ความคิดเห็นที่ 1 เอะ ผมดูอะไร ผิด ไปหรือ เปล่า ไอ้ดายทีเน็บ มันดาบสามูไรหรือเปล่าเนีย ใคร เห็น ช่วยตอบหน่อย ครับ  ว่ามันดาบอะไร จากคุณ : win_mma - [ 19 พ.ย. 49 00:30:19 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อีกอน จากคุณ : win_mma - [ 19 พ.ย. 49 00:32:33 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ** แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 49 00:34:23 จากคุณ : win_mma - [ 19 พ.ย. 49 00:34:11 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อีก อน จากคุณ : win_mma - [ 19 พ.ย. 49 00:35:11 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เคยอ่านดูว่า ดาบซามูไร ขึ้นชื่อมานานแล้ว เจ้านายชั้นสูงในไทยเอาตัวมีดมาใส่ด้ามดาบไทย เพราะไทยติดต่อกับญี่ปุ่นมานานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าน้ำหนักมันจะเหมาะกับวิชาดาบไทยรึป่าวเหมือนกันครับ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 19 พ.ย. 49 21:06:47 ]

ความคิดเห็นที่ 6 พกซามูไรปีนปล้นค่ายเลยเหรอ คห๔ เหมือนดาบจะไม่ยาวเท่า คห๒ นะครับ ดาบคนละเล่มหรือมุมกล้อง จากคุณ : คนรักดาบไทย - [ 20 พ.ย. 49 07:02:39 ]

ความคิดเห็นที่ 7 พระเอกาทศรถครับ ดาบมันแบน(แต่ดาบทีไหนมันแบนหมดและ) ภาพมันไหว ๆคลายๆดาบจีนนะครับ ดูไม่ค่อยออก แต่คลายๆดาบซามูไรคับ แต่ภาพที1 หน้าจะใช้นะครับ แถมพกปืนด้วย โห้ ตัวละครตัวนี้บู้หน้าดู แต่หนังก็คือ หนัง ไม่ใช้สารคดี ผม ไม่คิดค่อยคิดมาก แต่ดูภาพแล้วแม้ตืนตา ตืนใจตืนเต้น หนังมันหน้าดูจริงๆๆ แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 49 15:45:51 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 49 15:43:51 จากคุณ : ว (win_mma) - [ 20 พ.ย. 49 15:38:50 ]

ความคิดเห็นที่ 8 หนังก็คือหนัง คิดมากไปคงไม่ได้ ตามในภาพหนังจงใจให้ดูเป็นพกดาบซามูไรอยู่แล้ว แต่ควงดาบซามูไรปล้นค่ายก็เกินไป อย่างน้อยต้องมีมือหนึ่งไว้ปีน บางทีรีบๆปีนคงต้องเอาปากคาบดาบ ปีนสองมือเลย เรื่องวิชาคงไม่ถึงกับเป็นปัญหามากหรอกครับ ฝึกไปถึงขั้นหนึ่ง การยึดติดกับอาวุธก็ลดลงอยู่แล้ว ที่สำคัญของไทยฝึกทั้งอาวุธยาว-สั้น หลายอย่าง ดาบซามูไรคนที่เคยฝึกทั้งดาบและง้าว คงปรับตัวใช้ได้ไม่ยากนัก จากคุณ : คนรักดาบไทย - [ 21 พ.ย. 49 07:29:38 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ยังไม่ตอบ คุณอากงเลย เอางีแล้วกันผมตอบแบบกว้างๆนะ สำหรับคนสมัยก่อนทีฝึกทหารโดยใช้ธนู หอก ดาบ หรือ การใส้ เกราะเขาต้องใช้เวลาฝึกหลายปี จนกระทั้งเกราะเป็นสวน หนึงของร่างกาย  หอก เบาเป็นตะเกียบ  ดาบต้องไว้ ปานสายฟ้า ธนุ ต้องเร็วพอ ทีจะฆ่านกได้ อาวุธต้องใช้ได้เหมือนสิ่งมีชิวิต เหมือนมีวิญญาณ ทั้งนี้ ต้องฝึกหนัก และระเบียบวินัยสูงมากๆกว่าคนธรรมดาคับ           เพราะฉะนั้นไม่ว่า จะ ใส้เกราะแบบไหน ดาบ อาวุธเป็นอย่างไง เพือให้ตัวเอง รอด มันก็ต้องทำให้เป็นส่วนหนึงของชิวิตครับ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 49 05:14:42 จากคุณ : win_mma - [ 22 พ.ย. 49 05:12:24 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สมเด็จพระนเรศวร ท่านทรงพระราชสมภพเมื่อปีพ.ศ. ๒๐๙๘ เข้าสู่ยุค มูโรมาจิตอนปลายของญี่ปุ่นแล้ว  ถ้าใครเคยไปพิพิธภันฑ์ดาบซามูไรที่นี่จะเห็นวิวัฒนาการของดาบที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะตามขนาดร่างกายของคน ลักษณะการใช้งาน ลักษณะของวัสดุ ฯลฯ   ช่้วงปลายของมูโรมาจิ มีการใช้อาวุธปืนและเกราะของยุโรปในเอเชียแล้ว ทั้งในจีนและญี่ปุ่นด้วย ดังนั้น ดาบซามูไรในยุคนั้น จึงเปลี่ยนขนาดจากยุคกลางมูโรมาจิขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด  คือทั้งยาวขึ้น หนักขึ้น เพราะต้องตัดเกราะด้วย ตั้งแต่ยุคกลางมูโรมาจิ ที่เริ่มมีการผลิตดาบซามูไรแบบ "โหล" ชนิดเป็นแสนเพื่อส่งออกจีนราชวงศ์หมิงโดยไม่ได้มีคุณภาพดีเหมือนที่ใช้ในญี่ปุ่นเท่าไหร่นั้น  ดาบซามูไรก็เริ่มใช้เป็นแบบที่แขวนที่เอวแบบหงายด้านคมขึ้นแล้ว  เพื่อง่ายต่อการชักออกมาทั้งป้องกันและฟันในดาบเดียว อันเป็นเทคนิคเฉพาะในการใช้ดาบซามูไรของญี่ปุ่น ซึ่งต่างจากการใช้ดาบแบบ ตาจิ ที่พวกซามูไรบนหลังม้าใช้ คือ เอาด้านคมลง เพราะลักษณะการชักออกมาฟัน จะต่างกันกับพวกที่เป็นทหารราบ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใด ดาบซามูไรในยุคนั้น จะมีความโค้งมากกว่าในภาพทั้งสอง  ความจริงทหารม้า ที่แขวนแบบ ตาจิ จะต้องยิ่งโค้งมากกว่าเยอะมากด้วยซ้ำ  ไม่เช่นนั้น ต้องเป็นดาบพิเศษที่เรียกว่า อุมะ ที่ยาวไปเลย เหมือนง้าว แต่รูปทรงเป็นดาบซามูไร  และแขวนที่ข้างม้า ไม่ไว้ที่คน  เพราะไม่สามารถชักจากฝักได้เนื่องจากยาวเกินความยาวคน  ต้องอาศัยจังหวะการวิ่งของม้าและการขยับตัวช่วยในการดึงดาบออกมาจากข้างตัวม้าในจังหวะเดียว เพราะฉะนั้น ในภาพ ถ้าจะให้ระบุว่าเป็นดาบที่ไทยซื้อต่อมาจากดาบมูโรมาจิยุคผลิตเป็นโหลส่งออกไปจีนนั้น  ก็ต้องบอกว่าขนาดผิดยุค และความโค้งผิดประเภท(ไม่ใ่ช่สำหรับทหารม้า) ชักออกมาไม่ได้ ได้แค่พกโชว์เวลาขี่ม้าเท่านั้น และด้ามจับก็ไม่ค่อยจะคล้ายที่ไปเห็นในพิพิธภัณฑ์เท่าไหร่ แต่ก็อย่างที่บอกว่า  ตอนนั้นไม่ได้มีการควบคุมการผลิต  ก็คงจะผลิตกันหลายเจ้า แต่ไม่น่าจะทำให้ผู้่ใช้ในลักษณะการใช้เพลงดาบซามูไรถนัดนัก  ถึงแม้ว่าในส่วน tsuba จะดูเป็นของญี่ปุ่นก็ตาม แต่ก็ต้องให้เครดิตกองถ่ายว่าพยายามทำการบ้าน เพราะทราบว่าเขาไปค้นคว้าเรื่องเกราะของญี่ปุ่นจริง ๆ   และนี่ก็เป็นเพียงภาพยนตร์ ไม่ใช่สารคดี หรือว่าคำตอบข้อสอบวิทยานิพนธ์ จากคุณ : kenzen - [ 23 พ.ย. 49 00:40:08 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มีภาพจากหนังเรื่อง The last samurai ให้ชมประกอบกันครับ จากคุณ : กระบี่ลีลา (กระบี่ลีลา) - [ 25 พ.ย. 49 10:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Last Samurai เอง นั้  กองทัพทั้งสองฝ่ายใส่ยูนิฟอร์มจากคนละสมัยกันเลย  ซึ่งถ้าเป็นไทยก็แทบจะต้องเทียบกันเหมือนกองทัพสมัยรัตนโกสินทร์รบกับอยุธยาตอนปลาย  โดยมีความห่างกันของเครื่องแบบของทั้งสองฝ่ายในภาพในหนังประมาณ ๑๐๐ ปีขึ้นไปเห็นจะได้  คือเคยอ่านบทวิจารณ์ที่นี่เข้าใจว่าฮอลลีวู้ดเขาก็ต้องพยายามขายของเขาด้วย  คือขายภาพลักษณ์ความเป็นซามูไร้ ซามูไร ก็เลยต้องไปดึงยำใหญ่ีใส่สารพัดกันมา  เพราะความจริงนั้นยุคเอโดตอนปลายน่ะเกราะอย่างนี้เขาไม่ใส่กันแล้ว  เลิกใส่กันตั้งแต่มูโรมาจิแล้ว  ดาบด้วย  แล้วอย่างที่บอก ดาบของคนขี่ม้าจะไม่ใช่อย่างนี้  ถ้าอยากเห็นชัด ๆ ว่าดาบของซามูไรที่ขี่ม้ายุคเอโดเป็นอย่างไรก็ไปดูได้ในเวบเทศกาลม้าซามูไรโบราณประจำปีของเมือง....อะไรน้า...ใกล้ๆ  Aizu ลองไปค้นในเวบก็จะเจอ  ทุกปีจะมีคนมาเยอะมากราวสองแสนคนได้  เป็นเทศกาลซามูไรที่มีมาพันกว่าปีแล้วที่มีการซ้อมรบบนหลังม้า  โดยมากมีแต่คนญี่ปุ่นเท่านั้นที่จะมาเพราะทุกอย่างเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลย  ปีนี้ที่ไปเห็นที่หน้าตาเป็นฝรั่งสองสามคนเท่านั้นจากคลื่นมนุษย์เป็นแสนอย่างที่บอก อีกอย่างหนึ่งคือถึงแม้หนังเรื่ีอง ลาสต์ ซามูไร นี้จะสร้างโดยอิงเรื่องราวจริงในประวัติศาสตร์ของเจ้าแคว้นคนหนึ่งที่เป็นกบฏคนสุดท้าย ที่พยายามรักษาชนชั้นซามูไรและอำนาจการปกครองเอาไว้  แต่ในการรบจริงในประวัติศาสตร์ก็มีการบันทึักไว้ว่าทั้งสองฝ่ายใช้ปืนรบกันทั้งคู่  เพราะต่างก็มีอาวุธทันสมัยกันแล้วทั้งนั้น  และก็ไม่ได้แต่งตัวเกราะอย่างในภาพด้วย   จะมีการใช้ดาบกันก็แค่้ในระยะประชิดตัวเท่านั้น  ซึ่้งก็มีการบันทึกไว้ว่า พอถึงระยะประชิดตัว  ถึงจะเป็นระยะที่เห็นข้อแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดระหว่างซามูไรผู้ที่ได้ฝึกการใช้ดาบมาอย่างถูกต้องกับพวกทหารใหม่ที่เกณฑ์ชาวนามาและต้องรบด้วยดาบปลายปืน  ตรงนี้เองที่เป็นประเด็นที่ทางรัฐบาลสมัยใหม่ในยุคเมจิต้องรื้อฟื้นการเรียนการสอนศิลปป้องกันตัวโบราณ  คือ การใช้ดาบซามูไร  ที่โดนแบนไปแล้วก่อนหน้านั้น กลับมาสอนใหม่ ในรร.นายร้อย และ นายเรือ  และ มีการประยุกต์เป็นกีฬาสมัยใหม่เช่้น เคนโด บรรจุในหลักสูตรของรร.ทั่วไป แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 49 01:26:35 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 49 01:24:24 จากคุณ : kenzen - [ 28 พ.ย. 49 22:32:48 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ส่วนตัวคิดว่า หนังสร้างจาก อารม์ มากกว่าเหตุผลครับ คนทำหนัง คงต้องทำให้ดูสมจริง หรือดี กว่าความจริง แต่ไม่ได้สร้างความจริง เพราะหนังไม่มีความจริง ถึงทำจากเรือง ราวจริง ก็เถอะ   ก็ดูหนัง ส่วนตัวแล้ว ต้องดูสัญลักษณะให้ออก มากกว่า การแสวงหาความจริง จากหนัง การแสวงหาความจริงจากหนัง สาระมีไหม มี ! แต่น้อยกว่า ผู้สร้างต้องการสืออะไร และต้องการบอกอะไร มากกว่า ถ้า อยากได้ความจริง ผมแนะนำให้ไปอ่านหนังสือมากว่าครับ ผมว่าผู้สร้าง เจตนารม เขาคงเป็นอย่างนั้นมากว่า    ภาพที ตัวละครทหาร ไทย เหน็บดาบญีปุ่นผกปืนฝรั้ง บอกอะไรได้เยอะนะฮะ  ท่านมุ่ย จงใจตอกย้ำลงไป ว่าคนไทยรับอะไร อย่างนีมานานแล้ว ไม่ใช้มี แต่ ญีปุ่น อาจมีจีน ฝรั้ง ชนเผ่า กลุ่มน้อยต่างๆร่วมไปด้วย   คือท่านไม่สร้างหนังชาตินิยม แบบ สุดโต้ง แต่ท่านให้เกียรติ ทุกๆคน ทุกๆเชือชาติ ทีช่วยกู้แผ่นดินไทยครับ แต่ก็ไม่ได้แสดงว่า ดาบญีปุ่นดีกว่าดาบไทย อาจ จะเป็นเรืองรสนิยม หรือความบังเอิญ ก็ได้ เพราะในหนัง ก็ใช้ว่าทหารไทย เหน็บดาบญีปุ่น ทุกคนเมือไร แต่ ภาพ ได้เน็น ว่า เรา "ผสม"ทาง ศิลปและวัฒธรรม กันมานานแล้ว  แต่ทีหน้าคิด ว่า เอาดาบปืน เขามา ใช้แล้ว เราเอา"วิธิใช้" มาด้วยหรือเปล่า   แล้วสมมุติว่า เรา เอา "วิธีใช้ " มาผสม กับรสนิยมของเราก็เป็นไปได้ว่า รูปแบบการต่อสู้ อื่นๆๆ "อาจจะ"รับมาด้วย "รับมาแล้วสูญหาย หรือว่าหลงเหลืออยู่แต่ ลืมไป ไม่รู้ว่ามี  อันนี้ก็ ไม่ทราบได้  แต่ เป็นไปได้ ไหม  ส่วนตัวเป็นไปได้อย่างมากครับ  กลับกันก็เป็นไปได้เหมือนกัน ทีรูปแบบวัฒนธรรมของเราอาจจะปนเปไปกับเขาแต่เราก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่า อันไหนท่าไม่มีบรรทึกไว้อย่าง เป็นทางการครับ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 49 20:19:04 จากคุณ : win_mma - [ 29 พ.ย. 49 20:14:12 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากครับคุณkenzen ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดาบของญี่ปุ่น ผมก็มีความเห็นเช่นเดียวกับคุณwinครับ  ที่ว่าเราคงมีการ"ผสม"ทางศิลปวัฒนธรรมกันมานานแล้ว ได้ชมภาพแรกที่ทหารไทยเหน็บดาบซามูไรพกปืนฝรั่งแล้ว  ผมมีอีกภาพหนึ่งครับจากเรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรเหมือนกัน  เป็นภาพทหารไทยถือ "แปะกั๊ก" ลักษณะคล้ายกับมีดพร้าต่อด้ามเลยครับ  ผมไม่ทราบว่าทหารท่านนี้รับบทเป็นอะไร  แต่จากการแต่งกายที่บ่งบอกว่าเป็นตัวนายอาจจะเป็นหัวหน้าทหารอาสาเขมรก็ได้นะครับ แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 49 09:54:26 แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 49 09:53:04 จากคุณ : กระบี่ลีลา - [ 30 พ.ย. 49 11:33:27 ]

