ความคิดเห็นที่ 14
Jinn Hard-core : 3 นัด 11 ประตูกับโจทย์ใหม่?
เบลลามี่, เบลลามี่,เค้าท์, แม็คคัลล็อช(ทำเข้าประตูตัวเอง), เจอร์ราร์ด, คาร์ราเกอร์, การ์เซีย, กอนซาเลซ, อลอนโซ่(จุดโทษ),เบลลามี่ และเจอร์ราร์ด นี่คือลำดับการทำ 11 ประตูใน 3 นัดหลังสุด
หากไม่นับเกมที่ไร้ความหมายกับ กาลาตาซาราย แล้ว ลิเวอร์พูล ไม่เสียประตูติดต่อกัน 7 นัดทุกรายการ และ 10 นัดหลัง สุดพวกเราเสียประตูไป 3 ลูกซึ่งเกิดขึ้นในเกมๆ เดียวกับ อาร์เซน่อล เท่านั้น เกมรับของ ลิเวอร์พูล แม้บางคนอาจจะบอกว่ายังมีช่องว่าง แต่ไม่มีทีมใดในโลกที่จะมีเกมรับเหมือนเอากำแพงเมืองจีนมาตั้ง ไว้หน้าประตู จะให้ไม่มีรูโหว่เลยนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
มิลาน ในชุดหนึ่งมีเกมรับที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ในปี 1987-88 พวกเขาเสียประตูเพียง 14 ลูกในฤดูกาลนั้น นั่นอาจจะ เป็นเกมฟุตบอลสมัยเก่า หน่อยแต่หลังจากนั้นหลายครั้งที่พวก เขาเป็นแชมป์ อย่างเช่นปี 1991-92พวกเขาเสียประตู 21 ลูก ขณะที่ปี 2003-04 พวกเขาเสียไป 24 ประตู นี่คือเกณฑ์ของลีกที่ มีเกมรับแข็งแกร่งที่สุด ส่วนในพรีเมียร์ชิพ เชลซี ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ทำสถิติเสียประตูน้อยที่สุดไว้ที่ 15 ลูก เมื่อฤดูกาล 2004-05 หรือ 2 ฤดูกาลก่อน ขณะที่ปีที่แล้วพวกเขาเสียไป 22 ประตู
อย่างไรก็ดีนั่นคือเกณฑ์ต่ำสุด ยิ่งเมื่อมองไปอย่างปี 2002-03 แมนฯยู เป็นแชมป์โดยเสีย 34 เช่นเดียวกับ 2001-02 อาร์เซน่อล เป็นแชมป์โดยเสียถึง 36 ประตู ยิ่งปี 1999-2000 แมนฯ ยูเป็นแชมป์โดยเสียถึง 45 ประตู ในขณะที่ ช่วง 2 ปี นั้น ลิเวอร์พูล เสียเพียง 30 ประตู แต่ไม่เฉียดใกล้กับแชมป์ลีก
บางทีการเสียไปแล้ว 15 ประตูจาก 18 ในฤดูกาลนี้ของเรา อาจจะมากไปจริงๆ แต่มันก็ไม่ได้บ่งบอกว่าเราจะหมดลุ้นแชมป์ โดยเฉพาะการเสียหลายประตูไปกระจุกอยู่ในบางเกม ขณะที่ ส่วนใหญ่ ลิเวอร์พูล มีเกมรุกที่ขันแน่น นอกจากนี้ เกมรุกเรายังทำ ไปแล้ว 26 ประตู เป็นรองเพียง 3 ทีมยักษ์อย่าง แมนฯ ยู, อาร์เซน่อล และเชลซี โดยเฉพาะกับทีมเงินถุงเงินถังเพียงลูกเดียว!
บทสัมภาษณ์ของราฟาเอล เบนิเตซ แสดงให้เห็นว่า เจ้าตัวกำลังพอใจกับสมดุลเกมรุก-รับ ในเวลานี้ ส่วนแฟนๆ ก็ไม่น่าเห็นจะต้องบ่นอะไร เพราะไม่ว่าสกอร์แบบ 3 เกมหลังสุด ของเราจะเกิดขึ้นช่วงไหนของฤดูกาล มันก็น่าพอใจทั้งนั้น ดังนั้นถ้าใครจะคิดว่ามันสวยเมื่อสายหรือเปล่า? ชัยชนะ เหนือ วีแกน, ฟูแล่ม และชาร์ลตัน แบบ 3-4 ลูกนี้ ไม่ได้เกิดขึ้น บ่อยๆ โดยเฉพาะรอบหลายปีหลัง (หรือใครจะบอกว่ามันเป็น เรื่องปกติ?)
