ความคิดเห็นที่ 1 ส่วนใหญ่มักเกิดในการเล่นบาสในช่วงที่กำลังจะเลี้ยงบาสผ่านคู่ต่อสู้ ซึ่งมีการบิดต้นขาบนแข้งที่ยังติดอยู่บนพื้น ทำให้เกิดแรงบดลงบนกระดูกอ่อน เพราะกระดูกอ่อนมีหน้าที่รับแรงบดอยู่แล้ว แต่ในภาวะดังกล่าวแรงบดมันมากกว่าปกติ ...ภาพจากในกล้องสองเข่าครับ จากคุณ : JazzLover - [ 19 ก.ย. 49 12:06:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สำหรับKnee Band หรือเรียกอีกอย่างว่า"Knee Strap"นั้นเราใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดจากการอักเสบของเอ็นสะบ้าเข่า(Palettar Tendinitis) ...เอ็นสะบ้าเข่าอักเสบนั้น เกิดจากการใช้งานมากเกินปกติ(เกินความสามารถของเอ็นสะบ้า) มักพบในการออกกำลังที่ต้องมีการวิ่ง,กระโดดและการออกตัวอย่างเร็ว-การหยุดตัวอย่างรวดเร็ว----โอ...มันกีฬา บาสเกตบอลนี่ครับ  ผมว่าอาจรวมวอลเล่ยบอลไว้ด้วย... ...เอกซเรย์ธรรมดา ไม่ช่วยในการวินิจฉัยครับ อาจต้องทำMRI ...วิธีรักษา ช่วงที่เจ็บก็หยุดพักครับ ส่วนKnee Strapนั้น มันช่วยลดอาการปวดด้วยการกระจายแรงที่ทำบนเอ็นสะบ้าเข่าไปยังตัวสายรัดแทน ก่อนและหลังเล่น....ควรต้องยืดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะกล้ามเนื้อQuadriceps(ด้านหน้าต้นขาครับ) ...ฝึกเพิ่มความแข็งแรงของเอ็นสะบ้าเข่า จากคุณ : JazzLover - [ 19 ก.ย. 49 12:22:01 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เดี๋ยวผมขอตัวไปเข้าประชุมก่อนครับ ถ้าบ่ายคอมพ์ว่างจะนั่งโพสให้ชมเรื่องการยืดและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นขาเพื่อลดการเกิดเอ็นเข่าอักเสบครับ จากคุณ : JazzLover - [ 19 ก.ย. 49 12:31:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สาระจริงๆครับ มีประโยชน์ต่อหลายๆท่านแน่ๆ ขอบคุณครับ จากคุณ : G-Unit - [ 19 ก.ย. 49 13:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมไม่เกี่ยว  มายุ่งเรื่องชาวบ้านเฉยๆครับ แต่รู้สึกขอบคุณมากๆเลยครับ *เปิดสอนฟุตบอลสำหรับเยาวชนช่วงปิดเทอม ใครอยู่แถวบางกรวย สนใจติดต่อ lets_kick_off@hotmail.com จากคุณ : lets_kick_off (lets_kick_off) - [ 19 ก.ย. 49 14:46:12 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณมากๆ ครับ รออ่านภาคต่อไป.... จากคุณ : gaa - [ 19 ก.ย. 49 16:51:38 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มาเริ่มที่การยืดกล้ามเนื้อต้นขาก่อนแล้วกันครับ หลักการง่ายๆของการยืดกล้ามเนื้อซึ่งใช้ได้กับทุกส่วนคือ 1.ต้องwarm-upก่อนจะยืดทุกครั้ง 2.ค่อยๆยืดกล้ามเนื้อ อย่าดึงพรวดเดียว กล้ามเนื้อจะฉีกครับ 3.ถ้าดึงได้เต็มที่แล้วจะรู้สึกตึงที่กล้ามเนื้อมัดนั้น ถ้าเจ็บ กล้ามเนื้ออาจฉีกครับ 4.ระยะเวลาต้องนานพอ ประมาณครั้งละ 30-60 วินาที 5.