ผมเองค่อนข้างจะอคติเรื่องความทนทานของพื้นรองเท้าไนกี้ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา
เพราะไนกี้เป็นรองเท้าที่ราคาค่อนข้างแพง แต่ใช้ได้ไม่นาน เมื่อเทียบกับรองเท้ายี่ห้ออื่นๆ
ทำให้ผมรู้สึกไม่อยากเลือกซื้อของไนกี้มากนัก เพราะรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า
ซึ่งความคิดของผมเปลี่ยนไปเมื่ออ่านบทความในหนังสือ an idea a day to change the world
ในหนังสือนี้เป็นหนังสือที่รวบรวมไอเดียที่จะช่วยให้โลกดีขึ้น
ในบทความที่ผมอ่าน ได้บอกว่า ไนกี้ได้เลิกใช้ PVC ลดการใช้กาวที่มีปิโตรเลี่ยมเป็นส่วนประกอบ
ลดการใช้ตัวทำละลายสารเคมีลง และพัฒนายางตัวใหม่ที่ลดสารพิษลงถึง 96 เปอร์เซ็นต์
และไนกี้ยังมีโครงการดีๆ อย่าง reuse a shoe program ซึ่งจะรับบริจาครองเท้าเก่าๆ
มาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยที่ถ้าเก่าไม่มากก็จะเอาบริจาคต่อในประเทศด้อยพัฒนา
(คาดว่าที่เราซื้อกันจากโรงเกลือก็น่าจะเจอที่มาจากโครงการนี้บ้างล่ะ ^^')
ถ้าเก่ามากก็จะเอามาแยกส่วนไปใช้ประโยชน์อื่นๆ เช่น พื้นยางรองเท้านำไปบด
แล้วใช้ทำพื้นสนามกีฬา ลูกกอล์ฟ ลู่วิ่ง ส่วนโฟมด้านในรองเท้า
เอามาบดแล้วทำสนามบาสเกตบอล คอร์ทเทนนิส และสนามเด็กเล่น
ผ้าและหนังของรองเท้านำมาใช้รองพื้นใต้ไม้ของสนามเบสบอล
นอกจากนี้ในบทความยังได้แนะนำรองเท้าอีกรุ่นที่เค้าว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสุดๆ อีกต่างหาก
มันมีชื่อว่า Nike Considerd โดยเจ้ารองเท้าคู่นี้มีกระบวนการผลิตที่ช่วยลดขยะถึง 61 เปอร์เซนต์
ประหยัดพลังงาน 35 เปอร์เซนต์ ลดการใช้ตัวทำละลายที่เป็นสารเคมีได้ถึง 89 เปอร์เซนต์
แถมยังง่ายต่อการเอาไปรีไซเคิลอีกต่างหาก โดยทั้งหมดยังคงประสิทธิภาพแบบไนกี้ไว้ด้วย
(แต่คิดว่าพื้นคงไม่ทนเหมือนเดิม : P)
โดยทีมงานที่ทำรองเท้าคู่นี้เค้าบอกว่า จะนำแนวคิดนี้ไปใช้กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของไนกี้ด้วย
หลังจากที่ได้อ่านบทความที่ว่านี้ ผมก็คิดว่า จริงๆ แล้วพื้นรองเท้าของไนกี้ก็ไม่ได้พังเร็วจนเกินไป
(ถึงมันจะเร็วกว่าอาดิดาสเยอะอยู่ก็เหอะ) แต่บริษัทไนกี้ก็ทำอะไรดีๆ ให้โลกนี้
และด้วยเหตุผลที่ว่านั่นอาจทำให้รองเท้าของไนกี้พื้นทนน้อยกว่าชาวบ้านเค้าก็ได้
คิดได้อย่างนี้แล้วรู้สึกดีกับไนกี้ขึ้นอีกจมเลยครับ จากที่เคยคิดว่าหมอนี่หน้าเลือดไปหน่อย - -'
จากคุณ :
Jumping Monkeyy
- [
25 เม.ย. 50 21:35:26
]