ยิ่งกับเกมเมื่อคืนถ้า เดิร์ค เค้าท์ พกใบมีดโกน ลงสนาม เชื่อว่า 3-0 อาจจะเป็นสกอร์ขั้นต่ำเพียงในครึ่งเวลา แรกด้วยซ้ำ!
อาการบาดเจ็บของ โมโม่ ซิสโซโก้ กลับเป็นผลดี ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด หุบเข้ามาเล่น ตรงกลาง แม้จะทำให้เกมรับเสียสมดุลไปในช่วงต้นๆ แต่นั่น เป็นโอกาสของ เจอร์แมน เพนแน้นท์ ซึ่งเมื่อคุณลงเล่นมากขึ้น ความมั่นใจก็จะมากขึ้น หลายสัปดาห์ก่อน เชื่อว่าหลายคน คงพอจะจำคำพูดของเอลบอส ได้ลางๆ เมื่อเขายืนยันว่า จะใช้ปีกธรรมชาติ 2 ตัว แม้ช่วงแรกจะติดๆ ขัดๆ บ้าง แต่ในเวลานี้ทุกอย่างไปได้สวย แม้จะยังไม่ดีที่สุด
ถ้านี่เป็น 3 นัดแรกของฤดูกาล มันคงเป็นการ เปิดตัวที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่เมื่ออยู่ในสถานะต้องไล่ตาม อย่างที่บอกไว้ว่า "หงส์แดง" จะลุ้นแชมป์ลีกได้ก็เหนื่อย เต็มทน เพราะนอกจากจะแพ้ไม่ได้แล้ว ผลเสมอก็มาก พอที่จะบั่นทอนกำลังใจของทีมได้
นั่นคือสถานการณ์ที่เราต้องแบกรับในช่วงที่ เหลือของฤดูกาล ความรู้สึกเหล่านี้ ไม่มีทางสลัดหลุด ไปได้ พร้อมกับความรู้สึกเสียดายเกมที่ผ่านๆ มา อย่างไรก็ตาม เราไม่อาจเปลี่ยนอดีตได้ นี่เป็นสิ่งที่บางคนอาจจะบอก ว่าผมตอกย้ำมันมากเกินไปหรือเปล่า? อาจจะใช่เสียด้วยสิ แต่สำหรับแฟนๆ มันน่าจะเป็นแรงกระตุ้นของความสนุก ในช่วงที่เหลือมากกว่าเป็นผลลบ ความรู้สึกตื่นเต้น ในครึ่งหลังของเกมที่ อตาเติร์ก ในกรุงอิสตันบูล หลายคนคง จำกันได้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่ 6 นาที แต่มันจะยาวนานตลอด หลายเดือนข้างหน้า จนกว่าจะไม่มีทางให้เดินต่อ หรือ เราไล่ตามทัน
ขณะที่เขียนนี้ ยังไม่ทราบผลการแข่งขันระหว่า เอฟเวอร์ตัน - เชลซี และ เวสต์แฮม - แมนฯ ยู เป็นไปได้ว่า จ่าฝูงจะขยับห่างเราไป 17 แต้มตามเดิม หรืออาจจะอยู่ ที่ 14-15 แต้ม ขณะที่ เชลซี จะอยู่ที่ 9-12 แต้ม ทั้งที่ยังไม่ ถึงช่วงคริตส์มาส
31 แต้ม จาก 18 นัดแรก ต้องบอกว่าน้อยเกินไป แม้การรั้งอันดับ 3 ของตารางจะเป็นเรื่องที่ไม่เลว ส่วนทีม อย่าง พอร์ทสมัธ, โบลตันฯ, สเปอร์ส กำลังจะอยู่ในที่ที่ควร จะเป็น รวมถึง แอสตัน วิลล่า ทีมที่เล่นงานผมจากข้อเขียน ที่ไปประเมิน มาร์ติน โอนีลล์ เอาไว้(ฮา...) ตอนนี้พวกเขา อยู่ในตำแหน่งของพวกเขาแล้ว และมันดีกว่าผลการใน ฤดูกาลก่อนๆ อย่างแน่นอน แต่ยังไม่ใช่เวลาที่จอมคนชาว ไอร์แลนด์เหนือ จะขึ้นมาสู้กับ 4 ยอดฝีมือ จนกว่าจะสะสม สเบียงคลังได้มั่นคงกว่านี้ ขณะที่ ศึกระหว่างทีมระดับกลาง ก็สนุกไม่น้อย เมื่อ สเปอร์ส พยายามถีบตัวขึ้นมาสู้กับ 4 ทีมยักษ์กำลังไล่จี้ขึ้นมา เช่นเดียวกับ นิวคาสเซิ่ล สงครามแย่งชิงพื้นที่ ยูฟ่า คัพ ระหว่าง โบลตันฯ, พอร์ทสมัธ, วิลล่า, สเปอร์ส, นิวคาสเซิ่ล, เอฟเวอร์ตัน หรือแม้แต่เจ้าของ เดิมอย่าง แบล็คเบิร์น ยังต้องดูกันอีกยาว และน่าลุ้นระทึก ไม่น้อย
