ความคิดเห็นที่ 1 บทที่ 21 ล้มคว่ำบนแผ่นดินเยอรมัน – บันทึกฟุตบอลโลก 2006 ชัยชนะเป็นสิ่งเสพติด ขณะบรรจงจัดวางเหรียญเอฟเอ คัพ ในห้องโชว์ชั้นบนบ้านใหม่ที่ฟอร์มบี้ ความทะเยอทะยานอันเร่าร้อนสิ่งใหม่ก็รุกคืบเข้ามาในใจผมอีก ห้องโชว์รางวัลของผมยังไม่เต็ม ยังมีที่ว่างหลงเหลือซึ่งผมจัดเตรียมไว้รอเหรียญรางวัลล้ำค่าอีกเหรียญ สามสัปดาห์หลังจากคาร์ดิฟฟ์ ทีมชาติอังกฤษก็มุ่งหน้าสู่เยอรมันในฐานะหนึ่งในทีมเต็งที่จะคว้าถ้วยรางวัลอันยิ่งใหญ่ที่สุดบนพื้นโลกมาครอง ฟุตบอลโลกครั้งนี้เหมือนจะเป็นทีของอังกฤษ เป็นนาทีทองที่จะยุติความเจ็บปวดแห่งการรอคอยยาวนาน 40 ปีลง ถึงเวลาแล้วที่เราจะนำถ้วยฟุตบอลโลกกลับถิ่นกำเนิดเสียที ผมกับเบคส์, เจทีกับแลมพ์ และไมเคิลกับแอชลีย์ ในทีมชาติอังกฤษชุดนี้เรามีตัวผู้เล่นที่แกร่งกว่า มีประสบการณ์มากกว่า และมุ่งมั่นกว่าเดิมมากเมื่อเทียบกับทีมชุดยูโร 2004 เราเหยียบย่างบนแผ่นดินเยอรมันด้วยความรู้สึกว่าเรามีสิทธิจะเป็นผู้ชนะ ประเทศอังกฤษทั้งชาติเต็มไปด้วยความมุ่งหวัง ทุกๆ สิ่งดูเหมือนจะเตรียมการไว้พร้อมสรรพเพื่อความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์นี้ ขณะรถโค้ชจากสนามบินบาเด้น-บาเด้นแล่นบนเส้นทางเทือกเขาสูงแห่งป่าดำบ่ายหน้าไปยังโรงแรมที่พักของเรา ผมหันไปแอบเมาท์กับคาร่า “พระเจ้า ที่นี่เปลี่ยวชะมัด” รถโค้ชยังคงวิ่งซิกแซกต่อไปบนเส้นทางคดเคี้ยววกวน ในไม่ช้าบ้านเรือนริมทางก็ไม่มีปรากฏให้เห็นอีก ไม่มีวี่แววของยวดยานอื่นๆ สัญจรบนถนน นี่เรากำลังจะไปที่ไหนกัน ท้ายที่สุดรถบัสก็ดับเครื่องลงนอกปราสาทแห่งหนึ่งชื่อ บือเล่อโฮเฮ่อ ฐานที่มั่นของเราสำหรับทัวร์นาเมนต์นี้ โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์อลังการของหุบเขาไรน์ ชุมชนที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไปหลายไมล์ ที่นี่จะไม่มีใครอื่นมายุ่มย่ามกับแคมป์ของเราได้ ดีเลย! ผมชอบความเงียบสงบของที่แห่งนี้ เสียงอึกทึกครึกโครมทั้งหลายขอเจอะเจอแค่ในวันแข่งก็พอ ผมกับคาร่าเดินตามกันไปยังห้องพักของเราซึ่งอยู่ติดกันพอดี พอเข้าห้องพักผมก็กดรีโมทเปิดทีวี เรามีช่องรายการจากอังกฤษด้วย รายการข่าวเต็มไปด้วยข่าวฟุตบอลโลกดูละลานตา อีกห้าวันจะถึงแข่งขันนัดแรกของทัวร์นาเม้นต์กับทีมชาติปารากวัยที่เมืองแฟรงค์เฟิร์ตแต่แฟนบอลนับหมื่นของเราก็ไหลบ่าดาหน้ามาเยือนแผ่นดินเยอรมันเรียบร้อยแล้ว แรงใจอันเหลือเชื่อจากเพื่อนร่วมชาติทำให้เราบรรดานักเตะระลึกอยู่เสมอว่าเกมฟุตบอลของทีมชาติอังกฤษมีความหมายต่อประเทศชาติที่เราทำหน้าที่เป็นตัวแทนให้ภายใต้สีเสื้อที่เราทุกคนภาคภูมิใจมากแค่ไหน แต่สำหรับตอนนี้ ณ ที่ความสูงเหนือระดับของ บือเล่อโฮเฮ่อ  มันดีที่ได้อยู่ห่างไกลจากเสียงโห่ร้องออกศึกเหล่านั้น โรงแรมบือเล่อโฮเฮ่อ นั้นแสนจะสมบูรณ์แบบ เราภาคภูมิใจกับสิ่งที่สมาคมฟุตบอลตระเตรียมไว้ให้ พวกเขาจัดเตียงนอนยาวเป็นพิเศษไว้ให้พวกคนตัวโย่งๆ อย่างผม ริโอ และเคราชี่ ด้วยซ้ำ อาหารก็ยอดเยี่ยม อุปกรณ์เครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่างดีเลิศไม่มีที่ติ จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 12:51:34 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อนั่งรถบัสไปถึงสนามซ้อมมิทเทอร์แบร์กในเช้าวันรุ่งขึ้นเราก็ต้องตื่นตะลึงกับสนามหญ้าที่อยู่ในสภาพที่ดูจะดีเยี่ยมยิ่งกว่าพื้นสนามที่ใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลโลกด้วยซ้ำ ด้วยความมุ่งหวังที่จะเตรียมทุกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเรา เอฟเอจัดแจงขอยืมตัวเจ้าหน้าที่ดูแลพื้นสนามมือหนึ่งจากเวมบลีย์ คุณสตีฟ เวลช์ มาจัดการปูพื้นหญ้าใหม่ให้กับสนามซ้อมของเรา ทุกๆ เช้าสนามจะถูกรดน้ำรอไว้จึงไม่น่าแปลกที่การซ้อมการผ่านบอลของเราจะเป็นไปด้วยดีไม่มีข้อสะดุดบกพร่องบนพื้นสนามชั้นหนึ่งแห่งนี้ ในวันนั้นวันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 2006 เมื่อผมมองไปรอบๆ มิทเทอร์แบร์กผมก็พบว่าเพื่อนร่วมทีมทุกคนต่างก็อัศจรรย์ใจไม่แพ้กันในวินาทีแรกที่ได้เห็นพื้นสนามอันยอดเยี่ยมแห่งนั้น ไม่มีข้ออ้าง ไม่มีคำว่าเสียใจ ทุกๆ สิ่งถูกตระเตรียมไว้เพื่อช่วยให้เราพร้อมจะสร้างผลงานให้ดีที่สุด เราแค่ต้องรอให้รูนี่ย์กลับมาฟิตจากอาการบาดเจ็บกระดูกฝ่าเท้าแตก “ให้เวยน์กับเรา” ผมคิด “แล้วเราจะให้ถ้วยเวิลด์คัพกับคุณ” เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ย้ำนักย้ำหนาว่าเราต้องถนอมเวย์นให้ดี แต่ทีมชาติอังกฤษไม่ได้เร่งรัดอะไรเขา เขาแค่หายดีอย่างรวดเร็วได้เอง ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเฟอร์กี้เป็นชาวอังกฤษเขาก็คงมีมุมมองที่ต่างออกไปจากนี้ วาสซ่ากับผมซี้กันไม่น้อยและผมก็ได้พูดคุยกับเขาอยู่ตลอดที่บือเล่อโฮเฮ่อ “ฉันพร้อม” เขาพูดอยู่แต่อย่างนี้ “ฉันพร้อมสำหรับปารากวัย” ปารากวัยเนี่ยนะ นั่นมันเกมแรกของเราในทัวร์นาเมนต์ซึ่งจะแข่งกันในวันที่ 10 มิถุนายน เมื่อไหร่ก็ตามที่เจอหน้าสเวนที่มิตเทิลเบอร์กหรือ บือเล่อโฮเฮ่อ  เวย์นก็จะบอกกับโค้ชอย่างนี้ “เลือกผมลงเล่นกับปารากวัยนะบอส ผมวิ่งฉิวได้อยู่แล้ว” นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมรักในตัวเวย์น เขามองโลกในแง่ดีเสมอ กระตือรือร้นและพร้อมที่จะกลับไปเล่นเกม การคาดเดาเรื่องการหวนคืนสนามของเวย์นช่างโกลาหล ทุกๆ วันจะต้องมีเรื่องของเวย์ปรากฏเป็นข่าวใหญ่โตในหน้าข่าวกีฬา เขาจะหายทันไหม? หรือเขาจะหายไม่ทัน? เรื่องราวเหล่านี้ไม่ยุติธรรมกับเวย์นหรือผู้เล่นทีมชาติอังกฤษคนไหนๆ สักคน แต่มันก็เป็นไปตามวิถีทางของประเทศที่เราอาศัยอยู่ เราเข้าใจเรื่องนี้ดี เรารู้ว่าธรรมชาติของหนังสือพิมพ์ วิทยุและทีวีของประเทศเราเป็นยังไง พวกเขาปลุกกระแสใหญ่โตได้กับทุกเรื่อง ในช่วงเวลาที่บ้าคลั่งนั้นเวย์นนับเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่สุดของเรา ดังนั้นความสนใจทั้งหมดจึงเกี่ยวโยงมาที่เขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นั่นก็เป็นสิ่งรบกวนจิตใจพวกเราหลายคน ทุกๆ ครั้งที่ไปทานอาหารพอเปิดทีวีหรือหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านก็มีเรื่องของเวย์นปรากฏอยู่เสมอ พวกเราบางส่วนเสียสมาธิไปกับข่าวอันชุลมุนชุลเกนี้ จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 12:52:20 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สเวนทำถูกที่เลือกวางเดิมพันด้วยการเสี่ยงรอความฟิตกับนักเตะที่พิเศษอย่างวาสซ่า ถ้าอังกฤษจะคว้าถ้วยฟุตบอลโลกกลับบ้านได้เราก็ต้องการเวย์น รูนี่ย์ อย่างไม่มีทางเลือก แต่สิ่งที่สเวนพลาดก็คือเขาควรจะเรียกตัวผู้เล่นกองหน้ามาร่วมทีมชุดลุยศึกฟุตบอลโลกครั้งที่ 23 ให้เต็มห้าคนต่างหาก เวย์น กับกองหน้าอื่นๆ อีกสี่คน การแข่งขันรายการใหญ่และมีความสำคัญอย่างฟุตบอลโลกทุกๆ ทีมควรจะมีกองหน้าร่วมในทีมห้าคนเป็นอย่างน้อย ผมต้องการมาเยือนดินแดนเยอรมันด้วยทีมที่มีกองหน้าห้าคน ไม่ใช่แค่สี่ ผมปรารถนาจะส่งข้อความให้โลกรับรู้   ‘เราคืออังกฤษ เราเล่นเกมรุกจัดจ้าน และเราไม่เกรงกลัวใครหน้าไหน’ สเวนพูดถึงการเล่นโดยใช้มิดฟิลด์ดันขึ้นไปเล่นสูงในแดนหน้า แต่การจะทำอย่างนั้นได้ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก ผมล่ะเกลียดนักตอนที่เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ก่อนฟุตบอลโลกในเกมอุ่นเครื่องกับฮังการีในวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 2006 และไปเห็นเสื้อหมายเลข 9 แขวนอยู่เหนือตำแหน่งที่นั่งของผม ให้ตายเถอะ หมายเลข 9 มันมีความหมายเดียวสำหรับผม ‘แรงกดดัน’ หนึ่งในส่วนผสมที่ทำลายผมได้ ยอมรับความจริงเถอะ ผมมันมิดฟิลด์ตัวรุกไม่ใช่กองหน้าจำเป็น ทีมชาติอังกฤษต้องการศูนย์หน้าจริงๆ นักฟุตบอลที่จะแปะหมายเลข 9 ไว้บนหลังเสื้อได้อย่างสบายใจ นักเตะอย่างวาสซ่า, ไมเคิล หรือเคราชี่ต่างหากล่ะ จะว่าไปสเวนก็ใส่รายชื่อทุกคนที่ว่ามาในทีมของเขาอย่างเหมาะสมแล้วแต่ตัวเลือกที่สี่ในตำแหน่งผู้เล่นกองหน้าของเขานี่สิที่ทำให้ผมจังงัง อังกฤษไม่เพียงแค่เข้าร่วมมหกรรมฟุตบอลโลกอันยิ่งใหญ่ด้วยกองหน้าเพียงสี่คนในทีมเท่านั้น แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นธีโอ วัลคอต อีกต่างหาก พูดก็พูดเถอะผมแทบผงะหงายหลังตกเก้าอี้ตอนที่ได้ยินเขาประกาศรายชื่อกันด้วยซ้ำ ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจให้ถูกต้องเกี่ยวกับธีโอเสียก่อน เขาเป็นเด็กดีจริงๆ และเมื่อโตพอเขาก็จะเป็นผู้เล่นที่ดีมากๆ ได้อย่างแน่นอน ธีโอมีแววซึ่งฉายออกมาเด่นชัดในการฝึกซ้อม แต่ ณ เวลาที่การแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 เริ่มต้นขึ้นธีโอเป็นตัวแทนของอนาคตของทีมชาติ ไม่ใช่ปัจจุบัน ธีโอ วัลค็อต ไม่มีสิทธิจะไปเยอรมัน ไม่สักนิด ผมสะอึกไปเลยเมื่อเห็นหน้าเขาบนเครื่องบิน แน่นอนว่าผมศรัทธาในตัวสเวนอย่างแรงกล้ามาตลอดและจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่กับการเลือกเด็กหนุ่มคนหนึ่งผู้ยังไม่เคยแม้แต่จะลงเล่นเกมพรีเมียร์ชิพหรือเกมระดับชาติใดๆ มาก่อนแม้สักหนึ่งนาทีมาร่วมทีมชุดลุยฟุตบอลโลกดูจะเป็นการวางเดิมพันที่บ้าคลั่งเกินไปหน่อย สเวนจะจับเขาโยนใส่เกมฟุตบอลโลกหนนี้ได้จริงๆ หรือ? ไม่มีทาง ธีโอยังเป็นแค่ทารกสำหรับเกมระดับนี้ เทียบกันตอนผมอายุ 17 ปี ผมก็มีโอกาสสัมผัสเกมกับทีมสำรองไม่ถึงสามเกม การขอให้เขาร่วมทีมไปฟุตบอลโลกไม่เป็นธรรมกับธีโอแม้แต่น้อย ไม่มีทางหรอกที่เด็กอย่างนั้นจะพร้อมพอที่จะลงเล่นในเวทีที่มหาโหดรายการนี้ เด็กอายุสิบเจ็ดไม่สมควรถูกลากไปเล่นฟุตบอลโลกนอกเสียจากว่าเขาจะเป็นเด็กมหัศจรรย์อย่างเวย์น รูนีย์ หรือลีโอเนล เมสซี่ จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 12:52:52 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมพยายามวางตัวอบอุ่นเป็นกันเองกับธีโอมันยากที่จะอดใจไม่ทำอย่างนั้น ในตอนต้นเจ้าหนูอาร์เซนอลเงียบสนิทในหมู่นักเตะรุ่นใหญ่ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่พอมหกรรมฟุตบอลโลกเริ่มเดินหน้าธีโอเองก็ค่อยๆ เยี่ยมหน้าออกจากเปลือกที่ห่อหุ้มตัวเขาอยู่ออกมาร่วมเฮฮาหยอกเย้ากับทีมได้เหมือนกัน เขาทำงานหนักในการซ้อมทุกวันและแสดงออกถึงความเป็นมืออาชีพชั้นยอด แต่นี่ก็ยังเป็นเดิมพันที่ถึงเลือดถึงเนื้อเกินไปจริงๆ โอเค! ถ้าเป็นรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกที่กองหน้าในทีมเจ็บไปกันหมดจนไม่เหลือใครให้เลือกใช้อีก เราอาจอยากลองเสี่ยงกับเด็กสักคนนั่นก็พอทำได้ แต่ต้องไม่ใช่ในรายการฟุตบอลโลกของแท้แบบนี้ เราไม่ใช่นักท่องเที่ยวที่มาเยอรมันเพื่อทัศนาเมืองเรามานี่เพื่อการงาน ยังไงเสียธีโอก็ไม่ใช่ไมเคิล โอเว่น หรือเปเล่ ผู้ซึ่งฉายแสงในฟุตบอลโลกแต่ทว่าก่อนหน้านั้นพวกเขาเหล่านั้นก็โชว์ฟอร์มน่าตื่นตาตื่นใจกับสโมสรมาก่อนจะติดทีมชาติมาเล่นรายการใหญ่กันแล้วทั้งนั้น กระทั่งเดี๋ยวนี้ตอนที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ฤดูกาล 2006/07 เมื่อเรื่องราวจากฟุตบอลโลกเริ่มเลือนหายห่างไกลออกไป ผมก็ยังคงสับสนไม่เลิกว่าในตอนนั้นสเวนคิดอะไรของเขาอยู่ ธีโอไม่พร้อม ต่อให้มีข้ออ้างว่าศูนย์หน้าตัวหลักๆ ของสเวนต่างก็พาเหรดกันเจ็บก็ยังเป็นเรื่องเสี่ยงเกินไปอยู่ดีที่เรียกตัวธีโอร่วมทีมไปด้วยในทัวร์นาเมนต์นี้ ผมรู้สึกเสียใจกับธีโอ แต่ก็เสียใจยิ่งกว่าต่อเจอร์เมน เดโฟ และดาเรน เบนท์  เจอร์เมนและดาเรนทำงานหนักมาตลอดฤดูกาลก็เพื่อความหวังที่จะไปฟุตบอลโลก อยู่ไม่อยู่ก็มีเด็กที่ไหนไม่รู้มาเสียบแทนที่ในตำแหน่งที่พวกเขาไล่ตามไขว่คว้ามาโดยตลอดไปเสียอย่างนั้น มันไม่ถูกต้องเอาเสียเลย ดาเรนถูกทิ้งไว้ที่บ้านส่วนเจอร์เมนมาเยอรมันกับเราด้วยในฐานะผู้เล่นสแตนด์บายในกรณีที่เวย์นอาจหายไม่ทัน เดโฟนั้นยอดเยี่ยมเหลือเชื่อตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้ามาร่วมทีม เขาดูจะเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่เราเห็นในการซ้อม จังหวะจบที่เฉียบคม ทัศนคติที่ถูกต้อง เขาไม่เคยเอ่ยปากแสดงความเสียใจที่ต้องโดนธีโอข้ามหัวมาเป็นหนึ่งใน 23 ขุนพลของทีมชาติอังกฤษ ภายหลังจากที่เวย์นบินกลับอังกฤษเพื่อไปสแกนเป็นครั้งสุดท้าย และได้ผลยืนยันว่าเขาพร้อมจะลงเล่น เจอร์เมนก็ซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ได้อย่างมิดชิด ก่อนออกเดินทางมุ่งหน้าไปสนามบินเพื่อกลับอังกฤษเขาสัมผัสมือกับเราทุกคนอวยพรให้เราโชคดี ทั้งๆ ที่ภายในคงเดือดปุดๆ แต่ดูภายนอกแล้วเขาแสดงความเป็นมืออาชีพได้อย่างไร้ที่ติ ซึ่งก็ดีสำหรับเขาแล้วละ ในความเห็นของผมเจอร์เมนดูดีเหลือเกิน ทั้งในฐานะบุคคลและนักฟุตบอล ยังไงซะผมก็ยังได้ชูกำปั้นชกลมด้วยความปลาบปลื้มที่เราได้วาสซ่ากลับมาพร้อมสำหรับลุย ขณะที่เจอร์เมนผู้น่าสงสารเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าอยู่ชั้นบน เมื่อวันพุธที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 2006 วาสซ่าก็ตบเท้ากลับเข้ามาที่บือเล่อโฮเฮ่อ ยืนอยู่กลางห้องแผนกต้อนรับและประกาศ “พี่ใหญ่กลับมาแล้ว” ตามแบบฉบับของวาสซ่า เขาเปล่าโอ้อวดทะนงตัว เวย์นแค่มั่นใจในตัวเองอย่างล้นเหลือแม้กระทั่งก่อนจะไปสแกนเขาก็รู้ตัวดีว่าตัวเองพร้อมสำหรับเกมแล้ว เขาโชว์ลูกยิงจักรยานอากาศในการซ้อมเป็นเครื่องยืนยันความฟิต ผลสแกนเป็นแค่โน้ตจากแพทย์ที่ใช้ยืนยันสิ่งที่ผู้เล่นทุกคนและเวย์นรู้อยู่แล้วออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร เขาได้รับการต้อนรับการกลับมาในการซ้อมในวันพฤหัสบดีราวกับฮีโร่ แต่ก็ยังต้องถูกเก็บตัวเพื่อกันไว้ก่อนในเกมกับปารากวัย มันแทบฆ่าเขาที่ต้องกลายมาเป็นคนนั่งดู สำหรับเวย์น รูนีย์ ฟุตบอลไม่ต่างอะไรกับออกซิเจนในชีวิตของคนทั่วไป จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 12:53:39 ]

