 |
.......กว่าจะมาเป็นพี่ติ๊ก.......
พี่ติ๊ก ปาทริซ เอวร่ากำลังมุ่งหน้าสู่นิวเวมบลีย์เชื่อช่วงชิงเหรียญรางวัลแชมป์เอฟเอคัพจากเชลซี แต่รู้ไหมว่าครั้งหนึ่งฟุตบอลเคยฉุดพี่ติ๊กจากอาชญากรรม
เมื่อสมัยที่แบ๊กซ้ายสุดหล่อวัย26ของทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกยังเป็นวัยรุ่นที่เตร่อยู่ตามถนนในกรุงปารีส มามาดู เนียกาเต้เพื่อนสนิทของพี่ติ๊กเล่าให้ฟังว่าพี่ติ๊กเป็น 1 ในแก๊งค์ป่วนเมืองที่มักก่อเหตุปล้นชิงวิ่งราวอยู่เป็นประจำ
ถึงจะหน้าหล่อๆแบบนี้ก็เถอะ แต่พี่ติ๊กถือกำเนิดเกิดขึ้นที่ประเทศเดียวกับเอล ฮัดจิ ดิยุฟนั่นคือเซเนกัล เขาเป็นลูกนักการฑูตซึ่งต่อมาได้ย้ายถิ่นฐานมาอาศัยในประเทศฝรั่งเศส
เนียกาเต้กล่าวว่า " เมื่อมองถึงสิ่งที่ไอ้ติ๊กคว้ามาได้ในตอนนี้แล้ว ผมล่ะทึ่งกับมันจริงๆ"
"ตอนนั้นเราเป็นแก๊งค์เด็กแสบที่มีสักประมาณ10คนได้มั้ง ไอ้ติ๊กมันเป็นหัวหน้าแก๊งค์ ใครๆก็เรียกมันว่าติ๊ก คลอเรท ถ้าเทียบกับเมืองไทยก็คงเป็นแดง ไบเล่ย์นั่นแหละ ตอนนั้นพวกเราไม่มีเงินมากนัก แม้ว่าแม่ไอ้ติ๊กมันจะหาเลี้ยงให้ครอบครัวขนาดใหญ่ได้ดีแล้วโดยได้รับการช่วยเหลือจากกองทุนสังคมด้วยก็ตาม "
"ฝีเท้าของไอ้ติ๊กมันดูชัดเจนอยู่แล้วว่ามันเป็นนักฟุตบอลที่น่าอัศจรรย์ขนาดไหน มันวิ่งเร็วและกล้าหาญชาญชัยมากๆสำหรับเด็กวัยนั้น"
"แต่พวกเราไม่ใช่เด็กดีหรอก เวลาเล่นฟุตบอลเสร็จ แก๊งค์ของเรานำโดยไอ้ติ๊ก คลอเรทก็มักขึ้นรถไฟไปศูนย์การค้าชั้นนำใจกลางเมืองปารีส"
"พวกเรากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการลักเล็กขโมยน้อยเพื่อนำไปขายอีกต่อหนึ่ง เที่ยวเตร่รอบเมืองตลอดทั้งคืนตามผับตามบาร์"
"ไอ้ติ๊กกับผมมักจับรถไฟเที่ยวแรกในรอบเช้ามืดเพื่อกลับบ้าน "
"ไอ้ติ๊กเป็นคนที่มีพละกำลังเหลือเฟือ มันเป็นคนที่ป๋ามากและมักจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายรวมถึงให้เงินพวกเราใช้"
"มีร้านขนมปังอยู่ข้างๆโรงเรียนที่ไอ้ติ๊กและผมเรียนอยู่ และไอ้ติ๊กก็มักไปดักรออยู่หน้าร้านเพื่อไถตังมาใช้เป็นประจำ"
"วิถีชีวิตที่เราดำรงอยู่ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายสำหรับเราเลยในตอนนั้น มันดูเหมือนเป็นเรื่องที่ต้องทำ ที่นี่เป็นแหล่งอันตรายที่มีทั้งการฆาตกรรม ข่มขืน ยาเสพย์ติดและเรียกค่าไถ่"
"เมื่อเราโดนคุณครูทำให้เราพบกับช่วงเวลาที่ย่ำแย่ เรามักเอาคืนด้วยการกรีดยางรถยนต์จนทำให้คุณครูเหล่านั้นต้องหางานใหม่ "
"ไอ้ติ๊กเป็นคนที่ไม่สนใจเรียนเอาเสียเลย สิ่งเดียวที่มันต้องการคือเป็นนักฟุตบอลอาชีพ"
"ตอนที่ไอ้ติ๊กอายุ13ปี ผมเห็นมันเข้าปะทะกับนักฟุตบอลอายุ23ปี ในเกมเดิมพันที่ผู้แพ้ต้องซื้อพิซซ่าซึ่งพวกนั้นก็น่าจะหักขาพวกเรามากกว่าจะจ่ายเงินเป็นค่าเดิมพัน"
"ไอ้ติ๊กมันเป็นคนเข้มแข็ง เรื่องเดียวที่ทำให้มันร้องไห้ได้ก็คือการแข่งฟุตบอลแพ้เท่านั้นแหละ"
"ช่วงวิกฤตมาถึงเมื่อพวกเราโดนจับจากการขโมยของ ซึ่งสุดท้ายแล้วผู้ปกครองของพวกเราก็ช่วยประกันตัวและพาเรากลับบ้าน พวกเรากลัวกันมากๆโชคดีที่เรื่องไม่ลุกลามจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล"
"แม่ไอ้ติ๊กโมโหโกรธาเป็นฟืนเป็นไฟ เธอเตรียมจะส่งไอ้ติ๊กกลับเซเนกัลอยู่แล้ว ซึ่งนั่นทำให้ไอ้ติ๊กหวาดหวั่นว่าจะต้องโบกมืออำลาสาวยุโรปไป"
จากคุณ :
maezono_no7
- [
18 พ.ค. 50 13:50:56
]
|
|
|
|
|