง คือทางเลือกที่ดีที่สุดของเขา


    เอ็นหัวเข่าซ้ายฉีกหนึ่งเส้น ...หมอยืนยันว่า เขาจะเล่นฟุตบอลไม่ได้อีกตลอดชีวิต


    ป้าตีเขาอย่างรุนแรง เขาโดนดุด่าที่ทำให้ป้าต้องเสียเงิน ลำพังข้าวปลาที่เขากินเข้าไปทุกวัน ป้าก็หมดเปลืองมากแล้ว ...พูดเสร็จป้าก็หันหน้ากลับเข้าวงไพ่



    เขานั่งมองเพื่อนเตะฟุตบอลกันอย่างสนุกสนาน ครู่หนึ่งน้ำตามันก็ไหล ฝันของเขาพังทลาย ...ไม่มีอีกแล้วครอบครัวของเขา ครอบครัวในสนามฟุตบอล ได้ข่าวว่าตาเป็นอัมพฤกษ์ ตาเดินไม่ได้แล้ว และตาก็จะมาเยี่ยมเขาที่กรุงเทพไม่ได้อีกต่อไป ตอนนี้เขาไม่เหลือใครแล้วจริงๆ



    ลุงภารโรงถามเขา ว่าชอบดูฟุตบอลเหรอ? เขาตอบว่า...ถ้าเล่นไม่ได้ ขอดูก็ยังดี


    " เป็นคนที่ไหนล่ะเรา? " ลุงภารโรงถามอีก


    เด็กอายุ ๑๔ คนนั้นเงียบไป ...เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นคนที่ไหน


    " แล้วพ่อเราล่ะเป็นคนที่ไหน? "


    ...นั่นสิ แล้วพ่อเป็นคนที่ไหนกันนะ?



    ...............



    สิบปีต่อมา เขาลืมเรื่องราวเหล่านี้ไปหมดแล้ว เลิกหาคำตอบ เลิกหาครอบครัว เขามีแค่ตัวคนเดียวก็พอแล้วนี่


    และแล้วเขาก็เจอคนที่มีนามสกุลเดียวกันโดยบังเอิญในอินเตอร์เน็ท ...นามสกุลเดียวกับพ่อของเขา


    ในวัยขนาดนี้ของเขา มันน้ำเน่าเกินไปที่จะคิดเรื่องการตามหาพ่อ หรือปู่ย่า ไม่จำเป็นสำหรับเขาอีกแล้วในการจะค้นหาเถือกเถาเหล่ากอ มีแต่ในละครเท่านั้นที่เขาทำกัน...


    แต่แล้วหนึ่งปีผ่านไป เขาก็ลองเสี่ยงที่จะเขียนจดหมายไปหาคนๆนั้น บางทีอาจแค่เพียงมีนามสกุลคล้ายกันก็ได้


    ๔๘ ชั่วโมงผ่านไป เขาได้รับโทรศัพท์กลับมา ... " พ่อ " ของเขามีตัวตน นามสกุลของพ่อที่เขาใช้มาตลอดชีวิต ไม่ใช่ชื่อที่ตั้งขึ้นมาอย่างลอยๆ


    เขาไม่ได้มีแค่ตัวคนเดียวอีกแล้ว เขามีปู่ มีย่า มีป้า มีอา มีญาติๆที่ร้องไห้ เมื่อรู้ว่ามีหลานอย่างเขาอีกหนึ่งคน


    สำหรับเขา พ่อหายสาปสูญ และสำหรับปู่กับย่า พ่อก็หายสาปสูญไปนานแล้วเหมือนกัน


    " ไม่เจอพ่อ เจอลูกก็ยังดี " ปู่ กับ ย่า ร้องไห้ในโทรศัพท์


    " วันเสาร์นี้มาอยุธยา มาหาปู่หาย่า หาญาติพี่น้อง สงกรานต์ก็ต้องมาหาทุกปีนะ มาอาบน้ำให้ปู่กับย่า หนูจะได้เป็นตัวแทนพ่อหนู หนูไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกแล้วนะลูก " น้องชายของพ่อพูดพร้อมน้ำตา



    ...เขาสงสัยในน้ำตาของคนเหล่านั้น เขาไม่เคยคิดว่า " ครอบครัว " จะรักและผูกพันกันได้ถึงขนาดนี้ อาเล่าว่า ปู่กับย่าและพี่น้องของพ่อ สิบกว่าปีมานี้ร้องไห้คิดถึงพ่อกันบ่อยๆ ให้คนตามหาพ่อก็ไม่เคยได้ข่าวคราว ปู่กับย่าดีใจมาก อยากให้ถึงวันเสาร์ไวๆ เรียกญาติๆทุกคนมารวมตัวกัน มาคอยต้อนรับหลานคนใหม่ ...มาต้อนรับเขา



    " เธอรู้ไหม? ฉันเหมือนสิบสี่อีกครั้ง... " เพลงของพี่ เสก โลโซ เหมือนมีดที่กรีดลงหัวใจ





    วันเสาร์นี้ผมจะไปอยุธยาครับ ^_^

     
     

    จากคุณ : SnowMonkey - [ 28 ก.ค. 49 18:59:50 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com