ความคิดเห็นที่ 5 นอกจากความสำคัญของเรื่องราวของรูนี่ย์ ตัวผมเองก็มีประเด็นที่ต้องคิดอยู่ในหัวเหมือนกัน ผมอยู่ห่างแค่ไม่กี่ชั่วโมงจากการได้ลงเล่นเกมแรกในชีวิตกับฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย บททดสอบขั้นสูงสุดสำหรับตัวเอง ผมปรารถนาที่จะนำฟอร์มการเล่นแบบที่เล่นให้กับลิเวอร์พูลติดตัวมาเล่นให้อังกฤษบ้าง ทุกๆ คนกำลังเฝ้าดูว่าผมจะ ทลายฝ่ากำแพงนี้ออกมาได้ไหม ผมจะทำอย่างที่ทำได้ในเกมเอฟเอ คัพและยูโรเปียน คัพ หรือไม่ คำถามต่างๆ ประดังประเดเข้ามา ขณะตะกายขึ้นเครื่องกลับจากลิสบอนในยูโร 2004 ผมแบกความโศกเศร้ากลับมาด้วยเต็มกระเป๋า เมื่อบินสู่เยอรมันเที่ยวนี้ผมเฝ้าบอกกับตัวเอง “อย่าทำให้ตัวเองผิดหวังอีกสตีวี่” ผมโยนความกดดันใส่ตัวเองด้วยความวิตกกังวล ในห้องพักที่บือเล่อโฮเฮ่อ ผมเดินวนไปมาเป็นเสือติดจั่น พูดกับตัวเองดังๆ “ฟุตบอลโลกเกมแรกในชีวิต ต้องทำให้แน่ใจว่ามันจะออกมาดี จำเกมกับฝรั่งเศสในยูโร 2004 ได้ไหมแกเล่นได้ดีมาตลอดแต่มาพังเอาตอน 5 นาทีสุดท้าย ทำตัวให้แกร่งเข้าไว้ เก้าสิบนาที อย่าให้พลาด” อย่าพลาด ตลอดอาทิตย์นั้นผมไม่เคยนอนหลับได้เต็มตา ความคิดจิตใจของผมกระโจนลงบ่อแห่งความวิตกกังวลจนหลับลงได้แค่หนึ่งหรือสองชั่วโมงเท่านั้นในแต่ละคืน นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องกังวลมากระทบต่อการเตรียมตัวของผมอีกเรื่องหนึ่งด้วย ในวันที่เวย์นขึ้นเครื่องเจ็ตกลับไปแมนเชสเตอร์ผมเกิดปะทะเข้ากับโจ โคล ที่มิทเทอร์แบร์ก ตูม! ศอกของโจ กระแทกเข้าที่สะโพก หลังของผมเกิดอาการเกร็งขึ้นมาหลังจากนั้น แย่แล้ว ความกลัวจากอดีตดาหน้าเข้ามาเยือนผมอีก “นี่เราจะต้องอดลงเล่นเกมอีกหรือไง” ผมคิด “จะต้องเจอทัวร์นาเม้นที่วายวอดอีกจนได้ใช่ไหม” ขอบคุณพระเจ้าที่ผมอยู่ในมือหมอที่เก่งกาจ หลังจากแกรี่ เลวิน นักกายภาพทีมชาติอังกฤษตรวจดูอาการบาดเจ็บที่แผ่นหลังให้ เขาก็บอกกับผมว่า“คุณจะค่อยยังชั่วขึ้นในไม่ช้า” ผมไขว้นิ้ว แตะไม้อธิษฐาน หวังว่าจะโชคดีพอ แพทย์ของทีม ลีฟ ซอร์ด เห็นพ้องตามนั้น ต่อมาเช้าวันรุ่งขึ้นหมอจับเส้นที่ชื่อ คาร์ล ท็อดด์ เดินทางมาจากอังกฤษมาที่แคมป์ เขานวดจัดกล้ามเนื้อหลังให้ผมสี่ครั้งในวันนั้น “คุณจะลงเล่นเกมกับปารากวัยได้” คาร์ลยืนยันช่วยให้ผมอุ่นใจ แต่ผมเองก็มีปัญหาเจ็บหลังไม่หายสนิทตลอดระยะเวลาที่อังกฤษสู้ศึกฟุตบอลโลกที่เยอรมัน จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 12:54:48 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ยังไงซะที่สำคัญก็คือพวกหมอๆ ของทีมจัดการส่งผมลงเล่นเกมกับปารากวัยจนได้ คำสั่งสำหรับผมง่ายๆ ตรงไปตรงมาที่แฟรงค์เฟิร์ต ‘คอยระวังหลังไว้ขณะที่อังกฤษทั้งทีมบอมบ์เข้าใส่ปารากวัย’ สเวนจัดทีมในสูตร 4-4-2 ลงเล่นเกมโดยไม่มีผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีใครสักคนคอยรับผิดชอบในกรณีที่ปารากวัยจะเล่นเกมสวนกลับ “คุณต้องเล่นเกมรับมากกว่าแฟรงค์” สเวนบอกกับผม “เพราะฉะนั้นอย่าขึ้นสูงเท่าเขา ต้องระวังไว้ให้มาก” แผนแบบนั้นต้องสละหนึ่งในจุดแข็งของผมนั่นก็คือการบุกทะลุทะลวงไปข้างหน้าออกไปจากเกม ผมปรารถนาจะเล่นให้อังกฤษในตำแหน่งเดียวกับที่เล่นให้ลิเวอร์พูล ปล่อยผมเป็นอิสระอย่างที่ลิเวอร์พูลทำเถอะ เล่นแบบนี้ไม่ได้ผลหรอก แต่ก็นั่นแหละในทัวร์นาเมนต์นี้แฟรงค์ แลมพาร์ดได้รับอนุญาตให้เล่นเกมรุกเต็มตัวซึ่งก็โอเคแล้ว แลมพ์ควรค่ากับตำแหน่งของเขาในสิบเอ็ดตัวจริงอย่างไม่มีข้อกังขา อันที่จริงเขาเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่อังกฤษมาถึงเยอรมันกันได้ด้วยซ้ำ เขายอดเยี่ยมมากในเกมรอบคัดเลือก ผมไม่มีสิทธิบ่น ทำใจยอมรับมันซะเถอะนายสตีวี่ เกมที่แฟรงค์เฟิร์ตเป็นเกมฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเกมแรกในชีวิตและผมอยากลงเล่นเสียจนเจ็บปวด แบ๊คขวา แบ๊คซ้าย ตำแหน่งไหนก็ได้ว่ามาเถอะขอแค่ให้ผมได้สัมผัสบรรยากาศฟุตบอลโลกกับเขาบ้าง ตอนนี้ผมอายุปาเข้าไปยี่สิบหก ชักจะช้าเกินไปแล้ว ขอให้ผมได้ไปลิ้มรสมันด้วยเถิด บรรยากาศในห้องแต่งตัวก่อนเกมยอดเยี่ยมเอามากๆ ทุกๆ คนตื่นเต้นกันใหญ่ เสียงตะโกนโหวกเหวกดังอื้ออึงลอดไปถึงเฉลียงทางเดินใต้ถุนสเตเดี้ยม เหมือนทุกครั้งพอล โรบินสัน แหกปากลั่นตั้งแต่นาทีแรกก้าวเข้ามาถึงห้องแต่งตัวไม่อาจหยุดจนกระทั่งเราพุ่งผ่านประตูห้องออกไปรอคิกออฟ ทุกๆ คนระริกระรี้กันเต็มที่ที่ได้มามีส่วนร่วมการแข่งขันนี้ นี่คือสิ่งที่นักเตะทุกคนปรารถนา ฟุตบอลโลกของเรา เวลาของเรา เมื่อเดินผ่านออกไปจนสุดอุโมงค์ทางเดิน สนามเหย้าของทีมไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ตดูเหมือนจะกลายมาเป็นถิ่นของทีมชาติอังกฤษไปแล้วเรียบร้อย ช่างเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจในสนามมีธงอังกฤษอยู่ทั่วเต็มไปหมด ปัญหาเรื่องตั๋วเข้าชมไม่เคยส่งผลกระทบต่อแฟนบอลอังกฤษ เด็กๆ ของเรายกทัพมาที่นี่กันได้ไม่มีปัญหา ผมไม่แปลกใจแฟนอังกฤษนั้นเหลือเชื่อ ผมรู้ว่าพวกเขาเข้ามายึดพื้นที่เอาไว้แล้ว ผมเปิดทีวีดูในคืนก่อนการแข่งขันได้เห็นภาพพวกเขาฉลองกันทั่วทุกซอกทุกมุมของแฟรงค์เฟิร์ต พูดกันตามจริงก็ต้องบอกว่าทั่วประเทศเยอรมันต่างหาก เมื่อเปิดหน้าต่างห้องพักโรงแรมที่แฟรงค์เฟิร์ตผมก็ได้ยินพวกเขาร้องเพลงเชียร์กันทุกเพลงเท่าที่จะขุดค้นมาได้ ฟุตบอลกำลังจะได้กลับบ้าน และพวกเราเหล่านักเตะทีมชาติอังกฤษก็มีหน้าที่ที่จะพามันกลับบ้าน เราเริ่มต้นได้ดี เบคส์ทำให้คาร์ลอส กามาร่า ทำเข้าประตูตัวเองตั้งแต่ช่วงต้นเกมและเราเองน่าจะทำประตูนำได้เป็นสาม-สี่ประตู แต่ที่นั่นดูเหมือนว่าอากาศร้อนถูกส่งตรงมาจากทะเลทรายซาฮาร่า ผมรู้สึกเหมือนอมกระดาษทรายไว้ในปากตลอดเวลา และก็ไม่ใช่แค่อากาศร้อนอย่างร้ายกาจที่ส่งผลกระทบกับเกมของเราไปตลอดจนถึงท้ายเกมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พื้นสนามที่ไอน์ทรัคเองเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เราเล่นดีๆ ไม่ได้เลย บนพื้นสนามซ้อมมิทเทอร์แบร์กอันสวยงามของเราลูกบอลวิ่งเร็วมากๆแต่ไม่ใช่ที่นี่ พื้นสนามแฟรงค์เฟิร์ตแห้งเกินไป หญ้าก็ยาว ทีมอังกฤษพยายามกันอย่างหนักตั้งแต่เริ่มครึ่งหลังแต่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นฝั่งปารากวัยที่เก็บบอลได้ดีกว่าเราทุกครั้ง ไหนจะใบเหลืองที่ไม่เป็นธรรมที่ผมได้รับอีก โดยส่วนตัวผมมีความสุขเอามากๆ กับฟอร์มการเล่นของตัวเอง แต่ในภาพรวมแล้วเราทุกคนรู้ดีว่าต้องรับมือกับคำวิพากษ์วิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ตลอดครึ่งหลัง แล้วไง? ยังไงซะสามแต้มก็หมายความได้เพียงอย่างเดียว อังกฤษกำลังเดินหน้าและไปได้สวย จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 12:55:48 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เกมต่อมาเป็นเกมกับทรินิแดด แอนด์ โทแบ็กโก ที่เนิร์นแบร์ก ในวันที่ 15 มิถุนาย ค.ศ. 2006 “ทีมอังกฤษชนะใส ไม่มีปัญหาแน่” ผมบอกกับตัวเอง แต่เกมนี้ก็เป็นอีกครั้งที่อังกฤษไม่อาจโชว์ฟอร์มให้เป็นที่ประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งหลัง ผมยัวะจริงๆ กับจังหวะการผ่านบอลของตัวเองที่ทิศผิดทางเกินทน ทีมชาติอังกฤษดูไม่มีแววของทีมที่จะคว้าแชมป์โลกแม้แต่น้อย เป็นเวลากว่า 83 นาทีในเกมที่นักเตะผู้ได้ชื่อว่า นักฟุตบอลยุคทองแห่งทีมชาติอังกฤษ ถูกผู้เล่นจากทีมอย่างเร็กซ์แฮม, พอร์ท เวล และโคเวนทรี เล่นงานจนหัวปั่น เราไม่อาจเอาชนะพวกเขาได้จนกระทั่งปีเตอร์โขกบอลเข้าประตูในช่วงท้ายเกม ในที่สุดเราก็ขึ้นนำจนได้ ต่อจากนั้นเราก็เล่นกันอย่างผ่อนคลายได้บ้างและผมควรเสี่ยงต่ออีกสักนิด บุกเข้า! ลุยต่อไป! หาโอกาสยิงประตูต่อไปเรื่อยๆ ตอนอยู่ที่เมลวูดผมซ้อมเตะบอลด้วยเท้าซ้ายมาตลอดดังนั้นเมื่อสบโอกาสอันงามในนาทีที่เก้าสิบของเกมผมจึงไม่ลังเลใจที่จะใช้เท้าซ้าย ผมหวดบอลเข้าข้ออย่างเหมาะเหม็งรู้สึกได้ในวินาทีที่สัมผัสบอลว่ามันจะต้องไปลงเอยที่ก้นตาข่ายเป็นแน่ และก็ชัดเจนบอลเข้าประตูไปโดยไม่มีสิ่งใดจะหยุดมันได้ นี่เองความรู้สึกของการยิงประตูได้ในฟุตบอลโลก ช่างน่าอัศจรรย์ อีกทั้งยังผสมปนเปไปด้วยความโล่งใจ ผู้คนเห็นผมยิงประตูในสีเสื้อลิเวอร์พูลสัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่านั่นทำให้ผมรู้สึกกดดันหนักที่จะยิงประตูเพื่อทีมชาติอังกฤษบ้าง ดังนั้นการได้เห็นลูกบอลพุ่งวาบผ่านมือชาก้า ฮิสล็อปเข้าประตูไปจึงวิเศษเป็นที่สุดสำหรับผม ขณะลูกบอลลอยตรงเข้าซุกตาข่ายความผิดหวังทั้งหมดทั้งมวลที่ต้องพลาดฟุตบอลโลกคราวก่อนก็ล้วนถูกปัดเป่ามลายหายไปจนหมดสิ้น สองเกม หกคะแนน เวย์นกลับมาวาดลวดลายได้แล้วมันน่าจะเป็นอะไรที่หรูเริดสำหรับทีมชาติอังกฤษ แสงแดดและรอยยิ้มน่าจะสาดส่องมายังทีมชาติอังกฤษแต่เมฆหมอกแห่งความวิตกกังวลยังคงมีอยู่ คราวนี้สื่อมวลชนอังกฤษด่าเราแหลกที่โยนบอลยาวมากเกินไป คำวิจารณ์มีที่มาจากแค่ที่เรามีปีเตอร์ เคราช์ ในทีม ทุกคนก็เลยพากันตีขลุมเอาโดยอัตโนมัติว่าเราจะต้องเล่นโยนยาว นั่นไม่ยุติธรรมต่อปีเตอร์และนักเตะคนอื่นๆ ในทีมเลยสักนิด ทีมชาติอังกฤษไม่ใช่ทีมจอมโยนในฟุตบอลโลกครั้งนี้แน่ แทคติกของสเวนไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือพวกเรานักเตะต่างหากที่ไม่อาจโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจในการเล่นกับทีมคู่ต่อสู้ที่อ่อนกว่า ลึกๆ แล้วนักเตะทุกคนยอมรับเรื่องนั้น เราคุยกันเรื่องนี้ระหว่างทางไปสนามบินบาเด้น-บาเด้น “เราต้องเล่นให้ดีกว่านี้ถ้าเราอยากชนะฟุตบอลโลก” ผมออกความเห็น “เมื่อมีโอกาสทองอยู่ตรงหน้า เราต้องคว้าเอาไว้อย่าให้หลุดมือ” จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 12:56:32 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ความตึงเครียดเริ่มคืบคลานเข้ามาแฝงตัวอยู่ในแคมป์ทีมชาติอังกฤษ ส่วนหนึ่งมาจากการที่เราไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากพอภายหลังจบเกมการแข่งขันแต่ละครั้ง พวกปาปารัซซี่และผู้สื่อข่าวที่ไล่กวดเราในบาเด้น-บาเด้นคือตัวการในเรื่องนี้ มีข่าวไร้สาระมากมายเกี่ยวกับ แวกส์ (WAGS – wives and girlfriends - ภรรยาและแฟน) ถูกนำมาพูดถึงและตีพิมพ์จนเกินงาม บรรดาภรรยาและแฟนสาวของนักเตะกลายมาเป็นคนดัง เป็นที่รู้จัก ผู้คนต่อว่าที่พวกเธอดูจะเป็นที่สนใจมากกว่าทีม ก็แล้วมันเป็นความผิดของใครล่ะ? ก็มีแต่ปาปารัซซี่และหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ภาพพวกเธอไปกันเอง ทำไมพวกเขาปล่อยบรรดาแวกส์ไว้ตามลำพังไม่ได้ ทำไมต้องคอยตามถ่ายภาพติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเธอที่โรงแรมที่พักโรงแรมเบรนเนอร์ส พาร์ค แล้วทำไมต้องคอยเดินตามครอบครัวพวกนักเตะไม่ปล่อยให้คลาดสายตา ครั้งหนึ่งผมลองพยายามพาอเล็กซ์, ลิลลี่-เอลล่า และเล็กซี่ ไปเดินเล่นตอนอยู่บาเด้น-บาเด้น...ไม่ไหวเลย มีช่างภาพอยู่ทุกหนทุกแห่งคอยเดินตามเราทุกฝีก้าว ทุเรศ! แม้แต่ตอนที่เราอยากจะนั่งพักผ่อนกันในสวนโรงแรมเบรนเนอร์สก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาพวกช่างภาพที่ปักหลักตั้งแคมป์กันอยู่ในสวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามเพื่อคอยเก็บรูป โรงแรมเบรนเนอร์สมีสภาพไม่ต่างอะไรกับป้อมปราการ ตอนผมไปเที่ยวหาอเล็กซ์สิ่งเดียวที่เราทำได้ก็คืออยู่แต่ในห้องพักของเธอซึ่งเป็นที่แห่งเดียวที่เราจะหลบการรุกล้ำจากพวกช่างภาพได้พ้น โชคร้ายที่การต้องขังตัวอยู่ในห้องกับเด็กเล็กแสนซนสองคนที่อยากออกไปวิ่งเล่นข้างนอกไม่ใกล้เคียงกับคำว่าพักผ่อนสำหรับผม แต่ถึงลิลลี่-เอลล่า กับเล็กซี่ โตรู้ความกว่านี้ผมจะอธิบายเรื่องแบบนี้ให้พวกเธอเข้าใจได้หรือ ไม่มีทาง ‘เราออกไปเดินเล่นในสวนกันไม่ได้หรอกจ๊ะ เพราะมีพวกลุงๆ ช่างภาพคอยซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้รอเราอยู่’ ผมเกลียดจริงๆ พวกช่างภาพไม่แม้แต่จะหยุดคิดสักนิดว่าพวกเขามีสิทธิอะไรจะมาถ่ายรูปผมเล่นกับพวกลูกๆ สิ่งที่อยู่ในหัวพวกเขาก็มีแค่ “โอ้ว... นี่จะต้องขายได้ราคางามแน่เชียว” แชะ! แชะ! แชะ! เหมือนเป็นการประชันขันแข่งกันในหมู่พวกช่างภาพอยู่กลายๆ “มาดูกันเลยว่าใครจะขายภาพได้ราคางามกว่ากัน คนดังๆ ทั้งนั้นคอลลีนเอย พอชเอย หรืออเล็กซ์” กลุ่มแวกส์เคยลองพาเด็กๆ ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใหญ่ในเมืองกันวันหนึ่ง พวกสตาฟฟ์ที่นั่นถึงกับออกปากว่าพวกเขาไม่เคยเห็นกองทัพช่างภาพที่ไหนมากมายขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ตอนที่ทีมชาติเยอรมันมาปรากฏตัวก็ยังมีช่างภาพมากไม่เท่าตอนนี้ มันจะบ้าเกินไปใหญ่แล้ว พวกทีมอิตาลีเขาพาครอบครัวกับพวกภรรยาและแฟนมาเยอรมันกันด้วยไหมล่ะ? ก็พามานี่ แล้วกองทัพนักข่าวอิตาลีตามรุมตอมครอบครัวพวกเขาขนาดนี้กันด้วยไหม เปล่าใช่ไหม แล้วมันเพราะอะไรที่สื่อมวลชนอังกฤษถึงต้องมาหมกมุ่นอยู่กับครอบครัวนักเตะกันถึงขนาดนี้ ถ้าผมอยู่กับครอบครัวในคืนก่อนเกมนัดสำคัญในแชมเปียนส์ ลีกสักเกมที่แอนฟิลด์ ใครต่อใครจะพากันมองว่าเป็นเรื่องราวใหญ่โตไหม ไม่หรอก ที่นั่นผมได้อยู่กันอย่างสงบๆ จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 12:57:20 ]

