ความคิดเห็นที่ 45
อืมนั่นสิ น่าจะมีถูกทุกข้อนะครับ มันมีหลายปัจจัยมากจริง ๆ อ่ะ
1. การกลับมาใช้ 4-4-2 อีกครั้งของ Sir Alex
แน่นอนหล่ะแท็คติกสุดคลาสสิคที่ได้แชมป์มาก่อนหน้านี้ก็สูตรน้อะแหละ ระบบพื้นฐานที่นักเตะเข้าใจกันทุกคน ปีก่อน ๆ หน้านั้นพยายามเอาแผนการเล่นอื่น ๆ มาใช้มันก็ไม่เข้า การเสีย รุด ไปดูแล้วเหมือนจะดีสำหรับแท็คติกของแมนยูเพราะ รุด ไม่ค่อยขยับมารับบอลสักเท่าไหร่อยู่แต่ฝั่งตรงข้ามซะเป็นส่วนมาก แต่แมนยูก็เสียดาวถล่มประตูไป ซึ่งตอนนี้กอหน้าแมนยุคนอื่น ก็ไม่คมเท่ากับรุด
2. Giggs, Schole, Neville กลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีพร้อมๆกัน
แกนหลักตัวเก๋า ๆ กลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดี ด้วยวัยเลข 3 แล้วทั้งนั้น ถึงแม้จะไมได้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดของแต่ละคนเนื่องด้วยสังขารที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ก็ได้ลูกเก๋ามาช่วยประคองเกมได้เยอะครับ เห็นได้จากปีที่แล้วตอนครึ่งหลังของฤดูกาลที่ไม่มีสโคลล์ ต้องใช้ กิ๊กส์ คู่ โอเชีย หยั่งงี้ เหอ ๆ สำหรับสโคลล์กับกิ๊กส์เองก็เปลี่ยนรูปแบบการเล่นของตัวเองด้วยครับ สโคลล์เป็นตัวมาเชื่อมบอลเองจากข้างหลัง เห็นลงมาเอาบอลเองตลอด ไม่ค่อยมีจังหวะได้ง้างยิงไกลสักเท่าไหร่ แต่ได้ยิงแต่ละทีก็ยังคมเหมือนเดิม กิ๊กส์ก็อาจจะไมได้ทะลุทะลวงเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังสามารถลากผ่านกองหลังฝั่งตรงข้ามได้ด้วยประสบการณ์กับทักษะล้วน ๆ ครับ
3. ฟอร์มที่ดีมากๆของ Ronaldo และการเล่นเพื่อทีมมากขึ้น
อันนนี้ก็ใช้อ่ะนะโรนัลโด้เองก็ปรับตัวได้มากขึ้นอยู่เป็นฤดูกาลที่ 4 แล้วหนิ การที่เล่นแบบนี้ได้ประโยชน์ทั้งตัวเค้าเองและก็ทีม เพราะแต่ละคนก็จะมาชมโรนัลโด้ใหญ่เลยว่าเล่นดีขึ้นเยอะ เขารู้จังหวะจ่าย จังหวะพลิกบอล ดึงกองหลังออกมาประกบ จังหวะโต้กลับ ลูกโยนจากริมเส้นที่มีมากขึ้น ไม่ใช่ลากตัดเข้ามายิงออกหมดเลย
4. การมาของ Carrick และการปรับตัวได้แล้วของ Vidic+Evra ที่ทำให้แนวรับดีขึ้น
ใคร ๆ ก็บอกว่า คาริค เนี่ยแหละคือจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายขอท่านเซอร์ในการจัดทีม จะว่าไปแล้วมันก็ใช่ แต่ยังไงทีมก็ยังต้องเสริมทีมบ้างแหละ แต่การที่มีคาริคก็ทำให้สโคลล์เล่นได้ง่ายขึ้นเยอะ ก็อย่าที่เห็นอ่ะครับ เอาสโคลล์ไปจับคู่กับโอเชีย หรือ เฟรชเชอร์อ่ะ ไม่ใช่แน่ ๆ อ่ะแบบนี้ จังหวะตัดเกมของคาริค เข้าบอลแบบอ่านเกม ไม่ใช่สไลด์โหด ๆ จังหวะวางบอลยาวที่ไว้ใจได้ และอื่น ๆ นี่แหละสิ่งที่คาริคมอบให้แมนยู
