ความคิดเห็นที่ 3
มิลานเอาคืน!ล้างแค้นหงส์สะใจ
เอซี มิลานลบฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนมาสองปีเต็มได้สำเร็จหลังเอาชนะลิเวอร์พูลเถลิงแชมป์ยุโรปสมัย 7 จากฟรีคิกของอังเดร ปิรโล่ที่ไปแฉลบอินซากี้ในช่วงท้ายครึ่งแรกก่อนที่ปิปโป้จะมาตอกย้ำล้างแค้นเอาชนะไป 2-1
ผลฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ
วันพุธที่ 23 พ.ค. 2550
เอซี มิลาน 2-1 ลิเวอร์พูล
สนาม : โอลิมปิก สเตเดี้ยม, เอเธนส์
ประตู : 1-0 ฟิลิปโป้ อินซากี้ น.45 ,2-0 ฟิลิปโป้ อินซากี้ น.82,2-1 คอยท์ 89
บรรยากาศรายรอบสนามโอลิมปิก สเตเดี้ยม คึกคักสุดๆตั้งแต่ก่อนเกมเริ่มต้นขึ้นหลายชั่วโมง แม้จะมีข่าวไม่ค่อยดีในเรื่องของการเปิดศึกแย่งตั๋วแฟนบอลในกลุ่มแฟนบอลลิเวอร์พูลด้วยกันเองจนมีแฟนบอลได้รับบาดเจ็บ 2 ราย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกมเริ่มต้นในสนามทั้งสองทีมไม่คึกตามแฟนบอล พยายามเล่นกันด้วยความรัดกุมไม่ผลีผลาม ทำให้ในช่วง 10 นาทีแรกจึงค่อนข้างเงียบเชียบไม่มีจังหวะตื่นเต้นอะไร
จนกระทั่งนาทีที่ 10 ก็มีโอกาสง้างเท้าครั้งแรกในเกมนี้เกิดขึ้น โดยเป็นทางลิเวอร์พูลที่มีจังหวะที่ดีเมื่อแยนคูลอฟสกี้ พลาดเสียบอลให้เพนแนนท์ บริเวณระยะ 25 หลา ก่อนที่คอยท์ ที่เก็บบอลได้จะไหลคืนให้เพนแนนท์ เติมขึ้นมายิงในกรอบเขตโทษ แต่จังหวะซัดเบาและทางไม่ดี ทำให้ดีด้า รับได้ไม่ยากนัก
ถัดมาเพนแนนท์ มีจังหวะหลุดไปทางขวาอีกครั้งและได้เปิดเข้ากลางมาให้เจอร์ราร์ด ที่พยายามจะวิ่งเติมมายิง แต่กัปตันลิเวอร์พูล ซัดด้วยซ้ายวืดไป จึงพลาดไปอย่างน่าเสียดาย
โดนทักทายไปแบบนี้แต่มิลาน ก็ยังไม่เสียรูปเกมของตัวเอง และกาก้า ก็ได้ลองหาจังหวะลากบอลไปยิงด้วยตัวเองจากระยะ 20 หลา แต่ยังไม่ผ่านเรน่าที่รับเข้าซองได้อย่างมั่นใจ
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ค่อยๆที่จะเป็นฝ่ายคุมเกมได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และมีจังหวะยิงไกลซ้ำดาบสองที่บริเวณหน้ากรอบเขตโทษของอลอนโซ่ ที่หลุดกรอบออกไปไม่ได้
หงส์แดงยังควบคุมสถานการณ์ได้เหนือกว่าทั้งหมด ขณะที่มิลาน ยังเล่นตามเกมตัวเองไม่ได้ โดยมีเพียงกาก้า คนเดียวเท่านั้นที่เล่นดูมีพิษส่ง แต่แล้วเพียงจังหวะการฟาวล์ครั้งเดียวของชาบี้ อลอนโซ่ ก็ทำให้ทีมต้องตกเป็นรองทันที
โดยดาวเตะชาวสเปน ไปทำฟาวล์บริเวณหน้ากรอบเขตโทษระยะ 20 หลา ซึ่งเป็นระยะทำการของอันเดรีย ปีร์โล่ พอดี และลูกปั่นฟรีคิกของปีร์โล่ ก็ไปโดนตัวของอินซากี้ ที่วิ่งป่วนในกรอบเขตโทษเปลี่ยนทางผ่านมือเรน่าเข้าไป ทำให้เอซี มิลาน ขึ้นนำ 1-0 ในช่วงปลายครึ่งแรกและเพิ่งเป็นโอกาสยิงเข้ากรอบครั้งที่สองของมิลานในเกมนี้อีกด้วย
เข้าสู่ครึ่งหลังยังไม่มีการเปลี่ยนตัวจากทั้งสองฝ่าย แต่ทางลิเวอร์พูล ดูจะถูกกระตุ้นมาอย่างหนักทำให้เปิดเกมเพรสซิ่งสูงยิ่งกว่าในช่วงครึ่งแรกและใช้เกมหนักเข้าปะทะทันที แต่รูปเกมกลับชวนอึดอัดกว่าเดิม เนื่องจากมิลาน ก็งัดเกมเพรสซิ่งมาใช้และเมื่อได้ครองบอลก็พยายามเล่นดึงจังหวะช้าไว้ก่อน
ทางด้านราฟา เห็นรูปเกมยังไม่ดีขึ้นจึงส่งแฮร์รี่ คีลล์ ลงมาเดินเกมทางซ้ายแทนเซนเด้น แต่มิลาน ก็ได้ฟรีคิกระยะ 25 หลาอีกครั้งจากความผิดพลาดง่ายๆของคาร์ราเกอร์ ที่ไม่ตัดบอลให้เด็ดขาดจนต้องไปทำฟาวล์กาก้า แต่คราวนี้ปีร์โล่ ยิงข้ามคานออกไป
