ความคิดเห็นที่ 1 --สนามสวนกุหลาบคึกคักเป็นพิเศษ-- เช้าวันนั้น  วันอาทิตย์สำคัญ  ซึ่งเป็นวันที่จะมีมวยจีนชกแข่งขันกับมวยไทยพระนคร เฉพาะอย่างยิ่งถนนตรีเพชร  จักเพชร  บ้านหม้อ  พาหุรัด  และรอบ ๆ นอกบริเวณโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยซึ่งใช้เป็นสนามมวย  พลุกพล่านด้วยผู้คนคอยรอเวลาชมมวย  คนส่วนมากเข้าใจกันว่ามิใช่ดูการแข่งขันชกมวย(สู้กันตัวต่อตัว) เท่านั้นแต่มันจะกลายเป็นดูพวกจีนกับพวกไทยห้ำหั่นกันตามคำโฆษณาเชิงปลุกปั้น จีนรวมพวกเดินกันเป็นกลุ่มด้วยความตั้งใจจะดูไส้นายยัง  หาญทะเลว่ายาวแค่ไหนส่วนพวกไทยก็ใช่ว่าจะไม่เตรียมพร้อม  เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มิได้ประมาท  จัดตั้งโต๊ะเก็บ " ไม้ตะพด" ขนาดต่าง ๆ ทุกช่องประตู เหมือนงานวัดถึงกระนั้นก็ยังมีคนไทยถูกจับเพราะพกสนับมือ (อาวุธร้ายสมัยนั้นมีอัตราปรับ ๑๒ บาทเท่ากับปืนพก)  เตรียมเล่นงานจีนหลายต่อหลายราย   พ่อเสือลูกเสือต่างเตรียมตัว โดยถือไม้พลองทาสีขาวยาวเกินตัว  หนังสือพิมพ์ประจำวันขายเกลี้ยงเป็นล้างน้ำ  เพราะมีการกล่าวขวัญถึงศักดาเดชของคู่มวยยิ่งกว่าข่าวเบ็ดเตล็ดและข่าวสำคัญอื่น ๆ --อ้ายเต๊ะ-- เนื่องจากมวยนัดนั้นอาจจะลุกลามกลายเป้นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นได้โดยไม่คาดฝัน  พระยาฤทธิไกรเกรียงหาญ   หรือที่คนทั้งหลายในสมัยนั้นฉายาให้ท่านว่า " อ้ายเต๊ะ " จึงต้องระดมกำลังสารวัตรใต้บังคับบัญชา  เพื่อระงับเหตุการณ์ไม่พึงปรารถนาอันอาจเกิดขึ้นได้ พวก " แขนแดง "พวกสารวัตรทหารสมัยนั้น ( แขนเสื้อมีปลอกแขนสีแดงพัน ) จึงดุเกลื่อนทั้งภายนอกและภายในสนามมวย  สำหรับมวยคู่ที่จะกลายเป็นการดูพวกจีนกับพวกไทยห้ำหั่นกันตามโฆษณาเชิงปลุกปั้นเช่นนี้ ผู้ซึ่งทำหน้าที่เป็นโฆษก จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ผู้เขียนต้องขอปรับความเข้าใจกับผู้อ่านว่า การที่คนไทยสมัยโน้นตั้งฉายาให้แก่ พระยาฤทธิไกรเกรียงหาญ ว่า " อ้ายเต๊ะ " นั้น มิใช่เป็นการเรียกท่านอย่างหยาบคายแต่ประการใด แต่เนื่องจากท่านมีร่างกายอ้วนจนลงพุง แลดูคล้ายรูปคิงในไพ่ป๊อกคนไทยมักเรียกกันว่า " อ้ายเต๊ะ " ท่านจึงได้รับฉายาจากคนสมัยโน้นเช่นนั้น  แม้ดาราหนังที่คนสมัยโน้นนิยมชมชอบและยกย่องบทบาทการแสดงของเขาก็ยังตั้งฉายาขึ้นต้นด้วยคำว่า " อ้าย " ทั้งนั้น เช่น " อ้ายเอ๊ด " (คือเอ๊ดดี้ โปโล) และ " อ้ายลันด์ " (คือฟรานซิส พอร์ค) เป็นต้น จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 00:39:56 ]

ความคิดเห็นที่ 2 --มวยจีนจากฮ่องกง-- อันที่จริงนายยัง  หาญทะเลได้ถูกกำหนดให้เป็นตัวยืน เพื่อหาคู่ประกบ ภายหลังการเฟ้นหานักมวยเปรียบนายทับ จำเกาะไม่ได้มาหลายอาทิตย์แล้วเพราะนักมวยด้วยกันไม่มีใครสมัครใจต่อกรกับนายยัง หาญทะเลเพื่อนของนายทับ  จำเกาะความจำเป็นที่ต้องหานักมวยต่างด้าวสุดแต่จะเป็น พม่า , จีน , จาม ฯลฯ แล้วแต่จะเหมาะสมประชาชนปรารถนาเพียงอย่างเดียวให้ได้ดูฝีมือ นายทับ จำเกาะ หรือนายยัง  หาญทะเล เพื่อนคู่หูอีกสักครั้งพอให้แน่ใจในฝีมือ เนื่องจากเหตุดังกล่าวมวยจีนจากฮ่องกงจึงถูกสั่งเข้ามาด้วยความเอื้อเฟื้อของชาวจีนที่ภักดีต่อประเทศไทย เพราะปรากฎว่าทั่วบูรพาประเทศว่าฮ่องกงเป็นเมืองท่าที่รวมบุคลประเภทหัวกระทิ ทั้งในด้านการค้าและการท่องเที่ยวแสวงโชค เป็นเมืองชุมนุมคนดีคนชั่ว ตลอดจนกุ๊ยท่าเรือ เสือสาง แม่นางโกง (โสเภณี) ฯลฯ --มวยไทยจากวังเปรมประชากร-- ผู้เขียนได้กล่าวแล้วว่า ทางวังเปรมประชากรมิได้นิ่งนอนใจหรือมีความประมาทยิ่งเกิดกิตติศัพท์ความเก่งกาจครองฤทธิ์อำนาจพิสดารของมวยจีนจากฮ่องกงแพร่ออกมาอย่างมากมาย ฝ่ายมวยไทยก็ยิ่งเพียรพยายามเตรียมที่จะรับมืออย่างสม " สยามยศ " แม้ครั้งนี้ นายยัง  หาญทะเลไม่มีหลวงพ่อสุก (พระครูวิมลคุณากร) แห่งวัดมะขามเฒ่า เหมือนเมื่อครั้ง นายทับ จำเกาะก็ยังมีตัวแทนคือเสด็จในกรม ฯ ศิษย์เอกของหลวงพ่อ ซึ่งเป็นผู้ทรงจัดเจนในศิลปการต่อสู้ และเสด็จในกรมฯตระหนักพระทัยดีว่า นอกจากความรู้ความสามารถด้านวิชาการแล้ว  จิตวิทยาย่อมมีส่วนควบคุมนักมวยให้มีความเชื่อมั่นอันสุดยอดและนำไปสู่ความสำเร็จสมประสงค์ได้ พระองค์จึงทรงกรุณาทุ่มเทพระสติกำลังความสามารถประสิทธิประสาทและปลุกปั้น นายยัง  หาญทะเล มวยในอุปการะของพระองค์ให้แข็งแกร่งเพียบพร้อมด้วยความรู้  ไม้กล  ไม้ตาย  ไม้ลับ  พร้อมสรรพด้วย อิทธิอำปลัง (อำนาจเคลือบคลุม)  ขั้น " เพชรดา " (คงทนต่อเขี้ยวงา)  นอกจากนั้นนายยัง  หาญทะเลยังได้รับคำยืนยันจากบุคคลภายนอกอย่างหนาหูว่า  บรรดาทหารเรือลูกศิษย์เสด็จในกรม ฯ ซึ่งสักตราสมอดำที่ต้นแขนล้วนคงทนต่อ อสิธารา (คมศาสตราวุธ) เช่นอาวุธปลายแหลมชายธงเป็นต้น (มีดชายธงเป็นอาวุธที่พวกนักเลงสมัย ๕๐ ปีก่อนนิยมพกและใช้  ความร้ายแรงน้อยกว่ามีดซุย , หลาว หรือเหล็กขูดชาฟท์) จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 00:43:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 --พิธีอตตมสูตรและชุบตัว-- " คูณพ่อชลัม " (พระชลัมพิสัยเสนี ร.น. ผู้บังคับการเรือรบหลวงพระร่วง ซึ่งประชาชนเรี่ยไรซื้อให้รัฐบาล) ได้เป็นผู้นำในการประกอบพิธี อตตมสูตร ให้นายยัง  หาญทะเล ตามบัญชาของ เสด็จในกรม ฯ แล้วก็ใช้เวลาตอนเช้าด้วยพิธีการที่เรียกกันว่าชุบตัวแล้วพักผ่อนเพื่อรอฤกษ์ยกขบวนไปสู่สนามมวยสวนกุหลาบตามประเพณีที่วังเปรมประชากรเคยปฏิบัติมา อนึ่งตามที่ผู้เขียนเคยกล่าวไว้ในตอนต้น ๆ ว่าในสมัยโบราณนิยมให้นักมวยอาบน้ำชำระร่างกายก่อนเข้าสู่สนามรณรงค์นั้น  หากพิจารณาให้ลึกซึ้งแล้วมิใช่ว่าคนไทยเชื่อถือในสิ่งที่งมงาย (Superstitious)เพราะการชำระร่างกายเป็นวิธีปล่อยทุกข์ให้กระเพาะวางเปล่า ลดอัตราอันตรายแก่อวัยวะภายในช่องท้องส่วนการอาบน้ำในแง่สุขลักษณะ น้ำเป็นอาโปธาตุที่สร้างกำลังความชุ่มชื่นแก่ร่างกาย ด้วยเหตุว่าประเทศไทยอยู่ในโซนร้อน จึงไม่จำเป็นต้องพะวักพะวน " อุ่นเครื่อง " (Warm up) ตามแบบอย่างต่างประเทศซึ่งเป็นประเทศหนาว อีกประการหนึ่งหารบริกรรมมนต์คาถา (Supernatural Psychology) ตามลัทธิศรัทธาของคนไทยก็นับว่าเป็นอุปเท่ห์ในการอุ่นเครื่องได้ดุจกัน  ผู้ใดสงสัยโปรดทดลองด้วยตนเองโดยนั่งนิ่ง ๆ (ทำนองนักมวยไหว้ครู) หายใจเข้าออกลึก ๆ ช้า ๆ (บริกรรมพระคาถาสุดแต่จะเล่าเรียนจากอาจารย์ใด) ประมาณสัก ๑ นาที (เวลาที่เลือดฉีดทั่วร่างกาย) ก็จะเริ่มรู้สึกว่ามีความอบอุ่นขึ้นแถว ๆ ข้างหูหรือข้างหลังตอนใต้สะบัก ทั้งนี้อาศัยพลังจิตของผู้บริหารด้วย พิธีอตตมสูตรก็ทำนองเดียวกับการอาบน้ำวึ่งมีธรรมเนียมนิยมในประเทศอินเดียในเวลาก่อนทำการสำคัญใด ๆ ฉะนั้นในบางโอกาสที่ไม่สามารถอาบน้ำชำระกายก็ถือเอาเพียงรดน้ำมนต์ (ไสยศาสตร์) เพื่อรับสวัสดิมงคลตามประเพณีพราหมณ์ ซึ่งนำเข้ามาในประเทศไทย ต่อมาเมื่อผลแห่งความจริงปรากฏว่าไทยเป็นชาติที่นับถือศาสนาพุทธ จึงเปลี่ยนเป็นรดน้ำพระพุทธมนต์แต่เพราะความเคยชิน หรือไม่เข้าใจแจ่มแจ้งพวกเราจึงคงได้ยินใช้กันสับสนว่ารดน้ำมนต์อย่างเดิม --วันมังกรสู้เสือ-- วันนั้นเป็นวันที่เต็มไปด้วยภาพอันน่าตื่นเต้นเหลือที่จะพรรณา ผู้คนในชุดแต่งกายตามเชื้อชาติหลั่งไหลมุ่งหน้ามายังสนามมวยสวนกุหลาบเพื่อชมมวยจีนมวยไทย บรรยากาศตอนแรก แดดร้อนจัดและแจ่มใสตลอดจนถึงตอนบ่าย ทำให้เกิดความหวังกันว่าอากาศปลอดโปร่งดีตลอดวัน แต่ก่อนเวลา  ๑๖.๐๐ น อันเป็นเวลาเริ่มแข่งขันมวยมีฝนโปรยเม็ดลงมาเล็กน้อย  แม้กระนั้นก็ไม่มีใครขยับเขยื้อนจากที่นั่งซึ่งเรียกได้ว่าเต็ม เพราะเกรงจะไม่ได้นั่งอย่างเดิม  เมื่อมวยคู่ประกอบรายการได้แข่งขันแล้วปรากฏว่าเก้าอี้นั่งเดี่ยวรอบ ๆ เวที  และที่นั่งชั้นอัฒจันท์เต็มจนต้องยัดเยียดเบียดเสียดกันแน่นขนัดทั้งภายนอกบริเวณและภายในสนามมวยชักจะมีการรวนเรกันดันประตู พ่อค้าหาบเร่เท่านั้นที่ได้รับประโยชน์เกินคาดเพราะขายสินค้าคล่องเป้นเทน้ำเทท่า  ขณะนั้นประชาชนที่อุตส่าห์กรำแดดเข้านั่งคอยชมมวยคู่พิเศษระหว่างจีนกับไทยชักเคร่งเครียดด้วยความร้อน ทันใด โฆสก ประจำสนามมวยก็ประกาศก้องว่านักมวยค๋สำคัญได้มาถึงสนามและกำลังเตรียมตัวจะขึ้นสังเวียนต่อไปแล้ว ! พึงสังเกตว่าในตอนแรกผู้เขียนใช้คำว่า โฆษก ด้วยความตั้งใจให้เป็น พิธีกร แต่มาในตอนหลังนี้ผู้เขียนใช้คำว่า โฆสก ด้วยความตั้งใจให้หมายถึง ผู้ประกาศ (Ring announcer) เหราะเหตุว่าในปัจจุบันนี้ มักใช้ไม่แยกกันจนบางคนไม่รู้หน้าที่ของตน โฆษณาเสียจนการกีฬากลายเป็นการชวนออกศึกไป ซึ่งผู้เขียนรู้สึกว่าเป็นการเสียหาย ข้อนี้ย่อมสุดแต่อาจารย์ทั้งหลายจะพิจารณา จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 00:47:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 --นายยัง  หาญทะเลขึ้นสังเวียน-- ประชาชนต่างลุกฮือชะแง้ชะเง้อมองไปทางเดียวกัน  มีรายงานจากภายนอกอีกว่า  เวลานี้ประชาชนกำลังจะพังประตูเพราะซื้อบัตรดูมวยไม่ได้  เจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยทุกฝ่ายต้องปฏิบัติงานด้วยความยุ่งยากเหน็ดเหนื่อย " บัตรหมดแล้ว  ที่นั่งเต็ม ! "  เสียง โฆสก ประกาศทางโทรโข่ง ทันใดนั้นประชาชนก็โห่ร้องกลบเสียงโฆสก เพราะนายยัง  หาญทะเล  ในเครื่องแต่งกายมวยไทยครบถ้วน  ผ้าขนหนูสีเทาชุบน้ำพอหมาด ๆ พาดปกสองบ่า  ไว้หนวดริมฝีปากบนแบบชาวชนบทไทยทั้งหลาย  เคี้ยวหมาก (อาพัด) แหยะ ๆ ขนาบข้างด้วยพี่เลี้ยงและ " คุณพ่อชลัมภ์ " มาหยุดดุษฎีก่อนก้าวขึ้นบันไดยกพื้นสูงประมาณ  ๔  ฟุต  สะกดทับสรรพอัปมงคลการกระทำของฝ่ายศัตรูตามที่ครูบาอาจารย์สั่งสอน  แล้วค่อย ๆ ก้าวตีนขวาขึ้นบันไดเข้าบนสังเวียน ยกแขนที่ห้อยไว้ข้างตัวทำนองเดียวกับพลตระเวนเท็กซัส (Texas Ranger) เตรียมพร้อมจะชักปืน  ขึ้นพนมไหว้ไปรอบ ๆ ทิศ กัดฟันด้วยมั่นใจ  เสียงโห่ร้องต้อนรับนายยัง  หาญทะเลดังแรงขึ้นกว่าเดิมอีกครั้งหนึ่งแล้วค่อย ๆ เงียบ ๆ ลง --จี๊ฉ่างขึ้นสังเวียน-- เสียงโห่ร้องยังไม่ทันสงบดี  เสียง ฮ้อ.. ฮ้อ..! พร้อมกับเสียงกลอง  ตลุ้ง  ตุ้ง  ฉ่าง  แช่  เก๊ง ! กวงเล่าโก๊ก็ดังซ้อนขึ้นจนแก้วหูแทบแตก  " มาแล้ว  นั่นจี๊ฉ่างคนตัดผมโล้นที่ห้อมล้อมด้วยพวกพ้องชาติเดียวกัน ! " เป็นคำตะโกนต่อ ๆ เซ็งแซ่ดจนฟังไม่ได้ศัพท์  เพราะเพียงแต่เสียงกลองและฉาบขนาดใหญ่  ก็สะเทือนยอดอกและหูอื้อเสียแล้ว  จึงไม่สามารถรู้ว่าประชาชนพูดจากล่าวขวัญอะไรกัน เมื่อขบวนน้อย ๆ โอบล้อมนายจี๊ฉ่างมาถึงหน้าบันไดยกพื้นสูง  ๔  ฟุต  จี๊ (โฮ้วจงกุ๋น) ฉ่าง  ซึ่งเดินชูกำปั้น  " หัวนกอินทรีย์ "  (Eagle - beak Fists) ก็เดินล้ำหน้าเพื่อน ๆ ไปโดยมิได้หยุดรั้งรอ แผ่อำนาจด้วยสุรเสียงตวาด  " ว้าก ! ." แบบงิ้วทำให้เลือดแทบจะข้นแข็งตัว  แล้วกระโดดจนแผลวข้ามลูกนอนลูกตั้งบันได ๔ - ๕ ขั้น  ขึ้นบนเวทีคล้ายเสือดาวกระโจนข้ามเรียวไผ่เข้าในคอกแพะ หรือคล้ายขึ้นลุยไถ  ที่เคยพบในหนังสือพงศาวดารจีนราวกับเสียงคลื่นในมหาสมุทร  ก่อความกระวนกระวายหวาดหวั่นแก่ประชาชนชาวไทยแทนนายยัง  หาญทะเล  เพื่อนร่วมชาติอย่างพรรณาไม่ถูก จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 00:50:22 ]

ความคิดเห็นที่ 5 --โฆสกประกาศศึก-- " โปรดเงียบ  โปรดเงียบ " เสียงโฆสกกระจายออกทางโทรโข่ง  " ต่อไปนี้จะเป็นมวยคู่พิเศษส่งเสริมราชการเสือป่า โปรดเงียบหน่อยครับ   เงียบหน่อย " โฆสกกล่าวขอร้องและเตือนซ้ำอีก " ผู้ที่ยืนอยู่ทางมุมนี้ " เจ้าหน้าที่ผู้ประกาศผายมือชี้ไปทางนักมวยไทยสวมกางเกงแดงยืนอยู่กับพี่เลี้ยง " คือนายยัง  หาญทะเล  แห่งนครราชสีมาหรือเมืองมวย  อันเป็นฉายาเกียรติประวัติตั้งแต่รัชกาลที่  ๕  สมเด็จพระปิยะมหราช  "  เสียงโห่ร้องดังขึ้นอีก  " โปรดเงียบ  โปรดเงียบ " เสียงโฆสกอ้อนวอนทางโทรโข่ง " ผู้ที่ยืนอยู่ทางนี้  "  ผายมือซ้ายที่ถือกระดาษไปทางนักมวยตัดผมโล้น  นุ่งกางเกงสีน้ำเงินยาวเกือบถึงหัวเข่ามีแพรแถบสีกุหลาบสวยสดเคียดพุง  ๓  รอบ  ผูกเงื่อนกระตุกข้างบั้นเอวซ้าย  ทิ้งชายประมาณครึ่งโคนขามีผ้าพันแข้งสีเดียวกับกางเกง  ตามประเพณีการแต่งกายนักรบจีน   ทำนองเดียวกับนักมวยไทยได้รับการยินยอมให้คาดเชือก (ถักหมัดด้วยด้ายดิบ)  ซึ่งฝ่ายจีนอ้างว่า  การถักหมัดก้นหอยเป็นการเสริมให้หมัดแข็งร้ายแรงกว่าหมัดลุ่น ๆ จึงเป็นตกลงอนุญาตให้ใช้ตามประเพณีของแต่ละฝ่ายเพื่อตัดปัญหากล่าวคือเมื่อฝ่ายไทยคาดเชือกได้  ฝ่ายจีนก็พันแข้งได้ " จี๊ฉ่าง  จอมมวยแห่งฮ่องกง "  เสียงโห่ร้องเป็นภาษาจีนดังเกรียวกราวขึ้นไม่แพ้เสียงไชโยโห่ร้องของไทย  หลังจากนี้ความเงียบสงบก็ปกคลุมบริเวณสนามมวยชั่วคราว  มีแต่เสียงร้องของอีกา ๓ - ๔  ตัว บินผ่านข้ามหัวไปด้วยความประหลาดใจ --ผู้ตัดสินบนเวที-- นายยัง  หาญทะเล  พร้อมพี่เลี้ยงฝ่ายหนึ่ง และนายจี๊ฉ่างพร้อมด้วยพี่เลี้ยงและล่ามอีกคนหนึ่งถูกเรียกเข้ารวมกลางสังเวียน  เพื่อฟังคำชี้แจงปัญหาต่าง ๆ  แต่ปรากฎว่าไม่มีปัญหายุ่งยากใด ๆ เพราะได้ทำความเข้าใจกันมาก่อนแล้วเป็นอย่างดี ผู้ตัดสินกล่าวสรุปคำชี้แจงต่อหน้านักมวย , พี่เลี้ยง และล่ามมีความสำคัญว่า " การแข่งขันเพื่อแพ้ชนะมีกำหนด  ๑๑  ยก (ระเบียบการแข่งขันมวยของสนามสวนกุหลาบ พ.ศ. ๒๔๖๔) ใครได้เปรียบคนนั้นชนะนักมวยคนใดล้มลงนอน  คนทำล้มต้องไปคอยที่มุมกลาง (Neutral  corner) ต้องแยกกันเมื่อได้ยินเสียงสั่งหยุด !  ห้ามกัด ห้ามซ้ำ ใช้ลูกติดพันได้ คนใดไม่เชื่อฟังหรือผิดประเพณี (คำนี้ใช้กันมาตั้งแต่พระยาพิชัย(สงคราม)  ดาบหักยังเป็นเด็กชายจ้อยอยู่วัดบ้านหันคา อำเภอทุ่งยั้ง เมืองพิชัยเดิม  ซึ่งผู้เขียนจะได้เล่ารายละเอียดในโอกาสข้างหน้า) อาจถูกปรับโทษตามผลลัพธ์จนถึงขั้นแพ้ทุกฝ่ายเข้าใจนะ " เมื่อล่ามมวยจีนแปลเสร็จจี๊ฉ่างพยักหน้าแสดงว่าเข้าใจแจ่มแจ้งปราศจากสงสัย  นักมวยและพี่เลี้ยงต่างฝ่ายกลับเข้ามุม ผู้เขียนขอโอกาสเสนอข้อสังเกตแก่เฉพาะผู้ที่ยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่า " มุมกลาง "หรือ Neutral  corner  ไว้ ณ ที่นี้  ตามกติกาสากลที่ไทยเราลอกแบบมาใช้  คำว่า " มุมกลาง "  หมายถึงมุมที่มิใช่ฝ่ายแดงหรือฝ่ายน้ำเงิน  ชาวต่างประเทศหมายถึงมุมซึ่งไม่มีม้าแป้น (Stool) ให้นักมวยนั่งตั้งแต่เริ่มชก  กติกาบางฉบับแปล  Stool  ผิดว่า " เก้าอี้ " (เคราะห์ยังดีที่ไม่แปลตรง ๆ ว่า " อุจจาระ ") เพราะเก้าอี้ต้องมีพนัก แต่ไทยเราบางท่านถือเอา Neutral  corner เป็นมุมไกลที่สุด  ซึ่งไม่สู้จะถูกต้องและปฏิบัติยากเพราะนักมวยที่อยุ่ในสภาพที่อ่อนระโหยโรยแรงนัยน์ตาอาจฝ้าฟาง  ไม่อาจวินิจฉัยได้ว่ามุมที่ตนถอยไปยืนนั้นไกลที่สุดหรือไม่ ตามธรรมดาสังเวียนมี  ๔  มุมด้วยกัน มุมกลางจึงไม่ใช่มุมของนักมวย  ตามเจตนารมณ์ของกติกาต่างประเทศ  พี่เลี้ยงนักมวยเข้าไปที่มุมกลางไม่ได้จึงไม่มีดอกาสเสี้ยมสอนนักมวยหรือแนะนำขณะที่กำลังได้เปรียบ  การช่วยเหลือนักมวยจะกระทำได้เฉพาะเวลาระหว่างยกหรือเข้ามุมของตนเท่านั้น  แต่ในเมืองไทย  พวกเรามักจะได้เห็นการกระทำที่ผิด ๆ โดยปล่อยปละละเลยให้ละเมิดกติกาด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์  หรือสะเพร่า หรือเกรงใจกัน  หากปล่อยให้พี่เลี้ยงละเมิดกติกาข้อนี้จนเคยชิน  เมื่อถึงคราวแข่งขันสำคัญระหว่างมวยต่างประเทศ  อาจนำความปราชัยมาลบล้างความได้เปรียบอย่างน่าเสียดาย  ผู้เขียนจึงใคร่ขอเสนอฝากเป็นดุลพินิจไว้แก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย  โดยเฉพาะผู้ตัดสินและพี่เลี้ยงเพราะนอกจากฝ่ายนักมวยที่ได้เปรียบอาจถูกปรับเป็นแพ้อย่างเถียงไม่ขึ้นแล้ว  ผู้ตัดสินเจ้าหน้าที่สนาม (Whips) และกรรมการดำเนินงานต่าง ๆ ยังอาจถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ด้วย จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 00:56:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 --การต่อสู้ระหว่างมวยไทยกับมวยจีนเริ่มต้น-- คำชี้แจงของผู้ตัดสินซึ่งกล่าวต่อหน้านักมวยไทย ,จีน พี่เลี้ยงและล่ามนั้น  อันที่จริงดูเหมือนประชาชนส่วนมากมิอาจทราบได้ว่ามีความสำคัญอย่างไรนอกจากผู้เคยชินกับวงการมวย  ข้อใหญ่ใจความก็คือปรับความเข้าใจกันทุกฝ่ายเพื่อป้องกันการโต้แย้งคัดค้านว่า " ต่อยมวยไทย " หรือ " ต่อสู้แบบชาวสยาม " ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาเวลา (Time Keeper)  มองดูนาฬิกาจับเวลา  ๒  เรือนตั้งเวลาตรงกัน  ทางมุมน้ำเงิน  พี่เลี้ยงจี๊ฉ่างเลิกเสื้อคลุมขาวกุ๊นตามริมมีอักษรจีนตัวโตสีเดียวกับผ้ากุ๊นตรงแผ่นหลังส่งออกให้คนรับนอกสังเวียน  แล้วช่วยกันหมุนตัวให้จี๊ฉ่างหันหน้าสู่กลางเวที  เสียงพรรคพวกคนจีนโห่ร้องเป็นภาษากวางตุ้งจนลั่นสนาม  ฟังคลับคล้ายคลับคลาว่า " ฮ้อดฉอย ! ฮ้อดฉอย ! " ฝ่ายคนไทยเพียงแต่พึมพำ  ฮือฮา  รู้สึกว่าจี๊ฉ่างเป็นมวยสำคัญเอาการอยู่ ฝ่ายนายยัง  หาญทะเลก็กำลังผินหลังกำเชือกสังเวียนไว้ทั้งสองมือ  เคี้ยวหมาก (อาพัด)  พยักหน้ายิ้มอย่างไม่ยี่หระไปทางพรรคพวกที่คอยเอาใจช่วยพี่เลี้ยงตบไหล่เบา ๆ แล้วทยอยออกนอกสังเวียน  เจ้าหน้าที่รักษาเวลามองนาฬิกาอีกครั้งแล้วยกมือ  กลอง " ตุ้ง " เป็นสัญญาณให้การต่อสู้ระหว่างมวยไทยกับมวยจีนเริ่มได้  ประชาชนคนดูต่างเงียบราวกับนัดกัน จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 00:58:51 ]

ความคิดเห็นที่ 7 --นายยัง  หาญทะเลไหว้ครู-- นายยัง  หาญทะเลยกมือคาดเชือกถึงข้อศอกขึ้นไหว้ไปทาง  " คุณพ่อชลัม "  ผินหน้ากลับเข้าสู่กลางเวที  ก้าวโหย่ง ๆ บนปลายตีนโดยไม่มีด้ายพันนิ้วออกจากมุม  ๓ - ๔  ก้าว  ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากราบกรานไปทางเก้าอี้ที่ประทับของเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์  ประชาชนมองตาม  เสด็จในกรม ฯ ผงกพระพักตร์รับคารวะน้อย ๆ เพียงพอให้นายยัง  หาญทะเลเห็น  นายยังเขยื้อนกายปรับท่านั่งกระหย่ง (นั่งบนส้น) โดยหันหน้าสู่ทิศบูรพาอันเป็นทิศครู  ปี่กลองสองหน้าและฉิ่งคณะหมื่นสมัครเสียงประจิต  เล่นทำนองเร้าอารมณืระทึกจนบางคนต้องเอามือลูบหัวเพราะรู้สึกขนลุกขนพอง นายยัง  หาญทะเลใช้หัวแม่มืออุดจมูกสอบลมปราณตามแบบฉบับมวยครู  ขึ้นท่าถวายบังคมพรหมสี่หน้าเสร็จแล้ว  ยิ้มแสยะกัดกรามตามด้วยท่า  " หนุมานควานสมุทร " ก้าวย่างยักเยื้องซึ่งเข้าใจกันว่าเป็นท่าที่ได้รับการฝึกสอนเป็นพิเศษจากบรมครูเสด็จในกรม ฯ แทนท่านิยมปกติของ " เมืองมวย " ทั้งนี้นัยว่าเพื่อป้องกันและ " ชิงคม " (ซ้อนกล) ปฏิปักษ์เพราะเล่าลือกันนักว่ามวยจีนสามารถเลี้ยะพะ (กุมตี) ได้อย่างฉกาจฉกรรจ์  เป็นที่ครั่นคร้ามกันทั้งเกาะฮ่องกง  นายยังจึงต้องศึกษาท่า " หนุมานควานสมุทร " อันมีลักษณะ ย่อเตี้ย ตีนห่าง ไขว้แขนแกว่งสลับป้องกันการกระโจนจับ รอบ ๆ ตัวตลอดเวลา  หากจี๊ฉ่างเลือกโอกาสใดก็ตาม  พุ่งเข้าเลี้ยะพะด้วยหมัดหัวนกอินทรีอันลือชื่อ  ย่อมจะต้องเจอหมัดเหวี่ยงควาย (Full swing)  หรือถูกฟันฟาดด้วยท่า " ฝานลูกบวบ " ไม่ว่าจะเข้ามาจากเหลี่ยมใดและต่อจากไม้เดี่ยวนั้นอาจโดนไม้คละ " พันลำ " แบบนกกระจอกเทศเข้าบ่วงบาศ  หรือไม้ลับอื่น ๆ ก็ได้ใครจะรู้ ? คนดูต่างตะโกนหนุน  ยัง ! ยัง ! ยัง ! . --จี๊ฉ่างไหว้ครู-- จี๊ฉ่างยืนสำรวจท่าทางร่ายรำของนักมวยไทยด้วยความพิศวงงงงวยเพราะไม่เคยพบเคยเห็นที่ส่วนใดของโลกมาก่อน  แต่ด้วยความสำนึกในเกียรติภูมิของคนจีนซึ่งนับถือกันมาแต่โบราณว่าล้วนเป็นดาวจุติ  จะครั่นคร้ามอะไรกับฝีมือพวกอนารยชน (ฮวนนั้ง) ทันใดมังกรไฟจากฮ่องกงก็แผดเสียง  " ว้าก ! " กระโดดทีเดียวออกมากลางเวที  สำแดงเดช " มังกรดั้นเมฆ " ยืนกางขาย่อเข่าเลิกคิ้ว  นัยน์ตาหรี่ระริกห้อยแขนซ้ายปล่อยกำปั้นหัวนกอินทรีไว้ที่โคนขา  กำปั้นขวาเหยียดตรงขึ้นฟ้า  ตามองตามอัดใจสูบผสมกระแสชีวิต  รวบรวมกำลังภายในมาบรรจุไว้ที่ยอดอกตามตำรา " เซาลิ้น " ของท่านอิ๊ดโจ๊วเซียนซือ  แห่งศวรรษที่  ๖  (ประมาณ  พ.ศ. ๑๐๑๖)   ขณะนี้ร่างกาย  จี๊ (โฮ้วจงกุ๋น) ฉ่าง สั่นเทิ้มส่ายไปมาประดุจว่มังกรสัตว์ร้ายกายสิทธิ์ในนิยายจีนกำลังพ่นพิษ  ชาวจีนโห่ร้อง  ชาวไทยเงียบเพราะรู้สึกเป็นห่วงแทนนายยัง  หาญทะเล  เพื่อนร่วมชาติที่ต้องล่าถอยหนีจีนเรื่อยมาประมาณ  ๒,๐๐๐  ปีมาแล้ว  แต่ท่านเกจิอาจารย์บางคนไม่หวาดหวั่น นั่งภาวนามนต์คาถาบท " ตวาดนิพพาน " เป็นการช่วยเหลือนายยังด้วยจิตใจ จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 01:01:37 ]

ความคิดเห็นที่ 8 --มวยประวัติศาสตร์-- ทั้งสองฝ่ายพร้อมแล้วไม่ใครก็ใครคงต้องได้เห็นฤทธิ์กันในครั้งนี้  ปี่กลองเร่งจังหวะ ประจัญบานถี่ขึ้น  คู่ต่อสู้ไทย - จีน ต่างพยายามหยั่งเชิงซึ่งกันและกัน นายยังคุมท่า " ปลากัดไทย " แกล้งชำเลืองกระหยดย่างเพื่อล่อจี๊ฉ่างเข้าท่ากล  แกว่งแขนทั้งสองข้างส่ายสลับเหมือนตะเกียบปลากัด  พวกจีนโห่เยาะเย้ยไม่หยุด  แต่พวกดูมวยไทยไม่ออก รู้ทีว่านายยัง  กำลังพยายามหาช่องปล่อยไม้เด็ดมิได้ตั้งใจหนีเพราะกลัว  พวกจีนคงโห่เยาะเย้ยต่อไปไม่ขาดเสียงคนไทยทนไม่ไหวร้องหนุนให้สู้  ทั้ง ๆ ที่นายยังกำลังสู้ด้วยเชิงมวย  นายยังจึงไม่ฟังเสียงยิ้มแหย ๆ พยายามตีกรรเชียงพลิกเหลี่ยมไปมามิได้วิ่งออกนอกสังเวียนหรือวิ่งไม่เหลียวหลัง  พวกจีนชักกำแหงยิ่งขึ้น  ร้อง " ฮ้อดฉอย ! ฮ้อดฉอย ! ฮ้อดฉอย ! " คล้ายจะให้ไล่ขยี้ให้แหลก ครั้นแล้วโดยที่ไม่มีใครทันรู้ตัว  จี๊ฉ่างกระโดดเงื้อกำปั้นหัวนกอินทรีขึ้นสูงราว ๆ ๒ เมตร  แล้วกดเควี้ยวลงเล็งหัวนายยังเป็นเป้าหมาย นายยังซึ่งระวังตัวอยู่ตลอดเวลา  ฉากออกมาทางซ้าย   ปล่อยให้กำปั้นหัวนกอินทรีพลาดเป้าไปปะทะเชือกสังเวียนจนสั่นสะเทือน  พวกไทยโห่ร้องบ้างทั้ง ๆ ที่ไม่สู้วางใจ  นายยัง  หาญทะเลเหยียดตัวตรงจากหลบต่ำเตี้ยและเคี้ยวหมาก จี๊ฉ่างบึ้ง  เม้มปากส่ายลูกตาน่ากลัว  คนดูที่เป็นไทยส่วนมากพากันวิตกการต่อสู้ของนายยัง  แบบถอยหนีวาจะหนีได้ไม่นาน  หรือหนีได้ก็เห็นจะไปไม่รอด (นอกจากได้มีดโกนหรือขวดแตกที่ยังมีคอถือเหมาะมือ) จี๊ฉ่างคงบุกไล่เลี้ยะพะนายยังเหมือนเด็กไล่จับกระต่ายในกรง  ประชาชนที่เป็นไทยต่างลุกขึ้นยืนบ้างนั่งบ้าง ตัวเอียงไปมาเพราะไม่มีความสบายใจ นายยัง  หาญทะเล  ทั้งกระทบทั้งฉากหลบหลีกกำปั้นหัวนกอินทรีอันแข็งปั๋งราวกับหินเป็นพัลวันเกือบตลอดเวลา มีครั้งหนึ่งหรือสองครั้งที่นายยัง " ฉากฉะ " คือหลีกและตีตอบด้วยหมัดเหวี่ยงควายถูกสีข้างจี๊ฉ่างเพียงแดง ๆ และเตะตาม แต่ปลายตีนโดนเพียงเนื้อตะโพก  ได้ยินเสียงพัวะอันเป็นธรรมดาของการต่อสู้แบบ  " เขาแรงเราอ่อน " จี๊ฉ่างยิ้มแสยะทำทีลูบตะโพกแสดงว่าไม่ระคายผิวหนัง  หรือรู้สึกเพียงคัน ๆ ยังไม่เท่ากับถูกยุงกรุงเทพ ฯ กัด  จึงคงบุกไล่หมายขยี้มวยไทยฝีมือดีของไทยให้ขี้แตก (อาการกลัวและเจ็บสุดขีดของหมา) แต่นายยัง  หาญทะเล  มิใช่คนขี้ขลาดเหมือนหมาแม้จะมีการตะโกนประนามว่ากลัวจี๊ฉ่างจนหางจุกตูดนายยังก็คงเอาแต่ถอยเรื่อยไป  ท่ามกลางเสียงเยาะเย้ยของฝ่ายตรงข้ามรวมทั้งเพื่อนร่วมชาติบางคน เสด็จในกรม ฯ บรมอาจารย์ประทับสำราณพระอารมณ์อยู่ตลอดเวลา  บางคราวมีผู้ช่างสังเกตลองชำเลืองเห็นพระองค์ท่านทรงขยับเขยื้อนพระหัตถ์และพระบาทโดยไม่ตั้งพระทัย มันไม่เป็นการฉลาดเลยสำหรับการต่อสู้ในสังเวียน (ตัวต่อตัว) ที่จะเสี่ยงถูกชกถูกเตะโดยไม่จำเป็นเพราะ " มวย " เป็นวิชาต่อสู้ตามแต่ครูจะสอน  นักมวยย่อมวิ่งหนีได้แต่ไม่ให้ซ่อน  ส่วนนักมวยที่บุกเข้าแลกหมัดแลกศอก ฯลฯ  กับปฏิปักษ์เพื่อหวังพิชิตด้วยพละกำลังอย่างเดียวจนเข้าอยู่ในความหมายของศัพท์แผลงว่า " เดินชน " หรือตามแบบที่ครูอาจารย์ไม่ได้สอน " ลูกศิษย์ " (รักเหมือนลูกนั้น) ตามตำราฉุปศาสตร์(ตำราพิชัยสงคราม) ไม่เรียกว่า " มวย " นายยัง  หาญทะเลแห่งเมืองมวย  หรือนครราชสีมา และ จี๊ฉ่างแห่งเกาะฮ่องกงซึ่งอาจหาญข้ามดินแดนและทะเลมารุกรานถึงบ้านไทย  มิใช่นักมวยประเภทเป็นเองที่เดินชนอย่างบุตรท้าวกาสรผู้เป็นเอตะทัคคะในการทำลายคันนา จี๊ฉ่างบุกไล่เลี้ยะพะนายยัง  หาญทะเล  หมุนไปมารอบ ๆ สังเวียนอย่างย่ำใจเพราะได้ฟังเสียงโห่สนับสนุนจนลืมคติพจน์  " ลมร้ายไม่เคยพัดให้ใครดี " ลืมนึกว่าคนไทยคือ " ผู้เป็นใหญ่ " เมื่อบรรพบุรุษทั้งสองฝ่ายแรกพบกันในแคว้นไทเมือง ส่วนคนไทยทั่วไปก็พากันหลงลืมศิลปะของชาติอันเป็นมรดกมีค่าอนรรฆ (ไม่อาจคำนวณได้) และไม่พอใจ  ด้วยไม่รู้เท่าที่เห็นนายยังกำลังใช้ศิลปะประจำชาติต่อสู้กับผู้รุกราน โดยเฉพาะเสด็จในกรม ฯ ไม่ทรงมีปฏิกิริยา ทั้ง ๆ ที่นายยังได้ชื่อว่าเป็นลูกศิษย์และอยู่ในอุปการะของพระองค์เพราะทรงซึมซาบพระทัยดีว่านายยัง " หนีเอาชัย " (Run a Victory) ผิดแผกกับ บรรพบุรุษไทยส่วนหนึ่งซึ่งขืนสู้ลู่หลี่ (ไม่คิดชีวิต) ไม่ยอมถอยจากแคว้นเดิม เพียงชั่วระยะ  ๙๐๐  ปี ก็สูญพันธุ์ไปแล้ว  แต่เคราะห์ยังดีที่มีพวกไทยบางส่วนยอมล่าถอยและไม่ยอมหัวเสีย  และได้ประจักษ์แก่ใจว่าตลอดเวลาการต่อสู้แบบหนีหรืออ่อนตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามวิธีที่นายยังกระทำอยู่  ไม่มีการเจ็บตัว จึงเพียงส่งเสียงเอาใจ " สู้บ้าง ! สู้บ้าง !  ซิ ." และดังทวีขึ้นทุกขณะ จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 01:06:50 ]

