ความคิดเห็นที่ 1 ชื่นใจ... *0* ขอโทษพี่เป็ป ฟางปาดรึนี่ T_T แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 50 00:54:03 จากคุณ : fanghartnet (สตีฟ แม็คมานานแล้ว) - [ 26 พ.ค. 50 00:48:23 ]

ความคิดเห็นที่ 2  เอซี มิลาน ยังแทบจะยึดชุดเดิม จากเกมส์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด .... จะมีเปลี่ยนแปลงก็แค่ ในแผงหลัง เมื่อ เปาโล มัลดินี่ ผ่านความฟิตลงมาจับคู่กับ อเลสซานโดร เนสต้า ได้ ...            4 - 5 - 1 เช่นกับ สำหรับมิลาน       อ๊อดโด้      เนสต้า     มัลดินี่    แยนคูลอฟสกี้                                         ^                           ^    กัตตูโซ่                    อัมโบรซินี่            ปีร์โล่             กาก้า (ตัวฟรี)                     v     เซดอร์ฟ                 v                                               v                                                                   อินซากี้             มิลาน ก็ยังคงเป็นมิลาน ทีมยังเล่นบอลกับพื้น จากเท้าสู่เท้า การขึ้นเกมส์ทางริมเส้น เป็นหน้าที่ของฟูลแบ๊ค สองข้างที่จะคอยสอดขึ้นสูง โดยมี กาก้า และ เซดอฟ เป็นตัวดึงแบ็คให้หลุดจากตำแหน่ง โดยฉีกตัวเองเข้าไปเล่นตรงกลางสนาม เปิดพื้นที่ให้ฟูลแบ็ค เติมขึ้นมา และ รับบอลต่อไปเปิดยัดเข้ามา หรือจะฉวยจังหวะที่แผงรับคู่ต่อสู้ระวังการเติมของแบ๊ค จ่ายทะลุช่องให้กองหน้าที่หาจังหวะเข้าทำเก่งอย่าง อินซากี้ คอยสอดเข้ามายิง ..          ในเกมส์รับ กัตตูโซ่ คือ นายด่านที่คอยดักบอลจากแผงรุกของทีมคู่ต่อสู้ก่อนจะถึงแผงหลัง .. โดยมี อัมโบรซินี่ เป็นลูกหาบ คอยหาจังหวะตอด หรือ จังหวะซ้อน ยามที่กัตจังเข้าหาผู้เล่นที่มีบอล หลายครั้งที่จังหวะสกัดทะลักมาเข้าเท้า อัมโบรซินี่ เก็บไปเล่นต่อหรือ คอยป้ายให้ ปีร์โล่ เป็นตัวขึ้นเกมส์ ....          อันเดรีย ปีร์โล่ อาจจะไม่โดดเด่นในเกมส์รุกอย่าง กาก้า หรือ ในเกมส์รับอย่าง กัตตูโซ่ แต่นี่คือ นักเตะที่มิลานขาดไม่ได้ในช่วงสามปีหลังสุด ... การเปลี่ยนจังหวะเกมส์จากรุกเป็นรับ คือ หน้าที่ของเขา ... ปีร์โล่ นอกจากจะเด่นที่ลูกจ่ายที่แม่นยำทั้งสั้นและยาวแล้ว จุดเด่นที่สำคัญคือ การเล่นลูกเซ็ทพีช มิลานเองก็ได้ประโยชน์จากตรงนี้หลายครั้งเช่นกัน ... เมื่อเกมส์รุกตื้อไปถนัดใจ  .. เซ็ทพีชของ ปีร์โล่ ก็ช่วยผ่าทางตันให้ทีมได้  และก็เป็นเช่นเดียวกันกับเกมส์นี้                      การเลือก ฟิลิปโป้ อินซากี้ ยืนเป็นหัวหอกตัวเดี่ยว ... น่าจะเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ดีที่สุดของ คาโล อันเชล๊อตติ ในฤดูกาลนี้ เพราะกับจุดเด่นของเจ้าปิ๊ปโป้ คือ การหาตำแหน่งในกรอบเขตโทษ .. รวมไปถึง การเป็นกองหน้าที่ชอบชิงจังหวะเล่นกับแผงหลังคู่ต่อสู้ (สถิติกองหน้าจอมออฟไซด์ ไม่ใช่เรื่องตลก เมื่อดูจากประตูที่ปิ๊ปโป้ทำได้ มักจะเป็นการหลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปดวลเดี่ยวกับผู้รักษาประตูเสมอ ..)  ..           นั่นทำให้แผงหลังของ ลิเวอร์พูล เลือกจะไม่ขึ้นให้สูงกว่าหน้ากรอบเขตโทษของตัวเอง .. ถ้าไม่จำเป็น  แม้เจ้าปิ๊ปโป้จะแทบหายไปจากเกมส์เลย .. ก็เพราะกับการตรึงแนวรับไว้ไม่ไกลกว่าหน้ากรอบเขตโทษนั่นเอง ที่ช่วยเปิดช่องว่างระหว่างแนวรับกับแผงกลองกลางให้มากขึ้น ... นั่นทำให้งานของ มาสเคราโน่ หนักขึ้นเป็นสองเท่าด้วยเช่นกัน .. จากคุณ : paphartnet - [ 26 พ.ค. 50 00:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 3               มาดูหมากการเล่นเกมส์รุกของ ราฟา กัน ...                ลิเวอร์พูลนัดนี้ เลือกจะเล่นบอลโด่ง เป็นอาวุธหนัก ... แล้วทำไมต้องเล่นบอลโด่งกับทีมอย่างมิลาน ??             ๑. แผงกองกลาง ของมิลาน ล้วนแล้วแต่มีความสามารถเฉพาะตัวสูง ... นักเตะอย่าง กาก้า หรือ เซดอร์ฟ พร้อมจะใช้โอกาสที่มีอยู่น้อยนิดสร้างสรรค์ให้เป็นประตูได้ทันที ไม่ว่าจะยิง หรือ จ่ายให้เพื่อน ... การเสียบอลให้กับแดนกลางของมิลานบ่อย ๆ คือ ความผิดพลาดที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง ....             ๒. เจนาโร่ กัตตูโซ่ คือ มิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานี้อย่างไม่ต้องสงสัย การเข้าทำลายจังหวะเกมส์รุกของคู่ต่อสู้่ คือ สิ่งที่เจ้าตัวทำได้ดีที่สุด ... กัตจัง เข้าบอลหนักก็จริงแต่น้อยครั้งที่เจ้าตัวจะโดนไล่ออก  นั่นคือ ความน่ากลัวอย่างหนึ่ง ... และด้วยสไตล์+ ลูกบ้า ของเจ้าตัว การตามกัด ตามบี้ ผู้เล่นกองกลางของคู่ต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย คือ สิ่งที่กองกลางของทีมฝ่ายตรงข้ามขยาด ... การแย่งบอลจากเท้า หรือ การตัดบอลสั้น ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่เด่นของหมอนี่ แทบจะเรียกได้ว่า เป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่สมบูรณ์แบบมากคนหนึ่ง            ๓. อันเดรีย ปีร์โล่ .... นอกจากความน่ากลัวของผู้เล่นอัจฉริยะ อย่าง กาก้า หรือ เซดอร์ฟ ทีั่่ื่ครองบอลเหนียวแน่น แย่งยากสุด ๆ โดยเฉพาะกับ กาก้า ที่ทั้งเร็วและคล่อง .. แต่ทั้งคู่จะไม่น่ากลัวเท่านี้เลย หากปราศจากมิดฟิลด์ที่คอยเชื่อมเกมส์ เปลี่ยนบอลจากรับเป็นรุกโดยรวดเร็ว และ นั่นทำให้พื้นที่ของทั้งคู่ มีมากขึ้น.... ปีร์โ่ล่ คือ คนที่รับหน้าที่นั้น แทบจะเรียกได้ว่า เจ้าตัวคือ หางเสือของทีม ... คอยกำหนดทิศทางการบุกของทีม ทั้งจะขยี้คู่ต่อสู้ด้วยบอลเร็ว , สวนกลับทันที หรือ จะค่อย ๆ นวดแนวรับของคู่ต่อสู้ จนเปิดช่องว่างให้...  ทั้งหมดทั้งมวลมักเกิดจากบอลที่ออกจากเท้าเขาแทบทั้งสิ้น            ฉะนั้น ...การวางบอลยาว จะช่วยให้นักเตะมิลานนอกจากจะไม่ได้มีโอกาสเล่นบอลกับพื้นอย่างที่ถนัดมากแล้ว ยังช่วยจี้จุดอ่อนของนักเตะจากลีกอิตาลีที่ไม่คุ้นเคยกับบอลโด่งนักด้วย .. ที่สำคัญ นี่คือ วิธีการเปิดแผลช่องว่างระหว่าง แผงกองกลาง กับ แผงกองหลัง ของมิลาน ...ที่ได้ผลอย่างชัดเจน (ในครึ่งแรก) .. คุ่เซนเตอร์ของมิลาน ก็ไม่ใช่นักเตะที่แกร่งในลูกกลางอากาศเท่าใดนัก แถมยังมีสปีดที่ค่อนข้างจะเชื่องช้าลงไปมาก ... ที่สำคัญ ทั้งคู่เป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟสไตล์ใกล้เคียงกัน .. มัลดินี่ เล่นบอลด้วยการอ่านจังหวะเกมส์แต่ไหนแต่ไร เช่นเดียวกันกับ เนสต้า ที่เป็นกองหลังเชิงสูงคนหนึ่ง .. เมื่อไม่มีใครเป็นตัวชนโดยธรรมชาติ แนวรับของมิลานจึงมักตรึงอยู่บริเวณหน้ากรอบเขตโทษ เปิดพื้นที่ว่างในระยะ 40 - 25 หลา ... ให้บอลโด่งของลิเวอร์พูลตกลงมาใส่หัว เดิร์ก เค้าท์ ที่คอยเช็ดให้ปีกทั้งสองข้าง หรือ เจอราด ที่สอดขึ้นรับบอลเล่นเกมส์รุกได้บ่อย ๆ   นี่ยังไม่นับจังหวะที่กองหลังมิลานเคลียร์ลูกกลางอากาศไม่ดีมาเข้าทางแนวรุกของลิเวอร์พูล ที่วันนี้เข้าบีบเกมส์เร็วจนแผงหลังมิลานไม่สามารถต่อบอลจากเท้าสู่เท้าได้อย่างแม่นยำนัก (ในครึ่งแรก)  .. ครั้นจะเล่นบอลยาวเหมือนลิเวอร์พูล  ก็ขาดความแม่นยำเพราะไม่คุ้นชินนั่นเอง (หน้าที่วางบอลเป็น เอกสิทธิ์ของ ปีร์โล่ แต่เพียงผู้เดียว เมื่อบอลไม่ถึงเท้าเขา มิลานก็หมดหวังจะเล่นบอลยาว) ฉะนั้น ... บอลโด่งของมิลาน จึงมักจะถูกฝั่งลิเวอร์พูลเก็บกินเรียบ ... แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 50 01:43:04 จากคุณ : paphartnet - [ 26 พ.ค. 50 01:17:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หงษ์ไม่เป็นตัวของตัวเองครับเลยแพ้ คือ ไม่ตั้งรับแล้วรอสวน จากคุณ : ลอร์ดเวเดอร์ - [ 26 พ.ค. 50 01:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 หมากเกมส์รับของลิเวอร์พูล ...                   ราฟา เบนนิเตซ รู้ดีว่า การส่ง ฟิลิปโป้ อินซากี้ ลงมาเล่นตั้งแต่ต้นเกมส์ ก็เพื่อหวังจะใช้จังหวะที่แนวรับลิเวอร์พูลเช็คล้ำหน้า ให้เจ้าปิ๊ปโป้ ฉวยโอกาสหลุดเข้าไปทำประตูแทน ... แต่การที่มิลานจะทำได้เช่นนั้น .. มีตัวแปรสำคัญคือ การวางบอล ของ อันเดรีย ปีร์โล่ ...                ฟินแน่น      คาราเกอร์    เอกเกอร์   รีเซ่                                                                        ^               ----------\               อินซากี้                  /------------                   ซีดอร์ฟ \       ^                   ^         /กาก้า                                 \ อลอนโซ่        มาสเคราโน่/                              --- เส้นพื้นที่ที่ นักเตะของลิเวอร์พูลปิดการขึ้นเกมส์ของผู้เล่นมิลานให้สิ้นสุดแค่ตรงนั้น               ^ การเคลื่อนที่ของนักเตะ               \  การเคลื่อนที่ไปปิดเกมส์รุกของมิลานทางด้านซ้าย               /  การเคลื่อนที่ไปปิดเกมส์รุกของมิลานทางด้านขวา                อย่างที่ว่าไว้ข้างบน คือ เมื่อลิเวอร์พูล เลือกจะเล่นบอลยาว ทำให้แผงกองกลางมิลาน ไม่ค่อยมีโอกาสเล่นบอลกับพื้นอย่างที่ถนัดนัก อีกทั้งแผงหลังเมื่อตัดบอลยาวของลิเวอร์พูลได้ จะเล่นบอลกับพื้น ก็โดนแนวรุกอย่าง เค้าท์ , เพนเนนท์ , เซนเด้น และ เจอราด เข้ามาบีบเร็ว .. จ่ายบอลเสียไปมากมาย แถมยังพลาดถึงขนาดเตะไปติดตัวผู้เล่นลิเวอร์พูลเอง 2 - 3 ครั้งเลยทีเดียว (จังหวะสำคัญ คือ แยนคูลอฟสกี้ เตะไปติด เพนเนนท์ ได้ลากเข้าไปยิงเรียดเข้าซองดีด้า ) จริง ๆ จังหวะแบบนี้ไม่ใช่ฟลุ๊ค  แต่เป็นการเคลื่อนที่เร็วของแนวรุกลิเวอร์พูล ที่บีบทำให้กองหลังเสีัยจังหวะต้องรีบออกบอลจากเท้าโดยเร็ว ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ง่ายนั่นเอง  ..             