ความคิดเห็นที่ 5
Match Highlight : ลิเวอร์พูล 1 - 0 เชลซี (PK 4 - 1)
ราฟาเอล เบนิเตซ มั่นใจว่าสามารถพา "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทะลุเข้าสู่นัดชิงจ้าวยุโรปได้อีกครั้ง โดยเกมชี้ชะตาที่แอนฟิลด์ กุนซือชาวสเปนมีการปรับทัพโดยได้ สตีฟ ฟินแนน กลับมายืนเป็นแบ็กขวา แผงมิดฟิลด์ให้ เจอร์เมน เพนแนนท์ และเบาเดอไวน์ เซนเด้น ขึ้นเกมทางกราบ โดยหุบ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เข้ากลางทำ
งานร่วมกับ ฮาเวียร์ มาสเชราโน่ ส่วน ชาบี้ อลอนโซ่ ถูกดร็อกเป็นตัวสำรอง แดนหน้า ปีเตอร์ เคร้าช์ กลับมาล่าตาข่ายคู่กับ เดิร์ก เคาท์ ด้าน โฮเซ่ มูรินโญ่ มีปัญหาในการจัดทัพ "สิงห์บลูส์" เชลซี เมื่อ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ปราการหลังตัวแกร่งบาดเจ็บ ทำให้ต้องถอย มิคาเอล เอสเซียง มาจับคู่กับ จอห์น เทอร์รี่ ในแผงกลาง มิชาเอล บัลลัค ก็เจ็บเช่นกัน จอห์น โอบี มิเกล ได้โอกาสลงมาช่วยงาน แฟร้งค์ แลมพาร์ด ส่วนเกมรุก โจ โคล ผู้ยิงประตูชัยในนัดแรกลงทำเกมร่วมกับ ซาโลมอน คาลู เพื่อปั้นบอลให้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ลุ้นทำประตู
เริ่มเกมการแข่งขัน ลิเวอร์พูล ที่สกอร์ตามหลังจากนัดแรกอยู่ 0-1 ยังไม่ถึงกับเร่งเร้าในการเปิดเกมรุก เนื่องจาก เชลซี ลงมาเล่นด้วยความระมัดระวังตัวทำให้ยังไม่มีช่องเจาะเข้าทำสำหรับเจ้าถิ่น ผ่าน 15 นาทีแรก เกมเดินไปแบบยังไม่มีจังหวะลุ้นด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่ "หงส์แดง" เป็นฝ่ายครองเกมบุกได้มากขึ้น ทำให้นักเตะ "สิงห์บลูส์" ต้องตัดฟาล์วถี่ขึ้น ถึงนาทีที่ 22 "เดอะค็อป" ในสนามแอนฟิลด์ได้เฮกันลั่นสนามเมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไหลลูกฟรีคิกไปบริเวณกรอบเขตโทษให้ ดาเนียล แอ๊กเกอร์ ตวัดเร็วด้วยซ้ายข้างถนัดส่งบอลเบียดเสาให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 ซึ่งพอมีประตูแรกเกมเริ่มจะเปิด เชลซี แม้โอกาสทำเกมจะยังไม่ต่อเนื่อง แต่อีกสิบนาทีถัดมา ทีมเยือนจากเกือบตามตีเสมอสำเร็จเมื่อ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา หลุดกับดักล้ำหน้าไปซัดด้วยขวาแต่ โฮเซ่ เรน่า ป้องกันไว้ได้ที่เสาแรก ช่วงท้ายครึ่งแรก เชลซี สร้างความกดดันให้ ลิเวอร์พูล มากขึ้นเป็นลำดับ ทีมเยือนได้ลูกเตะมุมติดๆ กัน แฟร้งค์ แลมพาร์ด เปิดบอลให้ ดร็อกบา โหม่งให้ มิคาเอล เอสเซียง ซึ่งเติมขึ้นไปเล่นสะบัดต่อแต่บอลหลุดกรอบออกไป ทดเวลาบาดเจ็บ "สิงห์บลูส์" ได้ลูกตั้งเตะอีกครั้ง แลมพาร์ด กึ่งยิงกึ่งผ่านมาหน้าประตู เรน่า กระโดดชกบอลพ้นอันตรายออกมาพร้อมกับจบ 45 นาทีแรก ด้วยสกอร์รวมที่เสมอกันอยู่ที่ 1-1 เปิดฉากครึ่งหลัง เชลซี ลงมาทำเกมรุกเข้าใส่เพื่อทวงประตูคืนทันที ดร็อกบา รับบอลต่อจากเพื่อนก่อนยิงทแยงมุมทันทีแต่บอลก็พุ่งออกนอกกรอบห่างไปพอสมควร เช่นเดียวกับจังหวะที่ โจ โคล พลิกไปยิงบอลเร็วจากนอกกรอบซึ่งก็ยังไม่เป็นผล ถึงนาทีที่ 56 ลิเวอร์พูล สวนกลับไปและก็น่าจะนำห่างหาก ปีเตอร์ เช็ก ไม่ใช้ขาป้องกันลูกโขกเน้นๆ ของ ปีเตอร์ เคร้าช์ เอาไว้
หนึ่งชั่วโมงพอดี "หงส์แดง" เกือบได้ประตูอีกครั้งเมื่อได้จังหวะโหมบุกกดดันต่อเนื่อง ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ เติมขึ้นมาเปิดบอลให้ เดิร์ก เคาท์ ขึ้นโหม่งบอลผ่านมือ เช็ก ไปแล้วแต่บอลดันไปกระแทกคานออกมา เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเดินเกมได้ต่อเนื่องมากกว่ากดดันจน จอห์น เทอร์รี่ ผิดพลาด เจอร์เมน เพนแนนท์ ได้สะบัดเกือกยิงด้วยขวาแต่ เอสเซียง แหย่เท้าสกัดทำให้บอลแฉลบข้ามคานออกไป นาทีที่ 75 เชลซี ทิ้งโอกาสตีเสมอไปอย่างน่าเสียดายที่สุดเมื่อ จอห์น โอบี มิเกล งัดบอลให้ แอชลี่ย์ โคล เติมเกมไปสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนตบเข้ากลางให้ ดร็อกบา แปบอลในกรอบ 6 หลาข้ามคานออกไปอย่างเหลือเชื่อ ท้ายเกมทั้งสองฝ่ายไม่ผลีผลามใส่กัน ลิเวอร์พูล มีโอกาสทิ้งท้ายจากจังหวะยิงไกลของ เบาเดอไวน์ เซนเด้น แม้ว่า เช็ก จากรับหลุดมือในจังหวะแรกแต่ก็ตามไปตะปบไว้ได้ ครบ 90 นาที สกอร์รวมยังเสมอกัน 1-1 ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที ในช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งแรก ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเดินเกมบุกเข้าใส่และก็ทำเอาหัวใจแฟนๆ ทีมเยือนเกือบสลายเมื่อ ฮาเวียร์ มาสเชราโน่ แทงทะลุให้ เคาท์ ยิงบอลไปติดเซฟ เช็ก ก่อนได้ยิงซ้ำแต่ก็ติด เอสเซียง ที่หน้าประตู อย่างไรก็ตาม ผู้ช่วยผู้ตัดสินมีการยกธงล้ำหน้าขึ้นมาก่อนแล้ว นาทีที่ 100 "เดอะค็อป" ต้องเฮเก้อเมื่อ ชาบี้ อลอนโซ่ ตัวสำรองได้ส่องไกลนายทวารทีมเยือนปัดมาเข้าทาง เคาท์ ซ้ำเข้าไปตุงตาข่าย แต่ดาวยิงชาวดัตช์ก็โดนยกธงล้ำหน้าอีกครั้ง มาเล่นต่อในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของการต่อเวลาพิเศษครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ส่ง เคร็ก เบลลามี่ มาใช้ความเร็วปั่นป่วนเกมรับทีมเยือนแทน ปีเตอร์ เคร้าช์ ส่วน เชลซี ก็ให้ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ซึ่งสดกว่าเล่นแทน ซาโลมอน คาลู ช่วงท้าย "หงส์แดง" ได้ยิงลุ้นอีกครั้งจาก เคาท์ แต่ก็ไปติดเซฟของ เช็ก ครบ 120 นาที ลิเวอร์พูล เฉือนชนะ 1-0 แต่สกอร์รวมสองนัดเสมอกัน 1-1 ทำให้ต้องตัดสินด้วยการดวลลูกที่จุดโทษ ปรากฏว่า ลิเวอร์พูล ยิงเข้าทั้งหมด 4 คน (เซนเด้น, อลอนโซ่, เจอร์ราร์ด และเคาท์) ส่วน เชลซี ยิงเข้าคนเดียวได้แก่ แลมพาร์ด ส่วน อาร์เยน ร็อบเบน และเฌเรมี่ เอ็นจิตั๊ป ยิงพลาด ทำให้ "หงส์แดง" กรุยทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คว้าตั๋วไปเอเธนส์ ประเทศกรีซ รอพบผู้ชนะระหว่าง "ปิศาจแดงดำ" เอซี มิลาน (อิตาลี) หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) ต่อไป รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล โฮเซ่ เรน่า , สตีฟ ฟินแนน , เจมี่ คาร์ราเกอร์ , ดาเนียล แอ๊กเกอร์ , ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ , เจอร์เมน เพนแนนท์ , สตีเว่น เจอร์ราร์ด , ฮาเวียร์ มาสเชราโน่ , เบาเดอไวน์ เซนเด้น , เดิร์ก เคาท์ , ปีเตอร์ เคร้าช์ เชลซี ปีเตอร์ เช็ก , เปาโล แฟร์ไรร่า , มิคาเอล เอสเซียง , จอห์น เทอร์รี่ , แอชลี่ย์ โคล , โคล้ด มาเกเลเล่ , จอห์น โอบี มิเกล , แฟร้งค์ แลมพาร์ด , โจ โคล , ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา , ซาโลมอน คาลู ข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์ http://www.manager.co.th/sport
ไม่มีรูปนะคับ พอดีแอบเล่นที่ทำงาน อิอิ
จากคุณ :
ortega
- [
2 พ.ค. 50 15:10:31
]
|
|
|