ความคิดเห็นที่ 1 ในภาวะที่เกิดข้อเท้าพลิกนั้น ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นมีหลายระดับ จะเรียกง่ายๆก็ ยืด,ฉีก และขาด  เรามักแต่คิดถึงเอ็นแต่ในการบาดเจ็บยังมีการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเส้นประสาทรอบข้อด้วยครับ.ในส่วนของกล้ามเนื้อนั้น จะมีกล้ามเนื้ออยู่มัดหนึ่งที่อยู่ด้านตาตุ่มด้านนอก เรียกว่า”Peroneal muscle”ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อเพียงมัดเดียวที่ทำหน้าที่ในการบิดฝ่าเท้าให้ออกด้านนอก แต่กล้ามเนื้อที่บิดฝ่าเท้าเข้าด้านในเป็นกลุ่มกล้ามเนื้อที่อยู่หลังเท้าซึ่งเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่กว่า  เวลาเราเกิดข้อเท้าพลิกมักจะพลิกด้านข้างตาตุ่มนอก เพราะตามหลักสรีระนั้น เวลาที่เรากระโดดหรือก้าวนั้น ฝ่าเท้าเราจะบิดเข้าในเล็กน้อย ดังนั้นก่อนที่ฝ่าเท้าจะวางกับพื้น มักเกิดการพลิกได้ง่าย ยิ่งถ้าข้อเท้าที่พลิกบ่อยๆ เอ็นข้อเท้าด้านนอกมักจะขาดความแข็งแรง ภาระจึงตกไปที่กล้ามเนื้อมัดนี้ ซึ่งในเวลาที่เราบาดเจ็บ อาจต้องใส่เฝือกไว้ให้เท้าอยู่นิ่งๆ ตามหลักของกล้ามเนื้อเมื่อไม่ถูกใช้ก็จะฝ่อลง ตรงนี้สำคัญครับ ในโปรแกรมของทางวิทยาศาสตร์ด้านการกีฬา จะแนะนำให้ออกกำลังกล้ามเนื้อส่วนนี้ เพื่อรองรับเวลาที่เอาเฝือกออก และเอ็นที่ฉีกยังไม่แข็งแรง เพราะเอ็นจะเริ่มแข็งแรงเต็มที่จนกลับไปใช้งานได้จริงๆหลังบาดเจ็บ คือ หลัง 6 เดือนไปแล้ว แต่ผมพนันได้เลยว่าคนส่วนใหญ่พอหายเจ็บก็กลับไปเล่นกีฬาแล้ว ไม่รู้ว่าจะโทษใครดีครับ ระหว่างหมอที่รักษาหรือความดื้อของคนที่บาดเจ็บ .ในส่วนของเส้นประสาทนั้น เส้นประสาทบริเวณนี้(เส้นประสาทอยู่ภายในเอ็น)จะรับความรู้สึกเกี่ยวกับภายในข้อที่เราเรียกว่า”Proprioception” อธิบายง่ายๆ  คุณลองหลับตาเลยทั้งสองข้างแล้วเหยียดขาไปกับพื้น แล้วลองกระดกเท้าขึ้นกับลง ทั้งๆที่คุณหลับตาแต่สมองคุณกลับรู้ว่าเท้ากระดกขึ้นหรือลง ก็เพราะเส้นประสาทนี้มันทำงานของมันครับ การรับรู้ท่าทางของข้อนั้นเป็นข้อมูลหลักในการปรับท่าทางให้สมดุลย์ของคนเราในท่ายืน เคยสังเกตไหมครับว่าเวลาที่เรายืนบนพื้นที่ไม่ราบเรียบ ร่างกายต้องสั่งให้กล้ามเนื้อมัดนี้ตึงนะ กล้ามเนื้อมัดนี้หย่อนหน่อย ให้ร่างกายทรงตัวให้ท่านี้ ซึ่งขบวนการนี้เป็นไปอย่างอัตโนมัติ คุณไม่ต้องมองพื้นแล้วสั่งว่าให้ตรงนั้นทำงานอย่างนั้น ตรงนี้ทำงานอย่างนี้  ขบวนการทรงตัวจะเกิดขึ้นแบบอัตโนมัติ(Reflex)  คุณไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่า ในแต่ละวันที่เท้าคุณกำลังเปลี่ยนท่านั่นคือขบวนการดังกล่าวมันก็ทำงานแล้ว นับไม่ถ้วนหรอกครับกับจำนวนครั้งที่วงจรนี้ทำงาน แล้วอะไรจะเกิดขึ้นถ้าคุณขาดการปรับตัวแบบนี้   ถ้าคุณลองกลับไปดูการฟื้นฟูของข้อเท้าที่บาดเจ็บนั้น มีการฝึกการทรงตัวด้วย ตอนแรกผมก็ยังขำๆ แต่พอไปอ่านข้อมูลจากเวปโน่นเวปนี้ก็เลยถึงบางอ้อครับว่า ทำไมต้องฝึกการทรงตัวใหม่ เพราะเป็นการตั้งเครื่องใหม่ให้สมองได้ฝึกกับสภาวะที่ขาดข้อมูลจากข้อ แต่อาศัยข้อมูลจากการมองเห็นมาช่วยปรับท่าทางและใช้ข้อมูลจากข้อเท้าอีกข้างหนึ่ง .