ความคิดเห็นที่ 15 การให้สมเด็จพระนเรศฯท่านทรงดาบญี่ปุ่นนี่ **ฟุ้งเกินกว่าจะรับได้** พระแสงดาบสำคัญเล่มนี้เก็บรักษาไว้จนถึงคราวเสียกรุงครั้งที่ 2 สูญหายไปเมื่อครั้งเสียกรุง รัชกาลที่ 1 ท่านทรงจำลองขึ้น เนื่องจากเป็นพระแสงองค์สำคัญ โดยที่กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาถ ท่านเคยเป็นนายสุดจินดา ในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา  ย่อมเคยเห็นพระแสงอค์นี้มาก่อน ผมเลือกที่จะเชื่อข้อมูลไหนก็คงเดาได้นะครับ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 49 17:32:40 จากคุณ : bancha_ktb - [ 30 พ.ย. 49 17:31:38 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อ้าวนั้นไม่ใช้พระเอกาทศรส หรือครับ เอ้  พระแสงดาบเวียดนี้ ดาบคาตานะญีปุ่นหรือเปล่าครับ? แล้วพีพอทราบไหมครับ ว่า ประวัติดาบนีเป็นมาอย่างไงครับ? ทีรับไม่ได้เพราะอะไรครับมันไม่ ถูกต้อง ตามประวัติศาสตร์ทีอ่าน มา หรือเพราะ มันเป็นดาบญีปุ่น เราจะแน่ใจได้อย่างไงละคับ ว่าประวัติศาสตร์ ทีรับมาไม่ได้ถูก "ปกปิด"หรือ บิดเบือน ตามแบบประวัติศาสตร์ทีชาตินิยม แบบสุดโต้งเหมือนทีแล้วๆมา แล้ว พี จะรับได้ไหมคับถ้าาประวัติศาสตร์ ญีปุ่น หรือพม่า ระบุ ว่า ดาบทีบุกค่ายเป็นดาบ คาตานะ หรืออาจจะเป็นดาบอื่นก็ได้ ถ้าท่านมุ่ยเจตนา ให้ท่านทรง ดาบญีปุ่น ไม่ว่าจะ ผิดหรือถูก  ท่านทำไปเพราะเหตุใด ทั้งทีรู้ว่า ท่านทำไป ท่านต้องถูกด่าแน่ๆๆ ทั้งที ท่านทุม เท่ กว่า 4-5ปี ทำการ สร้าง และค้นคว้า  และก็ไม่ได้ทำคนเดียวแต่ ทำเป็นทีม ก็รู้กันอยู่ แต่ ทำไม่ท่าน ยังเอามาใส้คับท่านมีเจตนาอะไรหรือครับ ผมก็เคย มีความสงสัยเกียวกับหนัง ของจา ผม มีโอกาส ก็เดินเขามาถามเขาตรงๆๆ ทำไม่พี ไม่ลองหาเมล หรือ โทรไปถามท่านหรือทีมงาน ละครับ ผมว่าไม่ยากนะครับทีจะสืบค้นถ้าพีต้องการ ขอมูลทีแท้จริง ก่อนทีจะก้นด่าเขา แล้วเอาจริงๆพีต้องการอะไรจากหนังหรือครับ ขอโทษนะครับ ถ้าถามอะไร ทีไม่ถูกใจ ถ้ามันตรงไปหน่อย แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 49 20:26:58 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 49 19:47:39 จากคุณ : win_mma - [ 30 พ.ย. 49 19:46:55 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุณบัญชาเป็นผู้ค้นคว้าเรื่องดาบมานาน เท่าที่ผมทราบยังไม่มีหลักฐานว่าพระองค์ท่านทรงดาบญี่ปุ่น แตมีหลักฐานชัดเจนว่าพระแสงดาบคาบค่ายเป็นดาบไทยตามรูปที่แสดงมา ท่านมุ้ยเป็นคนทำหนังไม่ใช่นักประวัติศาสตร์ ทำไมจะต้องให้เชื่อไปหมดละครับ กระทั่งฟังนักประวัติศาสตร์ว่ายังต้องแยกแยะว่าอันไหนตวามคิดเห็น อันไหนขัอเท็จจริง จากคุณ : คนรักดาบไทย - [ 30 พ.ย. 49 22:48:10 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ดูรูปและพิจารณาครับ เท่าที่ผมหาข้อมูลมาเหมือนกันก็คาดว่าพระแสงดาบคาบค่ายในหนังน่าจะไม่ตรงกับที่มีข้อมูลหลายๆที่ระบุครับ แต่ด้วยเหตุอันใดในหนังดาบจึงออกมาลักษณะนี้ อันนี้ต้องรอคำตอบจากท่านมุ้ยและทีมงานครับ ตอบคุณความเห็น16คุณบัญชาเคยถามท่านมุ้ยแล้วครับ http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/A3788621/A3788621.html และผมอ่านที่คุณบัญชาตอบในความเห็น15ไม่เห็นมีคำไหนที่น่าจะเรียกว่าด่านะครับ ไม่หาข้อมูลที่แท้จริง ไม่ลองถามคนรู้(ถามแล้ว เขาตอบมาไม่เชื่อเอง)แล้วก่นด่าเขา คุณสมบัติเหมาะกับใครน่าจะรู้ตัวนะ(ก่นด่านะไม่ใช่ก้นด่าช่วยเข้าไปแก้คำอีกสักรอบหน่อยเถิดครับ) จากคุณ : j thailandfight (j thailandfight) - [ 1 ธ.ค. 49 00:20:28 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณมากครับคุณบัญชาที่นำภาพพระแสงดาบมาให้ชม  สวยงามมากจริง ๆ ครับ จากคุณ : กระบี่ลีลา - [ 1 ธ.ค. 49 10:08:15 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมยินดีรับฟังความเห็น ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้หรือก้อนหินครับ เรื่องที่ผู้กำกับเห็นว่าน่าจะเป็นดาบญี่ปุ่นเคยมีปรากฏความเห็นใน Pantip ว่า ท่านยืนในงานพราชพิธี เห็นพระแสงอต์สำคัญ เป็นดาบญี่ปุ่น ใน Pantip ดังนี้ครับ *************************** จากกระทู้เพชรพระนเรศ3 * * * ความคิดเห็นที่ 173   คราวนี้มาถึงเรื่องดาบซามูไรของพระยาไชยบรูณ์ตามที่คุณ "ฝากทีมงานมาพิจารณา "ครับ จริงๆ แล้วมันก็คือดาบซามูไรนั่นเอง เรื่องของเรื่องก็คือว่าตอนที่ผมต้องเข้าไปในงานพระราชพิธีของในวัง ผมกับหม่อมก็จะต้องยืนอยู่ข้างหลังพระราชบัลลังค์ ทำให้เห็นศาสตรวุธที่วางอยู่ด้านหลังอย่างชัดเจน เชื่อหรือไม่ครับว่าเครื่องศาสตราวุธแทบทุกชิ้นจะเป็นดาบซามูไรล เครื่องราชศาสตราวุธเหล่านี้ตกทอดมาจากแผ่นดินก่อนหน้า ย้อนกลับไปถึงสมัยอยุธยานั่นเลย จะเห็นได้ว่าพระมหากษัตริย์โบราณจะใช้ดาบซามูไรเป็นอาวุธ ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะดาบซามูไรเป็นดาบที่ดีที่สุดในทุกยุคทุกสมัย และถ้าจะให้เลือกดาบเพื่อออกรบ ก็นาจะเป็นดาบที่ดีที่สุดใช่ไหมครับ ก็น่าจะเลือกดาบซามูไร, นั่นถ้ามีทุนทรัพย์พอที่จะซื้อเอามาใช้ได้ พระชัยบุรีท่านเป็นเจ้าเมืองนะครับ ครองเมืองชัยบรูณ์ ก็เทียบเท่ากับพ่ออยู่หัวองค์หนึ่ง แต่เป็นพ่ออยู่หัวที่ครองแคว้นเล็กๆ เพราะฉนั้นการที่ท่านใช้ดาบวามุไรก็ไม่น่าจะแปลกตรงไหน ก็อย่างที่ผมว่านั่นแหละครับ ผมอยากจะเสนอมุมมองที่แตกต่างออกไป แต่นั่นไม่ใช่นั่งเทียนเขียนบทนะครับ ผมมีคนที่ช่วยค้นคว้าหลายคนครับ แต่ละคนจะเสนอมุมมองและหลักฐานมานั่งถกกันครับ หลังจากนั้นก็จะให้ฝ่ายศิลปกรรม(ก็ปู่เบี้ยวกับพรรคพวกนั่นแหละครับ)เอามาออกแบบเป็นชุด ที่จะต้องเข้ากับ Character ของแต่ละคนครับ จากคุณ : Cinephile  - [ 17 ธ.ค. 47 09:34:22 ] ***************************** เมื่ออ่านแล้วผมว่าคนที่เห็นภาพก็มีความเห็นแตกต่างกับผู้กำกับ เพราะพระแสงดาบคาบค่ายไม่ได้มีลักษณะของดาบญี่ปุ่นเลย   การที่ผู้กำกับถามว่าเชื่อหรือไม่ว่า"เครื่องศาสตราวุธแทบทุกชิ้นจะเป็นดาบซามูไร" ผมตอบว่าไม่เชื่อครับ แถมไม่เชื่อว่าตกทอดมาจากอยุธยาด้วย  เพราะดาบที่สำคัญที่สุดของอยุธยาก็พระแสงดาบคาบค่าย องค์จริง ยังสูญหายไปในคราวเสียกรุงครับ พระแสงองค์สำคัญส่วนใหญ่สร้างสมัย ร.1 ครับ เช่นพระแสงดาบคาบค่าย (องค์จำลอง) พระแสงดาบใจเพชร พระแสงดาบฝักทองเกลี้ยง เป็นต้น เล่มที่ลักษณะภายนอกคล้ายดาบญี่ปุ่นเป็นพระแสงดาบเวียด(พระแสงดาบเวียดห้าวเป็นดาบเวียดนาม ทูลเกล้าถวายสัย ร.1 ครับ) จากคุณ : bancha_ktb - [ 1 ธ.ค. 49 11:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 21 กระทู้นี้ให้ความรู้จริงๆ หวังว่าคงได้มีโอกาสเข้าร่วมฟังสัมนาเรื่องอาวุทไทยและเทศจากคุณบัญชาอีกเร็วนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 49 17:04:54 จากคุณ : น้องคิว (น้องคิว) - [ 1 ธ.ค. 49 17:04:12 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ความรู้ทั้งนั้นครับ จากคุณ : เรือรบ (พยัคฆ์สมุทร) - [ 2 ธ.ค. 49 14:52:14 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อันนี้ยกตัวอย่างเพื่อการศึกษาครับ อาวุธที่พระเอกถือ เป็นอะไรกันแน่ หอก หรือทวน [IMG]http://i83.photobucket.com/albums/j311/bancha_ktb/naresuan_poster02.jpg[/IMG] ใบหอก คอเป็นทวน(ลูกแก้ว พู่ที่คอ) ความยาวเป็นหอก (จริงๆก็ยังสั้นไป) ถ้าถือเอาเป็นแบบอย่างคงไม่เหมาะสม ผู้สนใจอยากเห็นของจริง เพื่อชื่ชม ศึกษา ฯลฯ มีตัวอย่างมากที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติครับ สนามหลวง คงหาไม่ยาก อ้อ ปิด จันทร์ และอังคาร แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 49 06:19:06 จากคุณ : bancha_ktb (bancha_ktb) - [ 4 ธ.ค. 49 06:16:02 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ชุดเกราะในหนัง ผมว่ามั่วขึ้นมาเองครับ เพราะหลักฐานว่าเราใส่เกราะไปรบ ไม่มี ผมคาดหวังว่าเรื่องนี้จะได้เห็นวิชาดาบไทย แต่ดูภาพตัวอย่างแล้วน่าดูจริง แค่ฉากก็คุ้มแล้ว จากคุณ : ลานดิน - [ 4 ธ.ค. 49 16:37:37 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สงสัยจะได้เห็นดาบลูกผสมนะครับ ดูๆดาบและการจับดาบแล้ว ควรจะคาดหวังความบันเทิงเป็นหลักนะครับ จากคุณ : คนรักดาบไทย - [ วันพ่อแห่งชาติ 08:11:03 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เดี๋ยวนะครับทุกท่าน ... คือว่าหลายๆท่านเข้าใจอะไรแปลกๆไปน่ะครับ ขอไล่ให้ฟังดังนี้ครับ 1.พระนเรศวรใช้ดาบไทยครับ ... 2.พระราชมนูใช้ดาบคู่ใขว้อยู่ข้างหลัง ปืนสองกระบอกครับห้อยสองด้านครับ 3.พระชัยบุรีใช้ดาบคาตานะสั้น + ยาว และปืนพกครับ 4.พระศรีถมอรัตน์ใช้แป๊ะกั๊กครับ 5.พระเอกาทศรสใช้ดาบไทยครับ ปัญหาเท่าที่อ่านดูคือว่าคนในกระทู้จำตัวละครสลับกันวุ่นวายไปหมดครับ ... ทำให้เวลาคุยกันก็ดูคลาดเคลื่อนครับ ไว้พอหนังฉายแล้วคาดว่าทุกคนคงจะได้รับความกระจ่างเกี่ยวกับอาวุธของแต่ละพระองค์มากขึ้นครับ ขอบคุณครับ   สวัสดีครับ จากคุณ : JamiroQuai [146...เดิม] - [ 13 ธ.ค. 49 23:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมมองว่า ถ้าเป็นเรื่องจริง คาบดาบไทยไปปีนค่าย สงสัย ปากแหกก่อนล่ะครับ ทั้งหนา ทั้งหนักปานนั้น กาตานะ น่าจะสมเหตุสมผลกว่าในแง่ของสามัญสำนึก ไม่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ดาบที่ดีที่สุดในโลก คือ ดาบกาตานะ ดาบน้ำพี้ และเคลย์มอร์ครับ  แต่ถ้าจะให้คาบ คาบกาตานะ ดูจะสมเหตุกว่าครับ จากคุณ : icy_CMU - [ 15 ธ.ค. 49 21:57:16 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คห.๒๗ "คาบดาบไทยไปปีนค่าย สงสัย ปากแหกก่อนล่ะครับ ทั้งหนา ทั้งหนักปานนั้น กาตานะ น่าจะสมเหตุสมผลกว่าในแง่ของสามัญสำนึก" ใช้สามัญสำนึกส่วนไหนกันละครับนี่ ดาบไทยทั้งหนาและหนัก ? ดาบไทยไหนละครับนี่ เอ่อ ผมว่าคงจำมาจากหนังบางระจันแน่เลย คนทำหนังน่าจะต้องรับผิดชอบบ้างนะครับ พาคนเข้ารกเข้าพงได้ขนาดนี้ ไปดูดาบไทย   ไปดูได้ที่พิพิธภัณฑ์ครับ หรือเปิดเวปไซด์ก็พอหาดูได้ อย่าไปดูจากหนังเลย ผมว่าคนไทยดูจะรู้จักดาบญี่ปุ่นแต่ท่าจะไม่ค่อยรู้จักดาบไทย วานท่านผู้รู้ช่วยสงเคราะห์หน่อยเถอะครับ จากคุณ : คนรักดาบไทย - [ 16 ธ.ค. 49 19:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมเคยเห็นดาบที่ใช้แสดงในหนังมาแล้วตอนไปงานสัมมนา ยืนยันว่าดาบในหนังไทยพวกบางระจัน หรือขุนศึกยาวใหญ่เวอร์จริงๆครับ  ลองดูภาพได้ครับ ถ้าดูด้านบนของภาพจะเห็นดาบไทยวางอยู่ด้วย ลองเปรียบเทียบกับดาบยาวๆอลูมิเนียมที่ใช้ในหนังดูครับ(วางอยู่กลางภาพ) หรือลองไปชมที่นี่ได้ในเรื่องงานสัมมนา http://www.geocities.com/thailandfight ที่ชัดเจนที่สุดคือที่คุณบัญชาความเห็น15 นำมาเพิ่มความรู้ให้ในนี้แหละครับ แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 49 15:48:35 จากคุณ : j thailandfight (j thailandfight) - [ 16 ธ.ค. 49 21:45:08 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ท่าน จขกท.ที่ 26 ครับ ดาบที่พระเอกคาบปีนค่ายนี่ดาบไทยในคห.18 นี่ดาบไทยด้วยหรือครับ   ถ้าตอบว่าใช่แปลว่าท่านไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่ผู้สนใจในอาวุธไทยพยายามนำเสนอ แนวนี้ดาบญี่ปุ่น(ด้ามแบบงาน ร.3) หรือศิลปจีน(กระบังเล็ก)ไปเลยครับ ดาบพระราชมนูแบบไทยใหญ่ ขัดกับหลังแบบนั้นชักแล้วติดครับ แล้วในใบปิด อาวุธที่ทีมงานตกลงตั้งใจให้พระเอกถืออะไร  ทวนหรือหอก  ครับ แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 49 09:36:14 แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 49 09:28:48 จากคุณ : bancha_ktb - [ 18 ธ.ค. 49 09:19:15 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อย่างหนึ่งที่ทีมงานน่าจะเข้าใจคือ การสร้างหนังทีมงานอาจจะสร้างจะคิดอะไรตามความเห็นของทีมงาน ถ้าเป็นหนังแนวกระสือ ผีปอบ ก็ไปอย่าง แต่นี่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ท่านเป็นวีรบุรุษของชาติ ไม่ใช่แค่ตัวละครตัวหนึ่งของทีมงานที่จะคิดอะไรเป็น Drama ไปได้เสียหมด จากคุณ : bancha_ktb - [ 18 ธ.ค. 49 11:06:01 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เพิ่งแวะเข้ามาอ่านอีกทีตามลิ้งค์จากห้องสมุด  เลยได้เห็นรูปจาก คห ที่ ๑๘ แ้ล้วอยากเสริมว่า ท่าล่างขวาดูจะคล้าย ๆ หนึ่งในท่าหลักในการสะบัดเลือดจากดาบในท่ายืนของเทคนิคการใช้ดาบซามูไรบางสำนัก โดยเฉพาะโทโยม่า ริว ที่เป็นสำนักเน้นด้านยืนและภายหลังไปใช้่สอนในรร.นายเรือญี่ปุ่นสมัยก่อนสงครามโลก  ท่านี้คุโรซาว่านำไปใช้ในหนังของเขาบางเรืองเหมือนกัน ความจริงก็ไม่เหมือนร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะดูออกว่าเป็นการจัดท่าและตำแหน่งการจัดระเบียบร่างกายหลายจุดก็ไม่ถูกต้องและ zanshin ที่พอจะอธิบายคร่าว ๆ ได้ว่าการทำสมาธิต่อเนื่องที่ต้องรักษาอยู่ในสีหน้าและการเก็บสายตาของท่านี้ไม่มี แต่ถ้าคนญี่ปุ่นที่ไม่ได้เรียนวิชานี้โดยตรงมาดูแล้วก็คงจะนึกถึงหนังคุโรซาว่าได้เหมือนกัน ก็เลยร่วมเดาเล่น ๆ ว่า ในหนังอาจจะมีลักษณะการต่อสู้ลูกผสมให้ดูเหมือนที่บางท่านเดาก็ได้  แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรไปมากกว่านี่คือหนัง จากคุณ : kenzen - [ 18 ธ.ค. 49 13:32:14 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เรื่องดาบอะไรอย่าไปสนใจเลยครับ มันเป็นอดีตไปแล้วอย่ายึดติดอดีตเลย ดูหนังแล้วสนุกเป็นพอ จากที่ผมเคยเรียนมา ดาบญี่ปุ่นจะมีความคล่องและพริ้วไหวดีกว่าดาบไทย แต่มันก็ยังมีปัญหาครับ หากใช้ตัวต่อตัวเป็นดี แต่หากอยู่แบบชุลมุลแถมอยู่ในเมืองไทย ซึ่งเป็นเขตร้อน พื้นก็ไม่ค่อยเรียบมีหญ้ามีหนามอะไรเกี่ยวไปมา ใช้ยากครับ แต่ที่ผมทราบสมัยก่อน เจ้านายชั้นสูงของไทย(ยามาดะก็เคยสอนซึ่งต่อมาเป็นออกญาเสนาภิมุข)ก็เรียนดาบซามูไรมาครับ แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะใช้หรือถนัดมากกว่า ถ้าเป็นผมถ้าสู้แบบนี้คงใช้ดาบสองมือดีกว่า แต่ถ้าตัวต่อตัวดาบญี่ปุ่นดีกว่า ไม่ยากลีลามากครับไม่มีประโยชน์ พยายามจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุดดีกว่า เออแล้วเรื่องดาบอย่าไปถามเรื่องขนาดเลยครับ ดาบเก่าขนาดเท่าไหร่มีกันหมดแหละครับทั้งเล็ก กลาง บาง ใหญ่ และหนา ขึ้นอยู่กับการใช้ครับ สถานการณ์ กาลโอกาสมากกว่า เมื่อก่อนผมก็เชื่อว่าดาบไทยต้องเหมาะกับตัว แต่พอไปเห็นดาบของจริงดาบเหนือเล็กบาง ก็เลยเชื่อว่าดาบทางเหนือเล็ก แต่พ่อไปเห็นดาบของขุนศรีน่าน ใหญ่เท่าๆกับบางระจันในหนังเลย มันทำให้ผมสรุปในสิ่งที่ตนเห็นไม่ได้ เพราะไปดูที่ลำพูนดาบเก่าก็พอๆกับดาบที่เห็นในเว็บคือพอเหมาะกับตัว แล้วเราจะมาเอาอะไรกับลายลักษณ์อักษรที่บันทึกไว้ละครับ เค้าก็บันทึกเท่าที่เค้าเห็น อะไรที่เค้าไม่เห็นเค้าก็ไม่บันทึก นี่ถ้าผมได้ตาทิพย์มองเห็นอดีตก็คงจะดี แต่แอะ ถ้าผมเอามาเล่าให้คนอื่นเค้าก็คงว่าผมบ้า นี่แหละ คนเหนอคน จากคุณ : Kitler - [ 19 ธ.ค. 49 16:45:24 A:203.154.48.162 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณ Kitler แยกออกไหมครับว่า ดาบไหนเอาไว้ใช้ทำอะไร ดาบดั้ง เหมือน หรือต่างกับ ดาบโล่ห์ อย่างไร หรือ ต่างกับ ดาบธรรมดาอย่างไร หรือ ต่างกับ ดาบตัดขาม้า ดาบหลังเกวียนอย่างไร ?? ถ้าดาบมันมีทุกขนาด และ ใช้งานเหมือนกันหมด ทำไม ไม่ทำเป็นทรงเดียวกัน ขนาดเท่า ๆ กัน ให้หมดหละครับ ?? ทำไม คาตานะ กับ ตาชิ จึงมีขนาดต่างกันครับ ?? แล้ว ดาบเหนือที่คุณเห็นหนะ มันดาบเมือง หรือ ดาบเอาไปรบครับ ?? ดาบเมือง ที่ใช้ตามบ้าน กับ ดาบที่เอาไปทำสงครามก็ต่างกันแล้วครับ อีกอย่าง ดาบเมือง หรือ ดาบประจำตัวของทางเหนือ กับ ดาบประจำตัวของทางภาคกลางต่างก็มีความเชื่อเรื่องความยาวของดาบอยู่ เหมือนกัน ดังนั้น ความยาวดาบย่อมขึ้นกับบุคคลครับ จะใช้วิธีวัดแบบเหนือ กำเป็นนิ้วก็ได้ เรื่องนี้คุณทราบไหมหละครับ ?? ก็ในเมื่อ มีหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรพิสูจน์ได้กลับไม่เชื่อ ไปเชื่อตามจินตนาการ แบบนี้มันก็พูดลำบากครับ อย่างนี้ นักประวัติศาสตร์เขาจะเอาอะไรมาเป็นฐานในการสึกษาหละครับ ถ้าประวัติศาสตร์มันใช้เป็นฐานไม่ได้แล้ว ?? น่าแปลกใจอีกนิดครับ เท่าที่ผมทราบมา ยามาดะ เองก็เป็นแค่คนแบกเกี้ยว ประวัติมีเท่านี้ แล้วมาโลดโผนในสยาม ก็ยังไม่รู้เลยว่า เขาเรียนดาบมาจากไหน ดังนั้นที่คุณบอกว่า ยามาดะ เรียนดาบมานั่นก็ เพราะคุณไม่เชื่อประวัติศาสตร์นั่นหละครับ ก็เหมือนกับที่คุณบอกว่า เจ้านายชั้นสูงของไทยเีรียนดาบชั้นสูงมา คำถามจึงมีอยู่ว่า พระองค์ไหนหละครับ ?? ประวัติศาสตร์จะไม่จารึกไว้เลยหรือ ?? ไม่ต้องไกล พระนเรศวรท่านไปอยู่พม่า ก็ยังมีประวัติบอกว่า ท่านไปศึกษาวิชาการพม่ามา บางตำนานบอกว่า บุเรงนองสอนให้เองด้วยซ้ำ ดังนั้น ยิ่งเป็นเจ้านายชั้นสูง ยิ่งต้องมีจดบันทึกไว้ครับ ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องของ ความน่าอายอะไรด้วย เพราะ้ถ้าบอกว่าไม่อยากจดไว้ เพราะอายว่าต้องไปเรียนวิชาญี่ปุ่น แบบนี้ไปเรียนวิชาพม่า ที่พึ่งยึดประเทศตัวเองไม่น่าอายกว่าหรือครับ?? จากคุณ : เอามาคุยกันต่อ - [ 19 ธ.ค. 49 17:34:40 A:58.10.222.227 X: TicketID:025907 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้ามีคงจด ไว้ ครับ แต่มัน โดน เผาทำลายไปหมดแล้ว หลายครั้งแล้วด้วย ช่วงทีหนัก ทีสุด ก็คงสมัย พระเจ้าประสาททอง คับ ประวัติศาสตร์ หลายเรืองจึงเป็น เรือง เล่า  พอ มันผ่านไปปาก ต่อปากเรืองราวจึงเปลี่ยน ไปคับ ฟังหูไว้ หูคับดีทีสุด แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 49 22:22:57 จากคุณ : win_mma - [ 19 ธ.ค. 49 22:19:08 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ตำนานที่เล่ากัน มันไม่ได้สูญหายไปหรอกครับคุณ Win ทุกอย่างมันต้องมีที่มา ไม่ใช่อยู่ดี ๆ จะลอยลมมาจากไหน ตำนานเรื่อง เจ้านายไทยไปเรียนดาบญี่ปุ่นเนี่ย ผมก็เพิ่งมาได้ยินจากคุณWin นี่หละครับ น่าแปลกนะครับว่า ตำนานเรื่องนี้ในญี่ปุ่นกลับไม่มี มีแต่มาจากคุณ Win เนี่ย ผมว่า คุณ Win เองกลับไปอ่านกระทู้ในห้องสมุดมาแล้วนี่ครับ โดยเฉพาะความเห็นของคุณ Kenzen นั่น ก็สันนิษฐานได้อย่างมีเหตุมีผล คุณ Win เองยังชื่นชมเลยนี่นา สมัยนั้น ญี่ปุ่นปิดประเทศอยู่ แล้ว ครูดาบจะมาสอนเมืองไทยได้กระนั้นเหรอครับ ? ถ้าจะบอกว่าประวัติศาสตร์โดนทำลาย นั่นก็ยิ่งน่าแปลกใจครับ เพราะหลังจาก ยามาดะ ตาย ชุมชนญี่ปุ่นในอยุธยา ก็ยังมีอยู่อีกนานถึง 13 ปีหลังจาก ยามาดะ ตาย หลักฐานไปดูได้ที่ http://www.thai-japanasso.or.th/aboutus/japanvillage_th.html ดังนั้น ข้อที่ว่า ประวัติศาสตร์จะโดนทำลาย นั่นก็ไม่น่าจะจริง เพราะ 13 ปีหลังจากยามาดะตาย คนญี่ปุ่นจะไม่จดบันทึกอะไรไว้เลยหรือครับ? จากคุณ : เอามาคุยกันต่อ - [ 20 ธ.ค. 49 08:43:26 A:58.10.222.147 X: TicketID:025907 ]

