รู้สึกใจหาย เมื่อ นักเตะในดวงใจจะจากทีมที่รักไป Fowler อาจจะไม่ใช่คนที่ทำให้ผมเชียร์ Liverpool แต่ Fowler เป็นคนที่ทำให้ผมรัก Liverpool อย่างหมดหัวใจ
Robert Bernard Fowler เกิดที่เมืองลิเวอร์พูลในย่าน Toxteth แหล่งเสื่อมโทรมของเมืองลิเวอร์พูลเมื่อวันที่ 9 เมษายน 1975
เหมือนเด็กในย่านนั้นทั่วๆไป Fowler โตขึ้นมาในฐานะ Evertonian คู่แข่งร่วมเมืองของ Liverpool FC
แต่เมื่อเขาอายุได้ 11 ขวบ Fowler ก็ได้เซ็นสัญญาร่วม Academy ของทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอังกฤษ หลังจากนั้นหัวใจของเขาก็เป็นสีแดงและไม่เคยมองย้อนไปถึงสีน้ำเงินในอดีตอีกเลย
22 กันยายน 1993 เมื่ออายุ 18 ปี Fowler ได้สร้างชื่อกระหึ่มเกาะอังกฤษ เมื่อลงเล่นเกม League Cup กับ Fulham ที่ Craven Cottage สนามของ Fulham พร้อมยิง หนึ่งลูกในเกมที่ Liverpool ชนะไป 3-1
สองอาทิตย์ให้หลัง Fowler ก็สร้างชื่อกระหึ่มเกาะอังกฤษ ในเกมที่แอนฟิลด์ ลีกคัพนัดที่สองรอบเดียวกันนั้นเอง Fowler ยิงไปคนเดียว ห้าประตู พร้อมเป็นนักเตะคนที่สี่ของ Liverpool ที่สามารถ ยิงได้ ห้าประตูในเกมเดียว เกาะอังกฤษและยุโรป เริ่มจับตามองเจ้าหนวัย 18 จาก Toxteth รายนี้
ฤดูกาล 94-95 ฟาวเลอร์สร้างชื่อสะท้านยุโรปอีกครั้งเมื่อ ลงเล่นกับยอดทีมในยุคนั้นที่ขึ้นชื่อว่ามี Back4 ที่ดีที่สุดในยุโรปอย่าง อาร์เซนอล ในเกม พรีเมียร์ชิพ และสร้างสถิติในการยิงแฮททริกที่เร็วที่สุด ในเวลาเพียง สี่นาที สามสิบสาม วินาที
ฟาวเลอร์ได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีสองปีติดต่อกัน ในปี 95 และ 96
ตลอดทศวรรษ ที่ 90 Fowler ได้รับการยอมรับว่าเป็น ศุนย์หน้าที่จบสกอร์ได้เป็นธรรมชาติมากที่สุดในเกาะอังกฤษนับจาก จิมมี่ กรีฟ นักเตะแชมป์โลกของอังกฤษ
ฟาวเลอร์ จับคู่กับ สแตน คอลลีมอร์ และสร้างตำนานในการเป็นคู่กองหน้าที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในยุโรป ในยุคนั้น
ปี 97 หลังจากที่ยิงประตูให้ทีมในเกมคัพวินเนอร์สคัพ ฟาวเลอร์ ถอดเสื้อดีใจ พร้มกับข้อความสนับสนุนคนงานในท่าเรือเมือง Liverpool ที่กำลังประท้วงอยู่ เขาโดนปรับอย่างหนัก แต่ เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เขาเป็นลูกชายคนโปรดของเมืองลิเวอร์พูลไปเลยทีเดียว