ความคิดเห็นที่ 9 นอกจากนี้แล้วข่าวซุบซิบเรื่องของพวกสาวๆ บางเรื่องก็ไร้สาระเอาเสียจริงๆ มีอยู่คืนหนึ่งที่อเล็กซ์กับสาวๆ คนอื่นออกไปท่องราตรีกันในบาเด้น-บาเด้น พวกเธอใช้จ่ายเงินไปราว 800 ยูโร ไม่ใกล้เคียงกับว่าฟุ้งเฟ้อสักนิด แต่ในหน้าหนังสือพิมพ์บิลในคืนนั้นถูกอ้างถึงแต่งเติมจนเลยเถิดไปกลายเป็น 4,000 ยูโรโดยไม่มีมูลเสียอย่างนั้น ข่าวรายงานราวกับว่าสาวๆ แวกส์เป็นขี้เมาหญิง ว่าพวกเธอเปิดเชมเปญชั้นดีดื่มกันตั้ง 16 ขวดในคืนเดียว ทั้งๆ ที่อันที่จริงตัวอเล็กซ์เองดื่มไปแค่แก้วเดียวเท่านั้น พฤติกรรมของสื่ออังกฤษในฟุตบอลโลกช่างเหลือเชื่อ คุณแม่ของผมเองก็โดนสถานีโทรทัศน์ GMTV โทรศัพท์ตามจีบไม่เว้นแต่ละวันตื้อให้ท่านไปออกรายการอยู่นั่นแหละ นี่มันอะไรกัน ไม่ไหวเลย มันบ้าเอามากๆ หนังสือพิมพ์วิพากษ์วิจารณ์ว่ามันไม่ถูกต้องที่ทีมชาติอังกฤษอนุญาตให้พวกนักเตะพาแวกส์มาฟุตบอลโลกได้ แต่ตามหน้าหนังสือพิมพ์พวกเขากลับตีพิมพ์ภาพคอลลีน, พอช หรืออเล็กซ์หราไปหมด พวกปากว่าตาขยิบ พวกแวกส์มีสิทธิทุกประการที่จะมาอยู่ที่บาเด้น-บาเด้น ลองคิดดูสิว่าพวกนักเตะรุ่นเยาว์หลายๆ คนจะรู้สึกเจ็บปวดคิดถึงบ้านแค่ไหนถ้าต้องมาที่นี่โดยไม่มีครอบครัวหรือเพื่อนๆ ให้มองหา ผมยังจำได้ดีว่าตัวเองรู้สึกว้าเหว่แค่ไหนตอนจากบ้านไปไกลเป็นครั้งแรกเพื่อไปแข่งฟุตบอลยูโร 2000 แล้วทำไมถึงจะยอมให้นักเตะวัยแค่สิบเจ็ดอย่างธีโอได้พบหน้าแฟนสาว หรือพ่อแม่ตลอดเจ็ดสัปดาห์อันยาวนานบ้างไม่ได้ ทำไมเบคส์, แฟรงค์, คาร่า และผมจึงไม่ควรจะได้มีโอกาสมาพบหน้าได้มาอยู่กับลูกๆ สักวันสองวันในช่วงที่ไม่มีแมตช์การแข่งขัน ก็ในเมื่อการได้ทำแบบนั้นมันจะช่วยให้พวกเรารู้สึกดีขึ้น, ฝึกซ้อม และเล่นฟุตบอลดีขึ้นได้ อันที่จริงตอนที่มาเยอรมันเล็กซี่ป่วยเพราะติดเชื้อไวรัสด้วย ลองนึกดูสิว่าผมจะรู้สึกยังไงถ้าผมต้องมาที่เยอรมันแล้วต้องรู้ข่าวว่าลูกสาวป่วยอยู่ที่บ้านที่อังกฤษ คงหนีไม่พ้นอยากจะตรงไปสนามบินจับเครื่องบินกลับอังกฤษไม่ทั่วไม่ทันด้วยความร้อนรุ่มอยากจะกลับไปช่วยอเล็กซ์ดูแลลูกสาวตัวน้อยสมบัติล้ำค่าของพวกเราใช่ไหม สเวนยอดเยี่มเหมือนเคย ในวันที่ได้ทราบข่าวว่าเล็กซี่ป่วยเป็นวันที่พวกเรานักเตะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่บาเด้น-บาเด้น ผมจึงไปพบเขาที่ห้องพัก “เล็กซี่ไม่ค่อยสบาย ผมจะลงไปที่เบรนเนอรส์ได้ไหมครับ” ผมถามสเวน “ได้สิ” เขาตอบ “ผมเข้าใจดี” ดังนั้นผมจึงได้ลงมาพบพวกเธอช่วยดูแลเล็กซี่ นี่ถ้าเล็กซี่อยู่ห่างไปพันๆ ไมล์ผมคงได้แต่นั่งปั่นป่วนด้วยความวิตกกังวลอยู่คนเดียว ถ้าพวกสาวๆ แวกส์ถูกกันให้อยู่ที่อังกฤษคงจะเป็นการทำลายขวัญกำลังใจของพวกเรานักเตะทีมชาติเป็นที่สุด แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นผมก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าไม่จำเป็นเลยที่พวกเธอต้องมาอยู่ที่เยอรมันตลอดทัวร์นาเมนต์กันแบบนี้ การมาพักอยู่ที่บาเด้น-บาเด้นเป็นการถาวรก่อให้เกิดข่าวใหญ่โตตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะนี่คือข่าวน้ำเน่าตามแบบฉบับอังกฤษของแท้ คำวิพากษ์วิจารณ์ ข่าวที่ตีพิมพ์ เกี่ยวกับพวกแวกส์และฝูงปาปารัซซี่ทำให้เราไขว้เขว ถ้าหากเอฟเอ จัดให้พวกครอบครัวเดินทางมาเยอรมันเฉพาะช่วงที่มีการแข่งขัน นั่นก็น่าจะเป็นทางเลือกสายกลางที่สร้างความสุขให้กับทุกฝ่าย บรรดาผู้เล่นต้องการให้มีประชุมหารือกันกับทางเอฟเอเพื่อหาทางออกว่าจะจัดการเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวให้เหมาะสมกันอย่างไรดี ทางเลือกหนึ่งก็คือการขอให้แวกส์ออกมาในระหว่างเกมการแข่งขัน ถ้าสาวๆ แวกส์ไม่ได้ไปดูเกมที่สนามมันก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องสลักสำคัญอะไรใช่ไหม ยังไงพวกเธอก็ดูเกมจากทางทีวีได้อยู่ดี อีกอย่างพวกสาวๆ น่ะสนเกมฟุตบอลซะที่ไหน พวกเธอก็แค่อยากดูผู้ชายของตัวเองในสนามด้วยความใส่ใจเป็นห่วงก็เท่านั้น อย่างน้อยขอแค่ให้พวกเธอได้เจอแฟนหนุ่ม ให้พวกนักเตะคุณพ่อได้พบหน้าลูกๆ แค่สักสองวันก่อนเกมหรือหลังเกมเท่านั้นก็น่าจะเพียงพอ อาจบางทีวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็น่าจะมาลงเอยที่การนำพวกสาวๆ แวกส์บินมาเยอรมันในเช้าวันแข่งขันแล้วก็ให้พวกเราได้พบกันหลังจากนั้น เพราะช่วงสี่สิบแปดชั่วโมงหลังจากเกมเราจะไม่ได้มีการซ้อมอะไรกัน นอกจากวอร์มอัพ ยืดกล้ามเนื้อเล็กๆ น้อยๆ กันไปตามเรื่องตามราว พาพวกเธอไปพบเราตอนนั้นสิ คงไม่มีคอลัมน์นิสต์ฉลาดๆ คนไหนหาเรื่องบ่นได้แน่ถ้าเราทำแบบนั้น จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 12:58:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มีเรื่องน่าผิดหวังผิวๆ ส่วนตัวอีกเรื่องเกิดขึ้นกับผมขณะเรากำลังเตรียมตัวสำหรับเกมกลุ่ม บี ในรอบแบ่งกลุ่มเกมสุดท้ายซึ่งเราจะลงเล่นกับสวีเดนในวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 2006 ที่เมืองโคโลญจน์ บ่ายวันหนึ่งหลังเสร็จสิ้นการซ้อมที่มิทเทอร์แบร์กสเวนดึงผมไปคุยข้างสนาม “ทำอย่างที่ทำอยู่ต่อไปเรื่อยๆ นะสตีเว่น” เขาเริ่ม “คุณทำได้เยี่ยมมาตลอด แต่ผมอยากให้คุณได้พักในเกมกับสวีเดน เราผ่านเข้ารอบแน่นอนแล้ว ส่วนคุณก็มีใบเหลืองติดตัวผมคงลำบากถ้าคุณลงเล่นในเกมรอบสิบหกทีมสุดท้ายไม่ได้ คุณคิดยังไงเรื่องนี้? ผมว่าถ้าจะให้ดีกับทีมคุณต้องนั่งสำรอง” นั่งม้านั่งสำรอง โอ๊ย! พระเจ้า ผมเกลียดคำนั้น “ครับผมเข้าใจเรื่องนั้น” ผมตอบ “แต่ผมอยากเล่น” “นึกอยู่แล้วว่าคุณต้องพูดแบบนี้สตีเว่น” สเวนพูดต่อ “ผมเข้าใจอย่างลึกซึ้งเลยละว่าคุณอยากลงเล่นแค่ไหนแต่ผมมีหน้าที่ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทีม ขอผมคิดให้รอบคอบอีกสักวันก่อนนะ” “โอเคครับบอส ถ้าคุณตัดสินใจไม่ใส่ชื่อผมผมก็เข้าใจ แต่ผมก็อยากให้คุณเห็นใจด้วยว่าผมก็อยากลงเล่น ผมพลาดเกมฟุตบอลโลกมามากเกินพอแล้ว เมื่อมีโอกาสผมก็อยากจะลงเล่นให้ได้ทุกเกม” ผมกลับห้องพักคิดหนักเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ ความกระหายที่จะได้ร่วมลงโม่แข้งกับสวีเดนนั้นล้นปรี่ พระคริสต์! ทำไมกรรมการบ้าต้องจดชื่อผมจากจังหวะที่ไม่มีอะไรเลยในเกมกับปารากวัยด้วยนะ ถ้าไม่มีใบเหลืองนั่นผมก็จะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมกับสวีเดนโดยไม่มีเงื่อนไข ผมไปเคาะประตูห้องคาร่าเล่าปัญหาที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง “นายคิดยังไง” ผมถามเขา “ฉันว่าสเวนต้องพักฉันแน่ แต่ฉันไม่อยากนั่งสำรองนี่หว่า” คาร่าเข้าถึงหัวใจของสถานการณ์โดยไม่ชักช้า “ก็แล้วถ้านายต้องโดนใบเหลืองล่ะ” เขาแย้ง “ต้องมองไปถึงเกมรอบสิบหกทีมสุดท้ายไม่ใช่แค่เกมกับสวีเดนสิ ถ้านายถูกจดชื่อซ้ำแล้วเกิดมีเรื่องผิดพลาดกับทีมของเราในรอบน็อคเอาท์โดยที่นายไม่มีโอกาสลงไปช่วยทีมได้นายจะรู้สึกยังไงกับเรื่องแบบนั้น นายก็ต้องโอดครวญว่า ‘ทำไมสเวนไม่พักฉันในเกมกับสวีเดนนะ’  จริงไหม” ผมสองจิตสองใจ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจอยู่เฉยๆ รอดูว่าสเวนจะว่ายังไงในวันรุ่งขึ้น พอเจอกันเจ้านายพูดเข้าประเด็นทันที “ผมจะพักคุณสตีเว่น ผมไม่อาจเสี่ยงต้องเสียคุณในเกมรอบสิบหกทีมได้แน่ ผมรู้ว่าคุณอยากลงเล่นจริงๆ แต่ผมไม่มีทางเลือก เราต้องการเข้ารอบเป็นอันอับหนึ่งของกลุ่ม หากเราจำเป็นต้องใช้คุณเพื่อให้ได้คะแนนที่ต้องการผมจะเรียกหาคุณ ผมสัญญา” “โอเคครับ” ผมตอบ “ผมรับได้ ออกไปเล่นคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งของกลุ่มเถอะ” สเวนยังเสริมอีก “ผมรู้ว่าแฟรงค์ก็ติดใบเหลืองเหมือนคุณ แต่สองเกมที่ผ่านมาเขายังยิงประตูไม่ได้เลยผมจึงอยากให้โอกาสเขาเผื่อจะยิงประตูได้ในเกมนี้” ผมเข้าใจดี ความกังวลของสเวนที่กลัวผมจะโดนใบเหลืองจนถูกห้ามแข่งถือเป็นคำชมสำหรับผม จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:00:37 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อย่างกระอักกระอ่วน ผมจำต้องจับจองที่นั่งบนม้านั่งสำรองในเมืองโคโลญจน์ในฐานะคนดูในขณะที่เพื่อร่วมทีมอย่างเช่นไมเคิล โอเว่น ได้ลงเล่นเกมกัน ไมเคิลตกเป็นเป้าการวิพากษ์มาตลอดสองเกมแรกที่เขาลงเล่น มาตอนนี้เขาจึงตั้งใจเล่นเป็นพิเศษกับสวีเดน คลื่นความรู้สึกไหลกวาดผ่านร่างกายบอกผมว่าไมเคิลจะต้องยิงประตูได้ในเกมนี้แน่นอนที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ผมจับได้ถึงประกายตาแห่งความมุ่งมั่นในดวงตาเพื่อนรักเหมือนที่เคยผ่านเคยเห็นมาก่อน ไมเคิลมุ่งมั่นเกินร้อยในคืนนี้ ผมนึกย้อนไปถึงในฟุตบอลยูโรเมื่อไมเคิลตกอยู่ในสถานการณ์กดดันแบบเดียวกันนี้แต่แล้วเขาก็ตอบโต้กลับด้วยประตูที่ยอดเยี่ยมกับโปรตุเกส มาวันนี้เขาดูมุ่งมั่น เฉียบคม พร้อมจะแสดงความเหนือชั้นให้ประจักษ์แก่สายตาเผื่อว่าใครต่อใครอาจจะแสร้งทำเป็นลืมเขาไป แต่แล้วไมเคิลก็เจ็บเข่า เข่าเขาบิดอย่างแรงเพียงแค่ไม่กี่วินาทีหลังเสียงนกหวีดเริ่มเกม ผมเจ็บปวดไปกับไมเคิล ทั้งในฐานะเพื่อนและเพื่อนนักฟุตบอล ผมปวดร้าวแทนครอบครัวของไมเคิลที่มานั่งชมเกมในสนาม เห็นใจที่พวกเขาต้องมาเห็นภาพบุคคลอันเป็นที่รักต้องถูกหามขึ้นเปลออกนอกสนาม เวลาของเขาในทัวร์นาเมนต์นี้จบสิ้นแล้ว ขณะนั่งอยู่ที่ม้านั่งนักเตะสำรองผมยังอดคิดไม่ได้ “สเวนต้องตกที่นั่งลำบากแน่” อุบัติเหตุของไมเคิลขยายผลให้การตัดสินใจอันบ้าคลั่งของสเวนที่เตรียมกองหน้ามาแค่ 4 คน กลายเป็นข้อผิดพลาดที่น่าเกลียดเด่นชัด ถ้าเพียงแค่อังกฤษเดินทางมาเยอรมันโดยมีกองหน้าห้าคนในทีม สเวนคงไม่โดนวิจารณ์หนักขนาดนี้ แฟนบอลอังกฤษเรียกร้องชัดเจนว่าพวกเขาต้องการเห็นธีโอลงสนามแต่สเวนไม่มีความคิดอย่างนั้นแม้แต่น้อย เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวในใจสเวนก็คือการเข้ารอบเป็นที่หนึ่งของกลุ่มเพราะงั้นเขาจึงไม่คิดจะเสี่ยงอะไรทั้งสิ้น มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เด็กคนหนึ่งจากทีมอาร์เซนอลจะพร้อมสำหรับการนี้ จึงเป็นหน้าที่ของเคราชี่ที่จะต้องออกโรง พอเขาเปลี่ยนตัวลงไปเกมของเราก็ดูเป็นรูปเป็นร่างอยู่พักหนึ่ง โจ โคลทำประตูให้อังกฤษขึ้นนำด้วยลูกยิงระดับโลกที่จะกลายไปเป็นหนึ่งในประตูผู้ท้าชิงประตูยอดเยี่ยมแห่งทัวร์นาเมนต์อย่างไม่มีข้อกังขา ในที่สุดอังกฤษก็เล่นเกมดีๆ กับเขาเป็นเสียที เราได้ยกระดับเกมของตัวเองมาใกล้เคียงการเป็นหนึ่งในทีมเต็งในฟุตบอลโลกได้ในที่สุด ความคิดเรื่องเบอร์ลินและนัดชิงชนะเลิศเริ่มเข้ามาเติมเต็มในใจผม เหรียญแชมป์โลก ขบวนพาเหรด และชัยชนะ แต่แล้วจู่ๆ ฝันกลางวันแสนหวานของผมก็ถูกขัดจังหวะเมื่อสวีเดนยิงประตูตีเสมอได้ โดยมาร์คุส อัลบัค และคราวนี้เราต้องตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างแท้จริงเข้าแล้ว ที่นั่งถัดไปจากผมคือสเวนผู้ซึ่งตอนนี้มีร่องรอยความวิตกกังวลปรากฏให้เห็นชัดในสีหน้า เขาจะแก้ไขเรื่องนี้ยังไงกันนะ? อังกฤษต้องยันผลเสมอเอาไว้ให้ได้เพื่อประกันว่าเราจะได้เล่นเกมในรอบสิบหกทีมที่ง่ายกว่า และแล้วสเวนก็หันมาหาผม “คุณพร้อมไหม” เขาถาม นรกอะไรนี่ ก็ไหนว่าไม่อยากเสี่ยงให้ผมโดนใบเหลืองในเกมนี้ไง “ครับ” ผมตอบ “แน่นอนผมพร้อมอยู่แล้ว” จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:01:59 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขณะยืนรอที่เส้นข้างสนามกำลังคิดอยู่ว่าวิเศษเหลือเกินที่ได้หมวกทีมชาติมาเพิ่มสถิติอีกครั้งผมก็ได้ยินเสียงตะโกนมาจากทางด้านหลัง “เฮ้... พวก! คอยคุมเสาไว้นะตอนลูกตั้งเตะ” เป็นเสียงของสตีฟ แม็คลาเรนมือสองของสเวนสำรากคำสั่งสุดท้ายก่อนลงสนาม คำสั่งของเขาฝังหัวผมติดแน่น เมื่อสวีเดนได้ลูกเตะมุมหนึ่งหรือสองนาทีหลังจากนั้นผมจึงตรงไปประจำการที่เสาประตูทันที ขอบคุณพระเจ้าที่สตีฟเตือนผม จังหวะโดนบอลครั้งแรกในเกมของผมก็กลายมาเป็นการสกัดบอลได้บนเส้นจากจังหวะการยิงของคิม คัลสตรอม เราต้องรวบรวมสมาธิกลับมาสู่เกมอีกครั้งหนึ่งให้ได้ มาเร็วนายสตีวี่อย่านิ่งเฉยทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ เนื่องจากเรามีโอเว่น ฮากรีฟฟ์ที่งานล้นมืออยู่ในแดนกลางอยู่แล้วผมจึงได้เล่นในตำแหน่งรุกมากกว่าปกติ คอยหาจังหวะทำประตู นำชัยชนะมาสู่ทีม จนเมื่อเวลาเดินมาถึงตอนช่วงก่อนหมดเวลาราวห้านาทีโจ โคล ก็วิ่งตัดขึ้นมาใกล้เขตโทษทางด้านขวา ส่วนผมเลือกวิ่งทะแยงเข้าไปในกรอบเขตโทษ “โยนบอลให้ฉัน” ผมคิด “โยนบอลมาเลย” ถ้าบอลข้ามกองหลังคนสุดท้ายมาได้ผมก็มีโอกาสจะทำประตู โจอ่านใจผมออก ลูกจ่ายของเขาสมบูรณ์แบบ บอลถูกยกลอยขึ้นมาถูกที่ถูกเวลาอย่างเหมาะเหม็ง ปกติลูกโหม่งไม่ใช่จุดเด่นที่สุดของผม แต่ในจังหวะนั้นผมกลับโหม่งลูกครอสของโคลลีย์ได้อย่างงดงาม บอลลอยหวือเข้าประตูไปง่ายๆ ใช่เลย! อังกฤษก็ดูเหมือนจะเดินทางมาถึงจุดที่เราจะสามารถเอาชนะสวีเดนได้เป็นครั้งแรกในรอบสามสิบแปดปีได้เสียที ตอนนี้เราก้าวเดินไปข้างหน้าที่เยอรมันอย่างเป็นจริงเป็นจังแล้ว คอยดูพวกเราเดินหน้าต่อไปนะ แต่แล้วอย่างงี่เง่าเกินทน เราก็เสียประตูที่ ‘ไม่เป็นอังกฤษ’ ที่สุดหลังจากนั้นไม่นาน ลูกตั้งเตะเจ้ากรรม เราพลาดที่ไม่สามารถตัดบอลซึ่งโยนยาวเข้ามา ปล่อยให้ เฮนริก ลาร์สัน ตะบันเข้าไปเป็นประตูง่ายๆ ชัยชนะที่มองเห็นอยู่ตรงหน้าถูกกระชากหายไปในพริบตา โธ่โว้ย! ในห้องแต่งตัวสตีฟ แม็คลาเรนโกรธพวกเราหัวฟัดหัวเหวี่ยง ตลอดมาเขาใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ จัดระบบให้เราในการรับมือกับลูกเซ็ตพีซ ทุกๆ ครั้งในการฝึกซ้อมเขาคอยจ้ำจี้จ้ำไชพวกเราซ้ำแล้วซ้ำอีกถึงความสำคัญของการรักษาสมาธิให้ได้ในเกม และเมื่อเราเคลิ้มไปเพียงเสี้ยววินาทีที่โคโลญจน์เราก็ถูกลงโทษอย่างสาสม “ถ้าเรายังป้องกันลูกเซ็ตพีซกันแบบนี้ต่อไปเราจะถูกเขี่ยออกจากรายการนี้ก่อนจะทันรู้ตัว” สตีฟตอกย้ำ โดยส่วนตัวผมรู้สึกว่าความผิดพลาดนี้เป็นความบังเอิญที่จะเกิดขึ้นได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น อันที่จริงเราป้องกันลูกตั้งเตะได้ดีมาตลอดรายการฟุตบอลโลกครั้งนี้อยู่แล้ว การเสียริโอไปจากทีมเพราะอาการบาดเจ็บก็ทำให้เราด้อยลงไปเล็กน้อยด้วยเหมือนกัน เพราะปกติแล้วริโอจะเป็นที่คอยจัดการลูกโยนจากลูกเซ็ตพีซได้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่เอาน่า มองโลกในแง่ดีบ้างสิ ก็จริงอยู่ที่มันน่าผิดหวังที่เราพลาดสถิติชนะสามนัดรวดในรอบแบ่งกลุ่ม แต่อย่างไรเสียเราก็จองที่นั่งในรอบสิบหกทีมสุดท้ายได้ไปเจอเอกวาดอร์และเลี่ยงเจ้าภาพเยอรมันที่แข็งแกร่งเหลือเกินได้ก็น่าจะดีพอ ดูสิการแข่งขันรอบก่อนรองชนะเลิศกวักมือเรียกเราอยู่โน่นแล้ว จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:03:07 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คืนวันรุ่งขึ้น วันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 2006 ผมลงไปที่โรงแรมเบรนเนอรส์ ระหว่างกำลังนั่งชมเกมระหว่างอาร์เจนติน่ากับฮอลแลนด์จากทีวีจอยักษ์ โทรศัพท์ของผมก็มีข้อความเรียกเข้ามา เป็นข้อความจากพอล จอยซ์ ผู้สื่อข่าวฟุตบอลจากหนังสือพิมพ์เดลี่ เอ็กซ์เพรส นักข่าวที่ผมไว้ใจ “ที่ว่าคุณมีเรื่องกับเบคส์นี่มันยังไงกัน” จอยซ์ส่งคำถามมาอ่านได้อย่างนี้ “ลือกันไปทั่วว่าเบคส์น็อคคุณ” ตายละ นี่ผมต้องรู้เรื่องการวิวาทของตัวเองผ่านทางข่าวเลยหรือ ผมโทรกลับหาจอยซ์ทันที “มันเกิดบ้าอะไรขึ้นหรือ” ผมถามเขา “ผมไม่เคยโดนเบคส์ชกนะ อย่างอื่นก็ไม่เคยโดน” จอยซ์อธิบายว่ามีหนังสือพิมพ์เล่มหนึ่งลงข่าวว่าเบคส์ฟาดปากกับผมในระหว่างการฝึกซ้อม ผมได้แต่หัวเราะขำ “นายได้ข่าวเรื่องนี้มาจากไหนกันแน่นี่ ตลกน่า” คำตอบก็คือไม่ใช่ใครที่ไหนที่เป็นต้นตอของข่าวเด็ดชิ้นนี้ เดอะ ซัน เจ้ากรมข่าวลือนั่นเอง ทันทีที่วางสายจากจอยซ์ก็มีข้อความอื่นถูกส่งมาอีก คราวนี้มาจากเบคส์ เขาเองก็มีคนมากระซิบบอกข่าวนี้ด้วยแล้วเหมือนกัน “ไม่รู้ว่านายรู้หรือยังเพื่อน แต่ข้างนอกเขาลือว่านายกับฉันฟาดปากกัน เรื่องพวกนี้มันไร้สาระนะเฉยๆ ไว้ก็แล้วกัน เวลามาแข่งรายการใหญ่ๆ ก็จะต้องเจอเรื่องแบบนี้อยู่เรื่อยแหละ” ผมส่งข้อความกลับไปหาเขาบ้าง “เหลือเชื่อเลย ว่าแต่ใครชนะล่ะ ฉันคงยอมไม่ได้ถ้าพวกเขาลงข่าวว่านายคว่ำฉันนะ” หลังจากนั้นเบคส์กับผมก็ส่งข้อความเล่นโจ๊กเรื่องข่าวนี้กันไปมาอีกนิดหน่อย เมื่อกลับไปบือเล่อโฮเฮ่อ พอเจอเบคส์ผมกับเขาก็ได้หัวเราะงอหายกับข่าวนี้กันอีกรอบ ระหว่างมื้อเช้าวันรุ่งขึ้น เอเดรียน เบฟวิงตัน เจ้าหน้าที่สื่อเอฟเอ เข้ามาคุยกับเราสองคน “ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง” เขาบอก สมาคมฟุตบอลอังกฤษจัดการออกแถลงการณ์ระบุว่าข่าวของ เดอะ ซัน เป็นเรื่องโกหกไม่มีมูล ในความเป็นจริงไม่มีเรื่องขัดแย้งใดๆ เกิดขึ้นระหว่างผมกับเบคส์ทั้งสิ้น แต่จะว่าไปต่อให้เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงมันถูกต้องแล้วหรือที่สื่อชาติเดียวกันจะต้องสร้างปัญหาก่อกวนความสงบในแคมป์ทีมชาติตัวเองแบบนี้ ผมรู้หรอกว่าพวกนักข่าวจะได้อะไรจากข่าวฉาวๆ เรียกเรตติ้งที่พวกเขากุขึ้นมาเองแบบนี้ การตบไหล่ให้กำลังใจกับคำชมจากหัวหน้าว่า “ทำได้เยี่ยม” นะสิ ต่อให้มันบ่อนทำลายทีมชาติอังกฤษก็เถอะ นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องที่ทำให้ผมหงุดหงิดกับข่าวนี้ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ผมโดนใส่ความว่ามีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนร่วมทีม แล้วดูสิ ทำไมพวกนักนั่งเทียนจะต้องตีขลุมเอาว่าผมเป็นฝ่ายแพ้ทุกครั้งไปด้วยล่ะ ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวขยะเขียนมั่วๆ ออกมาตั้งสองหนเรื่องผมปะทะกับคาร่า ผลเป็นไง ก็คาร่านั่นแหละเป็นฝ่ายชนะไปทั้งสองครั้งสองครา เอากับเขาสิ! จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:03:48 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ฟุตบอลโลกรอบตัดเชือกรอทีมชาติอังกฤษอยู่เบื้องหน้า ดังนั้นขณะที่เอฟเอออกไปจัดการปัญหา “วางมวย” ผม, เบคส์ และเพื่อนร่วมทีมทุกคนก็กลับไปที่มิตเทอร์แบร์กเพื่อเตรียมตัวสำหรับเกมกับเอกวาดอร์ที่กำลังจะมาถึง นักเตะทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าเราจะต้องยกระดับเกมของเราให้ดีขึ้นกว่าที่เคยทำมา เราได้คุยกันเรื่องนี้ในการประชุมทีมกับสเวนรวมไปถึงทุกครั้งที่คุยกันเอง ตลอดรอบแบ่งกลุ่มเราโชว์ฟอร์มดีๆ ให้เห็นแวบๆ อยู่แค่ไม่กี่ครั้ง : ครึ่งเวลาแรกในเกมกับปารากวัย, ยี่สิบนาทีสุดท้ายของเกมกับทรินิแดด แอนด์ โทแบ็กโก และครึ่งแรกกับสวีเดน กระนั้นท่ามกลางเสียงก่นด่าวิพากษ์วิจารณ์เรายังคงเชื่อมั่นว่าเราจะฝ่าฟันไปถึงเบอร์ลินกันจนได้ สตุ๊ดการ์ทคือสถานีต่อไป และสเวนก็เปลี่ยนแผนการเล่นใหม่ให้เราตั้งแต่ตอนนั้น หลังจากเริ่มต้นสามเกมแรกด้วยระบบ 4-4-2 ต่อจากนี้อังกฤษต้องเปลี่ยนมาใช้ระบบ 4-5-1 แทน นี่นับเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ผมกับผู้เล่นคนอื่นๆ เข้าใจกันมาตลอดว่าเราจะยึดระบบ 4-4-2 ไปตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ แต่แล้วหลังจากไมเคิลบาดเจ็บต้องออกไปจากทีมโดยถาวรเราก็จำต้องปรับมาเล่น 4-5-1 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แน่นอนว่าเราเตรียมซักซ้อมแผนการเล่น 4-5-1 ตลอดระยะหลายวันให้หลังมานี้ แต่เราก็ยังไม่คุ้นเคยกับระบบใหม่มากพอ ทีมอื่นๆ ที่มาแข่งฟุตบอลโลกต่างก็ยึดแผนการเล่นแบบเดียวที่พวกเขาคุ้นเคยและทำได้ดีที่สุด แต่ไม่ใช่เรา อังกฤษมาเปลี่ยนระบบเอาตอนเริ่มรอบน็อคเอาท์ แน่นอนว่าคุณจะหวังให้มันจะใช้การได้ทันท่วงทีไม่ได้หรอก บรรดาผู้เล่นต้องการเวลาที่จะฝึกซ้อมให้คุ้นเคยกับแผนการเล่นที่ปรับจาก 4-4-2 มาเป็นระบบ 4-5-1 ทีมชาติอังกฤษควรมีเวลาซ้อมโดยใช้ผู้เล่นในตำแหน่งโฮลดิ้งมิดฟิลด์ในทีมมาเป็นเดือนๆ ก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่มต้นหากคิดจะเล่นแบบนี้ให้ได้ผล ไม่เอาน่า! นี่มันการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่สุดของโลกไม่มีที่ว่างสำหรับทีมฝึกหัด จริงอยู่ผมเห็นด้วยที่ว่าเราจำต้องหาหลักประกันด้วยการเพิ่มผู้เล่นอีกคนเข้าไปในพื้นที่ตรงกลางสนาม เพราะทีมชั้นนำอื่นๆ หลายทีมก็เล่นกันในรูปแบบที่มีมิดฟิลด์สามคนกันทั้งนั้น แต่เราควรจะตัดสินใจเลือกเปลี่ยนมาใช้ระบบ 4-5-1 นี้มาตั้งแต่ก่อนเริ่มการแข่งขันฟุตบอลโลกแล้วสิ ไม่ใช่นึกอยากจะเปลี่ยนก็มาเปลี่ยนเอากลางอากาศระหว่างทัวร์นาเมนต์แบบนี้ คนภายนอกมองกันว่าระบบ 4-5-1 จะทำให้ทีมเสียเปรียบ อันที่จริงแผนนี้มันก็ดีตรงที่ว่าเวลาบุกเราก็จะปรับตัวมาเล่น 4-3-3 ไปโดยอัตโนมัติ มองในฐานะผู้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ ผมว่าการได้มีเป้าหมายถึงสามคนคอยรอรับบอลต่อในแดนหน้าเป็นเรื่องสมควร แต่ก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกันว่าทำไมระบบ 4-5-1 ถึงไม่ได้ผลกับทีมชาติอังกฤษสักเท่าไหร่นัก เรื่องก็คือเมื่อเราได้บอลในแดนกลางบางครั้งเวย์นก็จะลงมาเล่นลึกเกินไป หรือไม่โจกับเดวิดก็พร้อมใจกันยืนต่ำทางด้านริมเส้น พอเป็นแบบนี้เราก็ไม่เหลือผู้เล่นที่จะทำเกมเข้าไปจากทางลึกของสนาม หรือบางครั้งถ้าผมเกิดขึ้นไปเล่นเกมรุกสูงเกินจนไปทับตำแหน่งของเดวิดนั่นก็หมายความว่าเดวิดจะต้องหลบไปคุมแทนตำแหน่งปกติของผม เรามีส่วนผิดกันหมดทุกคน – ผม, เดวิด, แฟรงค์, เวย์น และโจ ก็บอกแล้วว่าแผน 4-5-1 มันไม่เวิร์ค ถึงจะวุ่นวายกันออกอย่างนั้นแต่เราก็ยังดีเกินพอสำหรับเอกวาดอร์ เบคส์ตวัดลูกยิงฟรีคิกส์อันเป็นเครื่องหมายการค้าของเขาให้อังกฤษจองตั๋วไปรอบควอเตอร์ไฟนั่ลได้เมื่อแข่งขันกันไปได้หนึ่งชั่วโมง ขอบคุณพระเจ้าแทนเดวิด ก่อนหน้านี้เขาถูกสื่อสับเละมาตลอด มีการตั้งคำถามกันถึงว่าเขามีสิทธิจะมายืนในตำแหน่งตัวจริงเป็นการถาวรในทีมแบบนี้จริงๆ หรือ ลูกยิงลูกนั้นที่สตุ๊ดการ์ทจึงเป็นเหมือนเครื่องยืนยันให้ทุกคนเห็นว่าทำไมเราจึงต้องมีเดวิดเป็นตัวจริง ลูกตั้งเตะของเบคส์นั้นยอดเยี่ยมเหลือเชื่อ แน่นอนด้วยว่าเขาเองก็ไม่ได้มีดีอยู่แค่ตรงนั้น เทคนิคของเขาเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ เขาชอบเอาชนะ รักการแข่งขัน และด้วยตัวคนเดียวเพียงลำพังเดวิดสามารถเปลี่ยนโชคชะตาของเกมได้ในเสี้ยววินาที หากไม่มีลูกยิงฟรีคิกสุดอึ้งจากเบคส์ในวันนั้นเราคงหนีไม่พ้นลงเอยด้วยการต่อเวลาพิเศษและยิงจุดโทษตัดสิน จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมชื่นชมเบคส์จริงๆ เป็นเรื่องดีที่เราได้เล่นเคียงข้างใครสักคนที่สามารถวางตัวเพิกเฉยต่อคำวิจารณ์ที่กระหน่ำเข้ามาหาตลอดเวลาได้อย่างเยือกเย็น คนที่มุ่งมั่นแต่จะทำทุกกย่างเพื่อช่วยให้ทีมที่เขารักได้รับชัยชนะ ถ้าเป็นนักเตะทั่วไปคงแหลกลาญไปแล้วภายใต้ความกดดันมหาศาลแบบนี้ หรือไม่ก็เงียบหายไปเลยในเกมแต่ไม่ใช่เบคส์ ไม่เลยสักนิด เขายังคงโดดเด่นท่ามกลางคำกล่าวร้ายเหล่านั้น ผู้เล่นทุกคนแปลกใจและผิดหวังกันทั้งนั้นที่เดวิดถูกจี้หนักโดยสื่อในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ไหนลองยกหลักฐานมาให้ดูสักหน่อยสิว่าเบ็คส์ต่ำกว่ามาตรฐานตรงไหน ในเกมปารากวัยเขาเป็นต้นเหตุให้คู่ต่อสู้พลาดทำเข้าประตูตัวเอง เขาเป็นคนผ่านบอลสุดท้ายสำหรับทั้งสองประตูที่เราทำได้ในเกมกับทรินิแดด แอนด์ โทแบ็กโก เขายิงประตูชัยมหัศจรรย์ในเกมกับเอกวาดอร์ “มีอะไรที่ต้องทำมากกว่านี้อีกหรือ” ผมคิด แม้แต่เกมอุ่นเครื่องที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมกับฮังการี เบคส์ก็ยังเร้าใจไม่มีหลุดคอนเซปต์ เมื่อสเวนและสตีฟจับเบคส์ไปเล่นริมเส้นเขาก็เอาแต่ผ่านบอลได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจเข้ามาในกรอบได้ตลอดทั้งเกม เบคส์ไม่จำเป็นต้องหลบไปหลังฟูลแบ็คเพื่อหาตำแหน่งโยนบอลอันตราย ถึงอย่างนั้นสื่อก็ยังหาเรื่องติอยู่เรื่อยว่าเบคส์ไม่ค่อยเคลื่อนที่ ต่อมาเมื่อมีอารอน เลนน่อน เข้ามาเล่นกับทีมเป็นตัวเปรียบเทียบและไปได้สวยกับสไตล์การเล่นที่ผลักดันกองหลังฝ่ายตรงข้ามให้ถอยไปรับลึกเปิดพื้นที่กว้างให้เล่นได้เบคส์ก็ยิ่งถูกโจมตีในจุดนี้หนักยิ่งขึ้น พวกสื่อรักที่จะเห็นสเวนดร็อบเดวิดและใช้อารอนแทน ไม่ใช่อะไรหรอก มันก็แค่ว่าพวกเขาจะได้มีข่าวใหญ่เอาไปเขียนรับคำชมเชยจากหัวหน้าพวกเขากันนะสิ ไม่ได้ความ ไม่มีผู้เล่นคนไหนสักคนอยากเห็นเบคส์ออกไปจากทีม พวกเรารักเขา นับถือเขา เกมกับเอกวาดอร์ยิ่งยืนยันถึงความสำคัญของเบคส์ เราจำเป็นต้องมีนักเตะที่มีประสบการณ์อยู่ในเกมของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเตะอย่างเบคส์ผู้ซึ่งพร้อม มุ่งมั่น ทุ่มเททั้งตัวทั้งหัวใจ ผมไม่รู้สักนิดว่าเบคส์อาเจียนในสนามสตุ๊ดการ์ทจนกระทั่งหลังจากเกมเมื่อเขาเล่าให้ผมฟังในห้องแต่งตัว เขาไม่สบายจากการขาดน้ำ พระคริสต์ มันร้อนเหลือเกิน เราต้องดื่มน้ำกันอยู่ตลอด สภาพอากาศในเยอรมันคราวนั้นเป็นสภาพที่แย่ที่สุดเท่าที่ผมเคยพบประสบมาในการเล่นฟุตบอล แน่ละที่ผ่านมาเราแค่เล่นกับปารากวัย, ทรินิแดด, สวีเดน และเอกวาดอร์ ใครๆ ก็เลยย้อนถามผมกันว่า “บ้าหรือเปล่า เกมพวกนี้จะเป็นเกมโหดที่สุดที่คุณเคยเล่นมาได้ยังไง คุณเคยเจอมิลานมาแล้วนะ” ก็มันจริงนี่ อากาศมันร้อนกว่า ความกดดันก็สูงกว่า เกมฟุตบอลโลกนี่ล่ะที่เป็นเกมถึงพริกถึงขิงที่สุดไร้ข้อเปรียบเทียบ จากทั้งหมดสี่เกมที่เราเล่นมาจนผ่านเข้าไปถึงรอบแปดทีมสุดท้ายเกมกับสวีเดนนับเป็นเกมที่ง่ายที่สุด เพราะวันนั้นมีอุณหภูมิต่ำกว่าทุกวัน พื้นสนามก็มีความชื้นนิดหน่อยทำให้เราเล่นเกมเร็วตามถนัดกันได้อยู่พักหนึ่งเลยเชียว จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:05:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อทราบว่าคู่แข่งของเราในรอบแปดทีมสุดท้ายคือโปรตุเกส ผู้เล่นทั้งหมดต่างก็คิดอยู่ในใจว่า “สี่ทีมสุดท้าย เราไปถึงเห็นๆ” แน่ละว่าเรายังวิตกอยู่บ้างที่ทีมยังโชว์ฟอร์มร้อนแรงไม่ออกซักที แต่เราก็ไม่เคยสูญเสียความมั่นใจ โปรตุเกสไม่พิเศษอะไร พวกเขาแทบไม่ฉายแสงใดๆ ให้เห็นเท่าที่ผ่านมาตลอดทัวร์นาเมนต์ “เราชนะพวกเขาได้” ผมบอกพรรคพวกตอนอยู่ที่บือเล่อโฮเฮ่อ โปรตุเกสไม่มีคอสตินญ่าและเดโก้เพราะโดนโทษห้ามแข่ง ซึ่งทั้งสองคนเป็นนักเตะสำคัญของพวกเขา “ผมไม่คิดอยากแลกนักเตะคนไหนของพวกเขากับทีมที่เรามีอยู่” ผมวิจารณ์กับคาร่า “ไม่มีเหตุผลว่าทำไมเราจะเอาชนะโปรตุเกสไม่ได้” นอกจากนี้เรายังเดินหน้าซ้อมเล่นระบบ 4-5-1 กันอย่างหนักต่อไปที่มิตเทิลเบอร์ก อย่างช้าๆ ระบบใหม่นี้ค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างดูดีขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน ทันทีที่เกมที่เมืองเกลเซ่นเคียร์เช่นคิกออฟ ในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2006 ผู้เล่นทุกคนของเราเชื่อว่า เกมในค่ำคืนนี้จะจบลงที่อังกฤษเดินหน้าเข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก แต่ก็เกือบจะทันทีทันใดเหมือนกันที่เราถูกทดสอบอย่างจริงจัง โปรตุเกสทำให้ผมแปลกใจที่พวกเขาเก็บบอลได้ดีเหลือหลาย พวกเขาดูเหมือนจะเปล่งประกายด้วยความมั่นใจในแท็คติกและการจับบอลของพวกเขา แม้จะไม่มีคอสตินญาหรือเดโก้อยู่ในทีมพวกเขาก็ไม่ห่างไกลจากคำว่าทีมที่แข็งแกร่งแม้แต่น้อย ผู้เล่นทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเองภายใต้การคุมทีมของหลุยส์ ฟิลิบเป้ สโคลารี่ การเผชิญหน้ากับคริสเตียโน่ โรนัลโด้และหลุยส์ ฟิโก้ คือฝันร้าย พวกเขายากที่จะคาดเดาได้ คอยจะวิ่งหลบไปหาตำแหน่งดีๆ ได้อย่างว่องไวอยู่ตลอด ตอนแรกเราเห็นเขาแล้วจู่ๆ ก็หายไปไหนไม่รู้ซะอย่างนั้น ไม่ต่างอะไรกับการไล่จับผี แต่โรนัลโด้ไม่มีอันตรายหรอกตอนได้บอล เขาแค่วิ่งได้เร็วเท่านั้นเอง ผมมองดูโรนัลโด้และคิดกับตัวเองว่า “แหม! เจ้าหนูนี่ช่างพยายามจริง” ผมจินตนาการออกเลยว่าปีกทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คิดอะไรอยู่ในหัวตอนนั้น “ฉันต้องเป็นหัวใจของเกมกับอังกฤษสิก็ฉันเล่นอยู่ในพรีเมียร์ชิพนี่ ฉันจะพิสูจน์ให้เห็นกันเองว่าฉันเก่งแค่ไหน” เพราะงั้นเขาก็เลยโชว์ออฟไม่หยุด ทุกครั้งที่ได้บอลโรนัลโด้จะลากลุยดุ่ยๆ ไปอย่างนั้น พยายามผ่านผู้เล่นของเราไปให้ได้คราวละสามถึงสี่คน “โอเค ถ้านายต้องการอย่างนั้นนะเพื่อน” ผมนึก “นี่เหมาะกับเราที่สุด พวกเรารู้ดีเลยล่ะว่าจะรับมือเด็กแบบนี้ยังไง” ช่วงต้นเกมมีจังหวะหนึ่งที่ผมวิ่งไล่กวดโรนัลโด้และสไลด์กวาดแย่งบอลมาได้อย่างสวยงาม คนอื่นๆ ทุกคนตื่นเต้นกับการแทคเกิลจังหวะนี้กันยกใหญ่ อันที่จริงมันก็แค่เรื่องง่ายๆ ไม่ซับซ้อนอะไร ผมรู้ยิ่งกว่ารู้ว่าจะต้องเข้าสกัดตอนไหนเพราะผมเคยดูเด็กโปรตุเกสคนนี้เล่นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อไหร่ก็ตามที่โรนัลโด้ก้มหน้าก้มตาวิ่งเขาจะยังไม่ปล่อยบอลหรอกพอเป็นอย่างนั้นผมก็ยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร อดทนรอให้ถึงเวลาของนายนะสตีวี่ รอ รอ และรอไปก่อน มองบอลไว้ ตอนนี้ละ เข้าไปเลย แย่งบอลมา ผมทำแบบนั้นกับโรนัลโด้เล่นเอาเขาหยุดกึกยืนอึ้งเหมือนเด็กน้อยที่ถูกฉกไอศครีมไปจากมือ จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:05:46 ]