จำนวนครั้งในการยืดนั้นไม่ได้จำกัด จะถือว่ายืดได้พอแล้วเมื่อรู้สึกสบายที่กล้ามเนื้อมัดนั้น ....มาถึงการยืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า-ในท่ายืน ให้ยืนในท่าตรง เริ่มจากงอเข่าขวาไปด้านหลัง ค่อยๆงอจนส้นเท้าไปแตะก้น โดยใช้มือขวาจับตรงข้อเท้าขวาไว้ ทริค---1)ต้องให้ส้นเท้าแตะก้น         2)ให้ยืดตัวตรง อย่างอลำตัว         3)ถ้ายืดได้ดี จะรู้สึกตึงที่หน้าขา ...สำหรับมือซ้ายใช้จับหรือแตะ เพื่อพยุงตัว ...ยืดนานสัก 30-60 วินาที แล้วเปลี่ยนข้างไปทำข้างซ้าย  ยืดครบ 30-60 วินาทีถือเป็น 1 ยก แนะนนำให้ยืดออกสัก 5 ยก จากคุณ : JazzLover - [ 19 ก.ย. 49 17:08:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สำหรับการยืดกล้ามเนื้อด้านหลังต้นขา(Hamstrings) ปกติเราจะยืดกล้ามเนื้อที่ทำงานตรงข้ามกันเสมอ เมื่อเรายืดต้นขาด้านหน้าก็ต้องยืดต้นขาด้านหลังด้วย สำหรับการยืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังนั้นทำได้ในท่ายืนหรือนั่งก็ได้ 1).ในท่ายืน คงต้องหาราวหรืออะไรสักอย่างที่เราสามารถพาดขาเราได้โดยมีความสูงจากพื้นถึงประมาณขาหนีบของเรา...จากนั้นกางขาพาดโดยให้พาดวางไปด้านข้าง ตั้งฉากกับลำตัว จากนั้นเอื้อมมือข้างเดียงกันให้ไปแตะที่ปลายเท้า การยืดต้นขาด้านหลังนี้จะเจ็บมาก อาจต้องใช้เวลานานหน่อย จะตึงด้านหลังของต้นขามาก ในรอบแรกอาจทำท่านี้นานสัก 60 วินาที แล้วสลับข้าง ทำไปสัก3 รอบแล้วทีนี้ พยายามเหยียดมือไปแตะปลายเท้าโดยอาจใช้ข้อมือแตะ ซึ่งจะยืดกล้ามเนื้อมากกว่าเดิม เนื่องจากต้นขาเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ อาจต้องยืดนานหน่อยครับ อาจต้องทำถึงข้างละ5-10 ยก(ยกละ 60 วินาที)...แต่พอยืดเสร็จ ต้นขานี่เบาโหย่งเลยครับ 2.ในท่านั่ง นี่ก็มีหลายแบบ แบบที่แนะนำคือให้นั่งกับพื้น ให้เหยียดขาข้างที่จะยืดออกไปด้านหน้าเรา  ส่วนอีกข้างหนึ่งก็งอโดยให้เท้ามาแตะที่ต้นขาด้านใน จากนั้นเอื้อมมือข้างเดียวกับที่จะยืดไปแตะปลายเท้า ความนานก็เหมือนกับวิธีแรก ..คงเคยเห็นนักตะกร้อเขายืดกล้ามเนื้อต้นขาในท่านั่งยองๆ ผมไม่แนะนำครับ ข้อเข่าที่พับมันมีแรงกดมาก รูปที่แสดงเป็นท่ายืนครับ จากคุณ : JazzLover - [ 19 ก.ย. 49 17:34:52 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ข้อสำคัญคือลำตัวกับหลังต้องตรงครับ อย่าลืมครับว่า...ยืดก่อนเล่นและยืดหลังเล่นเสมอครับ ผมขอติดเรื่องการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทั้งสองมัดไว้ก่อน พอดีต้องไปค้นข้อมูลที่เก็บไว้ในคอมพ์ที่บ้านครับ....กำลังจะเตรียมรวบรวมวิธีโดดให้สูงใน 6-12 สัปดาห์อยู่ แต่งานประจำมันยุ่งอ่ะครับ จากคุณ : JazzLover - [ 19 ก.