Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    <<<===>>> กรณีเตเบซสอนอะไรเราบ้าง? <<<===>>>

    กรณีเตเบซสอนอะไรเราบ้าง?

    ประเด็นเรื่องคาร์ลอส เตเบซกำลังจะยุติเข้าไปทุกทีโดยต่อให้ยื้ออย่างไรเวสต์แฮมเหมือนจะดิ้นไม่ออกมีแต่แพ้กับแพ้ แต่เราไม่ควรปล่อยให้ "study case" อันสุดแปลกประหลาดครั้งนี้ผ่านไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันนี้มิเฮียร์ โบเซ่ อีดิเตอร์ของบีบีซีได้ทำการวิเคราะห์เอาไว้อย่างน่าฟังสุด ๆ โดยสรุปได้ว่าหากพรีเมียร์ลีกยังปล่อยให้มีช่องโหว่เชื่อว่าจะมีคดีเตเบซโผล่มาให้เห็นอีกในอนาคตแน่นอน......


    ปัญหาเรื่องวุ่น ๆ ของคาร์ลอส เตเบซควรจะบรรญัติไว้ให้มากกว่าแค่หมายเหตุในประวัศาสตร์วงการฟุตบอลอังกฤษ

    มันอาจพิสูจน์ได้ดีว่าการย้ายทีมของเขาเป็นรูปแบบการซื้อขายในยุคใหม่ซึ่งมันคงดีกว่าหากเรามาเรียนรู้ว่ามันสัญญาต่าง ๆ มันมีอะไรและมีความหมายอะไรบ้าง

    เรื่องของเรื่องต้องย้อนกลับไปในเดือนสิงหาคม 2006 เมื่อคาร์ลอส เตเบซและฮาเวียร์ มาสเคราโน่ จู่ ๆ ก็ย้ายมาซบถิ่นอัพทั่น พาร์ค นี่ไม่ใช่การย้ายทีมธรรมดา ๆ เหมือนชาวบ้ายชาวช่อง มันแหวกแนวมากมาย

    สิ่งสำคัญจริง ๆ คือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังการย้ายทีมครั้งนี้....การยื่นข้อเสนอเพื่อเทคโอเวอร์เวสต์แฮม

    เคยมีผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งนิยามสิ่งนี้ให้ผมฟังว่าเป็น "กลยุทธ์วางยา" ในนามของเคีย ชูรับเชียนซึ่งบริหารบริษัท MSI ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในด้านการเงินของสองนักเตะแต่เพียงผู้เดียว

    พูดให้เห็นภาพคือการดึงดูโออาร์เจนไตน์เป็นเพียงแค่ก้าวแรก ส่วนอีกก้าวคือชูรับเชียนพยายามจะซื้อสโมสรเวสต์แฮม โดยใช้การมาของเตเบซและมาสเคราโน่เป็นการ "วางยา" เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเทคโอเวอร์ซ้ำซ้อนจากกลุ่มนายทุนคนอื่น

    แต่จากหลายเหตุผลทำให้กลยุทธ์ที่ว่านี้ไม่เวิร์ค ชูรับเชียนล้มเหลวในการเข้ายึด "ขุนค้อน" แต่กลายเป็นเอ็กเกิร์ด แมกนุสสัน นักธุรกิจชาวไอซแลนด์ และ "เม็ดยา" ที่วางไว้กลับไม่ได้ช่วยให้เกิดความได้เปรียบใด ๆ ขึ้นมาเลย

    จริง ๆ แล้วนักเตะทั้งสองคนไม่ได้มีส่วนร่วมกับทีมเลยและในช่วงต้นเดือนของฤดูกาลมีเหตุการณ์สุดฉาวที่ไวท์ฮาร์ทเลนเมื่อเจอร์เมน เดโฟกัดแขนมาสเคร่โน่หลังทั้งคู่ฮึดฮัดในจังหวะแย่งบอลจนล้มลง

    นั่นอาจยังเป็นช่วงเวลาอันน่าจดจำที่สุดก่อนอลัน เคอร์บิลชลี่ย์ตัดสินใจไม่อยากได้มาสเคราโน่และลิเวอร์พูลทำการติดต่อเพื่อขอยืมจาก MSI

    ปัญหาขั้นต้นคือนักเตะที่ย้ายแบบยืมตัวสามารถเล่นให้สามสโมสรในหนึ่งฤดูกาลได้หรือไม่ (โดยก่อนย้ายมาเวสต์แฮมมาสเคเล่นให้โครินเธียนส์)

    ทุกอย่างได้รับการสะสางจากความช่วยเหลือของ เมาริซ วัตคินส์ ผู้อำนวยการของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านกฏหมาย, การตกลงกับบุคคลที่สามซึ่งเวสต์แฮมได้ติดต่อผ่าน MSI และอยู่ภายใต้กฏ, บอร์ดชุดเก่า(ชุดก่อนแม็กนุสสันเข้าเทคโอเวอร์) ไม่ได้ปิดบังต่อพรีเมียร์ลีกใด ๆ