ความคิดเห็นที่ 17 น่าเศร้าที่ด้านมืดของโรนัลโด้สร้างความด่างพร้อยในเกมนี้ การที่เขาเข้าไปมีส่วนทำให้เวย์นถูกไล่ออกในเกมที่เกลเซ่นเคียร์เช่นช่างเป็นความอัปยศ ผู้เล่นโปรตุเกสทั้งทีมคงต้องชวนกันแขวนคอตายไปตามๆ กันด้วยความอับอายกับเหตุการณ์ที่พวกเขาจ้องเล่นงานเวย์นตลอดทั้งเกมไปจนกระทั่งช่วงกลางครึ่งหลังซึ่งเป็นจุดจบของเวย์น มันเป็นสงครามประสาทล้วนๆ ที่พวกเขาจงใจเตรียมมาเก็บผู้เล่นที่ดีที่สุดในทีมอังกฤษด้วยวิธีนั้น ‘เฮ้! มาจัดการไล่รูนีย์ออกจากสนามกันเถอะ วุ้ย... พวกเราช่างฉลาดหลักแหลมกันอะไรเช่นนี้’ ผมเกลียดเรื่องแบบนี้ ตอนที่เห็นเหตุการณ์ผมนึกขึ้นมาทันทีเลยว่า “เราต้องได้ฟรีคิกแน่” ก็ผู้เล่นโปรตุเกสทำฟาวล์เวย์นชัดเจนโจ๋งครึ่มออกอย่างนั้น เวย์นลงมาเล่นลึกถึงแดนกลางเพื่อล้วงบอลไปเล่นเองแต่กลับถูกพวกนักเตะโปรตุเกสรุมกันดึงเสื้อ, ผลัก และย่ำข้อเท้าจากทางด้านหลัง ถ้าลองว่าเวย์นออกแอ๊คติ้งเหมือนที่พวกนักเตะต่างชาติส่วนใหญ่ชอบทำกัน ทิ้งตัวล้มง่ายๆ เมื่อโดนแตะเข้าเบาๆ เราก็คงได้ฟรีคิกสบายๆ จากจังหวะนั้นไปแล้ว แต่เราคือทีมอังกฤษ เราไม่ใช่พวกขี้โกง เรายืนหยัดรับทุกการแทคเกิล เราไม่เคยสนเวลาโดนผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามดึงเสื้อ และเพราะความที่เราไม่โวยเวลาโดนตอดเล็กตอดน้อยผู้ตัดสินก็เลยปล่อยเลยตามเลยอยู่ตลอด และในท้ายที่สุดเวย์นก็ต้องถูกลงโทษจากความซื่อตรงเกินไปของเขา วาสซ่านั้นแข็งแกร่งและเขาพยายามยืนให้มั่นด้วยสองเท้าเสมอแม้ในตอนที่กองหลังอย่างริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ที่ไล่ตามทำฟาวล์เขาตลอดเกมเสียบเขาจากด้านหลังแบบนั้น มันเป็นธรรมชาติของเวย์นที่จะไม่ยอมล้ม แต่แล้วผมก็เห็นคาร์วัลโญ่ลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายกับพื้นราวกับว่าชีวิตของเขากำลังจะพบจุดจบอันเหี้ยมโหดยังไงอย่างนั้น มันเกิดบ้าอะไรขึ้นล่ะ ผู้ตัดสิน ฮอราชิโอ เอลิซอนโด เป่านกหวีดหยุดเกม นักเตะหลายคนตรงเข้าไปรุมล้อมกรรมการชาวอาร์เจนไตน์จนสับสนอลหม่าน ผมเห็นกรรมการควักใบแดงขึ้นมา พระคริสต์! กรรมการกำลังจะไล่นักเตะโปรตุเกสออกจากสนามแล้วสิ ค่อยยังชั่วหน่อย ได้เวลาเสียที พวกเขาไล่ล่าตามทำฟาวล์วาสซ่ามาตลอดทั้งเกมแล้ว ทิอาโก้เตะเข้าที่หน้าเวย์นในครึ่งแรกด้วยซ้ำ แจ๋วเลย รอบสี่ทีมสุดท้ายจ๋า เรามาแล้ว แต่แล้วความประหวั่นพรั่นพรึงกลับเกิดขึ้นกับผมแทนเมื่อผมเพิ่งตระหนักว่าเป็นเวย์นต่างหากที่กำลังเดินออกจากสนามไปอย่างช้าๆ อะไรวะ? พวกโปรตุเกสประท้วงกันเซ็งแซ่ว่าเวย์นย่ำไปที่คาร์วัลโญ่ ไร้สาระเป็นบ้า ผมรู้จักเวย์นดี ไม่ว่าเขาจะหงุดหงิดแค่ไหนที่คาร์วัลโญ่คอยตามตอดเขาตลอดเวลาอย่างนั้นแต่คนอย่างเวย์นไม่ใช่คนที่คิดจะทำร้ายคู่แข่งแน่ ไม่มีทาง เขาเองเล่าให้ผมฟังหลังเกมว่ามันเป็นอุบัติเหตุและผมก็เชื่อเขา เอลิซอนโดทำพลาด ผมหวังให้กรรมการผู้นี้ตระหนักได้ในสักวันหนึ่งว่านักเตะที่เปี่ยมพรสวรรค์อย่างเวย์นควรได้รับการปกป้อง ไม่ใช่ถูกลงโทษ นักเตะอย่างริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ต่างหากที่เป็นตัวทำลายล้างในเกมฟุตบอลไม่ใช่เวย์น รูนีย์ ฟีฟ่าเรียกร้องมาตลอดให้เล่นกันอย่างขาวสะอาดซึ่งในความเป็นจริงก็เป็นอังกฤษที่ประพฤติตัวได้อย่างเหมาะสม บรรดาผู้บริหารระดับสูงในวงการฟุตบอลเรียกร้องให้นักฟุตบอลยืนหยัดบนสองเท้า ไม่พุ่งล้ม ซึ่งเวย์นก็ทำแบบนั้น แต่เขากลับต้องเป็นคนที่ถูกไล่ออกจากเกมที่เกลเซ่นเคียร์เช่น น่าขำนะ แต่ผมตลกไม่ออก แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเวย์นเองก็กำลังหงุดหงิด เขาเล่นอยู่ในแดนหน้าเพียงลำพังไม่ได้บอลจากเพื่อนร่วมทีมอย่างที่ควรจะได้ เขากระเหี้ยนกระหือรือที่จะทำประตูให้ได้ในฟุตบอลโลก แต่ความหงุดหงิดที่แท้จริงนั้นมาจากการที่คาร์วัลโญ่และแก๊งโจรของเขาเอาแต่ทั้งผลักทั้งดึงเวย์นไม่ยอมหยุด และฟีฟ่าควรอับอายกับสิ่งที่พวกผู้เล่นโปรตุเกสทำกับเวย์นต่อจากนั้น พวกเขาเข้าไปรุมล้อมผู้ตัดสินเอลิซอนโด พูดกดดันเรียกร้องให้เขาแจกการ์ดให้ผู้เล่นทีมคู่ต่อสู้ พฤติกรรมของลูกทีมของสโคลารี่ในเกลเซ่นเคียร์เช่นช่างน่าชิงชังยิ่งนัก จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:07:22 ]