ความคิดเห็นที่ 9 --เข่าโทนของนายยัง-- นายยัง  หาญทะเลคงใช้สมองและเชิงมวยของตนที่ได้รับการสั่งสอนอบรมมาอย่างจัดเจน กระหยด และ ฉาก ออกซ้ายขวา สลับหลอก จนจี๊ฉ่างจับทางไม่ถูก ไล่ตุ๊ยผิดตุ๊ยพลาดจนซี่โครงกระเพื่อมเหนื่อยหอบและหลวมตัว ในวินาทีทองนั้น  ไม่มีใครทันคาดคิดแต่มีคนเห็นเฉพาะบางคน  นายยัง  หาญทะเลย่อตัวต่ำขนาดนั่งยอง ๆ เบนหลบกำปั้นหัวนกอินทรีที่โฉบลงมาหมาย ลานหัว  (กระหม่อม) แล้วนายยังกลับกระโจนขึ้นอัดเข่าโทน (เข่าตรง) เข้าแผ่นอกจี๊ฉ่างจนผละหงายหลังก้นกระแทกพื้น โชคดีที่โดนเหนือ " อกรวบ " มิฉะนั้นมังกรไฟคงม้วนหางล่องเรือกลับฮ่องกงตอนนั้นเอง  ประชาชนตะลึงพรึงเพริดแล้วโห่ดีใจเป็นครั้งแรก เสียงยุ " อย่าเลี้ยง ! .ยัง! . ยัง ! ..เอาให้อยู่  " ก้องสนาม ผู้ตัดสินก้าวเข้าขวางนายยังซึ่งดูเหมือนกับตั้งใจง้างตีนมาแต่โคราช แล้วเริ่มนับ หนึ่ง..สอง สาม พอดีกลอง " ตุ๊ง " บอกสัญญาณหมดยก  คนจีนต่างลุกขึ้นยืนและโล่งอกที่เห็นจี๊ฉ่างรีบลุกขึ้นยืนยิ้มและเดินได้ --ดุลยพินิจช่วยเหลือนักมวย-- พี่เลี้ยงจี๊ฉ่างกระโดดขึ้นเวที  กุลีกุจอประคองและพยายามให้น้ำอย่างรีบร้อน  พร้อมล้งเล้งอุทธรณ์ว่านายยังตีเข่าขณะมือจี๊ฉ่างถึงพื้น  ซึ่งนับว่าล้มแล้วตามประเพณี  แต่เสียงคัดค้านของพี่เลี้ยงจี๊ฉ่างถูกกลบด้วยเสียงคนไทยนับพัน  ผู้ตัดสินไม่สนใจต่อปฏิกิริยาหรือเสียงร้องทุกข์คณะกรรมการ ฯ ต่างมองเห็นจี๊ฉ่างยังปกติ  ไม่มีร่องรอยบอบช้ำเพราะถูกซ้ำ  จึงไม่ดำเนินการอย่างใดต่อไหวพริบหรือกลลวงของฝ่ายจีน   วงการมวยของไทยน่าจะสังวร  และถือเป็นแบบอย่างสำหรับใช้ดุลยพินิจช่วยเหลือนักมวยของตน  เพราะอาจเป็น " โอกาสทอง " ของนักมวย มีตัวอย่างเมื่อ ๒ ปี ( พ.ศ. ๒๔๖๖ ) หลังจากมวยสวนกุหลาบนัดนั้น  ( พ.ศ. ๒๔๖๔ )  หลุยส์ เอนเจิล เฟอร์โป   เจ้าของสมญา ควายป่าทุ่งแปมปัส ต่อย  แจ๊ค เดมป์เซย์ กระเด็นข้ามเชือกออกนอกสังเวียน  บรรดาสื่อมวลชนเกรงว่าเดมป์เซย์ซึ่งหนักประมาณ ๑๘๙ ปอนด์  จะทับเครื่องพิมพ์และอุปกรณ์ถ่ายภาพเสียหาย  จึงช่วยกันโดยมิได้นัดหมายเอามือรับและผลักเดมป์เซย์กลับเข้าสังเวียน ( นับเป็นการช่วยเหลือ ) และท้ายที่สุดเดมป์เซย์ก็ตุ๊ย หลุยส์ เฟอร์โป  ลงไปนอนให้กรรมการนับสิบ ในกรณีนี้ ถ้าหากผู้จัดการของเฟอร์โปมีไหวพริบเท่าพี่เลี้ยงจี๊ฉ่างและร้องอุทธรณ์  เฟอร์โปย่อมได้มงกุฎและตำแหน่ง " จอมมวยโลก " อย่างไม่มีปัญหาการชิงไหวชิงพริบในการต่อสู้ภายในสังเวียนจึงเป็นกรณีที่ผู้รักษาผลประโยชน์นักมวยควรศึกษาและไม่ควรละเลย จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 01:12:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10 --นายยังคะมำตกจากเวที-- การต่อสู้ระหว่างนักมวยไทยกับมวยจีนตอนนี้ชักออกรส  และสังเกตเห็นว่าพวกไทยชักจะอ้าปากพูดถึงนายยัง  และพูดมากขึ้นจนน่ารำคาญ  กลองดังเป็นสัญญาณเริ่มยกใหม่  จี๊ฉ่างออกจากมุมด้วยลักษณะปกติไม่มีร่องรอยเจ็บปวดอะไรเลยส่วนนายยัง  หาญทะเล  ออกจะตื่นเต้นเกินไปในความได้เปรียบ  คล้ายเสือเห็นลูกกวางหลงแม่ไม่เหลือบมองเสด็จ ฯ ในกรมเหมือนอย่างปกติ  ย่างพรวด ๆ เข้าหาจี๊ฉ่างด้วยการ  ชะงักลักจังหวะ นิดหนึ่งก่อนถึงระยะอันตราย  กระหยดหลอกออกทางขวา พอได้เหลี่ยมถนัดเตะซ้ายเข้าชายโครง  วัดหมัดทั้งสองข้างใส่จี๊ฉ่างไม่ให้ตั้งตัว  หมัดคาดเชือกเกือบถึงศอก  โดนร่างของจี๊ฉ่างอย่างไม่คาดคิดจนด้ายกระจุย  จี๊ฉ่างสวาปามตีนกับอีก ๔ - ๕ หมัดถึงหัวคลอนและเพราะน้ำอดน้ำทนแท้ ๆ มังกรไฟจึงยืนเอียงไปเอียงมาอยู่ได้ไม่รู้จักล้ม แต่มังกรไฟ - ไม่ใช่จิ้งเหลน  ซึ่งมีดีเฉพาะน้ำมันได้กำลังภายในมาจากไหนและอย่างไรไม่มีใครทราบเสือกหมัดหงายตอบตรงหน้านายยังทั้ง ๆ ที่ยกปิดติดแขน  นายยังถึงกับกระเด็นถอยหลังไปพิงเชือกสังเวียนแล้วติดตามระดมเสือกและสับหมัดหัวนกอินทรีไม่เลือกที่และไม่นับ  นายยังจนตรอก  ( ไม่มีทางหลีก ) ได้แต่กลิ้งหลบไปหลบมา  หลบสูงหลบต่ำจนพลาดจากเชือกคะมำลงจากเวที  เคราะห์ดีที่ไม่เอาหัวลงก่อน คนจีนโห่ร้อง  " ฮ้อดฉอย..!..!. ฮ้อดฉอย..!..!.. ฮ้อดฉอย..!..!.." ให้จี๊ฉ่างเผด็จศึก --นายยังเข่าทรุด-- แต่นายยังรู้ดีเพราะคร่ำหวอด  รีบโหนเชือกปีนกลับขึ้นเวทีตรงที่ตก  เพื่อลวงจี๊ฉ่างและสงวนเวลาผู้ตัดสินไม่ทันนับ  คนจีนยังส่งภาษาให้ซ้ำนายยังซึ่งสังเกตเห็นว่าชักเดือดพล่านและหุนหันเข้าใส่จี๊ฉ่าง  ที่คอยเตรียมตัวพร้อมอยู่แล้วตามคำหนุนของเพื่อนร่วมชาติ จี๊ฉ่างจึงเสยขวาเต็มแรงจีน  นายยังถูกชกอย่างจังถึงเข่าทรุดลงกับพื้นเวที  แต่ด้วยบารมีของ เฒาะทรหด หรืออย่างไรไม่มีใครคิดตก  นายยังกัดฟันยันพื้นขึ้นยืนไม่ให้ทันถูกนับ  พลันเหวี่ยงตีนซ้ายขวาทั้งบนทั้งล่างเข้าลำตัวจี๊ฉ่างถึงต้องถอย --จี๊ฉ่างหัวทิ่ม-- นายยังตามเหวี่ยงควายสุดแรงเข้าขากรรไกรจี๊ฉ่างหัวทิ่มลงกับพื้น  คนดูลุกฮือมองไปทางผู้ตัดสินซึ่งกระโดดเข้ากันและผลักนายยังให้เข้ามุมกลางก่อนที่เริ่มนับ  แล้วนับถึง ๖  จี๊ฉ่างลุกขึ้นสะบัดหน้าและตั้งท่าต่อสู้  เมื่อผู้ตัดสินนับถึง ๘  นายยังสะอึกเข้าหา  จี๊ฉ่างทิ่มกำปั้นพลาดหน้านายยังแล้วกอดไว้  แม้จะเห้นกันว่าจี๊ฉ่างมีความทรหดอดทนเยี่ยมยอดและเก่งกาจแต่ก็ถูกนายยังชกล้มสองครั้งก่อนที่หมดยก จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 01:15:04 ]

ความคิดเห็นที่ 11 --นายยังเลือดกำเดาไหล-- พี่เลี้ยงเตือนจี๊ฉ่างให้ระมัดระวังตัว  นายยังเตรียมตี " วงใน " เพราะรู้สึกว่าจี๊ฉ่างอ่อนกำลังลงตามที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า  จี๊ฉ่างจึงเป็นฝ่ายถอยบ้างเมื่อนายยังทะลวงเข้าฟาดลำตัว  แต่จี๊ฉ่างเป็นจีนจุติจากดาวจึงไม่พรั่น  พอได้ท่าก็พุ่งหมัดลุ่น ๆ เข้าจมูกนายยังเลือดกำเดาไหล  คราวนี้นายยังเห็นทั้งดาวเห็นทั้งเลือดแต่ไม่ยอมถอย  เพราะรู้แน่ว่าจี๊ฉ่างอ่อนแรง  บางครั้งก็อ้าปากผงับคล้ายปลากะโห้จำนนพรานเบ็ด ประชาชนเพิ่งได้เห็นนักมวยทั้งคู่ยืนซดทดลองความทรหด  จึงพากันขอบอกขอบใจตบมือกระทืบตีนอย่างไม่กลัวเจ็บ --หัวจี๊ฉ่างเลือดไหล-- นายยัง  หาญทะเล  ห้าวขะยิกเข้าหาปฏิปักษ์อีก  จี๊ฉ่างก็ปักหลักไม่ยอมถอย  พุ่งข้อนิ้วขวาเฉียดซี่โครงนายยังแล้วกอดไว้  นายยังดันจี๊ฉ่างซึ่งอ่อนแรงไปติดเชือก  ผู้ตัดสินเข้าแยกและใช้มือสองข้างดึงคู่ต่อสู้ออกมากลางสังเวียน  นายยังไม่รอช้าเหวี่ยงหมัดซ้ายเข้าก้านคอปฏิปักษ์แล้วชกซ้ำที่หน้า  ขณะเดียวกันจี๊ฉ่างสับหมัดหัวนกอินทรีรวม ๒ ที  เพราะนายยังถอยหนีไม่พ้น  จี๊ฉ่างหนีบแขนซ้ายนายยังไว้  นายยังจึงเหวี่ยงขวาตวัดสั้นจัง ๆ ที่ลำตัว  ต่างคนต่างพยายามแลกหมัดกันนัว  ท่ามกลางเสียงโห่ไม่รู้ใครเป็นใครเมื่อผู้ตัดสินแยกคู่ต่อสู้ออกจากกัน  ปรากฎว่าหัวจี๊ฉ่างซึ่งโกนผมเกลี้ยงมีเลือดไหลออกมา  แต่แผลอยู่เหนือไรผม  เลือดจึงไม่เข้าตา  พี่เลี้ยงจี๊ฉ่างตะโกนว่านายยังเอาหัวชน  ผู้ตัดสินและคณะกรรมการ ฯ ไม่ฟังเสียงให้สู้กันต่อไป เพราะไม่จริง ประชาชนคนไทยต่างกระเหี้ยนกระหือรือลุกขึ้นยืนป้องปาก  " เอามัน !..เอาเลย !.. อย่าเลี้ยง " พวกจีนเพลาเสียงลง --ลูกติดพันหรือซ้ำ-- นายยัง  หาญทะเล  จะได้ยินเสียงหนุนหรือประการใดไม่ทราบ ง้างหมัดซ้ายจนตัวบิด เหวี่ยงผัวะเข้าขากรรไกรขวา  จี๊ฉ่างค่ำลงกับพื้น ขณะเดียวกันปลายตีนนายยังซัดป้าบเข้าขมับ พี่เลี้ยงจี๊ฉ่างตะโกนคัดค้านอีกว่า "ซ้ำ! ซ้าม! ซ้าม! " แต่ผู้ตัดสินไม่ฟังเสียง เพราะรู้ดีว่าอะไร เป็นซ้ำ และอะไรลูกติดพัน ผิดกับสมัยปัจจุบัน ซึ่งผู้ตัดสินบางท่านเป็นโรคบ้าจี้  ตัดสินตามเล่ห์เรียกร้องของนักการพนันยิ่งกว่าพิจารณาตามภูมิของตน จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 01:18:36 ]

ความคิดเห็นที่ 12 --จี๊ฉ่างเลือดไหลจากหูซ้าย-- ขณะที่จี๊ฉ่าง  พยายามคืบคลานและคว้าเชือกสังเวียนรั้งตนเองขึ้นยืนก่อนถูกนับ๑๐ นายยังกำลังตื่นเต้นได้ใจ ย่างสามขุมเข้าหาอีก ทำที(แสดงกิริยาให้เห็นผิด) ง้างหมัดขวาช้าๆ ด้วยอาการกระตุก พอจี๊ฉ่างหลงปัด นายยังก็ป่ายตีนขวาไปที่ร่างจี๊ฉ่างซึ่งมีเลือดจากแผลบนหัวทั่วหน้าอก และพะวงจะกอดและเอาตัวรอดคล้ายคนตกน้ำ เมื่อผู้ตัดสินเข้าแยกอีกครั้งหนึ่ง หน้าจี๊ฉ่างแดงฉานด้วยเลือดนักสู้ แต่นายยังกำลังมันเขี้ยวไม่ลดลง  เข้าผลักจี๊ฉ่างออกห่างพอเหมาะระยะแข้ง เหวี่ยงพลั่กเข้าใต้รักแร้ใกล้หัวใจ จี๊ฉ่างคว้าขาได้ดึงเข้าหาตัวเพื่อควักกระดูกไหปลาร้าอันเป็นไม้ตายของฝ่ายจีน นายยังตกใจกระชากขากลับ จี๊ฉ่างคะมำตามกอดเข่าคู้นายยังไว้ นายยังจึงระดมควายเข้ากกหูจี๊ฉ่างอย่างไม่นับ  ปรากฏว่าขณะนี้มีเลือดออกจากหูซ้ายของจี๊ฉ่าง ผู้ตัดสินเข้าแยก(ความจริงควรให้แพทย์ตรวจเพราะอาจเป็นอันตรายแก่สมอง) จี๊ฉ่างคงยืนด้วยอาการอ่อนระโหยโรยแรง  พุ่งหมัดนกอินทรีแบบส่งญาติ แต่ผิดเป้าเพราะนายยังฉากทัน เสียงหนุนนายยัง "อย่าเลี้ยง! ยัง อย่าเลี้ยง!"ดังรอบๆสนาม  นายยังรู้ว่าได้ต่อยและเตะจี๊ฉ่างจนสุดแรงแล้ว หากเป็นคนอื่นการต่อสู้คงจะลงเอยง่ายกว่านี้ แต่จี๊ฉ่างชินชำนาญเชิงมวยและมีความทรหดอดทนเกินมนุษย์ธรรมดาที่นายยังเคยต่อกรมาในอดีต --มังกรไฟพ่าย-- ขณะนี้นายยังหาญทะเลกลืนหมากอาพัดเกลี้ยงแล้ว รีรอหาโอกาส และช่องว่างนิดหนึ่ง ระลึกถึงพระคาถา "กระทู้ ๗แบก" รู้สึกวูบวาบขนลุกขู่ จี๊ฉ่าง - จีนใจเพชร - เปลือกตาเกือบปิด ถุยเลือดออกจากปากที่บวมปูด ลากตีนที่ยกด้วยความลำบากเข้าหานายยังอย่างไม่พรั่นเพราะสู้ตาย ชั่วพริบตาที่จี๊ฉ่างเบือนหน้าบ้วนเลือด หมัดขวามหาประลัยของนายยัง ซึ่งง้างมาแต่ข้างหลังก็หวืดเข้าโหนกแก้มจี๊ฉ่างผงะถลาล้ม นายยังตวัดตีนซ้ายรับเข้าเต็มหน้าจนจี๊ฉ่างมือกางกลิ้งลงพื้น ผู้ตัดสินกระโดดเข้าดึงนายยังออกห่างแล้วเริ่มนับ ๑ ถึง ๔ เหลียวดูนายยัง เห็นคงยืนอยู่มุมกลาง    จี๊ฉ่างไหวตัวพยามลุกขึ้น เลือดเต็มหน้าและกลับเอียงซ้ายพับลงราบกับพื้นเวทีอีกครั้งหนึ่ง ผู้ตัดสินชำเลืองพร้อมกับนับต่อถึง ๑๐ จี๊ฉ่างมังกรไฟแห่งฮ่องกง - ต้องพ่ายเสือร้ายแห่งที่ราบสูง เพราะหย่อนศิลปะการต่อสู้ ! "มวย" เป็นวิชาต่อสู้ตามที่ครูจะสอน "ลูกศิษย์" เคารพเชื่อฟังครูย่อมเจริญและรวยด้วยมงคล นายยัง หาญทะเล กำชัยเหนือจี๊ฉ่างในการต่อสู้ อันนับเป็นประวัติการณ์เพราะเคารพและเชื่อฟังครูผู้สอนให้ "หนีเอาชัย" (Run a Victory) ก็ใครเล่าที่ทรงภูมิปัญญาสอนได้ดังกล่าว ถ้ามิใช่เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ แห่งราชวงศ์จักรี ผู้คอยชักให้นายยัง หาญทะเล ด้วยสายพระเนตรอันแหลมคม เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๔ หรือเจ้าพ่อกรมหลวงชุมพร ฯ แห่งกาลปัจจุบัน --จบ-- จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 01:25:23 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ปรมาจารย์เขตร ศรียาภัยได้ทรงเห็นการฝึกซ้อมและการแข่งขันในสมัยนั้นและหนังสือฟ้าเมืองไทยเอง ก็มีคนอ่านและติดตามมากมายครับ เสียดายที่ผมไม่อาจหาเก็บข้อมูลของปริทัศน์มวยไทยได้ทั้งหมด ในหนังสือฟ้าเมืองไทย ยังมีปริทัศน์มวยไทยอีกหลายตอนที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของมวยไทยอีกหลายหลายนะครับ ใครสนใจลองไปสืบค้นหาที่หอสมุดแห่งชาตินะครับ ผมเองก็มีอยู่ไม่กี่ตอนหากท่านใดมีข้อมูลอื่นๆ ก็ขอความกรุณาช่วยติดต่อมาด้วยนะครับผม ขอบคุณมากครับ หากมีเวลาจะนำเอาข้อมูลนักมวยคู่อื่นๆที่น่าสนใจ ซึ่งท่านเขียนไว้ได้อย่างน่าสนุกมาให้อ่านกันอีกครับ แต่สุดท้ายขอบอกไว้ก่อนนะครับ ไม่ได้ต้องการให้มาทะเลาะกันว่าวิชาไหนดีกว่าวิชาไหนนะครับ แพ้ชนะเป็นเรื่องของตัวบุคคลครับ ไม่มีวิชาอะไรดีที่สุดในโลก และไม่มีคนไหนเก่งที่สุดในโลกครับ สักวันมันก็ต้องเสื่อมสลายไปครับ แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 50 02:06:05 แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 50 01:36:17 จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 01:30:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ประวัติผู้เขียนนะครับ ปรมาจารย์เขตร ศรียาภัย บันทึกไว้เอง ปรมาจารย์ เขตร ศรียาภัย สืบตระกูลมาจากนักรบโดยลำดับดังนี้ พระยาชุมพร (ซุ่ย ซุ่ยยัง) ตาทวด (พ่อของย่า) เป็นแม่ทัพไทยตีเมืองมะริดและเมืองตะนาวศรีมาขึ้นประเทศไทย ปลายรัชกาลที่ ๒ พ.ศ.๒๓๖๗ มีลูกเขยชื่อปานซึ่งได้เป็นที่พระศรีราชสงคราม พระศรีราชสงคราม (ปาน ) ปลัดเมืองไชยา (เป็นปู่) มีลูกชายชื่อขำ ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในรัชกาลที่ ๔ รับใช้ สอยในสำนักสมเด็จเจ้าาพระยาศรีสุริยวงศ์ ที่สมุหพระกลาโหมและได้รับพระราชทานสัญญาบัตร เป็นหลวงสารานุชิต ผู้ช่วยราชการเมืองไชยาเมื่ออายุ ๒๕ ปี หลวงสารานุชิต (ขำ ศรียาภัย) ได้พระราชทานสัญญาบัตรเป็นพระศรีราชสงคราม ปลัดเมืองไชยา (แทนบิดาซึ่งถึงแก่กรรม) เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๒ พระศรีราชสงคราม (ขำ ศรียาภัย) ได้ช่วยปราบจีนจลาจลที่เมืองภูเก็ตในคราวเดียวกันกับหลวงพ่อแช่ม เจ้าอาวาสวัดฉลอง ซึ่งพวกจีนติดสินบน หัว ๑๐๐๐ เหรียญ จีนจลาจลแตกพ่ายหนีกระจัดกระเจิงลงเรือใบใหญ่ ออกทะเล จึงได้รับปูนบำเหน็จความดีความชอบเลื่อยศเป็น พระยาวิชิตภักดีศรีพิชัยสงคราม ผู้ว่าราชการเมืองไชยา พ.ศ.๒๔๒๒ พวกจีนจลาจลที่ภูเก็ตหนีลงเรือแต่ไม่กลับเมืองจีน ได้เที่ยวปล้นตามหัวเมือง ชายทะเล ตั้งแต่ปลายอณาเขตไทย ทางใต้จนถึงเมืองเกาะหลัก คือประจวบคีรีขันท์ เรืองรบหลวง ๒ ลำ มีกำลังพล ๒๐๐ ต้องประจำรักษาเมืองภูเก็ต จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าเมืองทำการปราบปราม เวลานั้นพระยาวิชิตภักดีศรีพิชัยสงคราม เป็นเจ้าเมืองไชยา แต่มีหน้าที่รักษาเมืองชุมพร และ กาญจนดิษฐ์ ด้วย ได้คิดสร้างลูกระเบิดมือขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย รวบรวมพลอาสาออกปราบปรามโจรจีนสลัดในอ่าวไทยเป็นเวลา ๓ ปี โจรจีนสลัดสงบราบคาบ จึงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างๆเป็นบำเหน็จโดยลำดับ จนถึง พ.ศ.๒๔๔๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนเป็นพระยาไวยวุฒิวิเศษฤทธิ เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม เพื่อประกาศความดีความชอบที่ได้สร้างลูกระเบิดมืออันเป็นอาวุธแปลกไม่เคยเห็นกันในสมัยนั้น .ต่อมาอีก ๗ ปี คือวันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๔๙ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานสัญญาบัตรให้เลื่อนเป็น พระยาวจีสัตยารักษ์ มีตำแหน่งเป็นผู้กำกับการถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา จนกระทั่งวันถึงแก่กรรม วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๔๕๗ เขตร ศรียาภัย เป็นลูกคนสุดท้องของพระยาวจีสัตยารักษ์ (ขำ ศรียาภัย) เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๕ ณ ตำบลหนองช้างตาย (ต.ท่าตะเภา ในปัจจุบัน) อำเภอท่าตะเภา จังหวัดชุมพร ในสมัยเด็กอายุประมาณ ๑๐ ขวบ เขตร ศรียาภัย ได้เข้าโรงเรียนมัธยมวัดสุทธิวราราม อยู่ที่บ้านทวาย ชอบกีฬาประเภทออกแรง ทุกชนิด เช่น พายเรือ ว่ายน้ำ วิ่งแข่ง ตีจับ ฯลฯ ได้เป็นที่ ๑ ในชุดวิ่งเปรี้ยวชิงชนะเลิศกับชุดโรงเรียนวัดประทุมคงคา ได้ถ้วยและ โรงเรียนมัธยมวัดสุทธิวราราม มีชื่อทางวิ่งเปรี้ยวแต่นั้นมา ได้ลาออกเพื่อเข้าโรงเรียนอัสสัมชัญเมื่ออายุได้ ๑๓ ปี เพราะทนถูกรังแกจากนักเรียนที่ใหญ่กว่าไม่ไหว ณ โรงเรียนฝรั่งแห่งใหม่กลับร้ายกว่า โรงเรียนเดิมเพราะมีนักเรียนมากกว่า ๓ เท่า เขตร ศรียาภัย ต้องทนมือทนตีนอยู่ ๓ ปี อันเป็นปฐมเหตุแห่งความพยายามศึกษาวิชาต่อสู้ ซึ่งมีครูดี ๆ รวม ๑๒ ท่าน คือ ๑. พระยาวจีสัตยารักษ์ ( ขำ ศรียาภัย ) เจ้าเมืองไชยา -บิดาบังเกิดเกล้า ๒. ครูกลัด ศรียาภัย ผู้บังคับการเรือกลไฟรัศมี -อา ๓. หมื่นมวยมีชื่อ ( ปล่อง จำนงทอง ) ๔. ครูกลับ อินทรกลับ ๕. ครูสอง ครูมวยบ้านนากะตาม อำเภอท่าแซะ ๖.ครูอินทร์ สักเดช ครูมวยบ้านท่าตะเภา ๗. ครูดัด กาญจนากร ครูมวยบ้านหนองทองคำ ๘. ครูสุก เนตรประไพ ครูมวยบ้านแสงแดด ๙. ครูวัน ผลพฤกษา ครูมวยตำบลศาลเจ้าตาแป๊ะโป ๑๐. อาจารย์ ม.จ.วิบูลย์สวัสดิวงศ์ สวัสดิกุล ๑๑. ครู (กิมเส็ง)สุนทร ทวีสิทธิ์ ปรมาจารย์มวยมีชื่อในพระนคร อาจารย์สอนมวยกรมพละศึกษา ๑๒. อาจารย์ หลวงวิศาลดรุณากร   เมื่ออายุ ๑๙ ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ อาจารย์ เขตร ได้ไปดูการฝึกมวยที่บ้าน อาจารย์กิมเส็ง และเกิดความสนใจใน " หงายหมัด " ของค่ายทวีสิทธิ์ อีกหนึ่งปีต่อมาในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๖๔ อาจารย์เขตร จึงได้นำดอกไม้ธูปเทียน ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขาวม้า และขันน้ำ ไปกราบขอเป็นศิษย์กับ อาจารย์กิมเส็ง ในวัน พฤหัสบดีอันเป็น " วันครู " ตามคติโบราณ ได้อยู่ร่ำเรียนรับใช้ ไปมาหาสู่กับ อาจารย์กิมเส็ง เป็นเวลา ๔๐ ปี จนครูท่านสิ้น จึงนับได้ว่าวิชามวยไชยาสายอาจารย์เขตร นั้นมีส่วนผสมวิชามวยของท่านอาจารย์กิมเส็ง อยู่อย่างแยบยลจนแยกกันไม่ออก นอกจากการเล่นกีฬา หมัดหมวย ฟุตบอล และ วิ่งแข่ง กระโดดสูงกระโดดยาว รวมทั้งมวยสากลกับมองซิเออร์ ฟโรว์ นักมวยคู่ซ้อมของยอร์ช กาปังติเอร์ แล้ว เขตร ศรียาภัยยังสามารถ แจวเรือพายและถือท้ายเรือยาว (เรือดั้ง เรือแซง) เรือยนต์ เรือกลไฟ ขับรถยนต์ ขี่มอเตอร์ไซ รวมทั้งการขี่ม้า ขี่และฝึกช้างตามแบบที่เรียกว่าคชกรรมอีกด้วย ช่วงปี พ.ศ. ๒๔๙๑ - ๒๔๙๔ อาจารย์เขตร ได้มีส่วนร่วมก่อตั้งสนามมวยธรรมศาสตร์ ขึ้นแทนสนามมวยราชดำเนินที่ไม่มีหลังคากันฝน ล่วงถึง ๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๖ จึงได้เข้าเป็นผู้จัดการ สนามมวยลุมพินี อยู่หลายปี จนช่วงอายุ ๖๙-๗๐ ปี คุณอาจินต์ ปัญจพรรค์ บรรณาธิการ และอาจารย์ สงบ สอนสิริ จึงได้ชักชวนให้ท่านเขียน " มวยไทยปริทัศน์ " ในนิตยสาร ฟ้าเมืองไทย เล่าถึงเรื่องมวยคาดเชือกในยุค สนามสวนกุหลาบ สนามมวยหลักเมืองสนามมวยสวนสนุก เกร็ดความรู้เรื่องมวยไทย และความรู้เรื่องมวยของชนชาติอื่นๆ จนได้รับการยอมรับและได้รับการ เรียกขาน ท่านเป็น " ปรมาจารย์ " มวยไทย อาจารย์เขตร ศรียาภัย ถึงแก่กรรม ด้วยโรคหัวใจ ล้มเหลว เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๑ สิริอายุรวม ๗๕ ปี จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 01:37:07 ]

ความคิดเห็นที่ 15 --ประวัติการทำงานของ ปรมาจารย์เขตร์ ศรียาภัย-- ท่านปรมาจารย์เขตร์ ศรียาภัย นับว่าได้ว่าเป็นบุคคลตัวอย่าง ในด้านความรู้ ความเสียสละ และความซื่อสัตย์ ผลงานอันนับได้ว่าเป็นเหมือน รางวัลชีวิต ที่ท่านได้กระทำไว้ มีนับไม่ถ้วน ทางคณะผู้จัดทำ จึงใคร่ของกล่าวถึงบางส่วน โดยย่อดังต่อไปนี้ ประวัติการรับราชการ (คัดจากสำเนาสมุดประวัติประจำตัวข้าราชการ กรมโยธาเทศบาล กระทรวงมหาดไทย) .....พ.ศ. ๒๔๖๗ พนักงานรักษาสนาม และต้นไม้กองถนน .....พ.ศ. ๒๔๗๙ – ๒๔๘๔ รักษาการตำแหน่งหัวหน้าแผนกสารบรรณกองช่าง .....พ.ศ. ๒๔๘๕ - ๒๔๙๐ หัวหน้าแผนกกลางกองโยธา .....พ.ศ. ๒๔๙๑ – ๒๔๙๕ หัวหน้ากองรักษาความสะอาด (ปี ๒๔๙๕ ได้รับทุนไปดูงานการรักษาความสะอาดใน อเมริกา ยุโรป และออสเตเลีย) .....พ.ศ. ๒๕๐๐ ดำรงตำแหน่งเลขานุการกรม กรมโยธาเทศบาล .....พ.ศ. ๒๕๐๔ – ๒๕๐๖ ดำรงตำแหน่งรองปลัดเทศบาล สำนักปลัดเทศบาลนครกรุงเทพฯ และพ้นจากหน้าที่เนื่องจากครบเกษียณอายุเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๖ หลังจากครบเกษียณอายุแล้ว ท่านได้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของเทศบาล นครกรุงเทพฯ อยู่อีกระยะหนึ่ง ราชการพิเศษ (คัดจากสำเนาสมุดประวัติประจำตัวข้าราชการ กรมโยธาเทศบาล กระทรวงมหาดไทย) .....พ.ศ. ๒๕๐๑ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนคร แต่งตั้งให้เป็น เทศมนตรีชั่วคราว ดำเนินกิจการของ เทศบาลไปจนกว่าจะได้แต่ตั้งคณะเทศมนตรีใหม่ .....พ.ศ. ๒๕๐๓ กรรมการดำเนิน การตรวจสอบและสะสางบัญชี การเงินของกรมโยธาเทศบาล ความดีความชอบ (คัดจากสำเนาสมุดประวัติประจำตัวข้าราชการ กรมโยธาเทศบาล กระทรวงมหาดไทย) .....พ.ศ. ๒๔๗๖ ช่วยเหลือการปราบกฎบวรเดช ได้รับการชมเชยตามหนังสือเลขาธิการ คณะรัฐมนตรี ที่ ม. ๑๐๔๒๐/๗๗ ลงวันที่ ๒๖/๑๑/๒๔๗๗ .....พ.ศ. ๒๕๐๑ ในระหว่างปฏิบัติราชการเป็นเทศมนตรีชั่วคราว ได้ปฏิบัติงานบังเกิดผลดีแก่ท้องถิ่นอย่างยิ่ง ได้ตั้งใจช่วยเหลือท้องถิ่น เพื่อประโยชน์ ของประชาชนจำนวนกว่าหนึ่งล้านคน จนเป็นผลดีอย่างมากถึงวันส่งมอบงานนับได้ว่าเป็นผลดีแก่ราชการของกระทรวงมหาดไทย ในส่วนรวม ได้รับการชมเชยตามหนังสือ กระทรวงมหาดไทยที่ ๗๓๐๓/๒๕๐๑ ลงวันที่ ๑๐/๕/๒๕๐๑ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ .....พ.ศ. ๒๔๖๘ เหรียญบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๗ .....พ.ศ. ๒๔๗๕ เหรียญสมโภชพระนคร ๑๕๐ ปี .....พ.ศ. ๒๔๘๔ จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย .....พ.ศ. ๒๔๖๘ จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก .....พ.ศ. ๒๔๙๒ ตริตาภรณ์มงกุฎไทย .....พ.ศ. ๒๔๙๓ เหรียญบรมราชาภิเษก , เหรียญรัตนาภรณ์ .....พ.ศ. ๒๔๙๙ ตริตาภรณ์ช้างเผือก .....พ.ศ. ๒๕๐๓ ทวิติยาภรณ์มงกุฎไทย เหรียญเกียรติคุณ .....พ.ศ. ๒๔๖๐ เหรียญ JUNIORS TOURNAMENT 1917 * .....พ.ศ. ๒๔๗๗ เหรียญ SEMPR FIDELIS “สัตย์ซื่อตลอดกาล” *** โรงเรียนอัสสัมชัญ ได้ถูกบังคับให้เข้าร่วมกันแข่งขันฟุตบอล ระหว่างนักเรียนอังกฤษ กับ นักเรียนฝรั่งเศล ทางโรงเรียนได้คัดตัว ปรมาจารย์เขตร ศรียาภัย เป็นหนึ่งในทีมนักเรียนอังกฤษ และในการแข่งครั้งนั้น นักเรียนอังกฤษ เป็นฝ่ายชนะ เ ป็นจุดเริ่มที่ทำให้ ปรมาจารย์เขตร ศรียาภัย รักและสนใจกีฬาฟุตบอล และร่วมแข่งขันในนาม โรงเรียนอัสสัมชัญ ตลอดมา และยังมีถ้วยรางวัลและเหรียญ อื่น ๆ อีกมาก ที่ท่านได้จากการแข่งขัน ในฐานะ นักฟุตบอลของสมาคมศิษย์เก่าอัสสัมชัญ ** เนื่องในโอกาส ฉลองโรงเรียนอัสสัมชัญ ครบ ๕๐ ปี ปรมาจารย์เขตร ศรียาภัย จึงได้รับรางวัล เหรียญทองคำ ซึ่งจัดสร้างขึ้นเป็นพิเศษ คำจารึกเป็นภาษาละตินว่า CA - SEMPR FIDELIS ซึ่งแปลเป็นไทยว่า “สัตย์ซื่อตลอดกาล” อันถือว่าเป็นเหรียญเดียว ที่ทางโรงเรียนมอบให้นักเรียน นับตั้งแต่สร้างโรงเรียนมา ตลอดระยะเวลา ๙๐ ปี นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ข้อมูลจาก http://www.muaychaiya.com จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 01:40:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 รู้สึกว่า ขอ14 จะมีตัวหนังงสือจะหายไป หน่อยนะคับ ไวรัสมันกินหรือคับ ผมอ่านคราวทีแล้วมันมีอะไรอยู่หน่อยๆนะคับ ทำไมไม่แก้ให้เหมือนเดิมละคับO๐O แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 50 08:55:19 แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 50 08:54:23 จากคุณ : win_mma - [ 3 ก.พ. 50 08:52:33 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณ จขกท ที่นำเรื่องราวดีๆ มานำเสนอให้แพร่หลายครับ จากคุณ : ทองทา - [ 3 ก.พ. 50 10:19:47 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ความเห็นที่ 14 มีปัญหาอะไรหรือครับคุณวิน ผม copy มานะครับ เลยไม่ได้ทราบว่ามันมีอะไรหรือเปล่า นำมาก็เอามาลงเลย ไม่ได้แก้ไขอะไรนะครับ ช่วยบอกให้ทราบทีครับ จากคุณ : EZ2DJ (EZ2DJ) - [ 3 ก.พ. 50 12:40:46 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอโทษคับจำผิดคับ  ผมสับสนกับประวัติเก่า กับประวัติเขียนใหม่คับ อันนีเป็นบทความเก่าๆ ทีเก็บไว้คับ ครูแปรงเป็นศิษย์ติดตามใกล้ชิด ครูทอง เชื้อไชยา ผู้สืบทอดวิชามวยไทยไชยานี้มาจาก ปรมาจารย์เขตร ศรียาภัย(ปรมาจารย์คนสุดท้ายของวงการมวยไทย)ซึ่งได้เรียนวิชาจากพระยาวจีสัตยรักษ์เจ้าเมืองไชยาผู้เป็นพ่อ รวมทั้งได้เรียนวิชามวยโบราณจากครูอีก 12 ท่านจน"แตกฉาน" ๑. พระยาวจีสัตยารักษ์ ( ขำ ศรียาภัย ) เจ้าเมืองไชยา -บิดาบังเกิดเกล้า ๒. ครูกลัด ศรียาภัย ผู้บังคับการเรือกลไฟรัศมี -อา ๓. หมื่นมวยมีชื่อ ( ปล่อง จำนงทอง ) ๔. ครูกลับ อินทรกลับ ๕. ครูสอง ครูมวยบ้านนากะตาม อำเภอท่าแซะ ๖.ครูอินทร์ สักเดช ครูมวยบ้านท่าตะเภา ๗. ครูดัด กาญจนากร ครูมวยบ้านหนองทองคำ ๘. ครูสุก เนตรประไพ ครูมวยบ้านแสงแดด ๙. ครูวัน ผลพฤกษา ครูมวยตำบลศาลเจ้าตาแป๊ะโป ๑๐. อาจารย์ ม.จ.วิบูลย์สวัสดิวงศ์ สวัสดิกุล ๑๑. ครู (กิมเส็ง)สุนทร ทวีสิทธิ์ ปรมาจารย์มวยมีชื่อในพระนคร อาจารย์สอนมวยกรมพละศึกษา ๑๒. อาจารย์ หลวงวิศาลดรุณากร แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 50 13:19:59 จากคุณ : win_mma - [ 3 ก.พ. 50 13:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โหวตครับ จากคุณ : ลานดิน - [ 3 ก.พ. 50 20:39:09 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สำนักนี้ยึดติดอยู่กับตำนานไม่รู้จักจบ ไม่เห็นทำอะไรสักที่เป็นสาระสักอย่าง ท่ามวยก็ผิดกับไชยากลุ่มอื่น ไปเที่ยวเอามวยโน้นมวยนี้มาผสมแล้วก็บอกว่าเป็นของไชยา แตกไม้ครูออกมา คนในวงการเค้ารู้ไส้กันหมดแล้ว ทำตัวไม่เป็นลูกผู้ชายเสียเลย ขี้อิจฉากันทั้งก๊วนเลย น่าเบื่อจัง จ้องแต่จะโปรโหมดหากิน โดยอาศัยบรรพบุรุษ ที่เขาสร้างเป็นตำนานขึ้นมา แล้วลืมไปแล้วหรือว่า ครั้งหนึ่งครูของพวกคุณเคยโดนมวยจีนเล่นจนเสียหน้ามาแล้ว จนคนเขารู้กันทั้งวงการทำไมไม่เอามาโพสบ้าง จากคุณ : เสือซ่อน - [ 3 ก.พ. 50 21:03:01 A:58.9.173.5 X: TicketID:137812 ]

ความคิดเห็นที่ 22 จริงๆไม่อยากจะตอบโต้กับคุณเสือซ่อนเลย แต่หลายต่อหลายครั้งคุณก็พยายามจาบจ้วงบุคคลที่ผมเคารพนะ ขอสักครั้งก็แล้วกันนะครับ คุณบอกว่าสำนักผมยึดติดกับตำนานไม่รู้จบ ขอโทษทีนะครับ ข้อเขียนอันนี้เขียนถึงครูยัง หาญทะเล มวยโคราช โดยคนเขียนคือปรมาจารย์เขตร ศรียาภัย ซึ่งเป็นมวยไชยา และท่านก็เขียนลงในหนังสือฟ้าเมืองไทย ในคอลัมปริทัศน์มวยไทย เพื่อพูดถึงเรื่องราวในวงการมวยไทยครับ และท่านก็อยู่ในเหตุการณ์นั้น หากท่านไม่เขียนไว้คุณจะทราบมั้ยครับว่าสมัยนั้นมีภาพอย่างไร บรรยากาศเป็นอย่างไร วิธีการฝึก การซ้อม ขนบธรรมเนียมโบราณ ทำอย่างไร วีดีโอ กล้อง ก็หายากนะครับไม่ใช่สมัยนี้จะเป็นดิจิตอล กดอัดกันมาให้ดูได้ มีบันทึกแบบนี้ก็ดีมากแล้วครับ หากผมอยากจะอ้างถึงตำนานจริงๆ ผมนำเอาเหล่านักสู้มวยไชยามาเขียนถึงเลยไม่ดีกว่าเหรอครับ มวยไชยาก็มีนักสู้ที่สู้กับมวยจีนในยุคเดียวกันนั้นก็มีครับ แต่มันไม่ใช่คู่ที่กระทู้ข้างล่างได้กล่าวถึง ผมก็ไม่เห็นว่าจำเป็นต้องนำมาเล่าให้ฟังแต่อย่างไร แล้วที่ผมนำมาลงก็เพื่ออยากให้ข้อเขียนอาจารย์เขตรให้ท่านอื่นๆที่ไม่ได้มีโอกาสได้อ่านได้ทราบไว้บ้าง เผื่อว่าสนใจจะได้มีข้อมูลค้นหาครับ จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 23:08:21 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สำหรับที่คุณว่าสำนักผมไม่ทำอะไรเป็นสาระ คุณเรียนมวยและสอนมวยมาได้เป็น 20 ปีเหมือนครูผมมั้ยครับ หากครูผมไม่อนุรักษ์วิชาไว้ และพยายามสร้างชื่อเสียงให้กับมันจนปัจจุบัน คุณจะรู้จักวิชานี้มั้ยครับ และไม่เพียงแค่วิชามวยไชยา กลุ่มผมเองยังพยายามตั้งเป็นมูลนิธิเพื่ออนุรักษ์สรรพวิชาแห่งสยาม ไม่เพียงแค่มวยไชยา แต่ยังรวมถึงอาวุธไทย มวยสายอื่นและวิชาแพทย์แผนไทย กลุ่มผมก็พยายามค้นคว้าสืบหาข้อมูล เพื่อจะอนุรักษ์เอาไว้ ต่างจังหวัดก็ไปหากมีผู้รู้ คุณคิดว่าคุณทำได้เหมือนท่านมั้ยครับ จุดประสงค์มูลนิธิครับ ๑. ยึดมั่นใน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ๒. อนุรักษ์ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของไทย วิชาพาหุยุทธ์ มวยไทยโบราณ มวยไชยา มวยคาดเชือก และวิชาการต่อสู้ด้วยอาวุธไทยทุกแขนง ๓. เผยแพร่วิชาการด้านศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของไทยให้แก่คนไทย เพื่อให้ ศิลปวัฒนธรรม อันเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยแขนงนี้ได้ สิบทอดต่อไป ๔. เชิดชูชื่อเสียงเกียรติคุณของครูบาอาจารย์ ผู้สืบทอดวิชาการต่อสู้ ป้องกันตัว อันทรงคุณค่าของชาติไทยให้รู้จักทั่วไป เผยแพร่ประวัติชีวิต และการทำงาน ของท่าน เพื่อเป็นแรงดลใจ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่คนในชาติ ๕. ดำรงรักษาศิลปะ และวิทยาในการต่อสู้ป้องกันตัวของไทยให้คงอยู่อย่างยั่งยืน  โดยสนับสนุนการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ และวิชาการเข้าไว้ ด้วยกันอย่างเป็นระบบ ๖. ดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์ หรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่น ๆ ๗. ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ประการใด ผมมั่นใจว่าผมเองก็กำลังทำงานให้กับกลุ่มที่ทำสิ่งที่มีสาระอยู่ครับ ที่คุณบอกว่ากลุ่มผมท่ามวยผิดกับมวยไชยากลุ่มอื่น ทำไมครับ กลุ่มผมมีท่ามวยทุกท่าที่ครูทองได้สอนสั่งมา และมีท่ามวยที่ครูของผมคิดเพิ่มเติมขึ้นมา จากที่ครูทองได้สอนและให้ปัญญาไว้ "มวยไชยา เรียนไม่รู้จบ อย่าให้มวยไชยาต้องตายไปกับครู ให้แตกท่ามวยได้ตามสถานการณ์ แต่ที่สำคัญอย่างทิ้งท่าครู" ทุกท่าที่มวยไชยาสายอื่นมี ผมก็ทำได้เหมือนๆกัน และผมมีท่าที่มากกว่าเอาไว้ต่อสู้ในสถานการณ์ที่แตกต่างออกไปผมทำอะไรผิดหรือครับ แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 50 23:29:05 จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 23:17:54 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สำหรับที่บอกว่า มวยไชยา สายครูแปรงไปนำมวยโน้น มวยนี้มาผสมแล้วก็บอกว่าเป็นของมวยไชยา แตกท่าครูออกมา อันนี้ขอบอกให้ทราบก่อนเลยนะครับ ว่าครูแปรงไม่เคยเรียนมวยอื่นนอกจากมวยไชยาและอาวุธไทยครับ และวิชามวยไชยาที่สามารถพัฒนาจิตและปัญญาได้ก็เพราะการแตกท่าครูออกมานี่แหละครับ คนที่ฝึกถึงแล้วย่อมมีสติพอที่จะแก้ไขเหตุการณ์นั้นๆครับ และนี้คือขั้นที่ครูทุกท่านต้องการให้ลูกศิษย์ฝึกฝนให้ได้ครับ มีบ้างครับที่มีนักสู้จากวิชาอื่นๆมาพูดคุยแลกเปลี่ยน ทดสอบ สาธิตกันกับครู แต่ครูก็ไม่ได้นำเอามาใช้แต่อย่างใดเพราะมันไม่ลื่นไหลต่อเนื่อง เนื่องจากพื้นฐานของวิชาแต่ละอย่างก็ไม่เหมือนกัน มวยไชยาก็มีแบบของมวยไชยา มวยอื่นๆก็มีแบบของมวยอื่นๆครับ และระบบการสอนของที่นี่ก็สอนแยกครับ ว่าเป็นมวยไชยา มวยทวีสิทธิ์ ฯ เช่นเดียวกับอาวุธไทย ที่สอนแยกว่าเป็นเจ้าราม อาทมาฎ ไชว ฯ มีอธิบายบอกเรียบร้อยเพื่อว่าคนเรียนจะได้ทราบและถ่ายทอดต่อไปได้ครับ จากคุณ : EZ2DJ - [ 3 ก.พ. 50 23:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่ขอวิวาทะด้วย เรียนถามข้อสงสัยจากเรื่องที่นำมาลงสักบางข้อครับ 1.รวบรวมกำลังภายในมาบรรจุไว้ที่ยอดอกตามตำรา " เซาลิ้น " ของท่านอิ๊ดโจ๊วเซียนซือ แห่งศวรรษที่ ๖ (ประมาณ พ.ศ. ๑๐๑๖) อยากทราบว่า อิ๊ดโจ๊วเซียนซือ เป็นบรรพชิตท่านใดของเส้าหลินครับ อยากทราบคำนำหน้ารุ่นของท่านหน่อยครับ เพื่อจะได้สืบค้นไปได้ว่าวิชาที่นายจี๊ฉ่างใช้คือวิชาอะไร? 2.วิชากำปั้นหัวนกอินทรี ไม่ทราบว่าอยู่สายใดของวัดเส้าหลินครับ เป็นเหนือ หรือว่าใต้ กันแน่ครับ ขอบคุณครับที่อ่าน จากคุณ : ปูเสฉวน - [ 4 ก.พ. 50 00:30:30 A:125.24.219.20 X: TicketID:134540 ]