ความคิดเห็นที่ 37 แล้วทำไม่คุณไม่ล็อกอิน อย่างทีคุณkenzen แนะนำละคับ ทำไม่ทำตัวลับๆล่อ ไม่ค่อยหน้าไว้ใจเท่าไร และก็ส่วนตัว ไม่อยากตอบคนที ไม่ค่อย ล็อกอินเท่าไร เหมือน ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบอย่างไงไม่รู้ ผมว่าคุณ ไปอ่านกระทู้ผมให้แตกดีกว่าคับ ผมบอกว่า ภาพที **ตัวละครทหาร ไทย **เหน็บดาบญีปุ่นผกปืนฝรั้ง  ครับไม่เคยบอก เจ้านายทีไหน อีกอย่างผมก็บอกว่าความคิดเห็น*สวนตัว* จะเชือก็ได้ไม่เชือก็ได้  จิงไม่จิงไมรู้ จะสรุปอะไรง่ายๆ ตามตัวอักษร ได้ไง เพราะคนเขียนประวัติศาสตร์ มันก็คน มีอคติ ลำเอียง เป็นธรรมดา ผมเจอออกบ่อยไป      อีกอย่าง ผม ก็บอกไปแล้ว ว่า มันเป็นเรืองรสนิยม ความชอบส่วนตัว  มีขึ้นได้แต่ไม่ได้มีทุกคน การทีทหาร ในอุษา คเณร นี้ จะเป็น ซามุไร ไม่ใช้เรืองแปลก  ในเมือคนในภูมิภาค นี้รู้จัก ซามุไร ลาก ดาบ ไม่น้อยกว่า 600-1000ปี (ฝรั้งเป็นซามุไรยังมีเลย จนเกิดเป็นนวนิยาย เรืองโชกุน แล้วก็มาเดอะลาสซามุไร) แล้ว ทำไม่ คน ในภูมิภาคนี้ จะจับผลัดจำพลูเป็น ซามุไร มันไม่มีเชียวเหรอ  เรืองวิชา ดาบ ก็ไม่เห็นจำเป็น ต้องเรียนให้มันแตก ถึงกับเป็นเซนเซ หรอก  เอาตัวให้ได้รอดในสนามรบก็พอ   ยิงมีพืนฐานดาบไทยอยู่แล้ว จะรับเอาวิชาดาบญีปุ่นมาปรับปรุ่งมาก็ไม่ใช้เรืองยาก  แต่เราจะรู้ไหมว่ารูปแบบ ไหน ของไทยของญีปุ่น มันปนกันไปหมดมันอาจเคยมี แต่ เชือเหะมันสูญหายไปหมดแล้ว แล้วคุณรู้ไหม ว่าซูชิ มาจาก ปลาเจ่า ปลาร้า มาจากบ้านเรา แถวอุษาคเณรนีและ แล้ว ดูซิมันเหมือน กันตรงไหนและก็นิยมกิน กันหมด ไม่ว่าเจ้าหรือกรรมกร แล้วกลับกันเรืองทำนอง นี เกิดขึนกับเราได้ ไหม "สวนตัว" ได้ครับ!!! แต่ทั้งนี้ทังนั้น ผมไม่ได้ เหมาร่วมว่าต้องทุกคนและก็ทุกเรือง  ผมบอกแล้ว มันเป็นเรืองรสนิยม หรือความบังเอิญ   ไอ้ 13 ปี ทีอยู่นะ มัน ห้าม ทำกิจกรรมทางสง คม ห้ามเรียน ห้ามเขียน ค้าขาย(แรงงานได้)แต่ไอ้ทีอยู่ นะ"สวนใหญ่" มันก็ลูกครึงทั้งนั้นและ  แล้วคุณคิดว่า พระเจ้า ประสาททอง  ปลืมยามาดะนั้กเหรอ โคตร จะเกลียดกันเลย  แล้วคุณ ว่า คนเกลียดกัน จะเหลือเรืองดีๆไว้ ๆไหมคับ  แล้วอย่าลืม ประวัติศาสตร์ เขียน โดย ผู้ชนะ!!!  กลุ่ม ไหน เขียน ประวัตติศาสตร์ ก็รับใช้ คนกลุ่มนั้น ก็เท่านั้นเอง  ท่าน มุ้ย จะเปิดตัวหนังสือ ตามรอย สมเด็จพระเรศวร มหาราช มีอ.จ.วิระ ธีรภัทร  กับ อ.จ. สุเนตร ชุตินธรานนท์ ร่วมด้วยวันที 21  ฟฤ ทีจะถึง เวลา16.00-18.00 ทีลานริมน้ำ อมรินทร์คอร์เปอเรทปาร์ค ตลิ่งชั้น ใครมีขอสงสัย เกียวกับดาบ เกราะ ช้างม้าหรือประวัติศาสตร์ เรียนเชิญคับ อ้อเอากล้องวิดิโอ ไปอัดด้วยนะคับ เพือ โอกาส ข้างหน้า อาจจะได้ความรู้เป็นวิทยาทานแก่คนในเวป ผมคงไม่ไปคับ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 49 16:24:05 แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 49 13:25:02 จากคุณ : win_mma - [ 20 ธ.ค. 49 12:53:31 ]

ความคิดเห็นที่ 38 นอกประเด็นไปเยอะแล้ว ขอนอกประเด็นต่อครับ คนญี่ปุ่นมาค้าขายกับ กรุงศรี ย้อนไปอย่างเก่ง ก็ สมัยพระมหาธรรมราช ครับคุณ Win 400-500 ปีก่อนเอง แถมมาช่วงแรกผ่านทาง อาณาจักรริวกิวด้วยซ้ำป ริวกิว เองยังไม่คิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของญี่ปุ่นเลยด้วยซ้ำไป สรุปคุณ Win ต้องการสื่ออะไรให้ผมเข้าใจครับ ซามูไรมีสิทธิเป็นคนสยามได้ และ ก็ ใช้วิชาดาบแบบสยาม แต่ดันใช้คาตานะแบบนี้หรือเปล่า ? 13 ปีที่เหลือนี่ คุณWin รู้ได้ไงครับว่าห้ามค้าขาย คิดตามสามัญสำนึกธรรมดาทั่วไป ว่า อยู่ต้องอยู่เฉย ๆ ค้าขายก็ไม่ได้ มันเป็นไปได้เหรอครับ ผมว่า พระเจ้าปราสาททอง ไม่ปลื่มแค่ยามาดะ คนเดียวนะครับ แต่คงไม่ถึงกับ เหมาเข่งญี่ปุ่นยกหมู่บ้านหรอกครับ คิดตามแบบชาวบ้านอีก ถ้า 13 ปีโดนคุมไว้ขนาดนี้ มันต่างอะไรกับนักโทษครับ ? แล้วซามูไร มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี จะยอมให้คุมกันง่าย ๆ เหรอครับ ? อีกอย่าง ตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรม เป็นต้นมา (ก่อนพระเจ้าปราสาททอง) ก็มี การก่อจราจลโดยคนญี่ปุ่นบ่อยมาก เคยถึงกับ ยึดเมืองเพชรบุรี ธนบุรีก็มี พอโดนพระเจ้าทรงธรรมขับไล่ไปได้ สักพัก เดี๊ยวก็กลับมาค้าขายต่อได้ แล้วเหตุการณ์นี้ มันก็ยังมีต่อในสมัยพระเจ้าปราสาททอง แต่ก็ไม่ได้รุนแรงขนาดสมัยพระเจ้าทรงธรรม ถ้าคิดตาม Logic แบบนี้ ผมยังไม่เห็นว่า คนญี่ปุ่นจะค้าขายอะไรไม่ได้ตรงไหน ตามนิสัยพ่อค้า ถ้าโดนคุมค้าขายไม่ได้ เขาจะเอาเงินมานั่งจมอยู่ทำอะไรหละครับคุณ Win หรือว่าคุณWin คิดว่าทำได้ครับ ตั้ง 13 ปีเชียวนะครับ ห้ามโน่น ห้ามนี่ ห้ามนั่น ขนาดนั้น ผมว่า ต่อให้ ญี่ปุ่นไม่บันทึก ฝรั่ง หรือ แขก ก็มีบันทึกแน่ครับ โดยเฉพาะของ เยเรเมียส ฟอน ฟลีต หรือ วันวลิต ที่ตรงกับสมัยพระเจ้าปราสาททอง ก็ไม่เห็นบันทึกอะไรไว้ว่า ญี่ปุ่น โดนห้ามอย่างที่คุณWin บอกมา จดหมายของเขา ก็เขียนส่ง เจ้านายของเขาที่ อินโดนีเซีย ไม่จำเป็นต้องผ่านการเซนเซอร์จากทางสยามด้วยนะครับ คิดหนะคิดได้ครับ แต่ควรต้องมีเหตุมีผลด้วย จากคุณ : เอามาคุยกันต่อ - [ 20 ธ.ค. 49 19:35:08 A:58.10.222.44 X: TicketID:025907 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขีเกียจ ตอบ ฝะ คนไม่รับ ผิดชอบตัวเอง เบือมาก ๆ (ตอบนะตอบได้) แต่ช่วย ผม เคลียรหน้อยดิ ว่าผม เอา เจ้านาย คนไหน ที ผม ว่าเรียนวิชาดาบญีปุ่น แต่คนในภูมิภาคนีมัน เรียนวิชาญีปุ่นไม่ได้หรือ เครียรหน่อยนะ อีกอย่างก็บอกแล้วว่าคามคิดเห็นส่วนตัว จะเอาอะไรนักหรือ (อ่านให้แตกก่อนนะ ) ก่อน จะ เคลียรนะ ล็อกอิ้นก่อนนะ     ถ้าให้ดี วันพรุ่งนีมีงานของท่านมุ่ย กรุณาไปหน่อยนะ(กรุณาอย่ารอ นะครับ แก่สุขถาพไม่ค่อยดีจะตายวันตายฟรุ่งไม่รู้ รีบๆทำ นะคับ  อย่าหวังว่าพรุ่งนีจะมาถึงมันอาจจะไม่มีก็ได้)เสร๊จแล้วค่อยมาคุยกัน             แล้วมีอะไร ถามผู้เชียว ชาญ เถอะนะ  แล้ว ก็ถามให้เหมือนในกระทู้ได้ ก็ดี นะ  (แล้วก็จะตอบผมอย่าลืมล็อกอิ้นด้วยนะ)อัดวิดิโอไว้ด้วยก็ดี  ผมมัน นักศิลป ต่อสู้ ไม่ใช้ นัก ประวัติศาสตร์ ผิดบางถูกบาง ก็เรืองธรรมดาผมรู้ประ วัติศาตร์ บาง เพือไม่ ให้ไอ้พวกแนวดิ้งบาง กลุ่ม มันแหกตา แล้วอีกอย่าง  ผม บอก แล้ว ผม พูด อะไร คุณ ไม่จำเป็นต้องมาเชือผม ก็ได้ โปรด ใช้ วิจารญาน หน่อยนะ  (แล้วก่อน จะ ถาม คุณก็รับผิดชอบคำตอบหน่อยนะ ขอร้องละ) แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 49 23:25:05 แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 49 23:23:33 แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 49 23:16:27 แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 49 23:14:50 แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 49 23:12:16 แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 49 23:02:26 จากคุณ : win (win_mma) - [ 20 ธ.ค. 49 22:53:13 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เฮ้อกระทู้ดีๆแท้ๆ ท้ายๆกลายมาเป็นแบบนี้อีกละ ทำนองเดิมเลยคนเดิมเลย ไม่ว่ากี่ครั้งกี่คราวไม่เคยพัฒนาสักที จากคุณ : j thailandfight (j thailandfight) - [ 20 ธ.ค. 49 23:31:05 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คงจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนาน คห๓๖ ครับ "ถ้าจะบอกว่าประวัติศาสตร์โดนทำลาย นั่นก็ยิ่งน่าแปลกใจครับ เพราะหลังจาก ยามาดะ ตาย ชุมชนญี่ปุ่นในอยุธยา ก็ยังมีอยู่อีกนานถึง 13 ปีหลังจาก ยามาดะ ตาย หลักฐานไปดูได้ที่ http://www.thai-japanasso.or.th/aboutus/japanvillage_th.html " ข้อมูลในเวปมีไม่มากนี่ครับ ปีที่"เขาเสียชีวิตลงที่นั่นเมื่อเดือนกันยายน 1630 " ก็แตกต่างไปบางฉบับก็ว่าปี 1633 มีบันทึกว่าปี ๑๖๓๒ หมู่บ้านญี่ปุ่นถูกเผา แทบจะเรียกได้ว่าหลังจากยามาดะเสียชีวิตไม่นานเลย 13ปีที่ว่าไม่น่าจะถึงนะ ปี ๑๖๓๖ ญี่ปุนปิดประเทศ มีคนตั้งข้อสังเกตว่าข้อมูลของยามาดะส่วนใหญ่จะมาจากหนังสือทูโกจิราน ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าออกไปในทางนิยายและไม่สัมพันธ์กับจดหมายเหตุอื่น(เช่นวัน วลิต)ในยุคเดียวกันเลย จากคุณ : คนรักดาบไทย - [ 21 ธ.ค. 49 11:12:37 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ในบรรดาพวกที่เดินทางไปค้าขายนี้ มีพวกหนึ่งซึ่ง เดินทางมายังกรุงศรีอยุธยา เมืองหลวงของประเทศไทย พระเจ้าแผ่นดินไทย ได้มีพระบรมราชานุญาต ให้ชาวญี่ปุ่น มาตั้งหลักแหล่งอยู่ในกรุงศรีอยุธยา เช่นเดียวกับชาว ต่างชาติอื่นๆ นับแต่นั้นมา ก็มีชาวญี่ปุ่น เข้าอาศัยอยู่ในอยุธยา เพิ่มมากขึ้น จากจำนวน 800 คน เพิ่มเป็น 3,000 คน ถ้าจะนับรวม ไปถึงผู้อาศัย และคนงาน อาทิเช่น คนไทย จีน ญวน ก็นับเป็นจำนวน ถึง 8,000 คน ตามหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์ กล่าวว่า ชาวญี่ปุ่น ที่เข้าตั้งหลักแหล่ง อยู่ในกรุงศรีอยุธยานี้ มีหัวหน้าปกครองเป็นระยะๆ ไป ดังนี้ ออกพระสุมิฮิโร (ค.ศ. 1600-1610) คิวเอมอน ชิโรอิ (ค.ศ. 1610-1617) นากามาสะ ยามาดะ หรือ ออกญาเสนา ภิมุข (ค.ศ. 1617-1630) ตาเอมอน อิโตยะ กับ คุนิซุเก ฮิรามัตซุ (ค.ศ. 1633-1640) และฮันไซมอน คิมุระ กับ เซนเอมอน อันโตนี (ค.ศ. 1640 -?) http://www.thai-japanasso.or.th/aboutus/japanvillage_th.html จากข้อมูลนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่า จะมีหมู่บ้านญี่ปุ่นที่อื่นอีกหรือเปล่านะครับ ตั้งแต่ ตะเอมอน อิโตยะ ลงมาจะย้ายหมู่บ้านญี่ปุ่น หรือ ชุมชนญี่ปุ่นไปตั้งที่ตรงไหน เห็นที ผมคงต้องไปสอบถามกับ มูลนิธิฯ อีกรอบแล้วหละครับ จากคุณ : เอามาคุยกันต่อ - [ 21 ธ.ค. 49 18:37:11 A:58.10.222.51 X: TicketID:025907 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เอ แปลกจริงๆครับ ปี ค.ศ.๑๖๓๒ จากจดหมายเหตุของวัน วลิต มีการขับไล่ญี่ปุ่นออกนอกประเทศ เป็นช่วงน้ำหลาก จึงใช้ปืนใหญ่ระดมยิงเข้าไป และเผาหมู่บ้าน หรือจะมีญี่ปุ่นหลายกลุ่มก็ไม่ทราบครับ จากคุณ : คนรักดาบไทย - [ 21 ธ.ค. 49 21:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 44 *ความคิดเห็นสวนตัว โปรดใช้วิจารญาณในการอ่าน* ประวัติศาสตร์ไม่ใช้เรืองจับปากกาเขียน เรืองเล่าแล้ว เอามาเขียนก็มี  พอผ่านปาก ต่อปากยอมไม่เหมือนเดิม ใส้สี กีไข่ ได้สนุก ปาก  ผมเน้นเสมอ ไอ้ที่อ่านๆ มาฟังหูไว้หู ไม่มี ประวัติศาสตร์ทีไหน ในโลก ตรงกัน ไม่มี *ประวัติศาสตร์ทีมีเป็นประวัติศาสตร์แบบแหกตา ประชานิยม หรือโคตรโม้*ไอ้ทีไม่มีทำให้มี ไอ้ทีมีก็ทำให้เกิน จริงทำเห็นใจ หน้าสงสาร แล้วแต่คนจะเขียน ผิด ถูกไม่รู้ ก็เท่านั้นเอง  และ 5 คนแต่ง ก็5เรืองร่าว  ส่วนต้ว ผม อ่านได้หมด แต่เลือกทีจะเสพ  แล้วเปิดใจให้กว้าง อ่านเสร็จแล้วคือจบ ว่างไว้ตรงไหน ความรู้สึกของเรา ก็ควรว่างไว้ตรงนั้น ผมคิดว่าไม่เหมาะทีจะเอาอารม์ความรู้สึกเหล่านี้ ติดตัวไปไหน ต่อไหนไม่วาจะปัจบันหรืออนาคตเช่นเดียว เรืองราว กระทู้ต่างๆ  ไม่ว่ากับผมหรือใครๆ มันจบไปแล้ว  คับ  เรือง ราวในกระทู้ หรือในเน็ต ไม่ใช้ชิวิตจิง เป็น เศษเสียวของคนๆหนึงการทีเราตัดสินใจใครต่อใคร เพราะว่าการแสดง ความคิดเห็นผมว่าคงไม่เหมาะคับ ผมก็คือผม ผมนะเปลื่ยน ทุกวันและคับ  เพราะจุดยืนของผมคือการเปลื่ยนแปลงแต่อย่างว่า       ทัศนคติ เดิม การมอง เดิมๆ ของคนต่างหากทีไม่เคยเปลียนๆ การสรุป และตัดสิน ก็คงเหมือนเดิม   เอาชนะผม เหตุผลเอาผมไม่อยู่ หรอกคับ ยิงใช้อารม์ ยิง บานปลาย  ความ รัก ต่าง คับ ไม่ใช้กับผม แต่ทุกคน คับ  คุณรู้สึกต่อลูกคุณอย่างไร หรือ พ่อแม่คุณอย่างไร นั้นและคับไม่ต่างกัน!!  เช่นเดียว กันคับความรู้สึกเกลียด  จะเป็นผลสะท้อน ภาพ ด้านตรงข้ามกับความรักคับ ทำไมไม่มองเหตุผล ทีมาทีไป ว่า ผม โดน โม่เม่คำตอบ ทีผมไม่เคยพูด ว่าเจ้านายญีปุ่น เรียนดาบญีปุ่น และทำไม่ ผู้ถาม ไม่แก้ไข้ว่าเอามาจากไหน ถามว่าทำไม ไม่ล็อกอิ้นก็ไม่ตอบทำลับๆล่อ คนไม่ล็อกอิ้นไม่ต้องรับผิดชอบคำตอบ ถามอะไร ก่วนอารมได้ พอจับผิด ก็เถียงข้างๆคู้เบี่ยงประเด่นไป แต่ไม่ตอบ  มาใหม่ ก้เปลี่ยน ชือไหม่ก็เท่านั้นเอง  ทำอะไร ตามอารม์ก็ได้ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร  ไม่ต้องสนว่าเขาจะคิด อะไร อย่างทีผมโดน หริอว่าผมไม่เคย บอกว่า พระนเรศวรใช้ ดาบอะไร แต่ควรสงสัย และตั้งคำถามอย่างตรงไป ตรงมา มีได้ไหม ทำไม่มีไม่ได้ละ  ประวัติศาสตร์ผิดได้ไหม ทำไม่ผิดไม่ได้ละ  ดาบทีท่านมุ่ย เห็น เคย ตรวจสอบไหม ว่าไหม ปล้อมได้หรือเปล่า ละ? ท่านมุ่ยทำอย่างนั้น มีเจตนาอะไร ละ?   ไม่ได้ว่าไม่เชือ ผู้เชียวชาญ แต่จะบังคับ ผมให้เชือคงไม่ใช้ อย่างไง ผมคงฟังหู้ไว้หู้เเละผมไม่เคยเถี้ยงเลยสักคำ และก็ไม่เคยร้องขอคำตอบ เพราะไม่อยากเซ้าซี้   13 ปี ผมพลาด ได้ เพราะไม่ได้จำ เพราะสมองผมไว้คิด ยามาดะตาย ปี 1630 พอช่วงปี 1630-1632 พระเจ้าประสาททองทรง หาเรืองชาวญีปุ่นทุกอย่าง ไม่ว่า การห้ามเรียนเขียนอ่านหรือการกลั้นแกล้ง   และ สงทหาร โจมตี หมู่บ้าน ญีปุ่น ฆ่า และทั้งคนแก่ ลูกเล็กเด็กแดง คนแก่(ก้ลูกๆหลาน มันเองนะและ) วันที 26 ต.ค.1632  เกิดนำท่วม ตามถนนหลวง จึงทรงรับสังให้ เผ่าบ้านเรือน ญีปุ่น และก็ยิงปืนใหญ่ เจตนา ก็ฆ่าล้างโคตร  จากความพยาบาท(อย่างนีไม่เรียกว่ามันเหมาเข่งมันเรียกว่าอะไร) ทีพวกเขาไม่ได้(ก่อขึ้น ทีเหลือ ก็พอ หนี ขึนสำเภาหนีไป  จนหมาย วันวเลียต (ความสำพันธ์ไทย -ญีปุ่น 600ปี โดย อิชิอิ โยเนะโอะ(ผู้เชียวชาญ ยามะดะ)-โยชิกาวา โทชิฮารุ ผู้แปล ชาญวิทยเกษตรศิริ) แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 49 18:15:39 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 49 18:10:50 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 49 18:00:02 จากคุณ : win_mma - [ 22 ธ.ค. 49 17:23:52 ]