ย. 49 17:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แถมท้ายครับ เพิ่งอ่านจบไปเมื่อกี้ครับ....ในงานวิจัย เขาพบว่าในการกระโดดนั้น เวลาที่ลงสู่พื้นนั้น แรงที่กระทำกับเข่านั้นสูงถึง 10 เท่าของน้ำหนักตัว... ..ท่าลงพื้นที่กระจายแรงได้ดีที่สุดคือ ท่าที่เท้าทั้งสองข้างลงพื้นพร้อมๆกัน และมีการงอเข่าและงอสะโพก และท่านี้ก็ปลอดภัยที่สุดครับ จากคุณ : JazzLover - [ 19 ก.ย. 49 17:43:20 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ จากคุณ : mingdynasty - [ 19 ก.ย. 49 19:01:40 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โอ้! เป็นข้อมูลที่ดีมาก ๆ เลยครับ เป็นการเตือนสำหรับผู้ที่ยังไม่เจ็บด้วยครับ จากคุณ : 200SX - [ 19 ก.ย. 49 20:32:09 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ปรึกษาบ้างครับ แต่เคสผมเป็นข้อเท้าครับ คือผมไม่ได้เล่นบาสนะครับ แต่เล่นบอลครับ เมื่อปลายเดือนมิถุนา ผมไปเล่นบอลตามปกติ เกิดปะทะกับฝ่ายตรงข้าม ข้อเท้าพลิก ปกติข้อเท้าผมเคยพลิกบ้างแต่ไม่บ่อย ส่วนใหญ่ก็จะบวม เดินไม่ถนัด ก็จะไปหาหมอ X-Ray แล้วก็จะได้ยามาทาน กับให้พันผ้าที่ข้อเท้า พักประมาณไม่เกินเดือนนึงก็จะหาย ทีนี้พลิกคราวนี้มันไม่บวมมาก เดินก็เขยกนิดหน่อยเท่านั้น (เจ็บตรงข้อเท้าด้านนอกนะครับ)  ผมก็เลยไม่ได้ไปหาหมอ แต่ใช้ทานยาคลายกล้ามเนื้อ กับยาแก้อักเสปเหมือนที่หมอเคยให้ แล้วก็พันผ้า งดเล่นกีฬาไป พอได้ซัก 2 อาทิตย์ผมก็ฝืนไปเล่นบอลอีก คราวนี้ไม่ได้ปะทะกับใคร แต่จังหวะล็อคบอลด้วยเท้าขวา ข้อเท้าซ้ายที่ยันพื้นเกิดเจ็บจี๊ดขึ้นมา (ผมถนัดขวานะครับ) ก็เลยต้องออกจากสนาม หยุดเล่นมาอีกเป็นเดือน ทานยา พันผ้าไว้ตลอด ก็ยังไม่หายสนิท คือเวลาเดินเหินปกติมันไม่เจ็บนะครับ แต่จะเสียวแปล๊บๆ เวลาลองวิ่ง ผมก็เลยไปหาหมอ หมอเขา X-Ray แล้วบอกว่ากระดูกไม่หัก แต่เอ็นน่าจะฉีก แล้วก็มีกระดูกตรงท่อนที่มันยาวขนานกับขาด้านนอก มันเคลื่อนออกมาตรงช่วงที่มันผ่านแถวๆ ที่ตาตุ่มข้อเท้าด้านนอกประมาณ 5 มม. บอกว่าต้องผ่าตัด ไม่ว่าจะคิดกลับมาเล่นกีฬาอีกหรือไม่คิด และต่อให้ผ่าก็ยังไม่แน่ว่าจะกลับมาเล่นได้ ผมก็ตัดสินใจว่าผ่าก็ผ่าวะ เพราะแกเล่นบอกว่าต่อให้ไม่คิดจะเล่นกีฬาก็ต้องผ่า ตอนนั้นมันยังเจ็บๆเสียวๆ ด้วย แต่ก็อยากจะหาหมอคนอื่นให้แน่ใจ ก็เลยไปหาหมออีกคน คราวนี้หมอบอกว่าไม่น่าจะต้องผ่า แต่ให้ทานยาแทน ให้พันผ้าเอาไว้ งดเล่นกีฬา บอกว่าเอ็นน่าจะฉีก  แล้วนัดมาดูอาการไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่แน่ใจเพราะผ่าตัดกับทานยานี่มันคนละเรื่องเลย ก็เลยลองไปหาหมออีกคนที่เป็นพี่ชายเพื่อนที่เป็นหมอด้านนี้เหมือนกัน หมอก็บอกว่าไม่น่าจะต้องผ่า และให้พักฟื้นโดยงดเล่นกีฬาไปก่อนซักพัก อาจจะเดือนหรือ 2 เดือน ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ก็เดือนเศษๆ ผมไม่ได้ผ่าตัด แต่ใช้กินยาของหมอคนที่ 2 อาการก็ดีขึ้นพอสมควร คือจากปกติเดินเหินไม่เจ็บอยู่แล้ว คราวนี้ลองวิ่งเหยาะๆ แป๊บๆ ดูก็ไม่เจ็บ ไม่เสียว แต่ยังไม่กล้าวิ่งปกติ กลัวเจ็บซ้ำครับ ทีนี้ปัจจุบัน ยังรู้สึกว่าข้อเท้ามันไม่ปกติดีนัก คือเหมือนมันหลวมๆ ไม่กระชับเหมือนเดิม เวลาบิดข้อเท้าไปมาจะมีเสียงกรุ๊บกริ๊บๆ เหมือนเราหักข้อมือเล่น แต่ไม่เจ็บ แต่เมื่อก่อนนี่ไม่เป็นเลยนะครับ คือบิดข้อเท้ายังไงก็ไม่มีเสียงครับ แล้วก็เวลาบิดเท้าไปมา หรือยืดเกร็งเท้ามากๆ จะมีอาการตึงๆตรงข้อเท้าด้านนอกแถวๆตาตุ่มบ้าง หมอที่หาอยู่ประจำก็ยังให้พักไปก่อน แต่แกก็บอกว่าน่าจะกลับมาเล่นกีฬาได้ แม้มันจะไม่ 100% นัก เล่ามาตั้งยาว ก็ไม่รู้จะถามอะไรดี ก็เอาเป็นว่าลองปรึกษาๆดูครับ ว่าอาการของผมนี่มันน่าจะเป็นอะไร แล้วก็มันจะมีอันตรายอะไรมากมั้ยครับ ถ้ากลับไปเล่นกีฬา ต้องป้องกันอะไรเป็นพิเศษมั้ย เพราะทุกวันนี้ผมใส่ Ankle Support ตลอดจนติดแล้ว แล้วต้องบริหารอะไรยังไงบ้างมั้ยครับ บอกตรงๆ ว่าทุกวันนี้แม้จะอาการดีขึ้น แต่ผมมักจะนึกถึงที่หมอคนแรกบอกตลอด ไม่แน่ใจว่าตกลงมันต้องผ่าตัดจริงหรือเปล่า บางทีก็กังวลอยู่เหมือนกัน เพราะตั้งแต่เจ็บครั้งแรกก็ 2 เดือนกว่าจะ 3 เดือนแล้ว จากตอนเจ็บซ้ำก็ 2 เดือนได้ อาการมันก็ดีขึ้นนะครับ แต่มันคืบหน้าไปค่อนข้างช้า จนบางทีก็ปลงๆว่า คงไม่หายแล้วมั้ง เต็มที่ก็ได้แค่นี้แหละ ใจเคยคิดอยากไปลอง MRI ดู เพราะ X-Ray มันก็เห็นแค่กระดูก อยากรู้ให้ละเอียดไปเลยว่าตกลงเป็นอะไรแค่ไหน ถาเอ็นฉีกฉีกแค่ไหนยังไงอะไรพวกนี้ แต่ MRI นี่มันก็แพงอยู่เหมือนกัน แล้วผมไม่ได้มีอาการอะไรมากขนาดเดินไม่ได้ ทุกวันนี้ก็ยังใช้ชีวิตตามปกติ เพียงแต่ไม่ได้ไปเล่นกีฬาแค่นั้น แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 49 21:21:54 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 49 21:14:27 จากคุณ : ศิษย์นกฮูก - [ 19 ก.ย. 49 21:04:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เคยผ่าเข่ามาสองครั้งครับ มาเล่าประสปการณ์ครับ แล้วก็รบกวนขอความรู้จากคุณ JazzLover ด้วยครับ ตอนปี 40 ผมเล่นรักบี้ครับ ยืนปักหลักย่อตัวถือบอลอยู่ก็โดนแทคเข้าที่เข่าขวา จากด้านข้าง ก็เจ็บเลยครับ แต่พันขาเล่นต่ออึกหลายเกมส์ครับเนื่องจากเป็นการแข่งทัวร์นาเมนท์ รุ่งขึ้นเดินไม่ได้เลยครับ เจ็บไปครึ่งค่อนปี โดยมีอาการคือลงนั่งยองๆแล้วจะเจ็บมาก งอเข่าสุดไม่ได้ คอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร หาหมอ กินยา พัก ตอนนี้กลับไปคิดดูคงเป็นอาการเอ็นฉีก ปี 41 หายเจ็บ กลับไปเล่นใหม่ ทั้งบาสและรักบี้ เล่นค่อนข้างหนักครับ ปกติก่อนซ้อมผมจะวิ่งวอร์มประมาณ 40 นาที น่าจะสัก 7 กิโลกว่าๆ แล้วค่อยซ้อมกีฬาต่ออีกประมาณ 2 ชม. ช่วงนั้นก็เล่นได้ปกติดีไม่มีปัญหาเข่าครับ หลังจากนั้นก็เล่นน้อยลงบ้างแต่ก็สม่ำเสมอครับ แต่อยู่ดีๆก็มาเจ็บตอนต้นปี 44 ขณะเล่นบาสอยู่ ไม่ได้เกิดการชน กระแทกใดๆ วิ่งตามบอลแล้วโน้มตัวลงไปเคาะบอล เข่าข้างขวาที่เคยเจ็บก็หลุดเลยครับ เฉยๆเลย รู้สึกว่าข้อต่อเข่าเคลื่อนออกจากกันแต่ก็เข้าที่ในทันที ก็เจ็บครับ แต่ยังเดินได้ แต่ก็รู้สึกว่าข้อเข่าหลวมๆ ถ้าแกว่งขาแรงๆก็รู้สึกว่าจะหลุดครับ ต้องค่อยๆเดิน หาหมอหมอก็ไม่ได้ว่าเป็นอะไรครับ กินยาตามปกติ แล้วก็พัก พอพักไปเดือนนึงก็หายเจ็บ เลยลองเล่นเบาๆดู พอลอง sidestep เข่าหลุดอีกทีเลยครับ ไปตรวจอีกหมอก็ว่าไม่น่าจะเป็นอะไร ก็ได้คุยกะเพื่อนคนนึงที่ไปผ่าเข่ามาเนื่องจากอาการเอ็นไขว้หน้าเข่าขาด อาการเหมือนกันเลยครับ เข่าหลุดแล้วก็เข้าที่ทันที แต่พอผมไปตรวจหมอก็ไม่ได้ว่าเป็นอะไร ก็เล่นๆ หลุดๆ พักๆมาปีกว่า ท้ายสุดก็เลยบอกให้หมอผ่าให้ แล้วก็ได้รับการยืนยันจากหมอว่าเอ็นขาดและหมอนรองกระดูกฉีกจริงๆเมื่อหมอได้ทำการบล็อกหลังเพื่อเตรียมตัวผ่าตัด ปัญหาคงจะอยู่ที่ว่าทำไมหมอตรวจไม่เจอ เพราะเมื่อหมอตรวจเข่าด้วยการบิดหมุนเข่าไปมาก็ไม่เกิดอาการหลุดใดๆ อาจจะเพราะกล้ามเนื้อขาค่อนข้างแข็งแรงและเป็นคนตัวค่อนข้างใหญ่จึงยากที่หมอจะตรวจเจอ หมอของผมเป็นหมอกระดูก และดูแลทางการกีฬาโดยเฉพาะครับ เวลามีกีฬาใหญ่ๆ พวกเอเชี่ยนเกมส์ ซีเกมส์ ท่านก็ไปประจำสนาม และเป็นหมอที่ตรวจซิโก้ด้วยครับ เพราะผมเคยเห็นซิโก้เดินกะเผลกไปหาหมอวันเดียวกับที่ผมไปตรวจ หลังจากผ่าเสร็จผมก็พัก กายภาพบำบัด และจ็อกกิ้ง จนครบ 5 เดือนหลังจากที่ผ่า ผมก็กลับมาเล่นกีฬาได้ปกติ แต่พอครบ 1 ปี ผมหยุดออกกำลังไป 1 เดือนเนื่องจากไม่มีเวลา หลังจากนั้นพอลงสนาม เข่าก็หลุดอีกทันทีและล็อคด้วย ต้องพยายามเหยียดขาตรง เข่าก็จะกลับเข้าที่ ก็ไปตรวจอีกหมอก็ว่าไม่เป็นอะไรอีก (''T_T) เช่าอาจหลวมนิดหน่อย ก็เล่นๆ หลุดๆ มาอีกปี  แตหลุดคราวนี้ไม่มีอาการเจ็บครับ หลุดก็ใส่เข้าแล้วก็วิ่งเล่นต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ไปบังคับหมอให้ผ่าให้อีกรอบ สรุปว่าคราวที่สองนี้ หมอนรองกระดูกที่เย็บไว้จากคราวแรกมันหลุดครับ แล้วพอเราเล่นๆหลุดๆ มันก็ทำให้ไอ้ที่ฉีกอยู่แล้วฉีกมากขึ้นไปอีก ตอนผ่าครั้งนี้หมอก็บอกว่าพยายามเย็บเข้าที่แล้วแต่ทำไม่ได้เพราะมันฉีกมาก ก็เห็นหมอเค้าคุยกันตั้งนาน (ผมบล็อกหลังครับ ไม่ใช้ยาสลบ หมอทำอะไรรู้หมด) ก็บอกว่าต้องเฉือนส่วนที่ฉีกออกไป เล็มให้มันเรียบร้อย ก็คือตอนนี้หมอนรองกระดูกหัวเข่าขวาผมน่าจะเหลืออยู่ประมาณ 2/3 ของคนปกติ ผ่าครั้งที่สองของผมเมื่อพฤษภาคมปีที่แล้วครับ เพิ่งกลับมาเล่นบาสเมื่อต้นปีนี้ที่กองปราบ เดือนที่แล้วก็ไปแข่งทัวร์นาเมนท์รักบี้มา เล่นได้ปกติดีครับ แต่ก็ต้องฟิตหัวเข่าตลอด คือถ้าเล่นเป็นประจำก็ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้าไม่ได้เล่นก็ต้องวิ่งจ็อกกิ้งหรือเวทสร้างกล้ามเนื้อห้วเข่าก่อนอย่างน้อยสักหนึ่งสัปดาห์ครับ แล้วค่อยกลับมาเล่นบาส สรุปคือถ้าจะเล่นก็ต้องฟิตและพร้อมครับจะหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บได้ มารอฟังคุณ JazzLover ต่อครับ จากคุณ : iceboy - [ 20 ก.ย. 49 10:38:47 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณศิษย์นกฮูกครับ...ผมอาจต้องไปเปิดกระทู้ใหม่เรื่องของข้อเท้าดีกว่าเพราะรายลัเอียดมันก็มากอักโขเหมือนกัน ผมเองนั้นไม่ใช่หมอครับ แต่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์บ้างเท่านั้นเอง ผมคงได้แต่เล่าให้ฟังแล้วกันครับ พยายามจะเล่าให้ง่ายๆ ลำดับง่ายๆแล้วกันครับ ผมต้องอ่านรวบรวมจากเวปไซด์ต่างๆของต่างประเทศแล้วประมวลกันอีกทีครับ.... ...สำหรับคุณiceboy คุณนี่ประสบการณ์โชกโชนดีนะครับ ปัญหาสำคัญคือ กีฬาทั้งรักบี้และบาสเกตบอลนั้นเป็นกีฬาที่ใช้กล้ามเนื้อมากและแถมเป็นกีฬาที่มีการปะทะกันสูงและแรงมาก ผมไม่แน่ใจว่าระบบการฝึกซ้อมของบ้านเรานั้นได้เตรียมความพร้อมให้ร่างกายมากน้อยเท่าไหร่ ส่วนใหญ่มักเป็นแบบตามความรู้ความชอบของคนคุมทีมว่าถนัดว่ามีความรู้แค่ไหน แถมบางทีมาซ้อมก่อนแข่งเพียงไม่กี่เดือนหรือบางทีเป็นเวลาแค่สัปดาห์ แบบนี้การเตรียมกล้ามเนื้ออาจไม่พอ เมื่อไม่พอโอกาสก็บาดเจ็บได้ง่าย บางทีก็ไม่ได้ให้ความรู้เรื่องการwarm-upที่ถูกต้องหรือมีการยืดกล้ามเนื้อที่ถูกต้องและเหมาะสม จึงเกิดการบาดเจ็บได้ง่าย เมื่อบาดเจ็บแล้วส่วนใหญ่ก็เป็นหมอทางกระดูกทั่วไปที่ดูแล ส่วนใหญ่เป้าหมายของหมอกลุ่มนี้คือ ทำให้อวัยวะนั้นพอจะกลับไปใช้งานได้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่การจะกลับไปเล่นกีฬาต่อได้นั้นต้องรักษาด้วยหมอกลุ่มที่เชี่ยวชาญด้านsport medicineซึ่งสังเกตว่า หมอกระดูกนั้นเขารักษาให้กระดูกติด เอ็นติด พอใช้งานได้แล้วก็หมดหน้าที่ เขาแทบจะไม่มีโปรแกรมการฟื้นฟูกล้ามเนื้อหรืออวัยวะที่บาดเจ็บ...เมื่อสองปีก่อน พอดีผมมีโอกาสไปนั่งฟังบรรยายในจังหวัดที่ผมอยู่ พอดีเป็นอาจารย์ฝรั่ง อายุ50ปีแต่ดูหุ่นแล้วนักกล้ามดีๆนี่เอง พอดีเขาพาเพื่อนที่เป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยกีฬาจากอมเริกามาที่วิทยาลัยพละลำปาง ผมก็ไปนั่งฟัง เขามานั่งคุยกับผมว่า วิทยาศาสตร์การกีฬานั้นไม่ใช่เพียงแค่ให้อวัยวะที่บาดเจ็บหายเท่านั้นแต่ต้องฟื้นฟูสมรรถภาพให้สามารถกลับไปเล่นกีฬาได้ ซึ่งในการเล่นกีฬานั้นต้องการใช้สมรรถภาพของกล้ามเนื้อและข้อต่อหรือเอ็นให้ได้มากบางทีเกือบ90%ทั้งๆที่ในชีวิตประจำวันเราอาจใช้สมรรถภาพเพียง 40-50%ก็พอแล้ว จากคุณ : JazzLover - [ 20 ก.