ความคิดเห็นที่ 26 จาก คห. ๒๓ .... จุดประสงค์มูลนิธิครับ ๒. อนุรักษ์ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของไทย วิชาพาหุยุทธ์ มวยไทยโบราณ มวยไชยา มวยคาดเชือก และวิชาการต่อสู้ด้วยอาวุธไทยทุกแขนง กรุณาอธิบาย วิชาพาหุยุทธ์ ให้ฟังบ้าง ครับว่าคืออะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อความระหว่างของ เว็ปไชยา และบทความ ของ อาจารย์เขตร์ ไม่เหมือนกัน แต่ก็กรุณาอย่าใช้คำตอบ ว่าไม่ทราบว่า วิชาพาหุยุทธ์ คือ อะไร เพราะจะไม่ทราบว่า จะอนุรักษ์อะไร ถูกใหมครับ ส่วนเรื่อง มวยโบราณ ฯลฯ เอาไว้ผมจะถามต่อ ครับ ขอบใจล่วงหน้า ครับ จากคุณ : พลายทมิฬ - [ 4 ก.พ. 50 00:52:56 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ข้อสุดท้ายที่คุณบอกว่า ครูของพวกคุณเคยโดนมวยจีนเล่นงานจนเสียหน้ามาแล้ว อันนี้ผมเห็นหลายกระทู้แล้วครับ แต่เพราะมันไม่ได้เป็นความจริง ก็เลยไม่ได้เขียนอะไรกลับไป เคยมีคนมาตั้งกระทู้แบบนี้ในบอร์ดมวยไชยาแล้วครับ จนสุดท้ายอาจารย์ท่าน 2 ท่านก็พูดเหมือนกันว่า ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเสียหายเกิดขึ้นเลย อันนี้เป็นสิ่งที่ผมได้ยินมาจากทั้ง 2 ท่านนะครับ เรื่องเกิดจากหมอหลานซึ่งตอนนั้นได้เรียนกับครูทองและได้เรียนกับอาจารย์ลี่ด้วย ซึ่งก็มักจะนำท่ามวยของอีกวิชานึงมาสอบถามวิธีแก้ไขกับอีกท่านนึง กลายเป็นการแก้วิชากันไปมา (ลองนึกถึงเอี้ยก้วยในมังกรหยกภาคลูกมังกรหยก ตอนที่ อั้งชิดกง ประลองกับ อาวเฮี้ยงฮง) แล้วครูทองก็เคยพูดว่ามวยไชยาเหมือนลูกทุเรียน ถ้าเตะลูกทุเรียนได้ก็เตะท่านได้ ซึ่งคำนี้ครูเขตรท่านเคยกล่าวไว้ ปัจจุบันคำนี้ก็ยังใช้ได้ดีอยู่ครับ เพราะเวลาฝึกกันผมเองก็ต้องเอาสนับศอก สนับแข้งมาใส่เพราะกลัวหนามทุเรียนนี่แหละครับ ซึ่งวันที่อ.ลี่มาหาครูทองนั้นครูแปรงก็อยู่ด้วยครับ ท่านเริ่มมาฝึกมวยไชยาได้ 3-4 เดือน พอพูดคุยแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเข้าใจกันดี ทั้งคู่ก็คบกันดี ซึ่งอาจารย์ลี่ท่านก็สาธิตวิชาการแก้ไขการเตะให้ดูด้วย ซึ่งครูแปรงก็เป็นคนเตะเองครับ และอาจารย์ลี่ก็สาธิตการแก้การเตะโดยรับและดึง (คล้ายๆท่าถอนยวงของมวยไชยา) ครูแปรงก็ล้มลงแต่ก็มีท่าครูมวยไชยาป้องกันไว้ จึงไม่ได้เป็นอะไร และอาจารย์หลี่ก็ได้สาธิตการป้องกันหมัด โดยครูแปรงก็ได้ชกไปและโดนอาจารย์หลี่ปัดหมัดดึงไว้และสะบัดฝ่ามือมาที่หน้าครูแปรงซึ่งตกใจก็ชักศอกขึ้นกันเป็นท่าจูบศอกตามที่ได้เรียนมา ซึ่งอาจารย์ลี่ก็เพียงหยุดฝ่ามือที่ศอกครับ ก็มีเพียงเท่านี้ แต่กลับมีการใส่สีตีไข่เรื่องราวนี้จากผู้ไม่ประสงค์ดีที่ตั้งใจจะยุแหย่ให้เกิดข้อพิพาทขึ้น บ้างกล่าวว่าครูแปรงลองของอาจารย์ลี่บ้าง ลองคิดถึงคนที่เพิ่งฝึกมวย 3-4 เดือนและได้เจอครูมวยที่จะสาธิตวิชาให้ดู ขนบธรรมเนียมไทยเราอ่อนน้อมถ่อมตนเคารพผู้ใหญ่ครับ หรือบ้างว่าครูแปรงโดนอาจารย์หลี่ซัดซะกระเด็นปลิวไปกระแทกด้านหลังบ้าง มือท่านคว้าจับหมัดของครูแปรงอยู่และท่านก็เพียงหยุดมือที่ศอกครูแปรงจะกระเด็นได้อย่างไร หากกระเด็นขนาดนั้นจริงป่านนี้หน้าครูแปรงคงมีรอยบาดแผลบ้างแล้ว ลองดูจากที่แมวเหมียวไปลองสิ แค่ท่านเคาะเบาๆยังหน้าหงายเลย ก็ลองพิจรณาดูครับ และครั้งนั้นที่มีการตั้งกระทู้ที่บอร์ดของมวยไชยา กลุ่มครูแปรงรวมถึงผมเองก็ได้ไปพูดคุยกับอาจารย์ลี่ที่บ้านของท่าน ถึงเรื่องราวครั้งนี้ซึ่งผมก็ได้ยินมาแบบนี้ และท่านยังสอบถามถึงตัวการที่ตั้งใจยุแหย่ให้เกิดความแตกแยกด้วย คนที่อยู่ในเหตุการณ์ 2 ท่านกล่าวเหมือนกัน คนที่นำมาใส่สีตีไข่ สร้างความแตกแยกพึงสังวรด้วยนะครับ ว่าไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย กระทู้คงไม่โดนโหวตแล้ว เสียดายข้อเขียนของปรมาจารย์เขตรจัง ขออภัยด้วยนะครับ จากคุณ : EZ2DJ - [ 4 ก.พ. 50 01:03:30 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขออภัยที่ไม่สามารถให้คำตอบคุณ ปูเสฉวนได้ เนื่องจากผมไม่ทราบข้อมูลทั้ง 2 ข้อ จึงไม่อาจจะตอบได้ แต่หวังว่าน่าจะมีคนในบอร์ดที่พอทราบข้อมูลนะครับ จากคุณ : EZ2DJ - [ 4 ก.พ. 50 01:10:48 ]

ความคิดเห็นที่ 29 โทษนะ ยาว here here จากคุณ : SkillFull - [ 4 ก.พ. 50 02:08:44 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เห็นมี ต่อยกับ นายไล่โฮ้ อีกคนด้วยนิครับ  คนนี้ต่อยกัน 3 ครั้ง ครั้งที่ 3 เค้าไปฝึกมวยไทยมา จากคุณ : Makotojr - [ 4 ก.พ. 50 11:27:12 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ทำไมไม่ยกครูบาอาจารย์ไว้บนหิ้งเสีย แล้วมาจัดศิษเอกที่คิดว่ามีฝีมือดีที่สุดของแต่ละสำนักมาประลองกันเสียเลยละครับ ระหว่างศิษเอกของ อจ.หลี่แห่งเฮอรี่ฉวน กับศิษเอกของครูแปรงมวยไชยา จากคุณ : สงสัยอีกล่ะ - [ 4 ก.พ. 50 11:27:30 A:124.120.175.93 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 แหมผมก็แค่สงสัยหนะ.. ที่เห็นบางท่านบอกว่าจี้ฉ่างเป็นแค่จับกังอีก ไอ้คนที่พูดมันก็พูดเกินไป ...แบบนี้มันเท่ากับว่าเป็นการว่ามวยไทยทางอ้อมนะ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่านายยังเป็นถึงนักมวยไทยระดับแนวหน้ามีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น เป็นใครก็คงไม่โง่เอาจับกังมาสู้ด้วยให้เสียชื่อเสียงประเทศชาติหรอก มีการมาบอกว่าคนที่มาต่อสู้เป็นแค่จับกังเอง คล้ายจะบอกเป็นนัยๆ ว่าถ้าหากระดับนักมวยจริงๆหรือครูมวยจริงๆ มาละก็..แค่หมัดเดียวนายยังก็ปลิวแล้วอย่างงั้นแหละ ...ถ้าแค่จับกังสู้กับนักมวยไทยระดับแนวหน้าได้สูสีขนาดนั้นนะแถมจับกับยังเก่งขนาดใช้มือแทงไม้กระดานหนาๆ ทะลุนี่ผมก็ยอมล่ะ คงไม่มีใครสู้ได้แล้วในโลกนี้.. จริงๆ ก็น่าจะยอมรับไปเลยว่านายจี้ฉ่างนั้นก็เป็นนักมวยจีนที่มีฝีมือคนหนึ่งไปเลยก็เท่านั้นแหละ จากคุณ : สงสัย - [ 4 ก.พ. 50 12:02:39 A:124.120.175.93 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 ถามคห.31 เพื่อ... แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 50 12:41:00 จากคุณ : น้องคิว (น้องคิว) - [ 4 ก.พ. 50 12:39:19 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ต่อเรื่องนายยัง หาญทะเลต่อแล้วกันนะครับ สำหรับคุณมวยข้างถนนที่บอกว่าไม่เชื่อว่า นายยัง น็อค จี๊ฉ่างได้เพราะไม่มีรูปภาพถ่าย ตอนโดนน็อค จริงๆหากถามถึงรูปภาพ ผมก็ไม่เคยเห็นภาพถ่ายตอนน็อคกันสักคู่เหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่ที่เห็นก็มีแต่ตอนตั้งท่าจะประลองกันเท่านั้นที่ถ่ายไว้ อาจจะมีขีดจำกัดเรื่องตัวกล้องหรือย่างใด อันนี้ก็ถือว่าผมก็ไม่มีรูปมายืนยันแล้วกันนะครับ แต่สำหรับข้อมูลยืนยันว่าวันนั้นมีการชกจริง น็อคจริงก็มาจาก ปรมาจารย์มวยอีกท่านนึง ตู้ ไทยประเสริฐ ซึ่งวันนั้นก็ได้ขึ้นชกกับ ไงไต้ฉิน ต่อจากคู่ของนายยัง หาญทะเลด้วยและก็ชนะเช่นเดียวกัน ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับอาจารย์เขตร ในการต่อสู้วันนั้น นักมวยจีนอีกรายที่ขึ้นชกกับ นายยัง หาญทะเลแต่ใช้วิชามวยไทยคือ นาย ฮกหลิม ทวีสิทธิ์ ซึ่งฝึกมวยทวีสิทธิ์จากอาจารย์ กิมเส็ง ทวีสิทธิ์ครับ คู่นี้เสมอครับ ปล.นายไล่โฮ้ ยังหาไม่เจอครับ แต่เหมือนกับเคยอ่านผ่านมา หากทราบข้อมูลจะนำมาลงให้ครับ แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 50 15:30:25 จากคุณ : EZ2DJ - [ 4 ก.พ. 50 15:26:29 ]

ความคิดเห็นที่ 35 --เบื้องหลังของนายฮกหลิม  ทวีสิทธ์--- เบื้องหลังของนายฮกหลิม  ทวีสิทธ์ จีนชาวไหหลำพวกเดียวกับจีนไก่  แซ่ฮุ้น และจิวพกตุ้ยแห่งภัตตาคารฮั่วหลง  ปากตรอกโรงภาษีนั้น ครูกิมเส็งเล่าว่า เดิมทีเดียวฮกหลิมมานั่งดูพวกหนุ่มๆ ชาวไทยบริหารร่างกายตามปกติที่ค่ายมวยทวีสิทธิ์ แต่สิ่งที่ฮกหลิมสนใจมากที่สุดคือการฝึกหัดมวย-ไทย ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง ครูกิมเส็งได้เห็นฮกหลิมหอบเอากางเกงแพรดำ(ปั๋งลิ๊ม) เป็ดเค็ม กุนเชียงและธูปเทียนสีแดงแบบจีนไหว้เจ้า มาขอหัดมวย โดยแจ้งว่าตัวเขาเคยเป็นครูมวยเมื่ออยู่เมืองจีน มีลูกศิษย์มาก เมื่อได้มาเห็นการชกต่อยแบบมวยไทยก็รู้สึกชอบใจ เพราะท่าทางแปลกประหลาด มีรับมีบุก มีหลีกมีถอย พร้อมทุกประการ จึงอยากฝากตัวเป็นลูกศิษย์ครูกิมเส็งเพื่อฝึกฝนมวยไทย ครูกิมเส็งจึงชี้แจงว่า มวยไทยเขาไหว้ครูด้วยผ้าขาวม้า ขันน้ำ ดอกไม้ธูปเทียน กับเงิน ๖ บาท ถ้าฮกหลิมปรารถนา  จะฝึกมวยไทยก็ต้องให้เป็นไปตามประเพณี   ซึ่งฮกหลิมก็ตกลง และการมอบตัวเป็นศิษย์คณะทวีศิษย์ก็เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่วันพฤหัสบดีแรกของสัปดาห์ต่อมา ฮกหลิมเป็นลูกศิษย์ที่สอนง่ายกว่าลูกศิษย์ไทยแท้ๆ บางคนเสียอีก ฮกหลิมได้รับคำแนะนำให้เริ่มการฝึกด้วยความเต็มใจและอดทน เมื่อครูกิมเส็งเห็นว่าฮกหลิมฝึกได้จัดเจนแล้ว ก็แนะนำไม้ต่อไป ซึ่งฮกหลิมก็กระทำตาม ในชั้นแรกๆลูกศิษย์บางคนชอบฝึกซ้อมลงนวมกับฮกหลิมโดยเหตุที่เป็นหมู แต่พอ  ๔ - ๕ เดือนล่วงไป ครูกิมเส็งต้องชี้ตัวจึงจะได้คู่ซ้อมให้ฮกหลิม อุทาหรณ์ข้อนี้มีอยู่ทุก ๆ  ค่ายมวย ฮกหลิม  ทวีสิทธ์เป็นนักมวยชาวจีนซึ่งชกต่อยแบบมวยไทย จึงไม่ตกเป็นเหยื่อให้เสือร้ายจากที่ราบสูงคบเคี้ยวง่ายๆ --ชีวิตฮกหลิมเมื่อกลับไปเมืองจีน-- -ครั้งหลังสุด เมื่อฮกหลิมกลับไปเมืองจีนแล้วได้มีจดหมายมาถามข่าวคราวทุกข์สุขครูกิมเส็ง ฉันลูกศิษย์รู้คุณครู เขาบรรยายในจดหมายว่า เพราะความรู้ความสามารถเกี่ยวกับแบบแผนมวยไทยซึ่งได้รับการประสิทธิ์ประสาทจากครูกิมเส็ง ได้เป็นอุปกรณ์ส่งเสริมให้เขาได้เลื่อนยศทหารขึ้นเป็น นายพันโท มีทหารภายอยู่ใต้บังคับบัญชาถึง  ๘๐๐  คน ซึ่งสามารถชกต่อยแบบมวยไทยอวดลวดลายแก่ทหารกรมอื่น ๆ  จนเป็นที่สบอารมณ์แก่ผู้ชมได้ทั่วไป และนอกจากเงินทองมีใช้ไม่ขาดมือแล้ว  เขายังมีกางเกงแพรดำเป็นหีบ เป็ดเค็มและกุนเชียงเป็นลัง เพราะมีคนนิยมและเคารพเขามากมาย เหมือนกับจะเป็นเรื่องพูดกันไม่ออกบอกกันไม่ถูกมานานนักหนาแล้วว่า วงการมวยไทยเรานับวันจะแปรแปลกออกไปทุกที ทั้ง ๆ  ที่มวยไทยเป็นกีฬาสาธารสมบัติประจำชาติที่ไม่ควรละเลยแม้จะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม นักมวยมีความสำคัญที่ควรได้รับการส่งเสริมเต็มที่ สุดแต่ความสามารถของแต่ละคน ปัจจุบันนี้วงการมวยและนักมวยไม่มีหลักยึดถือ เช่นกฎหมายควบคุม หรือส่งเสริมอย่างในต่างประเทศ แทบทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามผู้ทรงอิทธิพลทางการเงิน ในเวลาไม่ช้านี้ ผู้เขียนหวังว่าวงการมวยไทยคงจะไม่ถูกแย่งแยกอย่างต่างประเทศอันเนื่องมาแต่คน เพราะหากมีแต่การแปลเปลี่ยนไปในทางที่ไม่เหมาะสมแก่วัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมซึ่งบรรพ-บุรุษอุตส่าห์รักษาไว้ให้ ก็เท่ากับ " พายเรือคนละที " มวยไทยก็จะสู้ใครไม่ได้ จากคุณ : EZ2DJ - [ 4 ก.พ. 50 15:28:42 ]

ความคิดเห็นที่ 36 32 รู้ได้ยังไงล่ะครับ หลักฐานก็ไม่มี อ่านแล้วก็เชื่อเลยรึ? จากคุณ : งง - [ 4 ก.พ. 50 17:12:28 A:125.24.217.173 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 ว่าแต่เจ้าของกระทู้ช่วยตอบคุณพลายทมิฬหน่อยสิครับ ผมเห็นเขาตั้งคำถามข้ามวันแล้วนะ จากคุณ : งง - [ 4 ก.พ. 50 17:14:42 A:125.24.217.173 X: ]

ความคิดเห็นที่ 38 "ปัจจุบันนี้วงการมวยและนักมวยไม่มีหลักยึดถือ เช่นกฎหมายควบคุม หรือส่งเสริมอย่างในต่างประเทศ แทบทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามผู้ทรงอิทธิพลทางการเงิน ในเวลาไม่ช้านี้ ผู้เขียนหวังว่าวงการมวยไทยคงจะไม่ถูกแย่งแยกอย่างต่างประเทศอันเนื่องมาแต่คน เพราะหากมีแต่การแปลเปลี่ยนไปในทางที่ไม่เหมาะสมแก่วัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมซึ่งบรรพ-บุรุษอุตส่าห์รักษาไว้ให้ ก็เท่ากับ " พายเรือคนละที " มวยไทยก็จะสู้ใครไม่ได้" จากคุณ : EZ2DJ   - [ 4 ก.พ. 50 15:28:42 ] จขกท.สรุปฉีกจากหัวข้อกระทู้  เลยทำให้ผมต้องพลอยขอทำความเข้าใจครับ ถ้าพูดถึงกีฬามวยไทยแล้ว  มีพรบ.คุ้มครองอยู่ครับ  และมีการเตรียมเพิ่มข้อกำหนดเพิ่มตามความเหมาะสม  เช่นครูผู้ฝึกสอนตามค่ายมวย จะต้องผ่านการอบรมและได้รับใบรับรองจากกกท.  ซึ่งก็ได้มีการอบรมครูมวยไปแล้วหลายรุ่น  และเมื่อกีฬามวยไทยไปสู่สากลเช่นซีเกมส์แล้ว  จะคาดหวังให้นักมวยไทยเท่านั้น  ที่จะเป็นผู้ชนะเลิศย่อมเป็นไปไม่ได้  ขนาดเทควันโดที่เป็นกีฬาโอลิมปิคที่มีปัญหามากด้านการตัดสิน  เกาหลียังไม่เหมาเหรีญทองทุกรุ่นเลยครับ  อนาคตมวยไทยกีฬานั้นคงไปได้ดี  แต่ถ้ามวยสายโบราณต้องการพัฒนาต่อไป  ผมมีความเห็นว่าต้องมีการแข่งขันครับ  ไม่ว่าโดยวิธีใด  อาจจะในกลุ่มมวยสายโบราณกันเองก็ได้  อะไรก็ตามถ้าไม่มีการแข่งขัน  มักจะค่อยๆเสื่อมลงครับ  ยกเว้นงานระดับชาตินะครับ  เช่นงานของกรมศิลป์ฯ http://www.muaythai2000.com/muaythai2000/laws_p1.php จากคุณ : รักมวยไทย - [ 4 ก.พ. 50 17:16:46 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ผมของแย่งหน่อยครับเรืองการประสมของหรือข้ามสายพันธ์ทำให้ไม่สอดครองและไม่ลืนไหล ส่วนตัวนะผมว่าทำได้คับไม่ว่าวิชาใหม่หรือวิชาเก่าเพราะวิชามวยไทยปัจจุบันก็คั้นจากของเก่าประสมมวยสากล จนมาเป็นมวยเวที หรือเรืองนี้ก็ได้คับ คุณหน้าจะเคยได้ยิน " หมัดนายจีน"ทีนนายทับ   คือนายจีนปล่อยหมัดดีคับ เพราเรียนมวยสากลมา ท่าจำไม่ผิดหน้าจะเรียนกับ"ลูกศิษ"ของม.จ.วิบูลย์สวัสดิวงศ์ ซึงเป็นการต่อยรูปแบบโบราณคับ นายจีนก็เป็นมวยโบราณด้วยคับ ทำไม่ท่าจะทำ ทำไม่จะทำให้มันสอดครองไม่ได้  ผมว่าเราอยาดูถูกสติปัญญาของมนุษย์ด้วยกันเองเลยคับ หรือว่า ทำไม่ครูมวยบางท่านถึงเอาไอคิโดประยุกใช้กับมวยโบราณ ได้คุณก็เห็นอยู่   ปัจบันก็มีหลายสำนักทำเรืองmma  อย่างทีเห้นตามหน้าเวปต่างๆ ความคิดเรืองประสมข้ามวิชามันมีมาตั้งนานแล้วไม่ใช้พึงไม่มี   ตั้งแต่สมัยอาจารย์เจือแล้ว (หรืออาจจะมีก่อนอาจายร์เจือ)แถมเป็นมวยไชยาด้วย  ท่านจะเอามวยปล่ำที่ท่านเป็น "ครูอาจารย์"มาประสมเพือทำให้วิชามวยของท่านสมบรูณ์แบบยิ่งขึ้น แล้วก็มีเรืองท่าเจ้าปัญหาอีก  ก็คือท่าล็อกแขนกางเขนเหล็ก ที่พวกคุณเอา โชว์กัน  แล้วบอกว่า ของคุณๆคิดเองเกิดเองหรือบังเอิญเกิดขึ้น(ตอบแก้ตัวกัน 3ครั้ง2คนไม่เคยตรงกันซะที)  ผมบอกว่าไม่หน้าใช้ มันต้องมีทีมาทีไป ผมก็เดาๆเอาว่าหน้ามาจาก ม.จ.วิบูลย์สวัสดิวงศ์ สวัสดิกุล ทีครูคุณ รำเรียนจน "แตกฉาน"ตามหน้าประวัติศาสตร์ของสำนักคุณ พอผมแย้งไปอย่างนั้นต่อนหลังไม่มีและ เขียนประวัติศาสตร์ใหม่   เอาเรืองนั้นไม่เป็นไร เรืองเล็กน้อยและ  เอาเรืองนี้ดีกว่า **๔. เชิดชูชื่อเสียงเกียรติคุณของครูบาอาจารย์ ผู้สืบทอดวิชาการต่อสู้ ป้องกันตัว อันทรงคุณค่าของชาติไทยให้รู้จักทั่วไป เผยแพร่ประวัติชีวิต และการทำงาน ของท่าน เพื่อเป็นแรงดลใจ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่คนในชาติ ** ถามจริงๆเถอะพวกคุณ ทำตามจุดประสงค์จริงๆๆ หรือเปล่าแล้วทำไม่ คุณ ถึงปล่อย ให้มีการหมิ่นอาจารย์เจือ ครับ ทำไม่ไม่เอาคนทีหมิ่นอาจารย์มาขอขมาผ่านเน็ตครับ รู้ไหมท่านไม่กระจอก อย่างทีพวกคุณ อวดภูมิกันหรอก เคยต่อยมวยคาดเชือกถวายให้กรมหลวงชุมพร ชนะด้วยครับและก็หน้าเป็นคนท้าย ของวงการมวยคาเชือกด้วย  ครูบางคนยังไม่เคยได้ต้อยเลย อ.จ.เจือไม่ใช้มวยไชยาเหรอ? เกียจและศักศรี ของท่านไม่ควรได้รับการเทิดทูนหรือไร? ลูกหลาน ญาติเขามาเห็นเขา จะรู้สึกอย่างไร? ลูกศิษลูกหาเขาละ อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่ง ก็เคยอ่านบทความเกียวกับเพาะกาย เคยเล่นมวยสากล ยูโด มวยปล้ำ  ครูอาจาย์ผมถ้าเอยถึงอาจารย์เจือ ก็รู้จักหมด  ทำไม่ ถึงปล่อยให้คนหมิ่นครู ลอยไปลอยมาอยู่ได้ไม่เขาใจจริงๆ? ตอบผมหน่อยซิครับ แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 50 18:06:43 แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 50 18:02:08 แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 50 18:00:19 จากคุณ : win_mma - [ 4 ก.พ. 50 17:43:18 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เอ่อ สำหรับบทความที่ผมเขียนตอนนั้นเป็นสมัยของอาจารย์เขตรนะครับ คืออย่างน้อยก็ต้องคิดภาพย้อนๆไปสัก 80 ปี ผมก็ไม่ทราบว่าตอนนั้นมี พรบ. มวยหรือยังนะครับ (2550-2464 = 86 ปี) แต่ถ้าดูจากที่ท่านเขียนมาก็คิดว่าน่าจะยังไม่มีครับ ส่วนเรื่อง MMA อันนี้ผมไม่ขอโต้แย้งกับคุณ วิน ละกันนะครับ สำหรับวิชาการต่อสู้ที่นำมาผสมผสานกันก็เป็น ลักษณะวิธีที่ดีแบบนึง ในการพัฒนานักสู้ครับ แต่ในส่วนตัวของผมเองแล้ว วิชามวยไชยา มีโครงสร้าง มีรากฐานดีพอที่จะต่อยอดวิชาของตัวให้ลึกขึ้น และการสืบทอดต่อๆกันมาแต่ละรุ่นก็มีการพัฒนาวิชาการให้ดียิ่งขึ้นครับ สิ่งสำคัญที่สุดคือมวยไชยา มีท่าครูที่เป็นแม่ไม้ที่ดีในการสร้างลูกไม้ครับ ฉะนั้นหากคุณวินยังมิได้ศึกษาวิชามวยไชยาแล้ว เพียงแค่อ่านจากที่ผมบอกก็คงไม่รู้และไม่ทราบ แต่หากคุณวินได้มาศึกษาแล้ว ก็จะทราบเองครับ ว่าทำไมตัวผมถึงบอกว่า เรามิได้เลียนแบบวิชาอื่นมานะครับ ความคิดเห็นที่ต่างกัน เพราะเรามีประสปการณ์ต่างกัน ฉะนั้นผมก็ถือว่าไม่มีใครผิด เพียงแต่เรารู้จักสิ่งนั้นมาไม่เท่ากันเท่านั้นเองครับ หากคุณวินสนใจอยากศึกษา สอบถาม เชิญได้ที่ศูนย์ศึกษาสยามยุทธ์บ้านครูแปรงนะครับ น่าจะได้คำตอบที่ดีกว่าแค่ในกระทู้ ที่ผมก็เห็นตอบกันมาหลายๆครั้งแล้ว แต่ก็ไม่อาจสร้างความเข้าใจได้นะครับ ส่วนเรื่องของอาจารย์ เจือ จริงๆขอบอกตามความสัตย์จริงว่าตัวผมเองมิได้รู้จักท่านเลย แต่เพียงได้ยินมาจากน้าติง(ส่วนตัวชอบดูมวยปล้ำตั้งแต่เด็ก) และไม่ทราบว่าท่านเป็นมวยไชยาด้วยซ้ำไป ประวัติที่ท่านเกี่ยวโยงกับมวยไชยาอย่างไรผมก็ไม่ทราบครับ อันนี้ผมก็ขอไม่กล่าวถึงแล้วกัน แต่หากคุณวินพอทราบว่าครูที่สอนอาจารย์เจือนั้นเป็นใคร ผมก็คงพอหาข้อมูลต่อได้ครับ แต่ที่คุณวินบอกว่า มีคนว่ากล่าวอาจารย์เจือท่านผ่านเน็ต ก็ขอบอกก่อนว่ามิใช่ตัวผมและมิใช่คนในสำนักผม ผมก็คงไม่สามารถเอามาขอโทษผ่านเน็ตได้ครับ แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 50 19:25:45 จากคุณ : EZ2DJ - [ 4 ก.พ. 50 19:09:30 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณครับที่ให้ความกระจ่าง  นึกว่าเป็นคห.ของจขกท. แต่ที่ว่าบทความนี้ต้องย้อนหลังไปสัก80ปีนั้นไม่ถูกต้องนะครับ  เพราะฟ้าเมืองไทยเริ่มตีพิมพ์หลังพศ2500อยู่หลายปีครับ ปริทัศน์มวยไทย ตอน ยัง หาญทะเล ปะทะ จี๊ฉ่าง วันมังกรสู้เสือ{แตกประเด็นจาก S5103638} มีบทความของปรมาจารย์เขตร ศรียาภัยอยู่ ก็อยากนำมาให้อ่านกันครับ เป็นเรื่องในปริทัศน์มวยไทย ในหนังสือฟ้าเมืองไทย ที่ท่านได้เขียนไว้ จากคุณ : รักมวยไทย - [ 4 ก.พ. 50 21:29:12 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ครับผมคุณ รักมวยไทย ที่ผมบอกว่าต้องย้นหลังไป 80 ปีอันนั้นมาจากที่ผมพูดถึงวันแข่งขันครั้งนั้นนะครับ ตอนที่ท่านเขียนหนังสือนั้น ผมกะไว้ว่าน่าจะอยู่ช่วงประมาณ 2515 ได้มั้งครับ ผมก็ไม่มีตัวหนังสือมีแต่สำเนาที่ซีร็อกซ์มานะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : EZ2DJ - [ 5 ก.พ. 50 04:43:16 ]

ความคิดเห็นที่ 43 -*วิชามวยไชยา มีโครงสร้าง มีรากฐานดีพอที่จะต่อยอดวิชาของตัวให้ลึกขึ้น*- ใช้คับ ผมเห็นด้วยและคงไม่ผิดแปลกอะไรใช้ไหมคับ ทีครูบางท่านจะต่อยอดมวยไทยใส่ ไอคิดิโด มวยปล่ำ ยูยิตสุ้ลงไปด้วยได้เพราะ พวกท่านเหล่านั้น มี"สติปัญญา"ทำให้มันสอดครองลืนไหลได้คับ -*การสืบทอดต่อๆกันมาแต่ละรุ่นก็มีการพัฒนาวิชาการให้ดียิ่งขึ้นครับ- หือ เหรอคับแม้ พัฒนาดีจริงแม้คนจะลงปล่ำแข่งไม่เคยฝึก แต่ทีพอจะแข่งได้มีอยู่ 2คน แต่ก็ไม่มา(สองคนนั้นคือคนทีปล่ำโชว์ในวิดิโอหรือเปล่าคับ) ไอ้เรืองทุ่มทับจับหัก ปล่ำกันนี้คุยกันมาหลายปีและ  สร้างคนได้แค่นีเองหรือคับจริงๆผมอยากเห็นไสตร์ไทยๆนะคับว่าเป็นอย่างไง ซึ่งผมเห็นพวกคุณเล่นกันอยู่สำนักเดียวที่บอกว่าไสตร์ไทยๆ(ของสำนักคุณ) ถ้าคุณออกตัวว่าไม่เคยฝึก ผมก็ไม่คาดหวังอะไรแล้ว เป็นไปได้ไหมคับทำไมไม่ให้คนเก่งทีสุดในเรืองการปล่ำมาแข่งละคับ - สิ่งสำคัญที่สุดคือมวยไชยา มีท่าครูที่เป็นแม่ไม้ที่ดีในการสร้างลูกไม้ครับ ฉะนั้นหากคุณวินยังมิได้ศึกษาวิชามวยไชยาแล้ว *- คงไม่เชิงมั้งคับ เพราะผมก็เรียนราม มีเพือนอยู่ชมรมนี้และ เห็นกันอยู่เกือบทุกวัน วันๆทำอะไรกันบาง มีโชวทีไหนผมก็ตามไปกินเที่ยวกัน มีเรืองมีราวกันก็รู้ ซีดีก็มี   คือผมไม่รู้ลึกแต่ไม่โงนะคับ พอแยกแยะได้คับ คือบอกตรงๆนะคับว่ามวยไชยาในท้องตลาดมีสำนักคุณสำนักเดียวทีทำอย่างนี้ได้คับ   เพราะสมัยทีผมเรียนรามมันไม่มีอะไรอย่างนี้หรอกคับ แม้ว่าจะมาจากทีเดียวกันก็ตาม มันคลายๆว่ามันเกิดมาที่หลัง -เพียงแค่อ่านจากที่ผมบอกก็คงไม่รู้และไม่ทราบ แต่หากคุณวินได้มาศึกษาแล้ว ก็จะทราบเองครับ ว่าทำไมตัวผมถึงบอกว่า เรามิได้เลียนแบบวิชาอื่นมานะครับ- ส่วนตัวผมไม่เชือคับ แต่คนอื่นจะคิดเหมือนผมหรือเปล่าอันนี้ไม่ทราบ คับ -หากคุณวินสนใจอยากศึกษา สอบถาม เชิญได้ที่ศูนย์ศึกษาสยามยุทธ์บ้านครูแปรงนะครับ น่าจะได้คำตอบที่ดีกว่าแค่ในกระทู้ ที่ผมก็เห็นตอบกันมาหลายๆครั้งแล้ว แต่ก็ไม่อาจสร้างความเข้าใจได้นะครับ- ผมนะอยากศึกษาแต่ไม่ใช้กับพวกคุณ เพราะผมไม่คบ หน้าจะทราบเพราะผมเคยบอกไปแล้ว (และบางคนก็ไม่อยากคบกับผม คงทำกันไว้เยอะ) ผมเคยคิดนะใครจะขมาผม ผมจะไป แต่ต้อนนี้ผม อโหสิกรรมให้พวกคุณทีทำกับผมเรียบร้อยแล้ว  เพราะผมไม่อยากอยูระดับเดียวกับคนทีทำผมในอดีตคับ ไม่ใช้ผมไม่เขาใจคับ ผมเขาใจ แต่"พวกคุณนะตอบกันไม่เคยซ้ำกันสักที"      ตอนแรกมาและ อ้อของเขาก็มี  (ครูท่านหนึ่งพูดศิษมาเล่าให้ฟัง ผมถามว่าแล้วมันเอามาจากไหนน)หนึ่งและ โอ้ย คิดขึ้นเอง สองและนะ     เขาเรียกท่า คู่ขึ้นบันลังอะไรก็ไม่รู้( มีชือเรียกและ) สามและนะ   คุณจะเชือหรือไม่เชือคับวันนั้น บังเอิญแสดง ผิดพลาดแล้วตกลงมาคับ(ผิดแล้วเอามาโชว์อัดวิดิโอทำไม่) สี่ ละ คุณเห็นไหม่คับ ท่าเดียวกัน ตอบ ได้ 2 คน4อย่าง แล้วผมจะไปเชืออะไรคุณ จริงๆพวกคุณพูดอะไรไม่หน้าเชือมาตั้งนานและ -แต่หากคุณวินพอทราบว่าครูที่สอนอาจารย์เจือนั้นเป็นใคร ผมก็คงพอหาข้อมูลต่อได้ครับ - ก็ไปอ่านในกระทู้ซิคับ เขาบอกอยู่แล้วว่าศิษใครไม่เห็นต้องมาถามผมเลย แล้วผมก็บอกไปแล้วว่าท่านต่อยให้กรมหลวงชุมพร แค่นี้หน้าเชือมโยงได้นะคับว่าใครเป็นครูให้ อาจาย์เจือ -แต่ที่คุณวินบอกว่า มีคนว่ากล่าวอาจารย์เจือท่านผ่านเน็ต ก็ขอบอกก่อนว่ามิใช่ตัวผมและมิใช่คนในสำนักผม ผมก็คงไม่สามารถเอามาขอโทษผ่านเน็ตได้ครับ - อันนีแล้วแต่คนอ่านนะคับว่าจะเชือหรือไม่เชือคุณ ถ้าพวกคุณเครดิตดี ภาพพจณดี ก็ไม่หน้ามีปัญหาอะไร แต่มันไม่ใช้ชิคับ แต่ก็แปลกดี ทีไอ้โรคจิตทีหมิ่นครูคุณคราวทีแล้วยังหากันมากราบมาขมากันได้เลยทีอย่างนี้ไม่รู้สึกรู้สากันก็คงเป็นกรณีเดียวกับของผม ซึ่งรู้อยู่ว่าคนกลุ่มไหนเดาไม่ยากหรอกปัจจุบันก็ยังมีอยู่ ไอ้ขอความทีมันไปโผลด่าผมอีกเวปหนึ่งนั้นและ (ให้ท้ายกันเขาไปดีคับผมอยากให้ประจานอยู่ต่อไป ให้รู้ว่าไปเลยว่ามันเน่าแค่ไหน) แต่ไอ้คนให้ขอมูลอย่างนั้นเชือเถอะคับ  มันไม่หน้งเทียนเขียนเองหรอก มันต้องได้ขอมูล  ในเชิงลึก แต่ว่าใครละนั้นละ ผิด1 คนเอามาอ้วดภูมิ นั้นและ2 *"คนไม่เตือนไม่ติติ้งกัน นั้นและ 3"* คิดกันเอาเองคับ ว่าแต่ละคนแต่ละคนอยู่กันประเภทไหนคับ!! แก้ไขเมื่อ 05 ก.พ. 50 06:15:35 แก้ไขเมื่อ 05 ก.พ. 50 06:04:22 แก้ไขเมื่อ 05 ก.พ. 50 06:03:14 แก้ไขเมื่อ 05 ก.พ. 50 05:59:43 จากคุณ : win_mma - [ 5 ก.พ. 50 05:56:18 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ไปค้นข้อมูลมาก็พอจะทราบว่ามีมวยไชยาที่ได้เข้าไปสอนในวังของกรมหลวงชุมพรครับ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นท่านใด ในหนังสือที่อาจารย์เจือท่านเขียน ท่านก็บอกเพียงว่าได้เรียนตอนที่เป็นทหารเรือ ผมจึงไม่แน่ใจว่าใครเป็นครูสอนท่านนะครับ ส่วนเรื่องมีคนว่ากล่าวท่านหรือไม่อันนี้ผมก็ไม่เคยเห็นและผมก็ไม่รู้จักคนว่ากล่าว ฉะนั้นอย่านำมารวมในนี้ครับ เรื่องการลงแข่ง ผมก็บอกแล้วว่าคนที่สนใจลงแข่งมันไม่มี เพราะแต่ละท่านก็ไม่ได้ฝึกมาเพื่อลงแข่งครับ เค้ามาเรียนก็มีเหตุผลของแต่ละคน แต่ที่ผมอยากจะลงเพราะเวลาของผมมันใกล้หมดแล้ว ก็อยากจะทำอะไรที่ตัวเองอยากทำก่อนหมดเวลาบ้าง ส่วนท่าที่คุณบอกในวิดีโอ ผมว่าผมเคยอธิบายไปแล้วนะ ว่าครั้งนั้นพี่พงษ์ตั้งใจทำท่า นาคคู้บัลลังก์ แต่พลาดและตกลงมา แต่การฝึกมาก็ทำให้ต้องจบให้ได้ เลยดึงแขนลงมาทำท่านั้น คนทำก็ไม่เคยทำหรอกครับ ชื่อก็ไม่มีตอนนี้ผมยังไม่มีชื่อสำหรับท่านี้เลย เพราะถึงใช้กันอีกก็เรียกแค่หักแขน เอาไว้ตั้งชื่อท่าสวยๆได้จะบอกละกันครับ ว่ามันชื่ออะไร ยังปวดหัวกับอีกหลายร้อยท่าที่ยังไม่ได้ตั้งชื่ออยู่เลย ในส่วนที่คุณบอกว่าคุณก็รู้จักมวยไชยา ผมก็ว่าคุณก็รู้แหละครับเพราะอย่างน้อยก็ต้องติดตามมาดี แต่แค่คุณรู้ไม่เท่าผม ฉะนั้นหากพูดถึงในส่วนวิชาแล้ว ผมก็มั่นใจว่าความรู้ในเรื่องนี้ผมรู้จักมันมากกว่า ฉะนั้นผมก็มั่นใจในความคิดและข้อมูลของผมเอง แต่หากเป็น BJJ JUDO Akido ผมก็คงรู้ไม่เท่าคุณ เพราะไม่ได้ศึกษาเบื้องลึกครับ จากคุณ : EZ2DJ (EZ2DJ) - [ 5 ก.พ. 50 07:51:56 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ EZ2DJ (EZ2DJ) จากกระทู้ที่ 27 รู้สึกว่าสิ่งที่คุณเล่าจะบิดเบือนจากความจริงไปหน่อยนะครับ จริงๆผมนึกว่าเรื่องนี้น่าจะเคลียร์แล้วนะ แต่ทำไมบทความของคุณนี้มันถึงไม่เปลี่ยนเสียทีนะ หรือ ว่าเขา copy แจกกันเลยรึเปล่าไม่เข้าใจจริงๆ มาเรามาแก้กันเป็นข้อๆไป 1.เรื่องเกิดจากหมอหลานซึ่งตอนนั้นได้เรียนกับครูทองและได้เรียนกับอาจารย์ลี่ด้วย ซึ่งก็มักจะนำท่ามวยของอีกวิชานึงมาสอบถามวิธีแก้ไขกับอีกท่านนึง กลายเป็นการแก้วิชากันไปมา (ลองนึกถึงเอี้ยก้วยในมังกรหยกภาคลูกมังกรหยก ตอนที่ อั้งชิดกง ประลองกับ อาวเฮี้ยงฮง) แล้วครูทองก็เคยพูดว่ามวยไชยาเหมือนลูกทุเรียน ถ้าเตะลูกทุเรียนได้ก็เตะท่านได้ เรื่องจริงคือ หลังจากพุดเสร็จครูทองก็กล่าวท้าทายอาจารย์ลีผ่านหมอหลานว่ามวยอาจารย์ลีใช้ไม่ได้ และ สิ่งที่ อาจารย์ลีทนไม่ได้คือ คำพูดที่ว่า ไอ้พวกไม่รู้จักคุณแผ่นดิน มาอยู่ใต้ร่มโพธ์สมภารแต่กลับไม่รู้จักคุณแผ่นดินไปเรียนมวยอื่นๆไม่รู้จักร่ำเรียนของไทย (อาจมีเพี้ยนไปบ้างนะครับ) นั่นคือที่มาของการที่ อ.ลีไปหาครูทองถึงที่ 2.ซึ่งวันที่อ.ลี่มาหาครูทองนั้นครูแปรงก็อยู่ด้วยครับ ท่านเริ่มมาฝึกมวยไชยาได้ 3-4 เดือน พอพูดคุยแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเข้าใจกันดี ทั้งคู่ก็คบกันดี ซึ่งอาจารย์ลี่ท่านก็สาธิตวิชาการแก้ไขการเตะให้ดูด้วย ซึ่งครูแปรงก็เป็นคนเตะเองครับ และอาจารย์ลี่ก็สาธิตการแก้การเตะโดยรับและดึง (คล้ายๆท่าถอนยวงของมวยไชยา) ครูแปรงก็ล้มลงแต่ก็มีท่าครูมวยไชยาป้องกันไว้ จึงไม่ได้เป็นอะไร เรื่องจริงคือ ตอนนั้นครูแปรงเรียนมวยกับครูทองมานานแล้วครับ เมื่อไปถึง ครุทองท่านไม่ลงเล่นเอง แต่ให้ครูแปรงซึ่งเป็นศิษย์เอกลงสู้แทนก็ไม่ทราบว่าทำไม และการลองก็เริ่มขึ้น ครุแปรงเตะสูงเข้าหา อ.หลี่ สมัยก่อนมวยไชยาเตะสูงนะครับ เมื่อเตะสูงเข้าหา อาจารย์ลีก็ใช้มือเกี่ยวในท่าคว้าของมวยเฮอลีชวนและนำพาทิศทางของแรงเตะครุแปรงที่สูงขึ้นให้ลอยขึ้นฟ้า(เรียกกันเล่นๆตอนหลังว่าท่าวิหกเหิรลม ซึ่งไม่ได้ไปเหมือนท่าของไชยาเล้ย มวยเฮอลีชวนไม่มีมารับแล้วมาดึงหรอกครับ มั่วจังนิ) ทำให้ครุแปรงเสียหลักลอยทั้งตัวและลอยลงมากระแทกพื้นดังโครม (ท่ากระแทกคือหลังและศอกกระแทกพื้น เหมือนคนหงายหลังตามปกติ นั่นเรียกท่าครูรึเปล่าครับ) เมื่อครุทองเห็นดังนั้นจึงรีบยุติการลองครั้งนั้นทันที และครูทองก็ได้ขอขมาอาจารย์หลี่ที่ได้กล่าวล่วงเกินมวยจีนไว้หลังจากนั้นทั้ง 2 ท่านก็เป็นเพื่อนกันและปรึกษาเรื่องมวยไทยกันต่อมา สิ่งที อาจารย์ ลีได้เคยแลกเปลี่ยนกับครุทองหลายๆเรื่อง เช่น 2.1สมัยก่อนครูทองจะให้ใช้ชื่อมวยไชยาว่า มวยไทยไชยาตำหรับพิชัยสงคราม แต่ อาจารย์ ลีแย้งว่าต้องเป้นพิชัยยุทธถึงจะถูกต้อง 2.2สมัยก่อนมวยไชยาไม่มีการรับแข้งด้วยมือ แต่เมื่อแลกเปลี่ยนความเห็นจากอาจารยืลีเพราะอาจารย์ลีเคยอยู่ค่ายมวยไทย ศรีโสธรมาก่อน จึงแสดงให้เห็นว่าค่ายศรีโสธรรับเตะด้วยแขน ด้วยมือได้ 2.3สมัยก่อนครูทองมักบอกอาจารย์ลีเสมอว่า มวยไทยไม่มีแม่ไม้ต่างๆนี่หรอก พวกหนุมานถวายแหวนอะไรเนี่ย เอามาจากวรรณคดีทั้งนั้น 2.4 และยังมีอีกมากมาย ซึ่งอีกหลายๆท่านไม่มีทางรู้และคงไม่มีวันรู้ อยากรู้คงต้องสอบถาม อาจารย์ ลี ท่านเอง 3.และอาจารย์หลี่ก็ได้สาธิตการป้องกันหมัด โดยครูแปรงก็ได้ชกไปและโดนอาจารย์หลี่ปัดหมัดดึงไว้และสะบัดฝ่ามือมาที่หน้าครูแปรงซึ่งตกใจก็ชักศอกขึ้นกันเป็นท่าจูบศอกตามที่ได้เรียนมา ซึ่งอาจารย์ลี่ก็เพียงหยุดฝ่ามือที่ศอกครับ ก็มีเพียงเท่านี้ เรื่องจริงคือ อาจารย์ลีสาธิตการศอกของมวยจีนเพราะครุทองถามว่ามวยจีนมีฟันศอกรึเปล่า อาจารย์ลีก็สาธิตกับครุแปรง ตอนสาธิตอาจารย์ลีฟันศอกต่อเนื่อง คว้าศอก และเมื่อถึงจังหวะฟัน อาจารย์ลีจงใจให้ศอกหยุดที่ฝ่ามือครูแปรงที่กันอยุ่ ซึ่งดังเพี๊ยะเลยทีเดียว คนละเรื่องกับที่คุณเล่าเลยนะครับ 555 เอ....แต่ว่า......คุณEZ2DJ (EZ2DJ) วันนั้นคุณไปด้วยหรือ ที่มีไปรู้สึกจะเป็นคุณ PGP นะ คุณคัดลอกมาแปะรึเปล่า ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่คุณไม่รู้ไม่เห็นไม่พบ หรือแค่ได้ยินจากปากของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าย่อมไม่มีใครยอมรับว่าตนเคยพลาดมาแล้วอย่างแน่นอน จริงๆผมก็ไม่อยากเอามาเล่านะ แต่พอเห็นบทความของคุณซึ่งลอกแปะมาทั้งๆที่เคยมีลุกศิษย์อาจารย์ลีอธิบายไปแล้ว ผมจึงของเอามาเล่าให้ฟังอีกครั้ง อย่างน้อยเรื่องจริงที่ผมเล่ามันคงช่วยเปิดหูเปิดตา ลุกศิษย์ใหม่อย่างคุณให้รู้ว่าเรื่องจริงมันเป็นอย่างไร ดีกว่าจำเอาเรื่องไม่จริงไปเล่าต่อๆกันซึ่งคนเสียหายก็คือ อาจารย์ลี ซึ่งผมทนไม่ได้หรอกนะครับที่ใครจะมาบิดเบือนเรื่องราวของ อาจารย์ของผมอย่างนี้ สิ่งที่ผมเล่าในเหตุการณ์นั้นๆมีคนเห็นเยอะแยะ คุณสามารถสอบถามได้ หรือ คุณจะมาสอบถามที่สำนักมวยเฮอลีชวนก็ได้ อย่างนี้แหละครับ เรื่องจริงมีไม่เล่ามาเล่าเรื่องเพี้ยนๆ เซ็งครับ ส่วนเรื่อง นายยัง กับ จี้ฉ่าง ในฐานะที่ผมเป็นคนไทย และ เคยเรียนมวยไทยด้วย สำนักอาจารย์ลีก็มีมวยไทย ผมก็คงชื่นชมนะครับว่าคนไทยเก่ง แต่..ในฐานะที่ผมเรียนมวยจีนมานาน ผมก็ต้องถามว่า แล้วเรื่องที่คุณเอามาให้อ่านเนี่ยมันกระทบถึงจิตใจคนที่เขาเรียนมวยจีนและรักมวยจีนบ้างไหม คุณเองก็เคยเรียนมวยจีนไม่ใช่หรือ ทำไมกลับไม่สำนึกบุญคุณของวิชาที่คุณเคยร่ำเรียนมาบ้างล่ะครับ รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องมันก็จบตรงประเด็นที่ว่ามวยจีนแพ้ ก็ไม่รู้ว่าจะโพสถ์ทำไม ทำไมไม่ไปโพสถ์ในบอร์ดมวยไทยอื่นๆล่ะครับ และ ผมก็เห็นว่าเรื่องนี้มันโพสถ์ไว้ทั่วไปหมดจริงๆ และ คนโพสถ์ก็ส่วนใหญ่ก็กลุ่มสำนักของคุณEZ2DJ (EZ2DJ) ผมจึงอยากสอบถามหน่อยว่าในฐานะที่คุณเคยเรียนมวยจีน (กับอาจารย์สมบัติ) คุณเคยนึกถึงครูอาจารย์ บ้างไหมว่าท่านจะรู้สึกอย่างไรเมื่อท่านได้อ่านบทความนี้ซึ่งคนโพสถ์ก็คือ คุณ ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์มาก่อน คุณคิดถึงหัวใจของคนที่รักในสิ่งที่เขารักบ้างไหม เช่น ถ้าผมเอาเรื่องมวยไทยแพ้มวยซานต้า มาโพสถ์ ด้วยหัวใจของคนไทยก็ย่อมไม่อยากถูกย่ำยี ก็ต้องตอบโต้จนถึงที่สุด ซึ่งไม่ต่างกัน คุณหันมาเรียนมวยไทย แต่ปากบอกเคยเรียนมวยจีน แต่คุณก็เหยีบย่ำอาจารย์มวยจีนของคุณด้วยตัวคุณเอง เรื่องนี้ครูเขตรท่านไม่ผิดหรอกครับที่เล่าเรื่องนี้ แต่ คนผิดคือคนโพสถ์ซึ่งไม่รู้จักกาละเทศะและความเหมาะสมว่าควรทำหรือไม่ควรทำ และควรทำที่ไหนเวลาไหน ที่นี่สังคมมันกว้างนะครับ ไม่ใช่มีแค่มวยไทย ยังมีมวยจีน ยูโด คาราเต้ เทควอนโด หวิงชุน ไทเก็ก ที่เข้ามาอ่านอีกมาก จะทำอะไรหัดคิดก่อนนะครับ ไม่อย่างนั้นคุณก็จะเป็นอย่างแมวเหมียวนั้นแหละครับคือ ไม่โดนก็ไม่รู้ ไม่เจ็บก็ไม่จำ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา กว่าจะออกจากกะลาต้องให้เจ็บตัว จากคุณ : abcdefg - [ 5 ก.พ. 50 10:11:37 A:192.168.0.31 X:58.136.52.174 TicketID:031958 ]

ความคิดเห็นที่ 46 รำคาญพวกบ้าวิชาเกินเหตุจิง แตะอะไรหน่อยไม่ได้ ออกมาโวยวายกันใหญ่ ชอบเอาครูบาอาจารย์มาออกหน้าออกตาแทนมาอ้าง มวยพวกนี้มันไม่มีแพ้กันเลยหรอไงอยากจะเป็นที่ 1 ของโลกหรอ จากคุณ : Makotojr - [ 5 ก.พ. 50 10:20:11 ]

ความคิดเห็นที่ 47 แล้วคุณมายุ่งอะไรด้วยละครับ คุณ Makotojr จากคุณ : abcdefg - [ 5 ก.พ. 50 10:34:22 A:192.168.0.31 X:58.136.52.174 TicketID:031958 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ต้นเหตุเกินจากอะไรละครับ เกิดจากเค้าเอาบทความมาลงให้อ่าน แต่ พวกคุณไม่พอใจเองที่มวยจีนมันแพ้ไม่ใช่หรอ จนมีการยกเอาจารย์มาดูหมิ่นดูแคลนกัน ไงถ้าเรื่องแค่นี้อ่านแล้ว ถือว่าไม่เป็นการเคารพครูบาอาจารย์วิชาอื่น ก็ไม่ต้องมีบอร์ดนี้แล้ว ของมันแพ้ไปแล้วจะเอาอะไรอีกเล่า เกิดก็เกิดไม่ทันจะรู้ได้ไงจริงหรือปลอม ก็ต้องอิงจากคนเขียนประวัติศาตร์เอา อ่านแล้วไม่พอใจก็ไปหาบทความ มวยไทยแพ้มวยจีนมาลงมั่งสิ คนเค้าจะได้อ่านได้รู้กัน จะบอกให้ไปโพสบอร์ดมวยอื่นทำไม ก็นี่แหละบอร์ดศิลปการต่อสู้ ผมเคยอ่านจากบอร์ดอื่นก็ยังไม่ละเอียดเท่านี้เลย จากคุณ : Makotojr - [ 5 ก.พ. 50 11:20:30 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขออภัยครับ ผม PGP เองครับ ล็อคอินเก่าผมเข้าไม่ได้ รู้สึกบอกไว้ในกระทู้เก่าแล้วละครับ ผมก็ไม่ใช่เด็กใหม่หรอกครับ ^_^ เอาง่ายๆก่อนครับ อันดับแรก ผมขอถามครับเรื่องที่คุณ Abcdef นี่คุณฟังมาจากใครครับ เอาแค่นี้ก่อนครับ สำหรับตัวผมเอง เย็นนี้ผมกล้าสาบานจุดธูป 16 ดอก ปักในวัดว่าผมได้ยินเรื่องนี้มาจากครูแปรงและได้ฟังเรื่องนี้จากอาจารย์หลี่ ซึ่งทั้ง 2 คนพูดตรงกัน ผมฟังอยู่ในเหตุการณ์ที่ครูแปรงไปเยี่ยมอาจารย์หลี่วันนั้นครับ อาจารย์หลี่ยังถามเลยว่าใครพูดบิดเบือนครับ หาตัวมาให้หน่อย ครูแปรงเองก็นับถืออาจารย์หลี่ ในฐานะครูผู้อาวุโสและยังเป็นเพื่อนของครูทองอีกด้วย อีกทั้งท่านยังเคยรักษาแม่ยายของครูแปรงด้วย อาจารย์หลี่เองยังเคยชวนครูแปรงให้ไปเรียนกับท่านตั้งแต่สมัยนั้นแล้วครับ ความเคารพนี้ปัจจุบันก็ยังมีอยู่ไม่เสื่อมคลายครับ ใครที่ต้องการปั่นให้ทั้ง 2 ท่านมีปัญหากัน พึงสังวรใจด้วยนะครับ อันนี้ขอคุยหลักวิชาการนะครับ 1.คำว่าพิชัยสงคราม พิชัยยุทธ์ นี่มีอยู่ในตำราไทยนานแล้วครับ และครูทองเองก็ไม่ได้จะตั้ง มวยไทยไชยา พิชัยสงครามแต่อย่างใด พิชัยยุทธ์นั้นตั้งมาจากที่ครูทองได้เข้าไปสอนในรามซึ่งมีอาวุธไทยด้วยครับ จึงตั้งชมรมอนุรักษ์กันมาชื่อนี้ครับ ลองดูประวัติได้จากที่นี่ครับ http://www.muaychaiya.com/chaiyanurak.html 2.สมัยก่อนมวยไชยาไม่มีรับแข้งด้วยมือ ขอโทษทีครับ ย้อนเอาตั้งแต่สมัยปรมาจารย์เขตร ตอนที่ครูทองท่านไปหาท่านเพื่อขอเป็นครูมวย ท่านก็รับแข้งด้วยมือแล้วครับ และครูทองเอง วันแรกที่ครูแปรงไปเรียนก็สอนรับแข้งด้วยมือแล้วครับ ก่อนที่อาจารย์ลี่จะมาหาท่านอีกครับ มันเป็นอุบายในการฝึกครับ ซึ่งของจริงใช้อย่างไรอันนี้ก็สอนกันภายในอีกแหละครับ 3.ท่าแม่ไม้ ต่างๆนำมาจากวรรคดี ครูทองคงไม่กล่าวเช่นนั้นเพราะ มันมีเขียนตั้งแต่ในปริทัศน์มวยไทย ของอาจารย์เขตรแล้วครับ แต่ชื่อนะมาจากวรรณคดีนะโอเคครับ และท่านก็ไม่ได้เรียกแม่ไม้อยู่แล้ว เพราะมวยไชยา ยึดแม่ไม้คือท่าครูครับ ที่เหลือเป็นลูกไม้ ไม้เด็ด ไม้ลับครับ 4.มวยไชยาสมัยก่อนเตะสูง แต่ไหนแต่ไร มวยไชยาไม่สอนเตะสูงครับ ปัจจุบันนี้ก็ไม่สอนครับ เค้ารู้ครับว่าเตะสูงมันมีอันตรายอย่างไร แต่ก็ใช่จะไม่มีนะครับ มีเหมือนกันแต่มันเป็นไม้เด็ด และวิธีเตะก็เป็นวิธีที่ป้องกันตัวดีพอ จากคุณ : EZ2DJ - [ 5 ก.พ. 50 13:03:00 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อันนี้ผมขอแก้ให้ตัวผมเองนะครับ ที่ผมนำข้อความมาลงผมบอกแล้วว่า ผมนำมาเพื่อให้คุณมวยข้างถนนอ่าน เพราะว่าเถียงกันเรื่องบทความอยู่ ซึ่งผมก็นำเอามาให้อ่านทั้งหมดครับ มวยไทยแพ้มวยจีน มวยจีนแพ้มวยไทย มวยอะไรแพ้ชนะมวยอะไร ผมไม่สนใจหรอกครับผมรู้ว่า มันเป็นเรื่องอนิจจัง ไม่มีวิชาใดดีที่สุดในโลก ไม่มีใครเก่งที่สุดในโลก วันนึงมันก็ต้องหายไปครับ ผมเรียนไม่ได้ต้องการเก่งกว่าใครครับ ผมเรียนเพื่อป้องกันตัวครับ และกับอาจารย์ทุกท่านที่ผมได้เรียนมา ผมก็เคารพท่านทั้งนั้นครับ และผมไม่คิดจะเหยียดหยามวิชาศิลปะการต่อสู้อื่นครับ โปรดเข้าใจ ขอบคุณๆมาโกโตะนะครับ ผมก็ถือสิทธิ์ว่าบอร์ดนี้เป็นสาธารณะและมันเป็นบอร์ดศิลปะการต่อสู้ครับ ---------------- อันนี้คุยกับคุณวินนะครับ ในส่วนตัววิชา ทุ่มทับจับหัก ประกบประกับจับรั้ง เข้าข้างหลังดัดก้านคอ คุณรู้มั้ยครับว่ามันเป็นอย่างไร ถ้าคุณไม่รู้จักคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเหมือนครับ จากคุณ : EZ2DJ - [ 5 ก.พ. 50 13:23:00 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ตกลงเรื่องจริงเป็นอย่างไรกันครับ เล่าไม่เห็นเหมือนกันเลยทั้งสองฝ่าย ผมเคยอ่านที่บอร์ดไชยามาก่อนเหมือนกันนะครับ ตกลงเป็นยังไงกันเนี่ย เรื่อง อ.หลี่กับครูแปรง ผมเคยได้ยินว่าทั้งสองท่านเคยลองกันมาก่อน แต่ไม่ทราบว่ามีเรื่องอย่างที่เล่าเกิดขึ้นมาด้วย รบกวนทั้งสองฝ่ายไขข้อข้องใจหน่อยครับ จากคุณ : ปูเสฉวน - [ 5 ก.พ. 50 13:34:40 A:125.24.218.252 X: TicketID:134540 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ผมก็ตอบไปแล้วละครับ ว่าเป็นอย่างที่ผมเล่าเขียนมาให้อ่านกัน และผมก็กล้าสาบานว่าที่เล่ามาผมได้ยินทั้ง 2 ฝ่ายพูดแบบนี้ หากผิดคำก็ขอให้ไม่ตายดีละครับ มั่นใจในสัจจะตัวเองครับ แล้วก็อย่างที่พูดถึง ไม่เคยมีการลองกันนะครับ เป็นเพียงการสาธิตจากครูผู้ใหญ่ผู้นึง สาธิตให้กับผู้ฝึกใหม่คนหนึ่งเท่านั้นเอง ตัวครูแปรงก็ไม่ได้มีความคิดจะลองแต่อย่างใด ด้วยความเคารพ และอ่อนน้อมถ่อมตัวครับ ที่คุณปูเสฉวนได้ยินว่าลองนั้นคงผิดแล้วละครับ ทั้ง 2 ท่านเองก็คงไม่มีใครคิดว่าเป็นการลองหรอกครับ หากผิดจากนี้ผมก็ไม่ทราบว่าคนที่นำมาบิดเบือนนั้นตั้งใจมีจุดประสงค์สิ่งใดละครับ จากคุณ : EZ2DJ - [ 5 ก.พ. 50 14:34:17 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ผมสอบถามจากอาจารย์ลีมาแล้วครับ ในวันที่คุณ PGP มานั้น อาจารย์ลีกับ ครูแปรงและครูแหลม ไม่ได้พูดถึงเรื่องการสาธิตกันวันนั้นเลย คุยกันแต่เรื่องการสัก คาถาอาคม การชักมงคล และยังบอกอาจารย์ลีเลยว่าจะมาศึกษาพิธีกรรมมวยไทยจากอาจารย์ลี แล้วคุณไปได้ยินมาจากปากใครครับ ไหนอธิบายมาทีครับว่าปากใครที่ไหน อย่างไร อาจารย์ลีท่านเล่าให้คุณฟังกับปากในเวลานั้นเลยหรือครับ แล้วครูแปรงเล่าให้คุณฟังต่อหน้าอาจารย์ลีเลยหรือครับในวันนั้น ผมไม่ทราบหรอกนะว่าคุณจะจุดธูปอีกกี่ดอก แต่ความจริงก็คือความจริง เป็นความจริงที่คุณยังรู้ไม่จริง เพราะคุณยังไม่ได้เกิดเลยด้วยซ้ำหรือเกิดแล้วก็ยังแก้ผ้าเดินอยู่ เรื่องการทดลองกันเรื่องเตะแล้วก้นล้มก้นกระแทกพื้นเกิดที่บ้านหมอหลาน ส่วนเรื่องฟันศอกเกิดขึ้นที่บ้านของคู่แฝดครูเล็กที่สุขุมวิทย์ ถ้าคุณสงสัยเชิญคุณไปถามคนในเหตุการณ์หรือถามเจ้าของบ้านได้นะครับ เรื่องที่บ้านหมอหลาน หมอหลานคงเป็นคนไปเล่าให้คนอื่นฟังกระมัง ถึงได้แพร่ข่าวออกมาภายนอกได้ เพราะวันที่บ้านหมอหลานมีแค่หมอหลาน ครูทอง และครูแปรงแต่ที่บ้านคู่แฝดครูเล็กนั้น คนอยู่กันเยอะมาก ในวันนั้น ครูทองยังมีปัญหากับลูกศิษย์คนหนึ่งที่ชื่อ อัษฎางค์เลยครับ คุณรู้เรื่องไหมละครับ เรื่องหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นผมสงสัยว่าในเมื่ออายุคุณก็เพียงเท่านี้แต่ทำไมกลับรู้ดีนักล่ะครับ ในเรื่องของสมัยก่อนๆ ครูแปรงท่านเล่าให้ฟังเช่นนี้หรือครับ ผมไม่ทราบหรอกนะว่าคนอื่นจะได้ยินเรื่องต่างๆมาอย่างไร แต่เมื่อมีการโพสถ์ลงในที่สาธารณะ มันก็ไม่ควรเป็นเรื่องที่ไม่ตรงความจริง อย่าเรื่องที่คุณบอกว่า อาจารย์ลีท่านสาธิตการป้องกันหมัด อาจารย์ท่านสาธิตที่ไหนครับ ไหนกล่าวรายละเอียดมาหน่อยสิครับ ซึ่งตัวผมเองได้สอบถามมาจากหลายๆท่าน มันไม่เป็นเช่นที่คุณว่าไว้แม้แต่ น้อย เพราะท่านสาธิตศอกไม่ใช่หมัด แม้แต่เรื่อง พิชัยยุทธ์ คุณทราบมาจากใครครับ ตอนนั้นมีคนฟังอยุ่เยอะนะครับ คุณเกิดแล้วเหรอครับคุณอยู่ในเหตุการณ์รึเปล่าครับ ถ้าเปล่า ทำไมคุณรู้ดีจังครับ ส่วนเรื่องท่าแม้ไม้นั่นครูทองท่านก็มักจะพูดบ่อยๆ พอดีผมก็ได้ยินมาเช่นนั้นนะครับ หรือถ้าคุณสงสัยคุณจะไปสอบถามโดยตรงกับ ท่านอาจารย์ลีเลยก็ได้นะครับ เพราะท่านสนิทกับครูทอง เดี่ยวจะหาว่าผมมายุแยงอีก จริงๆแล้วผมก็ไม่กะมาเถียงกับคุณเรื่องนี้หรอก แต่เมื่อคุณเล่าอะไรที่บิดเบือน ในฐานะที่ผมนับถืออาจารย์ลีอย่างมาก แม้จะไม่ได้เป็นลุกศิษย์โดยตรงก็ตามแต่ผมยอมไม่ได้ที่จะให้มีการบิดเบือนเรื่องราวต่างๆ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ มีอย่างที่ไหนล่ะครับ ท่ามวยของท่านอาจารย์ลี ไปเหมือนกับท่ามวยของไชยา พูดอย่างนี้อาจต้องมีการสาธิตกันอีกครั้งกระมังครับ อาจมีคนอยากร่วมสาธิตด้วยอีกเยอะเลย ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆเลยนะครับว่า มวยไทยไชยาสายอื่นๆเขาต่างก็ไม่มีปัญหาอะไรกลับใคร ไม่ยกตนข่มท่าน ไม่อวดรู้ ไม่ดูถูกใคร ไม่เคยเอาเรื่องนู้นเรื่องนี้มาเล่าเพื่อข่มคนอื่นแต่กับที่นี่แปลกจัง ทำไมเป็นอย่างนี้ก็ไม่รู้อาจเป็นเพราะลุกศิษย์บางคนละมั้งครับที่ทำให้ภาพพจน์มันดูแย่นะครับ แต่คุณ PGP ผมทราบว่าคุณไม่เป็นคนเช่นนั้นนะครับ คุณค่อนข้างมีเหตุผล แต่ คุณยังรู้อะไรไม่ถูกต้องจากความเป็นจริงเท่าไรทำให้คุณต้องมาถกเถียงเช่นนี้ไงครับ แล้วถ้าผิดจากเรื่องที่คุณเล่านี่ต้องบิดเบือนกันทุกคนเลยหรือครับ ไม่คิดหรือครับว่าสิ่งที่คุณรู้มันอาจจะบิดเบือนบ้างน่ะครับ ส่วนคนอื่นๆผมไม่รู้ว่าเขาจะโพสถ์โอเวอร์ว่าอย่างไรบ้าง เพราะได้ยินมาว่าบางครั้งก็เวอร์ขนาดว่าครูแปรงต้องหามเข้าโรงบาล บ้างก็ว่าโดนตบหัวทิ่ม แต่สิ่งที่ผมเล่านั้นเรื่องจริงครับ ผมไม่เคยคิดบิดเบือนหรือเล่าให้เกินจริงแม้แต่น้อย และ ครูแปรงของคุณก็ไม่ได้เสียหายอะไรด้วยซ้ำไป จริงไหมครับ จากคุณ : abcdefg - [ 5 ก.พ. 50 16:51:56 A:192.168.0.31 X:58.136.52.174 TicketID:031958 ]

ความคิดเห็นที่ 54 -*- ครูผมก็ไม่ได้เสียหายอะไรหรอกนะครับ แต่อย่างที่คุณบอกว่าความจริงก็สมควรเป็นความจริง ฉะนั้นเมื่อมันไม่ใช่เรื่องจริงผมก็ไม่สามารถ ให้มันบิดเบือนต่อไปได้เช่นนั้นละครับ ครูแปรงกล่าวถามเรื่องนี้จากอาจารย์ลี่ในวันนั้นที่ผมไปละครับ และยังโทรศัพท์ไปพูดคุยกับอาจารย์ลี่ทีหลังด้วยครับ เมื่อเหตุการณ์ที่บอร์ดมวยไชยา มันเริ่มบานปลายซึ่งทั้ง 2 ครั้ง ที่ครูแปรงถาม ครูแปรงก็ถามว่าอาจารย์จำได้มั้ยครับ ว่าเป็นอย่างไร ทั้งเรื่องสาธิตการแก้เตะ และสาธิตการแก้หมัด หากไม่ใช่อาจารย์ท่านคงแย้งให้ฟังแล้วครับ ว่าจำผิดหรือเปล่า และท่านก็ไม่ได้บอกเลยครับว่ามีการสาธิตการฟันศอก อาจารย์หลี่ก็ไม่ได้พูดตรงกับที่คุณบอกเลย ผมจึงต้องถามคุณตั้งแต่แรกว่า คุณรับฟังเรื่องนี้มาจากใครครับ โอเคครับผมผิดเองที่ไม่ได้คิดว่าเรื่องมันจะบานปลายขนาดนี้ไม่งั้นผมก็คงอัดเทปเอาไว้เรียบร้อยแล้วครับจะได้ไม่ต้องมานั่งเถียงกัน ผมอายุยังน้อยครับ อันนี้ผมก็ยอมรับแล้วก็เข้าใจ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ในยุคนั้นจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสอบถามไม่ได้นี่ครับ ก็ได้รับฟังจากครูแปรง และครูแหลม ครับ ที่ผมตอบคุณเพราะผมสอบถามก่อนแล้วครับ ถึงนำมาตอบ ผมก็คงไม่เดาเรื่องเอาเองหรอกครับ อย่างเรื่องการรับเตะด้วยมือ ผมก็คิดพิเคราะห์แล้วว่า อาจารย์เขตรท่านก็ทำ อาจารย์กิมเส็ง ท่านก็มี แล้วครูทองท่านก็สอนลูกศิษย์ตั้งแต่แรกให้รับแข้งด้วยมือ เป็นต้น หรืออย่างเรื่องการเตะสูง จริงๆลองคิดดู มวยไชยาเองก็เตะต่ำอยู่แล้ว ที่ครูสอนก็บอกว่าให้เตะเข่าไม่เกินเอว อันนี้ก็ 1 แล้วที่คุณพูดไม่ตรง แล้ววันนั้นครูแปรงก็บอกว่าท่านไม่ได้มีจิตคิดลองอะไรอย่างที่กล่าวมาแล้ว เด็กขอความรู้ผู้ใหญ่คุณจะกล้าเตะสูงหรือ กล้าเตะถึงคอท่านหรือ ถ้าคนที่คิดลองของก็คงใช่ แต่นี่ท่านเพียงทำด้วยความนอบน้อมท่านก็เตะเพียงระดับเอว นี่ก็ อีก 1 แล้วที่คุณพูดไม่ตรง เรื่องท่ามวยของอาจารย์หลี่ เหมือน มวยไชยา ผมก็เพียงแต่บอกว่าลักษณะของการทำนั้นคล้ายกันกับท่าถอนยวงเท่านั้นเอง ซึ่งหากคุณทราบว่าท่าถอนยวงทำเช่นไร ผมก็ว่าคุณก็น่าจะเข้าใจ แต่วิธีการรับ วิธีการเลือกทำอาจจะต่างกัน ไม่ได้บอกว่าเป็นท่าเดียวกันนะครับ เรื่องแม่ไม้ ผมก็ตอบคุณแล้วว่าครูทองท่านก็สอนศิษย์ว่าแม่ไม้มีท่าเดียว คือท่าครู แล้วท่านจะพูดถึงว่ามันมาจากวรรณคดีทำไม ลูกไม้เกิดจากแม่ไม้ หลักการง่ายๆอันนี้ท่านก็สอนมาอยู่ครับ โอเคถ้าเกิดการตั้งชื่อนะผมยอมรับครับ น่าจะใช่ว่าเอาชื่อมาจากวรรณคดี อย่างหนุมานถวายแหวน ก็ท่านี้ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการชกมวยคาดเชือก อาจารย์เขตรท่านก็เขียนไว้ หากมีโอกาสจะนำมาลงให้อ่านครับ และท่าเหล่านี้มันก็มีอยู่แล้ว แต่แค่นำเอาชื่อจากวรรณคดีมาใส่เท่านั้นเองครับ เข้าใจตรงกันกับผมมั้ยครับ ส่วนที่กล่าวว่ากลุ่มผมยกตนข่มท่าน เอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาเล่าเพื่อข่มคนอื่น อวดรู้ ดูถูกคนอื่น ผมไม่ยอมรับนะครับ คนที่ทำก็สมควรว่าคนที่ทำไม่สมควรว่าเป็นกลุ่มนะครับ แล้วคนที่ทำบางทีก็ไม่ใช่คนในกลุ่มผมแต่อย่างไร แล้วการทำเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นจุดที่เราต้องทำแต่อย่างใด มวยไหนดี ก็ดีครับ ไม่ได้จำเป็นต้องไปย่ำยี เหยียบย่ำ หรือดิสเครดิตใคร เพื่อให้มวยไชยาดูดีขึ้นอย่างไร เอาแค่ในกระทู้นี้ ผมก็เอาเขียนเรื่องมวยโคราชครับ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมวยไชยาเลย นอกจากว่าคนเขียนท่านเป็นมวยไชยา **-** เอ๊ะหรือจะเกี่ยว **--** ผมก็ถือว่าเรียนมวยไชยาเป็นวิชาที่ดีสำหรับผม และเราก็ทำงานอนุรักษ์กันไป ตราบเท่าที่ชั่วชีวิตนึงผมทำได้ ก็แค่นั้นครับ แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 50 16:00:17 จากคุณ : EZ2DJ - [ 5 ก.พ. 50 18:13:29 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ส่วนเรื่องมีคนว่ากล่าวท่านหรือไม่อันนี้ผมก็ไม่เคยเห็น*และผมก็ไม่รู้จักคนว่ากล่าว* ฉะนั้นอย่านำมารวมในนี้ครับ * อ้อแสดงว่าผมโม้เม้ใส้ความพวกคุณใช้ไหมคับ เจ้าประคุณถ้าสิ่งศักศิษมีอยู่จริง ถ้าผมไม่เคยเห็นบทความดังกล่าวในเวปคุณใส้ร้ายป้ายสีพวกคุณ ขอให้ผมอิ้บอ้ายมีอันเป้นไปคับ แต่ถ้ามีวิญาณครูเจืออยู่จิง จงดลบันดาลให้แต่ละคนได้รับผลกรรมแต่ละสัดส่วนด้วยเทิด ก็ต้องถามว่าสำนักไหน "เป็นมาตราฐาน"ทุ่มทับจับหัก ประกบประกับจับรั้ง เข้าข้างหลังดัดก้านคอ  ครับตอบหน่อย แต่ละสำนักมันไม่เหมือนกันหรอกคับ แต่ละสายก็มีวิธีทางของตัวเอง แตกออกไปแต่ละสำนักก็มีรายละเอียดปลีกย่อยออกไปแต่ไม่มีเลยคับ ทีมีสำนักไหนทีทำได้อย่างคุณคับทีปีนป่ายเขาทำคู้ต้อสู้คับ (เว้นแต่เขายอมรับว่าเขายอมรับว่าได้ประสมระหว่างวิชาคับ) ยิงความรู้ทีเป็นเอกเทศ ของสำนักคุณมันเกินความรู้ของผม   ผมตอบได้เลยว่า ของสำนักคุณ "ไม่รู้" แต่ผมไม่โง้ คับ พอแยกแยะอะไรออกว่า อะไรมาจากไหนเพราะไม่วิชาใดในโลกมัน"บริสุทธิคับ " มันต้องมีทีมาทีไปคับ  ถ้ามันซ้ำกันได้ "วิชาทั้งโลก"มันก็ต้อง"ซ้ำ"กันได้คับ แต่ประเด่นทีสำคัญคือ มันใช้ได้เทียบเท่าวิชานู้นวิชานี้หรือเปล่า อย่างทีสำนักเล่าอ้างหรือเปล่าคับ แก้ไขเมื่อ 05 ก.พ. 50 20:38:19 จากคุณ : win_mma - [ 5 ก.พ. 50 20:19:16 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ไม่ได้ดูตัวเองเล้ย ว่าเคยใช้คีย์บอร์ดบรรเลงกระทบกระเทียบอะไรไว้หนักหนาขนาดไหนบ้าง จากคุณ : j thailandfight (j thailandfight) - [ 5 ก.พ. 50 21:36:20 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อืม ผมก็เพิ่งเข้าใจคำครูเองว่า ทำไมครูถึงบอกว่าคนที่จะเป็นครูได้ ต้องเป็นคนที่ครูบอกครับ ทำไมถึงต้องมีพิธีครอบครูครับ ถามว่าใครเป็นมาตฐาน วิชาทุ่มทับจับหัก ประกบประกับจับรั้ง เข้าข้างหลังดัดก้านคอ ก็ต้องสำนักมวยไชยาละครับ เพราะเป็นเคล็ดของมวยไชยา ก็ต้องขอให้เข้าใจก่อนว่า เหล่านี้คือเคล็ดวิชาครับ คนที่เข้าใจในเคล็ดย่อมตีเคล็ดมาใช้ได้ ในแต่ละสถานการณ์ครับ แต่ไม่ว่าเคล็ดใดย่อมไม่พ้นหลักสามขุมท่าครูครับ คนทีฝึกมาไม่เท่ากัน คิดไม่เท่ากันย่อมได้ผลไม่เท่ากันครับ หากคุณกล่าวว่าไม่มีสำนักไหนที่มีการต่อสู้ลักษณะเช่นเดียวกับสำนักของผม อันนี้ผมก็ดีใจครับ ที่ผมได้เรียนวิชาที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองและมีมากกว่าในสิ่งที่คนอื่นมี เคล็ด ปีนป่ายเหยียบยัน ก็เป็นเคล็ดวิชานึงที่บัญญัติขึ้นจากประสปการณ์ จากการทดลอง ว่าสามารถใช้จริงได้ ควบคุมการต่อสู้ได้ครับ  ผมเองก็เคยใช้เอาตัวรอดมาเหมือนกัน เมื่อวานนี้ผมเองก็ได้ไปขอความรู้จากครูเลยเรื่องการจับหักนี่ละครับ ตัวผมเองนะศึกษาวิชาคนอื่นนะครับ  เพราะผมเองก็อยากรู้ว่าแต่ละวิชามีเทคนิคอย่างไร แต่วิธีที่ครูจับหักผม สิบท่าเมื่อวาน ไม่มีท่าไหนซ้ำกับหนังสือที่ผมอ่านเลย โอเคหนังสือมันเป็นเพียงขั้น 2-3 ลึกๆกว่านี้ผมก็ไม่ทราบว่ามีวิธีแบบนี้มั้ย แต่การหักล็อคของไทย ล็อคมันตั้งแต่ยืน จนถึง นอน บางท่าผมก็ต้อง tap out ตั้งแต่ยืนอยู่เพราะไม่สามารถลงนอนได้ ไม่งั้นก็พิการ และท่าเหล่านี้ก็ไม่มีบันทึกในตำราไหนด้วยเช่นกันครับ ผมถามครู ท่านก็บอกว่ามาจากจิตขณะนั้น ซึ่งมันก็มาจากการตกผลึกของวิชาครับ วิชาของครูแปรงก็อาจจะผสมครับ แต่ผสมของไทยครับ เพราะครูเรียนทั้งอาวุธไทย มวยไทย แพทย์แผนไทย นวดไทยครับ ครูบอกว่า คนโบราณฝากวิชาไว้ในศิลปะไทย อย่างเช่น โขน รำไทย หากคุณตีความเป็นคุณก็จะทราบว่ามันเป็นวิชาการต่อสู้ได้เช่นกันครับ เอาเป็นว่า เราก็ไปเห็นวิชากันในงานแข่งละกันนะครับ ก็คงจะดี จะได้ทราบว่าแตกต่างกันมั้ย ผมก็จะพยายามซ้อมเท่าที่เวลาจะมีละครับ สำหรับบทความที่กล่าวว่า ว่ากล่าวครูเจือนั้นคุณวินลองไปหามาให้อ่านหน่อยสิครับ คุณบอกว่าอยู่ในเวปผมใช่มั้ย ลองนำมาให้อ่านหน่อยสิครับ ว่าใครเขียนและเขียนว่าอย่างไร ขอบพระคุณครับ หากคุณหาไม่เจอเอาเท่าที่คุณจำได้ก็ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 50 14:05:50 แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 50 07:31:40 จากคุณ : EZ2DJ - [ 6 ก.พ. 50 07:13:51 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ผมจะขอกล่าวเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะครับและจะไม่ขอกล่าวอีกต่อไป เนื่องด้วยผมได้เข้าไปสอบถามกับอาจารย์ลีด้วยตนเองเมื่อวานโดยไปกับลูกศิษย์อาจารย์ลีถามถึงเรื่องวันที่คุณ PGP มาเยี่ยมอาจารย์ลี พร้อมด้วยครูแปรงและ ครูแหลม ผมสอบถามท่านว่าในวันนั้นอาจารย์ลีพูดคุยกันเรื่องใดบ้างท่านก็บอกเพียงคุยเรื่องพิธีกรรมมวยไทย ไสยศาสตร์ สักยันต์ และ การบริกรรมคาถา แค่เท่านั้น ไม่ได้มีการกล่าวถึงเรื่องอื่นๆเลยนอกเสียจากเรื่องดังกล่าว เมื่อผมถามถึงเรื่องราวในอดีต ทราบไมครับว่าท่านตอบว่าอย่างไร? ถ้าท่านอยากรู้ผมคงต้องขออุบไว้ก่อน แล้วจะเฉลยตอนท้ายครับ ผมจึงสงสัยว่าแล้วคุณ PGP ได้ยินจากปากท่านอาจารย์ลีตอนไหนครับ ในเมื่อท่านไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย อย่างนี้คุณจะไปจุดธูปอีกกี่ดอกดีล่ะครับถึงจะทำให้ผมเชื่อ ผมคิดง่ายๆเลยนะครับว่า ความจริงแล้วคุณและครูแปรงคงไม่กล้าถามต่อหน้าท่านอาจารย์หลี่เรื่องนี้หรอกครับ เพราะถ้าคุณถามต่อหน้าคำตอบที่ได้มาคงไม่บิดเบือนไปขนาดนี้ แต่คิดดูนะครับถ้าถามกันจริงๆ อาจารย์หลี่ท่านจะตอบความจริงให้คุณซึ่งเป็นลูกศิษย์ครูแปรงนั่งฟังหรือครับ ครูแปรงมีแต่เสียกับเสีย ทั้งเสียหน้า ทั้งเสียความรู้สึก ลูกศิษย์ก็นั่งฟังหัวโด่อยู่ ถ้าผมเป็นครูคุณ คงนั่งภาวนาว่า "อาจารย์ลีได้โปรดอย่าพูดเรื่องนั้นเลยๆ สาธุๆ" แต่สำหรับอาจารย์ลีผมคิดว่าท่านก็คงจะเงียบๆ หรือยิ้มๆ มากกว่า แต่อีกกรณีหนึ่ง ถ้าพวกคุณกล้าถามผมก็เชื่อว่าท่านก็จะตอบความจริงทั้งหมดเพราะนิสัยของท่านไม่ใช่คนพูดอะไรบิดเบือนความจริง คุยโวโอ้อวด ยกตนข่มท่าน แบ่งแยกชนชั้น ที่เซฟบ้านท่านท่านยังเขียนไว้เลยครับว่า ที่นี่ไม่ต้อนรับคนหลอกลวง อี้โอ่ขี้อวด!! จริงไหมครับ? ผมจึงถามสั้นๆว่า วันนั้น คุณกล้าถามออกไปจริงๆหรือ และ อาจารย์หลี่ท่านพูดถึงจริงๆหรือ แหมอัดเทปมาได้ก็ดีสิครับ ผมก็อยากอัดเทปมาให้พวกคุณนั่งฟังกันให้น้ำตาใหลพรากเหมือนกันนะครับ แต่ยังไงดีละครับในเมื่อคำพูดของผมบอกไปคุณก็ไม่เชื่อ งั้นคุณว่าควรมีการสาธิตกันอีกครั้งดีไหมครับ ผมเชื่อว่าท่านอาจารย์ลีก็พร้อมนะครับที่จะสาธิตอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอีกวิธีนึงนะครับคือ คุณมาเยี่ยมกันอีกครั้งนะครับมากันให้หมดทั้งกลุ่มเลยแล้วถามอาจารย์หลี่ท่านตรงๆ ต่อหน้าเลยนะครับให้ครูแปรงเป็นผู้เริ่มถามด้วยนะครับ แล้วอัดวีดีโอไว้ เพื่อเอาไว้เผยแพร่เป็นวิทยาทานให้คนรุ่นหลังต่อไป หรือ จะเก็บเอาได้ดูเล่นก่อนนอนก็ได้ ผมว่ามันก็เป็นวิธีหนึ่งที่ดีที่สุดนะครับ หรือ คุณจะมาเงียบๆแบบคุณแมวเหมียวก็ได้นะครับ มาถามท่านตรงๆ แล้วคุณก็จะทราบได้เองละครับว่า สิ่งที่คุณได้ยินมา จากใครก็ไม่ทราบ(สงสัยจะแค่คนเดียว) กับสิ่งที่ผมได้ยินมาจากคนมากมาย(เขาเล่ากันทั้งบ้านทั้งเมืองตั้งแต่อดีตยันปัจจุบัน)เรื่องไหนจะเป้นเรื่องจริง กว่ากัน ผมมีอะไรตลกๆนะครับ อาจารย์หลี่ ท่านสูง180 ครูแปรงท่านสูง 160 กว่า แล้วถ้าครูแปรงเตะแค่เอวครูแปรง อาจารย์ลีท่านไม่ต้องก้มลงไปรับขางั้นหรือครับ หรือถ้าเตะแค่เอวอาจารย์หลี่ แล้วท่านจะไปยกขาครูแปรงให้ลอยขึ้นทำพระแสงอะไรละครับ แล้วที่ลอยหลังกระแทกพื้นนี่ตามหลักความเป็นจริงแล้วมันจะต้องเตะสูงขนาดไหนครับถึงลอยได้ คุณก็ลองคิดเอาเองแล้วกันนะครับ หรือ ช่วยให้ทุกท่านที่เรียนหมัดมวยลองคิดตามดูนะครับ หรือ คุณจะบอกว่าครูแปรงท่านล้มด้วยท่าครูนี่คุณช่วยอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ได้ไหมครับ ว่ามันมีลีลาท่าทางอย่างไร ถ้าเรามองภาพแห่งความเป็นจริงออก ไม่เอาแต่คิดทางเดียว ฟังทางเดียวผมว่าเราสามารถแยกแยะกันออกนะครับ แต่กระนั้นผมคงไม่อาจจะเถียงกับคุณต่อไปแล้วล่ะครับเพราะแค่นี้ก็คงมีคนย่ำแย่แล้วล่ะครับ และสุดท้ายผมก็จะเฉลยว่า คำตอบที่ผมได้รับจากอาจารย์ลี เป็นอย่างไร ท่านแต่บอกเพียงว่า การกล่าวถึงเรื่องราวในอดีตย่อมมีผู้เสียหาย !?! ปล. หากยังข้องใจโปรดเชิญถามอาจารย์หลี่โดยตรงได้ครับ โดยตรงในที่นี้คือต่อหน้านะครับ ให้ท่านเห็นหน้าคุณหน่อยนะครับ หรือ คุณจะชวนครูแปรงไปด้วยก็ได้นะครับผมคงไม่เข้ามาตอบอีกแล้ว แล้วอย่าลืมอัดเทปไว้ด้วยนะครับ คุณจะได้ไม่ต้องมาจุดธูปให้เสียเงินเสียทองอีกครับ จากคุณ : abcdefg - [ 6 ก.พ. 50 12:10:02 A:192.168.0.31 X:58.136.52.169 TicketID:031958 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณนะครับ ที่จะไม่ตอบอีกแล้ว เพราะผมเองก็ไม่อยากตอบซ้ำ ให้เสียเวลาเหมือนกันครับ วันนั้นกลุ่มผมเข้าไปเยี่ยมอาจารย์หลี่ก็ด้วยเรื่องที่ บอร์ดมวยไชยา เกิดเหตุการณ์การกล่าวอ้างเรื่องนี้แหละครับ ซึ่งกลุ่มผมได้ไปทำธุระที่ศูนย์เยาวชน ไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ก็ตั้งใจเข้าไปสอบถามเรื่องนี้กับอาจารย์หลี่เลย ถือโอกาสไปเยี่ยมท่านด้วย และเรื่องนี้ก็พูดกันตั้งแต่ต้นนะแหละครับ ก่อนจะมีการคุยเรื่อง ไสย์ศาสตร์ พิธีกรรม ซะอีก คงไม่จำเป็นต้องเข้าไปสอบถามอะไรกับอาจารย์หลี่อีกเพราะว่า วันนั้นเราก็ได้พูดคุยกันมาแล้ว และเท่าที่ผมอ่านมา สรุปว่าคุณก็ไม่ได้นำเอาเรื่องราวมาจากอาจารย์หลี่ใช่มั้ยครับ ตอนแรกผมก็อยากว่าทราบคุณรู้เรื่องมาจากใคร แต่ก็คงไม่จำเป็นแล้วเพราะว่าไม่ใช่ผู้ที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดทั้ง 2 ท่าน  เรื่องที่คุณกล่าวอ้างมาด้านบน ฉะนั้นผมก็ถือว่า ผมรับทราบเรื่องราวมาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านแต่อย่างใด แล้วเหตุใดจึงจำเป็นต้องมีการสาธิตอีกครับ การให้ความรู้ครั้งนั้นก็คือการให้วิชากับเด็ก ไม่ใช่การประลอง หรือ การลองของใดๆ ก็เพียงแค่นั้น ไม่เห็นจำเป็นอะไร คุณต้องการให้เกิดการสาธิตจะได้มีการลองวิชากันอย่างที่คุณต้องการให้เป็นหรือเปล่า แล้วเพื่อประโยชน์อะไร ? ครูแปรงท่านสูง 160 อาจารย์หลี่สูง 180 เตะแค่เอวท่านก็รับได้ครับ แล้วคุณทราบวิธีรับของอาจารย์หลี่ในวันนั้น ไม่ต้องย่อด้วยซ้ำ คุณไม่รู้จักวิธีเตะของมวยไชยาเหรอครับ แล้วการยกให้ลอยขึ้นนี่ ไม่เห็นจำเป็นต้องเตะสูงใดๆ ผมโดนเมื่อวานเล่นกับรุ่นพี่ไม่ได้เตะเลยก็ยกลอยขึ้นได้ครับ ท่าครูมวยไชยาคุณไม่รู้จักหรือครับ ลองไปดูท่าครูได้ในเวปมวยไชยานะครับ www.muaychaiya.com และคุณกล่าวว่าผมฟังความฝ่ายเดียว ขอโทษทีนะครับแล้วคุณเคยมาถามครูแปรงหรือเปล่าครับ ผมก็ยืนยันว่าผมมีข้อมูลตามนี้ จากการสอบถาม ครูแปรง ครูแหลม  หากคุณยืนยันของคุณมาซึ่งก็ไม่ทราบว่ามาจากใคร ก็เอาเป็นว่า ต่างฝ่ายเชื่อเรื่องของแต่ละฝ่ายละกันครับ ส่วนใครจะเชื่อใครก็ฟังเหตุผลของแต่ละฝ่ายเอาเองก็เท่านั้นละครับ เพียงแต่ตอนนี้ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ว่าที่คุณกล่าวว่าเรื่องนี้มีการเล่ามาตั้งแต่อดีตยันปัจจุบัน ผมยังสงสัยว่าทำไมจึงต้องเล่าเรื่องนี้กันหรือ เพื่อทำลายชื่อเสียงใครหรือเปล่า เพื่อต้องการให้เกิดประโยชน์หรือ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ เรื่องของครูมวยที่สาธิตสอนให้ความรู้เด็กฝึกมวยคนนึง แต่เรื่องเล่านี้กลับกลายเป็น การลองของ ลองวิชา ไปได้ แถมข้อมูลก็ไม่ตรงกันอีก แปลกจริงๆนะครับ การกล่าวถึงเรื่องราวในอดีตย่อมมีผู้เสียหาย - - ก็คงจะจริงกระมังครับ เพราะผมก็ทราบเรื่องราวที่มีผู้เสียหายเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 50 16:15:19 แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 50 15:58:13 จากคุณ : EZ2DJ - [ 6 ก.พ. 50 13:36:27 ]

ความคิดเห็นที่ 60 abcdefg ^ ^ ^ ถ้ามีข่าวยิงกันตาย ล่ะ เฮ้อ....... ชนะ แล้วได้อะไร อดีต ขุดคุ้ยทำไม อาจารย์ลี ท่านมีทั้งวิชา และความเมตตา ไม่น่าไปอ้างท่านเลย ถ้าความเห็นผม ไม่ถูก ใจ ก็ ขอโทษ ครับ ผมเป็นคนนอก 100% ไม่รู้เรื่องอะไรหลอกนะ แค่ เห็นแล้วเสียใจ แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 50 13:39:07 จากคุณ : Humandroy - [ 6 ก.พ. 50 13:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ถ้าใครสามารถ โพสข้อความ ใน บอร์ด ดังกล่าวได้ ขอ ความกรุณา โพส บอกให้ผม ด้วยครับ ผม ขออนุญาต นำมาทำลิ้งค์ ที่ นี่ กับ ที่ บอร์ด สำนัก เฮอลี่ฉวน (ผมไม่สามารถโพสเองได้) ขอ อนุญาต เจ้าของ กระทู้ นะครับ เผื่อจะมี ใคร ที่ป่วน มาแถวนี้ http://www.muaychaiya.com/forums/index.php?act=ST&f=1&t=340&s=2f1edac65b5c2d58d300f52d09a8ef43 แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 50 14:21:28 จากคุณ : Humandroy - [ 6 ก.พ. 50 14:14:33 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ต้องการโพสข้อความอะไรหรือครับ ผมพิมพ์ในนั้นได้ครับ จากคุณ : EZ2DJ - [ 6 ก.พ. 50 16:06:49 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ดูแล้วค๊าบๆ ยก3 ชิโนบุ ก้อ่วมแล้ว อึดจริงๆ ไม่รู้บัวขาวไปดูคลิบของสามารถ มาหรือปล่าวปลายๆชก โชว์สเต็บโยกหลบหมัด ชิโนบุ เล่นๆซะงั้น แต่ทำไมมีแต่ยก 3 หวา จากคุณ : Makotojr - [ 6 ก.พ. 50 16:57:46 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อ้าวโทดทีผิดกระทู้ จากคุณ : Makotojr - [ 6 ก.พ. 50 16:58:25 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ทุกอย่างพวกตูต้องเป็นฝ่ายชนะ ยอมแพ้ไม่ได้ พวกตูต้องเด่น ใครจะมาเด่นกว่าตูไม่ได้ ตูต้องเป็นหนึ่งในวงการนี้ แม้ศิษย์ครูเดียวกันก็เก่งกว่ากูไม่ได้ กูต้องพยายามคิดท่าขึ้นมาให้แตกต่างจากศิษย์คนอื่นเผื่อเป็นข้ออ้างว่า นี่ตูเป็นของจริงที่ได้รับการสืบทอดมาจากครูแต่ผู้เดียว คนอื่นไม่มีเห็นมั๊ย อย่างนี้ต้องฟันธง ชัวร์ จากคุณ : เสือซ่อน - [ 6 ก.พ. 50 16:58:46 A:58.9.173.167 X: TicketID:137812 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เง่อ .... แป๊บนะครับ " เนื่องด้วยผมได้เข้าไปสอบถามกับอาจารย์ลีด้วยตนเองเมื่อวาน..... "<<<< .....เขาก็บอกตรงๆอยู่นี่ครับว่าที่เขียนๆมานี่ได้ยินมาจากปากท่านใด ส่วนที่ผมที่ได้ยินมาจากอาจารย์หลี่ก็ตามแบบที่คุณ abcdefg ว่ามาน่ะครับ กี่ๆรอบก็ได้ยินแบบนั้นตลอด ปล.เขียนเรื่องนายยังดีๆ มาออกเรื่องเก่าได้ไง งง ... แถมเรื่องเก่าก็ ....อ่ะนะ งง สวัสดีครับ จากคุณ : + __ + - [ 6 ก.พ. 50 17:28:34 A:125.24.12.205 X: TicketID:116956 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ขอโทษทีนะครับ คุณเสือซ่อน คุณพูดผิดไปนะครับ ทุกอย่างพวกตูต้องเป็นฝ่ายชนะ ยอมแพ้ไม่ได้ พวกตูต้องเด่น ขอโทษทีนะครับ ที่ผมเขียนมา นอกจากที่ผมนำเอาประวัติการชกมา แล้วที่ผมนำมาก็บอกอยู่แล้วว่านำมาให้คุณมวยข้างถนนอ่าน เพราะเถียงกันเรื่องบทความครับ นอกจากนั้นมันมีแพ้ มันชนะกันตรงไหนเหรอครับ ไม่ได้มีเขียนสักนิดเดียว ผมเองเคยไปเล่น ที่ Emac เล่นปล้ำล็อคกับพี่อิง พี่ต่อ ผมก็แพ้ครับ แต่ผมสนุกมากที่ได้เล่นกับพวกพี่เค้าครับ และทำให้ผมสนใจการปล้ำล็อค ยังเคยจะไปเรียนกับพวกพี่เค้าเลยครับ ซื้อชุดก็ซื้อมาแล้ว เพียงแต่ผมมาเรียนปล้ำล็อคของมวยไชยาแล้วมันง่ายในการพัฒนาต่อเนื่องจากที่ผมมีพื้นอยู่แล้วมากกว่า เลยไม่ได้ไปเรียนนะครับ แล้วกลุ่มผมก็ไม่ได้สนใจ ในสิ่งที่ต้องเด่นกว่าคนอื่นครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่ 1 ในวงการสักนิดเดียว เราเผยแพร่สิ่งที่เรารู้สิ่งที่เรามีครับ 20 ปีที่ผ่านมาเราก็ทำมาเรื่อยๆ (โอเคผมเองเพิ่งมาช่วยแค่ 4 ปี) แค่นั้นเอง ขอบคุณครับ จากคุณ : EZ2DJ - [ 6 ก.พ. 50 17:40:07 ]

ความคิดเห็นที่ 68 บัตรผ่านนี่ เชื่อได้มั๊ยเนี่ย จากคุณ : กุ้งบก - [ 6 ก.พ. 50 18:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 69 #61 ผมว่าเรื่องนี้ยิ่งตลกกว่า แมวเหมียวเขาเล่าเรื่อง อ.หลี่ อยู่ดีๆ มีใครที่ไหนดันเอา link เรื่องมวยไทยล้มมวยจีนมาลงก็ไม่รู้ (ไม่รู้ว่าต้องร้อนตัวทำไม หรือมวยไทยแพ้ไม่ได้ แพ้ไม่เป็น) พอมีคนท้วงว่าเรื่องนี้ไม่น่าจริง ก็ดันเอาเรื่องที่ผ่านมาเป็นสิบๆ ปีแล้วมาลงอีก(ลงแล้วคงน่าภูมิใจมากนะครับ เรื่องที่นายยังชนะนายจี๊ฉ่างเนี่ย) พอมีคนท้วงเรื่องที่เล่าว่าไม่ตรงตามความจริง พวกลูกศิษย์ก็ต้องเข้ามาชี้แจงสิครับ หรือจะปล่อยให้ใครเอาอาจารย์ตัวเองไปให้ศิษย์คนอื่นปู้ยี่ปู้ยำตามใจชอบล่ะ? ส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้หรอกครับ มวยไทยไม่ใช่เทวดา ไม่จำเป็นว่าต้องแพ้ไม่ได้ หรือแพ้แล้วต้องหาเรื่องมา.กลบเกลื่อน ความสำคัญอยู่ที่ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไรกันมากกว่า อีกอย่าง มวยไทยจะแพ้บ้างก็ไม่เห็นน่าอาย มวยไทยที่ไปแข่ง UFC ที่ถูกพวก BJJ หรือมวยปล้ำล็อคจนหมอบราบคาบแก้วไปบ้าง ก็ไม่เห็นน่าอับอายเลย หรือฝรั่งมาถามผมบอกว่ามวย you ทำไมถึงแพ้มวยปล้ำ ผมต้องบ่ายเบี่ยงโกหกเขาหรือเปล่าครับ ว่านั่นแค่แข่งกันบนเวทีเท่านั้น แน่จริงมาต่อยกันริมถนนสิรับรองมวยไทยชนะแน่ๆ หรือไม่ก็ตะลุมบอนกันดีกว่า มวยไทยเก่งกว่ามวยปล้ำชัวร์ ปล.ขอโทษนะ ไม่มี ID คำพูดผมคงไม่น่าเชื่อหรอกกระมัง 5555 จากคุณ : เฉยๆ - [ 6 ก.พ. 50 20:51:07 A:200.107.49.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 70 ถูกต้องแล้วละครับ แพ้ชนะ มันก็เป็นเรื่องที่เกิดมาแล้ว และไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ผมเองก็กล่าวอยู่เสมอ วิชาไหนแพ้ชนะกัน คนไหนแพ้ชนะกัน ไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจ มันเป็นเรื่องอนิจจัง สำคัญอยู่ที่เรื่องจริงมันเป็นยังไงนะแหละครับ ผมก็ไม่ทราบว่าใครนำ link นั้นมาลงด้วยเหตุผลอย่างไร แต่ที่ผมนำบทความมาลง เพราะมีคนบอกว่าเรื่องวันนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริงโดยกล่าวอ้างถึงบทความที่ผมนำมาลงและกล่าวพาดพิงถึงอาจารย์ทวดผมเอง จริงๆถึงจะไม่ใช่อาจารย์ทวดผม แต่ถ้าผมเคยอ่านมา ผมก็คงนำมาลงให้อ่านเหมือนกันว่า ท่านเขียนอย่างไร จะได้เข้าใจ ฝ่ายนึงบอกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจริง ฝ่ายนึงกล่าวว่าเกิดขึ้นจริง ก็ต้องดูเหตผล พยานหลักฐาน จะได้พิจรณาต่อได้ไงครับว่าเป็นอย่างไร จากคุณ : EZ2DJ - [ 7 ก.พ. 50 09:18:47 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ว่าจะไม่เข้ามาตอบแล้วนะครับ แต่ผมทนความหน้าด้านของพวกคุณไม่ไหวนะครับ แล้วยังมาสงสัยอีกว่าผมต้องการทำลายชื่อเสียงอะไรของพวกคุณอีก ทั้งที่ผมก็แค่มาแก้สิ่งบิดเบือนให้ถูกต้องเท่านั้นเอง ถ้าผมจะทำลายคุณผมไม่โม้ไปซะละครับว่าถูกตบหัวทิ่มบ้าง ตีลังกาหัวทิ่มบ้าง ถูกฟันศอกหน้าแหกบ้าง พอบอกว่าถ้าไม่เชื่อผมก็ไปถามด้วยตัวเองก็ไม่ยอมไป ให้ครูคุณพาคุณไปถามก็ไม่เอา ยังหาว่าผมมายุยงให้ทะเลาะกันอีก พวกคุณนี่มันยังไงกันนะ หลังจากนั้นสักพักก็มีแถลงการณ์จากครูคุณโผล่มาว่าไม่รับผิดชอบกับสิ่งที่คนอื่นโพสถ์ไม่เกี่ยวกับครูคุณ แต่.....คุณPGP ยืนยันเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับว่าสิ่งที่คุณรู้คือสิ่งที่ครูคุณรับทราบด้วย และบอกคุณมาอีกที คุณจึงเอาสิ่งที่คุณรับทราบมาเล่าอีกที จากคำพูดของคุณที่ว่า "ผมก็ยืนยันว่าผมมีข้อมูลตามนี้ จากการสอบถาม ครูแปรง ครูแหลม" เอาล่ะก่อนอื่นเลยนะครับหลังจากที่ผมดูคุณโกหกมานาน ผมจะบอกให้ว่าในวันนั้น อาจารย์หลี่ท่านคุยอะไรกับพวกคุณบ้าง ทุกๆท่านช่วยๆกันอ่านด้วยนะครับ วันนั้นที่พวกคุณมาก็เพราะพวกคุณต้องการให้อาจารย์หลี่พูดยืนยันว่า ครูทองเคยบอกกับอาจารย์หลี่ว่า ต่อไปจะให้ครูแปรงสืบทอดมวยไชยาเท่านั้นเอง เพราะครูแปรงท่านคงต้องการให้พวกลูกศิษย์ที่มาด้วยได้ยินจากปากอาจารย์หลี่ เพื่อยกฐานะของครูแปรงเท่านั้น ตอนนั้นมีปัญหากับกลุ่มครูเล็กใช่ไหมครับ จากนั้นก็เลยคุยกันถึงเรื่องคาถาอาคม เรื่องชาตรีหินเบา พวกคุณบอกอาจารย์หลี่ว่า พวกคุณเเรียนชาตรีหินเบามา แต่อาจารย์หลี่ท่านรกล่าวว่า ชาตรีหินเบาไม่มีใครชักเป็นแล้วในปัจจุบันนี้ นอกจากอาจารย์หลี่กับลูกอาจารย์บุญลืออีกสองคนรวมเป็นสามคนที่เป็น เมื่ออาจารย์หลี่กล่าวว่า ไม่มีใครเป็นพวกคุณก็ยังทำหน้าเสียกันแล้ว แล้วเลยคุยไปถึงเรื่องพิธีกรรม เช่นการรับมอบศิษย์ เป็นต้น ครูแหลมยังบอกเลยว่า ถ้าอีกหน่อยจะมาขอเรียนเกี่ยวกับเรื่องคาถา และพิธีกรรมต่างๆกับอาจารย์หลี่จะได้ไหม อาจารย์หลี่ท่านตอบกลับไปว่าได้ แล้วก็กลับมาคุยเรื่องสถานที่ฝึก อาจารย์หลี่บอกให้ไปที่สวนจัตุจักรดีกว่า เพราะที่กว้าง คนน้อย อากาศดี แล้วพวกคุณก็นัดกับอาจารย์หลี่ว่าจะไปหาอาจารย์ที่สวนจตุจักร แต่พอถึงวันจริงๆ ก็ไม่ไปกัน ก็แค่นี้เอง สิ่งที่ผมบอกคุณคราวนี้ก็ไม่รู้ว่าจะยืนยันในความโกหกหลอกลวงของคุณได้อีกหรือไม่นะครับ เพราะคุณยืนยันเหลือเกินนี่ครับว่าวันนั้นอาจารย์หลี่ท่านคุยเรื่องการสาธิตและเรื่องการป้องกันการชกอะไรนั้น ซึ่งในวันนั้นอาจารย์ท่านไม่ได้กล่าวถึงแม้แต่น้อย นี่คือคำยืนยันของคุณนะครับในกระทู้ 54 "ครูแปรงกล่าวถามเรื่องนี้จากอาจารย์ลี่ในวันนั้นที่ผมไปละครับ และยังโทรศัพท์ไปพูดคุยกับอาจารย์ลี่ทีหลังด้วยครับ เมื่อเหตุการณ์ที่บอร์ดมวยไชยา มันเริ่มบานปลายซึ่งทั้ง 2 ครั้ง ที่ครูแปรงถาม ครูแปรงก็ถามว่าอาจารย์จำได้มั้ยครับ ว่าเป็นอย่างไร ทั้งเรื่องสาธิตการแก้เตะ และสาธิตการแก้หมัด หากไม่ใช่อาจารย์ท่านคงแย้งให้ฟังแล้วครับ ว่าจำผิดหรือเปล่า และท่านก็ไม่ได้บอกเลยครับว่ามีการสาธิตการฟันศอก อาจารย์หลี่ก็ไม่ได้พูดตรงกับที่คุณบอกเลย ผมจึงต้องถามคุณตั้งแต่แรกว่า คุณรับฟังเรื่องนี้มาจากใครครับ โอเคครับผมผิดเองที่ไม่ได้คิดว่าเรื่องมันจะบานปลายขนาดนี้ไม่งั้นผมก็คงอัดเทปเอาไว้เรียบร้อยแล้วครับจะได้ไม่ต้องมานั่งเถียงกัน" และคุณยังยืนยันอีกหลายครั้ง เช่นในกระทู้ที่ 49 "เอาง่ายๆก่อนครับ อันดับแรก ผมขอถามครับเรื่องที่คุณ Abcdef นี่คุณฟังมาจากใครครับ เอาแค่นี้ก่อนครับ สำหรับตัวผมเอง เย็นนี้ผมกล้าสาบานจุดธูป 16 ดอก ปักในวัดว่าผมได้ยินเรื่องนี้มาจากครูแปรงและได้ฟังเรื่องนี้จากอาจารย์หลี่ ซึ่งทั้ง 2 คนพูดตรงกัน ผมฟังอยู่ในเหตุการณ์ที่ครูแปรงไปเยี่ยมอาจารย์หลี่วันนั้นครับ อาจารย์หลี่ยังถามเลยว่าใครพูดบิดเบือนครับ หาตัวมาให้หน่อย" และ ในกระทู้ที่ 27 "ก็ลองพิจรณาดูครับ และครั้งนั้นที่มีการตั้งกระทู้ที่บอร์ดของมวยไชยา กลุ่มครูแปรงรวมถึงผมเองก็ได้ไปพูดคุยกับอาจารย์ลี่ที่บ้านของท่าน ถึงเรื่องราวครั้งนี้ซึ่งผมก็ได้ยินมาแบบนี้ และท่านยังสอบถามถึงตัวการที่ตั้งใจยุแหย่ให้เกิดความแตกแยกด้วย คนที่อยู่ในเหตุการณ์ 2 ท่านกล่าวเหมือนกัน คนที่นำมาใส่สีตีไข่ สร้างความแตกแยกพึงสังวรด้วยนะครับ ว่าไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย" และกระทู้ที่ 59 ""วันนั้นกลุ่มผมเข้าไปเยี่ยมอาจารย์หลี่ก็ด้วยเรื่องที่ บอร์ดมวยไชยา เกิดเหตุการณ์การกล่าวอ้างเรื่องนี้แหละครับ ซึ่งกลุ่มผมได้ไปทำธุระที่ศูนย์เยาวชน ไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ก็ตั้งใจเข้าไปสอบถามเรื่องนี้กับอาจารย์หลี่เลย ถือโอกาสไปเยี่ยมท่านด้วย และเรื่องนี้ก็พูดกันตั้งแต่ต้นนะแหละครับ ก่อนจะมีการคุยเรื่อง ไสย์ศาสตร์ พิธีกรรม ซะอีก คงไม่จำเป็นต้องเข้าไปสอบถามอะไรกับอาจารย์หลี่อีกเพราะว่า วันนั้นเราก็ได้พูดคุยกันมาแล้ว" ซึ่งถ้าคุณอยากจะแก้ตัวคุณกรุณาเล่าในสิ่งที่คุณถามอาจารย์หลี่ในวันนั้นตั้งแต่ต้นด้วย ผมจึงอยากจะขอสาบานบ้างนะครับว่าถ้าสิ่งที่ผมพูดมันไม่จริง โกหกหลอกลวงผู้อื่นเพื่อให้คุณเสียหายก็ขอให้ผมฉิบหายโดยเร็วนะครับ แต่ถ้าสิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องจริงไม่ได้เสริมแต่งใดๆก็ขอให้คนที่มันโกหกหลอกลวงเรื่องราวต่างๆให้บิดเบือนจากความเป็นจริง ขอให้ฉิบหายโดยเร็ว ทำอะไรก็ไม่เจริญ ไม่ว่าจะประกอบการใดก็ขอให้ล้มเหลวพินาศทุกอย่างสิ้นเนื้อประดาตัวมีแต่คนรังเกียจไปไหนมีแต่คนขับไล่ใสส่งไม่มีความเจริญในชีวิต ขอให้ชีวิตมีแต่เรื่องอัปปรีย์[^_^]ด้วยเถอะ ผมคงไม่ต้องไปจุดธูปเป็นโหลๆนะครับ เพื่อยืนยันว่าผมไม่ได้โกหก ในเมื่อผมได้ยินมาเช่นนี้แล้วคุณยังไม่เชื่อและยังโกหกให้คนอื่นเชื่อคุณทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องจริง ผมท้าคุณให้ไปถามอาจารย์หลี่ต่อหน้าอาจารย์หลี่เลยนะครับ ชวนครูของคุณไปด้วยก็ได้ครับหรือจะไปเงียบๆ แล้วถามให้ทราบว่าอะไรเป็นอะไร และเมื่อทราบความจริงแล้วก็กรุณามาแก้ไขให้เป็นเรื่องที่ตรงกับความจริงด้วย ผมนะไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย แต่ผมทนไม่ได้ที่สิ่งที่ผมรับรู้มาต้องถูกบิดเบือนไปเป็นอีกเรื่อง ถ้าคุณพูดตรงความจริงคุณจะมาเดือนร้อนจนวันนี้หรือไม่ จากคุณ : abcdefg - [ 7 ก.พ. 50 09:36:24 A:192.168.0.31 X:58.136.52.178 TicketID:031958 ]

ความคิดเห็นที่ 72 โอย... เรื่องเป็นอย่างไรกันแน่ครับเนี่ย ยิ่งมายิ่งซับซ้อนเข้าทุกที ยังไงผมก็ยังตามอ่านอยู่นะครับ คิดว่าคงมีคนอ่านอยู่หลายคนเหมือนกัน แต่คงไม่กล้าแสดงความเห็น เนื่องจากไม่ใช่ศิษย์ทั้งสองสำนัก จากคุณ : ปูเสฉวน - [ 7 ก.พ. 50 11:18:45 A:125.24.225.212 X: TicketID:134540 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ณ.วันนี้ ทุกท่านในเหตุการยังอยู่ สามารถสอมถามความจริงกันได้ เรื่องยังเลอะเทอะได้ขนาดเอามาเถียงกันเป็นหน้าๆได้ ถ้าปล่อยผ่านไปอีก 20-30 ปีจะเป็นไงเนี้ย ความจริงจะไปตกที่ไหนความจริงจะเป็นของความจริงหรือของใคร คนรุ่นหลังจะไปเอาหลักเอาฐานมาจากไหนมาค้นหาความจริง ดีไม่ดีก็อาจจะได้นิทานหลอกเด็กเรื่องใหม่ผุดขึ้นมาอีก ใครจะไปรู้ จากคุณ : + __ + - [ 7 ก.พ. 50 11:41:28 A:125.24.9.1 X: TicketID:116956 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เขียนกันมายืดยาว มันก็วกๆอยู่ที่เรื่องเดิมๆครับ เอาแบบนี้ดีกว่าครับ ผมเขียนในสิ่งที่ผมรู้และทราบแล้ว จากการสอบถามครูแปรง ครูแหลม คุณก็เขียนในสิ่งที่คุณรู้และทราบ (ขอถามอีกสักครั้ง ใครหรือที่เล่าให้คุณฟัง) ผมก็ยืนยันว่าความจริงของผมเป็นแบบนี้ คุณก็ยืนยันความจริงของคุณว่าเป็นแบบของคุณ ก็จบครับ ผมเชื่อของผม คุณเชื่อของคุณ ไม่ต้องนั่งเถียงอะไรกันอีกมากมาย ใครอยากจะเชื่อใครก็พิจรณาเอาเอง แค่นั้นเองครับ ก็จบเรื่องแค่นี้ ไม่ต้องนั่งถามตอบกันอีกยาว  เอาเวลาไปนั่งพิมพ์ปริทัศน์มวยไทยมาให้อ่าน น่าจะมีประโยชน์กว่านี้ครับ ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 50 12:09:07 จากคุณ : EZ2DJ - [ 7 ก.พ. 50 12:01:33 ]

ความคิดเห็นที่ 75 คำถาม ...." ขอถามอีกสักครั้ง ใครหรือที่เล่าให้คุณฟัง " คำตอบ 1. " เนื่องด้วยผมได้เข้าไปสอบถามกับอาจารย์ลีด้วยตนเองเมื่อวาน..... " 2. " ส่วนที่ผมที่ได้ยินมาจากอาจารย์หลี่ก็ตามแบบที่คุณ abcdefg ว่ามาน่ะครับ กี่ๆรอบก็ได้ยินแบบนั้นตลอด " ความจริงมีแบบเดียวก็พอครับ เรื่องเดียวกันจะให้มี2แบบ มีความจริงมีแบบของคุณและของผม แล้วมันจะเป็นเรื่องจริงได้ยังไง ...งง จบ ....สวัสดีครับ จากคุณ : + __ + - [ 7 ก.พ. 50 13:13:46 A:125.24.28.135 X: TicketID:116956 ]

ความคิดเห็นที่ 76 คนวงการ เดียวกัน ครูบาอาจารย์ ก็ ต่างรุ้จัก เคารพ ซึ่งกันและกัน เอาเรื่องภายใน มา ทะเลาะเบาะแว้งกัน ในที่ ประหนึ่ง ที่สาธารณะ อายเด็กเมื่อวานซืน คนนอก ที่ไม่เกี่ยวข้อง มั่งไหมน่ะ คนกันเอง ทำไม่ ไม่นัดกัน ไปพูดคุยเป็นการภายใน เสียที อาจารย์ อบรมสั่งสอนมา ใครจะด่าผมก็เชิญ  ผม พูด ในฐานะคนนอก เท่าที่รู้เห็น จากคุณ : Humandroy - [ 7 ก.พ. 50 13:26:51 ]

ความคิดเห็นที่ 77 คำถาม ...." ขอถามอีกสักครั้ง ใครหรือที่เล่าให้คุณฟัง " คำตอบ 1. " เนื่องด้วยผมได้เข้าไปสอบถามกับอาจารย์ลีด้วยตนเองเมื่อวาน..... " 2. " ส่วนที่ผมที่ได้ยินมาจากอาจารย์หลี่ก็ตามแบบที่คุณ abcdefg ว่ามาน่ะครับ กี่ๆรอบก็ได้ยินแบบนั้นตลอด " ความจริงมีแบบเดียวก็พอครับ เรื่องเดียวกันจะให้มี2แบบ มีความจริงมีแบบของคุณและของผม แล้วมันจะเป็นเรื่องจริงได้ยังไง ...งง จบ ....สวัสดีครับ -*- -*- ขอโทษทีครับ พอดีผมอ่านผ่าน ความเห็น 66 มานะครับ จังหวะนั้นเขียนตอบพอดี พอจะมาอ่านต่อก็เลยข้ามมาเลย ขอบคุณที่ตอบครับให้ครับ เนื่องจากว่า คุณ abcdefg ไม่ได้ตอบผมสักที ว่าใครเล่าให้ฟัง แม้กระทั่งที่เข้าไปหาอาจารย์ลี่ ท่านก็บอกเพียง กล่าวถึงเรื่องอดีตย่อมมีผู้เสียหาย ซึ่งแสดงว่าท่านไม่ได้เป็นคนเล่าเรื่องที่คุณ abcdefg เล่ามาที่ คห. 45 แต่หากคุณ + __ +  กล่าวว่าได้ยินเรื่องนี้มาจากอาจารย์หลี่ ก็โอเคครับ ตอบคำถามผมพอดี ขอบคุณมากครับ ขอบคุณ คุณ Humandroy ครับ จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ควรเอามาพูดในที่สาธารณะอย่างที่บอกแหละครับ เพียงแต่มีการกล่าวในที่สาธารณะ ก็เลยต้องแก้ไขกันในที่สาธารณะก่อนนะครับ ขออภัยที่ทำให้รกบอร์ดขึ้นครับ แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 50 13:49:48 จากคุณ : EZ2DJ - [ 7 ก.พ. 50 13:46:45 ]

ความคิดเห็นที่ 78 งงครับ  สรุป ตอนนี้มี3คนที่ฟังจากอาจารย์หลี่มา คือคุณEZ2DJ,+ __ +,abcdefg แต่ทำไมเนื้อความดันไม่ตรงกันอ่ะครับ ถึงผมเป็นคนนอกแต่อยากถามนะครับ ว่าช่วงหลังๆ คุณEZ2DJเวลาอ้างอิงจะบอกว่าได้ยินมาจาก"ครูแปรง ครูแหลม" ซึ่งต่างจากช่วงแรกที่อ้างอิงว่่าได้ยินมาจากอาจารย์หลี่ด้วย หลังจากที่ึคุณabcdef บอกว่าไปถามอาจารย์หลี่มาแล้ว คือ ผมขอถามคุณEZ2DJได้ยินเรื่องนี้จากปากอาจารย์หลี่ด้วยตัวเองใช่ปล่าวครับ ผมถามข้อเดียวแหละครับ     ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 50 03:44:27 จากคุณ : Super pippo - [ 8 ก.พ. 50 03:43:08 ]

ความคิดเห็นที่ 79 เรื่องนี้ถ้าเชื่อตามที่ตาEZ2DJ กับพวกแต่งขึ้น อาจารย์หลี่ ก็ไม่ได้เสียหายแต่อย่างไรและกลุ่มพวกทุเรียนปลาร้าก็ไม่เสียหายเหมือนกัน แต่ถ้าขืนปล่อยให้คนอ่านเชื่อตามความจริงที่ตาabcdefgเล่ามา กลุ่มทุเรียนปลาร้าเจ้าเก่าจะต้องเหม็นหึ่งโชยกลิ่นไปทั่วแน่ จึงกลายเป็นชะงักติดหลังมาตลอด แล้วใครจะกล้ายอมรับความจริงตามที่ตาabcdefgเล่ามาครับ ก็ต้องยืนกรานแบบกระต่ายขาเดียวตามหลักคนหัวหมอและมีวิชามารที่ได้ถูกกรอกฝังเจาะลึกเข้าไปอยู่ในกมลสันดานของกลุ่มทุเรียนปลาร้าด้วยกัน ความจริงแล้วเรื่องนี้น่าจะยกผลประโยชน์ให้แก่กลุ่มทุเรียนปลาร้าเป็นการเอาบุญ ยอมเออออห่อหมกไปตามตาEZ2DJจะได้ไม่ไปทุบหม้อข้าวหม้อแกงของกลุ่มทุเรียนปลาร้าเขา และไม่ไปทำลายความอยากเด่นแบบMonopyของกลุ่มทุเรียนปลาร้าด้วย จะได้เป็นไปตามนโยบายสมานฉันท์ที่กำลังฮิตอยู่ในสังคมทุกวันนี้ แต่ที่ตาabcdefgไม่ยอมสมานฉันท์ด้วย สาเหตุก็เกิดจากกลุ่มทุเรียนปลาร้าเองนั่นแหละ ที่พยายามชักตำนานสร้างภาพให้กับกลุ่มของตัวเอง แต่งนิยายน้ำเน่าออกสู่สังคม ลอกเลียนแบบวิชาอื่นนำมาผสมกับของตนแล้วหวนกลับมากล่าวหาคนอื่นว่าลอกเลียนแบบวิชาของตน ยกความดีใส่ตนความชั่วปัดให้ผู้อื่นแม้ศิษย์ครูเดียวกันก็ไม่ละ เคยคิดนำมรดกของชาติที่สืบสานมาจากบรรพบุรุษมานับร้อยปีไปจดลิขสิทธิ์เป็นของตนแบบอย่างหนาตราช้าง ถ่มน้ำลายรดฟ้า ทำตัวผิดเพศที่บรรพชนให้มาอย่างไม่ระอายใจ ที่พูดมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกมากที่ทุเรียนปลาร้าได้สร้างวีรกรรมไว้ เสร็จจากภาระกิจเมื่อไหร่ค่อยมาเหลาต่อ และนี่แหละที่เป็นสาเหตุที่ทางตาabcdefgต้องลุกขึ้นมายกความจริงขึ้นมาตีแผ่เพื่อให้สังคมได้รับรู้ ทั้งๆที่ไม่อยากกระทำเช่นนี้มาก่อน จะได้ไม่กลายเป็นตำนานอันลวงโลกในภายภาคหน้า จากคุณ : สมรักษ์ (K.D.C) - [ 8 ก.พ. 50 09:36:06 ]

ความคิดเห็นที่ 80 คุณ PGP ประเด็นของผมคือ ท่านไม่ได้เล่าเรื่องในอดีตที่เป็นประเด็นในวันที่คุณมาเยี่ยม คุณยืนยันไหมละครับว่าวันนั้นท่านเล่าเรื่องเหตุการทั้ง 2 หรือ คุณจะแย้งว่าที่ผมเล่ามาว่าวันนั้นพวกคุณคุยอะไรกับท่านนั้นผิดก็ได้ แต่จริงๆแล้วผมคงไม่ต้องถามอะไรคุณก็แสดงหลักฐานมาอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าคุณยืนยันว่าวันนั้นคุยกันเรื่องนี้ คุณสาบานไปแล้วด้วยนี่นะ กระทู้ที่ 49 "เอาง่ายๆก่อนครับ อันดับแรก ผมขอถามครับเรื่องที่คุณ Abcdef นี่คุณฟังมาจากใครครับ เอาแค่นี้ก่อนครับ สำหรับตัวผมเอง เย็นนี้ผมกล้าสาบานจุดธูป 16 ดอก ปักในวัดว่าผมได้ยินเรื่องนี้มาจากครูแปรงและได้ฟังเรื่องนี้จากอาจารย์หลี่ ซึ่งทั้ง 2 คนพูดตรงกัน ผมฟังอยู่ในเหตุการณ์ที่ครูแปรงไปเยี่ยมอาจารย์หลี่วันนั้นครับ อาจารย์หลี่ยังถามเลยว่าใครพูดบิดเบือนครับ หาตัวมาให้หน่อย" ในกระทู้ที่ 27 "ก็ลองพิจรณาดูครับ และครั้งนั้นที่มีการตั้งกระทู้ที่บอร์ดของมวยไชยา กลุ่มครูแปรงรวมถึงผมเองก็ได้ไปพูดคุยกับอาจารย์ลี่ที่บ้านของท่าน ถึงเรื่องราวครั้งนี้ซึ่งผมก็ได้ยินมาแบบนี้ และท่านยังสอบถามถึงตัวการที่ตั้งใจยุแหย่ให้เกิดความแตกแยกด้วย คนที่อยู่ในเหตุการณ์ 2 ท่านกล่าวเหมือนกัน คนที่นำมาใส่สีตีไข่ สร้างความแตกแยกพึงสังวรด้วยนะครับ ว่าไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย" กระทู้ที่ 59 ""วันนั้นกลุ่มผมเข้าไปเยี่ยมอาจารย์หลี่ก็ด้วยเรื่องที่ บอร์ดมวยไชยา เกิดเหตุการณ์การกล่าวอ้างเรื่องนี้แหละครับ ซึ่งกลุ่มผมได้ไปทำธุระที่ศูนย์เยาวชน ไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ก็ตั้งใจเข้าไปสอบถามเรื่องนี้กับอาจารย์หลี่เลย ถือโอกาสไปเยี่ยมท่านด้วย และเรื่องนี้ก็พูดกันตั้งแต่ต้นนะแหละครับ ก่อนจะมีการคุยเรื่อง ไสย์ศาสตร์ พิธีกรรม ซะอีก คงไม่จำเป็นต้องเข้าไปสอบถามอะไรกับอาจารย์หลี่อีกเพราะว่า วันนั้นเราก็ได้พูดคุยกันมาแล้ว" แหมสุดยอดจริงๆเลยครับ ยืนยันกันขนาดนี้ นี่ถ้าเป็นการจับการโกหก ถ้าจับได้ขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมรับอีก ก็ไม่รู้จะเรียกว่าไงดีนะครับหรือ แต่คุณจะมายืนยันอีกทีชัดๆก็ได้นะครับว่าวันนั้นได้คุยกันเรื่องนี้จริงๆ งั้นก็ลองยกคำพูดมาหน่อยสิครับ ว่าคุยกันเรื่องนี้อย่างไร แต่อย่างน้อยผมก็สรุปได้ว่าครูแปรงทราบเรื่องและยีนยันกับคุณด้วยว่าวันนั้นคุยกันเรื่องนี้จริงๆ เพื่อผมว่างผมจะได้เข้าไปถามอาจารย์หลี่ท่านอีกครั้งว่าวันนั้นพวกคุณคุยกันในเรื่องทั้ง 2 นี้จริงๆตามที่คุณเล่า ส่วนคุณHumandroy ขอบคุณที่อุตสาห์ลิงค์แถลงการณ์ครูแปรงมาแปะไว้ http://www.muaychaiya.com/forums/index.php?act=ST&f=1&t=340&s=387764d9bbf55e0913d6fcb4199f726f เนื้อความดังนี้ "เนื่องจากมีการกล่าวหาว่า ครูแปรง หรือคณะ ได้ทำการยุยง หรือส่งเสริม ให้ศิษย์เข้าไปกระทำการล่วงเกินใด ๆ ในเวบอื่น ๆ นั้น ครูแปรง ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่ประการใด ครูแปรง ก็ไม่เข้ามาเขียนในเวบบอร์ดทั้งเวบมวยไชยาเอง หรือเวบที่ใด และไม่ส่งเสริมให้ศิษย์ ไปกระทำการล่วงเกินผู้ใดเลย นอกจากเผยแพร่ความรู้ และอนุรักษ์ ศิลปะมวยไทย เท่านั้น หากจะมีการเข้าไปก้าวล่วง กระทบกระทั่งกันในเวบต่าง ๆ โดยผู้ใด ชื่อใด ครูแปรง ไม่ขอรับผิดชอบ การกระทำอันเกิดจากผู้ใช้นามแฝงนั้น ๆ เพราะไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าเป็นการกระทำของใคร มีวัตถุประสงค์อะไร จึงไม่ขอรับผิดชอบ และหากศิษย์คนใด กระทำให้เสื่อมเสียต่อตัวครู คนผู้นั้นย่อมไม่ใช่ศิษย์ในโอวาทของครู แต่ประการใด เพราะได้บอกศิษย์ทุกคนให้ทราบโดยทั่วกันแล้ว ถึงบทบาทในการดำเนินงานของ ศูนย์ศึกษาฯ และ ครูแปรง ไม่ต้องการให้เกิดข้อวิวาท หรือความขัดแย้ง และจะไม่ขอรับผิดชอบในสิ่งที่ตนไม่ได้ทำแต่ประการใด จึงแจ้งมาเพื่อทราบ " ดังนั้นสรุปแล้วคุณ PGP จะยืนยันตนเองอีกครั้งได้ไหมว่าทุกอย่างที่คุณกล่าวถึงคุณได้ยินได้ฟังมาจากครูแปรง จริงๆ ไม่ได้แต่งเติมให้ครูแปรงต้องเสื่อมเสีย ดูสิ คุณHumandroy เขาอุตสาห์หวังดี นำลิงค์นี้ไปแปะไว้ทั่วไปหมด เขาหวังดีต่อคุณจริงๆนะเนี่ย นี่ก็หมายความว่าถ้าครูแปรงท่านไม่รู้เรื่องกับคุณ คุณก็นำปัญหาไปให้ครูคุณซะแล้วนะดังนั้นคุณต้องยืนยันนะว่าคุณไม่ได้แต่งเติมเรื่องขึ้นมาและได้ยินได้ฟังจากครูของคุณจริงๆม่ายงั้นผมไม่รู้เรื่องด้วยนะเอ้า สำหรับเรื่องเหตุการณ์ทั้ง 2 บอกตรงๆนะ เมื่อคุณกับผมต่างก็ยืนยันว่าข้อมูลของตนเองถูกต้อง จะให้ต่างคนต่างเชื่อก็ไม่ยาก แต่จริงๆแล้วมันต้องมีเรื่องใดเรื่องนึงที่ถูกต้องจริงๆ และต้องมีอีกเรื่องที่แต่งแต้มขึ้น ดังนั้นผมยอมรับไม่ได้หรอกว่าจะให้ต่างคนต่างเชื่อในเมื่อเรื่องจริงก็ควรจะเป็นเรื่องเดียวเท่านั้น เพราะอีกหน่อยพวกคุณก็จะต้องเล่าเรื่องนี้ต่อไปอีกนานแสนนานซึ่งมันก็จะบิดเบือนไปเรื่อยๆ ลองคิดดูแล้วกัน ล้มหงายหลังธรรมดายังกลายเป็นล้มลงด้วยท่าครูได้เลย อีกหน่อยคงกลายเป็นตีลังกากลับหลัง 3 ตลบ แล้วควงสว่านอีก3 รอบแล้วค่อยลงมาจรดท่าครู มันก็เหมือนกับเรื่อง ที่มีคนเล่าว่า ครูแปรงโดนตบหัวทิ่มเข้าโรงพยาบาลนั้นแหละครับ คุณยอมให้มีเรื่องเล่าแบบนั้นไหมล่ะครับ (ไม่ยอมอยู่แล้วล่ะสิ) ดังนั้นถ้าคุณยังยืนยันว่าใครเชื่ออะไรก็เชื่อไปได้ งั้นคนที่บอกว่าครูแปรงโดนตบหัวทิ่มก็ถูกต้องด้วยงั้นสิครับ กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องจริงใช่ไหมครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีผมจะได้ไม่ต้องมาช่วยแก้ข่าวให้พวกคุณเอาเป็นว่าทุกคนเชื่อกันได้นะครับว่าครูแปรงท่านเคยถุกตบหัวทิ่มจริงๆ สำหรับที่คุณ PGP ถามผมว่าผมถามมาจากใคร ผมบอกได้แค่ว่าเป็นแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือครับ จากคุณ : abcdefg - [ 8 ก.พ. 50 10:01:36 A:192.168.0.31 X:58.136.52.104 TicketID:031958 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ตอบคุณ super pipo ก่อนนะครับ ที่ผมกล่าวเช่นนั้นเพราะวันที่ผมไปหาท่านกับครู ครูท่านก็ถามถึงเรื่องเหตุการณ์นี้เช่นกันและว่ามีการสาธิตทั้ง 2 อย่าง อาจารย์จำได้ไหมครับ มีการถามทวนเรื่องนี้ครับ ซึ่งอาจารย์ท่านก็ไม่ได้แย้งแต่อย่างใดครับ รวมถึงครั้งที่ครูโทรไปหาท่านด้วย แต่โอเคครับหากบอกว่า ท่านไม่ได้เล่าเรื่องให้ผมฟัง อันนี้ผมก็ยอมรับครับ คุณ สมรักษ์ ครับ จริงๆคุณน่าจะคิดกลับกันมาว่าผมต่างหากนะๆ ที่ไม่อยากให้ตำนานมันผิดเพี้ยนไป ถามหน่อยครับ ลองคิดนึดนึง ถ้าเป็นอย่างที่คุณ ABC เล่ามาให้ฟัง กลุ่มผมมีอะไรเสียหายหรือครับที่เคยมี ครูมวยท่านนึงมาสาธิตทำให้เด็กฝึกมวยล้ม และ มีการสาธิตการฟันศอกแล้วฟันศอก มาติดที่มือเนี่ย มีอะไรเสียหายหรือ ไม่มีเลย แต่แค่ว่า เรื่องที่ทราบมามันไม่ตรงกัน และ ผมก็เห็นมันมีหลากหลายเวอร์ชั่นเหลือเกินที่ออกมาเนี่ย แถมยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่น่าจะเป็นความจริงอีก ก็เลยอยากให้มันกระจ่างไงครับ เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าตำนานนี้คุณจะเล่ากันต่อไปอีกขนาดไหน และอีกหลายๆอย่างที่คุณว่าทางกลุ่มผมมา ก็ไม่ขอรับครับ เชิญนำกลับคืนเถอะครับ คุณ ABC รู้แต่ว่าผมเล่าทุกครั้ง ทั้งที่รุ่นพี่เล่าให้ฟัง และครูแปรงเล่าให้ฟัง ก็มีแค่นี้และผมเล่าทุกครั้งก็ตรงกันทุกครั้งละครับ ไม่มีเวอร์ชั่นอื่นแต่อย่างใด ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ผมไปล้มนักมวยฝึกใหม่ๆ แล้วอีกสัก 10 ปีเค้าเป็นแชมป์มวย K-1 ผมต้องออกมาเล่าให้ลูกศิษย์(สมมุติว่าสอนมวย)ผมฟังมั้ยครับว่าแชมป์คนนี้นะครู สู้กับเค้าน็อคเค้ามาแล้ว ผมว่าผมทำอย่างนี้ผมคงจะอายตัวเองไม่น้อยละ แต่ลูกศิษย์ผมก็อาจจะเชื่อและเล่ากันต่อไปก็ได้นะ แต่ผมภูมิใจมั้ย ผมคงไม่ภูมิใจ ล้มลงด้วยท่าครู คุณรู้จักท่าครูมวยไชยาหรือเปล่า ท่ารู้จักคุณนอนลงแล้วจดท่าครูนะ คุณจะรู้ว่าล้มด้วยท่าครูเป็นยังไง และยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอย่างอื่นเช่นคุณบอกว่ามวยไชยาไม่รับด้วยมือจนมาคุยกับอาจารย์หลี่ถึงได้รับด้วยมือ เอาแค่ตรงนี้ผมว่า ผมตอบคุณด้านบนไปแล้วว่ามันเป็นอย่างไร คนเรามันอยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะเชื่ออยู่แล้วครับ ไม่งั้นจะมีนิทานตาแป๊ะไหว้พระจันทร์หรือครับ สิ่งสำคัญคือเหตุผล หลักฐาน และ พยาน ครับที่จะยืนยันว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องจริงครับ คน 2 คนพูดไม่ตรงกันย่อมมีฝ่ายใด ฝ่ายนึงพูดเท็จ ไม่อย่างนั้นก็พูดเท็จทั้งคู่ ที่ผมถามคุณ ABC เนื่องจากผมอยากรู้ว่าคุณได้ฟังจากแหล่งข่าวน่าเชื่อถือขนาดไหนครับ ผมได้ฟังจากครูแปรงเองครับ ถ้าคุณบอกว่าคุณได้ฟังมาจากคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ผมก็ย่อมเชื่อถือคนอยู่ในเหตุการณ์มากกว่า ถ้าคุณบอกว่าฟังมาจากอาจารย์หลี่ ซึ่งตอนนี้โอเคคุณ +____+ บอกผมแล้วว่าฟังเรื่องราวแบบนี้มาจากอาจารย์หลี่ ถ้าอย่างนั้นผมเองคงไม่จำเป็นต้องไปถามอาจารย์หลี่อีก เพราะท่านคงไม่เล่าบิดเบือนไปจากที่เคยเล่าหรอกครับ ถ้าอย่างนั้น ก็เชื่อถือกันได้ 50-50 จากที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งคู่และน่าจะรู้ดีที่สุดครับ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมาดูถึงพยานหลักฐานต่อว่า วันนั้นใครอยู่ที่นั่นบ้าง และท่านเหล่านั้นพูดถึงเหตุการณ์นี้อย่างไรถูกต้องมั้ยครับ ผมมีข้อมูลจากอีก 2 ท่านที่อยู่ในวันนั้นที่เล่าตรงกับทางครูแปรง ฉะนั้นตอนนี้ผมขอเชื่อในฝั่งของตัวผมเองไปจนกว่าจะมีหลักฐานมาหักล้างละกันนะครับ และถ้าคุณ ABC อยากเจอสอบถามกับ ทั้ง 2 ท่านผมก็พาไปได้นะครับ ในกระทู้นี้ผมคงไม่มาคุยกับคุณอีก ตอนนี้ผมเข้าใจเรื่องราวแล้วว่าเป็นเช่นไร และผมเขียนในสิ่งที่ผมต้องเขียนไปหมดแล้ว คงไม่จำเป็นต้องเพิ่มความเห็นอื่นๆอีก ที่เหลือก็แค่ คนอ่านได้พิจราณาเหตุและผล พยาน หลักฐาน เท่านั้นแหละครับ ขอบคุณครับ และก็ขออภัยที่ทำให้เสียเนื้อที่บอร์ดไปเปล่าๆ แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 50 12:48:37 จากคุณ : EZ2DJ - [ 8 ก.พ. 50 12:10:29 ]