ความคิดเห็นที่ 45 จะเป็นไรไปในเมื่อคนไม่ได้ล็อคอินเข้ามา เขามีเนื้อหาน่าอ่าน ก็ไม่เห็นจะต้องไปอะไรกับเขานักหนานี่ ดูที่สิ่งที่เขานำมาเสนอสิครับ บางคนต่างหากพยายามโชว์ตัวเองซะเหลือเกิน ถึงแม้จะล็อคอินเข้ามา แต่อะไรๆที่เคยโพสไว้ก็ไม่เคยรับผิดชอบในความคิดเห็นที่กกล่าวถึงเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรมบ้านเมืองของเรา มีแต่ออกมาดูถูกต่อว่ารากเหง้าแผ่นดินตนเองทั้งนั้น แม้กระทั่งเบื้องสูงคุณก็เคยพิมพ์กระทบกระทั่งแบบไม่ยั้งคิด เห็นทวงล็อคอินคนอื่นจัง ผมขอมาแจมเรื่องนี้หน่อยเถิด แล้วทีคุณไม่ได้ล็อคอิน เข้ามาป่วนเข้ามาเหน็บชาวบ้านในชื่ออื่นๆละครับ เรื่องนี้จะว่าไง ตัวเองเคยทำมาเองแท้ๆลืมไปแล้วเหรอ หวังว่าคงได้รับคำตอบนะครับ ผมคงมีสิทธ์ถามคุณนะเพราะผมล็อคอินเข้ามาแล้ว จากคุณ : j thailandfight (j thailandfight) - [ 22 ธ.ค. 49 23:26:45 ]