จะเห็นว่าการเกิดแค่การบาดเจ็บที่เราคิดว่าเล็กๆนั้น มันไม่เล็กเลย มันนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้น เพราะเราขาดความรู้และเราเข้าใจผิดมาตลอด จากคุณ : JazzLover - [ 21 ก.ย. 49 12:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ภาพนี้แสดงว่าข้อเท้าที่เอ็นมันยืด...ยืดได้ขนาดนี้เลยครับ จากคุณ : JazzLover - [ 21 ก.ย. 49 12:16:37 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ภาพนี้เป็นภาพเอ็กซเรย์เทียบระหว่างข้อเท้าข้างที่ปกติ กับข้างที่เอ็นยืด แต่วิธีการเอ็กซเรย์คือต้องถ่ายภาพในท่าที่ให้บิดข้อเท้า ตามภาษาอังกฤษที่เรียกว่า"Stress Fim" ดูซิครับว่า กระดูกเท้ามันขยับออกมาแค่ไหน ...คุณศิษย์นกฮูกครับ ผมขอค้างเรื่องที่คุณสงสัยไว้ก่อนเดี๋ยวมาเล่าต่อครับ เพราะภาวะที่ข้อเท้าหลวมนั้น เขาแบ่งออกเป็นสองกลุ่มครับ ซึ่งตรงนี้จะช่วยในการตัดสินใจในการรักษาด้วยครับ จากคุณ : JazzLover - [ 21 ก.ย. 49 12:20:10 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณสำหรับความรู้อีกครั้งครับ อ่านไปเสียวไป เดี๋ยวจะตามมาอ่านต่อ "พอหายเจ็บก็กลับไปเล่นกีฬาแล้ว ไม่รู้ว่าจะโทษใครดีครับ ระหว่างหมอที่รักษาหรือความดื้อของคนที่บาดเจ็บ" ตรงใจจังเลยครับ แต่ว่าคงต้องโทษความดื้อของคนเจ็บมากกว่า :D จากคุณ : G-Unit - [ 21 ก.ย. 49 13:40:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มายืนยันด้วยคนครับ ข้อเท้าพลิกไม่ใช่เรื่องเล็กครับ บางท่านที่ยังดึงดันจะใช้งานโดยที่ไม่หยุดดูแลสักระยะหนึ่ง อาจทำให้พิการได้ครับ จากคุณ : MlCHAEL - [ 21 ก.ย. 49 14:48:43 ]

ความคิดเห็นที่ 6 การฟื้นฟูในเรื่องทรงตัวสำหรับผู้ป่วยที่ข้อเท้าพลิกบ่อยๆ(สาเหตุที่เกิดจากข้อเท้าหลวมนั่นเอง) เป็นเหมือนการฝึกตัวรับรู้(receptor)ภายในข้อต่อ  โดยขณะที่ฝึกอาจจะต้องตัดการรับรู้จากสายตา (visual sense) เพื่อเป็นการฝึกที่ข้อต่อจริงๆ เช่น อาจให้นักกีฬายืนบน balance board หรืออย่างง่ายๆ ที่สามารถฝึกได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ ก็ได้เพียงแต่ต้องอาศัยความอดทนและความขยันในการฝึก (ซึ่งจะใช้เวลาในการฝึกประมาณ 6 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย) ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้คือ ทำการยืนทรงตัวบนขาข้างเดียว(ขาข้างที่มีปัญหา หรือถ้าจะให้ดีควรฝึกทั้ง 2 ข้าง) แล้วพยายามยืนทรงตัวให้นานที่สุด หากทำได้แล้วสามารถเพิ่มระดับความยากโดยให้หลับตาร่วมด้วย สุดท้ายขั้นยากที่สุดให้ยืนทรงตัวบนหมอนหรือเบาะก็ได้ จากคุณ : PhysioPT - [ 21 ก.ย. 49 17:31:20 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณกระทู้ที่ดีมากๆ แบบนี้ครับ จากคุณ : gaa - [ 21 ก.ย. 49 17:57:27 ]

ความคิดเห็นที่ 8 พอดีกำลังพิมพ์อยู่เรื่องข้อเท้าหลวมที่เขาแบ่งออกเป็นสองกลุ่มที่รักษาต่างกัน กลุ่มหนึ่งรักษาด้วยการฝึกการทรงตัว กับอีกกลุ่มต้องผ่าตัด  พิมพ์เสร็จADSLในที่ทำงานมันล่ม แถมยังไม่ได้เซฟเป็นtext fileก็เซ็งครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้สายๆ ผมจะนั่งพิมพ์ให้อ่านครับ แต่รูปก็เยอะหน่อยครับ และพอดีผมได้download คู่มือการwarm-up,การยืดกล้ามเนื้อและการเพิ่มความแข็งแรงของข้อเท้า แต่เป็นภาษาอังกฤษแถมมีภาพประกอบด้วย ถ้าอยากเอาไปอ่านก่อนก็ได้ครับ จะส่งfileไปให้ แต่จะรอผมแปลให้อ่านก็ใช้เวลาหน่อยครับ...ตอนนี้มานั่งพิมพ์ที่บ้าน ติดไว้ก่อนแล้วกันครับ จากคุณ : JazzLover - [ 21 ก.ย. 49 21:39:42 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณครับมีประโยชน์มากๆสำหรับทุกคนที่เล่นกีฬา จากคุณ : mingdynasty - [ 21 ก.ย. 49 22:21:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณ คุณ JazzLover มากๆครับสำหรับข้อมูล เป็นประโยชน์มากๆ เลย ผมเห็นด้วยว่าต้องโทษตัวเองเต็มๆครับ ที่ดันฝืนไปเล่นซ้ำทั้งที่ยังไม่หายดี เลยกลายเป็นหายช้า และไม่หาย 100% เต็มเหมือนเดิม ทุกวันนี้ก็ยังพักรักษาตัวอยู่ครับ งดเล่นกีฬามาเกือบ 3 เดือนแล้วจากที่เจ็บครั้งแรก และประมาณ 2 เดือนครึ่งจากที่เจ็บซ้ำ ตอนนี้อาการดีขึ้นเยอะพอสมควร แต่ก็ยังรู้ตัวว่ามันยังไม่ 100% และอาจจะไม่ได้ 100% อีก ยังไงจะรออ่านตอนต่อไปนะครับ ขอบคุณมากๆอีกครั้งครับ จากคุณ : ศิษย์นกฮูก - [ 21 ก.ย. 49 23:03:57 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เริ่มต่อแล้วกันครับเพิ่งเคลียร์งานเสร็จครับ... ในภาวะข้อเท้าหลวมนั้น เราแบ่งง่ายๆได้เป็น 2 แบบ คือ 1.กลุ่มที่มีปัญหาเรื่องของเอ็น,กล้ามเนื้อและระบบเส้นประสาท(Functional Instability) ...กลุ่มนี้จะเป็นปัญหารวมๆของ 1.ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และ2.เรื่องของการทรงตัว(Balance) ...วิธีทดสอบง่ายๆคือ ลองให้ยืนกระต่ายขาเดียวโดยเอามือกอดอก ถ้าคุณไม่สามารถควบคุมให้ตัวเองยืนได้นิ่งๆแสดงว่ามีปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งวิธีที่จะช่วยได้คือการฝึกเรื่องการทรงตัวให้สมดุลย์(Balance training) อาจเรียกว่า"proprioceptive retraining exercises" วิธีที่แนะนำกันคือการใช้ Ankle Disc Training บางทีก็เรียกว่า"Balance Disc" มีการศึกษาที่ออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า ในกลุ่มนี้หลังจากใช้การฝึกแบบนี้แล้ว จะช่วยการควบคุมท่าทาง และลดการการเกิดข้อพลิกได้อย่างชัดเจนในนักกีฬาฟุตบอล(สูงถึง 65%ในกลุ่มทดสอบที่ไม่เกิดข้อพลิกเลย) ....ในขบวนการฝึกนั้น เขาเริ่มตั้งแต่2-4 สัปดาห์หลังบาดเจ็บ โดยเริ่มจากลองให้ยืนบนพื้นปกติดูก่อน ให้ยืนขาเดียวก่อน จนพอจะทรงตัวได้แล้วจึงให้มายืนบนพื้นที่ไม่เรียบซึ่งก็คือ Ankle Balance Disc โดยเป้าหมายคือฝึกไปจนถึง 10-12 สัปดาห์แล้วค่อยประเมินผลอีกทีว่าจำเป็นต้องผ่าตัดแก้ไขหรือไม่ ...