ความคิดเห็นที่ 18 กลยุทธ์การเอาชนะคู่แข่งโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องแบบนี้เป็นโรคร้ายในหมู่นักเตะต่างชาติ และผมเห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับตาเจ็ดถึงแปดครั้งในฟุตบอลโลกที่เยอรมัน วิธีการนี้น่ารังเกียจแต่ก็น่าแปลกที่มันได้ผลดีอยู่บ่อยๆ “ทีมอังกฤษเราน่าจะลองเล่นแบบนี้กับเขาบ้างดีไหมนี่” ผมอดคิดกับตัวเองไม่ได้ “เราควรจะเริ่มเรียนรู้ที่จะทิ้งตัวล้มง่ายๆ กรูกันเข้าไปรุมล้อมกรรมการ จูงจมูกเขาให้ตัดสินใจ หรือว่าผม, วาสซ่าและผู้เล่นอังกฤษควรจะยึดมั่นในวิถีทางเดิมๆ ที่เราทำอยู่ ซื่อสัตย์อย่างที่เคยเป็น ในเมื่อต่อต้านไม่ได้ก็เข้าร่วมไปเลย เขาโกงเราก็โกงจะดีไหม” โชคยังดีที่ความคิดน่าเกลียดนั่นเกิดขึ้นกับผมเพียงแค่แวบเดียว ผมจะไม่โกงหรอก แม้ว่าในเกมอุ่นเครื่องกับฮังการีที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ผมจะโดนวิจารณ์เอาบ้างจากจังหวะที่ได้ลูกจุดโทษน่ากังขา แต่ผมก็เชื่อว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไร แน่นอนว่าภาพที่ออกมาดูไม่สวยนักและผมก็อายนิดๆ เหมือนกันที่พุ่งเวอร์ไปนิด แต่ตอนที่แบ๊คขวาของพวกเขา ซาบา เฟแฮร์ ทะยานเข้าหาผมในจังหวะเข้าบอลดูน่ากลัวจริงๆ นะ ผมเห็นสองเท้ากับสตั๊ดลอยเข้ามาต่อหน้าต่อตาผมจึงบอกกับตัวเอง “ต้องหลบแล้ว ไม่งั้นเจ็บหนักแน่” ฟุตบอลโลกกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันผมจะไม่ยอมเสี่ยงจนบาดเจ็บเด็ดขาดผมก็เลยโดดหลบและล้ม ผมน่ะกลัวฝังใจกับการบาดเจ็บกระดูกเท้าจากฟุตบอลโลกหนก่อน ดังนั้นถึงจะเกลียดตัวเองที่พุ่งล้มแบบนั้นแต่ก็ดีกว่าเมื่อนึกสภาพว่าจะต้องบาดเจ็บแบบนั้นอีกจากการเข้าแทคเกิลที่บุ่มบ่ามนั่น แต่พวกนักเตะต่างชาติไม่ใช่แบบนั้น พวกเขาพุ่งล้มกันจนเป็นนิสัย ผมเคยดูเกมของพวกเขาและเห็นชัดว่าพวกเขาทำได้เนียนจริงๆ จนผมเกือบจะเชื่อเลยละว่าพวกเขาซ้อมพุ่งล้มในการฝึกซ้อมจริงๆ อย่างที่มีการแซวกัน พวกเขาถูกโค้ชสอนให้พุ่งล้มจริงหรือนี่? มันเหมือนกับว่าพวกเขาถูกสอนมาเป็นอย่างดีว่าจะรับมือกับเหตุการณ์แบบที่เกิดกับเวย์นยังไง ทันทีที่เกิดเรื่องพวกเขาก็กรูกันเข้าไปรุมล้อมผู้ตัดสิน เหมือนมีแรงแม่เหล็กดึงดูดพวกเขาเข้าหากรรมการ ส่งสัญญาณ เก็บมือเก็บไม้เรียบร้อยเพื่อว่าจะได้ไม่ต้องเสี่ยงกับการโดนกรรมการเตือน โรนัลโด้ตัวแสบยืนอยู่หน้าสุด เอาเลยกรรมการ เอาสิ ไล่รูนีย์ออกไปเลย มันไม่ใช่แค่โรนัลโด้คนเดียวที่น่าด่าในเรื่องนี้พวกนักเตะโปรตุเกสอีกห้าหกคนก็มีส่วนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าโรนัลโด้เช่นกัน มันทำให้ผมโกรธที่ได้เห็นผู้เล่นโปรตุเกสใช้เล่ห์เหลี่ยมทำให้เพื่อนที่ดีที่สุดของผมโดนใบแดงไล่ออกจากสนามในฟุตบอลโลกหนนั้น อังกฤษชนะได้แน่ถ้าเรายังมีเวย์น ที่บือเล่อโฮเฮ่อ ฟีฟ่าส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปประชุมชี้แจงกับพวกเราเพื่อเน้นย้ำว่าพวกเขาจะลงโทษนักเตะที่เล่นละครตบตาในสนามอย่างไม่มีปราณีปราศรัย ผู้เล่นทีมชาติอังกฤษต่างก็อนุมานกันว่าทีมอื่นๆ คงได้รับการชี้แจงอย่างเดียวกันนี้ด้วยเพราะฉะนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงก็คือหลายทีมในฟุตบอลโลกเล่นลวดลายกันสุดฤทธิ์ ทั้งพุ่งล้ม ทั้งดีดดิ้นทำเป็นเจ็บเพื่อตบตากรรมการ อีกสิ่งที่ทำเอานักเตะอังกฤษยัวะกันหนักก็คือการที่โรนัลโด้หลิ่วตาให้ทีมของเขาที่ซุ้มม้านั่งในขณะที่วาสซ่าก้มหน้าก้มตาเดินไปยังอุโมงค์ มันคือการหลิ่วตาแทนคำพูดว่า   “สำเร็จแล้ว”  เขาทำแบบนี้กับเพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดของเขาลงได้ยังไง ไม่น่าเชื่อเลย บนรถบัสหลังจากเกมเวย์นเข้ามาถามผม “นายคิดยังไงที่เขาหลิ่วตาแบบนั้นสตีวี่” ง่ายมาก “บอกตามตรงนะวาสซ่า” ผมตอบเขา  “ถ้าเราเล่นกับทีมสเปนแล้วซาบี อลองโซ่ หรือหลุยส์ การ์เซีย มายักคิ้วหลิ่วตาใส่กรรมการหรือออกท่าออกทางอะไรให้ฉันโดนไล่ออกจากสนามฉันคงไม่พูดกับเขาอีกเลยไปตลอดชีวิต ฉันรับไม่ได้หรอก คงโกรธแทบตายถ้าทีมของฉันทำแบบนั้น” เวย์นรับฟังทุกคำพูด เขารู้เลยว่าผมไม่พอใจพฤติกรรมของโรนัลโด้แค่ไหน “ฟังนะวาส โรนัลโด้ยอมทำทุกทางเพื่อให้ทีมของเขาได้เข้ารอบสี่ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก แต่ฉันว่ามันยังเป็นเรื่องสำคัญในวงการฟุตบอลที่เราจะต้องเล่นให้ขาวสะอาดและให้เกียรติเพื่อนร่วมอาชีพ แต่เท่าที่เห็นโรนัลโด้ไม่ได้แสดงว่าเขาคิดถึงเรื่องพวกนี้สักนิด” เวย์นเห็นด้วยกับผม ณ ตอนนั้นเขาผิดหวังในตัวโรนัลโด้อย่างสุดซึ้ง แต่หลังจากนั้นพอใจเย็นลงเขาก็ส่งข้อความไปคุยกับโรนัลโด้ และดูเหมือนว่าเขาจะลืมๆ เรื่องผิดหวังนั้นไปแล้ว เป็นเรื่องดีสำหรับเวย์นแล้วที่เขาไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นเก็บเอาเรื่องนี้มาเป็นอารมณ์ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 50 16:11:18 จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:08:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ย้อนกลับไปในเกม ชายชาวอังกฤษสิบคนที่เหลือในสนามที่เกลเซ่นเคียเช่นต่างพากันเดือดดาลกับความไม่เป็นธรรมที่ต้องเผชิญ แต่นั่นกลับเป็นแรงผลักดันให้เรายิ่งมุ่งมั่นที่จะคว่ำโปรตุเกสลงให้ได้ คุณโกงเราได้แต่จะไม่มีทางเอาชนะเราแน่ นั่นคือสาสน์ที่ผม, เจที, ริโอ และเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ประกาศให้ทุกคนรับรู้ เราต้านทานทุกการโจมตีที่พวกโปรตุเกสกระหน่ำเข้าใส่เรา “รวมใจกันไว้” ใครคนหนึ่งตะโกนปลุกเร้าทีม ทุกคนพร้อมจะต่อสู้อย่างกล้าหาญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจที, ริโอ และแอชลีย์ ซึ่งเล่นอยู่ในเกมรับ ผมเองต้องไปช่วยแอชลีย์ทางด้านซ้ายเมื่อโปรตุเกสพยายามโจมตีจากทางริมเส้น ไม่มีทางเสียละ ผมกับแอชลีย์ไม่มีวันยอมให้ใครผ่านพื้นที่ของเราไปได้ พวกเราทั้งสิบคนค่อยคลายแรงกดดันลงหน่อยจากแผนรุกกลับของสเวนและสตีฟ ตอนแรกผมคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้คำสั่งคงต้องออกมาในรูป  “ต้านไว้ ดึงให้ถึงดวลจุดโทษ” แต่สเวนกับสตีฟคิดต่างไป “รุกเข้าไป” เป็นคำสั่งจากซุ้ม “ลุยเลยเอาชนะให้ได้ในเกมนี่ละ” แต่ทันทีที่เริ่มเล่นช่วงต่อเวลาพิเศษใจผมก็นึกไปถึงการดวลจุดโทษตัดสินทันที ผมรู้ว่าผมต้องได้รับเลือกไปยิงจุดโทษคนหนึ่งแน่ สเวนกำหนดตัวคนยิงลูกโทษหลักๆ ไว้แล้วตั้งแต่ตอนซ้อม ดังนั้นช่วงต่อเวลาพิเศษจึงเป็นอะไรที่วุ่นวายสำหรับผมมากเพราะผมแบ่งความคิดจิตใจส่วนหนึ่งในเวลาครึ่งชั่วโมงไปกังวลกับลูกยิงลูกเดียวที่สำคัญที่สุด – ลูกจุดโทษ เหงื่อแตกพลั่กเต็มหน้าผากหนักหนากว่าที่เคย ใจเย็นไว้ ตั้งสมาธิสิ นายต้องเล่นให้จบช่วงต่อเวลา แต่ในตอนนั้นใจผมไขว้เขวไปแล้วอย่างช่วยไม่ได้ นาฬิกาในสนามมีความหมายกับผมแค่ว่าเหลือเวลาอีกกี่นาทีที่ผมจะต้องก้าวเท้าจากวงกลมกลางสนามบ่ายหน้าสู่ดินแดนทำลายล้างจิตวิญญาณ ใกล้เข้าไปๆ ทุกขณะ หัวใจผมเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งอยู่ข้างใน หัวหนักอึ้ง สมองหมุน จุดโทษ จุดโทษ จุดโทษ :-)! “ฉันจะยิงไปด้านไหนดี” ผมคิด “โกล์คนนั้นเคยดูฉันยิงจุดโทษให้ลิเวอร์พูลมั๊ยนะ? เดี๋ยวจะได้รู้กันแล้ว” ผู้ตัดสินเอลิซอนโดเป่านกหวีดยาว จากนั้นทั้งสองทีมก็มุ่งหน้าไปรวมตัวกันที่วงกลมกลางสนาม ต่างฝ่ายต่างเครียด พระเยซูเจ้า ผมละอยากยิงคนแรกให้มันเสร็จๆ ไปโดยเร็วที่สุด การรอคอยสุดแสนทรมาน ผมอิจฉาแฟรงค์ที่ได้ยิงจุดโทษเป็นคนแรกให้ทีมอังกฤษ ขณะที่คนอื่นๆ ที่เหลือยืนที่เส้นกลางสนามรอลุ้นให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีม ผมรู้สึกแข้งขาอ่อนปวกเปียกจากวิตกกังวล ความคาดหวัง และแรงกดดัน ผมแทบทนดูไม่ได้ตอนที่ซิเมา (ซาโบรซ่า) ยิงนำไปก่อน ไม่ต้องห่วงน่าแฟรงค์ยิงได้อยู่แล้ว เอาเลยแลมพ์ ในการซ้อมแลมพ์หวดเข้าทุกครั้งไม่เคยพลาด ไม่มีปัญหาแน่ เขาวิ่งเข้ายิง ริคาร์โดเซฟไว้ได้ บ้าเอ๊ย! ในท้องไส้ผมบิดเกลียวเขม็งตึงแน่นขึ้นไปอีก ผมไม่เคยรู้สึกแย่เท่านี้ตลอดชีวิตการเล่นฟุตบอลของผม การดวลจุดโทษยังทำหน้าที่ของมันได้ไม่มีขาดตกบกพร่องเหมือนที่เคยเป็นมาชั่วนาตาปี สร้างฮีโร่และผู้ร้าย (ฮูโก้) เวียอาน่าและ (อาร์มันโด้) เปอตีต์พลาดทั้งคู่ ฮากรีฟฟ์ยิงไม่พลาด จากนั้นก็ถึงคิวผมเดินเข้าสู่ตะแลงแกง แสงสปอตไลท์สาดส่องมาที่ผมแต่เพียงผู้เดียวแล้วตอนนี้ ไปได้แล้ว ผมละที่มั่นอันปลอดภัยในหมู่เพื่อนร่วมทีมที่วงกลมกลางสนาม ทันใดนั้นผมก็เหลือตัวคนเดียว ทำใจก้าวเดินเข้าสู่จุดขาว มุ่งหน้าเข้าหาโชคชะตาที่ยืนรออย่างใจเย็นอยู่เบื้องหน้า ระยะทางแค่สี่สิบหลาในสนามแต่สำหรับผมเหมือนเดินผ่านมาสี่สิบไมล์เข้าไปแล้ว แต่แล้วผมก็นึกถึงคำสอนของสเวนขึ้นมาได้ “นับก้าวตอนที่เดิน” เขาสอนเราตอนซ้อมยิงจุดโทษกัน “มันจะช่วยให้นายสงบใจ” จะทำลงไปได้ยังไง? เดินทอดน่องไปยิงจุดโทษต่อหน้าคนสองคนกับสุนัขที่เฝ้าดูอยู่ข้างสนามซ้อมมันคนละเรื่องกันเลยกับเส้นทางเดินมรณะในเกลเซ่นเคียเช่นและถ้าผมเกิดนับก้าวเข้าจริงๆ มันจะช่วยให้อะไรๆ แตกต่างไปได้จริงหรือ? จะหนีความจริงไปได้อย่างไรว่าในไม่กี่วินาทีข้างหน้าผมจะต้องยิงลูกโทษต่อหน้าคนเป็นพันล้านคนหรือมากกว่านั้น แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 50 16:14:18 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 50 16:12:29 จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:08:44 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขณะสาวเท้าก้าวใกล้จุดยิงทุกขณะร่างกายผมก็ชาดิกไปทั้งตัว พระเจ้า ถ้าแลกได้ผมขอเดินไปหาโจทก์ทั้งฝูงยังจะดีเสียกว่าเดินมุ่งหน้าเข้าหาจุดโทษแบบตอนนี้ แต่แม้จะเต็มไปด้วยความสงสัยนานัปการผมก็เชื่อมั่นในเทคนิคของตัวเองสุดหัวใจ ลูกยิงจะต้องเข้าประตูแน่ ผมต้องยิงได้ ผมซ้อมยิงลูกโทษมาเป็นประจำไม่ขาดตกบกพร่อง วางบอลให้ถูก-โอเค! ทำแล้ว จำความรู้สึกให้ได้ว่าตอนซ้อมยิงยังไงถึงเข้า – ทำแล้ว ที่สนามซ้อมมิทเทอร์แบร์กผมยิงเข้าเก้าในสิบครั้ง รู้นะว่านายต้องยิงไปที่มุมไหน – รู้แล้ว ริคาร์โดเก่งไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าผมเพียงแค่ยิงไปตรงจุดที่เล็งไว้ตามที่ร็อบโบ้ (พอล โรบินสัน), เดวิด เจมส์ และสก็อตต์ คาร์สันเคยบอกไว้ตอนฝึกซ้อม ริคาร์โดก็จะหมดสิทธิป้องกัน ผมพร้อมแล้ว แต่เอลิซอนโดยังไม่พร้อม เป่านกหวีดซะทีสิมัวรออะไรอยู่เล่า ผมตั้งบอลตรงจุด ริคาร์โดยืนรอที่เส้นประตูพร้อมอยู่แล้ว แล้วมันเรื่องอะไรกันที่ผมต้องมารอเสียงนกหวีดเวรนั่นด้วย? อันที่จริงมันยืดเวลาไปแค่ช่วงสั้นๆ สองสามวินาทีแต่สำหรับผมแล้วมันนานชั่วกัปชั่วกัลป์และมันทำเอาผมเครื่องดับไปจริงๆ พวกเขาไม่รู้เลยหรือไงว่าผมนะสุดขั้วแล้ว พระคริสต์! ผมกรีดร้องในอก ในการซ้อมมันช่างง่ายดาย วางบอล ก้าวถอยหลัง วิ่งเข้ายิง แล้วก็เป็นประตู ไม่ต้องรอ ไม่มีแรงกดดัน แต่ไม่ใช่ที่นี่ ไม่ใช่ตอนที่เอลิซอนโดดึงทุกสิ่งทุกอย่างให้ช้าไปอีกนิดแบบนี้ ในที่สุดกรรมการก็เป่านกหวีดจนได้ แต่ช้าไปเสียแล้วสมาธิผมแตกซ่าน วินาทีที่สัมผัสบอลผมรู้ทันทีเลยว่าบอลมันไปไม่ตรงจุดที่ผมเล็งไว้แน่ บอลห่างจากจุดที่หมายตาไว้ตั้งสิบแปดนิ้วทำให้ริคาร์โด้ทำงานได้ง่ายๆ เขาเซฟได้! ฝันร้ายชัดๆ ความรู้สึกไร้ค่าไหลบ่าทั่วตัวผม เดินกลับไปจุดรอที่เส้นกลางสนามด้วยความรู้สึกเลวร้าย เลวร้ายสุดๆ คำถามร้อยพันประการประดังประเดจู่โจมมาในหัวไม่หยุดหย่อน ลูกยิงจุดโทษของผมในเกมนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนดีเหลือเชื่อ ก็แล้ววันนี้ความแม่นยำของผมมันหายไปไหนหมด ความกดดันเล่นงานผมเข้าอย่างไม่น่าให้อภัย มาตอนนี้แม้เหตุการณ์จะผ่านมาหลายเดือนแล้วแต่ผมยังสลัดความคิดเกี่ยวกับวินาทีความเป็นความตายนั้นออกไปไม่หลุด ผมยังคงนึกย้อนไปว่าผมน่าจะยิงประตูในฟุตบอลโลกให้ได้ ผมรู้ว่าเราต้องตั้งใจให้มากกับการดวลจุดโทษที่เยอรมันครั้งนั้น แต่ความรู้สึกที่มั่นคง การยิงที่แม่นยำ ทุกสิ่งที่จำเป็นผมปล่อยมันหลุดลอยเตลิดไปหมด ไม่ได้ความ! แต่ไม่เป็นไรนะ รอเดี๋ยวเถอะเรายังพอมีหวัง เพื่อนร่วมทีมของผมต้องช่วยผมออกจากเรื่องเลวร้ายนี้ได้ แน่นอนที่สุด แม้แต่ตอนที่เฮลเดอร์ พอสติกาทำหน้าที่ของเขาไม่พลาดผมก็ยังเชื่อว่าคาร่าจะช่วยให้เราตีเสมอเป็น 2-2 ประตูได้ สเวนเปลี่ยนตัวคาร่าลงมาช่วงนาทีท้ายๆ ก็ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าคาร่าทำได้ดีเหลือเกินตลอดการซ้อม เขาพลาดแค่ครั้งเดียวจากการยิงสามสิบครั้ง คาร่าเป็นคนไม่ชอบพูดพล่ามทำเพลง ดังนั้นพอมาถึงจุดโทษได้เขาก็หวดทันทีลูกบอลผ่านมือริคาร์โด้ไปได้ง่ายๆ แต่เอลิซอนโด้ยังไม่ได้เป่านกหวีดเขาก็เลยเรียกคาร่าไปยิงใหม่ นั่นไม่ถูกต้องสักนิด เมื่อริคาร์โด้รับลูกยิงครั้งที่สองของคาร่าไว้ได้หัวใจผมก็ยิ่งจมดิ่ง อังกฤษกำลังจะต้องออกจากฟุตบอลโลก โรนัลโด้ต้องจัดการเราเรียบวุธแน่ ชะตาลิขิตไว้แล้วว่าต้องเป็นโรนัลโด้ เด็กนั่นมีส่วนทำให้เวย์นถูกไล่ออกจากเกม นักเตะต่างชาติที่ดีที่สุดคนหนึ่งในพรีเมียร์ชิพจัดการส่งอังกฤษกลับบ้านด้วยมือเปล่ากับหัวใจที่แหลกสลาย ไม่มีความปราณีใดๆ จากโรนัลโด้แสดงให้เห็น จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ทีมชาติอังกฤษผิดหวัง จบสิ้นแล้วทุกอย่าง ผมทรุดตัวลงนั่งที่กลางสนามร่างกายถูกปิดสวิตช์ดับไปดื้อๆ ผมไม่เคยลิ้มรสความรู้สึกเจ็บปวดในสนามฟุตบอลครั้งไหนมากเท่าครั้งนี้มาก่อน ทำเข้าประตูตัวเองในเกมกับเชลซีที่คาร์ดิฟว่าแย่แล้ว ต้องตกรอบฟุตบอลยูโร 2004 ที่ลิสบอนก็แสนจะเจ็บปวด แต่ที่นี่ที่เกลเซ่นเคียร์เช่นเลวร้ายกว่าทุกครั้ง ผมนั่งอยู่ที่นั่นก้อนแข็งแล่นขึ้นจุกแน่นในลำคอจนเจ็บไปหมด พยายามฝืนกล้ำกลืนน้ำตาแต่น้ำตาเจ้ากรรมมันก็ยังอุตส่าห์ไหลซึมออกมาจนได้ หลายคนทยอยเดินมาปลอบใจผม เริ่มจากสเวน, สตีฟ และแกรี่ เลวิน เบคส์พยายามฉุดผมขึ้นจากพื้น ขอบคุณพวกสำหรับกำลังใจ แต่ขอเถอะ ได้โปรดปล่อยผมไว้ที่นี่กับความเจ็บปวด “นี่คือฟุตบอลไง” ผมบอกตัวเอง “บางครั้งมันก็แย่ ลืมมันไปซะไว้เดี๋ยวค่อยไปชนะเกมอื่นทีหลังอีกก็ได้” ขณะนั่งอยู่ที่นั่นผมตั้งปณิธานกับตัวเอง คราวหน้าไม่ว่าครั้งไหนที่ต้องยิงจุดโทษอีกผมจะไม่ยอมพลาดอีกแล้ว ผมจะฝังมันลงให้ได้ ผมฝืนลุกขึ้นยืนได้ในที่สุด ลุกเดินตามไปสมทบกับเพื่อนร่วมทีมที่กำลังเดินขอบคุณแฟนบอลที่แสนยอดเยี่ยมของเราไปรอบๆ สนามอย่างโศกเศร้า แฟนบอลต่างพากันลุกยืนปรบมือแสดงความชื่นชมต่อเรา ความชื่นชมที่เราไม่สมควรได้รับ ผมรู้สึกถึงรสขมปร่าในปากเมื่อนึกถึงว่าตัวเองทำให้แฟนบอลแสนวิเศษเหล่านี้ทุกคนผิดหวัง ขอโทษจริงๆ ครับทุกคน พวกเขาตามมาเชียร์เราถึงเยอรมันคอยเป็นกำลังใจให้ทำให้เรารู้สึกเข้มแข็งในช่วงเวลาที่มืดหม่น  ก่อนเกมการแข่งขันทุกเกมเมื่อเรานั่งรถมาจากโรงแรมที่พักจะเห็นแฟนบอลนับพันยืนแถวเรียงรายอยู่ตามข้างทางโบกมือให้เมื่อรถวิ่งผ่าน ทุกๆ เกมไม่ต่างอะไรกับได้เล่นเกมเหย้าที่บ้าน แต่ดูสิเราให้อะไรพวกเขาเป็นการตอบแทน ความเจ็บปวดรวดร้าวใจหนักกว่าเดิม ทำไมเราถึงพลาด มันไม่ใช่ว่าเราพ่ายแพ้ต่อเกมจิตวิทยาของโปรตุเกสแต่เพียงอย่างเดียวก็ในเมื่อทุกๆ คนขนานนามให้กับเราเป็นทีมแข้งทองเรื่องแค่นี้เราต้องรับได้สิ ผมเกลียดที่ต้องพูดอย่างนี้แต่มันคือเรื่องจริงเราล้มเหลว ทีมชาติอังกฤษทำได้แค่เข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลโลก น่าอายเหลือเกิน เหตุผลต่างๆ นาๆ ถูกหยิบยกมาพูดถึง เราเก็บบอลได้ไม่ดี ทำประตูไม่ได้เมื่อมีโอกาส และยิงจุดโทษได้ห่วยแตก จุดโทษบ้าบอ! เราซ้อมยิงจุดโทษทุกวันตลอดหกสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่พอถึงเวลาจริงเราพลาดไปสามจากสี่ครั้งที่เกลเซ่นเคียเช่นแห่งนี้ แม้แต่ลูกยิงลูกเดียวที่ผ่านมือริคาร์โด้ก็ไม่ได้ยิงไปในทิศทางที่โอเว่น ฮากรีฟฟ์เล็งไว้ นักเตะอังกฤษจำต้องทลายกำแพงในใจเรื่องยิงจุดโทษนี่ไปซะ ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็จะต้องออกจากการแข่งขันแต่หัววันแบบนี้อยู่นั่นแล้ว เราควรใช้การแข่งขันเกมกระชับมิตรเป็นเวทีในการฝึกซ้อมยิงจุดโทษในเกมจริง ตอนกรรมการเป่านกหวีดจบเกมแล้วแต่ยังมีผู้คนเต็มสนาม ทีมจัดการของทีมชาติอังกฤษน่าจะต้องพิจารณาหนทางนี้เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่จะฝึกซ้อมยิงจุดโทษในสถานการณ์จริงได้ ก้าวย่างที่หนักอึ้งจากเส้นกลางสนามสู่จุดขาว ความตึงเครียด ความรู้สึกที่ว่าทุกๆ คนจับจ้องมองอยู่บ้างก็ก่นด่าหรือไม่ก็ร้องเชียร์ ในการฝึกซ้อมเรามีแค่เพื่อนนักเตะเป็นคนดูและพวกเขาก็เชียร์เราสุดใจขาดดิ้นมันต่างกันราวฟ้ากับดิน จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:10:21 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เหตุผลแท้จริงที่อยู่เบื้องหลังการที่ทีมอังกฤษโลดแล่นอยู่ในเยอรมันเป็นเวลาสั้นกว่าที่คิดนั้นไม่ซับซ้อนหรอกครับ มันเจ็บปวดที่ผมจะต้องยอมรับเรื่องนี้แต่ก็จำเป็นต้องพูด-เราไม่ดีเท่าที่เราคิดกัน- ง่ายๆ แค่นั้น เมื่อไปเยอรมันอังกฤษเป็นเหยื่อของความมั่นใจเกินตัว มันเป็นโอกาสของเราที่จะชนะฟุตบอลโลก ไม่มีทีมไหนดีกว่าเรา ผมและเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ แบกความกดดันไว้บนบ่าด้วยความคิดฝังหัวว่าต้องเป็นเราแน่ๆ ที่ชนะฟุตบอลโลก โง่ชะมัด! เราหลงตัวเองมากไป อย่าได้ทำอย่างนั้นอีกในรายการแข่งขันทัวร์นาเมนต์อื่นใดที่จะมีต่อไปในอนาคต เราต้องรู้จักถ่อมตัว เงียบๆ ไว้ เราเดินทางไปเยอรมันเป่าด้วยการทรัมเป็ตอึกทึกโกลาหลไปตลอดทาง แต่ตอนขากลับเรามากันอย่างเงียบๆ พูดไม่ออก อับอายขายหน้า ผมกลับอังกฤษโดยไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่ระลึกนอกจากความเสียใจอย่างสุดซึ้ง และก็ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว ผมได้พูดคุยกับเพื่อนนักเตะร่วมทีมชาติและเราทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเราทุกคนไม่มีใครสักคนที่ทำได้ดีพอ ไม่มีใครกลับมาโดยคิดอยู่ในหัวว่า  “ฉันเล่นดีอยู่คนเดียว แต่คนอื่นๆ นั่นล่ะที่ห่วยเกินทนถ่วงฉันไว้” เราทำพังกันทุกคน และนั่นก็เป็นสาเหตุว่าทำไมบรรยากาศในห้องแต่งตัวที่เกลเซ่นเคียเช่นถึงได้เลวร้ายสุดทน ความหดหู่ปกคลุมไปทั่วสถานที่แห่งนั้น ผมไม่เคยเจอบรรยากาศเลวร้ายในห้องแต่งตัวครั้งไหนมืดหม่นเท่าที่นี่ ทั้งห้องเงียบงัน นานๆ ครั้งจะได้ยินเสียงรองเท้าถูกถอดขว้างลงพื้นกับคำสบถเป็นระยะๆ ดังแทรกขึ้นมา สเวนผิดหวังเหลือเกิน สื่อมวลชนสร้างภาพเขาว่าเป็นผู้จัดการที่เย็นชาไร้อารมณ์แต่นั่นไม่จริงเขาเจ็บปวดหนักไม่แพ้ใครที่เกลเซ่นเคียร์เช่น พวกสื่อพุ่งเป้าโจมตีไปที่สเวนทั้งหมดซึ่งไม่เป็นธรรมเลย นักเตะทุกคนที่เดินข้ามเส้นขาวเข้าไปในสนามล้วนแล้วแต่มีส่วนร่วมรับผิดชอบกับสเวนต่อผลงานที่ล้มเหลวของทีมชาติอังกฤษ ผมเองยังมีโอกาสจะแก้ตัวกับทีมอังกฤษ น่าเสียดายที่สเวนไม่มีโอกาสแล้ว จบแค่นั้น ผมเศร้าใจที่ต้องเห็นเขาจากไป ผมรักการทำงานร่วมกับเขาชายผู้เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ แน่นอนว่าสเวนเป็นคนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ผมพัฒนาฟอร์มการเล่นขึ้น ปรับปรุงวิธีการเล่นการยืนตำแหน่งของผม เน้นให้เห็นความสำคัญของการดึงจังหวะครองบอล สเวนเชื่อมั่นในตัวผมเสมอซึ่งนั่นเป็นหนี้บุญคุณที่ผมจะจดจำเอาไว้เสมอ ผมนับถือในตัวเขาอย่างลึกซึ้ง สเวนพาเราเข้าไปเล่นรอบควอเตอร์ไฟนั่ลได้ตลอดในการแข่งขันหลายๆ รายการแต่น่าเสียดายที่เราไม่เคยไปไกลกว่านั้น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมเสียใจอย่างสุดซึ้ง ผมทำให้สเวนผิดหวัง ผมหวังเหลือเกินว่าผมน่าจะยิงประตูได้ ยิงจุดโทษให้เข้าพาทีมอังกฤษเข้ารอบรองชนะเลิศให้ได้ที่เยอรมัน ผมอยากทำให้เขายิ้มได้ด้วยประตูชัยของผมเพราะสำหรับผมเขาเป็นคนที่ดียอดเยี่ยมไม่แพ้ใคร กระนั้นเราก็รู้ดีว่าสเวนมีส่วนในความล้มเหลวของทีมชาติอังกฤษไม่น้อย เขาเองก็รู้แก่ใจ ผมไม่คิดว่าเขาระวังตัวแจจนเกินไปอย่างที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ผมเองก็เข้าใจและออกจะเห็นด้วยกับคำวิจารณ์บางส่วนที่มีต่อเขา การตัดสินใจบางอย่างของเขาไม่ถูกต้องนักอย่างเช่นการที่เขาไม่เรียกกองหน้าติดทีมให้ครบห้าคน และไม่ควรอย่างยิ่งที่เขาตัดสินใจเลือกธีโอร่วมทีมไปเยอรมัน นอกจากธีโอดูเหมือนว่าสเวนก็ตั้งใจจะไม่เลือกใช้งานผู้เล่นบางคนในทีมด้วยเหมือนกัน ในแผงกองกลางเรามีนักเตะสามหรือสี่คนที่มีสไตล์การเล่นแบบเดียวกันเปี๊ยบ ซึ่งสเวนไม่เคยแสดงทีท่าว่าจะสนใจใช้งานเขาในสนาม ก็แล้วอย่างนั้นจะเรียกพวกเขาติดทีมมาด้วยทำไม เลือกแค่คนที่จะใช้งานมาก็พอสิแล้วก็เติมกองหน้าอีกสักคนไปแทนนั่นน่าจะดีกว่า จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:10:47 ]