ความคิดเห็นที่ 46 นั้น เพราะ ว่าคุณ ไม่ได้ โดน โม้เม้คำตอบคับ หน้าอ่านแต่ไม่ หน้าจำ เพราะ มันไม่ถูกต้อง ผิดก็เยอะ ดูคำถามก็รู้ แนวดิ้งแน๋ว ดิ่ง คือ พยาม ให้ผู้ตอบ ตอบอย่างทีตัว เป็น ไม่มีใคร เป็นอย่างทีเราคิดหรอก คับ  และก้ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรด้วย   ผมก็คนไม่ได้เป็นพระทีไหน การแสดง ความคิด เห็น อะไร อารม์ก็มีได้ แต่เราควรเลือก ทีจะรับข้อมูลคับ ขอคิด เห็น ในกระทู้ ไม่มีอะไรผิดอะไรถูก 100% หรอกคับ ผมไม่แก้ตัวหรอกคับ ผมเคย ผิดพลาด ความผิดของคนในอดืตควรได้รับการอภัยไหมละ ?  หรือควรเป้นข้อผู้พันเป็นเวร เห็นกรรม ของตัว ผู้สร้าง?  คับ ผมไม่เคยหมิ่นเบื่องสูงคับไปอ่านดีๆ คับแล้วค่อยไปคุยกับผมเรืองนี้ใหม่  ถ้าคิดว่าผมหมิ่นคัดมาเลยคับ กรณีนีผมน้อมรับถ้าผมหมิ่นจริง ผมเป็นญาติ กับคน ทั้งโลกคับ ไม่แค่กับ แผ่นดิน นี้ ผมไม่ได้อยู่ เกาะ ความคิดเห็นของผมจิงไม่มีพวกคับ เพราะไม่อย่ากแบ่งแยก กับใคร คับ  รากเหง้า ของผม คือคนทีมีเชือสายทีเชือมโยง กับคนทั้งโลกคับ  คุณคิดว่าผม ไม่ใช้คนไทย ผมใช้ตามกฎหมาย แต่จิต ใจ ผม เป็นคนบนโลกนี้ คับ เมือก่อนอย่าว่าแต่ ติก เก็ต เลยคับ เมือก่อน ใคร ๆก็เขาได้ ความคิดเสรียิงกว่านี้ ไอ้คนทีสร้างให้ผมเป็นแบบนั้น มันก็ทำอย่างนั้นและ   คุณ ไม่เคย โดน หมาหมู่ รุ่ม กัด ไม่รู้หรอก  แล้วใคร ก็ไม่รู้ ประกาศดักตีตัวหัว ผม กับเรืองทีผม ไม่ได้ ก่อ  ดูหมิ่น ผมไว้ มันด่าเสร็จแล้วมันก็ไป   ผียอมเห็นผีอยู่แล้ว รู้อยู่แล้วว่าใคร สำบัดสำนวน เป็น ลายเซ้นทีแก้ ไม่ได้หรอกคับ ไอ้พวกนี่มีตั้งแต่หัวถึงหาง แล้วทำอะไรได้ไหมละ คุณ ชอบ คนพวกนี ไหม ละ? คุณเดาๆได้ ไหม ว่าคนพวกไหน ผมว่าเดาไม่ยากหรอกคับ แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 49 05:45:31 แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 49 05:39:34 แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 49 05:32:33 แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 49 05:26:24 แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 49 05:01:04 จากคุณ : win_mma - [ 23 ธ.ค. 49 05:00:01 ]