ย. 49 11:09:25 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ...คุณiceboy ถ้าอธิบายตามหลักการของลักษณะของการได้รับบาดเจ็บนั้น เข่ามีการงอเล็กน้อยถูกแรงกระแทกจากด้านข้างด้านนอกของเข่า ลักษณะแบบนี้ การบดเจ็บหลักจะเกิดกับเด็นเข่าด้านข้างด้านใน(Medial Collateral Ligament,MCL) แต่จะเกิดการบาดเจ็บร่วมอีกสองแห่งคือ ที่ACL(Anterior Cruciate Ligament,เป็นเอ็นที่อยู่ในเข่า ทำหน้าที่กันไม่ให้เข่าเหยียดออกมาเกินและทำหน้าที่เป็นความมั่นคงของเข่าถึง 80-85%) และที่แผ่นกระดูกอ่อนด้านใน(Medial Meniscus)ฉีก  ผมขออนุญาตที่จะลงศัพท์ภาษาอังกฤษไว้ด้วย เผื่อคุณจะเอาศัพท์ไปsearchหาความรู้เพิ่มเอง...จะได้รู้ว่าผมมั่วหรือไม่มั่วกันแน่.ตามทฤษฎีนั้นถ้าเอ็นเข่าด้านในฉีก ก็ยังจะพอเดินหรือวิ่งได้ อธิบายได้ว่าทำไมคุณบอกว่าไม่เจ็บมากกลับไปเล่นต่อได้ แต่ตรงนี้อันตรายมากครับ เพราะการกลับลงไปเล่นอาจทำให้ฉีกมากขึ้น และการบาดเจ็บส่วนอื่นที่ไม่มากมันก็ลามเป็นมากขึ้น... ...สำหรับการตรวจเข่าด้วยการหมุนแล้วไม่เจอนั้น ผมเข้าใจว่าการหมุนเข่านั้น อาจเป็นการตรวจดูว่าแผ่นกระดูก่อนฉีกหนือเปล่า ถ้าฉีกและแผ่นมันขัดข้อเข่าเวลาหมุน ก็จะสรุปว่าอาจมีการฉีกของแผ่นกระดูกอ่อน หรือมีเศษกระดูกอ่อนขัดในข้อ.ส่วนวิธีการตรวจดูเอ็นเข่าไขว้หน้า(ACL)นั้นวิธีที่ตรวจมาตรฐานคือ ตรวจในท่าของเข่าข้างนั้นงอเล็กน้อย แล้วหมอจะขยับข้อดูว่าหลวมไหม แต่วิธีนี้มีข้อจำกัดคือ ในคนที่กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง(Hamstring)นั้นแข็งแรงมากๆ อาจจะตรวจแล้วเหมือนข้อจะไม่หลวม โดยเฉพาะก่อนตรวจถ้าเข่ามีความเจ็บปวดก่อนขึ้น อาจทำให้กล้ามเนื้อมัดนี้เกร็งขึ้นมาแล้วทำให้ตรวจยากครับ แต่สุดท้ายการส่องกล้องที่เข่าจะให้คำตอบทั้งหมดครับ ...สำหรับการที่เข่ายังหลวมและหลุดนั้น คงต้องกลับไปดูว่าวิธีการผ่าตัดนั้น เป็นวิธีที่หวังผลยังไง ส่วนใหญ่มักจะหวังผลแค่ให้พอกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างไม่มีปัญหา และบอกได้เลยครับว่า ความแข็งแรงของเข่านั้น เกือบ90%มาจากเอ็นภายในเข่า ส่วนกล้ามเนื้อรอบเข่านั้นไม่มากแค่5-10%เท่านั้น แต่ถ้ากล้ามเนื้อรอบเข่าไม่แข็งแรงพอก็ทำให้บาดเจ็บได้ง่ายเหมือนกันครับ...ผมอ่านไปเจออยู่ประโยคหนึ่งว่า"เข่าที่ได้รับบาดเจ็บมานั้น มีโอกาสเกิดข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยได้มากถึง 10 เท่าของคนปกติ" เหมือนคนแก่อายุ 60-70 ปี จะลุกจะนั่งก็ลำบาก  แถมใช้งานมากก็ปวด เป็นมากๆสุดท้ายก็เปลี่ยนเข่าเป็นข้อไตตาเนียม... ...