นอกจากนี้ในบรรดา 6-8 ทีมเหล่านี้ พร้อมจะ เขย่าบัลลังค์พื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีกของ อาร์เซน่อล กับ ลิเวอร์พูล หากทีมใดเกิดหลุดฟอร์มติดต่อกันขึ้นมา แต่ว่าโดยมาตรฐาน เชื่อว่า "หงส์แดง" กับ "เดอะ กันเนอร์ส" จะพยายามไล่บี้ จ่าฝูง มากกว่ารอให้ทีมระดับกลางไล่ตามทัน แม้ว่าในเวลานี้ มันจะยังไม่ชัด แต่ถ้าเทียบกับตำแหน่งตอนต้นฤดูกาล กับเวลานี้ คงจะเห็นลางๆ แล้วว่าจะเป็นยังไงต่อไป
44 แต้มจาก 17 นัดของทีม "ปีศาจแดง" ต้องเรียกว่า เกินมาตรฐาน แม้ว่าเราจะทำได้ไม่ดีนัก แต่ช่องว่างที่ห่างขนาดนี้ ต้องให้เครดิตพวกเขาเช่นกัน ถ้าพวกเขาชนะใน 2 เกมที่เหลือ ก่อนครบ 19 นัด พวกเขาจะมี 50 แต้ม ซึ่งหมายความว่าถ้า ทำได้เหมือนกันในช่วงที่เหลือพวกเขาจะได้ถึง 100 คะแนน!
ถ้าพวกเขาเก็บได้ 100 คะแนนจริงๆ คงไม่มี ทีมใดไล่ตามทันได้ นั่นเป็นสิ่งที่ผมพยายามจะบอกเช่นกัน ว่ามันเป็นไปไม่ได้ พอๆ กับการที่เราจะชนะใน 20 นัดที่เหลือ ยิ่งเมื่อลงไปในรายละเอียด แมนฯ ยู เจอกับ เชลซี, ลิเวอร์พูล อาร์เซน่อล และเพื่อนร่วมเมืองอย่าง แมนฯ ซิตี้ ในขณะที่ บางคนอาจจะคิดไปว่าทำไมเราไม่เล่นให้ได้อย่างแมนฯ ยู (อย่างที่เห็นในบอร์ด) แต่ลงไปดูจริงๆ 5 เกมหนักที่สุดเหล่านี้ ล้วนแต่เล่นใน โอลด์แทร็ฟฟอร์ด!
นั่นทำให้ผมเชื่อว่าพวกเขาไม่มีทางทำผลงานได้ดี เท่าช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล ใช่ ไม่มีทางทำได้เท่า แต่พวกเขา กุมความได้เปรียบไว้ในมือทั้งหมด โดยเฉพาะยิ่งคิดสวนทางว่า เราต้องไปเยือน เชลซี, แมนฯยู, อาร์เซน่อล, โบลตันฯ และ เอฟเวอร์ตัน ครบถ้วนเช่นกัน จนบางทีอยากจะพุ่งไปจ้วงหมัด แบบมนัส บุญจำนงค์ ใส่คนจัดโปรแกรมซักเปรี้ยง(ขำขำนะ)
ยอมรับกับยอมแพ้มันคนละเรื่องกัน และผมยอมรับ ว่า แมนฯ ยู เป็นทีมที่ดีที่สุดในช่วงต้นฤดูกาล ขณะที่ เชลซี ถือว่าทำมาตรฐานไล่เลี่ยกับปีก่อนๆ แม้จะตกลงมาบ้าง แต่ถ้าไม่มี แมนฯ ยู พวกเขาจะเป็นทีมที่นำ และตอนนี้นำเรา 8 แต้ม(ซึ่งอาจจะเป็น 11 หรือไม่ต้องรอดูคืนนี้)
บางทีผมก็อยากรอดูผล แล้วค่อยเขียน แต่เนื่อง ด้วยเวลาจำกัด อย่างที่เคยบอกไว้ว่าถ้าก่อนขึ้นปีใหม่ แต้มเหลือไม่เกิน 10 แต้มจากทีมนำ ผมคิดว่าอันดับ 2-4 ยังเป็นเป้าหมายที่ต่ำเกินไป
วกกลับมาที่ฟอร์มการเล่นดีกว่า เมื่อพูดถึง มุมมองในตารางคะแนนไปแล้ว ก็ต้องว่ากันไปเป็นฉากๆ สำหรับการจัดตัวนักเตะเมื่อคืน