เมื่อบอลจากแดนหลังถูกตัดไปก่อนจะถึงแดนกลาง ทำให้ บอลออกจากเท้าปีร์โล่ไปยังพื้นที่ในแนวรับของลิเวอร์พูลน้อยมาก ส่วนมากมักจะเป็นการฝากบอลให้นักเตะอย่าง กาก้า หรือ ซีดอร์ฟ พาลุยไปเองมากกว่า .. และนั่นก็เข้าทางหมากของราฟา ทีั่่วางให้ มาสเคราโน่ ตามตัดเกมส์ผู้เล่นในแนวรุกของมิลาน  .. โดยเฉพาะกับ กาก้า ที่ครึ่งแรกเงียบมาก นอกจาก มาสเค แล้ว ซาบี้ อลอนโซ่ ก็คอยลงมาดักแย่งบอลในแดนตัวเองอยู่บ่อย ๆ และตัดบอลมิลานได้สวย ๆ หลายจังหวะเช่นกัน            .. แผงหลังลิเวอร์พูล ก็มีส่วนให้บอลของมิลาน ไม่ได้มีจังหวะวางบอลสวย ๆ ให้เจ้าปิ๊ปโป้ได้เล่นชิงจังหวะล้ำหน้า  เพราะกับการยืนต่ำ หน้าบริเวณกรอบเขตโทษ ทำให้ถ้าวางบอลยาว (ซึ่งจะต้องข้ามหัวกองหลังไป หรือ ผ่านช่องว่างระหว่างเซ้นเตอร์ กับ แบ็ค ไป) บอลก็จะหลุดออกเส้นหลัง หรือเข้าไปในบริเวณเขตโทษ ที่ผู้รักษาประตูออกมาตัดได้ง่าย .. เจ้าปิ๊ปโป้ เองจึงดูโดดเดี่ยวในแดนหน้าอย่างเห็นได้ชัด แถมยังเมื่อมีจังหวะที่ กาก้า หรือ เซดอร์ฟ พาบอลขึ้่นมา ก็จะถูก มาสเคราโน่ และ อลอนโซ่ คอยตัดบอลแย่งไปได้ หรือ ทำฟาล์ว ในระยะบริเวณกลางสนามได้ก่อนตลอด ..               นั่นทำให้ มิลาน ในครึ่งเวลาแรก ... ตื้อไปถนัดใจ .. แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 50 01:45:45 แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 50 01:45:29 แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 50 01:44:53 จากคุณ : paphartnet - [ 26 พ.ค. 50 01:41:32 ]

ความคิดเห็นที่ 6 โอกาส และ การทำประตู ...                          แม้จะวางบอลยาว และ แนวรับไม่เติมขึ้นสูง .. รวมทั้งมีมิดฟิลด์ที่ทำหน้าที่ตัดเกมส์ถึงสองคน แต่ลิเวอร์พูล กลับบุกใส่มิลานตั้งแต่นาทีแรก !!           หลายเกมส์ในแชมป์เปี้ยนส์ลีก ที่ มิลาน เสียท่าให้คู่ต่อสู้เมื่อโดนบุกหนัก ...  เพราะธรรมชาิติของมิลาน คือ รุก ไม่ใช่รับ  แม้จะมีคู่เซ็นเตอร์ระดับโลกถึงสองคน .. แต่ก็ไม่ใช่ธรรมชาติของมิลาน ที่จะตั้งรับและรอสวนกลับ ... เกมส์ที่แสดงจุดอ่อนในการเล่นเกมส์รับของมิลานอย่างเห็นได้ชัด เมื่อโดนขึงพืด และต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับเต็มตัว คือ เกมส์ใน ซานซิโร่ ที่โดน  บาเยิร์น มิวนิค  ไล่ตีเสมอช่วงท้ายเกมส์ และ เกมส์นอกบ้าน ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อโดน  แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  พลิกกลับมาชนะ 3 - 2 ... นั่นคือ เกมส์ที่มิลานมาต้องเป็นฝ่ายตั้งรับเต็มตัวแบบจำเป็น ( เกมส์แรก เพราะพึงพอใจกับสกอร์ 2 - 1, เกมส์ที่สองเพราะขาดกัตตูโซ่ และพึงพอใจกับสกอร์เช่นกัน 2 - 1)             ... กับลิเวอร์พูลเอง พวกเขาก็เกือบจะเสียท่าแบบนั้นเช่นกัน โดยเฉพาะในครึ่งแรก เมื่อหงส์แดง  เปิดเกมส์รุกเข้าใส่ โดยใช้การเข้าบีบแย่งบอลเร็วของผู้เล่นในแนวรุก , การเปิดบอลยาวบอมบ์เข้าใส่แผงหลังของมิลาน และคอยเก็บตกจังหวะสองด้วยการเล่นบอลสั้นเร็วอีกทอด  .. มีหลายจังหวะที่แผงหลังมิลานพลาดน่าเสียวไส้ ... จังหวะที่น่าเสียดายที่สุด คงหนีไม่พ้นจังหวะที่  เจอเมน เพนเนนท์  พุ่งเข้าขวางบอลที่ แยนคูลอฟสกี้ จะเตะทิ้ง แต่บอลปลิ้นเข้าทาง เจ้าตัวได้ควบเข้าไปยังกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะได้แบเน้นทิศทางหมายจะพุ่งเข้าเสาไกล .. หากแต่ดีด้า ล้มตัวลงเซฟไว้ได้ก่อน ..นอกจากนั้น ก็มีอีกหลายจังหวะเช่นกัน ที่ผู้เล่นลิเวอร์พูล ได้เข้าไปป้วนเปี้ยนในบริเวณเขตโทษ รวมไปถึงการได้ลูกเตะมุมสองสามครั้ง ...                                       เกมส์รับของมิลานถูกเปิดจุดอ่อน และ  ลิเวอร์พูลได้รับโอกาสที่ต้องการหลายครั้งทีเดียว   เสียแต่ว่าทำไม่ได้เท่านั้นเอง ..                     