คุณiceboyรอสักหน่อยครับ เดี๋ยวผมลองไปหาวิธีการเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อรอบเข่าให้ แต่ต้องใช้เวลาหน่อยครับ ช่วงนี้งานผมยังยุ่ง และอย่าเพิ่งเชื่อผมมากนัก ผมไม่ใช่หมอครับ ภาวนาให้หายเร็ว กลับมาเล่นกีฬาและออกกำลังกายได้อย่างมีความสุขครับ จากคุณ : JazzLover - [ 20 ก.ย. 49 12:55:33 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณคุณ JazzLover มากๆเลยครับ ผมโชกโชนด้านทำลายเข่าตัวเองครับ แต่ฝีมือกีฬาไม่ค่อยจะมีเท่าใหร่ เรื่องระบบฝึกซ้อมเนี่ย ที่ผมเล่นก็อย่างที่คุณ JazzLover บอกล่ะครับ พึ่งระบบไม่ค่อยได้ ต้องรับผิดชอบ คอยระมัดระวังและดูแลตัวเองดีๆ รายละเอียดเรื่องตรวจเอ็นเข่าก็ตามที่คุณ JazzLover ว่าไว้เลยครับ ของผมบล็อกหลังแล้วหมอลองจับบิดดูค่อยรู้ว่า ACL ขาด ตอนนี้เล่นกีฬาได้ปกติดีครับ น่าจะสัก 95% ของเมื่อก่อน ไม่มีอาการหลุดอีก แต่ตอนเดินปกติ นานๆทีจะรู้สึกหลวมๆบ้าง ก็ดูแลตัวเองด้วยการจ็อกกิ้ง สัปดาห์ละครั้งเป็นอย่างน้อย และไปเล่นบาสที่กองปราบครับ ตอนนี้หลักๆก็ห่วงเรื่องข้อเสือมเนี่ยแหละครับ ผ่ามาสองครั้งแล้ว เข่าพรุนสุดๆแต่ก็ยังเล่นหักโหมอยู่เลย อดไม่ได้จริงๆครับ จากคุณ : arty (iceboy) - [ 20 ก.ย. 49 13:38:31 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณครับ ผมเองมีปัญหาเข่าตลอดเช่นกัน ^^ จากคุณ : Jumping Monkeyy - [ 20 ก.ย. 49 16:11:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มีคนที่มีความรู้มาตอบแบบนี้ ก็สบายนักเล่นกีฬาไปได้มากเลยนะครับ ขอเสริมละกันนะครับ สำหรับนักกีฬาที่มีปัญหาลักษณะแบบนี้ ควรจะมี support ไม่ว่า เข่า (knee support) รึว่า ข้อเท้า(ankle support) ควรจะใส่ไว้เพื่อความปลอดภัย เพราะมันช่วยทั้งป้องกันไม่ให้ ข้อ ที่หลวมอยู่แล้ว ยืดมากขึ้นกว่าเดิม และช่วยให้กระชับข้อด้วย กรณีคุณ iceboy แสดงว่าฟิตมาก การฝึกกล้ามเนื้อก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยในการsupport ข้อที่มันหลวม ให้กระชับขึ้น แต่เป็นการใช้เวลานานกว่าใช้support เพราะต้องออกกำลังสร้างกล้ามเนื้อ และบริหารข้อให้แข็งแรง แต่ supporter แค่ใส่ แต่ไม่ได้กล้ามเนื้อช่วย สรุป ข้อต่างๆ มีทั้งกล้ามเนื้อและเอ็นในการพยุงข้อนั่นเอง ปล.การเล่นกีฬา แบบบาส รึบอล ที่ใช้เข่าเหมือนกัน ถ้าเล่นมาก ก็มีโอกาสข้อเข่าเสื่อเร็วเหมือนกัน หากขาดการวอร์ม & คูลดาวน์อย่างเหมาะสม และเล่นหักโหมเกินไป ดูอย่างนักกีฬาหลายคน จากคุณ : หมอน้อย (Cloud De Rufeus) - [ 20 ก.ย. 49 17:01:24 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณมากเลยคับคุณ JazzLover  ต้องขอโทดด้วยที่เข้ามาขอบคุณช้านะครับ  ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะครับ  แต่อ่านแล้วก้อเฮ้อ  สงสัยคงเล่นได้ไม่แต่ไม่เต็มที่แล้วล่ะ  สงสัยคงจบฤดูกาลนี้ของผมซะแล้ว จากคุณ : Totti_MJ_23 - [ 24 ก.ย. 49 00:13:56 ]