ความคิดเห็นที่ 60
เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นเมื่อ 27 กันยายน 1999 ที่แอนฟิลด์ เราเล่นเกมกับศัตรูของเรา เอฟเวอร์ตัน ผมอยากลงเล่นด้วยจนปวดใจ ในการประชุมทีมเชรา อุลลิเยร์ ประกาศรายชื่อนักเตะ 11 ตัวแรก ซานเดอร์, เวการ์ด, ซามี่, คาร่า, สแตน, วลาดี้, ดีดี้, เจมี่, แพททริค, ไมเคิล และร็อบบี้ ไม่มีชื่อผม เจ็บจริงๆ ก้อนแข็งจุกขึ้นมาในลำคอ ผมต้องได้ตำแหน่งตัวจริงแต่กลับได้ระเบิดเวลามาแทน ทำไม ในหัวผมปั่นป่วน ผมนั่งที่ม้านั่งสำรองกับพายุในใจ นี่ไม่ยุติธรรมเลย
ในสนามเป็นเกม เตะ ฟุตบอลอย่างแท้จริง ฟรานนี่ เจฟเฟอร์และซานเดอร์ เวสเตอร์เฟล มีเรื่องกันและถูกไล่ออกจากเกม ผมล่ะอยากลงสนามไปกำจัดพวกเอฟเวอร์ตันให้สิ้นซาก เพื่อประกาศให้ทุกคนรู้ว่าผมสิ ที่ต้องได้ลงเล่นเป็นตัวจริง ถ้าได้ลงเล่น ผมบอกตัวเอง นายต้องหวดพวกเขาให้หนัก เล่นงานพวกจมูกสีน้ำเงินซะ เชราจะได้รู้เสียทีว่าอย่าได้ดร็อปนายในเกมดาร์บี้อีก
ผมถูกหมายหัวด้วยใบแดงนับตั้งแต่วินาทีแรกที่เชราปล่อยผมลงสนามในฐานะตัวสำรอง ผมฟิวส์ขาด เครื่องติดดับไม่ได้ ตูม ผมอัดเควิน แคมป์เบลอย่างหนักในจังหวะเข้าบอลช้า ไร้เมตตา ไม่มีคำแก้ตัว ใบแดงแท้ๆ ผมหลบออกมาจากเกมเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ผมวิ่งหนีจากสนามลงมาที่อุโมงค์ ระหว่างทางผมชนเข้ากับฟรานนี่อย่างจัง ฟรานนี่หัวเราะร่า ฮ่าๆๆๆๆ มาจากแฟรนนี่ ขอบใจนะสตีวี่ที่มารับความกดดันแทนฉัน
เมื่อเมฆหมอกสีแดงเริ่มจางไปแล้วนั่นล่ะ ผมถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองทำเรื่องเลวร้ายขนาดไหน ไอ้คนเห็นแก่ตัว ผมบอกตัวเองขณะอาบน้ำ พวกนักเตะลิเวอร์พูลต้องยัวะกันหนักแน่ เราตามอยู่ด้วยสกอร์แค่ 1-0 ประตู ยังมีโอกาสที่จะกู้หน้ากลับมาในเกมดาร์บี้ แต่เมื่อผมตัดสินใจเล่นงานแคมป์เบล ผมก็ได้ทิ้งเพื่อนๆ ให้ต่อสู้กับภารกิจที่ไม่มีวันทำสำเร็จ บ้าฉิบ... ผมทำให้พวกเขาผิดหวัง ผมรู้ว่าพวกเพื่อนร่วมทีมต้องด่าผมแน่ ทุกคนเลย
เมื่อผมเปิดมือถือ ข้อความแรกมาจากพ่อ ท่านพูดเข้าเป้าทันที ทำอะไรลงไป เจ้าบื้อ ผมเข้าใจดีว่าพ่อหมายความว่ายังไง การแทคเกิลที่บ้าคลั่งและโดนลงโทษห้ามแข่งสามเกมรวดไม่ใช่วิธีจะทำให้คนอื่นเชื่อว่าผมน่าเชื่อถือพอจะเป็นนักเตะตัวจริงในทีมลิเวอร์พูล