แต่กับทางมิลาน ต้องบอกว่า โชคค่อนข้างจะนิยมชมชอบมิลานซักหน่อย .....                                    จริง ๆ เกมส์ในครึ่งแรก มิลานเองแทบจะหาโอกาสได้ส่องลิเวอร์พูลจัง ๆ ไม่ได้ .. มีลุ้นก็แต่ จังหวะ ที่กาก้าได้ยิงจากนอกกรอบเขตโทษ จังหวะเดียว นอกนั้นก็บอลไปตายที่แดนของลิเวอร์พูลแทบจะตลอด .. ปิ๊ปโป้ หายไปจากเกมส์ มีจังหวะล้ำหน้าอยู่สอง - สามครั้ง พอให้กล้องได้จับ ... แต่จุดเปลี่ยนที่มิลานต้องการ มาเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ...                 การได้ฟรีคิกในระยะ 20 - 25 หลา โดยที่มีนักเตะอย่าง อันเดรีย ปีร์โล่ ที่ได้ชื่อว่า เป็นเจ้าพ่อฟรีคิกคนหนึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องน่าเสียวไส้ที่สุด ...                                    และเป็น ปีร์โล่ ที่ตัดสินใจยิงยัดเข้าเกือบจะตรงกลางประตู .. โฮเซ่ เรน่า พุ่งไปในทิศทางเดียวกับบอล และ น่าจะถูกป้องกันได้ ... หากบอลไม่พุ่งไปชนนักเตะคนหนึ่งที่พุ่งราวกับจะตั้งใจชนบอลลูกนั้นให้เปลี่ยนทางเข้าประตูไป ...                 ฟิลิปโป้ อินซากี้ อีกแล้วครับท่าน - - "                  จริง ๆ จังหวะนี้ เป็นใครก็คาดไม่ถึงครับ ถึงแม้ ปิ๊ปโป้ จะออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เป็นลูกสูตร ที่เขากับ ปีร์โล่ ซ้อมกันมาอย่างดี แต่มันแปลกๆ ที่ลูกสูตรที่ไหน เขาใช้แขนชนบอลเข้าประตู - - " ถ้าตั้งใจจริง คิดว่าเจ้าปิ๊ปโป้ คงจะเอาหัวโหม่งให้เปลี่ยนทางเข้าไปเลยดีกว่า ... แต่ลูกแบบนี้ สมควรจะยกเครดิตให้คนที่มาชนบอลเปลี่ยนทางจริง ๆ .. และก็เป็น อินซากี้ ที่มักจะยืนถูกที่ถูกเวลาในกรอบเขตโทษซะเหลือเกิน ...              เมื่อเข้าประตู ... เกมส์ของ ลิเวอร์พูล ก็เปลี่ยนไปเลยครับ .. และเราจะมาพูดกันต่อถึงครึ่งหลังว่า ทำไมต้องเปลี่ยน ??  เปลี่ยนไปอย่างไร ?? และทางฝั่งมิลานเปลี่ยนหรือไม่ ?? แล้วลูกที่สองมาได้อย่างไร ? แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 50 02:14:06 จากคุณ : paphartnet - [ 26 พ.ค. 50 02:10:43 ]

ความคิดเห็นที่ 7 การตัดสินใจ ...                      เกมส์ในครึ่งหลัง .. ลิเวอร์พูล ก็ยังคงบุกครับ ... แต่คราวนี้หมากในการรุกดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไป .                     ซาบี้ อลอนโซ่  ถูกดันให้ขึ้นมาช่วย สตีเว่น เจอราด ทะลุทะลวงในแดนกลางมากขึ้น ปล่อยให้ภาระในการไล่ตัดเกมส์เป็นของ มาสเคราโน่ แต่เพียงผู้เดียว โดยที่ยังใช้ปีกสองข้าง คือ เซนเด้น และ เพนเนนท์ เหมือนเดิม ขณะที่ เดิร์ก เค้าท์  เหมือนจะถูกสั่งให้คอยยืนเป็นหน้าเป้ามากขึ้น ไม่ต้องคอยไล่กวดแย่งบอลจากแนวรับของมิลานเหมือนในครึ่งแรกแล้ว ... นั่นทำให้ แนวรับของมิลานเล่นได้สบายขึ้น และ มีโอกาสต่อบอลขึ้นไปฝากไว้ยังแผงกองกลางได้มากขึ้น ...                  ... ทิศทางในการรุกของทีมเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเน้นการถ่ายบอลออกทางริมเส้นสองข้างมากขึ้นกว่าในครึ่งแรก , การบีบแนวรับของมิลานลดน้อยลง , การทะลุขึ้นมาจากแถวสองของ เจอราด ที่สอดขึ้นมาเล่นเสมือนกองหน้าเลยทีเดียว มีหลายจังหวะ ที่ เจอราด วิ่งแล๊บขึ้นสูงกว่า เดิร์ก เค้าท์ ซะอีก ในขณะที่ ซาบี้ อลอนโซ่ ก็เติมขึ้นมาเล่นในตำแหน่งเดียวกับเจอราด ในครึ่งแรก ...                                         ^                                      มาสเคราโน่                                            เพนเนนท์      อลอนโซ่      เซนเด้น                      v                  v                v                             เจอราด        เดิร์กเค้าท์                                 v                    v                                        พอเป็นแบบนี้ ทำให้พื้นที่่ว่างในแนวรับของลิเวอร์พูล มากขึ้นครับ  เพราะตอนนี้ เหลือแค่ มาสเคราโน่ คนเดียวแล้ว ที่เล่นเกมส์รับแบบเต็มตัวในแผงมิดฟิลด์ ... แม้ อลอนโซ่ จะลงมาช่วยตัดบอลอยู่เนือง ๆ แต่ไม่ได้ยืนลึกเหมือนในครึ่งแรกแล้วครับ   พอจังหวะบอลที่มิลานขึ้นมาเร็วถึง กาก้า หรือ ซีดอร์ฟ จึงเหลือแต่ มาสเคราโน่ คอยไล่บอลจากคนใดคนหนึ่ง .... ถ้าบอลอยู่ที่ ซีดอร์ฟ ... มาสเคราโน่ จะตามติดทันที และนั่น ทำให้ กาก้า ยืนว่างอยู่   เพราะแผงหลังของทีมก็ยังยืนลึกอยู่หน้ากรอบเขตโทษเหมือนเดิมครับ                 แล้วทำไม ราฟา ไม่สั่งให้แผงหลังดันขึ้นสูง ?? เพื่อใช้กับดักล้ำหน้าแบ่งเบาภาระ มาสเคราโน่ ??                อย่างที่บอกไว้ คห. ข้างบน ๆ แล้วครับว่า การที่ เจ้าปิ๊ปโป้ ยืนค้ำอยู่  ก็เพื่อคอยดวลชิงจังหวะแผงหลังที่ชอบใช้กับดักล้ำหน้าโดยเฉพาะ ยิ่งเมื่อครึ่งหลัง มิลาน เริ่มได้บอลมากเท่าไหร่ ปีร์โล่ ก็มีบทบาทมากขึ้นเท่านั้น แต่เมื่อลิเวอร์พูล ยังตั้งโซนรับลึก ทำให้ ปีร์โล่ ไม่มีจังหวะวางบอลสวย ๆ ให้เจ้าปิ๊ปโป้ ได้ลุ้นเท่าไหร่ ต้องคอยฝากบอลให้ กาก้า หรือ เซดอร์ฟ เรื่อย ๆ ...               และแล้วอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่มิลานต้องการก็มาถึงครับ ... แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 50 02:37:59 แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 50 02:37:27 จากคุณ : paphartnet - [ 26 พ.ค. 50 02:36:40 ]

ความคิดเห็นที่ 8 บ๊ายบาย  มาสเคราโน่ ..                    วันนี้ นักเตะลิเวอร์พูล ที่เล่นได้โดดเด่นที่สุด คือ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ครับ ...                   แต่โชคร้ายที่ เจ้าตัวดันได้รับใบเหลือง .. และยิ่งโชคร้ายไปอีก เมื่อตำแหน่งที่เจ้าตัวเล่นคือ มิดฟิลด์ตัวรับ !!!                       จริง ๆ กัตตูโซ่ ก็โดนนะครับ แต่ว่า มิลานยังโชคดี ที่กุมความได้เปรียบจากประตูแรก และนั่น ทำให้ไม่ต้องปรับแผนใด ๆ เพียงแต่เน้นให้ อัมโบรซินี่ คอยเข้าประทะแย่งบอลมากกว่า และให้เจ้ากัตจัง คอยเป็นตัวเก็บจังหวะสองแทน  .. ซึ่งปลอดภัยต่อการโดนใบเหลืองที่สอง สังเกตได้หลังจากที่โดนใบเหลือง เจ้ากัตตูโซ่ ไม่ค่อยจะได้ตัดเกมส์เองแบบหนัก ๆ ซักเท่าไหร่ ผิดกับครึ่งแรกที่ถือว่า มีจังหวะหนัก ๆ ให้ได้เห็นบ่อยทีเดียว ..                  ผิดกับฝั่งลิเวอร์พูล  .. เมื่อ มาสเคราโน่ โดน .. เจ้าตัวก็ต้องเล่นแบบถนอมตัวเองมากขึ้นล่ะครับ  ไม่เข้าพรวดพราดหรือ เล่นแรงให้เสี่ยงต่อใบเหลืองอีก นั่นทำให้ แผงหลังของลิเวอร์พูลต้องทำงานหนักขึ้น และความกดดันในเกมส์แบบนี้มันมีมากเหลือเกิน นักเตะจึงมักจะหลุดกันได้ง่าย ๆ  ... นั่นทำให้เกมส์รับของลิเวอร์พูล เริ่มสั่นคลอนมากขึ้น ..                ราฟา คงจะเห็นจุดนี้เหมือนกัน เลยตัดสินใจเปลี่ยน มาสเคราโน่ ออก เพื่อให้ ปีเตอร์ เคร้าช์ ลงมาเสริมเกมส์รุก หวังทวงประตูคืน ( ก่อนหน้านี้ถอด เซนเด้น แล้วส่ง แฮรี่ คีเวล ลงมาแทน)  แต่นั่น ทำให้ พื้นที่ในแดนตัวเองเปิดว่าง .. เพราะ เมื่อไร้ มาสเคราโน่แล้ว ก็ไม่มีใครที่จะคอยสกรีนบอลให้กับแนวรับเลย   ( ซาบี้ อลอนโซ่ เล่นคู่กับ เจอราด ) เป็นเข้าแบบนี้ กาก้า และ ซีดอร์ฟ เลยได้จังหวะควบขึ้นมาสวย ๆ หลายครั้ง โดยเฉพาะ กาก้า ครับ ที่แกได้ล้มลุกคลุกคลานมากขึ้น ยิ่งลิเวอร์พูล เปิดเกมส์บุกแล้วทำไม่ได้ ก็จะโดนมิลานสวนด้วยการวางบอลยาวมาให้ กาก้า ควบไปทันที ...             จัังหวะเสียประตูที่สอง ก็เป็นเพราะ ไม่มีคนคอยบีบ กาก้า เลยครับ อันนี้เห็นชัดว่า .... กาก้า เลือกช่องส่งให้ ปิ๊ปโป้ ได้เลย นี่ขนาด แผงหลังลิเวอร์พูล ยืนขึงกันหน้ากรอบเขตโทษเลยนะครับ แต่เจ้าปิ๊ปโป้ ก็ยังได้จังหวะหลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับ เรน่า ซึ่งก็ไม่เหลือครับ ..                       หารูปไม่เจอครับ จังหวะที่ยืนไลน์กัน แต่น่าจะไม่หลุดจากนี้                        รีเซ่              <-----------------------------กาก้า                       แอกเกอร์                    <<<<อินซากี้                                      เท่าที่จำได้นะครับ กาก้า ควบมาจากริมเส้นด้านขวา แล้วเลี้ยงตัดเข้ากลางดื้อ ๆ ... ตอนนั้นนี่โล่งมาก แผงหลังลิเวอร์พูล เลือกจะยืนตรึงหน้ากรอบเขตโทษ ไม่เข้าสกัด ไม่มีกองกลางคนไหนเข้ามาบีบเลย  เจ้ากาก้า เลยเลือกแทงทะลุช่องระหว่าง รีเซ่ กับ แอกเกอร์ โดยที่ อินซากี้   ปราดเข้าหาบอลในจังหวะที่พอดิบพอดีกับ บอลออกจากเท้ากาก้า  .. แผงหลังลิเวอร์พูลชะงักทุกคน ... นั่นทำให้เจ้ากุ้งได้ดวลเดี่ยว ๆ ..                     หลังจากนั้นก็....เรีัยบร้อยครับ ได้คืนมาหนึ่งประตูจาก เดิร์ก เค้าท์ . ซึ่งก็เป็นจังหวะโหม่งครับ จากลูกโด่ง (เตะมุมเข้ามา) ก็พอจะบอกได้ว่า มิลานมีุจุดอ่อนในลูกโด่งจริง ๆ เพราะ ลูกนี้ เดเนียล แอ๊กเกอร์ ได้โขกเช็ดบาง ๆ มาให้ เดิร์ก เค้าท์ ซึ่งยืนโล่ง ๆ ไม่มีคนประกบ โขกสวนตัวดีด้า เข้าไป ..                     