สำหรับโปรแกรมการฝึกนั้น ผมแปลมาจากเอกสารฉบับนี้ครับ"New perspectives on lateral ankle instability"ของ Douglas H.Richie.Jr" ในเอกสารนี้เขาแนะนำ ทำติดต่อกัน 10 สัปดาห์ โดยทำ 5 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งการทำติดต่อกันเกิน 10 สัปดาห์ก็ไม่ให้ประโยชน์อะไรเพิ่มเติม และ หลังจากการฝึกทรงตัวไปแล้ว 30 สัปดาห์ก็ยังพบว่า การทรงตัวก็ยังอยู่ในระดับที่ดีอยู่ รูปที่โชว์เป็น Wobble Board ซึ่งทำด้วยไม้ครับ จากคุณ : JazzLover - [ 22 ก.ย. 49 09:48:42 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จริงๆแล้วถ้าลองใส่คำว่า"Balance Disc"ลงไปในGoogle เอาแบบหารูปก็ได้มีอยู่หลายรูปแบบ แต่หลักการคือการฝึกให้เราทรงตัวบนพื้นที่โคลงไปมาให้ได้ ซึ่งจะฝึกการทรงตัวนั่นเอง ลองดูในตารางจะเห็นว่า สัปดาห์แรก ให้หัดยืนขาเดียวบนพื้นราบๆก่อน สัปดาห์ที่สอง  ยืนบนแผ่นทรงตัวด้วยขาสองข้าง สัปดาห์ที่สาม ยืนบนแผ่นทรงตัวด้วยขาข้างเดียว สัปดาห์ที่สี่ ยืนบนแผ่นทรงตัวด้วยขาเดียวพร้อมกับหลับตา โดยทั้งหมดทำเป็นยก ยกละ 30 วินาที รวม 3 ยก ต่อหนึ่งท่า จากคุณ : JazzLover - [ 22 ก.ย. 49 10:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สำหรับภาพในการฝึกนั้น เขายืนอยู่ตรงประตูครับ ตามรูปแล้วใช้มือเกาะขอบทั้งสองข้าง พอดีตัดภาพมาจากไฟล์PDF อาจจะไม่ชัดแต่พอเห็นรางๆครับ จากคุณ : JazzLover - [ 22 ก.ย. 49 10:29:35 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ภาพนี้แสดงการฝึก โดยถ่ายน้ำหนักจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง,การกระดกหน้ากระดกหลัง และการหมุนตามเข็มและทวนเข็มนาฬิกา จากคุณ : JazzLover - [ 22 ก.ย. 49 10:32:37 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ในเอกสารที่เขาเขียนนั้น เขาพูดแค่นี้ซึ่งอาจเรียกว่า"Static Balance Training"ซึ่งเป็นภาวะที่เราไม่มีการเคลื่อนไหว และไม่มีการรับแรงปะทะ เหมือนในการเล่นกีฬา ซึ่งต้องเพิ่มในส่วน"Dynamic Balance Training"ซึ่งเป็นการฝึกเพิ่มอุปกรณ์ เช่นตามรูปเป็นการฝึกถือบอล จากคุณ : JazzLover - [ 22 ก.ย. 49 10:39:42 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ในรูปนี้เป็นกีฬาอเมริกันฟุตบอลที่ฝึกในสนามด้วยBalance Disc [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JazzLover - [ 22 ก.ย. 49 10:41:54 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ดังนั้นในการฝึกแบบข้างต้น รูแบบที่เหมาะสมคือ มีแผ่นแข็งๆที่วางบนลูกบอล แต่ในการฝึกกับอุปกรณ์อย่างอื่นอาจต้องใช้ Balance Ball ลองดูในรูปครับ แต่จริงๆแล้วเขาว่าก็สามารถใช้ฝึกการทรงตัวในนักกีฬาที่ไม่ได้บาดเจ็บก็ได้ ...ถ้าบริหารจนครบ 10 สัปดาห์แล้วข้อเท้ายังหลวมก็ต้องไปดูว่า ข้อเท้ามีปัญหาด้านโครงสร้างร่วมด้วยหรือเปล่า ซึ่งเป็นชนิดที่สอง ซึ่งถ้าไม่มีปัญหาด้านโครงสร้าง ก็รักษาแค่การผ่าตัดซ่อมเอ็นข้อเท้าด้านข้าง จากคุณ : JazzLover - [ 22 ก.ย. 49 11:19:42 ]