ด้านวิดิชและเอฟร่าเนี่ยก็มีส่วน การที่สามารถจัดทีมชุดใหญ่จัด 11 ตัวจริงได้ตั้งแต่ต้น ๆ ฤดูกาลก็ทำให้ทมมีทีมที่ลงตัวสามารถเค้นฟอร์มการเล่นที่ดีออกมาได้ วิดิชกับเอฟร่า ฤดูกาลที่แล้วหมดไปกับการปรับตัวกับให้เข้ากับสไตล์ฟุตบอลอังกฤษ วิดิช เองมาตอนที่ลีกเค้าปิดอยู่ ไมได้ซ้อมมานาน กว่าจะเรียกความฟิตได้ก็ใช้เวลาพอดู ยิ่งเป็นตำแหน่งเซนเตอร์ฮาฟ เหมือนหลังบ้านแล้วด้วย ยิ่งต้องใช้เวลาครับ แต่พอเค้าสามารถปรับตัวได้ อะไร ๆ มันก็ง่ายครับ ยิ่งได้จับคู่กับเฟอร์ดินาน หนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดของอังกษแล้วด้วย ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นคู่ที่ดูแล้วขาดกันไมได้ การเข้าสกัดบอลที่เด็ดขาด จังหวะโหม่งบอลหน้าปากประตูตัวเอง และจังหวะโหม่งทำประตูให้ทีมจากลูกเซตพีซ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลงานการเล่นของแมนยุนั้นดีขึ้น
เอฟร่านั้นนัดที่จอแมนซิตี้ฤดูกาลที่แล้วหัวหมุนเลย เล่นหลุดมาก ๆ รวมไปถึงนัดอื่น ๆ ในฤดูกาลที่แล้ว เขาเจอเกมที่เร็วและเข้าประทะหนัก และสไตลล์เล่นที่ต่างออกไปจากบอลฝรั่งเศส จึงต้องใช้เวลาเหมือนกันในการปรับตัว เอฟร่าเองโดนค่อนขอดว่าไม่เหลือฟอร์มดี ๆ สมัยฤดูกาลที่เข้าชิงแชมป์เปี้ยนส์ลีกปับปอร์โต้อีกแล้ว ถึงถูกปล่อยตัวออกมา เข้าใจว่าที่เฟอร์กี้ซื้อเอฟร่ามาเพราะมาเป็นตัวสำรองสลับสับเปลี่ยนกับไฮนเซ่ เพราะตัวสำรองที่เหลืออย่าง ซิลแวสต์นั้นก็ไว้ใจไม่ได้อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นตัวกลางหรือซ้าย อย่างที่เห็นครับกับสองนัดช่วงบ็อกซิ่งเดย์ ซิลแวสต์ก็มีจังหวะที่ดีของเขาเหมือนกัน แต่จังหวะสำคัญที่พลาดแล้วทำให้เสียประตูอันนั้นไม่ไหวจริง ๆ ครับ ด้านโอเชียหลัง ๆ มานี้ไม่ได้ยืนแบ๊คซ้ายเลย โดนจับไล่นกลางซะมากกว่า ถึงจะเคยเล่นได้ดีในระดับนึงในการเล่นแบ๊คซ้าย แต่ฟอร์มการเล่นแบบนั้นของเค้าไม่มีอีกแล้ว ยิ่งเทียบกับแบ๊คซ้ายอย่างเอฟร่า และไฮน์เซ่นั้นไม่มีทางเลย ปีนี้ในช่วงต้นฤดูกาลเอฟร่าได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองพอสมควรจากท่านเวอณืเพราะไฮนเซ่ดันเจ็บกลับมา ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังมากนักกับฟอร์มการเล่ยของเขา เป็นแบ๊คที่ตัวเล่นแต่คล่อง เพราะเขาเคยเล่นเป็นปีกซ้ายมาก่อน ถ้าเกมไหนแมนยูต้องการเล่นเกมบุกก็มักจะส่งเขาไว้ในตำแหน่งแบ๊คซ้าย แต่เอฟร่าก็ยังพอมีข้อผิดพลาดอยู่บ้างในจัหงวะที่เติมแล้วหลุดลงมาไม่ทัน และก็จังหวสกัดบางทีก็เย่ยมขาดไปเลย บางทีก็หลุดบ้าง แต่นี่แหละครับคือฟุตบอล ช่วงหลัง ๆ ไฮน์เซ่กับเอฟร่าฟิตพร้อมกัน ท่านเวอร์ก็เลยจัดการโรเทชั่นสลับกันลงคนละนัด หรือนัดไหนต้องการเปลี่ยนสไตลล์ก็เอาอีกคนมาลงแทน
5. คู่แข่งพลาดกันไปเองจนหมด ทำให้ไม่เกิดความกดดันมากนักในการลงสนามแต่ละนัด
ตอนต้น ๆ ฤดูกาลอาจจะยังดูไม่ออกว่าทีมไหนเป็นทีมลุ้นแชมป์อย่งแท้จริง เพราะทีมเล็กทีมน้อยทีมใหญ้ก็ต่างสามารถเก็บแต้มได้ ทีมไหนที่ยังไม่เข้ารูปเข้ารอย ควานหาฟอร์มการเล่นที่ดีอยุ่ไมได้ ก็ต้องพลอยเสียแต้มไปในช่วงต้นฤดุกาล แมนยูเองปีนี้ต่างจากปีก่อน ๆ ที่มักจะทำแต้มเสียในช่วงต้นฤดูกาล ตั้งแต่การมาของโฆเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งเป็นคนที่เน้น และละเอียดในทุก ๆ นัด อย่างที่ท่านเซอรืเห็นเมื่อสองฤดูกาลก่อน เลยมีบทเรียนที่ว่าไม่สามารถหปล่อยแต้มหลุดมือไปได้สักแต้มเลยรีบเก็บแต้มโกยเอา ๆ ทีมอื่นอย่างลิเวอร์พูล หรือ อาเซนอลเปิดฤดูกาลได้ไม่สวย เพราะพลาดท่าเสียแต้มไปเยอะกับการเสมอและแพ้ทีมที่ไม่น่าแพ้ อาเซนอลเสียตัวหลักไปหลายคน ไม่ว่าจะเป็น แคมเบล(หลัง ๆ ก็ไม่ใช่ตัวหลักนะ) ซีก็อง (รายนี้ไปได้ก็ดี 55) โคล (แฟนปืนคงไม่ปลื้มกับแบ๊คคนนี้อีกต่อไปอยู่แล้ว ก็ในเมื่อไม่มีใจให้ จะเก็บไว้เพื่ออออ) ปิแรส และก็เบิร์กแคมป์ ทำไอ้ปืนใหญ่ต้องมาสร้างทีมกันใหม่ กว่าจะหาทีมที่ลงตัวได้ นักตะปืนเองก็เจ็บไปหลายคนมีส่วนเหมือนกัน ยิ่งการเปลี่ยนบ้านใหม่แล้วมาเป็นเอมิเรสต์เดี้ยม ก็ทำพลาดท่าเสมอไปหลายนัด
สำหรับหงส์แดงเองก็มีฟอร์มการเล่นไม่ค่อยเข้ารูปเข้ารอย มักจะพึ่งศักยภาพของกัปตันสตีวี่ จีมากเกินไป ทีมหงส์แดงเสริมทัพในหลาย ๆ ตำแหน่ง มีนักเตะหน้าใหม่เข้ามาหลายคน ทั้ง ออเรลิโอ ปาเล็ตต้า เพนแนนท์ เบลลามี่ และเค้าท์ ซึ่งราฟาก็โดนหาว่าเป้นเจ้าพ่อโรเทชั่นปรับเปลี่ยนนักเตะเพื่อรักษาความฟิตเอาไว้ ทีมก็เลยฟอร์มไม่ดี ด้านกัปตันสตีวี่ก็โดนจับไปยืนปีกขวาตลอด เพราราฟาให้ ชาบี้ คู่กับ โมโม่ พอดีว่าช่วงนี้โมโม่เจ็บ เจอรร์ราดเลยได้มายืนกลางอีกครั้ง นอกจานี้ทีมหงส์แดงซึ่งมีสถิติดีมากในการเล่นเป็นทีมเหย้า ตรงกันข้ามออกนอกบ้านที่ไรมีปัญาเสมอ นั่นจึงเป็นปัญหาของหงส์แดง
สุดท้ายที่ลุ้นแชมป์อย่างเชลซี การเข้ามาของบัลลัคกับเชว่า ทำให้เฮียมูต้องเปลี่ยนแผนเพราะคงไม่ปล่อยให้ดาราค่าเหนื่อยประมาณ 120,000 130,000 ปอนด์ เป็นตำสำรอง การเปลี่ยนแท๊กติคของมูรินโญ่ทำให้ฟอร์มการเล่นเปลี่ยนไป ปีกอย่างโจโคล ก็เจ็บบ่อย ส่วนร็อบเบนส่วนมากก็ได้ลงช่วงแก้เกม ทำให้ศักยภาพดี ๆ ของทีมเปลี่ยนไป มูรินโญ่เองก็ออกมาบอกว่า ทีมของเค้าไม่สามารถเล่นแท๊คติกเดิมได้ตลอดเสมอหรอก มันก็ต้องแก้ไขไปตามสถานการณ์ ซึ่งดูแล้วคล้าย ๆ กับแมนยูช่วงปี 2001-2002 กับการเข้ามาของ ฟานนิสเตรลอย และ เวรอน ที่ทำให้เฟอร์กี้ต้องเปลี่ยนแผนเหมือนกัน บัลลัคกับเชว่าถูกหาว่าเล่นไม่คุ้มค่าเหนื่อย บัลลัคยังเค้นฟอร์มจอมทัพไม่ออก เพราะตำแหน่งดูเหมือนไปกั๊ก ๆ กับ แลมพ์ ส่วนเชว่าฟอร์มถล่มประตูสมัยอยู่มิลานก็หายเป็นปลิดทิ้ง นัดเปิดตัวในคอมมูนิต้ ชิวดูเหมือนจะไปรอดได้ แต่พอมาเจอเกมเร็ว ๆ เข้าสกัดแรง ๆ ปละความกดดันต่าง ๆ รอบตัวเขาทำให้ฟอร์มการเล่นยิ่งเล่นยิ่งแย่ ต้องให้เวลาพอควรครับกับการปรับตัว ตัวสำรองของเชลซีที่เคยมีประสิทธิภาพก็ต้องถูกปล่อยออกไป มูรินโญ่เองแกไม่อยากปล่อยหรอกครับ แต่ตัวนักเตะไม่อยากอยู่เอง อย่าง ดัฟฟ์ กับ กุ๊ดดี้ ก็ต้องไปเพราะต้องเป็นตัวสำรองคอยเปลี่ยนกับเพื่อน ๆ ส่วนกัลล่าส์อย่างที่รู้ ๆ กันแกไม่มีใจให้เชลซีอีกแล้ว การเข้ามาของโคลก็ทำให้ตำแหน่งแบ๊คซ้ายที่เป็นปัญหาแก้ผ่านไปได้ แต่ปัญหามันกลับเกิดขึ้นอีกฝั่งอย่างบ๊คขวา เพราะเฟอร์ไรร่าดันฟอร์มตก เลลยต้องให้ เดอะ คานิบาลลงเล่นในช่วงแรก ๆ ซึ่งฟอร์มไม่ดีเท่าไหร่ หรือบางทีเอาเฌเรมี่มายืนในตำแหน่งนี้ ซึ่งก็พอเอาตัวรอดได้บ้าง ด้านเซนเตอร์ฮาร์ฟ คาวัลโญ่เป็นตัวจริงคู่เทอร์รี่ แต่พอเทอร์รี่เจ็บเลยเป็นปัญญา เพราะคนอื่นไม่สามรถอุดรูรั่วได้ โกลล์เองก็เจ็บไปจากนัดเรดดิ้งสองคน ทั้ง เช็ก และ คูดิชินี่ ฮิราลิโอยังไม่ดีพอเป็นมือหนึ่ง เฮดแมนที่เซ็นมาเป็นมือสี่ก็ร้างสนามไปนาน เด้กตัวสำรองอย่าง โอลิ มิเกล กับ คาลู ก็ต้องใช้เวลาปรับตัวและต้องเก็บประสบการณ์อีกเยอะครับ
สรุปแล้วเชลซีมีปัญหเยอะไปหน่อยครับเลยทำให้มีปัญญาฟอร์มการเล่นด้วย ท่าทีมแต่ละทีมฟูลทีมเหมือนกันก็คงสนุกแน่ครับ แต่อย่างว่าแหละ แมนยุปีก่อน ๆ ก้ปัญหาเยอะ ทั้งอาการบาดเจ็บการ อาการฟอร์มตก การเทคโอเวอร์สโมสร ๚ล๚
จากคุณ :
nahc_CM
- [
5 ม.ค. 50 11:09:24
]
|
|
|