ความคิดเห็นที่ 23 การถอนทัพจากเยอรมันเริ่มต้นที่การกลับโรงแรมบือเล่อโฮเฮ่อ เพื่อเก็บข้าวของ ดึกมากแล้วตอนที่เรากลับถึงโรงแรมแต่สเวนก็ขอให้เรามารวมตัวกันเราประชุมกันอยู่ราวสิบห้านาที “ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนที่ทุกๆ คนมีให้” เขากล่าว “ก่อนหน้านี้ผมเชื่อมั่นจริงๆ ว่าปีนี้จะเป็นปีของเรา แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเราต้องตกรอบเพราะแพ้จุดโทษอีกครั้งแล้ว เราควรได้เข้าถึงรอบสี่ทีมเป็นอย่างน้อย ขอให้ทุกคนโชคดี” จากนั้นสเวนหันไปหาสตีฟ แมคลาเรนผู้สืบทอดตำแหน่งของเขา “สตีฟ ขออวยพรให้คุณโชคดีนะ” สเวนกล่าวอำลาอย่างมีเกียรติ เขาเดินไปรอบๆ เชคแฮนด์อำลานักเตะทุกคน เช้าวันรุ่งขึ้นที่ล็อบบี้ขณะกำลังเช็คเอาท์ผมได้เจอสเวน ได้คุยกับเขาอีกครั้ง “ทำอย่างที่ทำอยู่ต่อไปนะสตีเว่น” เขาบอกผม “สนุกกับมัน เราคงได้พบกันอีก” “ขอบคุณครับสเวน” ผมตอบ “ขอให้คุณโชคดีกับทุกทางที่คุณเลือกเช่นกันครับ” ช่างเป็นช่วงเวลาอันแสนเศร้า ผมไม่อาจสรรหาคำพูดมาอธิบายกับสเวนได้ว่าผมรู้สึกอย่างไร ผมร่วมหัวจมท้ายกับเขามานานกว่าห้าปี การต้องสูญเสียคนแบบเขาไปเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจ สเวนเป็นคนที่ดีที่สุดที่ผมเคยพบมาคนหนึ่ง เต็มไปด้วยความรัก เขาเป็นคนคุยด้วยสนุก เป็นผู้จัดการทีมคนหนึ่งที่ผมจะคิดถึงจริงๆ เขามีข่าวฉาวน่าอายในหน้าหนังสือพิมพ์ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อเขาแต่ทุกๆ คนก็มีเรื่องส่วนตัวกันทั้งนั้น สเวนก็เป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง และเขาก็ได้รับบทเรียนจากการทำงานในตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติอังกฤษว่าในฐานะแบบนี้เราต้องระมัดระวังให้มากๆ ในทุกเรื่องเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเราแม้จะเป็นชีวิตส่วนตัวไม่เกี่ยวกับการงานก็ตามที สเวนไปจากทีมชาติอังกฤษ เบคส์ก็ก้าวลงจากตำแหน่งกัปตันทีม นับเป็นจุดสิ้นสุดแห่งยุค ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเบคส์คิดอะไรของเขาที่ยอมถอดปลอกแขนแบบนั้น ผมอยู่ที่ห้องพักในโรงแรมบือเล่อโฮเฮ่อ ในเช้าวันอาทิตย์กำลังเก็บข้าวของใจก็นึกไปถึงวันพักร้อนที่กำลังจะมาถึงตอนที่เห็นภาพเบคส์ในงานแถลงข่าวทางทีวี ตอนแรกผมคิดว่าเขาคงจะให้สัมภาษณ์อะไรนิดหน่อยพูดถึงความรู้สึกความผิดหวังของพวกนักเตะอะไรพวกนี้ แต่แล้วผมก็ต้องตกตะลึงเมื่อได้ยินเขาประกาศว่าเขาขอยุติหน้าที่กัปตัน แต่เมื่อนึกย้อนไปในตอนนี้ผมก็เข้าใจดีว่าเบคส์สละตำแหน่งในเวลาที่เหมาะสมแล้ว เขานำทีมชาติอังกฤษสู้ศึกฟุตบอลทัวร์นาเม้นต์ใหญ่มา 3 รายการแล้วและตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมาตลอด สำหรับผม ผมจะจดจำเขาในฐานะกัปตันผู้ยิ่งใหญ่ตลอดไป เบคส์รักงานของเขา ผมรู้ดีว่าเขาจะต้องเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องละทิ้งปลอกแขนอันทรงเกียรติ กระนั้นผมก็ยังอุ่นใจเมื่อได้เห็นเขาอ่านแถลงการณ์ประกาศว่าอย่างไรก็ดีเขาก็ยังพร้อมจะรับใช้ทีมชาติอังกฤษในฐานะนักเตะต่อไป เบคส์มีประโยชน์ต่อทีมเป็นอย่างมากไม่ว่าเขาจะลงเล่นเป็นสิบเอ็ดตัวจริงให้กับทีมหรือไม่ก็ตาม แต่นับจากนี้มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสตีฟ แมคลาเรน ผมคอยติดตามข่าวการควานหาตัวผู้จัดการทีมชาติคนใหม่ของเอฟเอด้วยความสนใจมาโดยตลอด ผมไม่สนหรอกว่าผู้สืบทอดตำแหน่งของสเวนจะเป็นชาวอังกฤษหรือไม่ ใครก็ได้ที่เป็นมือดีที่สุดก็เลือกเขามาทำงานเถอะ แต่ผมก็ดีใจสุดๆ ที่เอฟเอตัดสินใจเลือกสตีฟเข้ารับตำแหน่ง จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:12:25 ]

ความคิดเห็นที่ 24 กระนั้นผมก็ลุ้นหนักขอให้เขาเชื่อมั่นในตัวผมเหมือนที่สเวนเชื่อ สตีฟรู้จักเกมของผมเป็นอย่างดีเขาสามารถจะดึงจุดเด่นที่สุดของผมออกมาใช้งานได้แน่ ผมนับถือเขา สำหรับใครต่อใครที่กังขาในศักยภาพของเขาควรให้โอกาสกับเขาก่อน ขณะที่เขาทำงานอย่างหนักเพื่อนำพาทีมชาติอังกฤษไปสู่การแข่งขันรายการใหญ่รายการต่อไป ฟุตบอลยูโร 2008 ผู้คนควรตัดสินเขาจากสิ่งที่เขาคิดและความเปลี่ยนแปลงที่เขาทำให้เกิดขึ้น ไม่ใช่ตัดสินจากผลงานที่เขาทำตอนช่วยงานสเวน ในตอนนั้นสเวนเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆ ส่วนสตีฟเองก็ทำหน้าที่ได้ดีในฐานะโค้ช ภายใต้การคุมทีมของสเวน สตีฟเองได้ฝึกฝนเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย และเขาไม่เป็นสองรองใคร ผลงานการโค้ชของเขาชั้นหนึ่ง ผมมักจะออกจากสนามซ้อมด้วยความคิดในใจว่า “ฉันชอบการซ้อมวันนี้จริง” บางคนอาจอ้างว่าสตีฟทำงานโค้ชได้ดีกว่าเป็นผู้จัดการทีม ขอเถอะ! ความคิดนั้นไม่ได้ความ เขาได้พิสูจน์ตัวเองมาแล้วกับทีมมิดเดิลส์โบรห์ว่าเขาเป็นผู้จัดการที่ดีพอๆ กับเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม เขายายามอย่างหนักที่จะช่วยให้ผมพัฒนาฝีเท้า และค่อยๆ ปรับทีมให้เป็นรูปเป็นร่างไปในเวลาเดียวกัน นั่นนับเป็นการจัดการที่ดี เขาซื่อตรง จากที่ได้ทำงานร่วมกับแมคลาเรนมา ผมมั่นใจว่าทีมชาติอังกฤษได้คนที่เหมาะสมแล้วมาคุมทีม ผมฟังสิ่งที่สตีฟพูดมาโดยตลอด และ 99.9 เปอร์เซ็นต์ของสิ่งที่เขาพูดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เขารู้งานของตัวเอง และเขากระตุ้นเราได้ดีกว่าที่สเวนทำแน่ ก็เขาน่ะเสียงดังกว่า โวยวาย และมีชีวิตชีวากว่า เขาปราศรัยกับผู้เล่นทีมชาติได้ใจมากๆ และเขายังเก่งเรื่องตัวต่อตัวด้วย เขาสมควรได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นมาคุมทีมชาติอังกฤษถ้าหากเขาไม่ได้เป็นผู้จัดการก็เท่ากับว่าเรามองข้ามเขาไป สตีฟจะช่วยพัฒนาทีมอังกฤษชุดนี้ได้แน่ แต่ผมขอละเว้นไม่คาดการณ์ใดๆ เรื่องยูโร 2008 นะครับ บทเรียนจากเยอรมันสอนผมว่าต้องระมัดระวังตัวให้มากที่จะพูดอะไรต่อหน้าสาธารณชน ความพ่ายแพ้ในฟุตบอลโลกทำร้ายผมอย่างแรงผมต้องหาทางสลัดมันให้หลุดให้ได้โดยเร็ว หลังจากจบการแข่งขันฟุตบอลโลกอย่างรวดเร็วผมก็พาอเล็กซ์ไปแซงต์โตรเปซ์  (เมืองตากอากาศริมฝั่งริเวียร่า ประเทศฝรั่งเศส) แค่ผมกับอเล็กซ์สองคนเท่านั้นพักผ่อนเต็มรูปแบบห้าวันเต็มตามคำสั่งของแพทย์ ถึงอย่างนั้นผมก็รู้ดีว่าไม่มีความสุขสบายใดๆ จะช่วยเยียวยาความรู้สึกผิดหวังกับฟอร์มการเล่นในฟุตบอลโลกของตัวเองได้เลย ในคืนสุดท้ายของเราที่ฝรั่งเศส วันที่ 9 กรกฎาคม ค.ศ. 2006 ผมอดใจไม่เปิดทีวีดูฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศไม่ได้ อเล็กซ์ไม่มีปัญหากับส่วนเกินนี้ในการพักร้อนแสนโรแมนติกของเราหรอกเพราะเธอมัวแต่วุ่นวายกับการเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน ผมก็เลยได้นั่งเฝ้าทีวีดูเกมที่ฝรั่งเศสพ่ายต่ออิตาลี นอกจากประตูที่ยิงกันตั้งแต่ต้นเกมส่วนที่เหลือผมว่าเกมสูสีเสียจนอิตาลีกับฝรั่งเศสอาจต้องสู้กันยาวนานต่อเนื่องยังไม่จบเกมมาจนถึงทุกวันนี้ก็เป็นได้หากต้องการหาผู้ชนะเด็ดขาดที่แท้จริง แต่แล้วผมก็ต้องตะลึง อึ้งไปเลยกับเฮดบัตต์ที่ซีดานโขกเข้าใส่มาร์โค มาเตรัซซี่ แม้ผมจะชื่นชมซีดานเอามากๆ และเข้าใจดีว่าเขาถูกยั่วยุก่อน แต่พูดตามตรงจู่ๆ เราจะไปทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก มันบ้าสิ้นดี ทีมชาติฝรั่งเศสน่าจะได้ประโยชน์จากซีดานหากเขายังอยู่ในสนามจนถึงการยิงจุดโทษตัดสิน การต้องมานั่งดูการยิงลูกโทษอีกทำให้ภาพความทรงจำที่เจ็บปวดย้อนกลับมาอีกครั้ง เมื่อได้เห็นพวกอิตาลีฉลองกัน ผมก็เอาแต่คิดว่า “นั่นจะเป็นเรายังได้” ทั้งอิตาลีและฝรั่งเศสไม่ได้ทำผลงานโดดเด่นอะไรไม่มีอะไรที่พวกเขาจะทำให้ทีมอังกฤษอย่างพวกเราตื่นกลัว แต่พวกเขาก็ก้าวมาจนถึงนัดชิง ข้อเท็จจริงนี้ยิ่งทำให้ผมปวดร้าวหนักกับผลงานของทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลก 2006 ***** จบบทที่ 21 **** จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 25 บทที่ 22 อนาคตของผม ใครคนหนึ่งเล่าว่าขณะทีมชาติอังกฤษกำลังเดินขอบคุณแฟนบอลรอบสนาม ตอนที่ผมก้าวเดินผ่านตำแหน่งยิงจุดโทษในสนามเป็นเวลาเดียวกับที่ดีเจในเกลเซ่นเคียร์เช่นกำลังเล่นเพลง “I Will Survive – ฉันจะรอด” ซึ่งผมเองจะเป็นเช่นนั้น จะมีชีวิตอยู่รอดต่อไป อนาคตของผมดูจะมั่นคง ผมกับอเล็กซ์วางแผนจะแต่งงานช่วงซัมเมอร์ปี 2007 กับความปรารถนาว่าจะมีลูกชายสักคนไว้เล่นฟุตบอลด้วยกัน จากนี้ไปยังมีงานอีกมากต้องทำในการสร้างทีมชาติอังกฤษขึ้นมาใหม่ภายใต้การนำของสตีฟ แมคลาเรน เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2006 สตีฟขอให้ผมรับตำแหน่งรองกัปตันเป็นกำลังเสริมให้กับจอห์น เทอรี่ นับเป็นเกียรติอย่างสูงซึ่งผมยินดีตอบรับในทันที เจทีและสตีฟโปรดรับรู้เถิดว่าพวกเขาจะคาดหวังการทุ่มเทเต็มกำลังเต็มหัวจิตหัวใจจากผมได้เสมอ ยังมีถ้วยรางวัลอีกมากมายรอให้ผมไขว่คว้ามาครองร่วมกับราฟาและลิเวอร์พูล และสักวันหนึ่งข้างหน้าผมก็ปรารถนาจะได้คุมทีมลิเวอร์พูล ผมอยากจะอยู่รับใช้ลิเวอร์พูลไปตลอดไม่ว่าจะในฐานะไหน ผมกำลังเรียนรู้จากราฟาและค่อยๆ มองหาหนทางจะสร้างตัวในฐานะโค้ชในภายภาคหน้า นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมต้องการมากที่สุด ‘ได้ทำทุกอย่างเพื่อลิเวอร์พูล’ ผมกับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลสิ่งที่เรามอบให้แก่กันคือ หัวใจรัก รักซาบซึ้งแสนหวานที่จะยืนยงคงมั่นไม่มีวันจืดจางตลอดกาล **** จบบริบูรณ์ **** จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:13:54 ]