ความคิดเห็นที่ 82 พอดีมีข้อความจากรุ่นพี่ที่นับถือฝากมาดพสถืนะครับเดี๋ยวค่อยตอบกระทู้คุณ PGP ต่อทีหลังนะครับ ข้อความมีรายละเอียดดังนี้ครับ จากประกาศของครูของคุณ PGP ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า การกระทำใดๆของคุณได้กระทำโดยพละการ และครูแปรงก็ไม่รับผิดชอบการต่อโพสต์ของคุณด้วย ดังนี้เรื่องของคุณจะน่าเชื่อถือเพียงใด เพราะแม้แต่ครู และศิษย์ร่วมสำนักคุณยังตัดหางปล่อยวัดไม่ยอมรับ เช่นดังประกาศของครูแปรง ขออ้างอิงประกาศจากครูแปรงสักหน่อย "หากจะมีการเข้าไปก้าวล่วง กระทบกระทั่งกันในเวบต่าง ๆ โดยผู้ใด ชื่อใด ครูแปรง ไม่ขอรับผิดชอบ การกระทำอันเกิดจากผู้ใช้นามแฝงนั้น ๆ เพราะไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าเป็นการกระทำของใคร มีวัตถุประสงค์อะไร จึงไม่ขอรับผิดชอบ และหากศิษย์คนใด กระทำให้เสื่อมเสียต่อตัวครู คนผู้นั้นย่อมไม่ใช่ศิษย์ในโอวาทของครู แต่ประการใด เพราะได้บอกศิษย์ทุกคนให้ทราบโดยทั่วกันแล้ว ถึงบทบาทในการดำเนินงานของ ศูนย์ศึกษาฯ " และขอถามหน่อยว่า 1.การกระทำของคุณเข้าข่าย "หากจะมีการเข้าไปก้าวล่วง กระทบกระทั่งกันในเวบต่าง ๆ โดยผู้ใด ชื่อใด" หรือไม่ ? 2.การที่คุณทำอยู่นี้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกระทบกระทั่งกัน ซึ่งจะบานปลาย มีทำลายความสัมพันธ์อันดีต่อสำนักทั้งสองใช่หรือไม่ ? และเข้าข่าย " และหากศิษย์คนใด กระทำให้เสื่อมเสียต่อตัวครู คนผู้นั้นย่อมไม่ใช่ศิษย์ในโอวาทของครู แต่ประการใด" หรือไม่? ดังนั้นผมคงสรุปได้ว่าการกระทำของคุณ คุณทำแต่ลำพังผู้เดียว ไม่มีผู้ใดอยู่เบื้องหลัง และมีเจตานาอย่างร้ายกาจที่จงใจสร้างความแตกแยกกับทั้ง 2 สำนัก ในเมื่อเป็นอย่างนี้คุณจะรับผิดชอบอย่างไร และขอให้ทราบไว้ด้วยว่าเมื่อคุณอยากจะมีเรื่องขึ้นมาอย่างนี้แล้ว จะมาให้เออออจบๆกันไป หรือปิดกระทู้หนีดังที่คุณๆเคยทำมาแล้วคงเป็นไปได้ยาก !!! จากคุณ : abcdefg - [ 8 ก.พ. 50 13:02:45 A:192.168.0.31 X:58.136.52.104 TicketID:031958 ]

ความคิดเห็นที่ 83 อ่อ เป็นยังไงละครับแล้วก็ต้องยอมรับออกมาจนได้นะครับว่าวันนั้นท่านอาจารย์หลี่กับครูของคุณไม่ได้กล่าวถึงเรื่องในเหตุการณ์วันนั้น จากกระทู้ล่าสุด กระทู้ที่ 81 "ตอบคุณ super pipo ก่อนนะครับ ที่ผมกล่าวเช่นนั้นเพราะวันที่ผมไปหาท่านกับครู ครูท่านก็ถามถึงเรื่องเหตุการณ์นี้เช่นกันและว่ามีการสาธิตทั้ง 2 อย่าง อาจารย์จำได้ไหมครับ มีการถามทวนเรื่องนี้ครับ ซึ่งอาจารย์ท่านก็ไม่ได้แย้งแต่อย่างใดครับ รวมถึงครั้งที่ครูโทรไปหาท่านด้วย แต่โอเคครับหากบอกว่า ท่านไม่ได้เล่าเรื่องให้ผมฟัง อันนี้ผมก็ยอมรับครับ" แล้วทำยังไรต่อไปละครับสาบานไปตั้งเยอะตั้งแยะแล้วนะครับ มากลับคำเอาตอนหลังระวังคำที่สาบานไว้นะครับ ของมันจะเข้าตัวเอานะคุณ ตกลงที่ผ่านๆมานี่โกหกไปกี่ครั้งแล้วล่ะครับ ส่วนที่คุณกล่าวกับคุณสมรักษ์ว่า".... ครูมวยท่านนึงมาสาธิตทำให้เด็กฝึกมวยล้ม และ มีการสาธิตการฟันศอกแล้วฟันศอก มาติดที่มือเนี่ย มีอะไรเสียหายหรือ ไม่มีเลย แต่แค่ว่า เรื่องที่ทราบมามันไม่ตรงกัน และ ผมก็เห็นมันมีหลากหลายเวอร์ชั่นเหลือเกินที่ออกมาเนี่ย แถมยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่น่าจะเป็นความจริงอีก ก็เลยอยากให้มันกระจ่างไงครับ" ผมก็อยากให้มันกระจ่างเหมือนกันนะครับเพราะบิดเบือนมานานหลายปีแล้ว ไม่งั้นผมจะออกมาเถียงคุณให้เสียเวลาทำมาหากินทำไมล่ะครับ ปล่อยไว้มีหวังบิดเบือนอีกนาน ก็คิดดูนะครับ แค่เรื่องวันที่พวกคุณมาเยี่ยมคุณยังโกหกได้เนียนขนาดมีการสาบถสาบาน มีจุดธูป 16 ดอกอะไรนั่นอีก แล้วอย่างนี้ผมจะไปเชื่อได้ไงครับว่าคุณจะไม่โกหกในเรื่องอื่นๆหรือชอบบิดเบือนจนเป็นนิสัยครับ แล้วที่คุณกล่าวบ่อยๆเสมอว่า ครูแปรงท่านเป็นนักมวยหน้าใหม่ พึ่งฝึกหัดมวยไทยมาไม่นาน เช่นที่คุณกล่าวไว้ดังนี้ คห.59 "ไม่เข้าใจเลยจริงๆ เรื่องของครูมวยที่สาธิตสอนให้ความรู้เด็กฝึกมวยคนนึง" คห.ที่ 52 "เป็นเพียงการสาธิตจากครูผู้ใหญ่ผู้นึง สาธิตให้กับผู้ฝึกใหม่คนหนึ่งเท่านั้นเอง " คห.22 "บ้างกล่าวว่าครูแปรงลองของอาจารย์ลี่บ้าง ลองคิดถึงคนที่เพิ่งฝึกมวย 3-4 เดือนและได้เจอครูมวยที่จะสาธิตวิชาให้ดู " คห.81 "ครูมวยท่านนึงมาสาธิตทำให้เด็กฝึกมวยล้ม " คห.81 "ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ผมไปล้มนักมวยฝึกใหม่ๆ แล้วอีกสัก 10 ปีเค้าเป็นแชมป์มวย K-1 ผมต้องออกมาเล่าให้ลูกศิษย์(สมมุติว่าสอนมวย)ผมฟังมั้ยครับว่าแชมป์คนนี้นะครู สู้กับเค้าน็อคเค้ามาแล้ว ผมว่าผมทำอย่างนี้ผมคงจะอายตัวเองไม่น้อยละ แต่ลูกศิษย์ผมก็อาจจะเชื่อและเล่ากันต่อไปก็ได้นะ แต่ผมภูมิใจมั้ย ผมคงไม่ภูมิใจ" แต่คุณจำได้ไหมครับคุณเคยบอกไว้ในในกระทู้http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S5024790/S5024790.html ในความความเห็นที่ 22 ดังนี้ "ครูของผมเองก็เป็นนักมวยไทยมาก่อนครับ เคยขึ้นทั้งเวทีมหาลัยและเวทีทั่วไปก็เคยขึ้นครับ ก่อนมาฝึกมวยไชยา ทำไมท่านถึงมาฝึกละครับทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นนักมวยไทยอยู่แล้ว ?`" ตกลงว่าครูแปรงท่านฝึกมวยไทยมานานกี่ปีแล้วครับก่อนถึงเหตุการณ์ในวันนั้น คุณนี่ชักจะสับสนในตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะครับ ตกลงจะเอาอย่างไรครับ ฝึกมานานแล้ว หรือ พึ่งฝึก เอาให้แน่ๆหน่อยนะครับ "ล้มลงด้วยท่าครู คุณรู้จักท่าครูมวยไชยาหรือเปล่า ท่ารู้จักคุณนอนลงแล้วจดท่าครูนะ คุณจะรู้ว่าล้มด้วยท่าครูเป็นยังไง" ขอโทษด้วยความสัตย์จริงเลยครับผมไม่ทราบหรอกครับว่าท่าครูของคุณเป็นอย่างไร แต่ผมทราบแค่ว่าวันนั้นตอนลอยแล้วล้มลงหลังกระแทกพื้น ศอกก็กระแทกพื้นด้วย เพราะอยู่ในท่าเหมือนคนเก็บศอกไว้ข้างๆตัวทั้ง 2 ข้างนะครับ แล้วหงายหลังลงไป โอ้ผมรอคำตอบนี้อยู่พอดีเลยครับ ขอบคุณนะครับที่บอกกล่าวว่ามีผู้รู้อีก 2 ท่าน ที่ให้ข้อมูลของคุณ ก็จะได้ทราบเสียทีนะครับว่าใครให้ข้อมูลบิดเบือนกันนะครับ คุณ PGP บอกว่า "ผมมีข้อมูลจากอีก 2 ท่านที่อยู่ในวันนั้นที่เล่าตรงกับทางครูแปรง ฉะนั้นตอนนี้ผมขอเชื่อในฝั่งของตัวผมเองไปจนกว่าจะมีหลักฐานมาหักล้างละกันนะครับ และถ้าคุณ ABC อยากเจอสอบถามกับ ทั้ง 2 ท่านผมก็พาไปได้นะครับ" ดีมากๆเลยครับ งั้นขอเชิญ คุณPGP ครูแปรง และ อีก 2 ท่าน ที่คุณอ้างถึง ไปพบปะพูดคุยกันนะครับในเรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้ที่บ้านท่านอาจารย์หลี่นะครับ แล้ว อย่าลืม อัดเทปไว้นะครับ พอจะบอกได้ไหมครับว่าอีก 2 ท่านเป็นใครผมจะได้เข้าไปสอบถาม อาจารย์หลี่ท่านอีกครั้งนะครับ แล้วคงไม่ต้องบอกว่าให้ อาจารย์หลี่ท่านต้องเดินทางไปหาพวกคุณเองนะครับ อ่อ อ่อ เป็นยังไงละครับแล้วก็ต้องยอมรับออกมาจนได้นะครับว่าวันนั้นท่านอาจารย์หลี่กับครูของคุณไม่ได้กล่าวถึงเรื่องในเหตุการณ์วันนั้น จากกระทู้ล่าสุด กระทู้ที่ 81 "ตอบคุณ super pipo ก่อนนะครับ ที่ผมกล่าวเช่นนั้นเพราะวันที่ผมไปหาท่านกับครู ครูท่านก็ถามถึงเรื่องเหตุการณ์นี้เช่นกันและว่ามีการสาธิตทั้ง 2 อย่าง อาจารย์จำได้ไหมครับ มีการถามทวนเรื่องนี้ครับ ซึ่งอาจารย์ท่านก็ไม่ได้แย้งแต่อย่างใดครับ รวมถึงครั้งที่ครูโทรไปหาท่านด้วย แต่โอเคครับหากบอกว่า ท่านไม่ได้เล่าเรื่องให้ผมฟัง อันนี้ผมก็ยอมรับครับ" แล้วทำยังไรต่อไปละครับสาบานไปตั้งเยอะตั้งแยะแล้วนะครับ มากลับคำเอาตอนหลังระวังคำที่สาบานไว้นะครับ ของมันจะเข้าตัวเอานะคุณ ตกลงที่ผ่านๆมานี่โกหกไปกี่ครั้งแล้วล่ะครับ ส่วนที่คุณกล่าวกับคุณสมรักษ์ว่า".... ครูมวยท่านนึงมาสาธิตทำให้เด็กฝึกมวยล้ม และ มีการสาธิตการฟันศอกแล้วฟันศอก มาติดที่มือเนี่ย มีอะไรเสียหายหรือ ไม่มีเลย แต่แค่ว่า เรื่องที่ทราบมามันไม่ตรงกัน และ ผมก็เห็นมันมีหลากหลายเวอร์ชั่นเหลือเกินที่ออกมาเนี่ย แถมยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่น่าจะเป็นความจริงอีก ก็เลยอยากให้มันกระจ่างไงครับ" ผมก็อยากให้มันกระจ่างเหมือนกันนะครับเพราะบิดเบือนมานานหลายปีแล้ว ไม่งั้นผมจะออกมาเถียงคุณให้เสียเวลาทำมาหากินทำไมล่ะครับ ปล่อยไว้มีหวังบิดเบือนอีกนาน ก็คิดดูนะครับ แค่เรื่องวันที่พวกคุณมาเยี่ยมคุณยังโกหกได้เนียนขนาดมีการสาบถสาบาน มีจุดธูป 16 ดอกอะไรนั่นอีก แล้วอย่างนี้ผมจะไปเชื่อได้ไงครับว่าคุณจะไม่โกหกในเรื่องอื่นๆหรือชอบบิดเบือนจนเป็นนิสัยครับ แล้วที่คุณกล่าวบ่อยๆเสมอว่า ครูแปรงท่านเป็นนักมวยหน้าใหม่ พึ่งฝึกหัดมวยไทยมาไม่นาน เช่นที่คุณกล่าวไว้ดังนี้ คห.59 "ไม่เข้าใจเลยจริงๆ เรื่องของครูมวยที่สาธิตสอนให้ความรู้เด็กฝึกมวยคนนึง" คห.ที่ 52 "เป็นเพียงการสาธิตจากครูผู้ใหญ่ผู้นึง สาธิตให้กับผู้ฝึกใหม่คนหนึ่งเท่านั้นเอง " คห.22 "บ้างกล่าวว่าครูแปรงลองของอาจารย์ลี่บ้าง ลองคิดถึงคนที่เพิ่งฝึกมวย 3-4 เดือนและได้เจอครูมวยที่จะสาธิตวิชาให้ดู " คห.81 "ครูมวยท่านนึงมาสาธิตทำให้เด็กฝึกมวยล้ม " คห.81 "ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ผมไปล้มนักมวยฝึกใหม่ๆ แล้วอีกสัก 10 ปีเค้าเป็นแชมป์มวย K-1 ผมต้องออกมาเล่าให้ลูกศิษย์(สมมุติว่าสอนมวย)ผมฟังมั้ยครับว่าแชมป์คนนี้นะครู สู้กับเค้าน็อคเค้ามาแล้ว ผมว่าผมทำอย่างนี้ผมคงจะอายตัวเองไม่น้อยละ แต่ลูกศิษย์ผมก็อาจจะเชื่อและเล่ากันต่อไปก็ได้นะ แต่ผมภูมิใจมั้ย ผมคงไม่ภูมิใจ" แต่คุณจำได้ไหมครับคุณเคยบอกไว้ในในกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S5024790/S5024790.html ในความความเห็นที่ 22 ดังนี้ "ครูของผมเองก็เป็นนักมวยไทยมาก่อนครับ เคยขึ้นทั้งเวทีมหาลัยและเวทีทั่วไปก็เคยขึ้นครับ ก่อนมาฝึกมวยไชยา ทำไมท่านถึงมาฝึกละครับทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นนักมวยไทยอยู่แล้ว ?`" ตกลงว่าครูแปรงท่านฝึกมวยไทยมานานกี่ปีแล้วครับก่อนถึงเหตุการณ์ในวันนั้น คุณนี่ชักจะสับสนในตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะครับ ตกลงจะเอาอย่างไรครับ ฝึกมานานแล้ว หรือ พึ่งฝึก เอาให้แน่ๆหน่อยนะครับ "ล้มลงด้วยท่าครู คุณรู้จักท่าครูมวยไชยาหรือเปล่า ท่ารู้จักคุณนอนลงแล้วจดท่าครูนะ คุณจะรู้ว่าล้มด้วยท่าครูเป็นยังไง" ขอโทษด้วยความสัตย์จริงเลยครับผมไม่ทราบหรอกครับว่าท่าครูของคุณเป็นอย่างไร แต่ผมทราบแค่ว่าวันนั้นตอนลอยแล้วล้มลงหลังกระแทกพื้น ศอกก็กระแทกพื้นด้วย เพราะอยู่ในท่าเหมือนคนเก็บศอกไว้ข้างๆตัวทั้ง 2 ข้างนะครับ แล้วหงายหลังลงไป ใช่ท่าครูรึเปล่าครับ สำหรับช๊อตเด็ดนะครับ คุณ PGP ผมรอคำตอบนี้อยู่พอดีเลยครับ ขอบคุณนะครับที่บอกกล่าวว่ามีผู้รู้อีก 2 ท่าน ที่ให้ข้อมูลของคุณ ก็จะได้ทราบเสียทีนะครับว่าใครให้ข้อมูลบิดเบือนกันนะครับ คุณ PGP บอกว่า "ผมมีข้อมูลจากอีก 2 ท่านที่อยู่ในวันนั้นที่เล่าตรงกับทางครูแปรง ฉะนั้นตอนนี้ผมขอเชื่อในฝั่งของตัวผมเองไปจนกว่าจะมีหลักฐานมาหักล้างละกันนะครับ และถ้าคุณ ABC อยากเจอสอบถามกับ ทั้ง 2 ท่านผมก็พาไปได้นะครับ" ดีมากๆเลยครับ งั้นขอเชิญ คุณPGP ครูแปรง และ อีก 2 ท่าน ที่คุณอ้างถึง ไปพบปะพูดคุยกันนะครับในเรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้ที่บ้านท่านอาจารย์หลี่นะครับ แล้ว อย่าลืม อัดเทปไว้นะครับ พอจะบอกได้ไหมครับว่าอีก 2 ท่านเป็นใครผมจะได้เข้าไปสอบถาม อาจารย์หลี่ท่านอีกครั้งนะครับ แล้วคงไม่ต้องบอกว่าให้ อาจารย์หลี่ท่านต้องเดินทางไปหาพวกคุณเองนะครับ และสำหรับในส่วนนี้นะครับที่คุณ PGP กล่าวว่า "คุณ +____+ บอกผมแล้วว่าฟังเรื่องราวแบบนี้มาจากอาจารย์หลี่ ถ้าอย่างนั้นผมเองคงไม่จำเป็นต้องไปถามอาจารย์หลี่อีก เพราะท่านคงไม่เล่าบิดเบือนไปจากที่เคยเล่าหรอกครับ ถ้าอย่างนั้น ก็เชื่อถือกันได้ 50-50 " ครับผมเชื่อเช่นเดียวกับคุณว่าอย่างอาจารย์หลี่นะครับ ท่านอายุขนาดนี้ ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านความเป็นความตาย ผ่านคนเลวต่างๆมามากมาย เห็นสันดานคนมามากกว่าชีวิตของบางคนที่เกิดแล้วตายไปแล้วเสียอีก ท่านย่อมพูดสิ่งใดไม่บิดเบือนแน่นอนครับ ดังนั้นสมควรอย่างยิ่งเลยครับที่พวกคุณควรจะมาถามกันทั้ง 4 ท่านนะครับมากันให้ครบนะครับมาเกินได้แต่อย่าให้ขาด ถ้ามาวันไหนบอกด้วยนะครับผมจะไปนั่งหน้าสลอนฟังเรื่องต่างๆให้เพลินเลยครับ ปล.คุณชวนผมไปฟังพวกคุณมันก็ไม่ได้อะไรหรอกนะครับเพราะถ้าผมจะไปผมคงต้องขอเชิญท่านอาจารย์หลี่ไปด้วย และคงเชิญพี่ๆที่ผมเคารพและรุ่นพี่ทุกท่านในสำนักเฮอลีชวนไปด้วยทั้งหมดและอาจเชิญบุคคลท่านอื่นๆอีกมากมายไปด้วยเพื่อให้รับรู้ความจริงกันอย่างถูกต้อง แต่ตามมารยาทอันดีงามของประเพณีไทยเด็กควรเข้าหาผู้ใหญ่ถึงจะถูกจริงไหมครับ คุณว่าจริงไหมครับ คุณ PGP จากคุณ : abcdefg - [ 8 ก.พ. 50 14:08:39 A:192.168.0.31 X:58.136.52.104 TicketID:031958 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ขอโทษนะครับมันซ้ำๆกันนะครับ จริงๆแล้วมีเท่านี้ครับ นี่คือส่วนที่ผมตอบคุร PGP นะครับ ไม่ใช่ของรุ่นพี่ที่ผมเคารพ อ่อ เป็นยังไงละครับแล้วก็ต้องยอมรับออกมาจนได้นะครับว่าวันนั้นท่านอาจารย์หลี่กับครูของคุณไม่ได้กล่าวถึงเรื่องในเหตุการณ์วันนั้น จากกระทู้ล่าสุด กระทู้ที่ 81 "ตอบคุณ super pipo ก่อนนะครับ ที่ผมกล่าวเช่นนั้นเพราะวันที่ผมไปหาท่านกับครู ครูท่านก็ถามถึงเรื่องเหตุการณ์นี้เช่นกันและว่ามีการสาธิตทั้ง 2 อย่าง อาจารย์จำได้ไหมครับ มีการถามทวนเรื่องนี้ครับ ซึ่งอาจารย์ท่านก็ไม่ได้แย้งแต่อย่างใดครับ รวมถึงครั้งที่ครูโทรไปหาท่านด้วย แต่โอเคครับหากบอกว่า ท่านไม่ได้เล่าเรื่องให้ผมฟัง อันนี้ผมก็ยอมรับครับ" แล้วทำยังไรต่อไปละครับสาบานไปตั้งเยอะตั้งแยะแล้วนะครับ มากลับคำเอาตอนหลังระวังคำที่สาบานไว้นะครับ ของมันจะเข้าตัวเอานะคุณ ตกลงที่ผ่านๆมานี่โกหกไปกี่ครั้งแล้วล่ะครับ ส่วนที่คุณกล่าวกับคุณสมรักษ์ว่า".... ครูมวยท่านนึงมาสาธิตทำให้เด็กฝึกมวยล้ม และ มีการสาธิตการฟันศอกแล้วฟันศอก มาติดที่มือเนี่ย มีอะไรเสียหายหรือ ไม่มีเลย แต่แค่ว่า เรื่องที่ทราบมามันไม่ตรงกัน และ ผมก็เห็นมันมีหลากหลายเวอร์ชั่นเหลือเกินที่ออกมาเนี่ย แถมยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่น่าจะเป็นความจริงอีก ก็เลยอยากให้มันกระจ่างไงครับ" ผมก็อยากให้มันกระจ่างเหมือนกันนะครับเพราะบิดเบือนมานานหลายปีแล้ว ไม่งั้นผมจะออกมาเถียงคุณให้เสียเวลาทำมาหากินทำไมล่ะครับ ปล่อยไว้มีหวังบิดเบือนอีกนาน ก็คิดดูนะครับ แค่เรื่องวันที่พวกคุณมาเยี่ยมคุณยังโกหกได้เนียนขนาดมีการสาบถสาบาน มีจุดธูป 16 ดอกอะไรนั่นอีก แล้วอย่างนี้ผมจะไปเชื่อได้ไงครับว่าคุณจะไม่โกหกในเรื่องอื่นๆหรือชอบบิดเบือนจนเป็นนิสัยครับ แล้วที่คุณกล่าวบ่อยๆเสมอว่า ครูแปรงท่านเป็นนักมวยหน้าใหม่ พึ่งฝึกหัดมวยไทยมาไม่นาน เช่นที่คุณกล่าวไว้ดังนี้ คห.59 "ไม่เข้าใจเลยจริงๆ เรื่องของครูมวยที่สาธิตสอนให้ความรู้เด็กฝึกมวยคนนึง" คห.ที่ 52 "เป็นเพียงการสาธิตจากครูผู้ใหญ่ผู้นึง สาธิตให้กับผู้ฝึกใหม่คนหนึ่งเท่านั้นเอง " คห.22 "บ้างกล่าวว่าครูแปรงลองของอาจารย์ลี่บ้าง ลองคิดถึงคนที่เพิ่งฝึกมวย 3-4 เดือนและได้เจอครูมวยที่จะสาธิตวิชาให้ดู " คห.81 "ครูมวยท่านนึงมาสาธิตทำให้เด็กฝึกมวยล้ม " คห.81 "ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ผมไปล้มนักมวยฝึกใหม่ๆ แล้วอีกสัก 10 ปีเค้าเป็นแชมป์มวย K-1 ผมต้องออกมาเล่าให้ลูกศิษย์(สมมุติว่าสอนมวย)ผมฟังมั้ยครับว่าแชมป์คนนี้นะครู สู้กับเค้าน็อคเค้ามาแล้ว ผมว่าผมทำอย่างนี้ผมคงจะอายตัวเองไม่น้อยละ แต่ลูกศิษย์ผมก็อาจจะเชื่อและเล่ากันต่อไปก็ได้นะ แต่ผมภูมิใจมั้ย ผมคงไม่ภูมิใจ" แต่คุณจำได้ไหมครับคุณเคยบอกไว้ในในกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S5024790/S5024790.html ในความความเห็นที่ 22 ดังนี้ "ครูของผมเองก็เป็นนักมวยไทยมาก่อนครับ เคยขึ้นทั้งเวทีมหาลัยและเวทีทั่วไปก็เคยขึ้นครับ ก่อนมาฝึกมวยไชยา ทำไมท่านถึงมาฝึกละครับทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นนักมวยไทยอยู่แล้ว ?`" ตกลงว่าครูแปรงท่านฝึกมวยไทยมานานกี่ปีแล้วครับก่อนถึงเหตุการณ์ในวันนั้น คุณนี่ชักจะสับสนในตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะครับ ตกลงจะเอาอย่างไรครับ ฝึกมานานแล้ว หรือ พึ่งฝึก เอาให้แน่ๆหน่อยนะครับ "ล้มลงด้วยท่าครู คุณรู้จักท่าครูมวยไชยาหรือเปล่า ท่ารู้จักคุณนอนลงแล้วจดท่าครูนะ คุณจะรู้ว่าล้มด้วยท่าครูเป็นยังไง" ขอโทษด้วยความสัตย์จริงเลยครับผมไม่ทราบหรอกครับว่าท่าครูของคุณเป็นอย่างไร แต่ผมทราบแค่ว่าวันนั้นตอนลอยแล้วล้มลงหลังกระแทกพื้น ศอกก็กระแทกพื้นด้วย เพราะอยู่ในท่าเหมือนคนเก็บศอกไว้ข้างๆตัวทั้ง 2 ข้างนะครับ แล้วหงายหลังลงไป ใช่ท่าครูรึเปล่าครับ สำหรับช๊อตเด็ดนะครับ คุณ PGP ผมรอคำตอบนี้อยู่พอดีเลยครับ ขอบคุณนะครับที่บอกกล่าวว่ามีผู้รู้อีก 2 ท่าน ที่ให้ข้อมูลของคุณ ก็จะได้ทราบเสียทีนะครับว่าใครให้ข้อมูลบิดเบือนกันนะครับ คุณ PGP บอกว่า "ผมมีข้อมูลจากอีก 2 ท่านที่อยู่ในวันนั้นที่เล่าตรงกับทางครูแปรง ฉะนั้นตอนนี้ผมขอเชื่อในฝั่งของตัวผมเองไปจนกว่าจะมีหลักฐานมาหักล้างละกันนะครับ และถ้าคุณ ABC อยากเจอสอบถามกับ ทั้ง 2 ท่านผมก็พาไปได้นะครับ" ดีมากๆเลยครับ งั้นขอเชิญ คุณPGP ครูแปรง และ อีก 2 ท่าน ที่คุณอ้างถึง ไปพบปะพูดคุยกันนะครับในเรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้ที่บ้านท่านอาจารย์หลี่นะครับ แล้ว อย่าลืม อัดเทปไว้นะครับ พอจะบอกได้ไหมครับว่าอีก 2 ท่านเป็นใครผมจะได้เข้าไปสอบถาม อาจารย์หลี่ท่านอีกครั้งนะครับ แล้วคงไม่ต้องบอกว่าให้ อาจารย์หลี่ท่านต้องเดินทางไปหาพวกคุณเองนะครับ และสำหรับในส่วนนี้นะครับที่คุณ PGP กล่าวว่า "คุณ +____+ บอกผมแล้วว่าฟังเรื่องราวแบบนี้มาจากอาจารย์หลี่ ถ้าอย่างนั้นผมเองคงไม่จำเป็นต้องไปถามอาจารย์หลี่อีก เพราะท่านคงไม่เล่าบิดเบือนไปจากที่เคยเล่าหรอกครับ ถ้าอย่างนั้น ก็เชื่อถือกันได้ 50-50 " ครับผมเชื่อเช่นเดียวกับคุณว่าอย่างอาจารย์หลี่นะครับ ท่านอายุขนาดนี้ ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านความเป็นความตาย ผ่านคนเลวต่างๆมามากมาย เห็นสันดานคนมามากกว่าชีวิตของบางคนที่เกิดแล้วตายไปแล้วเสียอีก ท่านย่อมพูดสิ่งใดไม่บิดเบือนแน่นอนครับ ดังนั้นสมควรอย่างยิ่งเลยครับที่พวกคุณควรจะมาถามกันทั้ง 4 ท่านนะครับมากันให้ครบนะครับมาเกินได้แต่อย่าให้ขาด ถ้ามาวันไหนบอกด้วยนะครับผมจะไปนั่งหน้าสลอนฟังเรื่องต่างๆให้เพลินเลยครับ ปล.คุณชวนผมไปฟังพวกคุณมันก็ไม่ได้อะไรหรอกนะครับเพราะถ้าผมจะไปผมคงต้องขอเชิญท่านอาจารย์หลี่ไปด้วย และคงเชิญพี่ๆที่ผมเคารพและรุ่นพี่ทุกท่านในสำนักเฮอลีชวนไปด้วยทั้งหมดและอาจเชิญบุคคลท่านอื่นๆอีกมากมายไปด้วยเพื่อให้รับรู้ความจริงกันอย่างถูกต้อง แต่ตามมารยาทอันดีงามของประเพณีไทยเด็กควรเข้าหาผู้ใหญ่ถึงจะถูกจริงไหมครับ คุณว่าจริงไหมครับ คุณ PGP จากคุณ : abcdefg - [ 8 ก.พ. 50 14:15:06 A:192.168.0.31 X:58.136.52.104 TicketID:031958 ]

ความคิดเห็นที่ 85 นี่แหละน้า เมื่อมีคนชอบก็มีคนเกลียด วิชานั้นวิชานี้ สายใครสายมัน  ทำไมไม่ไปฝึกของใครของมัน พอมีเวลาที่เค้าจัดชก ก็ไปชกกันให้จบๆเรื่องล่ะ อย่ามาเอาคำว่า ไม่นำวิชาที่ตนไปใช้ในทางที่ผิด อย่ามาพูดงี้กับผมล่ะ เพราะเห็นมีแต่อวดอ้างกันในเว็บงี้ (มันหน้าตัวเมี.....ไปหรือเปล่า) จากคุณ : kitler - [ 8 ก.พ. 50 16:51:14 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ครับ ถ้าฝึกของใครของมันไป ก็คงไม่ต้องเจออย่างนี้หรอกครับ จากคุณ : คนรักดาบไทย - [ 8 ก.พ. 50 17:59:09 ]

ความคิดเห็นที่ 87 นั่นดิส่งลูกศิษย์ ขึ้นไปอัดกันบนเวที ซะก็สิ้นเรื่องว่าสายใครแน่กว่ากันก็ประกาศกันไป ใครสายอาจารย์อะไรๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่ง ดิสเครดิตกันบนเว็บอีก จากคุณ : Makotojr - [ 8 ก.พ. 50 19:21:27 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เขามาถกความเป็นจริงกันนี่ครับ ไม่ใช่อันธพาล เอะอะอะไรก็เอากำลังตัดสินอย่างเดียว ยิ่งเอาลูกศิษย์มาอัดกันนี่ยิ่งปัญญาอ่อนครับ แพ้ชนะแล้วแปลว่า อ.ข้าเก่งกว่าเหรอ? แล้วทำไม อ.ไม่ไปตัดสินกันเองล่ะ? ปล.คุณ a-f คุณนี่มันเชอร์ล็อคโฮลม์หรือเปล่าครับเนี่ย อ่านแล้วผมยังทึ่งเลยครับ ไม่รู้ว่าไปหามาได้ไง จากคุณ : ตลก - [ 8 ก.พ. 50 19:29:27 A:125.24.219.135 X: ]

ความคิดเห็นที่ 89 เรียนยิงปืนดีกว่าครับ แน่นอนดี จากคุณ : กุ้งบก - [ 8 ก.พ. 50 19:45:39 ]

ความคิดเห็นที่ 90 พี่คนรักดาบไทยพูดถูกครับ ถ้าฝึกของใครของมันไป ก็คงไม่ต้องเจออย่างนี้หรอกครับ แต่นี่ไม่ใช่อย่างนั้นนิครับ จากที่ผ่านๆมา ลองสังเกตุดูจะเห็นว่า กลุ่มทุเรียนปลาร้า จะพยายามดิสเครดิสคนอื่นไปทั่ว ไม่ว่าใครจะสอนมวยไทยโบราณ พวกนี้ก็จะต้องออกมาประกาศศักดาอย่างน่ารังเกียจ ไม่นับแม้แต่ลูกศิษย์ในสายเดียวกัน คือกูต้องเป็นอาจารย์ผู้สอนได้เพียงคนเดียว ของคนอื่นเป็นของปลอมหมด ทำเอาขนาดวันไหว้ครูที่บ้านครูทอง น้องชายครูทองถึงกับประกาศไม่ทำสังฆกรรมด้วย เล่นเอานั่งจ๋องอย่างกะลิงกังโดนกะปิเลย ครูเล็กเปิดสอนมวยไทยโบราณสายนี้บ้าง พวกมันก็ยังหวงก้าง ไม่ยอมให้ทางครูเล็กเปิดสอนอีก หาว่าเป็นของปลอม พระต้าจะสอนบ้าง ก็โดนพวกมันนี่อ่ะไอ้พวกทุเรียนปลาร้าเน่าๆจ้องเล่นงานอยู่เป็นประจำ แม้แต่ดาบไทยสายต่างๆก็โดนไอ้พวกทุเรียนปลาร้าจ้องที่จะเล่นงาน ตั้งตัวเป็นมาเฟียอย่างน่าสะอิดสะเอียนที่สุดอย่างไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน พอสงบจากการจ้องเล่นงานกับพวกมวยไทยโบราณด้วยกัน เพราะสำนักอื่นเขาไม่อยากสังฆกรรมด้วย ไม่อยากทะเลาะด้วย ไอ้พวกทุเรียนปลาร้าก็หันมาเล่นงานวิจารณ์ดูถูกนักมวยอาชีพบนเวที หรือไม่ก็หันไปเปิดศึกกับมวยต่างชาติอย่างมวยจีน เทควันโดเป็นต้น ทำเอาปั่นปวนกันทั้งวงการ เพียงเพื่อต้องการเป็นหนึ่งเดียวอย่างหน้าด้านๆโดยที่ไม่ยอมมองไม่แครสังคมเลยว่าสังคมเขาจะตำหนิ ผมติดตามพวกทุเรียนปลาร้ากลุ่มนี้มานานพอสมควร ตอนแรกก็ดูดีอยากสนับสนุนด้วย แต่พอรู้เห็นถึงกำพืดแล้วก็เลยจบกัน ต่อไปนี้จะมีกลุ่มชมรมพิทักษ์มวยไทยเข้ามาคอยเป็นเงาตามตัวพวกทุเรียนปลาร้าให้ถึงที่สุด หากไปสร้างตำนานนิยายน้ำเน่าที่ไหน จะตามราวีไปตลอด จนกว่าจะพับโรงกันไปข้างหนึ่ง จากคุณ : สมรักษ์ (K.D.C) - [ 8 ก.พ. 50 20:09:13 ]

ความคิดเห็นที่ 91 "กลุ่มทุเรียนปลาร้า"   --ที่พูดถึงนี่พูดถึงผมด้วยรึเปล่าครับ... "กลุ่มทุเรียนปลาร้า จะพยายามดิสเครดิสคนอื่นไปทั่ว " --ผมเห็นแต่มีคนอื่นพยายามดิสเครดิท..  อย่างตอนนี้ก็ถูกเรียกว่าทุเรียนปลาร้าหละครับ... "ไม่ว่าใครจะสอนมวยไทยโบราณ พวกนี้ก็จะต้องออกมาประกาศศักดาอย่างน่ารังเกียจ ไม่นับแม้แต่ลูกศิษย์ในสายเดียวกัน คือกูต้องเป็นอาจารย์ผู้สอนได้เพียงคนเดียว " --พวกผมทำงานอนุรักษ์ครับ..  ไม่ได้และไม่เคยประกาศศักดา..  ส่วนการรับรองครูฝึกนั้น...   มันมีวิชาว่าด้วยการเป็นครูนี่ครับ...   จู่ๆจะไปรับรองคนอื่นที่ไม่เคยเห็นฝีมือมันก็แปลกสิครับ...      และที่สำคัญเลยนะ...   กลุ่มทุเรียนปลาร้าที่คุณเรียกนี่...   ไม่ได้มาบอกเล่าว่าใครเก่ง..  ไม่เก่ง..   แต่บอกเล่าในสิ่งที่ตนรู้...   นั่นคือสิ่งที่เกิดภายในกลุ่มที่ไกล้ชิด(ลูกศิษย์)ว่าใครเก่ง...   ไม่เก่งอะไร... "คือกูต้องเป็นอาจารย์ผู้สอนได้เพียงคนเดียว" --ผมเคยได้ยินแต่คนอื่นพูดนะครับ...    เคยเห็นพวกผมพูดหรือเขียนที่ไหน...   คำนี้ได้ยินมานานครับ...   แต่แปลกดีที่พวกผมไม่เคยได้ยินครูแปรงพูด...   ผมว่าคำนี้มีใว้เพียงเพื่อสร้างศัตรูให้พวกผมมากกว่า...    หรือมีใครร้อนตัว...   "น้องชายครูทองถึงกับประกาศไม่ทำสังฆกรรมด้วย เล่นเอานั่งจ๋องอย่างกะลิงกังโดนกะปิเลย" --วันนั้นผมเป็นหนึ่งในคนที่นั่งอยู่ในนั้นด้วยครับ...   เอ่อ...   ผมนั่งได้น่าเกลียดขนาดนั้นเลยหรอ...     แล้วเรื่องที่เกิดหลังจากวันนั้นที่ครูแปรงไปหาพีหญิงที่บ้านหละครับ...     เรื่องนี้ผมถือว่ากระทบกระเทือนความรู้สึกพี่หญิง....     ผมขอไม่พูดถึงอีก...   (ผมขอโทษด้วยครับ) "ครูเล็กเปิดสอนมวยไทยโบราณสายนี้บ้าง พวกมันก็ยังหวงก้าง ไม่ยอมให้ทางครูเล็กเปิดสอนอีก " --ตอนเปิดครูแปรงไปสอนที่บ้านครูเล็กไม่ใช่หรือครับ....   ถามลูกศิษย์สมัยนั้นสิครับ...    วันเปิดก็พวกพี่น้องรามที่ครูพาไปนี่ครับ...   ที่ไปช่วย...    แล้วครูแปรงไปสั่งปิดหรือสั่งห้ามครูเล็กสอนตั้งแต่เมื่อไรครับ...   จนถึงทุกวันนี้กี่ปีมาแล้ว...   ครูแปรงก็ทำงานเผยแพร่ต่อไป....    ครูเล็กก็สอนต่อไป...  ครูไม่เห็นได้ไปพยายามดำเนินการให้ครูเล็นสอนไม่ได้..  สั่งปิด..   อะไรทำนองนี้นี่ครับ....   แล้วเรื่องจดหมายที่รวมตัวกันจะไม่ให้ครูแปรงหละครับ...    มันผลงานใคร...   "พระต้าจะสอนบ้าง ก็โดนพวกมันนี่อ่ะไอ้พวกทุเรียนปลาร้าเน่าๆจ้องเล่นงานอยู่เป็นประจำ " --ไอ้พวกทุเรียนปลาร้าเน่าๆที่พวกคุณเรียกกันนี่...    เคยพยายามให้หลวงพี่ท่านงดสอนหรือครับ....   หลวงพี่ท่านเปิดสำนักเกราะเพชรฯมาหลายปีแล้วนะครับ...   ครูกับหลวงพี่ท่านก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องชาวราม...   มีอะไรก็คุยกันได้นี่ครับ...   ถ้าอยากให้หยุดสอน...   ครูก็คงเรียกหรือไปหาคุยด้วยเองแล้วครับ...   อีกอย่าง...   คำว่าจ้องเล่นงานเป็นประจำนี่...    ขอโทษครับ...    มั่วแล้วครับ...   พวกผมทำงานกันไม่ค่อยว่าง...   ไม่มีเวลาไปเล่นงานคนอื่นครับ...     และไม่คิดเสียเวลาไปเล่นงานคนอื่นด้วย...   มีแต่ต้องคอยมาชี้แจงเวลาคนอื่นพยายามสร้างความ"เน่า"มาให้...    กลัวอะไรกันนั้กหนาครับ...  กับแค่กลุ่มอณุรักษ์กลุ่มเล็กๆกลุ่มนึง...   พวกผมก็ทำงานกันไป...   หรืองานที่ออกมามันไปทิ่มแทงใจกันนักหรือไงครับ...   ไม่เข้าใจ.... "แม้แต่ดาบไทยสายต่างๆก็โดนไอ้พวกทุเรียนปลาร้าจ้องที่จะเล่นงาน ตั้งตัวเป็นมาเฟียอย่างน่าสะอิดสะเอียนที่สุดอย่างไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน" --พวกผมรวบรวมและศึกษาวิชาดาบไทยครับ...   และไม่มีนโยบายจะขโมยวิชาด้วย  งานสัมนาดาบก็ไปรวมกันก็แฮบปี้กันดีนี่ครับ..   (รู้จักกับกลุ่มพี่บัญชาดีและทางเราจริงใจด้วย)  รวมทั้งกลุ่มมวยจี/ดาบจีน...   พวกผมให้ความเคารพนะครับ...   แปลกดีที่มีคนอื่นพยายามมาบอกว่าเราดูถูกวิชาคนอื่น...     ผมพูดตรงนี้เลยนะครับ...   พวกผมชื่นชมวิถีบูชิโด..   ชื่นชมดาบแขก...  ชื่นชมกระบี่จีน...   เรียนรู้บ้างเล็กน้อย...   แต่ไม่กล้าเรียนเยอะ...  กลัวจะกลายเป็นขโมยวิชาไป...  เราระวังอยู่...    และ...   เรามีพวกเขาเหล่านี้เป็นเพื่อนที่คุยกันอยู่เสมอๆ..   ไม่ได้รังเกียจและดูถูกอย่างไร...  (ออกจะรักกัน..อิอิ..)     "ไอ้พวกทุเรียนปลาร้าก็หันมาเล่นงานวิจารณ์ดูถูกนักมวยอาชีพบนเวที" --พวกผมนี่นะ...    ดูถูกมวยอาชีพ...   ใครกันแน่ครับ... --พวกผมเคยพูดเสมอว่า...   มวยเวทีแข็งแกรงปานใด...   ทั้งร่างกายและจิตใจ...   การจะรับแข้งมวยอาชีพได้นี่..   มันอันตรายแค่ไหน...   อีกทั้งครูยังเคยชกมวยเวทีมาก่อน...   จะมาดูถูกอะไรกันครับ...   ลูกศิษย์ครูเมื่อก่อนก็ชกเวที...  ถ้าดูถูก...   จะให้ชกทำไมครับ...   ลูกศิษย์ครูเล็กก็เคยชกเวทีนี่ครับ...  เอ้า...  ว่ากันไป... "ต่อไปนี้จะมีกลุ่มชมรมพิทักษ์มวยไทยเข้ามาคอยเป็นเงาตามตัวพวกทุเรียนปลาร้าให้ถึงที่สุด หากไปสร้างตำนานนิยายน้ำเน่าที่ไหน จะตามราวีไปตลอด จนกว่าจะพับโรงกันไปข้างหนึ่ง" --ตามใจคุณครับ...   พวกผมยังทำงานอณุรักษ์กันต่อไป... นโยบายมูลนิธินะครับ... เราอณุรักษ์การต่อสู้ไทย  โดยเน้นที่มวยไชยา...   เพราะเรียนมา...  แต่ก็สนับสนุนกลุ่มอื่นตามขีดความสามารถ..  (มูลนิธิยังจนอยู่ครับ)   รวมทั้งดาบไทยด้วย....     เรามีนโยบายที่จะสอนและรับรองผู้สอนที่เราฝึกสอนให้...   เหมือนอย่างที่อาจารย์ท่านใดๆก็ตามรับรองศิษย์ตัวเอง..   ไม่ใช่รับรองศิษย์คนอื่น... เราไม่มีนโยบายจะไปบอกให้ใคร...   หยุดสอน...  ห้ามสอน...    ตรงนี้เป็นเรื่องของวิจารณญาณของครูท่านนั้นๆเอง...   เพราะไม่มีเวลา...   และไม่มีทุนมากพอ... เราไม่มีนโยบายไปราวีใคร...   เพียงเพื่อชื่อเสียง...   เพราะเราทำงานอณุรักษ์..  ไม่ได้หวังว่าจะมีชื่อเสียงหรือให้ใครมาบอกว่าเราเก่งกว่าใคร...   เรื่องใครเก่งกว่านี่...  มันน้ำเน่า...   คนมาเรียนเพื่อศึกษาการป้องกันตัวและอณุรักษ์...   ถ้าอยากเก่งเป็นที่1 ในโลกา..  เราไม่สอน...   ถ้า...   คนเขียนเป็นครูเล็ก...     เป็นคนอายุมากกว่าผม...   เป็นกลุ่มหลวงพี่... เป็นรุ่นพี่บางท่านที่ผมรู้จัก.... ผมกราบขอขมาด้วยครับ...   แต่อันนี้เป็นความรู้สึกของผมจริงๆ..... จากคุณ : งาสาน - [ 9 ก.พ. 50 09:48:20 ]

ความคิดเห็นที่ 92 คุณงาสาน คงไม่เคยเข้ามาอ่านกระทู้ในอดีตที่พวกคุณเคยดูถูก ติเตียน อวดตนข่มคนอื่น ไม่ว่าจะเป็น มวยไทยอาชีพ ครูเล็ก หลวงพี่ต๊า ดาบไทยสายอื่น มวยจีน และ อื่นๆ อย่างที่คุณสมรักษ์กล่าวถึง เสียดายพันทิพย์เขาโละทิ้งไปแล้ว ไม่งั้นผมจะขุดมาให้อ่าน ผมจะเอาบางส่วนมาให้ดูเท่าที่จะหาได้แล้วกันครับ ตย.กระทู้เก่ากระทู้หนึ่งที่เก็บไว้นะครับ บางกระทู้ของปี 2547 กลุ่มมวยไชยาที่ออกรายการ คุณพระช่วย วันนี้ วันนี้ได้ดูรายการ คุณพระช่วย ทางช่อง 9 ได้เห็นมวยไชยาแล้วก็เห็นว่าแปลกตาดีนะครับผม แต่ดูๆแล้วไม่ค่อยมั่นใจเลยว่าจะใช้ป้องกันตัวได้ ชื่อของปรมาจารย์เขตรนั้น ผมก็ได้ยินมาบ้างครับ เพิ่งจะมาทราบตอนนี้เองว่าท่านเป็นมวยไชยาด้วย ก็คิดว่ามวยไชยานั้นน่าจะดีจริง แต่พอดูรายการวันนี้แล้วรู้สึกมันแปลกๆนะครับผม แล้วก็ตอนสุดท้ายที่เห็นฝรั่งที่ชื่อ เปโดร หรืออะไรนี่แหละฟังไม่ถนัดนะครับ นั่งบนครกแล้วก็ปัดอาวุธทีละคนนะครับ มันดูเหมือนเด็กเล่นกันเลยอะ ไม่ถึงตัวแล้วก็เหมือนไม่ได้ใส่แรงเลย ตอนโดนคนสุดท้ายเตะกลับหลังก็เกือบจะล้มเลยทีเดียว แล้วขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนก่อนการขึ้นชกจริงๆเหรือครับ ทราบว่าที่นี่มีผู้รู้เรื่องมวยไชยาอยู่เช่นกัน ยังไงก็ช่วยๆบอกหน่อยนะครับ เพราะดูๆแล้วมันไม่ค่อยจะศรัทธาเท่าไหร่ สู้ดูเทควันโด้โชว์ทางช่อง UBC ยังดูดีกว่า จากคุณ : คุณพระช่วย - [ 25 ก.ค. 47 19:10:08 A:203.113.35.13 X: ] ความคิดเห็นที่ 1 ขอถามอีกเรื่องนึงครับผม ในปัจจุบัน นอกจากมวยไชยาแล้วมวยโบราณอื่นๆไม่เหลือแล้วหรือครับ แล้วมวยไชยายังมีคนสอน คนอื่นๆมั้ยครับนอกจากครูเล็กแล้ว ในทางใต้นั้นยังจะมีมวยไชยาอยู่มั้ยครับ จากคุณ : PGP - [ 25 ก.ค. 47 19:39:31 A:203.113.35.13 X:203.113.86.116 ] ความคิดเห็นที่ 2 ต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับว่า การเรียนวิชาในแต่ละศาสตร์นั้น ศิษย์แต่ละท่านแต่ละรุ่น ย่อมได้วิชาต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ ปัจจัยต่าง ๆ ตามสภาวะเวลานั้น ๆ และ ปัจจัยส่วนตัวของ ศิษย์แต่ละคน ฉันใดก็ดี มวยไชยา ก็เช่นกัน ศิษย์แต่ละท่านก็ได้วิชาไปมากน้อยแตกต่างกัน ดังเช่นกลุ่มที่มาออกรายการ ในวันนี้ สิ่งที่เค้าได้แสดงออกมานั้น ก็คือ สิ่งที่กลุ่มของเค้าได้เรียนรู้ไปตามเท่าที่เค้าจะเก็บเกี่ยวได้ แต่ ไม่ได้หมายความว่า มวยไชยา จะมีองค์ความรู้อยู่แค่ที่กลุ่มนี้แสดงแต่อย่างใด เรื่องต่อมา คือ เรื่อง นั่งครก เรื่องนี้ มาจากเรื่องการต่อสู้หน้าพระที่นั่งใน สมัย ร.5 ทางมวยไชยา ได้มีการคัดเลือก บุคคล เพื่อส่งขึ้นเปรียบมวยหน้าพระที่นั่ง ซึ่ง บุคคล ที่เป็นที่มาแห่งตำนานนี้ได้แก่ ครูมวยที่ชื่อ ครู นิล ปักษี ตามประวัติบอกไว้ว่า ครู นิล ปักษี พิการขาเสียหนึ่งข้าง แต่มีความสามารถนั่งบนครกแล้วป้องกัน ตัวจากการรุม (เน้นย้ำว่า รุมพร้อม ๆ กัน มิใช่ เข้าคิวทีละหนึ่งคน ตามรายการนี้แสดง) จากคน 3 คน โดยที่ มิได้ตกจาก ครกตำข้าว แต่สุดท้าย ครู นิล ปักษี ก็มิได้ถูกคัดเลือกมาทำการเปรียบมวยหน้าพระที่นั่งแต่อย่างใด เนื่องจาก ข้อด้อยของท่านในเรื่องขาของท่านที่เสียไปหนึ่งข้างนั่นเอง ผู้ที่ถูกคัดเลือกมาได้แก่ ครู ปล่อง จำนงค์ทอง (หมื่นมวยมีชื่อ) ซึ่งก็ได้สร้างตำนานให้มวยไชยา เป็นที่รู้จักแก่สาธารณะชน ต่อมา และ ท่านหมื่นฯ ยังเป็น หนึ่งใน 12 ครู ของ ท่าน ปรมาจารย์ เขต ศรียาภัย (ครูอีก 1 ท่านนอกเหนือจาก 12 ท่านก็คือ ท่านปู่ พระยาวจีสัตยารักษ์ ซึ่งเป็น บิดาของท่าน ปรมาจารย์ เขตร ศรียาภัย นั่นเอง) จากคุณ : บอยไม่ดื่ม - [ 25 ก.ค. 47 19:42:37 A:203.145.26.86 X:203.145.3.2 ] ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนอีกเรื่องที่จะต้องขอทำความเข้าใจใหม่คือ ท่าน ปรมาจารย์ เขตร ศรียาภัย ท่านมิได้เรียนมวยไชยา โดยตรงจาก พ่อท่านมา แต่อย่างใด ท่าน ปรมาจารย์ เขตร ได้เรียนมวยไชยาจาก บิดาของท่านคือ ท่านปู่ พระยาวจีสัตยารักษ์ (ขำ ศรียาภัย) หากสนใจ ขอแนะนำให้ไปที่ ศาลาไทย (เรือนไทย ) ที่ สวนลุมพินี กทม. ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลาประมาณ 10.30-12.30 ซึ่งจะทำการสอนโดย วิทยากร จาก มูลนิธิ มวยไทยไชยา ลองไปเปรียบเทียบดูแล้วกันครับ จากคุณ : บอยไม่ดื่ม - [ 25 ก.ค. 47 19:49:42 A:203.145.26.86 X:203.145.3.2 ] ความคิดเห็นที่ 4 วิชามวยไชยานั้น เป็นมวยที่ใช้ในการรบและมีความรัดกุมจนสามารถสร้างชื่อในการตีมวยหน้าพระที่นั่ง ตามที่คุณ บอยไม่ดื่มกล่าวไว้แล้ว จนมีคำกล่าวว่า " หมัดโคราช ฉลาดลพบุรี ท่าดีไชยา " แต่เมื่อสืบทอดมาถึงปัจุบัน มีศิษย์ไชยาหลายท่านเริ่มเปิดตัวสอนมวยไชยาซึ่งในสมัยก่อน การที่จะออกมาเป็นครูสอนได้นั้น ต้องได้รับการอนุญาติจากครูผู้สอนว่าสามารถที่จะสอนได้โดยจะมีคำกล่าวที่ครูจะถ่ายทอดแก่ศิษย์ทุกคนเสมอคือ "พูดได้ทำไม่ได้ไม่ใช่ครู พูดได้ทำได้จึงเป็นครู" เป็นการป้องกันไม่ให้วิชาผิดเพี้ยน หลังจากเสียชีวิตของครูทองซึ่งถือได้ว่าเป็นศิษย์ท่านปรมาจารย์เขตร์ ซึ่งสืบทอดการสอนต่อมา ก็มีบุคคลหลายคนที่เปิดตัวเองออกมาเป็นครูมวยไชยา โดยอาศัยกระแสกระแสนิยมที่ครูทองและกลุ่มลูกศิษย์มุมานะเผยแพร่มากกว่า 20 ปี ซึ่งบรรดาครูมวยต่างๆนั้นมีทั้งบุคคลที่มีวิชาความรู้จริง และบุคคลที่คิดว่าตัวเองมีความรู้ การที่จะดูว่าครูท่านใดเป็นครูที่แท้จริงนั้นไม่ใช่ดูจากการพูดคุยเพียงอย่างเดียวเพราะบางคนนั้น พูดเก่งกว่าทำ แต่ดูได้จากการสอนหรือลูกศิษย์ที่ครูท่านนั้นๆสอนว่า "เข้าท่า" หรือไม่ ผมคงไม่วิจารณ์นะครับว่าใครเป็นอย่างไร ผู้เห็นย่อมสามารถตัดสินได้เอง จากคุณ : คมแฝก - [ 25 ก.ค. 47 22:39:10 A:203.158.250.127 X: ] .....จริงๆมีต่ออีกเป็นร้อย คห.นะครับ แต่เอามาแปะหมดมันก็ยาวนะครับ ก็ลองอ่านๆแล้วพิจารณากันดูนะครับ แต่ถ้าอยากให้แปะทั้งหมดผมก็จะแปะมาให้อ่านครับ จากคุณ : abcdefg - [ 9 ก.พ. 50 10:24:19 A:192.168.0.31 X:58.136.52.179 TicketID:031958 ]

ความคิดเห็นที่ 93 อืม ยาว+ซับซ้อนจังเลยยุทธจักรนักสู้ไทย ตอนนี้มีประเด็นใหม่อีกแล้ว ตยที่คุณabcdefgเอามาผมอ่านแล้วดูว่าเป็นการวิจารณ์มากกว่าโจมตีนะครับ ไม่มีคำหยาบและก็นำเหตุผลของเขาใช้  แต่ผมก็พูดอะไรไม่ได้มากเพราะไม่รู้เรื่องราวในวงการเลย ถ้าพูดผิดไปก็ขอโทษนะครับ ปล ขอบคุณคุณEZ2DJที่ตอบนะครับ จากคุณ : Super pippo - [ 9 ก.พ. 50 11:00:06 ]

ความคิดเห็นที่ 94 จะพยายามหามาลงนะครับ http://topicstock.pantip.com/supachalasai/topicstock/S2964653/S2964653.html ความคิดเห็นที่ 149 ขอเชิญดูเวปนี้หน่อยครับ keytanant.com คลิกที่หัวข้อ หนังสือแถลงการณ์เหล่าศิษย์ครูทอง เชื้อไชยา จากคุณ : ตาสว่าง - [ 8 พ.ย. 47 18:30:49 A:61.91.73.155 X: ] ความคิดเห็นที่ 150 อ่านแถลงการณ์แล้วครับ ดูเผินๆน่าจะดี แต่พอมานึกได้ว่าถ้างั้นคนที่เคยเรียนมวยกับครูทองมาได้ไม่ถึงเดือนแล้วถอดใจเลิกฝึกไป ก็เปิดสอนมวยไชยาได้หรือครับ ของที่มีแต่ปริมาณแต่ไม่มีคุณภาพมันจะดีหรือครับ ผมว่าอนาคตวิชามวยไชยาเพี้ยนแน่ๆ เพราะคนบางคนความรู้น้อยแต่อัตตาสูง คนพวกนี้แหละครับที่จะทำให้วิชามวยไชยาที่ครูทองมานะสืบทอดมากว่า 20 ปี ต้องผิดเพี้ยนไปเพราะความที่คนเหล่านี้ยังมีความรู้เกี่ยวกับมวยไชยาเพียงผิวเผิน แต่ก็ตั้งตัวเองขึ้นเป็นครูเสียแล้ว ถ้าผู้ที่จะตั้งตัวเป็นครูจะมีการยอมรับกันเองว่าใครคือผู้ที่ได้วิชาจากครูมามากที่สุดที่พอจะเป็นหลักที่ยึดถือว่าถูกต้องตามที่ครูสอน และการไปฝึกเพิ่มเติมหรือหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจความเป็นมวยไชยาได้ถูกต้องตรงกัน ทุกคนก็สามารถจะเป็นครู และสอนศิษย์เท่าที่ตัวเองมีความรู้อยู่ เหมือนอย่างเทควันโด้ เขากำหนดไว้เลยว่า จะสอบสายต้องทำอย่างไร และผู้ที่เปิดสอนได้ต้องได้สายดำแล้วเท่านั้น และการสอบสายดำก็ต้องผ่านการสอบที่ควบคุมมาตรฐานจากประทศเกาหลีเท่านั้น เขาจึงสามารถควบคุมไม่ให้วิชาผิดเพี้ยน สำหรับมวยไชยา เท่าที่ผ่านมาก็มีบางสายแล้วครับที่ผิดเพี้ยน ซึ่งนับว่าผิดเพี้ยนขนาดผิดครูทีเดียว เพราะสิ่งเขาทำให้ผิดเพี้ยนคือท่าครู ซึ่งถือเป็นหัวใจของมวยไชยา ไม่ใช่ต้องการจะปิดกั้นไม่ให้คนที่เคยเรียนมวยกับครูทองตั้งตัวเองเป็นครูสอนมวยไชยา เพราะผมก็เป็นหนึ่งที่มีสิทธิ์จะเป็นครูได้ แต่ห่วงวิชามวยไชยาว่าจะผิดเพี้ยนไปถ้าไม่มีการควบคุม เพราะถ้าเป็นอย่างนี้อนาคตลูกศิษย์รุ่นหลังๆจะไม่รู้ว่ามวยไชยาที่ถูกต้องเป็นอย่างไร คงต้องมีการทะเลาะกันแน่ๆว่าของตัวเองต่างหากที่ถูกของคนอื่นผิด แต่สังเกตุว่าผู้ร่วมลงชื่อในแถลงการณ์ ไม่มีศิษย์รุ่นที่ร่วมแรงร่วมใจกับครูทองเผยแพร่มวยไชยาตั้งแต่ท่านเริ่มสอนมวยไชยาในแบบมวยคาดเชือกโบราณ ทั้งสายรามฯ จุฬา ฯลฯ เลยนะครับ มีแต่ พระต้า ซึ่งเป็นศิษย์ที่ครูทองสอนในแนวมวยเวทีเพื่อขึ้นชก ไม่ใช่แนวมวยคาดเชือกโบราณ จากคุณ : คมแฝก - [ 8 พ.ย. 47 21:02:27 A:203.158.250.137 X: ] ความคิดเห็นที่ 151 มันก็ไม่เห็นมีอะไรไม่ดีตรงไหนเลยครับแถลงการณ์ฉบับนี้ออกมาเพื่อผู้มีเจตนาดีเท่านั้นผมว่าคุณแจมคิดมากไปน่ะสายกลางครับทุกอย่างจะให้เป็นดั่งใจเราเองแต่ผู้เดียวนั้นเห็นจะยากบางทีสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้องแต่บางทีไม่ถูกต้องหรือบางทีความรู้ของเราไม่พอที่จะมองว่าเป็นอย่างไรก็เป็นได้ยกตัวอย่างเมื่อเรายังเป็นเด็กเราอาจเกลียดที่จะรู้ว่าวันหนึ่งข้างหน้าเราจะต้องตายเราจะไม่ยอมรับแต่เมื่อเราเติบโตขึ้นอีกสักหน่อยเราจะเริ่มรู้ว่ามันเป็นธรรมดาของสังสารวัฏมีเกิดย่อมมีตายเช่นเดียวกันแต่อาจผิดเพี้ยนไปสักนิดวิชามวยไชยาใครๆก็ชอบอ้างว่าเรียนมากับครูทองแล้วเป็นมวยไชยาเคยเข้าใจคำว่าตาบอดคลำช้างไหมครับคือว่าต่อให้คลำช้างทั้งตัวเขาก็ไม่รู้หรอกว่านั่นคือช้างต่างกับคนตาดีไม่ต้องคลำก็รู้ว่าสิ่งที่เขาเห็นอยู่เบื้องหน้านั้นเขาเรียกกันว่าช้างยกตัวอย่างนี้เปรียบได้กับบางท่านบางคนอยู่ใกล้ชิดสนิทสนมแต่ไม่มีโอกาสได้ล่วงรู้ปรัชญาหรือคำนิยามของคำว่ามวยไชยาว่ามันคืออะไรแต่กลับไปสนใจกับการฟ้อนรำทำท่าการแสดงต่างๆที่เป็นการละเล่นแต่ไม่มีปัญญาคือดวงตามองเห็นว่ามวยไชยานั้นที่จริงมันอยู่ตรงไหนและทำไมมันถึงได้เรียกว่ามวยไชยาแต่บางท่านบางคนถูกปรามาสว่าเรียนเพียงไม่กี่เดือนไม่กี่ปีแต่เขากลับมีความซาบซึ้งถึงแก่นแท้ของคำว่ามวยไทยคืออะไรกันแน่นั่นเป็นเพราะว่าเขามองทะลุถึงหัวใจของมวยไชยาหรือหัวใจของมวยไทยที่ครูบาอาจารย์ได้อบรมสั่งสอนนั่นเองยกตัวอย่างให้กระจ่างชัดลงไปอีกคือเมื่อครั้งสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าของเราท่านตรัสรู้ด้วยการปฏิบัติท่านมิได้ตรัสรู้ด้วยการอ่านหรือการท่องจำและเมื่อท่านได้อบรมสั่งสอนพุทธสาวกสาวกบางองค์อยู่กับท่านมานานแต่กลับบรรลุช้ากว่าสาวกบางท่านนั่นเป็นเพราะว่ามันไม่สำคัญหรอกว่าใครจะอยู่นานกว่าใครสำคัญที่ว่าใครจะเอาหัวใจของวิชานั้นๆได้ก่อนกันนั่นเองและก็ยังหมายถึงผู้ใดยิ่งไม่ชำระจิตของตนย่อมไม่มีทางเข้าใจศาสนาพุทธได้ข้อสำคัญเราอย่ามองภายนอกให้เรามองภายในบางท่านบางองค์กลับเอาพิธีกรรมทางด้านศาสนาพราหมณ์หรือกลับเอาฤทธิ์เอาเดชมาเป็นสาระว่านั่นแหละคือแก่นแท้ของศาสนาด้วยซ้ำไปโดยลืมไปเสียแล้วว่าพระพุทธเจ้าของเรานั้นท่านตรัสรู้ด้วยการนั่งหลับตาทรมานจิตของท่านจนได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณตัดสังโยชน์เครื่องเหนี่ยวรั้งและไม่มีการเวียนว่ายอีกต่อไปให้สำนึกไว้เสมอว่าพิธีกรรมต่างๆนั้นเป็นเพียงเปลือกหุ้มแก่นเหมือนเปลือกไม้หุ้มแก่นไม้การร่ายรำทำท่าชื่อเรียกต่างๆหรือการได้อยู่กับครูบาอาจารย์นานเท่านั้นเท่านี้จะไม่มีความสำคัญใดๆเลยหากท่านไม่สามารถเข้าถึงแก่นวิชามวยไชยาได้ท่านจะเป็นเพียงนกแก้วนกขุนทองที่เรียกหรือเอ่ยถ้อยคำต่างๆได้อย่างชัดถ้อยชัดคำเท่านั้น จากคุณ : ตาสว่าง - [ 11 พ.ย. 47 20:21:34 A:61.90.95.17 X: ] ความคิดเห็นที่ 152 ครูทองเคยสอนการละเล่นให้ขึ้นชกจริงหรือเปล่า แล้วที่ครูเล็กบอกว่าเรียนแบบใช้ได้จริงน่ะเคยใช้จริงหรือ เคยขึ้นชกมั่งหรือเปล่าหรือวันๆนั่งวาดรูปอยู่อย่างเดียว คนไม่เคยปฎิบัติมีแต่ทฤษฎี จะเข้าถึงแก่นได้จริงหรือ คนที่ดีแต่พูดแล้วทำไม่ได้ย่อมไม่ใช่ครูมวย แล้วมาคอยตีรวนคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวคนแบบนี้มีหน้ามาสอนคนอื่นอีกหรือ การออกมาใช้ชื่อไม่ซ้ำกันเพื่อมาเอาดีใส่ตัวโยนชั่วใส่คนอื่นเป็นสิ่งที่คนเป็นครูพึงจะทำรึไงคนจะอยู่นานหรือไม่นานไม่เกี่ยวกันก็จริง แต่คนที่ฝึกกับไม่ฝึกมันต่างกันมากนะครับจะบอกให้ แล้วมาอ้างว่าเคยฝึกแต่คนไม่เห็นเพราะฝึกบนบ้านครูน่ะเลิกคิดไปเลย ใครๆก้รู้ว่าทำไม่ได้ แค่เดินก็โยกแล้วขืนทุ่มกันบ้านก็พังพอดี รูปถ่าย"ตอนฝึก"กับครูทองน่ะมีสักใบมั้ย ไม่ใช่แค่รูปถ่ายคู่กันเฉยๆนะครับแล้วเอามาอ้างมั่วๆอย่างนี้ผมก็ทำได้ แถมทำได้ดีกว่าพวกคุณซะอีก เพราะข้อมูลผมเยอะกว่าพวกคุณมาก แต่ผมก็ไม่ทำเพราะผมยังมีจิตสำนึกของความเป็นคนอยู่มาก และคำว่ากตัญญูเป็นสิ่งที่คอยเตือนใจผมเสมอมา อย่าให้ต้องแปลคำว่ากตัญญูเลย เพราะเด็กอนุบาลก็ยังรู้ว่าแปลว่าอะไร ยกเว้นพวกคนไร้สำนึกเท่านั้นล่ะครับ จากคุณ : คนรู้จักครูทอง - [ 12 พ.ย. 47 01:29:28 A:61.90.16.171 X: ] จากคุณ : abcdefg - [ 9 ก.พ. 50 11:02:49 A:192.168.0.31 X:58.136.52.179 TicketID:031958 ]

ความคิดเห็นที่ 95 จากคุณ : คุณพระช่วย -]<---คนนี้ใครครับ...   ผมไม่รู้จัก จากคุณ : บอยไม่ดื่ม -  ก็ไม่ได้เขียนต่อว่าอะไรนี่ครับ... ความคิดเห็นที่ 4 วิชามวยไชยานั้น เป็นมวยที่ใช้ในการรบและมีความรัดกุมจนสามารถสร้างชื่อในการตีมวยหน้าพระที่นั่ง ตามที่คุณ บอยไม่ดื่มกล่าวไว้แล้ว จนมีคำกล่าวว่า " หมัดโคราช ฉลาดลพบุรี ท่าดีไชยา " แต่เมื่อสืบทอดมาถึงปัจุบัน มีศิษย์ไชยาหลายท่านเริ่มเปิดตัวสอนมวยไชยาซึ่งในสมัยก่อน การที่จะออกมาเป็นครูสอนได้นั้น ต้องได้รับการอนุญาติจากครูผู้สอนว่าสามารถที่จะสอนได้โดยจะมีคำกล่าวที่ครูจะถ่ายทอดแก่ศิษย์ทุกคนเสมอคือ "พูดได้ทำไม่ได้ไม่ใช่ครู พูดได้ทำได้จึงเป็นครู" เป็นการป้องกันไม่ให้วิชาผิดเพี้ยน หลังจากเสียชีวิตของครูทองซึ่งถือได้ว่าเป็นศิษย์ท่านปรมาจารย์เขตร์ ซึ่งสืบทอดการสอนต่อมา ก็มีบุคคลหลายคนที่เปิดตัวเองออกมาเป็นครูมวยไชยา โดยอาศัยกระแสกระแสนิยมที่ครูทองและกลุ่มลูกศิษย์มุมานะเผยแพร่มากกว่า 20 ปี ซึ่งบรรดาครูมวยต่างๆนั้นมีทั้งบุคคลที่มีวิชาความรู้จริง และบุคคลที่คิดว่าตัวเองมีความรู้ การที่จะดูว่าครูท่านใดเป็นครูที่แท้จริงนั้นไม่ใช่ดูจากการพูดคุยเพียงอย่างเดียวเพราะบางคนนั้น พูดเก่งกว่าทำ แต่ดูได้จากการสอนหรือลูกศิษย์ที่ครูท่านนั้นๆสอนว่า "เข้าท่า" หรือไม่ ผมคงไม่วิจารณ์นะครับว่าใครเป็นอย่างไร ผู้เห็นย่อมสามารถตัดสินได้เอง จากคุณ : คมแฝก - [ 25 ก.ค. 47 22:39:10 A:203.158.250.127 X: ] --ความเห็นของคุณคมแฝก..   อันนี้เป็นประเพณีที่เป็นประวัติความเป็นมาเลยนะครับ....   และเป็นความจริงที่รับรู้กันอยู่...    บทความนี้นี่...   คุณคมแฝกต่อว่าหรือห้ามใครสอนหรือครับ...   เอามาบอกเล่า...   เข้าหูคนที่ร้อนตัว..  ก็ร้อนตัวไป...   คนที่เค้ารู้แล้วไม่ร้อนตัวก็มีมาก...   คนที่เชื่อวามาถูกตามประเพณีก็มี...   กังวลอะไรครับ... --หรือคุณคิดวาคนที่เรียนมวยแค่ไม่กี่วันแล้วบอกว่าเป็นศิษย์ครูคนโน้นคนนี้ล้วนมีวิชาพอจะเป็นครูตามรูปแบบที่ครูท่านต้องการได้ทุกคน.. --สมมุตตินะครับสมมุติ...   ผมสอนดาบให้นายดุ่ย...  นายดุยดุยมาเรียนได้1สัปดาห์ก็เลิก...   ไม่ไหว...   แต่โทรคุยติดต่อกันอยู่...    จู่ๆวันนึงนายดุ่ยจะเปิดสอนดาบในแบบของผม...(อันที่จริงมันไม่มีนะครับ  ดาบแบบของผมนี่..)  นายดุ่ยจะดุ่ยสอนได้มั้ยครับ...   สอนได้ครับ...  ได้แต่ดาบแบบของนายดุ่ยเอง...   แล้วจะให้ผมรับรองได้ยังไงหละครับ...     --ข้อนี้นะครับ...   จะเห็นว่าเป็นบทความคุณคมแฝก...   ครับ...   ไม่แฟร์เลยที่ไม่ตอบโต้คุณคมแฝก...   แต่ไปโจมตีครูแปรงเอง...   ถามจริงๆครับ...   พี่คมแฝกกับครูแปรงหนะ...   ไม่ใช่คนเดียวกันนะครับ...   ทำไมไปโจมตีที่ครูได้...     แปลกเนอะ... ความคิดเห็นที่ 150 จากคุณ : คมแฝก - [ 8 พ.ย. 47 21:02:27 A:203.158.250.137 X: ] ความคิดเห็นที่ 151 จากคุณ : ตาสว่าง - [ 11 พ.ย. 47 20:21:34 A:61.90.95.17 X: ] --2บทความนี้ล้วนเป็นความเห็นที่คุณคมแฝกและคุณตาสว่างคุยกันครับ....    ไม่มีบทความใดที่ครูแปรงออกมายืนยันว่า...   ท่านนั้น..  ท่านนี้...   สอนไม่ได้...   มีแต่คุณคมแฝกเข้ามาเขียนบทความ...  และเป็นบทความที่เป็นประเพณีที่มีมาแต่ก่อนของเรา...   คุณตาสว่างก็เข้ามาให้เหตผลว่า...   คนเรียนมาไม่นาน...   ถ้าเข้าใจก็สอนได้...    มีตรงไหนที่บอกว่า...     ห้ามสอน...   งง...     หรือ.....   หรือ...   หรือ...    คุณคุณพูดถึงท่านใดท่านหนึ่ง...   ว่าท่านเข้าใจและเชื่อในประเพณีที่คุณคมแฝกกล่าวมา...  ว่าตนไม่ได้ครอบครู..  จึงไม่มีสิทธิสอนตามประเพณี...   แต่อยากสอน...   คุณเลยร้อนตัวเถียงแทน....     กำจิงๆครับ...  ท่านผู้ชม...   มีแต่คุณคมแฝกพูดกับคนที่เข้าใจว่าคิดอย่างอื่นก็ได้คุยกัน..   คุณกลับมาบอกว่าเขาเหน็บแนม...     --ครูไม่ได้ไปห้ามใครสอนนะครับ...   แถมตอนนี้ถ้ามีคนมาฝึกเพื่อเป็นครู...   ครูท่านก็ยิ่งยินดีด้วย...     ความคิดเห็นที่ 152 จากคุณ : คนรู้จักครูทอง - [ 12 พ.ย. 47 01:29:28 A:61.90.16.171 X: ]<---คนนี้ใครครับ...   ผมไม่รู้จัก --คุณabdefg ครับ...    ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร...   แต่คุณรู้ว่าผมเป็นใคร...  (ถ้าวันนั้นคุณเห็นผมนั่งน่าเกลียดขนาดนั้นจริงๆอะนะ...  คงรู้..)  เราสนทนากันแต่ในเวบไซด์   หากคุณไม่พอใจผม...   ผมขอโทษด้วยนะครับ....     --ผมไม่เรียกร้องให้ใครปรับความเข้าใจและทัศนะคติใหม่นะครับ.....      ผมเสนอในสิ่งที่เป็นจริงในกลุ่มผมออกไป....    คนอื่นว่าอย่างไร...  ก็เป็นสิ่งที่ภายนอกรู้จัก... --อ้อ...   ขออณุญาติรบกวนอีกเรื่องนึงนะครับ...     --กระแสที่กล่าวว่าครูแปรงดูถูกวิชาอื่นๆ...   โดยเฉพาะมวยจีน...   มวยเวที...  และดาบสายอื่นๆนั้น...   มันเกิดจากกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม... (ผมรู้จักเขาดี...  เพราะผมเคยสอนดาบเขาในชมรมมาก่อน...)  ซึ่งรับรู้ข้อมูลเพียงแง่มุมเดียว...   ปัจจุบันนี้...   เรื่องเหล่านี้ถูกเคลียปัญหาไปหมดแล้ว...  อันที่จริงเป็นเรื่องภายในราม...   ไม่ใช่ภายนอก...   ส่วนน้องคนนั้นผมก็ยังเป็นน้องรักของที่รามอยู่.....   ไม่เปลี่ยนไปไหนจากเริ่มต้นมา...  ถึงจะขัดแย้งกันก็เถอะ...   เรื่องมันจบไปปีกว่าแล้วครับ...   แต่กระแสนี้มันยังส่งอาฟเตอร์ช้อคอยู่....    มันจึงเหมือนว่าพวกผมเป็นแบบนั้นกันตลอดร่ำไป...   ทั้งๆที่จริงแล้วเหตุการณ์มันเกิดจากความไม่เข้าใจกันเป็นพิเศษเพียงครั้งเดียว...      และทุกอย่างก็เคลียลงตัวแล้ว.... --ถ้ากลุ่มๆใด...   ยังรู้สึกว่าพวกผมยังรังเกลียด..  ดูถูกพวกคุณอยู่...    ผมคนนึงหละยืนยันว่าไม่ใช่....    และขออภัยในสิ่งที่คุณรู้สึ่กแต่ก่อนมา.....   ถ้ามันจะทำให้รู้สึกดีขึ้น...     --ก่อนนี้ผมอยู่ที่ราม...   ผมก็รู้จักทั้งอาจารย์หนู...   พี่ซาโต้..  เจ๋ง...   และใครๆอีกหลายคน...   มวยเวทีมาขอซ้อมด้วย...   พวกผมก็แฮบปี้...   รุ่นพี่ก็ชวนกินเหล้าด้วย...    เออ...   อยู่มาวันนึงมาหาว่าผมเกลียดพวกเค้า...    งงครับ... ปล.  ผมทำงานหนักครับ...   กลับดึก...   ตาลาย...   ถ้ายังไง...   บทความนี้...   จะถูกโต้แย้งอย่างไร....   ผม...   ไม่ตอบแล้วนะครับ....   สุดท้าย.... ถ้า...   เป็นคนอายุมากกว่าผม...   เป็นรุ่นพี่บางท่านที่ผมรู้จัก.... ผมกราบขอขมาด้วยครับ...   แต่อันนี้เป็นความรู้สึกของผมจริงๆ..... แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 50 17:53:22 แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 50 11:18:47 จากคุณ : งาสาน - [ 9 ก.พ. 50 19:41:49 ]

ความคิดเห็นที่ 96 คุณงาสานนี่ลึกซึ้งมากนะครับ เหมือนจะอ่อนน้อมถ่อมตัว กราบขอขมาไปทั่ว แต่เจาะจงระบุชื่อ กลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่กลุ่มคุณไว้หมด ก็เท่ากับโยนขี้ให้คนอื่นๆนั่นเอง ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอริงๆ จากคุณ : รู้ทัน - [ 9 ก.พ. 50 20:54:50 A:124.121.19.142 X: TicketID:123364 ]

ความคิดเห็นที่ 97 คุณงาสาน จิงๆผมไม่ได้มีความมุ่งหมายถึงว่าคุณไปว่ากลุ่มไหนเลยนะครับ เพียงแต่ข้อมูลที่เห็นเป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้นเอง จริงๆมันต้องอ่านทั้งหมด ผมน่ะไม่ได้เจาะจงใครเลย แต่ไม่ทันไรคุณก็กระโดดโหยงเหยงซะแล้ว แก้ต่างเป็นพัลวัล ผมขอเวลาขุดข้อมูลก่อนนะครับ อีกอย่างนะครับ คุณเป็นใครผมไม่รู้จักคุณหรอกครับ แล้วที่ผมโพสถ์ข้อมูลมาแค่นี้เพราะมันคือข้อมูลเท่าที่มีในมือตอนนี้ครับ ยังมีเรื่องดูถูกมวยไทยอาชีพ ดูถูกมวยอื่นๆ และ อีกมากมายครับ ส่วนที่นำมาแปะคือส่วนของกลุ่มคุณกับกลุ่มอื่นที่พอจะหาได้ ผมเลยบอกไงว่าเสียดายที่กระทู้เก่าๆในนี้มันโดนลบไปหมด ไม่งั้นสนุกแน่ครับ แต่ผมก็อาจพอมีที่เซฟเก็บไว้บ้างก็จะเอามาแปะให้ดูอีกนะครับ ปล.อาการอย่างคุณงาสานอย่างนี้เขาเรียกว่าร้อนตัวรึเปล่าครับ จากคุณ : abcdefg - [ 10 ก.พ. 50 10:50:11 A:192.168.0.31 X:58.136.52.185 TicketID:031958 ]

ความคิดเห็นที่ 98 สวัสดีครับ... ตกลงกลุ่มทุเรียนปลาร้านี้... ไม่ได้หมายถึงกลุ่มของครูแปรงนะครับ.... ผมทำงานหนักครับ... กลับดึก... ตาลาย... ครับ... ผมเข้าใจผิดไป... ตกลงเป็นว่าผมร้อนตัวคิดว่ากลุ่มที่ถูกว่านี้เป็นกลุ่มผม... (กลุ่มมูลนิธิมวยไทยไชยาของครูแปรง) ถ้าไม่ใช่... ผมก็คงต้องเรียกว่าร้อนตัวเกินไป... ต้องกราบขอโทษผู้ใหญ่ทุกท่านด้วยครับ... รวมทั้งการเอ่ยนามที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ... ต้องขอโทษด้วยครับ.... ต่อไปจะระมัดระวังให้มากขึ้น.... ขอบคุณครับ.. ถ้ายังไง... บทความนี้... จะถูกโต้แย้งอย่างไร.... ผม... ไม่ตอบแล้วนะครับ.... จากคุณ : งาสาน (งาสาน) - [ 10 ก.พ. 50 14:37:53 ]

ความคิดเห็นที่ 99 http://www.muaychaiya.com/forums/index.php?act=ST&f=1&t=562&s=e28cdd76c1737c0821e80da9821cdf6e ----- อ่านแล้วพิจรณาเอาเองครับ ---- ขอบคุณครับ จากคุณ : EZ2DJ - [ 11 ก.พ. 50 21:38:41 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ไอ้เรืองพวกนี้ไม่ใชเรืองใหญ่อะไรหรอกคับ การผิดพลาดในการฝึก ใครๆก็เป็นกัน ไม่รู้ไม่ผิดหรอกคับ   เป็นผม ผมก็ต้องเกรงใจแกล้งทำโง้ไปดีกว่า (เรืองราวนี้พี่พลายเคยพูดเอาไว้เออมันตร่งตร้งนะคับ ) อย่างไงทำอะไรก็รักษาหน้า ครูอยู่แล้ว จะได้ไม่ผิดใจกันทีหลัง จะใช้แรงเต็มแรงไม่ใช้เรือง ทำอะไรเต็มแรง อย่างมากก็เสมอตัว พลาดก็เจ็บหนัก และจะเอาจริงกันไปทำไม่ ผมสงสัยคับ ศิษย์คนนั้นนะใคร? มันเกียว ข้องกับคนสองกลุ่มได้อย่างไง มันคล้ายๆ ว่าโยนไป โยนไปมาอย่างไงก้ไม่รู้ (คนอ่านคิดเหมือนผมไหมคับ) เกียวกับอจ.เจือผมหาไม่ได้คับ แต่ผมเชือว่าต้องมีคนเห็นกระทู้นั้นคับ ไม่เป็นไรคับ ผมเชือเรืองกรรม ใครทำสิงใดมันผู้นั้นต้องยอมได้รับกรรมตามละสัดส่วนคับ เช่นเดียวกับผมคับถ้าผมใส้ร้ายป้ายสีพวกคุณ ขอให้ผมมีอันไปเป็น ทำอะไร ไม่เจริญ มีแต่คนเกลียดชั้ง อยู่ทีไหนมีแต่คนตามด่าตามว่าคับ แต่ถ้าเรืองราวทีผมพูดเป็นจริงผมขอให้มันเป็นไปตามกรรมคับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 50 22:59:54 จากคุณ : win (win_mma) - [ 11 ก.พ. 50 22:57:10 ]

ความคิดเห็นที่ 101 เมื่ออ่านกระทู้เปิดเสร็จ ผมคิดว่าคงจะมีความเห็นเชิงขัดเเย้งตามมาเป็นพรวน เพราะยังมีคนที่มีอัคติเเละมองโยงว่าเป็นเรื่องมวยจีนเเพ้มวยไทย ทั้งๆที่เป็นเรื่องการต่อสู้ของคนสองคน เเพ้ชนะก็เป็นเพียงเรื่องเฉพาะของนักมวยทั้งสองเ่ท่านั้น ไม่เกี่ยวว่าวิชาอะไรเเพ้อะไร ทั้งมวยจีนเเละมวยไทยก็เป็นศิลปการต่อสู้ที่ผมยอมรับนับถือเสมอ จากคุณ : Solar Apex (Solar Apex) - [ 11 ก.พ. 50 23:16:49 ]

ความคิดเห็นที่ 102 สวัสดีครับ ผมสนใจแต่ว่า เป็นไปได้ใหมครับ ว่าในกระทู้นี้จะเป็นการคิดบัญชี มากกว่าการปรับความเข้าใจ ซึ่งกันและกัน ถูกใหมครับ ? ทั้งสองฝ่าย ต่างมีความจริงของตนและพยายามที่จะแสดงข้อพิสูจน์ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้าม ยินยอมรับความจริง ของฝ่ายตน ปัญหามีอยู่ว่า ความจริง ที่โต้แย้งกันนี้มีส่วนผูกพันถึง ครูอาจารย์ ของตนไปในตัว อันมีความจำ เป็นที่ต่าง จำต้องยืนกระต่ายขาเดียว ไม่มีสิ้นสุด อันจะไม่มีโอกาสทราบความจริงและก็ไม่มีผลประโยชน์ใด นอกจากผลเสีย ถูกใหมครับ ? ตามปรกติแล้ว ไม่มีใครที่กระทำสิ่งใดถูกควรมาแต่กำเนิด ในอดีตต่างก็มีประสบการณ์ทั้งในสิ่งสมควรและ ไม่สมควรผ่านมาทั้งนั้น ระยะเวลากับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ในปัจจุบันนี้อันเราอาจจะอ้างได้ว่า  สันดอนนั้นขุด กันออกได้แต่ สันดานนั้นจะติดตัวตลอดชีพ ถ้าตัวของตัวเองมีเคยมองเห็นว่ามันเป็นสันดานนั่นเอง ฉนั้นการ ที่จะไปต่อว่า น่าจะเรียกได้ว่า เป็นการเป่าปี่ให้ควายฟัง ถูกใหมครับ ? การแสดงข้อพิสูจน์นั้นๆ โดยอาศัยเอาสิ่งเคารพมาเป็นพยานสาบาล ฯลฯ เป็นเสมือนการยอมรับในตัวว่า คำ พูดของตนเป็นเพียงลมปาก เท่านั้น รวมทั้งเอาสิ่งที่ตนเองเคารพมาให้ถูกเหยียดย่ำอีกด้วย ในเมื่อผู้ฟัง ไม่ยินยอมที่จะเชื่ออยู่แน่นอนแล้ว  ถ้ามีความมั่นใจในตัวเอง ความสำคัญที่จะให้ผู้อื่นรับรองเชื่อถือก็จะขาด ความจำเป็นลงไป ถูกใหมครับ ? อย่างที่เห็น ทุกฝ่ายต่างมี เคารพนับถือ กับ ครูอาจารย์ ของตน การที่พยายามโต้ตอบ ฯลฯ เพื่อป้องกันชื่อเสียง หรือหาปมด้อยต่อต้านผู้บังอาจล่วงเลย เป็นวิถีทางหนึ่งที่เราทำกันจนคุ้นเคย มานาน แต่การแสดงความรู้และ คุณสมบัติที่ได้ร่ำเรียนมา จากครูอาจารย์  เพิ่อให้ผู้อื่นเกิดความเคารพนับถือโดยมิต้องโฆษณาบอกเล่า เป็น อีกวิถีทางหนึ่ง ที่น่าจะทดลอง ถูกใหมครับ ? ผมคิดว่า เวลาข้ามถนน แทนที่จะเชื่อใจว่า รถจะขับเลี่ยงไม่ชน ควรจะเลี่ยงตนเองออกจากทางรถ จะปรอด ภัยแน่นอนกว่า ครับ  อุจจาระบนถนนจะแหบแห้งตามยถากรรม แทนที่จะเดินเลี่ยง กลับไปคุ้ยเขี่ยแล้วอุทร ว่าเหม็น จะให้ใครเขาเห็นใจล๊ะครับ จากคุณ : พลายทมิฬ - [ 12 ก.พ. 50 13:24:48 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ผมยอมเหม็นคับ เอาผมไปตัดคอผมยืนยันคำเดิมคับ มันเป็นแบบทดสอบของชิวิต มันคือความขัดแย่งระหว่าง อุดมคติ กับชิวิตจริง ทีจะเลือกพวกพ้องหรือความถูกต้อง จะข้ามตัวเอง เพือก้าวไปข้างหน้า  หรืออยู่กับที่ ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน แบบทดสอบอย่างนี้   จะบอกได้ ว่าพวกเขาเป็นนักศิลปต่อสู้แบบไหน เพราะผลของกรรม(หรือชิวิต)ของเขา จะตอบตัวเขาเองมิใช้ผม ขอไว้อาลัยให้กับ พี่นำโชค แดงพุด ผู้กำกับ ภาพยนตร์เรื่อง  สมองกลคนอัจฉริยะ” เยาวราช " พี่ เป็นนักกีฬา เทกวนโดสมัยราม  และเป็นรุ่นพี ผมทีชมรม adc รุ่นไล่ๆกับ พี่หนุ่มสันติสุข   พี่เป็นแบบอย่าง ของ เรืองความพยาม อยู่ไหนความสำเร็จ อยู่ทีนั้น พี่ใช้เวลา 8ปี ในการขายพล็อกหนัง  ถึงจะทำเรืองแรก ได้ และ ใช้เวลา อีก10ปี สำหรับเรืองทีสอง ทีผมเสียทีสุดก็คือ เรืองทีแก่จาก ไปเพราะโรคมะเร็งโดยผมไม่ทราบเลยT Tทั้งทีเมือปีทีแล้วยังเจอแก่ตามงานปาร์ตีและงาน ต่างๆ   ขอให้พี่โชคไปดี คับน้องคนนี้ขอแสดงความเสียใจอย่างทีสุดคับ แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 50 22:28:24 จากคุณ : win_mma - [ 13 ก.พ. 50 22:14:10 ]

ความคิดเห็นที่ 104 คุณ วินฯ ครับ การที่คุณ ....ยอมเหม็น... นั้นก็เป็นอิสระของคุณครับ ที่ผมอ้างถึงนั้น หมายถึงว่า สมควร กับผลประโยชน์ที่จะได้รับ หรือไม่เท่านั้นเองครับ ผมไม่สามารถมองเห็นว่าเป็นแบบทดสอบ ของชีวิต ครับ อันเสมือนกับ คุณวิ่งชนกำแพงยอมเจ็บ เพื่อให้ทะลุผ่านให้ได้ จากที่ผมได้ติดตาม คห ของคุณในบอร์ดต่างๆ ความมีทิถิของคุณ สมมุติว่าผมเป็นคุณ ก็จะทำให้ผมเกิดมีคำถามกับตัวเองขึ้นมาว่า ...ถ้าคุณนำเอาทิถิของคุณ แสวงหาประตูเข้าผ่านแทนที่จะวิ่งชนต่อไป เพราะไม่มีกำแพงใดไม่มีประตู คุณน่าจะประสพความสำเหร็จ ได้หรืออย่างน้อยคงจะบรรเทาลดความเจ็บปวดลงไปจากเดิม... ครับ อันใหนสำคัญในชีวิตของคุณครับ ...พวกเขาเป็นนักศิลป์ต่อสู้แบบใหน (ลักษณะมั่นคงของกำแพง) หรือตัว ของคุณเอง กับความเหม็นและเจ็บปวด ล๊ะครับ มีบางคนเท่านั้นที่สนใจหาความรู้ใส่ตัว แต่ส่วนใหญ่รื่นเริง กับการหาเรื่องใส่ตัว อันนี้แหละครับ ระหว่าง อุดมคติ กับ ชีวิตจริง ที่ๆ คุณยืนอยู่นั้นคือ ..ปัจจุบัน.. ของตัวคุณ เรื่องที่โต้แย้งหาความจริงนั้นเป็น ..อดีต.. คุณอยากก้าวไปข้าง หน้านั้นคือ ...อนาคต.. การที่คุณนำเอาปัญหาในอดีตมาหาความจริงในปัจจุบัน คุณจะสามารถทราบได้อย่าง มากที่สุดก็คือ ที่มาของปัจจุบัน ของคุณเท่านั้น สิ่งที่คุณจะสูญเสียไป ก็คือความจริงในปัจจุบัน ส่วนอนาคต นั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะเมื่อคุณ ถอยหลังจะไม่สามารถพบกับสิ่งข้างหน้าของคุณเองได้ ครับ และโดยเฉพาะ อย่างยิ่ง สิ่งที่คุณมองเห็นนั้น ไม่ใช่ตัวคุณเอง ครับ จากคุณ : พลายทมิฬ - [ 15 ก.พ. 50 12:11:23 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ดีนะเนี่ยช่วงนี้เป็นหวัด จากคุณ : j thailandfight (j thailandfight) - [ 17 ก.พ. 50 19:43:26 ]

ความคิดเห็นที่ 106 กลับเข้ากรุงครั้งนี้ นึกว่าเรื่องจะจบไปแล้ว หากไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ ก็คงจะเปลี่ยนตำนานไปเป็นอีกแบบ ดึงเอาแต่ความดีความชอบใส่ตัวเอง แต่บังเอิญเหตุการณ์นี้มีคนอยู่กันเยอะ และเห็นมาตลอด ขนาดนี้ยังพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าออกมาแก้ตัวกันอย่างหน้าด้านๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างๆมาตลอด เพียงแต่ยังไม่อยากเปิดเผยชื่อเท่านั้นเอง และคิดว่ายังมีอีกหลายคนที่อยากออกมาเล่าความจริงแต่ยังไม่มีโอกาสเท่านั้นเอง ทุกคำพูดทุกการกระทำ ผมยังจำได้หมด ตลอดเวลาที่ผมคลุกคลีอยู่ในกลุ่ม วันๆได้ยินแต่วิจารญ์คนอื่นในทางที่ไม่ดี ต่อหน้าอย่าง หลับหลังกลับเป็นอีกอย่าง จนพวกผมทนไม่ได้ต้องตีตัวออกมา อายุผมก็ไม่น้อยกว่านายแปรง อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป เคยฝึกปั้นหมัดสยดถดถ่อยจูบศอกมาไม่น้อยกว่านายแปรงเหมือนกัน ใครดีใครชั่วทุกคนรู้อยู่แก่ใจ เพียงแต่จะยอมรับหรือกลัวเสียหน้าเท่านั้นเอง จากคุณ : สมรักษ์ (K.D.C) - [ 23 ก.พ. 50 18:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 107 คุณสมรักษ์อยู่ในเหตุการณ์ต่างๆมาตลอดแล้วได้อยู่ใน เหตุการณ์วันที่มีการสาธิตมั้ยครับ พอดีเมื่ออาทิตย์ก่อนก็เพิ่งได้เจอคุณตุ้ย ซึ่งเป็นลูกศิษย์อ.หลี่ ซึ่งก็อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วย ท่านก็เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนที่ครูแปรงเล่า แล้วผมเองก็รู้จักเค้าซึ่งก็มีตัวตนอยู่บนโลกความจริง มิใช่เพียงโลกอินเตอร์เน็ต หากว่าคุณ สมรักษ์ อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น หากมีตัวตนจริง ไม่ทราบว่าพอจะบอกให้ผมทราบได้มั้ยครับ ว่าคุณเป็นใคร ผมจะได้ไปสอบถามถูก เพื่อเพิ่มเติมข้อมูล หากคุณเขียนเพียงเท่านี้ ผมเองก็เขียนได้ครับ ล็อคอินชื่ออื่นมาเขียนว่าผมเคยอยู่กลุ่มคุณ วันๆคุณคุยแต่เรื่องเสื่อมเสีย ไร้ประโยชน์ครับ แล้วถ้าหากยิ่งคุณเคยเรียน มวยไชยา ก็แก้ไขคำว่า สยดถดถ่อย ซะด้วยนะครับ วิชาที่ผมฝึกมาไม่มีคำแบบนี้ครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : EZ2DJ - [ 26 ก.พ. 50 16:34:34 ]

ความคิดเห็นที่ 108 นั่นดิไม่จบไม่สิ้นไปอ่านบอร์ดที่อาจารย์ลี เค้าก็ตอบแล้วนะ จากคุณ : Makotojr - [ 27 ก.พ. 50 12:12:58 ]

ความคิดเห็นที่ 109 EZ2DJ=PGP เจ้าหมาน้อย ตอนที่ข้าฝึกมวยเองยังเป็นวุ้นอยู่เลย เองจะไปรู้เรื่องอะไรกับเขา คนที่เองอ้างชื่อมานี่ มันเป็นเดียวกับพวกเองทั้งนั้นไม่ใช่ข้าจะไม่รู้จักมัน ไอ้พวกต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง หน้าไหว้หลังหลอกทั้งนั้นแหระ คนอยู่กันเป็นสิบเองเอามาอ้างแค่คนเดียว ถ้าคนรู้จริงจะไม่เอาคนนี้มาอ้างคนนั้นมาอ้างเพื่อกลบเกลื่อนดอก ครูเองจะฉิบหายก็เพราะพวกเองนี่แหระรู้ไว้ด้วย เองอยากรู้จักข้าสักวันจะไปให้เองรู้จัก และจะจูงเองไปเที่ยวลพบุรีให้สะใจเลย ข้าเคยเห็นเองมาแล้วที่สวนลุม รู้จักแล้วว่าตัวไหนเป็นตัวไหน เจ้าหมาน้อย จากคุณ : สมรักษ์ (K.D.C) - [ 2 มี.ค. 50 11:46:53 ]

ความคิดเห็นที่ 110 -*- คุณสมรักษ์ กล่าวว่าตอนที่คุณฝึกมวยผมยังเป็นวุ้นอยู่ อย่างนั้นคุณก็อายุเยอะมากแล้วสินะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็เสียใจนะที่คนอายุอย่างคุณ มากล่าวว่าคนอื่นเป็นหมาแบบนี้ ถ้าผมเป็นหมาน้อย คุณเองก็เป็นสัตว์ประเภทเดียวกันกับผม ถ้าไม่ได้เป็นสัตว์ประเสริฐ คุณก็เป็นหมาใหญ่สินะครับ -*- ผมเองก็กล่าวแล้ว ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่ก็รับฟังข้อมูลมา เมื่อได้รับทราบข้อมูลมาไม่ตรงกัน ก็ต้องหาข้อมูล พยานหลักฐาน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ไม่เช่นนั้นมันก็จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย จนถึงวันที่ข้อเท็จจริงหาไม่ได้ มานั่งถกเถียงกันอีกก็ใช่เรื่องครับ แล้วพี่ตุ้ยที่ผมกล่าวมา ก็เป็นคนที่หลายๆท่านรู้จักทั้งกลุ่มมวยจีน มวยไทย มีตัวตนอยู่จริง หากคุณจะบอกว่าเค้าเชื่อถือไม่ได้ แล้วตัวคุณที่ไม่มีตัวตนแบบนี้เชื่อถือได้สักแค่ไหนกันครับ ผมไม่ได้เอาท่านนั้นท่านนี้มาอ้าง เพื่อกลบเกลื่อนสิ่งใด แต่เพื่อนำมาเป็นพยานหลักฐานเท่านั้นเองครับ เพื่อข้อมูลที่ถูกต้องยิ่งขึ้น เพื่อเป็นเหตุผลให้ทราบเท่านั้นเอง ตัวผมเองหลายๆท่านก็รู้จักครับ ไม่ได้ปิดบังใครอะไรมากมาย และที่ผมใช้นามแฝงนี้ผมก็ใช้ในวงการอื่นๆด้วยมิใช่แค่ศิลปะการต่อสู้ หากคุณสมรักษ์จะมาให้ผมรู้จักก็เป็นการดีครับ ผมจะได้รู้ว่าคุณน่าเชื่อถือขนาดไหน แต่จะมาพาผมไปเที่ยวลพบุรี ขอตัวนะครับ ผมมีภารกิจช่วยชาติทางอื่นอยู่นะ ^_^ จากคุณ : EZ2DJ - [ 2 มี.ค. 50 19:37:58 ]

ความคิดเห็นที่ 111 pgp ผมว่าถ้าคุณหัดเงียบๆจะเป็นการดีกว่านี้นะครับ อย่าปากดีนักเลยครับ ผมพูดตรงๆนะครับ ว่าอย่าอ้างว่า คุณตุ้ยเล่าเหมือนอย่างครูแปรงเลยนะครับ เพราะมันจะหมายความว่าคนอื่นๆเขาโกหกคุณ แล้วยังมีหน้ามาอ้างว่าคุณตุ้ยเป็นลูกศิษย์อาจานหลี่ ใช่ครับเป็นครับ แต่ก็เป็นลูกศิษย์ครูทองด้วย จะอ้างก็ช่วยพูดให้ครบนะครับ แล้วก็อย่าคิดนะครับว่า คุณจะรู้จักคุณตุ้ยแค่คนเดียว ผมสงสัยเหลือเกินว่าทำไมมันยังไม่จบสิ้นสักทีนะครับ ขนาดครูคุณออกมากล่าวขนาดนั้นแล้วคุณก็เสือกยังไม่หยุดนะครับ คุณจะให้ครูคุณเดือดร้อนมากกว่านี้ใช่ไหมครับ ถ้าคุณไม่ยอมหยุดจะมีชุดใหญ่ตามมานะครับ ถ้าชอบให้ไม่จบก็ได้ครับเด๋วมีคนจัดให้คุณแน่ๆ อีกอย่างนะครับ เด็กน้อยอย่างคุณยังไม่รู้อะไรอีกเยอะครับ อย่าเสือกปากมากเลยครับ ถามจริงเถอะนะครับ คุณบอกคุณตุ้ยรึเปล่าว่าคุณอ้างชื่อ คุณตุ้ยในนี้ และ ยังอ้างว่าเล่าเหมือนครูแปรงทุกอย่างในทั้ง 2 เหตุการณ์ เอ้าช่างเป็นคนที่หาเรื่องให้คนอื่นเดือดร้อนได้เก่งจริงๆ จากคุณ : กระบือ - [ 3 มี.ค. 50 02:44:03 A:210.203.177.227 X: TicketID:031958 ]

ความคิดเห็นที่ 112 -*- เฮ้อ ผมออกความคิดเห็นมันก็เป็นสิทธิ์ของผมมิใช่หรือครับ คุณมากล่าวว่าผมปากดี แต่ผมก็ทำเพียงแค่นำเอาข้อมูลต่างๆมาให้อ่านกัน ผมเองก็ยอมรับอยู่แล้ว ว่าวัยผมอายุยังน้อยแต่ก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่ได้คิดอะไรทำอะไรตามใจ ตามอารมณ์หรอกนะครับ แล้วผมทำใครเดือดร้อนหรือครับ +-+ คุณนะเดือดร้อนเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ จากคุณ : EZ2DJ (EZ2DJ) - [ 3 มี.ค. 50 02:58:53 ]

ความคิดเห็นที่ 113 อุ๊ย นึกว่าเรื่องนี้จะจบแบบเงียบๆไปแล้วยังอุตสาห์กลับมาตะแบงต่ออีกเว้ย ครุแปรงสั่งมาเหรอครับ หรือ คุณตุ้ยให้มาโพสถ์ หึ หึ หึ ยังอุตสาห์หน้าด้านบอกว่าคุณตุ้ยเป็นลูกศิษย์อาจารย์หลี่ แต่ ดันไม่ยอมบอกว่าเป็นลูกศิษย์ครูทองด้วย คือ คุณตุ้ยนะครับแกเรียนหลายๆที่นะครับ เออ มันน่าจะอ้างให้ครบนะครับ ไหนๆก็อ้างคุณตุ้ยมาแล้ว ไหนช่วยยืนยันชัดๆด้วยนะครับว่า คุณตุ้ยแกบอกว่า 1.เรื่องบ้านหมอหลาน 2.เรื่องบ้านแฝดครูเล็ก เหมือนกับในประกาศของครูแปรงทุกอย่าง ปล.ว่าจะหยุดแล้วแต่มีคนมากระตุ้นต่อ ก็ไม่รู้ว่ามันโง่รึเปล่า เอ้าครูแปรงเดี๋ยวก็ได้มีแถลงการฉบับ 3 อีกหรอก 555 จากคุณ : abcdefg - [ 3 มี.ค. 50 10:41:20 A:192.168.0.31 X:58.136.52.65 TicketID:031958 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ขออภัยนะครับ ผมเขียนตอบคุณ สมรักษ์ โดยการอ้างพยานหลักฐาน มิได้ต้องการตะแบงต่ออย่างไร เรื่องจะเป็นอย่างไร ก็ถือว่าอธิบายไปแล้วและคนอธิบายก็อยู่ในเหตุการณ์และเป็นคนที่ประสบกับตัวโดยตรง ผมคงไม่ต้องเข้าไปอธิบายเพิ่มเติมหรอกครับ แล้วอย่างไรครับ คุณตุ้ยเป็นศิษย์ครูทอง เป็นศิษย์อาจารย์หลี่ แล้วคำพูดเค้าจะไม่น่าเชื่อถือหรือครับ แล้วคำพูดของคุณนะน่าเชื่อถือขนาดไหนครับ ผมเขียนต่อเพราะอยากรู้จักคุณ สมรักษ์ เท่านั้นเองว่าท่านเป็นใครครับ มีตัวตน น่าเชื่อถือเพียงใด จริงๆผมก็อยากทราบนะว่าคุณ Abc นะคุณคือใครครับ แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 50 13:44:27 จากคุณ : EZ2DJ (EZ2DJ) - [ 3 มี.ค. 50 13:39:42 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ขอใช้สิทธิ์พาดพิงนะครับ ผมตุ้ยครับ ผมไม่ทราบว่าคุณ pgp หรือ EZ2DJ นี่คนไหนนะครับ เคยคุยแต่กับครูแปรง และหลี่ซิงแซ วันนั้นก็ไม่รู้จักหน้า ถามครูแปรงท่านว่านั่งฟังอยู่ด้วย วันหลังหยุดซ้อมแล้วมาทักกันหน่อยนะครับ จะได้รู้จักกันไว้ ถ้าบอกใครว่าผมคุยด้วยผมจะนึกไม่ออก เพราะเราไม่ได้คุยกันเอง ถ้าบอกว่าอยู่ด้วยวันที่ผมคุยกะครูแปรงก็จะดีครับ ผมเคยเรียนกับทุกฝ่ายแล้วเหมือนกันว่าเรื่องนี้อยากให้จบเถอะ เรื่องต้น ๆ ไม่ได้มีอะไรแต่เล่า ๆ ไปเดี๋ยวจะกลาย แล้วเรื่องนี้ ประเด็นหลัก ๆ นั้น หลี่ซิงแซ และครูแปรงเล่าตรงกันครับ มีแตกต่างกันบ้างในรายละเอียดซึ่งเกิดจากการรับรู้ในมุมต่างกัน และไม่ใช่สาระสำคัญอะไร และผมโพสคราวนี้ ไม่ได้มีใครมาวาน และไม่เคยวานใครโพส และอยากให้ทุกท่านที่ยังแคลงใจทึกฝ่ายรักกันเหมือนปกติ ห่วงแต่พวกเรารุ่นหลังนี่แหละครับ เพราะผมเพิ่งวางหูจากหลี่ซิงแซ และครูแปรงมาหยก ๆ ทั้งสองท่าน ก็บอกว่า ดี รำคาญแล้วเหมือนกัน ข้อความนี้ ก็ได้ปรึกษาและได้รับความเห็นชอบ ทั้งหลี่ซิงแซและครูแปรงแล้วก่อน Post ถ้ายังไม่ลงเอยด้วยดี ผมก็หมดปัญญาแล้วครับ โพสครั้งเดียวเลยแล้วกัน ผมเป็นทั้งศิษย์ครูทอง และศิษย์ซิงแซน่ะแหละครับ อันดับแรกขอเรียนชี้แจงก่อนว่า ผมเคารพนับถือทั้งสองท่าน และตั้งแต่พี่หลานให้ผมพาไปหาซิงแซ ทั้งสองฝ่ายก็รู้จักกัน พอเป็นศิษย์สองครู (ความจริงยังอีกหลายครูครับ) ตอนที่ทั้งสองท่านยังไม่เข้าใจกันนั้น บางทีก็มีคนระแวงว่าเป็นพวกโน้นบ้างพวกนี้บ้าง หน้าไหว้หลังหลอกบ้าง ที่จริงแล้วผมหน้าไหว้ หลังก็ไหว้ครับ ไม่ใช่เฉพาะสองครูนี่นะครับ ยังมีอีกหลายคู่ในยุทธจักร ที่ผมรู้จัก และทั้งสองฝ่ายจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรขุ่นเคืองกัน แต่คนสงสัยถามไปถามมาก็ป่วน หลายครั้งที่การทำหน้าที่กาวใจนี่มันก็เหนื่อยนะครับ พอท่านใดสงสัยอีกท่านหนึ่ง เพราะยังไม่รู้จักกันในบางแง่มุม ผมก็ให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้เข้าใจกันดีขึ้น ไม่ได้เคยผสมด่านะครับ ซึ่งหลายครั้งก็ยังโดนต่อว่าเลยว่า เป็นพวกใครวะ ถึงมาเถียงแทน ไม่ได้เถียงแทนใครทั้งนั้นครับ แต่มันน่าเสียดายถ้าคนดี ๆ ต้องเข้าใจผิดกัน เรื่องนี้น่ะมันจืด ๆ ครับเกิดขึ้นนานมาแล้ว เรื่องหลัก ๆ นั้นไม่แตกต่างกันระหว่างที่ครูแปรง และหลี่ ซิงแซเล่า คือ 1.ที่บ้านหมอหลานไม่มีการประลอง ครูทองไม่ได้ส่งครูแปรงไปลง แต่เป็นหลี่ซิงแซเรียกครูแปรงลงไปเตะ เพื่อสาธิตการรับเตะ แม้จะมีการล้ม ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรน่าห่วง หลี่ซิงแซท่านก็เมตตา ครูแปรงก็ไม่ได้เจ็บตัวเพราะล้มเป็น ทั้งสองฝ่ายก็ได้ความรู้ และความพึงพอใจ ยิ่งพอได้คุยกันแล้ว ยิ่งถูกคอกัน การพูดคุยก็เสวนากันเพื่อหาความรู้ ไม่ใช่เพื่อหาว่าใครดีกว่าใคร 2.บ้านพี่อ้วนก็ไม่เคยมีการประลอง (ใครที่อยู่ในเหตุการณ์จริง ๆ ช่วยโพสทีเถอะว่าซอยไหน ) เรื่องนี้อาจจะมีบางแง่มุมที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์รับรู้ต่างกัน ตอนที่หลี่ซิงแซเรียกครูแปรงไปนั้น เรียกไปเพื่อสาธิตการตีศอกให้ครูทองดู แต่พี่แปรงนั้นอาจจะคิดว่าเป็นการเรียกไปสาธิตการไต่มือตบ เมื่อครูแปรงชกไป หลี่ซิงแซก็ไต่แขน ด้วยสปีดสาธิต ที่ถึงแม้จะเร็วแต่ก็ไม่เร็วเท่าจังหวะการตบจริง ๆ ซึ่งครูแปรงรับการตบนั้นไว้ได้ และจังหวะของการสาธิตศอกซึ่งอ.หลี่ได้หยุดวางศอกไว้ในอีกฝั่งเพื่อให้ครูทองได้เห็นมุมของการศอก เพื่อทำให้เห็นชัด แต่ไม่ได้มุ่งร้ายหมายตี และครูแปรงก็อยู่ในมุมที่รัดกุมพร้อมรับ แต่สำหรับผู้ชมแล้วการจูบศอกนั้นท่อนแขนอาจจะบังมุม ซึ่งถ้ามองเหตุการณ์นี้จากคนละด้านของข้อศอกก็จะเห็นภาพไม่เหมือนกัน เรื่องที่เล่าต่างกันอาจจะเพราะผู้เล่าเห็นจากมุมต่างกัน เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้ หลังจาก 2 เหตุการณ์นั้นแล้ว ทั้งครูทอง และหลี่ซิงแซ ก็ยังได้คบหากันต่อมา และครูแปรงก็เคารพนับถือหลี่ซิงแซ หลี่ซิงแซ ก็เมตตา ศิษย์ทั้งสองครู ก็ยังได้มีการฝึกร่วมกันอีกหลายครั้ง ก่อนจะ โพสข้อความนี้ ทั้งหลี่ซิงแซและครูแปรงก็ได้ฝากว่าขอให้ทุกฝ่ายปรองดองกันเถอะครับ และหากท่านใดยังแคลงใจ หรือสงสัยข้อความของผมหรือคิดว่าผมแอบอ้างชื่อของทั้งสองท่านก็สามารถเรียนถามทั้งสองท่านได้ที่สำนัก เฮอลีชวน และ บ้านครูแปรงได้เสมอ ยินดีต้อนรับด้วยไมตรี เพราะที่จริงแล้วคนในยุทธจักรนั้นคอเดียวกัน แต่โบราณนั้นแม้จะมีระคายเคืองกันบ้าง แต่เวลาศึกมาประชิดติดเมืองก็กอดคอกันตายเคียงมาหลายสมัย จะเคืองกันอย่างไร ก็ไม่เท่าแค้นอริราช รักสาวแค่ไหน ก็ไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่ารักน้ำใจคนร่วมแผ่นดินตอนชาติมีภัย อยากให้ทั้งคุณ PGP , EZ2DJ คุณสมรักษ์ และคุณ abcdef ลืมความหมางใจกันไปเถอะครับ แม้เห็นแตกต่าง ก็ไม่จำต้องแตกแยก รักกันไว้เถอะครับ ขอให้เรื่องราวนี้จบลงด้วยดี สถานการณ์บ้านเมืองอย่างนี้ บางทีวันหนึ่งข้างหน้า เราอาจจะต้องมีภารกิจเพื่อแผ่นดินเกิดร่วมกันอีกก็เป็นได้ ขออภัยหากเป็นการรบกวนที่โพสยาวมาก และขอขอบพระคุณที่ติดตามอ่าน สวัสดีครับ จากคุณ : ตุ้ย - [ 3 มี.ค. 50 14:17:24 A:202.90.4.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 116 ขอบคุณพี่ตุ้ยที่เข้ามาโพสครับ ^_^ ส่วนตัวไม่ได้โกรธแค้นเคืองใครหรอกครับ ในเวปไซต์ มันก็เป็นแค่ตัวหนังสือ พูดคุยกันครับ แค่เขียนอธิบายเหตุผลต่างๆให้รับทราบเท่านั้นเองครับ ^_^ จากคุณ : EZ2DJ (EZ2DJ) - [ 3 มี.ค. 50 16:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 117 หลังจากอ่านบทความคุณตุ้ยแล้ว ขอให้ PGP กลับไปอ่าน คห.54 ของตนเองด้วย "ครูแปรงกล่าวถามเรื่องนี้จากอาจารย์ลี่ในวันนั้นที่ผมไปละครับ และยังโทรศัพท์ไปพูดคุยกับอาจารย์ลี่ทีหลังด้วยครับ เมื่อเหตุการณ์ที่บอร์ดมวยไชยา มันเริ่มบานปลายซึ่งทั้ง 2 ครั้ง ที่ครูแปรงถาม ครูแปรงก็ถามว่าอาจารย์จำได้มั้ยครับ ว่าเป็นอย่างไร ทั้งเรื่องสาธิตการแก้เตะ และสาธิตการแก้หมัด หากไม่ใช่อาจารย์ท่านคงแย้งให้ฟังแล้วครับ ว่าจำผิดหรือเปล่า และท่านก็ไม่ได้บอกเลยครับว่ามีการสาธิตการฟันศอก อาจารย์หลี่ก็ไม่ได้พูดตรงกับที่คุณบอกเลย ผมจึงต้องถามคุณตั้งแต่แรกว่า คุณรับฟังเรื่องนี้มาจากใครครับ โอเคครับผมผิดเองที่ไม่ได้คิดว่าเรื่องมันจะบานปลายขนาดนี้ไม่งั้นผมก็คงอัดเทปเอาไว้เรียบร้อยแล้วครับจะได้ไม่ต้องมานั่งเถียงกัน" ไหนว่าไม่มีสาธิตแก้ศอกไง ใครพุดตรงไม่ตรงทุกท่านพิจารณาเอาเองเถิดครับ เด็กมันก็เป็นเด้กวันยังค่ำล่ะน๊า จากคุณ : abcdefg - [ 3 มี.ค. 50 17:22:21 A:192.168.0.31 X:58.136.52.65 TicketID:031958 ]

ความคิดเห็นที่ 118 -*- สาธิตการแก้ศอก *-* อะไรอีกละครับนี่ ผมเขียนเกี่ยวกับสาธิตการแก้ศอกด้วยหรือครับ อธิบายเพิ่มเติมหน่อยครับ จากคุณ : EZ2DJ (EZ2DJ) - [ 3 มี.ค. 50 19:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 119 abcdefg ไปเถียงกับพวกทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะ แต่งตำนานหลอกชาวบ้านไปวันๆ ปากคอเก่งกาจ พูดหน้าลืมหลังจนใครๆเขารู้กันทั่วแล้ว พวกเราจะโต้กับมันยังไงพวกมันก็หาทางดิ้นกันอย่างน้ำขุ่นๆ ที่จริงมันน่าจะรู้ตัวว่าสังคมเขาเอือมระอาพวกมันขนาดไหน แต่พวกมันก็ทำเป็นแกล้งเซ่อ เล่าอะไรออกมาแต่ละครั้งไม่เห็นตรงกันสักครั้ง แต่ก็ยังหน้าด้านแต่งเรื่องโกหกออกมาได้อย่างกับพวกนักแต่งนิยาย หากจะแต่งเพื่อให้อ่านกันสนุกๆก็ไม่ว่ากันดอก แต่นี่ดันมาแต่งเพื่อยกตนข่มคนอื่น ขนาดคิดจะเอามวยไชยาไปจดลิขสิทธิ์เท่านี้ก็เป็นความคิดที่เลวสุดๆแล้ว คิดออกไม่ได้ยังไงนี่ สิ่งศักดิ์ที่พวกมันชอบอ้างกันนักกันหนาคงจะสาปแช่งพวกมันให้ฉิบหายอย่าได้เจริญตกไปตามๆกันทั้งชาตินี้และชาติหน้าอย่างแน่นอน หากยังไม่ยอมจบไว้จะเข้ามาหลาวต่ออีกและไอ้พวกปากเก่งๆทั้งหลายว่างๆจะไปชมมันสาธิตด้วยปากเรื่องมวย อายุข้าก็พอๆกับครูเองนั่นแหระจะห่างกันมากน้อยก็แค่ปีสองปีเอง จากคุณ : สมรักษ์ (K.D.C) - [ 4 มี.ค. 50 15:02:12 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ใจเย็นๆ ครับ คนอ่านทุกคนมีสมองแยกแยะกันได้ครับ ไม่ต้องเถียงกันว่าใครจะได้เป็น rep สุดท้ายหรอกครับ ใครแถใครโกหก ผมว่าส่วนใหญ่ทราบกระจ่างกันดีอยู่แล้ว จากคุณ : อนุชิต - [ 4 มี.ค. 50 17:07:12 A:125.90.64.69 X: ]

ความคิดเห็นที่ 121 ครับผม คุณสมรักษ์ หากมาหาได้ก็ดีครับ จะได้ทราบว่าใครเป็นใคร จะเข้ามาชมการสาธิตด้วยปาก หรือ หรือด้วยมวย ก็เชิญครับ ตัวผมเองไม่ได้มีเรื่องขุ่นค้องใจใดๆอยู่แล้ว หากจะมาก็บอกให้ทราบด้วยนะครับ จะได้ไปแนะนำตัว อายุคุณจะเท่ากับครูผมหรือเปล่า ไม่สำคัญหรอกครับ ผมนับถือคนที่นิสัย บุคลิก ความรู้ครับ ถึงอายุน้อยกว่าผม ผมก็นับถือครับ ไม่ได้ตั้งใจให้เป็น rep สุดท้ายนะครับ พอดีผมก็เขียนไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง เข้ามาก็ไม่ค่อยได้ไปเขียนกระทู้อื่นๆสักเท่าไหร่ ความรู้น้อยครับ จากคุณ : EZ2DJ - [ 4 มี.ค. 50 19:39:31 ]

ความคิดเห็นที่ 122 55555 จากคุณ : Makotojr - [ 4 มี.ค. 50 22:10:39 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ยังปากดีไม่เลิกนะ PGP จากคุณ : กระบือ - [ 5 มี.ค. 50 00:58:42 A:210.203.177.91 X: TicketID:031958 ]

ความคิดเห็นที่ 124 -*- คุณ ABC-กระบือ ผมว่าคุณลองอ่านข้อความของคุณกับของผม แล้วค่อยมาบอกดีกว่ามั้ยครับ ว่าน่าจะว่าใครคำนี้อะ -*- อย่างน้อยผมก็ไม่เคยด่าว่าใคร ไม่เขียนลบหลู่ ไม่เคยเขียนดูถูกใครนะครับ จากคุณ : EZ2DJ - [ 5 มี.ค. 50 01:23:59 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ไม่ว่าใครไม่หลบหลู่ใคร แต่เคยรับผิดชอบคำพูดตัวเองบ้างไหม เคยออกมายอมรับว่าตนเองพูดอะไรผิดๆบ้างไหม เคยยอมรับหลักฐานคนอื่นบ้างไหม หลังๆเอ็งเริ่มแสดงความเกรียนออกมาแล้วว่ะไอ้หนู เบื่อไอ้พวกไม่ยอมรับความจริงว่ะ รับไม่ได้หรือไม่กล้ารับรึเปล่าก็ไม่รู้ สำหรับ ความคิดเห็นที่ 118 "สาธิตการแก้ศอก *-* อะไรอีกละครับนี่ ผมเขียนเกี่ยวกับสาธิตการแก้ศอกด้วยหรือครับ อธิบายเพิ่มเติมหน่อยครับ" อันนี้พิมพ์ผิดครับต้องเป็นสาธิตการศอก ตามที่คุณตุ้ยกล่าวถึง ไหนลองอธิบายมาหน่อยสิ ว่าตกลงว่าคุณได้ยินมายังไงนะ เรื่องสาธิตการศอกเนี่ยเพราะตอนแรกคุณบอกไม่มีไม่ใช่หรือ แล้วตอนนี้จะกลับคำยังไงต่อดีละ PGP จากคุณ : abcdefg - [ 5 มี.ค. 50 08:36:50 A:192.168.0.31 X:58.136.52.129 TicketID:031958 ]

ความคิดเห็นที่ 126 แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 50 15:59:44 แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 50 15:56:26 จากคุณ : win_mma - [ 5 มี.ค. 50 15:55:24 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ผมชอบโดเรมอนนะ  คุณชอบไหม ละ แต่ถ้าใครมาบอกว่าเขาเหมือนโดเรมอน หรือแต่งเหมือนโดเรมอน  คุณคิดว่ามี่คนไม่ชอบบางไหมคับ !!! จากคุณ : เหมือนโดเรมอนต้อยกัน (win_mma) - [ 5 มี.ค. 50 16:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 128 -*- รับความจริงผมก็รับได้ครับ ผมไม่ใช่นักปราชญ์ ผู้เลิศเลอครับ ผมก็คนธรรมดา ผิดผมก็รับ พลาดผมก็นำมาแก้ครับ เป็นวิธีดำเนินชีวิตของผมอยู่แล้ว เพราะผมเชื่อว่าความสำเร็จมาจากการแก้ไข ความผิดพลาดครับ ผมไม่มีความจำเป็นต้องกลับคำละครับ ที่ได้ยินมาก็คือ ไม่มีการสาธิตการตีศอก เพราะครูแปรงท่านถูกเรียกออกไปชก โดยที่ท่านเองก็ไม่รู้ตัวมาก่อนและอาจารย์หลี่ก็ไม่ได้บอกว่าจะสาธิตการศอก และจังหวะของการสาธิตนั้นก็จบลงแค่ที่อาจารย์ลี่หยุดมือไว้ตรงข้อศอกของครูในท่านั้น ตามที่คุณตุ้ยเล่า ซึ่งหากว่าอาจารย์หลี่ คิดว่าสาธิตให้ครูทองดูเรื่องการศอก ซึ่งวางมุมไว้ให้เห็นศอกชัดเจน และท่านก็ไม่ได้ตีศอกใส่ครูแปรง ซึ่งครูแปรงเองก็คงไม่ได้ทราบเช่นกันว่านี่คือการสาธิตศอกจากท่านอาจารย์หลี่ ซึ่งตามที่ผมได้รับฟังมาจากท่านอื่นคือ ท่านปัดหมัดครูแปรงและก็ไล่ตีไปจนติดกำแพง และท่านก็ตีศอกใส่ครูแปรงแล้วครูแปรงยกมือขึ้นกันที่หน้า จนดังเพียะ ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่มีเกิดขึ้น แต่ผมก็ไม่ทราบว่ามันมีการเล่ากันแบบนี้ได้อย่างไร และยังเล่ากันไปหลายคนแล้วด้วยสิครับ ก่อนจะกล่าวว่าผม ก็ขอให้คุณ ABC ลองไปดูข้อความตัวเองบ้างนะครับ ตั้งแต่เรื่องที่ว่าเป็นการประลอง ครูทองขอขมา หรือมวยไชยาไม่ใช้มือรับนี่ คุณยอมรับหลักฐานผมมั้ยครับ ก่อนจะว่าใครก็หัดพิจรณาตัวเองก่อนนะครับ ขอบคุณครับ คิดซะว่าคุยกันสนุกๆละกันนะครับ อีกนิดมันก็ตกจากหน้ากระทู้ไปแล้ว จากคุณ : EZ2DJ (EZ2DJ) - [ 6 มี.ค. 50 01:49:14 ]

ความคิดเห็นที่ 129 อ๋อ สรุป ไม่ใช่การเสียมารยาท หรือล่วงเกิน หรือท้าประลองอะไร เป็นการสาธิต กันเฉยๆ ระหว่างอาจารย์ลี กับครูทอง โดยมีครูแปรงเป็นคนปฏิบัติ คำบอกเล่าทั้งครูแปรงและอาจารย์ลีตรงกัน จากคุณ : Makotojr - [ 6 มี.ค. 50 15:52:18 ]

ความคิดเห็นที่ 130 เถียงแบบหน้าด้านๆ มันไม่รับผิดชอบคำพูดพวกมันดอก ไอ้นี่มันเกรียนมานานแล้ว ไปถามในสวนลุมดูจิ อายแทนจริงๆ ไว้เสร็จจากภาระกิจต่างจังหวัดก่อน จากคุณ : สมรักษ์ (K.D.C) - [ 11 มี.ค. 50 06:04:50 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เข้าสวนลุมเท่าไหร่ เพราะติดธุรกิจส่วนตัวที่บ้าน นอนดึกแทบทุกวัน แต่หากคุณสมรักษ์อยากจะเจอผมก็บอกนะครับ จะได้ไปรอ ผมก็อยากรู้ว่าคุณสมรักษ์จะรับผิดชอบคำพูดของคุณหรือเปล่า เสร็จภาระกิจต่างจังหวัดเมื่อไหร่ก็บอกนะครับ จากคุณ : EZ2DJ - [ 11 มี.ค. 50 07:24:47 ]