ปีเดียวกันนั้นเอง ฟาวเลอร์ ได้รับรางวัน UEFA Fair Play จากการที่กรรมการเป่าจุดโทษให้หลังจากเหตุการณ์ที่เหมือนว่า เดวิด ซีแมน ฟาวล์เขาในเขตโทษ ฟาวเลอร์ลุกขึ้นมาและบอกกรรมการว่า มันไม่มีการปะทะกันเกิดขึ้นและมันไม่ใช่จุดโทษ กรรมการไม่สนใจ และยืนยันว่าเป็นจุดโทษ ฟาวเลอร์ลุกขึ้นมาสังหาร มันถูกเซฟได้โดย ซีแมน ก่อนที่ เจสัน แมคเอเทียร์ จะซ้ำเป็นประตู
ฟาวเลอร์ เริ่มพบกับความยากลำบากในปี 98 เมื่อเขาต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บหัวเข่าพร้อมกับการโด่งดังขึ้นมาของกองหน้าร่างเล็กจาก Academy เหมือนกันนาม เบบี้โกล ไมเคิ้ล โอเวน
ใช่ว่า ฟาวเลอร์จะไม่มีจุดด่างพล้อยในชีวิต เมื่อเขาโดนกล่าวหาว่า ขี้เกียจซ้อม และ ติดโคเคน ฟาวเลอร์ ทำท่าสูโคเคนหลังยิงประตูได้ในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน เมื่อปี 99 และโดนปรับไปถึง 60,000 ปอนด์ ปีเดียวกันนั้น ฟาวเลอร์ยังมีเรื่องกับ แกรม เลอ โซ กองหลังเชลซี ในการกล่าวหาว่า เลอ โซ เป็นพวกรักร่วมเพศ และนั่นทำให้เขาโดนปรับไปอีก 32,000 ปอนด์
ปี 00-01 ฟาวเลอร์ เหมือนจะกลับมาสู่จุดที่ดีในชีวิตนักเตะ เมื่อยิงประตูไป 17 ประตูในทุกถ้วย แถมยังคว้าสามแชมป์ ร่วมกันทีมลิเวอร์พูล อะไรๆดูจะสวยงามไปซะหมด
ใครจะคิดว่า ปี 01-02 จะเป็นจุดจบในการค้าแข้งของ หาวเลอร์ และ ลิเวอร์พูลได้ เมื่อเขามีปากเสียงกับ ฟิล ทอมป์สัน ระหว่างผึกซ้อม และ เชราร์ด อุลลิเยร์ ก็ขายเขาไปลีดส์ ด้วยราคา 11ล้านปอนด์ โดยที่ฟาวเลอร์ไม่มีแม้แต่โอกาสจะอำลา แฟนๆที่เขารักและรักเขามาก เกมสุดท้ายที่เป็นที่จดจำในเสื้อลิเวอร์พูลคือ เกมที่เขากดแฮททริดใส่ เลสเตอร์ ซิตี้ ลิเวอร์พูลชนะไป 4-1
ฟาวเลอร์ ลงสนามให้ลิเวอร์พูลไปทั้งสิ้น 236 นัด ยิงได้ 120 ประตู จากปี 92-01 แปดปีที่แสนหอมหวาน ฟาวเลอร์กลายเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ของ ลิเวอร์พูล
ฟาวเลอร์ ไม่ได้มีเวลาอันน่าจดจำในเสื้อสีขาวของลีดส์ทีเดียวแม่สถติของเขาจะยอดเยี่ยม โดยลงสนามไป 30 นัด ยิงไปถึง 14 ลูก แต่นั้นเป็นระยะเวลา สองปี ระหว่างปี 01-03 ก่อนที่ลีดส์จะล้มละลายและ ฟาวเลอร์ผู้มีค่าเหนื่อยปสนแพงจะต้องย้ายออกไปเพื่อช่วยทีมลดค่าใช้จ่าย ฟาวเลอร์ ย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 6 ล้านปอนด์
ฟาวเลอร์ยังคงต้องสู้กับปัญหาอาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องทั้งที่เข่า สะโพก และหลัง เขาท้อแท้ และอยากจะแขวนสตั๊ด คีแกน และผู้ช่วย สจ๊วต เพียร์ซ พยายามให้กำลังใจ และนั่นทำให้ ฟาวเลอร์ กลับมาสู้อีกครั้ง และ สามารถเป็น ดาวยิงสูงสุดของ ซิตี้ ในปี 04-05 แม้ว่า เขาจะยิงจุดโทษพลาดในเกมกับโบโร ในนาทีที่ 90 ของนัดสุดท้ายของฤดูกาล แต่ ฟาวเลอร์ ยังได้รับการโหวดให้เป็นที่สามของ นักเตะแห่งปีของซิตี้ และ นั่นทำให้เขาภูมิใจมาก
ภายหลังการคว้าแชมป์ ยุโรป สมัยที่ห้าของ Liverpool ที่ อีสตันบูล ที่ฟาวเลอร์ก็อยู่ที่นั่นเชียร์ลิเวอร์พูล ฟาวเลอร์ ชูนิ้ว ห้านิ้ว ใส่แฟน แมนยู หลังยิงประตู ยูไนเต็ดได้ นั่นแสดงว่าเขายังมีหัวใจเป็นสีแดง และยังรักสโมสร Liverpool อย่างสุดหัวใจ
27 มกราคม 06 The Kop ทุกคนก็ได้รับข่าวอันหน้าตื่นเต้นว่า นักเตะที่พวกเขารักที่สุด ได้กลับมาสู่อ้อมอกของพวกเขาอีกครั้ง โดย ราฟา และ สจ๊วต เพียร์ซบรรลุข้อตกลงที่ Fowler สามารถย้ายกลับ Liverpool ได้โดยไม่มีค่าตัว ฟาวเลอร์ เซ็นสัญญากับลิเวอร์พูล โดยไม่อ่านข้อสัญญาใดๆ ริค แพร์รี่ ประธานบริหาร ของลิเวอร์พูล เตือนให้เขา อ่านสัญญาให้ดีๆ แต่ฟาวเลอร์บอกว่า ไม่จำเป็น แม้ให้เขาเล่นให้ลิเวอร์พูลโดยไม่ต้องรับค่าตัวเขาก็ยอม นั่นตอกย้ำให้เห็นว่า เขารักสโมสรแห่งนี้เพียงใด
แม้การย้ายกลับมาของฟาวเลอร์ จะไม่ใช่ฟาวเลอร์คนเดิม ไม่ใช่ไอ้หนูนักเตะ ที่ยิงเป็นเข้าทุกลูก เขากลายเป็นนักเตะที่ช้า และ เหลือเพียงความเฉียบคมในการปิดสกอร์ และ ทักษะอันยอดเยี่ยม แต่นั่นไม่สามารถให้เขาแทรกเข้าไปเป็นตัวจริงในเกมระดับสูงได้อีกแล้ว เขาดีไม่พอ และต้องเป็นตัวสำรองอันดับสี่ต่อจาก เดิร์ก เค้าท์ ปีเตอร์ เคร้าท์ และ เคร๊ก เบลลามี แต่ ฟาวเลอร์ก็เต็มใจ เพื่อสโมสรที่เขารัก และ แฟนๆ ก็พร้อมที่จะต้อนรับและปรบมือให้กับเขาเสมอ เมื่อเขาใส่เสื้อสีแดงเบอร์ 9 ลงสนาม
13 พฤกษภาคม 07 ฟาวเลอร์ ลงสนามนัดสุดท้ายในเกมกับ ชาร์ลตันที่ แอนฟิลด์ เขาเป็นกับตันทีม แม้เขาจะยิงประตูไม่ได้ แต่แฟนๆก็พร้อมใจกันยืนปรบมืออำลาเขา เมื่อโดนเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 88 ปิดฉากชีวิตการค้าแข้งกับ Liverpool ไว้ที่ 267 นัด ยิงไปทั้งสิ้น 128 ประตู
คงจะไม่มีการกลับมาเป็นครั้งที่สองในสีเสื้อของลิเวอร์พูล แต่แฟนก็ยังรักเขา และหวังว่า วันหนึ่งข้างหน้า Fowler คงจะกลับมายังสโมสรที่เขารัก มาหาแฟนๆที่รักเขา ไม่ว่าจะมาในฐานะใด ผู้ชม สตาฟโค๊ช หรือในฐานะใดๆ ฟาวเลอร์ มั่นใจได้ว่า เขาจะไม่มีวันเดินอย่างเดียวดาย จะมีเดอะ ค๊อบ เป็นแสน เป็นล้านทั่งโลก พร้อมจะเดินข้างเขาเสมอ
ปล. บทความนี้ผมเขียนเอง โดยเรียบเรียงจากประวัติของ ฟาวเลอร์ และ ควาทรงจำที่มีต่อนักเตะที่ผมรัก
จากคุณ :
ร๊อบบี้ ฟาวล์เรื่อย
- [
14 พ.ค. 50 00:55:00
]