ความคิดเห็นที่ 47 อ้อ ไอ้ นี้ไม่เกี่ยวกระทู้นะคับ ผม อ่าน aday แล้ว ชอบมากคับ คุณไปซือมาอ่านหรือยังคับ จากคุณ : win_mma - [ 23 ธ.ค. 49 05:33:47 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ...คุณวินพูดอะไร... พยายามทำความเข้าใจแล้ว...รู้สึกเหมือนกำลังหลีกเลี่ยงอะไรอยู่นะครับ เอะ ว่าแต่คุณ j thailandfight พูดถึงเรื่องอะไรอยู่หรอครับ อยากฟังต่อจัง นี้ถ้ากระทู้จะยังไม่ตกนะ จะขอให้เล่าซะหน่อย จากคุณ : น้องคิว (น้องคิว) - [ 23 ธ.ค. 49 12:57:48 ]

ความคิดเห็นที่ 49 อ่านแล้วก็จับใจความไม่ค่อยได้นะ แต่ก็รู้อยู่แก่ใจนี่เคยทำอะไรไว้ แล้วจะทวงยิกๆคนอื่นทำไมแค่เรื่องเขาใช้บัตรผ่านเข้ามา พอคุณโผล่มาโว้กว้ากทีไรสังเกตุไหมครับ คนที่เขาหาความรู้ต่างๆมาเสวนากันแรกๆเขาทยอยๆค่อยๆหายหมดเลยทุกครั้ง เสียบรรยากาศดีๆตลอด แค่เพียงกระทู้นี้ผมยังเห็น2จุดใหญ่ๆที่แสดงถึงความไม่เหมาะสมที่คุณโพสมาเลยครับ คุณอ่ะมีสูตรสำเร็จการโพสความเห็นเหมือนบะหมี่สำเร็จรูปเติมน้ำร้อน2นาทีกินได้เลยอยู่ไม่กี่สูตรหรอก ผมอ่านแรกๆเดาว่าท้ายๆจะเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ส่วนเรื่องหมิ่นเบื้องสูง(ในทางอ้อม)หรือเรื่องอื่นๆเช่นที่คุณเคยกล่าวถึงศาสนา ทั้งวัฒนธรรมไทย ทั้งการมีครูบาอาจารย์ ต่างๆเหล่านี้ผมไม่ขอเอ่ยหรือเอามาฉายซ้ำให้เสียเวลาหรอกครับ เพราะหลายๆคนที่เคยอ่านเจอคงรับรู้หมดแล้วว่าคุณกล่าวอะไรออกมาบ้าง และคงไม่ดีถ้าผมจะเอามากล่าวอีก วันข้างหน้าหวังว่าคงเพลาๆลงบ้างนะครับคุณ แหมมีมุขใหม่ด้วย อยากเลี่ยงๆเลยจู่ๆมาถามว่าซื้อadayเล่มใหม่มายัง โดนมุขนี้บ่อยๆสงสัยอีกหน่อยหนังสือเต็มห้องแน่ครับ แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 49 15:02:20 จากคุณ : j thailandfight (j thailandfight) - [ 23 ธ.ค. 49 14:04:17 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อ่านแรกๆ เข้มข้นกำลังดีเลยครับ แต่หลังๆ มาชักเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทน ขอบคุณทุกท่านที่นำข้อมูลมาบอกเล่านะครับ ปล. อ่านคคห.ของคุณ win แล้วค่อนข้างปวดตาครับกับเรื่องตัวสะกดและวรรคตอน คาดว่าคงเป็นเพราะคีย์บอร์ดไม่ดีหรือเปล่าครับ :) จากคุณ : Seraphyros DeCameron - [ 27 ธ.ค. 49 02:16:18 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เอ่อ.... จากคุณ : Roy E Nem - [ 30 ธ.ค. 49 02:12:50 ]

ความคิดเห็นที่ 52 สมัยนั้นทหารหลวงมีรองเท้าใส่กันไหมครับ จากคุณ : สงสัย - [ วันปีใหม่ 16:23:12 A:125.24.148.162 X: ]