ซึ่งเป็นจังหวะแบบที่ลิเวอร์พูลเล่นงานมิลานมาตลอดทั้งเกมส์ แต่พึ่งจะมาประสบความสำเร็จเอาเมื่อใกล้จะหมดเวลาแล้ว ..                                                       ..................................................................                                                              ในฐานะ แฟนบอล ผมมองว่า เกมส์นี้ ให้ความบันเทิงได้ดีครับ เกมส์สนุกที่เราได้เห็นในสิ่งที่ไม่ค่อยจะได้เห็นคือ เห็น ลิเวอร์พูล ดาหน้าบุก , เห็นมิลาน ตั้งรับ (แบบฝืนๆ) แม้จะไม่ถึงกับ แลกหมัดกันดุเดือด  แต่ก็เพราะปัจจัยหลายอย่าง ..                  ถ้ามองในฐานะคนนอก (ที่ไม่ได้เชียร์ลิเวอร์พูล) ผมมองว่า หงส์แดงมีปัญหาเรื่อง อาวุธหนัก ครับ .. จังหวะเข้าทำนี่ ไม่ได้ด้อยกว่า มิลาน เลยนะครับ มีจังหวะได้หลุดเข้าไปยิงสวย ๆ  ...  แต่ก็ไม่เป็นผล ..                .. เหมือนมีมีดในมือน่ะครับ .. แต่มันไม่คม แทงก็แทงได้ แต่เข้าหรือไม่มันก็อยู่ที่ว่า จะแทงอะไร ถ้าแทงกระดาษมันก็เข้าครับ หรือ แทงเนื้อปลาที่หั่นบาง ๆ ก็เข้าเหมือนกัน ... แต่ถ้าจะแทงอะไรที่มันหนัก ๆ หนา ๆ เช่น หมูสามชั้น ... มันก็ยากจะเข้าล่ะครับ                    ที่มองว่า เป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องได้รับการแก้ไขคือ ปีกทั้งสองข้างครับ ....               เจอเมน เพนเนนท์ อาจจะได้คะแนนความสามารถเยอะกว่าใครเขา แต่แกก็ขาดทีเด็ดทีขาดที่ปีกในลักษณะที่ "ชงเองกินเอง" ได้นั้นควรจะมี ถ้าปรับจูนได้ แม้ผมจะขัดหูขัดตาแกก็เหอะ เพราะบางจังหวะเลี้ยงไปเข้าเท้าขวาดี ๆ จะตบเข้ากลางก็ไม่ ดันเลี้ยงวนมาเข้าเท้าซ้ายซะงั้น - - " เสียจังหวะจนต้องป้ายให้ ฟินแน่น มาเติมเปิดบอลแทน แต่ถ้าไม่ คนใหม่ที่เดินเข้ามา น่าจะเป็นนักเตะที่ผ่านการพิสูจน์กับตำแหน่งปีกในระดับสูงมาแล้ว ( ที่มีข่าวอย่าง  ซิเมา ซาโบรซ่า)                ส่วนปีกซ้าย แฮรี่ คีเวล คือ ปีกแบบที่ลิเวอร์พูลต้องการจริง ๆ ครับ ปั้นเกมส์เองได้ .. จบได้ ทำได้ดีทั้งปีกแบบที่ต้องครอสบอล หรือ ปีกที่ต้องตัดเข้ากลางมาหาจังหวะยิงประตู .. แต่ทว่า ต้องรอครับ ว่าเมื่อไหร่ คีเวล จะกลับมาเป็นคนเดิม ... ถ้ารอไม่ไหว .. ก็น่าจะต้องมีใครเดินเ้ข้ามาล่ะครับ เพราะข่าวที่ออกมา ตัวที่จะไปก็ ปีกซ้ายทั้งคู่ หรือ จะดัน ออเรลลิโอ ขึ้นมาเล่นแบบช่วงกลางฤดูกาลก็น่าจะพอแก้ขัดได้ครับ ..            อีกตำแหน่ง น่าจะเป็นกองหน้า ถ้าไม่เทรน เดิร์ก เค้าท์ ให้กลับไปยิงกระจุยเหมือนสมัยที่เล่นในลีกดัตซ์ .. ก็ต้องหาตัวใหม่ที่เป็นประเภท ตัวปิดบัญชีสมบูรณ์แบบ ... ที่มีข่าวอย่าง ตอเรส หรือ เอโต้ นี่ก็น่าสนใจครับ คิดว่าคงเล่นเข้ากับทีมได้ดีทีเดียว ...                    ------------------------------------------------------------            จบแล้วครับ สำหรับบทวิเคราะห์ ไม่รู้ว่าผมจะเขียนได้ดีเท่าที่เคยเขียนวิเคราะห์เกมส์แมนยูฯ หรือไม่ แต่ก็เพราะความอยากล่ะครับ เห็นเกมส์ที่เล่นกันแล้วมันน่าสนใจดี กอปร ว่า ไม่ยักเห็นบทวิเคราะห์หลังเกมส์มาให้อ่านเลย ก็ขอเขียนไว้พอให้ได้อ่านแก้เซ็งกันนะครับ              ปั่นเสร็จแล้ว ผมขอตัวไปนอนล่ะครับ เหนื่อย ๆ - - "              ---------------------------------------------------------------------- แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 50 11:39:57 จากคุณ : paphartnet - [ 26 พ.ค. 50 03:23:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มาลงชื่อไว้ก่อน พรุ่งนี้จะตื่นมาอ่านแต่เช้าเลย ตอนนี้ง่วงมาก -_- จากคุณ : jigij - [ 26 พ.ค. 50 03:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 วิเคราะห์ได้ดีครับ ..อ่านลื่น..เห็นภาพ จากคุณ : Sweet_Guy - [ 26 พ.ค. 50 03:34:06 ]

ความคิดเห็นที่ 11 วิเคราะห์แจ่มเลยครับ เห็นเป็นช็อตๆเลยล่ะ ชอบตรงที่มีแผนผังให้ดูด้วยนี่แหละครับ -------------------------------------------- เสียดายเพนแนนท์นะครับ ลูกขยันเนี่ย โอเคมากๆแล้ว แต่ขาดทีเด็ดทีขาดอย่างที่ว่าจริงๆ ภาพพจน์เงาะนี่ ทำไมมันลบล้างยากจัง จากคุณ : วิหยาสะกำหลงรูป - [ 26 พ.ค. 50 03:36:54 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เขียนได้ดีครับ อ่านแล้วนึกถึงเกมจริง ---------------------------------------------- อันนี้ส่วนตัวนะครับ จังหวะลูกแรก ผมคิดว่า"อาจ" จะซ้อมมาจริงๆก็ได้ เพราะตอนแรก ปิ๊ปโป้ ยืนแทรกอยู่ในแถวกำแพง แต่พอจังหวะเตะ เค้าวิ่งออกมาในวิถีการยิงทันที โดยที่สายตามองแต่บอล ต่างกับกรณีปกติทั่วไปที่กองหน้าคนอื่นมักหันหน้าเข้าหาประตูเพื่อรอจังหวะซ้ำ อาจเป็นการซ้อมมาโดยหวังแค่สะกิดบอลก็พอครับ เห็นด้วยกับข้อที่ว่า เปลี่ยนมาสเชราโนแล้วเกมรับหงส์เสียขบวนไปเลยครับ แต่ ณ จังหวะนั้น อาจเป็นเรื่องที่ราฟา อาจต้องทำใจเสี่ยงกับประตูที่เป็นรองแล้วน่ะครับ ปล.ลูก2-1 ถ้าจำไม่ผิด แอกเกอร์โหม่งเช็ดมานะครับไม่ใช่เคราช์ ถ้าผิดพลาดก็ขออภัย แหะๆ จากคุณ : loopdaloop - [ 26 พ.ค. 50 03:44:04 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยแทบทั้งหมดแหละนะครับ เพียงแต่อยากปรับผังนี้นิดนึง เป็น                        รีเซ่                        <-----------------------------กาก้า                        แอกเกอร์                    < < < <                          ^                          ^                          ^                          ^                        อินซากี้                        คาร่า คืออินซากี้วิ่งมาแบบ blind side run ของแอคเกอร์ด้วยอะ มันเลยดูหลุดซะขนาดนั้น ปล. จริง ๆ เส้นทางวิ่งกับเส้นทางการจ่าย มันควรจะเฉียงเข้าหากันนิด ๆ อะนะ แต่ขอละไว้เพื่อความสะดวกของการทำ นิดละกัน ..... แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 50 04:28:47 แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 50 04:20:42 จากคุณ : Thirdwave - [ 26 พ.ค. 50 04:20:06 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เขียนได้ดีมากๆค่ะ เห็นภาพจริงๆนะ ที่คห.4 (อ่ะ..ล้อเล่นค่า) จะโหดร้ายไปมั้ยถ้าอยากให้พี่เป็ปเขียนทุกนัดเลย ฮ่าๆๆๆ จากคุณ : fanghartnet (สตีฟ แม็คมานานแล้ว) - [ 26 พ.ค. 50 06:02:13 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ชอบครับ...แต่เราอาจวิเคราะห์เกมไม่เก่งนะ เหมือนทุกคนเลยที่ว่า...ไม่มีประเภทโป้งเดียวจอดน่ะ... เคสปิ๊ปโป้ ไงก็ไม่เชื่อ เพราะเด๋วปีรโล่ก็ด่าเอาหรอก ว่ามรึงมาขวางทำไม ไม่งั้นเข้าไปแล้ว หรือไปวัดเอา ตาดีก็เข้า อิอิ ก็สรุปว่า...จังหวะเป็นใจเนาะ ถ้าซักกลางครึ่งหลังถอดอลอนโซ่ออก เคร้าซ์ก็ลงเร็วนิด เอาเจิดมายืนกลาง จะไหวมั้ยอ่ะ เพราะเคร้าซ์เราว่าก็เก็บบอลได้ดีระดับนึงน่ะ บางทีป๋าแกก็ตัดสินใจแลกหมัดช้าไปนิดเนาะ... ปีหน้าว่ากันใหม่ อิอิ จากคุณ : s_kop - [ 26 พ.ค. 50 08:29:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เขียนได้ดีครับ   แต่ผมขอแก้ตรงประตูตีไข่แตกของ  Liverpool  นะครับ ไม่ใช่ ปีเตอร์ เคร้าช์ หรอกครับที่โหม่งบอลแฉลบมัลดินี่   ไปโดนเดิร์กเข้าโกม่งเข้าประตูไป แต่เป้น   AGGER  ครับ จากคุณ : Gop_ครับ - [ 26 พ.ค. 50 08:31:07 ]

ความคิดเห็นที่ 17 รอกระทู้แบบนี้มานานแล้วครับ ดีกว่ากระทู้แดกดันกันไปมา ที่มีจนล้นบอร์ด จริงๆ แล้วราฟาวางแท็คติกมาได้ดีมากนะครับ เล่นเอากาก้าและซีดอร์ฟทำอะไรไม่ได้ ซึ่งส่งผลให้เกมรุกมิลานในครึ่งแรกฝืดไปถนัดใจ แต่นักเตะพลาดเองที่ 1. มีโอกาสแล้วทำไม่ได้ (เกมระดับนี้จะมาใช้โอกาสเปลืองแบบในลีกไม่ได้) 2. เสียสมาธิในเกม (ถึงจะแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ก็นำไปสู่การเสียประตู) โดยเฉพาะลูกที่ 2 นักเตะยืนขาตาย ยืนดูกันหมด ซึ่งผิดวิสัยความใจสู้ของทีมอังกฤษมาก อย่างน้อยวิ่งไปบีบ วิ่งไปกดดันก็ยังดี ถ้าเร็วพออาจสกัดจากเส้นประตูออกไปก็ได้ ส่วนที่ราฟาพลาดก็คือ เปลี่ยน คีล เคร้าท์ ลงมาช้าไป โดยเฉพาะเคร้าท์น่าจะลงมาตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ เพราะลูกโด่งนี่ กองหลังมิลานสู้แกไม่ได้แน่ ส่วนการเปลี่ยนมาสเคราโน่ออกผมว่า ราฟาทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว เพราะในขณะนั้นมีทางเลือกแค่จะเปลี่ยนมาสเคหรืออลองโซ่ แต่เป็นผมก็เลือกเปลี่ยนมาสเค เพราะอลองโซ่ยังไม่โดนใบเลือง และยังมีทีเด็ดในเกมรุกมากกว่ามาสเค จากคุณ : Dream Seeker - [ 26 พ.ค. 50 11:03:45 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เขียนได้ดีมากๆครับ เป็นกระทู้ที่ควรตั้งบ่อยๆเยอะๆ วิเคราะห์รูปเกม เเผนการเล่น ได้สนุกมากครับ เวลาดูบอลจะได้เอาความรู้เหล่านี้ไปดูบอลด้วยครับ หงส์ขาดนักเตะระดับโลกอย่างมิลานจริงๆครับ เหมือนที่คุณ paphartnet  เปรียบเทียบว่ามีมีดเเต่ไม่คม ฟันยังไงก็ไม่เข้า ได้เเต่ถากๆ หงส์เเดงต้องใช้เงินซื้อนักเตะที่มีคลาสมาเพิ่มอย่างเร่งด่วน เอาให้ได้ภายในเดือนมิย. ยิ่งดี ไม่ใช่เหมือนปีก่อนๆ ผ่านไป 2 เดือน หายเงียบ หวังว่าคงได้ปีก 2 ข้าง กองหน้า 1 คน เเบ็คขวาอีกคนครับ ขออนุญาติเอาไปโพสท์ที่บอร์ดหงส์นะครับ แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 50 11:34:32 จากคุณ : bigwores - [ 26 พ.ค. 50 11:32:52 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เอ่อ ขออภัยครับ ดันจำว่า เคร้าซ์ โหม่งเช็ดให้ เดิร์ก เค้าท์ ซะงั้น - - " เสียดายนะครับ ทีั่ โมโม่ ซิสโซโก้ ดันเจ็บ ผมว่า ถ้าเจ้าตัวอยู่ ยังไง ราฟา ก็น่าจะถอด มาสเค และส่ง โมโม่ ลงมาตัดเกมส์แทน ... แต่พอ ไม่มี ก็เลยต้องจำเป็นที่จะส่งเคร้าช์ ลงมาเพื่อเปิดเกมส์รุกแลก .. แต่ เอา อาเบลัว ลงมาทำไมเนี่ย - - " จากคุณ : paphartnet - [ 26 พ.ค. 50 11:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 20 paphartnet  คุณวิเคราะห์เกมได้ดีมากครับ อยากให้มีกระทู้แบบนี้เยอะๆ ได้ควมรู้ดี และไม่ชวนทะเลาะกันด้วย ที่ผมเห็นด้วยมากๆเลยคือ ลิเวอร์พูลไม่มีหน้าแบบโป้งเดียวจอด และที่ราฟาคิดผิดมากๆเลยคือเซนเด้นน่าจะเปลี่ยนออกตั้งนานแล้ว บอลมาเสียฝั่งซ้ายเยอะมาก มีโอกาสมากแค่ไหนแต่ถ้าทำไม่ได้ผลมันก็ต้องเป็นงี้ล่ะครับ ใจผมนะอยากได้กองหน้าสไตล์เจ้ารุดจริงๆเลย   ถ้าได้มาเกมที่ควรแพ้ก็น่าจะเสมอหรือเกมที่จะเสมอก็มีโอกาสชนะ จากคุณ : สิบล้อ - [ 26 พ.ค. 50 15:08:26 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นด้วยกับ จขกท. ครับ จากคุณ : FORBIDDEN - [ 26 พ.ค. 50 17:50:47 ]

ความคิดเห็นที่ 22 หน้าแบบโป้งเดียวจอด ก็มีนี่ครับ แต่ไม่ได้ใช้ ฟาวเลอร์ไง จากคุณ : Lazy Genius - [ 26 พ.ค. 50 20:58:58 ]

ความคิดเห็นที่ 23 วิเคราะห์ได้เยี่ยมครับ นัดนี้ขัดใจ เซนเด้น มากที่สุดครับ ควรจะเปลี่ยนตั้งแต่จบครึ่งแรกแล้ว เห็นได้ชัดว่าช้ามาก ขนาดหลังมิลานว่าช้าแล้วนะ ยังตามเก็บเซนเด้นได้ซะอยู่หมัด เคสของมาสเค ก็เห็นด้วยครับ เสียดายไม่น่าโดนเหลืองก่อนเลย ลูกที่สอง ที่โดน แอบคิดว่าถ้า ซักคนของหงส์ในบรรดา 3 คนที่อยู่ตรงนั้น ขยันซะหน่อย อาจจะวิ่งไปตามเก็บบอลได้ก่อนข้ามเส้น เพราะลูกยิงลูกนั้นมันค่อยๆไหลเข้าไป หากออกตัวตั้งแต่ปิ๊บโป้จับบอล อาจจะตามไปสกัดบนเส้นได้ทัน ขัดใจเหมือนกันที่เห็นทุกคนนิ่งซะงั้น ชอตเข้าทำของหงส์ที่เสียดายที่สุดคือ ครึ่งแรก จังหวะที่ เพนเนนท์หลุดถึงเส้นหลังแล้วตบเข้ากลางมาให้พี่เจิด ดันเป็นลูกโด่งไปนิดนึง ทำให้พี่เจิดที่หลุดโล่งๆมาแล้ว ยิงแป้กไปซะงั้น หากลูกนั้น เงาะปาดมาแบบแนบชิดสนิทกับพื้นหญ้า แอบคิดไม่ได้ว่า ลูกนั้นพี่เจิดซัดหายแน่ๆ เพราะดูแล้วจังหวะทุกอย่างได้หมด  สำหรับชอตอื่นไม่ติดใจอะไรนัก เพราะเป็นธรรมดาของหงส์ซะแล้ว ที่ยิงเยอะแต่หวังไม่ค่อยจะได้ ลูกที่ตีคืนมา 2-1 ก็ไม่คิดว่าจะได้เหมือนกัน ดันได้ซะนี่...เพราะปกติ จังหวะเตะมุม หงส์ไม่ค่อยอันตรายเท่าไหร่นัก จะว่าไรมั้ย ถ้าผมจะแอบคิดอีกว่า นัดนี้ผมผิดหวังกับชอตยิงของเจิดมาก หลายๆลูกที่น่าจะทำได้ในมาตรฐานของเค้า ก็พลาด หลายๆลูกที่น่าจะส่งให้เพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า ก็ฝืนยิงเอง แล้วก็พลาดอีก  แต่สำหรับเรื่องความขยันและการทะลุทะลวง ยังคงทำได้ดีตามมาตรฐานของเค้าครับ เพนแนนท์เล่นขยันดีครับ นัดนี้ หากปรับปรุงการโยนและลูกฝืนๆของเค้าอีกนิดนึง ปีหน้าผมว่า พี่เปรตโหม่งกระจายครับ เพราะผมคิดว่าเพนแนนท์ หากเค้ามีความมั่นใจ จังหวะลากเลื้อยของเค้าก็นับว่าไม่เป็นรองใครเหมือนกัน เดิร์ก เค้าท์ นับถือในความขยัน  แต่ยังสงสัยในความคมครับ ในความคิดผม เค้าเป็นกองหน้าสไตล์เดลกลิชมากกว่าที่เป็นเอียน รัชครับ หากได้คู่ขาแบบรัช หรือ อัลดริดจ์ สมัยก่อน น่าจะเป็นการจับคู่ที่เนียนทีเดียว   ปีหน้าขอ ศูนย์หน้าคมๆซักตัวนะครับ ป๋า แค่นี้ก็พอแล้วหละ ปีกซ้ายขวานี่ ใช้ของเดิมก็โอเคแล้ว จากคุณ : ข้าวหมกแพะ - [ 26 พ.ค. 50 21:21:07 ]

ความคิดเห็นที่ 24 โห พวกพี่เวลาพิมพ์ ไลน์การวิ่งนี่ คำนวณกันยังไงครับเนี่ย ถึงได้ออกมาเป็นรูปภาพซะขนาดนี้ จากคุณ : Ryuichi - [ 27 พ.ค. 50 03:11:11 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผมว่าดัลกริชตอนรุ่งๆนี่เทพเลยครับ ลูกยิงเเต่ละลูกยอดๆทั้งนั้น จากคุณ : bigwores - [ 27 พ.ค. 50 10:57:04 ]