ความคิดเห็นที่ 26 Credit: รายชื่อทีมงานผู้แปลในแต่ละบท จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:14:39 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ส่งท้ายจากคนโพส ขอบคุณทีมแปลที่มี คุณ jigij เป็นหัวเรือใหญ่พร้อมผู้ช่วยทั้งหลายต่อไปนี้ คุณ yumesan คุณ araika คุณ sumire คุณ AUDAC!TY และคุณ Finnegan 'Finn' Bell ที่ช่วยกันแปลหนังสือเล่มนี้ออกมาให้อ่านสนุก ได้อรรถรส  หวังว่าจะได้เห็นผลงานต่อไปของทีมแปลอีกนะครับ ขอบคุณ คุณชิวเทียน ที่ช่วยจัดหน้าและโพสเนื้อหาบทที่ 16 ขอบคุณ คุณkaraokeGirl ที่ช่วยจัดหน้าและโพสเนื้อหาบทที่ 17 และ 20 ขอขอบคุณไปยังทีมงานอื่นๆที่ช่วยแต่ไม่ประสงค์จะออกนาม และขอขอบคุณแฟนหงส์และแฟนเจอร์ราร์ดที่ติดตามผลงานนี้มาตั้งแต่ต้นจนจบ  หากมีข้อผิดพลาดหรือไม่ถูกใจ ที่ปล่อยให้รอนานเกินไปก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:16:17 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สุดท้าย เราคงไม่อาจลืมบรรดาผู้กล้าหาญเหล่านี้ที่เสียสละหน้าตาหล่อๆสวยๆมาช่วยเร่งให้คนโพสรีบออกมาโพสบทต่อๆไป คุณ หงส์แดงตะแคงฟ้า คุณ mars.src คุณ หงส์โหด คุณ Between Angels And Insects   คุณ karaokeGirl   คุณ i am tabo คุณ nando19 คุณ จันทร์อุ้ม คุณ PaKKaNa หากปราศจากบุคคลข้างบนนี้ คนโพสคงอู้ต่อได้อีกหลายวัน จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:17:59 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณมากๆครับ ขอบคุณทุกๆท่านที่ช่วยกันแปลมาให้อ่านกันครับ จากคุณ : ยุง บิน ชุม - [ 3 ก.ค. 50 13:22:49 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอขอบคุณทีมงานทุกท่านจากใจจริงค่ะ _/|\_ ขอบคุณ T-I-A (This is Anfield) ด้วยค่ะ ที่ทำให้เราได้มาเจอกัน ขอบคุณคุณ  toggae095  ที่ริเริ่มจัดตั้งคลับ ทำให้ได้รู้จักเพื่อน ๆ มากมาย ถ้ายังไงมีกิจกรรมดี ๆ อย่างนี้อีก ถ้าสิ่งไหนที่พอจะช่วยได้ก็ยินดีค่ะ ^ ^ ========== ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ปล.ไฟล์ทั้งหมด ท่านหยวนจะจัดส่งให้ทาง E-Mail ใช่ไหมคะ ^ ^ จากคุณ : karaokeGirl - [ 3 ก.ค. 50 13:26:27 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อ่านจบแล้วมาแลกเปลี่ยนกันนะครับว่า ใครประทับใจกับเนื้อหาอะไร ตอนไหนในหนังสือเล่มนี้บ้าง ส่วนตัวครั้งแรกที่อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษก็รู้สึกชอบมากๆ เพราะว่า เขียนออกมาได้สนุก มีมุขตลกแบบสเก๊าเซอร์แทรกอยู่ตลอด ขนาดบางตอนที่ซีเรียส เจิดยังอุตส่าห์แทรกมุขตลกไว้ด้วย ทำให้อ่านแล้วไม่เบื่อเลย หลังจากมาอ่านฉบับแปลแล้วก็ยังคิดว่า ถอดความออกมาโดยรักษาความสาระและความฮาของหนังสือไว้ได้ครบถ้วน ตรงนี้ต้องขอชื่นชมทีมแปลทุกคนครับ ส่วนตอนที่ชอบก็คงเรื่องเกี่ยวกับ เส้นทางสู่อีสตันบูล และ ปาฎิหารย์แห่งอีสตันบูล อีกอย่างนึงก็คือ อ่านแล้วเริ่มรู้สึกว่า ทางด้านสภาพจิตใจแล้ว เจิดเราไม่ค่อยเหมาะจะเป็นกัปตันทีมเท่าไหร่ เพราะอ่อนไหวง่ายเหลือเกิน ดูแล้วเหมือนเด็กยังไม่โต จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:29:01 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : GUTI THE KOP - [ 3 ก.ค. 50 13:29:23 ]

ความคิดเห็นที่ 33 จบซะแล้ว ... ขอบคุณทีมงานทุกๆท่านอย่างสูงครับ ^ ^ จากคุณ : สายฟ้าสีเพลิง - [ 3 ก.ค. 50 13:31:23 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณทีมงานที่เกี่ยวข้องทุกท่านเลยครับ ^^ จากคุณ : noome - [ 3 ก.ค. 50 13:35:54 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เรื่องไฟล์ทั้งหมด เนื่องจากมันมีการแก้และใส่ Script ของพันทิป ลงไปในไฟล์ต้นฉบับแล้ว ทำให้รูปแบบการจัดหน้าในไฟล์ Word มันมั่วๆ อีกทั้งบางตอนก็แก้สดๆในเวบ โดยไม่ได้เซฟลงต้นฉบับ ตอนนี้ผมไม่มีเวลาว่างพอจะจัดหน้าเอกสารในไฟล์ Word ครับเพราะอาทิตย์หน้าต้องเดินทางไกล หากมีใครอาสาอยากจะรวมร่างเพื่อแจกแฟนๆหงส์ให้ ติดต่อมาละกันครับ จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 13:36:00 ]

ความคิดเห็นที่ 36 จบซะแล้ว ขอบคุณทุกคนมากๆค่ะ สุดท้ายพี่เจิดก็อยากจะเป็นโค้ชจริงๆ (ยังแอบโรแมนติกจนบทสุดท้าย) ปล.เอ่ นักเตะต่างชาติ ซ้อมพุ่งล้ม อื่ม ^^ จากคุณ : i am tabo - [ 3 ก.ค. 50 13:43:21 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณนะค่ะ    ^ - ^ จากคุณ : LVPknight - [ 3 ก.ค. 50 13:46:58 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณทีมงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนค่าาาาา อ่านบทนี้แล้วได้บรรยากาศบอลโลกเมื่อ 1 ปีก่อนหน้านี้สุด ๆ ถึงจะไม่ได้และไม่เคยเชียร์อังกฤษ (ฮา) แต่ก็ตั้งใจดูพี่เจิดเล่นทุกนัด :P เลือกเีชียร์เฉพาะนักเตะลิเวอร์พูล อ้อ Hargreaves ด้วยอีกคน เพราะตอนนั้นยังเป็นเด็กเสือใต้ ส่วนตัวแล้วนอกจากบท"ปาฎิหารย์แห่งอีสตันบูล"แล้ว ที่ชอบมากอีกก็เป็นบทแรก ๆ สมัยพี่เจิดยังละอ่อน ยังไม่ได้ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ เพราะรู้สึกมีความทรงจำ รู้สึกอินไปด้วย เวลาอ่านที่พี่ีเจิดเขียนถึง God, Jamie, Mcca, Rush และถึงบรรดานักเตะในยุคนั้นอีกหลายคน -ซึี่งเป็นยุคแรก ๆ ที่เริ่มดูบอลและเริ่มชอบลิเวอร์พูล- อ่านแล้วได้บรรยากาศ เห็นภาพชัดเจนเลย แอบขำแล้วก็อึ้งเหมือนกัน ที่รู้ว่าพี่เจิดอ่อนไหวและติดบ้านมาก อุ อุ ไม่น่าเชื่อ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 50 14:05:29 จากคุณ : ชิวเทียน - [ 3 ก.ค. 50 14:02:55 ]

ความคิดเห็นที่ 39 หากมีใครอาสาอยากจะรวมร่างเพื่อแจกแฟนๆหงส์ให้ ติดต่อมาละกันครับ จากคุณ : K.Ruan ^ ^ ส่งไฟล์ทั้งหมดมาค่ะ ^ ^ ที่เก่าเวลาเดิมนะคะ จากคุณ : karaokeGirl - [ 3 ก.ค. 50 14:07:01 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ชอบบทที่อิสตันบูลค่ะ ^ ^ แล้วก็ FA Cup ที่มิลเลเนียม ^ ^ ชอบเพราะเราชนะค่ะ พอชนะแล้วก็ทำให้มีความสุข ทำให้พี่เจิดเล่ามาแต่เรื่องที่ทำให้มีความสุข ^ ^ สนุกจริง ๆ ค่ะ จากคุณ : karaokeGirl - [ 3 ก.ค. 50 14:27:34 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ชอบบท"ปาฎิหารย์แห่งอีสตันบูล"ที่สุดค่ะ คงเพราะอ่านแล้วได้อารมณ์ และภาพความทรงจำเดิมก็ยังอยู่ในใจค่ะ ยิ่งอ่านแล้วก็ยิ่งรู้สึกตอกย้ำความรู้สึกไปอีก ปล.อ่านแล้วทุกครั้งเลย แทบจะทุกบท เราคิดถึงไมเคิล โอเว่นค่ะ จากคุณ : i am tabo - [ 3 ก.ค. 50 14:30:28 ]

ความคิดเห็นที่ 42 มาถึงตอนจบแล้วหนังสือกัปตันเจิด jigij ผู้ริเริ่มแปล ขออนุญาตใช้พื้นที่บทส่งท้ายนี้ขอบคุณเพื่อนชาวหงส์ทุกท่านที่มาช่วยแปลนะคะ ทีมแปล คุณ yumesan คุณ araika คุณ sumire คุณ AUDAC!TY คุณ Finnegan 'Finn' Bell และทีมโพสต์ K.Ruan คุณ ชิวเทียน คุณ Karaokegirl ขอบคุณมากๆ ค่ะ น้ำใจจากทีมแปลและทีมโพสต์ที่เสนอตัวมาช่วยทำงานนี้จนเสร็จอย่างอบอุ่น jigij ซาบซึ้งจริงๆ ค่ะ น้ำใจจากเพื่อนๆ ทุกคนที่ได้รับทำให้ยิ่งรู้สึกได้เลยว่า สำหรับเดอะ ค็อป อย่างพวกเรา ไม่ว่าจะเรื่องไหน สถานการณ์ไหน คำพูดที่ว่า You’ll never walk alone ก็ยังเป็นจริงและใช้ได้เสมอ ปล 1  เท้าความนิดนึงที่มาของโปรเจคนี้ไม่มีอะไรมากกว่า jigij รักเจิดมาก ก็เลยตัดสินใจเอาเรื่องราวน่ารักๆ ของกัปตันมาให้แฟนหงส์ และแฟนบอลได้อ่านกัน หวังว่าจะมีคนมารักพี่เจิดกันอีกเยอะๆ นะค๊า ปล 2 พี่เจิดอ่อนไหวก็จริงแต่ก็เป็นธรรมดาของมนุษย์น๊า สำหรับ jigij คิดว่าในอาณาจักรหงส์แดงของเราบักเจิดน่ะเปรียบเหมือนเจ้าชาย ส่วนคาร่าก็เป็นอัศวินที่คอยปกป้องอาณาจักรด้วยใจที่เข้มแข็งน่ะค่ะ หงส์ของเราโชคดีจริงๆ ที่ได้ใช้คุณสมบัติของทั้งสองคนนี้อย่างลงตัว ปล.3 รออ่านประวัติคาร่าเป็นรายต่อไปค่ะ (คนนี้รักที่ซู้ด) แต่คาร่าออกปากไว้ว่าจะเขียนหนังสือประวัติก็ต่อเมื่อแขวนสตั๊ดแล้ว ต้องรออีกนานเลยเรา อ้อ! อีกหลายๆ คนที่จะลืมขอบคุณไม่ได้เลยคือผู้อ่านทุกท่าน ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่านร่วมหัวจนท้ายกันมาจนจบเล่มค่ะ ในส่วนของการแปลถ้าผิด บกพร่อง ไม่สมบูรณ์ตรงไหน jigij ขออนุญาตเป็นตัวแทนผู้แปลขออภัยผู้อ่านทุกท่านมา ณ ที่นี้ นะคะ จากคุณ : jigij - [ 3 ก.ค. 50 14:39:48 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ติดตามมาตลอด แม้ไม่ได้โพสตอบเลย.... ตั้งใจว่าถึงบทสุดท้ายจะกล่าวว่า... ขอบคุณมากจริงๆครับ ที่สละเวลามาเติมสิ่งดีดีให้เพื่อนๆทีมรัก ขอบคุณที่ทุกท่านทุกคน ที่ช่วยกันสร้างตำนานดีดีให้พวกเราได้ชื่นชม... อยากจะเอ่ยอย่างนี้ครับ จากคุณ : Yuchitin - [ 3 ก.ค. 50 14:59:04 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณทีมแปล + ทีมโพสต์มั๊กๆ ค่ะ อ่านแล้วประทับใจ ชอบทุกบทเลย You’ll never walk alone ... ^_^ จากคุณ : Kiss_moon - [ 3 ก.ค. 50 15:00:38 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบพระคุณสำหรับทุกๆท่านที่มีส่วนร่วมในน้ำใจครั้งนี้ ขอบคุณมากครับ ^_^ จากคุณ : ชิววี่ - [ 3 ก.ค. 50 15:07:17 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ....คำขอบคุณ มากเกินจะโพสต์ได้หมดค่ะ ขอขอบคุณทีมงานแปล และทีมโพสต์(+ทีมเร่ง) ทุกท่านมากนะคะ ที่ทำให้ได้อ่านเรื่องดีๆแบบนี้.. และที่สุด ขอขอบคุณ Steven Gerrard ที่เขียนเรื่องดีๆเรื่องนี้ขึ้นมาค่ะ ^ ^ จากคุณ : Abandoned Star - [ 3 ก.ค. 50 15:07:43 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอขอบคุณทีมงานทุกคนนะคับ ที่อุตสาห์ยอมสละหลายๆอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่ง GERRARD MY AUTOBIOGRAPHY Thai version ให้พวกเราๆได้อ่านกัน คารวะพวกท่านด้วยใจจริงๆครับ จากคุณ : coconus007 (coconus007) - [ 3 ก.ค. 50 15:11:08 ]

ความคิดเห็นที่ 48 และแล้วตอนจบก็มาก่อนตอเรสย้ายทีม ขอบคุณทุกคนมากๆๆๆๆๆครับ   ดีใจที่ได้อ่านตอนจบ  แต่รู้สึกเศร้าใจที่มันจบซะแล้ว  ต่อไปจะได้ติดตามอ่านอะไรอีกล่ะนี่  จะต้องรออ่านอะไรอีกละนี่  ทุกวันนี้ก็เบื่ออ่านข่าวว่าตอเรสจะย้ายๆๆๆๆๆแล้ว  ไม่รู้เมื่อไหร่จะมาจริงๆซะที เฮ้อ!!!!!  จบซะแล้ว ชอบทุกบท  แต่ที่รู้สึกดีคือ เจิดอยากอยู่กับลิเวอร์พูลต่อไป  และอยากเป็นโค้ชกับลิเวอร์พูลต่อไปอีกด้วย จากคุณ : *~เอาฮา-..-อย่าซีเรียส~* - [ 3 ก.ค. 50 15:17:22 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณทีมงานทุกคนที่มีส่วนร่วมในการแปลครั้งนี้ค่ะ ทำให้เราได้รู้จักกัปตันทีมของเรามากยิ่งขึ้น ทั้งด้านมืด ด้านฮา มีครบทุกรสจริงๆ หวังว่าจะมีเรื่องราวดีๆ ของนักเตะคนอื่นๆ ให้ได้อ่านอีก จากคุณ : จันทร์อุ้ม - [ 3 ก.ค. 50 15:35:02 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณทีมงานมากๆครับ จบแล้ว ... อยากอ่านอีกจัง จะรออ่านของคาร์ร่านะ อิอิ จากคุณ : คุณลุงมาดขรึม - [ 3 ก.ค. 50 15:51:32 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณมากครับ ติดตามดูจนจบเลย จากคุณ : สวี่เหวินเฉียง - [ 3 ก.ค. 50 15:58:32 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เก่งมากๆเลย ขอบคุณจริงๆค่ะ ที่สละเวลาแปลให้อ่านกัน จากคุณ : barbiedd - [ 3 ก.ค. 50 16:12:45 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Ryuichi - [ 3 ก.ค. 50 16:14:32 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณมากมากค่ะ ไม่รู้ว่าจะบอกว่าอย่างไรดี หากไม่ได้พวกคุณ เราก็อาจจะไม่มีโอกาสได้อ่านเรื่องราวที่น่าอะศจรรย์แบบนี้ อ่านแล้วรู้สึกรักพี่เจิดมากขึ้นไปอีกจากที่รักมากกกกกอยุ่แล้ว อันที่จริงที่บอกว่าพี่เจิดมีอ่อนไหวมากจนไม่น่าจะเป็นกัปตันทีมได้ อันนี้ตอนอ่านบทที่ 1 - 19 ก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ แต่พอได้อ่านบทที่ 20 จนถึงบทสุดท้ายแล้ว ทำให้รู้สึกว่าจริง ๆ แล้วพี่เจิดของเราก็เป็นคนที่เข้มแข็งและฮึกเหิมคนนึงเหมือนกัน อาจด้วยพี่แกเขียนเล่าเรื่องราวตั้งแยงเป็นเด็กจนถึงปัจจุบันทำให้เราได้รับรู้ถึงอารมย์แบบเด็ก ๆ ไปด้วยจนโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวมีความคิดรอบคอบมากขึ้นหลังเกมส์ฟุตบอลโลกกับโปรตุเกต ซึ่งทำให้เรามีความหวังได้ต่อไปว่าหากคราวหน้าพี่เจิดของเราจะต้องนิ่งและสุดยอดดดดกว่านี้แน่นอน เหนือสิ่งอื่นใดขอบคุณทีมงานมาก ๆ ค่ะ เหนือคำบรรยายจริง ๆ และที่ขาดไม่ได้เลยต้องขอบคุณความน่ารักและความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของพี่เจิดที่กล้าเล่าเรื่องต่าง ๆ ซึ่งหากจะแต่งเติมให้ดูเหมือนว่าตัวเองแกร่งเข้มเข็งก็ได้ ไม่จำเป็นต้องยอมรับว่ากลัวหรือไม่กล้าอย่างไรก็ได้ แต่พี่เจิดเลือกที่จะเล่าความรู้สึกที่เป็นตัวตนที่แท้จริงออกมา ยังงัยก็รักพี่เจิดขาดใจ............. จากคุณ : Geremy (geremy_n) - [ 3 ก.ค. 50 16:29:33 ]

ความคิดเห็นที่ 55 แม้ไม่ใช่แฟนหงส์ แต่ก็ติดตามอ่านมาตลอด ขอบคุณทีมงานมากๆ ครับ จากคุณ : Myron - [ 3 ก.ค. 50 16:31:16 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณทีมแปล รวมไปถึงคนโพสทุกๆท่าน จากคุณ : narongchai_v - [ 3 ก.ค. 50 16:32:08 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณทีมงานทุกๆๆคนขอบคุณเพื่อนๆทุกคน ขอบคุณลิเวอร์พูล ขอบคุณ Gerrard ที่เขียนเล่าเรื่องราวดีๆๆ ทุกแง่มุมของเขาทำให้เราเข้าใจมากขึ้น ชอบทุกบท เศร้า ก็น้ำตาซึม ฮาก็หัวเราะจนคนรอบข้างเขามองนึกว่าบ้า แอบเศร้า ที่จบ ต่อไปจะมารออ่านอะไรเนี่ย........ จากคุณ : คนอ่อนไหวคนนึง (congcongpat) - [ 3 ก.ค. 50 16:54:59 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณทีมงานทุกๆคนมากมาย ตอนนี้รักทีมงานแปล พอๆกับที่รักเจอร์ราดกะลิเวอร์พูลเลยทีเดียว จากคุณ : No.99 (steviej) - [ 3 ก.ค. 50 17:45:48 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบใจมากนะครับ ที่ช่วยแปล บทความดีๆอย่างนี้มากให้กันอ่านนะครับ ขอบคุณทีมงานทุกท่านด้วยนะครับ จากคุณ : คนโคราช - [ 3 ก.ค. 50 18:19:44 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณทีมงานที่เกี่ยวข้องทุกท่านนะครับ แปลได้ดีมากๆกันทุกท่านเลย อ่านแล้วราบรื่นดีเพลิดเพลินมากเลยครับ จากคุณ : ss2498 - [ 3 ก.ค. 50 18:27:49 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณทีมงานทุกคน  ที่มาแปลให้อ่านนะค่ะ รักพี่เจิดมากๆๆๆๆ   ได้รู้จักคาร่าให้อีกแบบนึง วีรกรรมมันส์ๆๆ  ที่ก๊อดทำไว้ น้ำตาที่อิสตันบูล(ของคนอ่านเอง) ครอบครัวพี่เจิด ดีใจจังที่มีกัปตันทีมที่รักทีมมากกกกกกกกขนาดไหน มีอีกเยอะแยะบรรยายไม่หมด ขอบคุณจริงๆๆค่ะ จากคุณ : daisy@nina - [ 3 ก.ค. 50 18:56:56 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณทีมงานทุกคนคับพ้ม  ส่วนตัวแล้วชอบช่วงต้นๆมากครับ เพราะยังไม่รู้และเหมือนอยู่ในช่วงผจญภัย เก็บเลเวลอยู่ แต่ก็สนุกทุกตอนครับ จากคุณ : Reonard - [ 3 ก.ค. 50 19:16:31 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณทีมงานทุกท่านที่ร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีๆแบบนี้ อ่านครบทุกตอนจนจบบริบูรณ์ ชอบมากครับ คนแปลก็แปลได้สนุก มีสำนวน P.S. คุณ K.Ruan หรือท่านอื่นๆ ที่จะทำการรวบรวม แนะนำให้ทำเป็น PDF ครับ อาจจะแทรกรูปเข้าไปให้สวยงาม เพิ่มความเป็น Stevie G. เข้าไปอีก จากคุณ : ตัวตุ้ย - [ 3 ก.ค. 50 19:19:06 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณทีมงาน YNWA ที่มีส่วนร่วมในการสร้างกระทู้นี้ตั้งแต่ Part แรก จนถึง Part นี้ทุกๆคนค่ะ   เป็นการจบที่น่าประทับใจสุดจะบรรยาย ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ตาลสามต้น - [ 3 ก.ค. 50 19:30:07 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณมากๆ ครับ จากคุณ : โมโม่ (โมโม่จันทร์) - [ 3 ก.ค. 50 19:56:12 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ยังไม่ได้อ่าน ช่วงสุดท้าย แต่ขอบคุณจิงๆขอบคุณจากใจกับความเหน็ดเหนื่อยที่อุตส่าห์นั่งแปล ขอให้ทีมรักของผู้แปลทุกคน ดีกว่าเดิมจากฤดูกาลที่ผ่านมานะครับ ^^ จากคุณ : ปืนโตพันธ์ถึก (ปืนโตพันธ์ถึก) - [ 3 ก.ค. 50 20:17:05 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ฃอบคุณทีมงานทุกคนอย่างมากมาย .........ขอบคุณมากมายค่ะ... จากคุณ : nando19 - [ 3 ก.ค. 50 21:00:05 ]