ความคิดเห็นที่ 53 ไม่รู้ครับแต่ผมคาดว่าไปดูในหนังก็จรุ้ว่าใช่ดาบไทยหรือญี่ปุ่น จากคุณ : et009 - [ 3 ม.ค. 50 23:41:16 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ในหนังคงเป็นลูกผสม บางท่านก็ว่าหนังอย่าไปยึดถืออะไร  ซึ่งก็จริงครับ เพียงแต่ว่าอีกมุมหนึ่งถ้าผู้กำกับให้ข้อมูลว่าค้นคว้ามาอย่างดี  คนกลุ่มหนึ่งอาจจะสับสนว่าอะไร Drama หรือข้อมูลที่ค้นคว้ามา จากคุณ : bancha_ktb - [ 7 ม.ค. 50 20:48:53 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่อยากให้ผู้กำกับให้ข้อมูลว่าค้นคว้ามาอย่างดีเลย เพราะที่เห็นอย่างดีคงค้นคว้าเพียงบางจุดเท่านั้น แต่จะทำอย่างไรได้ละครับ พวกที่เชื่อหัวชนฝา ขนาดเชื่อหนังมากกว่าประวัติศาสตร์ คงต้องปล่อยไป ยุคก่อนผู้สร้างหนังหนังให้พม่านุ่งโสร่งออกรบกับไทย ทุกวันนี้คนจำนวนมากเชื่อว่าพม่านุ่งโสร่งออกรบจริงๆ  คุณเชื่อไหมละครับ? ไม่นานนี้ หนังมีนักรบไทยถือดาบขนาดใหญ่ออกรบ ก็มีคนเชื่อตามนั้นมากมาย อิทธิพลของหนังยิ่งใหญ่จริงๆ เอาน่ะ คงไม่มีใครเอาข้อมูลตามหนังไปแก้ประวัติศาสตร์หรอกน่า(ปลอบใจตัวเอง) แต่ก้เป็นห่วงพวกทีอยากไปดูวิชาดาบไทยจากหนังเหมือนกัน เพราะนักแสดงมักเรียนกับผู้ฝึกคิวบู้ไม่นาน ไม่ได้ไปเรียนจากค่ายดาบจริงๆ อย่าไปเชื่อหนังมากนะครับ เพราะขนาดหนัง เดอะลาสซามูไร คห.๑๒ คุณkenzen ยังบอกว่า "กองทัพทั้งสองฝ่ายใส่ยูนิฟอร์มจากคนละสมัยกันเลย  ซึ่งถ้าเป็นไทยก็แทบจะต้องเทียบกันเหมือนกองทัพสมัยรัตนโกสินทร์รบกับอยุธยาตอนปลาย  โดยมีความห่างกันของเครื่องแบบของทั้งสองฝ่ายในภาพในหนังประมาณ ๑๐๐ ปีขึ้นไปเห็นจะได้  คือเคยอ่านบทวิจารณ์ที่นี่เข้าใจว่าฮอลลีวู้ดเขาก็ต้องพยายามขายของเขาด้วย  คือขายภาพลักษณ์ความเป็นซามูไร ซามูไร ก็เลยต้องไปดึงยำใหญ่ีใส่สารพัดกันมา  เพราะความจริงนั้นยุคเอโดตอนปลายน่ะเกราะอย่างนี้เขาไม่ใส่กันแล้ว  เลิกใส่กันตั้งแต่มูโรมาจิแล้ว  ดาบด้วย  แล้วอย่างที่บอก ดาบของคนขี่ม้าจะไม่ใช่อย่างนี้ ......." จากคุณ : คนรักดาบไทย - [ 8 ม.ค. 50 07:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ชื่อของ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล กลายเป็นเครื่องหมายการันตี ภาพยนตร์อิงประวัติ ศาสตร์ ซึ่งไม่เพียงแค่เรื่องของการทุ่มทุนสร้างเพื่อให้ได้ภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ ราวกับผู้ชมเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริง ยังมีความสมจริงใกล้เคียงกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์มากที่สุด เช่น เรื่อง "สุริโยไท" ข้อดีคือ ทำให้คนไทยหันมา*สนใจเรื่องประวัติ ศาสตร์ *และสามารถเข้าใจและจดจำเรื่องราวได้ง่าย ยิ่งขึ้นผ่านภาพยนตร์ แต่กับ *"ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" *นั้น ต่างออกไป เพราะเรื่องราวในสมัยนั้นมีบันทึกอยู่ในพงศาวดาร จดหมายเหตุทั้งของไทยและเทศอยู่ เหมือนกัน แต่ไม่หมดทุกอย่าง ทว่า การจะสร้างภาพยนตร์ขึ้นมาสักเรื่อง ต้องอาศัยรายละเอียดเป็นอย่างมาก จึงไม่แปลกที่ ม.จ. ชาตรีเฉลิม จะ*ต้องจินตนาการขึ้นบนพื้นฐานของข้อมูล *และหลักฐานจากการตามรอย สมเด็จพระนเรศวร เท่าที่พบเจอ ม.จ.ชาตรีเฉลิมเองก็ย้ำว่า เรื่องนี้เป็นแค่** "ตำนาน" ** "การจัดการข้อเท็จจริงทำได้ยากมาก เรามีบันทึกมากมายเกี่ยวกับพระนเรศวรก็จริง แต่ต้องตีความเอาเองทั้งสิ้น ผมจึงเลือกที่จะทำเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นตำนาน ซึ่งการสร้างในลักษณะที่เป็นตำนานมีข้อดีคือ ผมทำอะไรกับภาพยนตร์ได้มากขึ้น" เหตุนี้หลายๆ ส่วนจึงเกิดจากจินตนาการบนพื้นฐานของข้อมูลหลักฐานเท่าที่จะหาได้ เช่น "ออกพระราชมนู" ทหารเอกของพระนเรศวร หรือ "มณีจันทร์" ซึ่งไม่เคยปรากฏในบันทึกของฝ่ายไทย จะมีอยู่บ้างก็ในชื่อ "พระมณีรัตนา" ในเอกสารของต่างประเทศ เช่น ใน "คำให้การขุนหลวงหาวัด" พระราชพงศาว ดารแปลจากภาษารามัญ (หาอ่านได้ใน "แกะรอย "หลังบ้าน" สมเด็จพระนเรศวรในเอกสารต่างชาติ" ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับ มกราคม 2550) รวมทั้งเรื่อง "การตีไก่" ซึ่งศาลสมเด็จพระนเรศวรในเมืองไทยทุกแห่งจะต้องมีรูป ปูนปั้นของ "ไก่ชน" เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของพระองค์ แต่ไม่มีการกล่าวถึงการตีไก่ระหว่างสมเด็จพระนเรศวรและพระมหาอุปราชาในพงศาวดารใด นอกจาก "คำให้การชาวกรุงเก่า" และ "คำให้การขุนหลวงหาวัด" *(คำบอกเล่า)* ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์พม่า ให้ความเห็นว่า "ขุนหลวงหาวัดเป็นนักวิชาการ ท่านอยู่ในวัง พอไปอยู่พม่าซึ่งมีเอกสารต่างๆ มากมาย นอกจากท่านรวบรวมข้อมูลเหล่านั้นแล้วเวลาที่ท่านธุดงค์ไปเรื่อยๆ ได้ไปคุยกับคนไทยอยู่ในที่ต่างๆ ฉะนั้นในคำให้การต่างๆ ที่เขียนน่าจะมี*เค้าความจริง* ซึ่งหลายๆ อย่างไม่มีในพงศาวดาร *แม้กระทั่งการที่พระนเรศวรถูกนำไปเป็นองค์ประกัน พงศาวดารอยุธยาไม่มีพูดสักคำ* แต่เรื่องนี้ปรากฏอยู่ในคำให้การของเชลยศึก บันทึกไว้เมื่อ 100 กว่าปีก่อน" ขณะที่ ม.จ.ชาตรีเฉลิมเปิดใจว่า ทีแรกมองไม่เห็นภาพพระนเรศวรตีไก่ แต่พอไปศึกษาพบว่ากีฬาชนไก่นั้นมีมาตั้งแต่สมัยโรมัน และทุกวัดในสมัยเรอเนสซองส์มีภาพตีไก่ แล้วเจอรูปวูดคัตในอังกฤษ ในอเมริกาเองก็มีภาพตีไก่ในวัด ในนครวัดมีรูปแกะหินเป็นรูปตีไก่ ฯลฯ จึงรู้สึกว่าการตีไก่ไม่ใช่กีฬาชาวบ้าน "ผมคิดว่าเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุ การณ์นี้ขึ้น ซึ่งทำให้พระนเรศวรกับพระมหาอุปราชาทะเลาะกัน และพระนเรศวรทรงเจ็บแค้นเพราะโดนจับตัวเขย่าแล้วบอกว่า "ไก่เชลย" เก่ง จึงบอกว่าจะตีเอาบ้านเอาเมืองก็ได้" อีกประเด็นใหม่ที่ ม.จ. ชาตรีเฉลิม เป็นผู้เปิดประเด็นในฐานะนักธรณีวิทยา คือ เรื่องการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงถึง 9.2 ริกเตอร์ ที่พิษณุโลก เป็นผลให้เมืองถล่มทั้งเมือง ส่งผลให้แม่น้ำน่านเปลี่ยนทิศทาง และเป็นเหตุให้สมเด็จพระนเรศวรต้องเทครัวหัวเมืองเหนือลงมาอยุธยาทั้งหมด ดร.สุเนตรอธิบายถึงประเด็นนี้ว่า ก่อนหน้านี้มีการตีความกันว่า เป็นเรื่องของยุทธศาสตร์การรับศึก *"ผมเชื่อว่า*(ความคิดเห็นส่วนบุคคล) สมเด็จพระนเรศวรเทครัวลงมา ต้อง การจะมารับศึก เพราะการจะเอาอยุธยาเป็นฐานรับศึกนั้น คนอยุธยาซึ่งในตอนนั้นเหลืออยู่น้อยเพราะถูกกวาดต้อนไปเยอะ ฉะนั้นต้องรื้อครัวหัวเมืองเหนือมาอยู่ในแห่งเดียว แต่ท่านมุ้ยว่า เมืองพิษณุโลกรับศึกไม่ได้ เพราะเกิดแผ่นดินไหว ล่มไปทั้งเมือง เรื่องนี้นักประวัติศาสตร์ไม่เคยพูด เพราะฉะนั้นเกิดเป็นมุมมองแยกเป็น 2 แนว" ทางด้าน ม.จ.ชาตรีเฉลิมให้เหตุผลถึงการวิเคราะห์ว่า เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่นี้ "ผมถามตัวเองว่า ถ้าเทครัวเพื่อมาตั้งรับ ทำไมไม่เอาแต่ผู้ชายมา เอาผู้หญิงและเด็กมาด้วยทำไม เพราะทำให้มีภาระในการเลี้ยงดู ซึ่งผมคิดว่าถ้าเมืองพังราบหมด ก็ต้องมีการเทครัว" หลักฐานที่ยืนยันชัดเจนว่าเมืองพิษณุโลกเคยต้องธรณีพิบัติครั้งใหญ่ก็คือ เศษอิฐที่แตกย่อยยับไม่มีชิ้นดีของซากโบราณสถานที่ค้นพบใหม่ในการขุดวังจันทน์ครั้งล่าสุด พ.ศ.2547 ซึ่งแสดงการพังพินาศย่อย ยับแหลกลาญของวังจันทน์ช่วงเวลาหนึ่งในประวัติ ศาสตร์ "ผมไปดูเห็นหลักฐานทางธรณีวิทยาเยอะมากๆ มีรอยแยก ซึ่งถ้าประกอบกับภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ปกติแม่น้ำลำธารไหลไปตามลักษณะของมัน แต่ถ้ามีอะไรรบกวนจะเปลี่ยนทาง ซึ่งรอยแยกเจดีย์สามองค์ โฟล์ต ก็ด้วย ไม่ว่าใครจะทำอะไรกับพื้นดินก็ตาม จะเกิดร่องรอย ดินจะเปลี่ยน เมื่อตอนเกิดสึนามิที่โคราช ซึ่งอยู่ห่างออกไป 3,000 กว่ากิโลเมตร ยังสะเทือน ขนาดน้ำในบ่อที่หน้าหลวงปู่โตกระฉอกขึ้นมา ซึ่งที่แม่น้ำน่านก็เกิดการกระฉอกของน้ำเหมือนกัน สูง 6-7 นิ้ว แต่สูงพอทำให้แพที่ผูกอยู่หลุดจากที่มัด จึงเชื่อว่า พังทั้งเมือง" ม.จ.ชาตรีเฉลิมยืนยันอย่าง หนักแน่น ส่วนใครจะเห็นต่างในประเด็นใดนั้นเป็นเรื่อง**ส่วนบุคคล** เพราะนี่เป็นการมองอีกมุมของคนที่บอกว่าเป็นนักทำหนังและนักธรณีวิทยา ใครอยากรู้รายละเอียดของการตามรอยสมเด็จพระนเรศวรอย่างละเอียด รวมทั้งเหตุผลของวิเคราะห์ประเด็นต่างๆ ตามที่กล่าวมาในข้างต้นสามารถอ่านได้ใน "ตามรอยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ที่บริษัท อัมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) จัดทำขึ้นแล้วเสร็จเป็นเล่มหนา 400 หน้า ในราคา 385 บาท แต่ขอย้ำอีกครั้งว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นในฐานะที่เป็น* *"ตำนาน" **ซึ่ง ม.จ.ชาตรีเฉลิมย้ำว่า ตำนานนั้นคือการยอพระเกียรติ มีการพูดถึงการเสียเมือง การกู้อิสรภาพ ต่อสู้กับพม่าจนยืนหยัดได้ ***ฉะนั้น กรุณาอย่าเข้าใจว่าประวัติศาสตร์แห่งชาติบทใหม่อย่างที่ใครหลายๆ คนยังกริ่งเกรงอยู่ *** หน้า 34 http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pra04080150&day=2007/01/08 แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 50 18:34:06 จากคุณ : win_mma - [ 8 ม.ค. 50 18:31:59 ]

ความคิดเห็นที่ 57 สังเกตการจับดาบของนักดาบไทยในหนังนะครับ จากคุณ : คนรักดาบไทย - [ 14 ม.ค. 50 10:00:09 ]

ความคิดเห็นที่ 58 การจับเช่นนั้น กระบังดาบจะทำหน้าที่ได้ครึ่งเดียว ทั้งมือจะเสียดสีกับกระบังดาบจนเกิดแผลได้ครับ จากคุณ : คนรักดาบไทย - [ 14 ม.ค. 50 10:10:24 ]

ความคิดเห็นที่ 59 อ้าว ในหนังเดอะ ลาส ซามูไร ก็เป็นด้วย จับติดกระบังดาบเลย แต่ผมไม่มีความรู้เรื่องดาบญี่ปุ่นมากพอครับ จากคุณ : คนรักดาบไทย - [ 14 ม.ค. 50 10:12:31 ]