ราฟา เลือกที่จะหมุนเวียนนักเตะ โดยให้ มาร์ค กอนซาเลซ แทน หลุยส์ การ์เซีย จากสัปดาห์ก่อน แต่ที่น่าประหลาดใจกลับเป็นการเลือกใช้ ฮูเปีย แทนที่ จะเป็น แอ็กเกอร์ ซึ่งเป็นเรื่องน่าสนใจมาก ส่วนคู่กองหน้า นี่อาจจะเป็นทางเลือกแรกสำหรับเกมนอกบ้านที่ราฟา คิดจะใช้ตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล
บางคนอาจจะเสียวๆ กับการจัดตัวผู้เล่นบ้าง แต่ถ้าพยายามทำความเข้าใจ ส่วนตัวผมเชื่อว่านี่จะเป็น การเปิดทางให้พัก เจมี่ คาร์ราเกอร์ ในไม่กี่เกมข้างหน้า
ลิเวอร์พูล มีโอกาสดีที่ได้พักมาตลอดสัปดาห์ ซึ่งนี่ทำให้ส่วนตัวผมค่อนข้างเชื่อมั่น เพราะหลังจากพัก นานๆ แล้วกลับมา ราฟาเอล เบนิเตซ มักจะจัดทีมได้ดี และไม่ค่อยพลาดก่อนที่จะเจอหลายเกมติด
- เยือน อาร์เซน่อล ในคาร์ลิ่งคัพ วันที่ 19 - เหย้า วัตฟอร์ด พรีเมียร์ชิพ วันที่ 23 - เยือน แบล็คเบิร์น พรีเมียร์ชิพ วันที่ 26 - เยือน สเปอร์ส พรีเมียร์ชิพ วันที่ 30 - เหย้า โบลตันฯ วันที่ 1 มกราคม 2007
12 แต้มรออยู่ข้างหน้า ก่อนที่จะเข้าสู้ช่วง ที่มีโปรแกรมหนักอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกับ อาร์เซน่อล ใน เอฟเอคัพ หรือ "เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้แมตช์" ในช่วงมกราคม แต่คงไม่มีอะไรหนักไปกว่าต้นฤดูกาลที่ผ่านมาอีกแล้ว
แล้ว เกมไหน เจมี่ คาร์ราเกอร์ ควรจะได้ โอกาสพักมั่ง ส่วนตัวผมคิดว่าเกมกับ อาร์เซน่อล หรือ วัตฟอร์ด น่าจะเป็นโอกาสดี ก่อนจะใช้งานรองกัปตัน จอมอึดอย่างต่อเนื่อง นั่นหมายความว่าจะต้องมี บางเกมในเดือนนี้ ที่เราจะเห็น แอ็กเกอร์ เล่นคู่กับฮูเปีย เช่นเดียวกันมันเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับแอ็กเกอร์ด้วย ที่ได้พักในโปรแกรมเมื่อคืนที่ผ่านมา
และเขาจะกลับสู่ทีมในคาร์ลิ่ง คัพ คืนวัน อังคารนี้อย่างแน่นอน...
ซึ่งทางหนึ่งคือเป้าหมายที่ ราฟา แสดงออกมา อย่างชัดเจนว่าต้องการทุกถ้วย! ฟังดูอาจจะเป็นความ ทะเยอทะยานเกินตัว แต่นี่คือปรัชญาการทำทีมลิเวอร์พูล ที่ตกทอดมานาน แม้เกมกับ อาร์เซน่อล เราจะไม่จัดทีม ที่ดีที่สุด แต่เชื่อว่าจะเป็นชุดที่แข็งแกร่งมากพอ และ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ที่ไม่มีรายชื่อกระทั่งตัวสำรองในเกม ล่าสุด ต้องได้เป็นตัวจริงในเกมวันอังคารนี้อย่างไม่ ต้องสงสัย
มันแน่นอนว่า คาร์ลิ่ง คัพ อาจจะไม่สำคัญเท่า รายการอื่นๆ แต่ แมนฯยู เองที่เรียกถ้วยใบนี้ว่า "มิคกี้ เมาท์" ยังไม่ยอมปฏิเสธมันในฤดูกาลที่แล้ว นอกจากนี้พวกเขา ยังจัดคู่กองหน้าเบอร์ 1 อย่าง รูนี่ย์-ซาฮา ลงพบกับ เซาธ์เอนด์ ทีมบ๊วย เดอะ แชมเปี้ยนส์ชิพ ในวันฉลองครบรอบการคุมทีม 2 ทศวรรษของ "เฟอร์กี้" และแพ้กลับมา(ฮา..)
มีต่อ.............
จากคุณ :
ZiGHarT
- [
20 ธ.ค. 49 14:13:05
]
|
|
|