ความคิดเห็นที่ 18 T-T อ่านเรื่องเกี่ยวกับเอ็นๆอ่ะไรเนี่ยแล้วมันปวดใจ จี๊ดดดดดดดดดดด "ชั้นเปนอะไรเกี่ยวกับขามากี่ครั้งแร้วเนี่ย -*- " เข้าเฝือกมา2 ครั้งแล้ว>.< จากคุณ : shinoru - [ 22 ก.ย. 49 15:12:10 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ จากคุณ : iceboy - [ 22 ก.ย. 49 16:02:08 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พรุ่งนี้ผมค่อยมาเล่าข้อเท้าหลวมแบบที่สองต่อแล้วกันครับ...เดี๋ยวต้องไปเล่นบาสแล้วครับ ฝนตกทุกวันเพิ่งมีวันนี้อากาศเริ่มจะดีแล้วบ้าง... จากคุณ : JazzLover - [ 22 ก.ย. 49 17:19:59 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ข้อเท้าหลวมแบบที่สอง เป็นแบบที่เรียกว่า"Mechanical Instability" ซึ่งแปลง่ายๆว่า เป็นความผิดปกติด้านโครงสร้าง  ...ลองมาดูรูปโครงสร้างของข้อเท้า ที่ต้องพูดถึงก่อนเป็นโครงสร้างของกระดูกเองซึ่งพบความผิดปกติของกระดูกถึง 75%ของข้อเท้าหลวมชนิดนี้ ....ข้อเท้านั้นมีกระดูกข้อเท้าที่เรียกว่า"Talus"ซึ่งวางอยู่บนกระดูกส้นเท้า ที่เรียกว่า"Calcaneus" เวลาที่เกิดการฉีกขาดของเอ็นข้อเท้าด้านนอก อาจมีการฉีกขาดของเอ็นที่ยึดระหว่างกระดูกส้นเท้ากับกระดูกขา(Fibula)ซึ่งเอ็นเส้นนี้เป็นตัวหลักที่ตรึงให้กระดูกส้นเท้ามีความมั่นคง ดังนั้นการขาดของเอ็นข้อเท้าด้านนอกจึงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าเอ็นเส้นนี้ฉีกด้วยจะทำให้กระดูกส้นเท้า ไม่มั่นคง ซึ่งมีผลต่อกระดูกข้อเท้าที่วางบนกระดูกส้นเท้าอย่างแน่นอน ...ลองดูรูปก่อนครับ จากคุณ : JazzLover - [ 23 ก.ย. 49 09:33:46 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ดังนั้นบางคนมีข้อเท้าหลวมแบบผสมคือมีทั้งโครงสร้างและการทำหน้าที่ที่ผิดปกติ....สำหรับการตรวจรักษานั้น ส่วนใหญ่กจะเน้นไปที่การเอ็กซเรย์เป็นพื้นฐาน โดยทั่วไปเมื่อวินิจฉัยได้แล้ว มักเริ่มต้นด้วยการทำกายภาพบำบัดก่อน เมื่อทำอย่างเต็มที่ 2-3 เดือนแล้วยังไม่ดีขึ้น ก็พิจารณาผ่าตัด...โดยการทำกายภาพบำบัดนั้นก็เหมือนกับในข้อหลวมชนิดแรกคือ ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อPeroneal,ฝึกเรื่องการทรงตัว,ฝึกยืดเอ็นร้อยหวาย และอาจต้องใส่เครื่องประคองที่เรียกว่า"Brace"...ดูภาพเอ็กซเรย์ว่า มันเคลื่อนออกมากแค่ไหนครับ จากคุณ : JazzLover - [ 23 ก.ย. 49 10:02:18 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมคงช่วยเล่าให้ฟัง...ได้ตามภูมิของผมเท่านี้ เรื่องการตัดสินใจในการรักษาคงต้องยกให้แพทย์ผู้รักษาและนักกายภาพที่จะแนะนำโปรแกรมฟื้นฟูให้ ...ผมติดเรื่องการฟื้นฟูไว้ก่อน เพราะผมต้องนั่งแปลจากเอกสารอังกฤษ ชื่อ"The F.A.S.T. Functional Ankle Stability Training" จาก Foot & Leg Instituteมีทั้งหมด 6 หน้าครับ คุณIceboyต้องใช้เวลาสักหน่อย คงไม่เกินวันจันทร์ ผมจะตั้งกระทู้ให้อ่านครับ...หายเร็วๆนะครับ จากคุณ : JazzLover - [ 23 ก.ย. 49 10:24:06 ]