ความคิดเห็นที่ 68 สวัสดีเพื่อน ๆ อีกรอบค่ะ ^ ^ ตอนนี้ เกะเกิร์ลได้ไฟล์ ที่จัดทำรูปเล่มสวยงามเรียบร้อยแล้วค่ะ โดยได้อภินันทนาการ จากคุณ โมโม่ (โมโม่จันทร์) (ไม่น่าเชื่อนะคะ หนังสือเล่มใหญ่มากกกกกกกกก ประมาณ 319 หน้าค่ะ T_T ) เกะเกิร์ล Print ด้วยเครื่อง Lazer รอประมาณ 15 นาที T_T เยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ทีมงานเราเก่งจริง ๆๆๆๆ ^ ^ แต่เนื่องจากคุณโมโม่ ติดภารกิจค่ะ ^ ^ จึงขอให้เกะเกิร์ลเป็นคนกระจายไฟล์แทน ^ ^ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนอยากได้ หลังไมค์ E-Mail address มาหาเกะเกิร์ลเลยค่ะ                   หลักฐานค่ะ                         V                         V                         V จากคุณ : karaokeGirl - [ 3 ก.ค. 50 21:11:14 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณทีมงานและทุกคนที่เกี่ยวข้องกับงานแปลชิ้นนี้มากๆครับ ถ้าไม่มีพวกท่านกระผมคงไม่มีโอกาสได้อ่านเรื่องราวดีๆแบบนี้ ขอบคุณ จากใจ จากคุณ : Mr.Bushido - [ 3 ก.ค. 50 21:20:12 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณ คุณโมโม่และเกะเกิร์ลมากเลยค่ะ... หลังมือ เอ๊ย!หลังไมค์ไปขอแล้วนะ... จากคุณ : Abandoned Star - [ 3 ก.ค. 50 21:21:33 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เนื่องจากทางคุณ jigij ตั้งใจว่าจะแจกให้กับทุกคนที่ขอมา  และคุณ K.Ruan ขอให้ up ขึ้นเว็บเพื่อให้ download กันได้สะดวก ขอเชิญทุกท่าน download ได้ที่ link ข้างล่างเลยครับ http://www.uploadtoday.com/download/?675553c6e44c59e436ad4a1255f1dfca จากคุณ : โมโม่ (โมโม่จันทร์) - [ 3 ก.ค. 50 21:57:49 ]

ความคิดเห็นที่ 72 brilliant!!!! ขอบคุณหลายฮับ จากคุณ : TB Never Say Never - [ 3 ก.ค. 50 22:05:25 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ด้วยความร่วมมือจากสมาชิกหลายๆคนในนี้ ในที่สุดเราก็ได้ต้นฉบับภาษาไทยที่พร้อมจะพิมพ์เก็บไว้อ่านกัน ขอบคุณ คุณ โมโม่ (โมโม่จันทร์) นะครับ สำหรับไฟล์ที่จัดรูปเล่มสวยงามอย่างดี จากคุณ : K.Ruan - [ 3 ก.ค. 50 22:18:25 ]

ความคิดเห็นที่ 74 มาขอบคุณคุณเกะเกิร์ล กะ คุณโมโม่ (โมโม่จันทร์)อีกทีค่ะ ^^ จากคุณ : i am tabo - [ 3 ก.ค. 50 22:37:15 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณทุกคนมากครับ ... จากคุณ : Between Angels And Insects - [ 3 ก.ค. 50 22:39:56 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณทีมงานทุกท่านครับ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 50 23:03:45 จากคุณ : Mr. Ko-Note - [ 3 ก.ค. 50 23:03:17 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ช่วงนี้เข้าพันทิปแล้วก็น้อยใจ... ทำไมน้อ มีแต่คนดีใจที่ตอเรสจะมา ไม่เห็นมีใครเสียใจที่เห็นการ์เซียจะไปเหมือนเราสักคน มีแต่กระทู้เจิดเนี่ยแหละน๊า ที่ทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ขอขอบคุณคุณjigijที่เริ่มโครงการนี้และเป็นหัวแรงใหญ่ในการแปลนะคะ ช่วงเวลาแบบนี้ กระทู้นี้ช่วยได้ดีทีเดียว (เสียใจเรื่องการ์เซียอย่างจริงจังนะเนี่ย...) ปล. ตั้งแต่ครั้งแรกที่อ่านภาคภาษาอังกฤษก็ยิ่งนับถือเจิดมากขึ้นไปอีก...เป็นคนที่ไม่เคยยอมแพ้เลยจริงๆ จากคุณ : yumesan - [ 3 ก.ค. 50 23:36:37 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณค่า จากคุณ : เข้ามาอ่าน - [ 3 ก.ค. 50 23:54:46 ]

ความคิดเห็นที่ 79 คุณยูเมะ >_< ท่านเทพไปทำไมจะไม่เสียใจคะ T_T ถึงตอนท่านอยู่จะขัดใจบ้างกับบางลูก บางจังหวะ -*- แต่ยังอยากให้ท่านเทพอยู่ต่อไปนะคะ ^ ^ (ตอเรสแพงมาก ๆๆ เพราะเอาท่านเทพเราไปด้วย T_T) ========== ปล.เรื่องไฟล์ download ตามลิงค์ของคุณ โมโม่จันทร์ได้เลยค่ะ ^ ^ แต่ถ้าใครไม่อยาก download ก็หลังมือ เอ้ย หลังไมค์มาหาเกะเกิร์ลได้ค่า ^ ^ เดี๋ยวส่งไฟล์ให้ทางเมล์ค่า ^ ^ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 50 08:32:41 จากคุณ : karaokeGirl - [ 4 ก.ค. 50 08:28:47 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณทีมงานทุกท่านที่ช่วยนำพาบทความดีดีมาให้ได้อ่าน เพื่อความเพลิดเพลิน ความรัก ความคิดถึง ที่มีให้เจอร์ราร์ด ขอบคุณน๊ะค๊า จากคุณ : s_manavvan - [ 4 ก.ค. 50 08:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณสำหรับบทความมากๆๆคับ เยี่ยมยอดเลยคับ จากคุณ : จ๊ากกกกก - [ 4 ก.ค. 50 10:28:52 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ติดตามอ่านมาตั้งแต่บทแรก แต่ เพิ่งจะเคยมาโพสท์ที่ห้องนี้เป็นครั้งแรกด้วยครับ ปกติจะอยู่ที่ ห้อง BP ขอขอบคุณทีมงานทุกๆท่านมากๆนะครับ สนุกมากจริงๆ รวมถึงขอฝากตัวเป็น 1 ใน สมาชิกของ TIA Club นี้ด้วยนะครับ จากคุณ : Niafong - [ 4 ก.ค. 50 15:40:50 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณทีมงานทุกคนที่สละเวลาแปลเรื่องราวดีๆให้พวกเราได้อ่านกัน ยังอ่านไม่จบแต่ขอ download เก็บไว้อ่านตอนว่างๆ นะคะ ปล รูปเล่มสวยดีค่ะ จากคุณ : aja aja fighting - [ 4 ก.ค. 50 16:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 84 แฟนแมนยูครับ....แต่ขอบอกว่าไม่พลาดเลยซักตอน ขอบคุณผู้มีส่วนร่วมกับงานครั้งนี้นะครับ ดีใจที่ได้มีโอกาสอ่าน...สนุกมากๆ จากคุณ : กระแตตาโต - [ 4 ก.ค. 50 17:10:25 ]

ความคิดเห็นที่ 85 เข้ามาอ่านซ้ำอีกรอบ หุ หุ ภายในไม่ถึงสองวันอ่านไปสองรอบแล้ว (อาการหนักไปไหมเนี่ย :P) คุณ yumesan ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกค่ะที่มีอาการแบบนั้น ชิวเทียนก็เป็น เสียดายท่านเทพมากกกกกกกกก T-T จะจดจำตาใสปิ๊งเป็นประกายและผลงานเทพ ๆ ของการ์เซียร์ตลอดไป ขอบคุณคุณ โมโม่ (โมโม่จันทร์) ด้วยนะคะ โหลดไปเรียบร้อยแล้วววว แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 50 17:41:08 จากคุณ : ชิวเทียน - [ 4 ก.ค. 50 17:39:33 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ขอบคุณทุกๆท่านที่ช่วยแปลผลงานของ เจิดเล่มนี้ พวกท่านทุกคนยอดเยี่ยมมากเลย จากคุณ : redgarudon - [ 4 ก.ค. 50 18:56:26 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณอย่างแรง อีกครั้งครับ ไว้จะรออ่านผลงานอื่นๆต่อนะครับ คุณโมโมจันทร์ ไม่ต้องส่งมาทางเมลแล้วนะครับ โหลดมาแล้วครับ  ขอบคุณมากๆๆๆๆครับ จากคุณ : mars.src - [ 4 ก.ค. 50 20:52:24 ]

ความคิดเห็นที่ 88 มาช้าไปหน่อย  ขอบคุณมากๆครับทุกๆคน จากคุณ : เป๋าตังค์ - [ 4 ก.ค. 50 21:34:47 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณทีมงานทุกคนครับ ทำให้พวกเราได้อ่านผลงานและงานแปลดีๆ จากคุณ : Nyoro~n (Nyoro~n) - [ 5 ก.ค. 50 05:48:42 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณทีมงานทุกคน ทั้งผู้แปล ผู้โพสต์ ผู้ส่งส่วยให้กำลังใจ ผู้โพสต์รูปประกอบ... ทุก ๆ คน ค่ะ ขอให้ความดี และใจบุญนี้ ส่งผลให้ทีมฟุตบอลที่รักของทีมงาน(ฮ่าๆๆ ทีมอะไรเอ่ย) "ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2007-2008" ที่จะมาถึงนี้นะคะ จากคุณ : หนูนาว-น้องนิน - [ 5 ก.ค. 50 09:25:35 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ขอขอบคุณทุกๆท่าน ที่เเปลมาให้ได้อ่านกันนะคับ ถ้าอ่านเองชาตินี้ทั้งชาติก็ยังเเปลไม่หมด ขอบคุณๆๆ จากใจจริงๆๆๆๆๆๆ มันไม่รู้จะขอบคุณยังไงเเล้ว ขอบคุณมากๆๆคับ กราบ เท้าได้จะกราบเรย T^T จากคุณ : G17 (หงส์แดงตะแคงฟ้า) - [ 5 ก.ค. 50 11:20:33 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ขอบคุณทีมงานทุกท่านครับ พวกคุณแปลได้เยี่ยมและมันส์มาก จากใจ :) จากคุณ : rtype - [ 5 ก.ค. 50 14:53:31 ]

ความคิดเห็นที่ 93 thank you very much for team(translator) จากคุณ : เตียวกงจื้อ - [ 5 ก.ค. 50 16:37:12 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ขออภัยทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง ข้าน้อยสมควรตาย T_T เนื้อหา ตรงช่วงคห.ที่ 18 กับ 19 หายไปท่อนใหญ่ๆเลยครับ ขอบคุณคุณ jigij ที่มาทัก ตอนนี้ไปแก้ให้แล้วนะครับ แต่ว่าตัวไฟล์ที่คุณ โมโม่จันทร์แจกให้ยังไม่ได้แก้ ผมส่งเมล์ไปบอกแล้ว เดี๋ยวคุณโมโม่จันทร์คงจะเอามาอัพโหลดให้ใหม่ ใครที่โหลดไปแล้ว รอโหลดใหม่ด้วยนะครับ -/\- ขอโทษอีกที ไม่ได้ตั้งใจจะวางยา  T_T จากคุณ : K.Ruan - [ 5 ก.ค. 50 17:14:23 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ไม่เป็นไรค่ะ คุณหยวนซะอย่าง ทุกคนให้อภัยเสมอ จากคุณ : i am tabo - [ 5 ก.ค. 50 17:21:07 ]

ความคิดเห็นที่ 96 @^ _______ ^@ จากคุณ : karaokeGirl - [ 5 ก.ค. 50 18:56:10 ]

ความคิดเห็นที่ 97 เพิ่งเข้ามาเห็น ขอเวลาแก้สักครู่ครับ จากคุณ : โมโม่ (โมโม่จันทร์) - [ 5 ก.ค. 50 19:25:07 ]

ความคิดเห็นที่ 98 มาแล้วครับเวอร์ชั่นแก้ไข เชิญดาวน์โหลดตาม Link ข้างล่างครับ http://www.uploadtoday.com/download/?1c7e19b9ad2920e099e49a7339273162 จากคุณ : โมโม่ (โมโม่จันทร์) - [ 5 ก.ค. 50 19:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ขอบคุณจริงๆครับ... จากคุณ : McDonut - [ 5 ก.ค. 50 20:57:53 ]

ความคิดเห็นที่ 100 veryๆๆๆๆๆๆๆๆ thank you krab จากคุณ : junjun - [ 5 ก.ค. 50 23:32:00 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ขอบคุณทีมงานทุกท่านครับ ผมโหลดไปทั้งสองเวอร์ชั่นเลย ไม่ทันได้อ่านกระทู้ถัดมา จากคุณ : tliw - [ 6 ก.ค. 50 09:26:12 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ขอบคุณครับ จากคุณ : i m p b o y - [ 8 ก.ค. 50 11:49:42 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : Sweet Chin Music - [ 9 ก.ค. 50 12:58:20 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ขอบคุณทีมงานทุกคนที่แปลให้อ่านกัน เก่งมากๆเลย จากคุณ : barbiedd - [ 9 ก.ค. 50 12:58:21 ]

ความคิดเห็นที่ 105 คงยังไม่ช้าเกินไปที่จะกล่าว "ขอบคุณ" ขอบคุณทีมงานทุกท่าน มาก ๆ ค่ะ  สำหรับการแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ขอบคุณจากใจ ค่ะ :)         ลิเวอร์พูล  จงเจริญ        เย้  เย~~~~~ จากคุณ : ศรานรา - [ 9 ก.ค. 50 12:59:26 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เข้าไปโหลดไมได้เลยคะ อยากได้มากๆๆๆๆ ช่วยอัพโหลดอีกครั้งได้ไหมคะ จากคุณ : CupiD_Q (CupiD_Q) - [ 10 ก.ค. 50 22:07:26 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ช่วยอัพโหลดเพิ่มอีกที่ครับ http://www.zshare.net/download/2637142cc4c001/ จากคุณ : K.Ruan - [ 11 ก.ค. 50 04:57:54 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ขอบคุณ คุณ K.Ruan มากๆคะ ที่ช่วยมาอัพโหลดเพิ่มให้ และขอบคุณผู้จัดทำและทุกๆผู้แปลด้วยคะ ขอบคุณมากๆเลยคะ จากคุณ : CupiD_Q (CupiD_Q) - [ 11 ก.ค. 50 09:30:46 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ขอบคุณทีมงานทุกท่านมากๆเลยนะครับ กระทู้สร้างสรรค์จริงๆครับ จากคุณ : dE'LaCruz - [ 12 ก.ค. 50 07:51:29 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ตามอ่านมาตลอด แปลได้ยอดเยี่ยมมากๆ เนื้อหาก็น่าติดตาม สนุกและเข้มข้น ขอขอบคุณทีมงานทุกๆท่านครับ จากคุณ : นาย-พล - [ 13 ก.ค. 50 13:24:00 ]

ความคิดเห็นที่ 111 อุ อุ เข้ามาโหวต และบอกขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนค่าาา จากคุณ : ชิวเทียน - [ 16 ก.ค. 50 03:34:49 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ออกตัวก่อนว่าไม่ใช่แฟนหงส์ แต่งานแปลชิ้นนี้มืออาชีพมากๆ ชอบสำนวนที่ใช้ง่ะ ขอชื่นชมทีมงานทั้งคนแปลและคนแปะด้วย ^^ จากคุณ : snowboarder - [ 18 ก.ค. 50 03:06:21 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ยอดเยี่ยมจริงๆ ขอบคุณคนแปลมากเลยค่ะ I LOVE GERRARD สุดๆๆๆๆๆ จากคุณ : NobodyGotNoWhere2Go - [ 18 ก.ค. 50 14:58:54 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เกรียน... จากคุณ : .. (Tstempdz) - [ 18 ก.ค. 50 23:25:54 ]

ความคิดเห็นที่ 115 @^ _______ ^@ -ขอบคุณทุกท่านนะครับ- จากคุณ : ลีโอ (leowood) - [ 19 ก.ค. 50 12:27:46 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ขอบคุณคับ.......โหวตจ้า....!!!! จากคุณ : สำลี ณ.แอนฟิลด์ - [ 19 ก.ค. 50 13:29:24 ]

ความคิดเห็นที่ 117 เข้ามาโหวต พร้อมสารภาพว่ายังไม่ได้อ่าน รอให้แปลจบก่อน ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ขอบพระคุณทีมงานพันธมิตร ให้เสียงภาษาไทย . จากคุณ : drunk master - [ 19 ก.ค. 50 13:42:40 ]

ความคิดเห็นที่ 118 เข้ามาโหวดตามผองเพื่อน ...โย่ว จากคุณ : โอบกอดด้วยรัก - [ 19 ก.ค. 50 15:02:12 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ในที่สุดก็ได้อ่านจบ ขอบคุณทีมงานทุกๆคนที่ช่วยแปลและก็แบ่งปันเรื่องราวดีๆได้อ่าน อ่านแล้วให้ความรู้สึกหลากหลายมากๆ ได้มุมมองที่ไม่เคยรู้มาก่อน ยิ่งทำให้ประทับใจมากขึ้นไปอีก สำนวนที่แปลทำให้ชวนติดตามมากๆอ่านแล้วได้อรรถรสเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์นั้นนั้นเลยทีเดียว จากที่รักลิเวอร์พูลและเจอร์ราด(กับตันเราก็เขียนได้ดีจริงๆ)อยู่แล้ว ยิ่งรักมากขึ้นไปอีกรู้สึกว่าเลือดสีแดงในตัวมันยิ่งเข้มข้น อีกอย่างประทับใจในตัวแฟนๆที่แสนดีของลิเวอร์พูลมากๆที่สละเวลา เพื่อแบ่งปันเรื่องราวดีๆให้ได้อ่าน   PS.ขอบคุณทีมงานทุกๆคนจากใจจริง จากคุณ : noname-471103 - [ 19 ก.ค. 50 21:42:58 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ขอบคุณผู้แปลทุกๆ ท่านมากมายค่ะ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ จากคุณ : t'an_eve (t'an_eve) - [ 20 ก.ค. 50 18:56:28 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ขอบคุณทีมงานค่ะ จากคุณ : venus butterfly - [ 22 ก.ค. 50 02:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ... เข้ามาอ่าน . แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 50 04:02:21 จากคุณ : drunk master - [ 22 ก.ค. 50 04:01:26 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ขอบคุณด้วยคนครับ อ่านแล้วอยากไปหาซื้อมาเก็บไว้บ้าง... จากคุณ : LSMB - [ 24 ก.ค. 50 18:05:24 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ขอขอบคุณมากมายสำหรับทีมแปลทุกท่านด้วยครับ พวกคุณน่ารักจริงๆ โหวตกันแล้วอย่าลืมเก็บเข้าคลังกระทู้ด้วยนะครับ จากคุณ : ChampagneReds - [ 25 ก.ค. 50 22:16:26 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ขอบคุณทีมงานที่แปลทุกคนนะค่ะ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : LVPknight - [ 27 ก.ค. 50 14:05:38 ]

ความคิดเห็นที่ 126 เข้ามาอ่านอีกรอบ + 1 voted ^^ จากคุณ : สายฟ้าสีเพลิง - [ 28 ก.ค. 50 11:58:20 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ผมใช้เวลาอ่านตั้งแต่ตอนแรกสุด จนจบ 2 วัน ขอบคุณทีมงานทุกๆท่านครับ จากคุณ : พฤษภเสารี - [ วันอาสาฬหบูชา 16:24:03 ]

ความคิดเห็นที่ 128 แปะโป้งไว้นานมากกกกกกกกกกกกกกก ขอบคุณมากๆค่ะ ขอบคุณทุกคนเลยที่ทั้งแปล ทั้งเอามาลง ทั้งคนที่เป็นเจ้าของหนังสือ สรุปคือทุกๆคนเลย ที่มีส่วนร่วม thank you~~~ จากคุณ : Pinch me - [ วันเข้าพรรษา 20:14:29 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ขอบคุณทุกๆคนค่ะ ^____^ .. (แล้วก็แวบไปนั่งอ่านต่อ) จากคุณ : >> Sebastian << - [ 31 ก.ค. 50 00:56:27 ]

ความคิดเห็นที่ 130 สุดยอด   ผมชอบเวลาเล่นให้ทีมชาติ แต่ไม่ชอบเวลาเล่นกับ   m.u <เด็กผีขี้เมา> จากคุณ : .[ใบไม้ร่วง - [ 31 ก.ค. 50 21:01:32 ]

ความคิดเห็นที่ 131 เพลงนี้ให้เจิดครับ อยากฟัง คลิกวงกลมตรงกลางข้างล่างเด้อครับ จากคุณ : zombieman - [ 2 ส.ค. 50 20:22:55 ]

ความคิดเห็นที่ 132 #131 จากคุณ : i am tabo - [ 4 ส.ค. 50 09:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 133 โหวต ๆๆๆ ^ ^ จะได้อยู่นาน ๆ นะคะ เพราะมีเพื่อน ๆๆ ที่ไม่ได้เข้ามาเล่นบอร์ดตอนปิดฤดูกาล ^ ^ จากคุณ : karaokeGirl - [ 4 ส.ค. 50 18:22:09 ]

ความคิดเห็นที่ 134 จะรักป๋าตลอดไป ........................... จากคุณ : daisy@nina - [ 6 ส.ค. 50 23:18:01 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ยอดเยี่ยมเลย ว่างๆ เข้ามาร่วมสนุกทายผลฟุตบอล ลีก ยุโรป กันได้นะครับ ที่ http://www.nextshoot.net/register.asp มีรางวัล ทุกเดือน สำหรับผู้ชนะ จากคุณ : เฮียเครียด (เด็กนอกเมือง) - [ 9 ส.ค. 50 22:22:49 ]