แต่หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล ก็น่าจะได้ประตูตีเสมอมากที่สุด เมื่อเจอรร์ราร์ด ฉวยบอลได้จากการจ่ายคืนพลาดของกัตตูโซ่ และเลี้ยงฝ่าเนสต้า เข้าไปดวลเดี่ยวกับดีด้า แต่กลับแปไม่เต็มเท้าทำให้ลูกเบาราวกับการส่งหลังคืนประตูแซมบ้า
และความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆของมิลาน ก็มักจะทำให้ลิเวอร์พูล ได้มีโอกาสได้ลุ้นประตูตีเสมอ ซึ่งมีจังหวะยิงไกลของริเซ่ และเจอร์ราร์ด ที่ใกล้เคียงมาก
แต่รูปเกมของหงส์แดงก็ยังไม่ดีขึ้น แม้จะเปลี่ยนเอาปีเตอร์ เคราช์ ลงมาในช่วง 12 นาทีสุดท้ายแล้วก็ตาม และในระหว่างที่ลิเวอร์พูล กำลังบุกเพลินๆก็มาโดนทีเด็ดของคู่หน้ามิลาน เล่นงานจนได้ เมื่อกาก้า ได้บอลที่ระยะ 25 หลา และโชว์การจ่ายบอลเวิลด์คลาสทีเดียวหลุดทั้งแผงให้อินซากี้ หลุดเดี่ยวเข้าไปแตะหลบเรน่า ก่อนจะยิงง่ายๆเข้าประตูไป เป็นสกอร์นำ 2-0 ของทีมปีศาจแดงดำแห่งอิตาลี
มิลาน นำเม็ดนี้ก็พยายามจะปิดเกม แต่แล้วนาทีที่ 89 ลิเวอร์พูล ก็ไล่คืนมาเป็น 2-1 ได้จากลูกเตะมุมโดยเป็นคอยท์ ที่โขกโล่งๆที่เสาไกลในจังหวะสุดท้ายหลังจากลูกแฉลบหลังของแอกเกอร์
ช่วงเวลาที่เหลือลิเวอร์พูล พยายามเร่งเกมแต่เร่งไม่ขึ้น ขณะทีมิลาน ยังไม่ลนลานและปักหลักตั้งรับได้จนหมดเวลา สุดท้ายจึงเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 ลบฝันร้ายเมื่อ 2 ปีก่อนที่อิสตันบูลได้สำเร็จ และได้เป็นแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ สมัยที่ 7 ขณะที่กัปตันทีมเปาโล มัลดินี่ สร้างตำนานได้ชูถ้วยแชมป์เป็นสมัยที่ 5 รวมทั้งยุติการเดินทางสุดมหัศจรรย์อย่างยาวนานหลังต้นซีซั่นเกือบจะไม่ได้มาเล่นในรายการนี้ด้วยซ้ำ
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เอซี มิลาน : เนลสัน ดีด้า 8,มัสซิโม่ อ๊อดโด้ 7,อเลสซานโดร เนสต้า 8,เปาโล มัลดินี่ 7,มาเร็ค แยนคูลอฟสกี้ 5(คาคา คาลัดเซ่ น.80) ,อันเดรีย ปีร์โล่ 7,อิวาน เจนนาโร กัตตูโซ่ 6,คลาเรนซ์ ซีดอร์ฟ 7(จูเซ็ปเป้ ฟาวัลลี่ น.90) ,มัสซิโม่ อัมโบรซินี่ 6,กาก้า 7,ฟิลิปโป้ อินซากี้ 8(อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ น.88)
สำรองไม่ได้ลงสนาม : เซลโก้ คาลัช ,คาฟู ,แซร์จินโญ่ ,คริสเตียน บร็อคคี่
ใบเหลือง : กัตตูโซ่ น.40 ,แยนคูลอฟสกี้ น.80
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ มานูเอล เรน่า 6,สตีฟ ฟินแนน 6(อัลบาโร่ อาร์เบลัว น.88) ,เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6,ดาเนี่ยล แอกเกอร์ 7,ยอห์น อาร์เน่ ริเซ่ 5,เจอร์เมน เพนแนนท์ 7,ชาบี้ อลอนโซ่ 8,ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ 6(ปีเตอร์ เคราช์ น.78) ,เบาเดอไวจน์ เซนเด้น 4(แฮร์รี่ คีลล์ น.59,6) ,สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 7,เดิร์ก คอยท์ 7
สำรองไม่ได้ลงสนาม : เจอร์ซี่ย์ ดูเด็ค ,ซามี่ ฮูเปีย ,มาร์ค กอนซาเลซ ,เคร็ก เบลลามี่
ใบเหลือง : มาสเคราโน่ น.58 ,คาร์ราเกอร์ น.60
ผู้ตัดสิน : แฮร์เบิร์ต ฟานเดล (เยอรมัน)
http://www.soccersuck.com
จากคุณ :
เท่ง หงส์แดง
- [
24 พ.ค. 50 09:35:58
]
|
|
|