เมื่อกลับมาเมลวู้ดในวันรุ่งขึ้น เชาราเรียกผมไปพบที่ออฟฟิศทันที เจ้านายเล่นงานผมไม่เลี้ยง นายผิดหวังที่ฉันประกาศว่านายไม่ได้เป็นตัวจริงฉันดูออก เชราพูด เราเข้าใจว่านายยัวะ แต่นายควรยัวะแค่สิบวินาทีก็พอ แล้วก็ลืมมันไปซะ เชราว่าต่อ คิดถึงทีมให้มากๆ สตีเว่น ไม่ใช่นึกถึงแต่ตัวเอง เลิกแทคเกิลแบบนี้เสียที เราต้องการนายในสนามนั่น เราเปลี่ยนตัวนายลงไปก็เพื่อลงไปเปลี่ยนเกม แต่นายทำให้พวกเราทุกคนผิดหวัง
ผมฟังมามากพอแล้ว ความเกรี้ยวกราดตามธรรมชาติของผมประดังเข้ามา ก็ผมอยากลงเล่น ผมเถียงเขา คุณดร็อปผมในเกมดาร์บี้ ไม่รู้หรือว่าผมอยากลงเล่นแทบตาย
ผมเกือบจะโต้กลับไปด้วยอีกว่าเราคงไม่ต้องตามอยู่ 1-0 หรอกถ้าเชราให้ผมลงเล่นตั้งแต่แรก แต่แล้วผมก็เหลือบไปเห็นสีหน้าของฟิล ธอมป์สัน ธอมโม่ยืนอยู่ด้านหลังของเชราจ้องเขม็งอย่างกับคนบ้าที่พร้อมจะโจนขย้ำเหยื่อเมื่อไหร่ก็ตามที่ผมกล้าสวนกลับ นั่นคือธอมโม่ขนานแท้ ช่างเถอะ ผมบอกตัวเอง ป่วยการที่จะโต้เถียงอย่างคนไร้เหตุผล ผมรู้ว่าผมเองแหละที่ไม่ได้ความ
บ่ายวันนั้นตอนที่ขับรถกลับออกจากเมลวู้ด ผมหยุดเพื่อแจกลายเซ็นให้กลุ่มแฟนบอลที่พบ พวกเขาตื่นเต้นกันมาก ที่นายทำน่ะถูกเผงเลย ทำได้ดีมาก อย่างน้อยนายก็แสดงให้เห็นว่านายแคร์ พวกเขาบอกผม ผิดแล้วพวก ผมไม่ควรทำแบบนั้นเลยต่างหาก
สองสามสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์นั้น ผมไปทานข้าวที่ร้าน เอสต์ เอสต์ เอสต์ ที่อัลเบิร์ตด็อค (ท่าน้ำ) มีคนบอกว่าเจอซามี่ ฮูเปียในร้านบลูบาร์ที่อยู่ติดกัน ผมก็เลยแวะเข้าไปหา เราดื่มกันเล็กน้อยแล้วผมก็เกิดปวดปัสสาวะ ผมเดินผ่านประตูห้องน้ำ แล้วก็... ซวยอะไรอย่างนี้! ทายสิว่าใครยืนอยู่ในห้องน้ำด้วย เควิน แคมป์เบลไง เรายืนอยู่ด้วยกัน ยืนยิงกระต่ายอยู่เคียงข้างกัน ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นเขา ก็คือตอนที่เขานอนกองอยู่กับพื้นสนามแอนฟิลด์ ในขณะที่พวกหมอของเอฟเวอร์ตันกำลังช่วยกันประกอบร่างเขาให้กลับเข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม
สบายดีไหม แคมป์เบลทัก
พระคริสต์ทรงโปรด ผมอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี เคฟฟังนะ ผมเสียใจจริงๆ ที่ผมแทคเกิลคุณซะขนาดนั้น ตอนนั้นผมหัวเสีย
แคมป์เบลหัวเราะ ลืมมันไปซะเถอะสตีวี่ แต่พูดก็พูดเถอะ กางเกงผ้ายืดที่ฉันใส่วันนั้นยังเป็นรอยสตั๊ดอยู่เลยว่ะ
ดูเหมือนเขาให้อภัยผม แต่ผมไม่ประมาท เควินตัวโต รูปร่างอย่างกับนักมวยเฮฟวี่เวท ผมยังเกรงๆ ว่าเขาอาจเกิดอยากแก้แค้นขึ้นมาซะตรงนั้น ในห้องน้ำที่บลูบาร์นั่นล่ะ ผมรีบหลบออกมาเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
จากคุณ :
K.Ruan
- [
4 มิ.ย. 50 19:14:04
]
|
|
|