    ลิเวอร์พูลได้รับไฟเขียวให้เซ็นสัญญากับมาสเคราโน่ โดยทางพรีเมียร์ลีกไม่มีปัญหาใด ๆ กับเรื่องนี้เพราะพวกเขาบอกว่านักเตะเป็นฟรีเอเยนต์ เนื่องจากเวสต์แฮมตัดสินใจไม่ลงทะเบียนชื่อเขา

    พรีเมียร์แฮปปี้ที่การตกลงระหว่างลิเวอร์พูลกับ MSI ไม่ได้ละเมิดลีก พวกคนขี้ระแวงพูดกันว่าเหตุผลที่แท้จริงคือลิเวอร์พูลจ่ายเงินให้ MSI มากกว่าจ่ายให้เวสต์แฮมที่ประมาณ 1.5 ล้านปอนด์ต่อปีไม่ใช่แค่ 30,000 ปอนด์เพื่อขอยืมนักเตะ

    มันกลายเป็นก้าวต่อไปของพรีเมียร์ลีก การตัดสินใจที่ว่านำมาสู่การตั้งข้อหาเล่นงานเวสต์แฮมภายใต้กฏข้อที่ 18 ที่ปล่อยให้บุคคลที่สามหรือ third party มีอิทธิพลต่อการเป็นเจ้าของร่วมนักเตะ

    ผู้เชี่ยวชาญที่ผมเคยคุยด้วยบอกผมว่านี่เป็นกฏที่ค่อนข้างคลุมเคลือ ตอนที่ร่างกฏครั้งแรก โดย ปีเตอร์ ลีเวอร์ ประธานบริหารพรีเมียร์ลีกคนก่อน มันไม่ได้ครอบคลุมแม้กระทั่งการซื้อขายนักเตะด้วยซ้ำ

    ต้องมีการเข้ามาตามล้างตามเช็ดกับบริษัทต่าง ๆ เช่น "ENIC" ซึ่งเป็นเจ้าของเกินกว่าหนึ่งสโมสร และปัญหาจะวุ่นวายทันทีหากสโมสรนั้น ๆ มาจ๊ะเอ๋ในรายการเดียวกัน

    แน่นอน,ในอดีตลิเวอร์พูลและเอฟเวอร์ตันต่างเคยมีเจ้าของคน ๆ เดียวกันอย่างโดยลิตเติ้ลวู้ดส์ของตระกูล "มัวร์ส" แต่มันเป็นคนละยุคกันเพราะตอนนั้นไม่มีการเอาเงินและกฏหมายเข้ามาเฉียดฟุตบอลเลย ไม่มีใครรู้สึกว่าตระกูลมัวร์สจะทำอะไรที่ไม่เหมาะไม่สมหรือไร้ความเป็นสุภาพบุรุษ

    จริง ๆ แล้วกฏข้อ 18 คลุมเคลือจนคุณต้องเปิดหนังสือกฏระเบียบของพรีเมียร์ลีกมาไล่หาเลยล่ะ มันระบุรายละเอียดถึงขนาดที่ว่ามีกฏเจาะจงว่าต้องมีโฆษณาของสหพันธ์ฟุตบอลในหนังสือโปรแกรมของสโมสรในแต่ละนัดด้วย

    คำแนะนำทางกฏหมายแต่ละอย่างเชื่อว่าเวสต์แฮมน่าจะสามารถแหกกฏมาตรา 18 ได้แต่เมื่อถึงวันที่ต้องพิจารณาคดีพวกเขายอมรับว่าทำผิดจริง

    ไม่ใช่เรื่องความลับอะไรเลยที่เวสต์แฮมตัดสินใจไม่ต่อสู้กฏอันหละหลวมที่ว่านี้ แต่พวกเขาได้ผลลัพท์ที่ต้องการนั่นคือปรับเงินก้อนโตเป็นสถิติวงการลูกหนังอังกฤษถึง 5.5 ล้านปอนด์โดยรอดการถูกตัดแต้ม

    จากการพูดว่าการตกลงโดยบุคคลที่สามกับทาง MSI บางทีเป็นกฏที่ไม่สามารถละเมิดได้ และการยืนกรานว่าพวกเขาฉีกเอกสารทิ้งเพื่อเมคชัวร์ว่าเตเบซสามารถลงเล่นและช่วยให้พวกเขารอดตกชั้น

    เรื่องพวกนี้จะไม่สลักสำคัญเลยหากมันเคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงกลางยุค 90 ซึ่งเป็นช่วงที่หลายสโมสรเอ่ยปากบ่นแต่ไม่มีใครเดินหน้าเพื่อเข้าสู่ขบวนการทางกฏหมายเลย

    เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ยืนกรานว่าจะต้องปกป้องตัวเองและมีความรู้สึกว่าต้องหาทุก ๆ ช่องโหว่งทางกฏหมายให้ได้, ไม่มีใครกล้าตำหนิพวกเขาที่ทำเรื่องพวกนี้หรอก นี่คือเกมการแข่งขันในยุคใหม่สมัยใหม่และความทุ่มเทอย่างแรงกล้าของพวกเขาจบลงด้วยการพ่ายแพ้ต่อศาลสูงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

    แม้กระทั่งตอนนี้เควิน แม็คแคบประธานสโมสร "ดาบคู่" สารภาพว่าโอกาสอยู่เล่นในพรีเมียร์ลีกต่อแทบไม่เหลือแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เขาจะพิจารณาในทุกๆช่องทางและยังหวังที่จะได้รับการพิสูจน์ว่าพวกเขาถูกและสมควรได้รับสินไหมชดเชย

    การทู่ซี้อย่างไม่ลดละของเชฟฟิลด์หมายความว่าพรีเมียร์กำลังหวังไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้น

    พรีเมียร์ลีกคิดว่าทันทีที่ฤดูกาลจบลงทุกอย่างคงรูดม่านไร้ปัญหา สองเดือนหลังเกมสุดท้ายและชัยชนะสุดอเมซิ่งของเวสต์แฮมในเกมเยือนโอลด์แทรฟฟอร์ดจากประตูโทนของเตเบซทำให้ข้อพิพาทลุกลามไม่มีที่สิ้นสุด

    หากเชฟฟิลด์ไม่ดื้อด้านผมคาดว่าการย้ายทีมของเตเบซไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดน่าจะยุติลงไปแล้ว

    มันอาจทำให้หลายคนช็อกแต่ทุก ๆ คนน่าจะจำกันได้ว่านับตั้งแต่เวสต์แฮมไม่ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อเตเบซแต่ขอแค่ยืม, ตอนนี้เขาก็มีสิทธิ์โบกมือลาไม่ว่าจะค่าตัวเท่าไรและได้รับเงินเดือนที่ยูไนเต็ดพร้อมจะให้แค่ไหน

    มีแหล่งข่าวคนนึงบอกกับผมว่า "มันเหมือนยืมเครื่องตัดหญ้านั่นแหละ คุณใช้มันเพื่อตัดหญ้าแต่จู่ ๆ ก็งุบงิบไม่คืนซะงั้น"

    จริง ๆ แล้วหลังจบฤดูกาลเรื่องนี้น่าจะชัดเจนต่อเวสต์แฮมซึ่งยื่นข้อเสนอสุดงามให้เตเบซแต่ถูกปฏิเสธ เขาเองก็บอกทางพรีเมียร์ลีกว่าไม่อยากเป็นนักเตะเวสต์แฮมอีกแล้ว

    พรีเมียร์ลีกเป็นผู้ควบคุมทุกอย่างแต่พอเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดเอาเรื่องพวกนี้ให้ทนายทำให้พรีเมียร์ต้องยอมรับต่อความรับผิดชอบใหม่ด้วยการประกาศว่าทั้งสองสโมสรต้องเจรจาซื้อขายเตเบซโดยตรงห้ามผ่านเอเยนต์อย่างเด็ดขาด

    พรีเมียร์แสดงความชัดเจนต่อเวสต์แฮมว่าถ้าพวกเขาไม่แสดงตนว่าเป็นเจ้าของนักเตะก็อาจต้องเผชิญหน้าต่อการพิจารณาคดีซึ่งอาจจบเห่ด้วยการ "ตัดแต้ม"

    เรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร? ผมมองว่าเตเบเซจะจับเครื่องบินจากอเมริกาใต้มาแมนเชสเตอร์และจะเป็นนักเตะ "ปิศาจแดง" ในไม่ช้านี้อ่ะสิ

    เวสต์แฮมอาจได้เงินจากการย้ายทีมครั้งนี้แม้ผมยังคาใจว่ามันจะเยอะหรือเปล่านี่สิ ส่วนเชฟฟิลด์จะรอว่าสถานการณ์เตเบซคลี่คลายออกมาอย่างไรและก็จะพยายามเรียกร้องเอาเงินชดเชย

    ในขณะเดียวกันผมยังสงสัยกับเรื่องกฏที่ชัดเจนในกรณีความเป็นเจ้าของนักเตะและเป็นเจ้าของบุคคลที่สามอย่างโปร่งใสเพราะตอนนี้ในอเมริกาใต้และภาคพื้นยุโรปเป็นเรื่องธรรมดามาก

    และหากไม่มีกฏมายับยั้งเรื่องที่ว่าปัญหาแนวเตเบซจะไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่...

    http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=51467


    [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง]
     
     

    จากคุณ : เท่ง หงส์แดง - [ 16 ก.ค. 50 11:45:20 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom