ความคิดเห็นที่ 1 บทนำ ก่อนอื่น ผมขออนุญาตยกคำคมของคุณ ปริ๊นซ์ เบจิต้า มาใส่ไว้นิดนึงนะครับ “อังกฤษเป็นต้นตำรับฟุตบอลก็จริง แต่ด้านแทคติคอันลึกซึ้งซับซ้อน อังกฤษเป็นเหมือนเด็กหัดเดินด้วยซ้ำ” คือผมเห็นด้วยกับคำพูดนี้เต็มๆ และยังเห็นต่อเนื่องไปอีกว่า ตอนนี้ เชลซี กับ ลิเวอร์พูล ได้ก้าวนำแมนยูไนเต็ดไปแล้วหนึ่งช่วงตัว ในด้านการปรับเอาแท็คติคเข้ามาผสมผสานกับฟุตบอลสไตล์อังกฤษ โดยทั้งสองทีมจะเน้นแท็คติคแบบยุโรปมากขึ้น มีการวางแพลนนิ่งของทีม การเลือกใช้นักเตะในแต่ละนัด อีกทั้งรายละเอียดการเดินเกมที่แตกต่างออกไป เวลาเจอคู่ต่อสู้ที่ต่างออกไป ในขณะที่แมนยูไนเต็ดเอง เพิ่งจะขยับอย่างจริงจังเมื่อไม่นานมานี้เอง เท่าที่ผมจับความแตกต่างได้ ก็คือเมื่อโรนัลโด้เริ่มเล่นได้เข้าที่เข้าทางแล้ว นั่นคือจุดเริ่มต้น หลังจากนั้นเมื่อเห็นการเสริมทีมโดยเซ็นสัญญานานี่ อันแดร์สัน ฮาร์กรีฟส์ และเตเวซเข้ามา  จึงเริ่มรู้สึกว่า ป๋ากำลังปรับระบบแบบยกทีมแน่ๆครับ แต่การปรับทีมในครั้งนี้ จะเน้นออกไปทางละติน หรือ แนวโปรตุกีสซะมากกว่าจะเป็นยุโรปเต็มตัวแบบอิตาลีหรือสเปน น่าจะเป็นอย่างที่หลายๆคนเคยพูดไว้ว่า คาร์ลอส เคยรอซ มีอิทธิพลในการทำทีมสูง และเฟอร์กี้ไว้เนื้อเชื่อใจมาก ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงในรูปแบบนี้ จึงน่าจะเริ่มต้นมาจากเคยรอซนี่แหละครับ บทวิพากษ์ในวันนี้ จะพยายามเน้นไปที่การปรับระบบทีมของเฟอร์กูสันนะครับ ส่วนรายละเอียดที่ รูนี่ย์เจ็บ โรนัลโด้ถูกแบน จนทำให้รูปเกมเสียขบวนไป จะไม่ขอกล่าวถึง เพราะนั่นมันดูจะอยู่นอกเหนือการคาดคิดของกุนซือไปมาก และทำให้อะไรๆ ยังไม่เข้าที่เข้าทางอย่างที่ควรจะเป็น หากไปให้น้ำหนักตรงนั้นมากเกินไป จะทำให้เรามองภาพรวมของการปรับระบบคราวนี้ผิดเพี้ยนไปได้ครับ ในยุคหนึ่ง ไม่นานมานี้ เฟอร์กี้พยายามทดลองปรับทีมมาแล้วครั้งหรือสองครั้ง แต่ด้วยอะไรที่ยังไม่พร้อมหลายๆอย่าง ทำให้ เวรอน, เคลแบร์สัน นั้น ไม่สามารถแจ้งเกิดได้ มีเพียง รุด ฟาน นิสเตลรอย เท่านั้น ที่เอาตัวรอดได้ดีกับระบบหน้าเป้า แต่อย่างไรเสีย นิสเตลรอย เองก็แสดงให้เห็นว่า หากเขามีคู่กองหน้าช่วยแบ่งเบาภาระ แมนยูไนเต็ดจะยิงได้ระเบิดกว่าเล่นหน้าตัวเดียว สุดท้าย นิสเตลรอยก็จากทีมไปอีกคน เป็นอันจบการทดลองก่อนหน้านี้ด้วยความล้มเหลว แต่เป็นความล้มเหลวที่เฟอร์กี้ เองน่าจะเห็น และได้แง่คิด มุมมองต่างๆมากขึ้น จึงนำมาสู่การทดลองครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด เท่าที่เฟอร์กี้เคยทำตลอดยี่สิบปีกับแมนยูไนเต็ด ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาว่ากันต่อนะครับ จากคุณ : สงบใจ - [ 4 ก.ย. 50 09:32:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินมาว่า เฟอร์กี้นั้น ผ่านการผลัดใบของลูกทีมในสีเสื้อแมนยูไนเต็ดมาแล้ว สามหรือสี่ครั้งใหญ่ๆ ผมเองขออนุญาตให้ความเห็นของผมเองดังนี้นะครับ ยุคแรก การรับมรดกมาจากกุนซือคนก่อนหน้า ปรับปรุง สร้างระบบทีมขึ้นมา เอาคนนั้นออกไป คนนี้เข้ามา จนมาลงตัวที่ชุดที่มีแกนหลักคือ ก็องโต้, ร็อบสัน, ฮิวจ์ส, อินซ์, แม็คแคลร์, ชาร์ป, แคนแคน ชุดนี้ พาทีมคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบหกปี เป็นการสร้างทีมที่กินระยะเวลายาวนานมากครั้งหนึ่ง ยุคสอง เป็นยุคที่เฟื่องที่สุด คือยุคเฟอร์กี้เบ๊บส์ นั่นเองครับ การดันเอานักเตะดาวรุ่งจากชุดแชมป์เอฟเอ ยูธคัพ ขึ้นมาแบบเกือบยกแผง เป็นชุดที่ลงตัวและกลมกล่อมที่สุด แกนหลักคือ คีน, สโคลส์, เบ๊คส์, กิ๊กส์, ชไมเคิล ยุคสาม น่าจะเป็นยุคที่เฟอร์กี้เบ๊บส์เริ่มโรยรา หลายคนจากทีมไป มีการดึงคนใหม่เข้ามา แต่ไม่สามารถยืนระยะได้นาน ต้องปรับใหม่อยู่เรื่อยๆ ผู้เล่นแกนหลักในชุดนี้ จึงต่อเนื่องมาจากชุดเฟอร์กี้เบ๊บส์ แต่มีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆจุด เช่นเบ๊คส์, ชไมเคิล, เออร์วิน, ยอร์ค, โคลจากไป แต่กำลังทดแทนที่ดีที่สุดเท่าที่ได้มาคือ รุด กับริโอ เท่านั้น ไม่ได้เป็นชุดที่ยืนหยัดต่อเนื่องนัก ยุคสี่ นี่คือยุคที่กำลังสร้างขึ้นมาใหม่ ประกอบด้วยแกนหลักคือ รูนี่ย์, โรนัลโด้ และที่จะปั้นขึ้นมาในอนาคตอันใกล้ให้เป็นตัวหลัก เช่น ฮาร์กรีฟส์, คาร์ริค, นานี่,เตเวซ, อันแดร์สัน ซึ่งต้องพิสูจน์กันต่อไปครับ ว่าจะทำได้หรือไม่ จากคุณ : สงบใจ - [ 4 ก.ย. 50 09:32:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รุ่งโรจน์ถึงขีดสุด นักเตะชุดที่ว่ากันว่า ดีที่สุดเท่าที่เฟอร์กี้เคยทำทีมแมนยูไนเต็ดมา ก็คือชุดเฟอร์กี้เบ๊บส์ หรือยุคที่สองของเขานั่นเอง โดยจุดสูงสุดของชุดนี้คือการคว้าสามแชมป์หลักในปีเดียว ซึ่งชุดนี้มีตัวจริงประกอบไปด้วย ปีเตอร์ ชไมเคิล แกรี่ เนวิลล์, เดนนิส เออร์วิน, รอนนี่ ยอห์นเซ่น, ยาป สตัม เดวิด เบ๊คแฮม, พอล สโคลส์, รอย คีน, ไรอัน กิ๊กส์ แอนดี้ โคล, ดไวท์ ยอร์ค ส่วนกำลังเสริมที่รอทดแทนข้างสนามก็มี ฟาน เดอร์ ฮาวด์ เดวิด เมย์, เฮนนิ่ง เบิร์ก, ฟิลลิป เนวิลล์, เวสลี่ย์ บราวน์ เจสเปอร์ บลอมควิสต์, จอร์ดี้ ครัฟฟ์, นิคกี้ บัตต์, โจนาธาน กรีนนิ่ง เท็ดดี้ เชอริงแฮม, โอเล่ กุนนาร์ โซลชา, เอริค เนฟแลนด์ จะเห็นได้ว่า ผู้เล่นชุดใหญ่ตัวจริงของชุดนี้ ทำผลงานได้ดีที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นมา โดยเฉพาะในแนวรุก ทั้งนี้ ผมจะลองสังเกตให้เห็นเป็นข้อๆไปนะครับ จากคุณ : สงบใจ - [ 4 ก.ย. 50 09:33:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หนึ่ง กองหน้าทั้งสี่คนที่มีคือ ยอร์ค, โคล, โซลชา, เชอริงแฮม ทั้งสี่ถือเป็นกองหน้าที่มีผลงานสุดยอดในลีกกันทั้งนั้น ต่างคนต่างเคยเป็นดาวซัลโวให้ต้นสังกัดมาแล้ว ไม่ว่าจะจับใครลงสนาม ก็อันตรายไม่แพ้กัน โคลเอง จากตัวเข้าฮอร์ส ก็ได้รับการปรับอยู่เป็นปี จามาเป็นกองหน้าที่พาบอลไปได้ เล่นกับทีมได้ และทำทางให้เพื่อนได้ จนสุดท้าย ทั้งสี่คนนั้น จึงเป็นกองหน้าที่เล่นได้ทั้ง เข้าฮอร์ส, กลางอากาศ, พักบอลพาบอล, ทำทาง และ ยิงคมจากทุกพื้นที่ อีกทั้งยังมีความเข้าใจระหว่างกันสูงมาก ขนาดคนที่ไม่พูดกัน ยังเข้าขากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย สอง การเล่นของปีก เป็นปีกที่มีความเร็วสูง มีความคล่องตัวจัด และพาบอลไปกับตัวได้เร็วอีกทั้งยังมีปีกที่สามารถวางบอลใกล้ ไกล ได้แม่นยำสุดๆ เมื่อรวมกับการมีกองหน้าที่ครบเครื่อง จึงทำให้ผลิตสกอร์ได้อย่างล้นหลาม สาม มิดฟิลด์คุณภาพ จะเห็นว่า สโคลส์ กับคีน ตอนรุ่งๆนั้น ทั้งคู่สามารถเล่นได้ทั้งการเป็นตัวรุก หรือตัวรับได้ดีไม่แพ้กัน เมื่อคีนขึ้น สโคลส์จะขึงตรงกลาง คอยดักเก็บบอล เมื่อสโคลส์ขึ้น จะกลายเป็นคีน ที่บงการกลางสนาม และไล่ตัดบอล เมื่อรวมกับสายตาและเซนส์บอลที่ดีเยี่ยมของทั้งคู่ คิลเลอร์พาส จึงเกิดขึ้นบ่อยมาก จากการให้บอลทะลุช่อง อีกทั้งทั้งคู่ยังสามารถยิงไกลได้ดีมาก แนวรุกของแมนยูไนเต็ดในยุคนั้นจึงมีมิติที่หลากหลาย และรุนแรงในการโจมตีคู่ต่อสู้ ยิ่งสมัยนั้น บอลแท็คติคของยุโรป ก็มิได้มีการวางแท็คติครัดกุมแบบสุดๆเหมือนสมัยนี้ ยังมีโอกาสที่เกมเปิดกันอยู่บ้างประปราย ทำให้เราสามารถหาจังหวะเข้าทำได้เรื่อยๆ รวมกับมิติการรุกจากปีกอีก ยิ่งทำให้เกมรุกของเรา อันตรายยิ่งขึ้น จะเห็นว่า ถึงแม้เราตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีก จากน้ำมือมาดริด แต่สามารถยิงมาดริดได้สี่ลูกในบ้าน ธรรมดาซะที่ไหน จากคุณ : สงบใจ - [ 4 ก.ย. 50 09:34:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สี่ ประตูบ้านที่แน่นหนา ชไมเคิล และเซ็นเตอร์คู่ ที่ยืนตั้งรับได้อย่างเหนียวแน่นตลอดมา ทำให้การเดินเกมรุก ไม่ต้องห่วงแผงกองหลังมากนัก อีกทั้งชไมเคิลเอง มีการเปิดบอลให้เกมรุกได้อย่างน่ากลัวที่สุด ยิ่งการขว้างบอลด้วยมือเกินกว่าครึ่งสนามที่เห็นกันจนชิน ยิ่งทำให้เกมโต้กลับ ทวีความน่ากลัวมากยิ่งขึ้น และรวดเร็วมากขึ้น ห้า แบ๊คกับปีก ที่มีการประสานงานกันอย่างรู้อกรู้ใจ เออร์วิน กับกิ๊กส์ เนวิลล์กับเบ๊คแฮม เมื่อแบ๊คเติมเกมอย่างรู้ใจกับปีก จึงสามารถเดินเกมรุกได้อย่างไหลลื่น และต่อเนื่อง ไม่สะดุดหรือติดขัด ไม่ทับซ้อนกัน และเป็นการเติมเกมที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง เพราะเออร์วินเอง ก็วางบอลได้แม่นยำไม่แพ้เบ๊คแฮม ส่วนเนวิลล์ก็มีความเร็ว และเปิดบอลได้น่ากลัวจากเส้นหลัง ทำให้เติมเกมเมื่อไหร่ ก็เติมได้จนสุดทุกครั้ง หก การเดินเกมรุก เป็นการเดินเกมที่ไม่ต้องเคาะบอล หรือถ่ายบอลให้กัน แต่อาศัยการจ่าย การแทงบอลแค่สอง สาม จังหวะ ก็สามารถถึงปากประตูได้แล้ว อีกทั้ง เมื่อใดที่เจอเกมปิด ก็อาศัยการวางบอลที่แม่นยำจากปีกให้กองหน้าที่หาจังหวะขึ้นโหม่งได้ดีสุดๆได้ขึ้นเทคตัว อาการตีบตันจึงไม่เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยนัก และการยืนตำแหน่งของตัวรุกในชุดนั้น จะไม่ยืนใกล้ๆกันแต่จะยืนตำแหน่งกันตามสูตร 4-4-2 อย่างเต็มตัว และใช้พื้นที่ของสนาม ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด สโคลส์ กับคีน จะไม่เข้าไปหน้ากรอบโทษนอกจากจะไปยิงแถวสองเท่านั้น แต่จะคอยบงการเกมรุกอยู่เกินเส้นกลางสนามมาเล็กน้อยเท่านั้น การจ่ายบอล การให้บอลจึงไม่ใช่แบบชิ่งใกล้ๆตัว แต่เป็นการวางบอลจากหลังสู่ปีก หลังสู่กลาง กลางสู่ปีก แล้วเปิดเข้าปากประตู หรือคิลเลอร์พาสจากกลางทะลุให้หน้าทีเดียวซึ่งเป็นการเข้าทำที่ใช้การต่อบอลน้อยจังหวะ จบด้วยความรวดเร็วครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น ทีมชุดดังกล่าว ผมว่ายากมากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ ที่จะทำให้กิดขึ้นมาอีกครั้งหรอกครับ ปีกสไตล์เบ๊คแฮมที่เปิดได้จากทุกจังหวะของเกมโดยไม่ต้องแต่งบอล ไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ อีกทั้งความสามารถและความเข้าใจระหว่างแบ๊ค ปีก และกองหน้าเช่นนั้น จะทำให้เกิดขึ้นได้ง่ายๆหรือครับ อย่าลืมว่าแกนชุดนั้น เป็นเด็กที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่ยูธคัพ และอยู่กับทีมมาโดยตลอด เห็นนักเตะชุดใหญ่เล่นจนชินตา เรื่องการปรับตัวเรื่องความเข้าใจกันจึงทำให้เกิดได้ง่ายๆ ไม่เหมือนการซื้อผู้เล่นใหม่เข้ามา ที่ต้องใช้ระยะเวลาปรับตัวนานกว่า ทั้งกับสไตล์บอลอังกฤษ, เพื่อนร่วมทีม และระบบของทีม ยิ่งซื้อมาหลายๆตัว ก็ยิ่งยากครับที่จะเข้าใจเข้าขากันได้รวดเร็ว จากคุณ : สงบใจ - [ 4 ก.ย. 50 09:34:54 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ทิศทางสู่อนาคต ทีนี้ หันมาดูการปรับระบบของทีมในชุดปัจจุบันกันบ้าง เมื่อเราได้เห็นพัฒนาการของเกมฟุตบอลที่มีมาจนถึงปัจจุบันนี้ สิ่งที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งก็คือ แท็คติค การแพลนนิ่งกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเกมฟุตบอลไปแล้ว การที่ให้นักเตะลงสนามตามสูตรแล้วเล่นไปตามเกมที่ถนัดแค่นั้น จะเปลี่ยนตัวเมื่อต้องการเปลี่ยนเกมหรือเจ็บ มันไม่ใช่คำตอบของฟุตบอลในยุคนี้แล้ว ยิ่งถ้าต้องการความสำเร็จในเส้นทางสายยุโรป อันนี้จะยิ่งเห็นได้ชัด เมื่อหมดยุครุ่งโรจน์ของเฟอร์กี้เบ๊บส์ แมนยูไนเต็ดเองก็ไม่สามารถเข้าสู่รอบชิงได้อีกเลย และส่วนมากจะตกรอบด้วยอเวย์โกล์อีกต่างหาก เคยตกรอบแรกด้วยซ้ำ นั่นแสดงให้เห็นว่า แท็คติคและการวางแผนในรายละเอียดเราสู้เขาไม่ได้ครับ ตรงนี้ อยากให้ย้อนกลับไปอ่านสามบรรทัดแรกของบทวิพากษ์อีกครั้ง เมื่อเราทราบความจริงข้อนี้แล้ว เราก็ต้องมาดูว่า ทีมเราสามารถปรับอะไรได้บ้าง ซึ่งเฟอร์กี้คงเห็นจากสิ่งที่โรนัลโด้ได้ทำ และที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ อิทธิพลจากเคยรอซ ซึ่งเราได้เห็นก่อนหน้านี้ถึงความพยายามใช้ เวรอน เคลแบร์สัน ความพยายามดึงตัวโรนัลดินโญ่เข้ามาสู่ทีมก็บอกเราเป็นนัยได้เช่นกัน ทีนี้เมื่อดูขุมกำลังของชุดปัจจุบัน เราพอเห็นอะไรบ้าง อันแรกเลยก็คือ ปีกสไตล์คลาสสิคได้บอกลาโรงละครแห่งความฝันในยุคนี้ไปแล้ว และกลายเป็นปีกจอมลีลามากทักษะอย่าง นานี่ โรนัลโด้เข้ามาทดแทน เรื่องที่ต่อเนื่องมาก็คือ เมื่อปีกสไตล์โยนบอลหมดไป กองหน้าที่เน้นการเทคขึ้นโหม่งก็มีความจำเป็นน้อยลง แต่การที่มีปีกจอมทักษะทำให้ความจำเป็นที่ต้องใช้กองหน้าประเภทเดียวกันก็มากขึ้น นั่นคือเตเวซ กับอันแดร์สันถึงได้ถูกดึงเข้ามา เพื่อสอดประสานกับปีกนั่นเอง ที่พอมองออกต่อมาก็คือ การเอาคาร์ริคมาผสมกับฮาร์กรีฟส์ นั่นแสดงให้เห็นถึงการต้องการแบ่งแยกหน้าที่ออกจากกันระหว่างตัวทำเกมและตัวตัดเกมคู่ต่อสู้ มิใช่การจับคู่แบบสโคลส์กับคีนที่ทั้งคู่ทำหน้าที่สลับกันได้เต็มตัว เมื่อเป็นเช่นนี้ เราย่อมคาดหวังต่อไปว่า เมื่อสโคลส์จากไป ฮาร์กรีฟส์คงได้จับคู่กับคาร์ริคค่อนข้างแน่ โดยที่คนหนึ่งทำเกมกลางสนาม คอยโฮลด์บอล อีกคนหนึ่งคอยตัดเกมคู่ต่อสู้ ทีนี้ คาร์ริคทำได้เหมือนสโคลส์ไหม ผมสังเกตจากเกมที่แล้ว เมื่อใช้ฮาร์กรีฟส์ นานี่ อันแดร์สัน และเตเวซลงสนามพร้อมกัน จะเห็นว่า สโคลส์ยังคงขึ้นไปบู๊เหมือนเดิม และทำให้พื้นที่ที่มีน้อยอยู่แล้วยิ่งแคบลงไปอีก ผมจึงลองคิดเล่นๆดูว่า หากเป็นคาร์ริค ที่ไม่ขึ้นบู๊ขนาดนั้น เกมจะเป็นอย่างไร เมื่อคาร์ริคและฮาร์กรีฟส์จะทำหน้าที่แค่กลางสนาม คอยรับบอล จ่ายบอลขึ้นหน้า หรือออกปีก และตัดบอลคู่ต่อสู้มาเล่น ส่วนแนวหน้าใช้ผู้เล่นมากทักษะสี่คนคอยปั่นป่วนคู่ต่อสู้และสลับกันดึงตัวประกบให้เพื่อนสอดเข้าทำ (เอ่อ... อันนี้ขอให้คิดถึงตอนที่ทุกคนเข้าขากันแล้วนะครับ)ไม่ว่าจะเป็น โรนัลโด้ กับนานี่ ด้านกว้าง และเตเวซกับรูนี่ย์ ด้านหน้า หรือจะเป็นอันแดร์สันก็ได้ ส่วนซาฮายังเป็นกองหน้าอีกสไตล์ที่สามารถลงมาเปลี่ยนเกมส์ตามแท็คติคเกมรุกยามที่ต้องการ ส่วนแบ๊คสองข้าง เอวร่าผมไม่ห่วงแล้วเรื่องเติมเกม แต่บราวน์คงไม่สามารถทดแทนแกรี่ได้หรอก เพราะเซนส์เกมรุกสู้แกรี่ไม่ได้เลย เติมเกมทีไรทำเสียแทบทุกครั้ง เรื่องนี้คงต้องรอดูกันต่อไปครับ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 50 09:36:51 จากคุณ : สงบใจ - [ 4 ก.ย. 50 09:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ดังนั้น จากที่ว่ามา ผมพอมองเห็นเค้าลางของทิศทางของทีมในอนาคตอยู่บ้าง นั่นคือเราอาจเห็นอาร์เจนติน่าหรือเม็กซิโกสวมใส่ชุดที่มีโลโก้ เอไอจี และตราปีศาจแดงนั่นเองครับ การเดินเกมรุกน่าจะออกมาในสไตล์นั้น ส่วนที่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ต้องดูกันยาวๆ แต่ตอนนี้ ปัญหาที่เราประสบเป็นข้อแรกแล้วก็คือ คู่ต่อสู้ตั้งรับเต็มกระบวนท่าครับ อย่าลืมว่า เราไม่ใช่เพิ่งเคยเจอเกมตั้งรับ เราเจอมาตลอด เพียงแต่ยุคก่อนหน้านี้นั้น เราเดินเกมบุกด้วยความรวดเร็ว และต่อบอลกันน้อยจังหวะ ซึ่งหลายๆครั้ง มันจบด้วยประตูรวดเร็วเกินกว่าที่คู่ต่อสู้จะตั้งรับหรือตั้งตัวได้ทัน ลองนึกดูเช่น สตัมตัดบอลได้ ออกบอลให้คีน คีนวางบอลต่อให้เบ๊คส์ ตอนนั้น ยอร์ควิ่งหลุดไปถึงหน้ากรอบแล้ว เบ๊คส์โยนไปลงตำแหน่งยอร์คที่ยังเข้าไม่ถึงปากประตู แต่ยังพักบอลและป้ายคืนให้สโคลส์ที่ตามมายิงจากแถวสองได้ การขึ้นเกมแบบนี้ เราเห็นบ่อยมากจนชินนะครับ แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่แล้ว คุณกระบี่เก้าสำเนียง คุณซุ่มอยู่ ก็พูดไว้หลายครั้งเช่นกันว่า เราถ่ายบอล ให้บอลวนไปเวียนมาจนน่ารำคาญ นั่นแหละครับ หากเราขึ้นบอลในสไตล์นั้น ริโอให้สโคลส์ สโคลส์ออกโรนัลโด้ โด้ยึกยักๆ หลอกซ้ายขวา ไปไม่ได้ ถ่ายคืนบราวน์ บราวน์ไม่มีลีลา ไปไม่ได้ กลับมาที่สโคลส์ มองหาเพื่อน แล้วข้ามฟากมานานี่ เอาแค่ตรงนี้ก็พอ คู่ต่อสู้กลับมากันครบแผงแล้วครับ แล้วสุดท้ายเราก็ทำได้แค่ถ่ายบอล ดึงบอลกลับกลางสนามเพื่อหาช่องใหม่ ก็กลายเป็นวนไปเวียนมาแล้ว นี่แหละครับ ที่ผมบอกว่า เราไม่ได้เพิ่งเจอการตั้งรับ เพียงแต่เมื่อก่อน เราทำเร็วเกินกว่าเขาจะตั้งรับต่างหาก แต่ตอนนี้ เราทำช้าจนเขาตั้งรับได้ทัน และเมื่อเขาตั้งรับได้ทัน การเจาะแบบที่ทำอยู่ก็ยาก ต้องเปลี่ยนมาใช้สไตล์ซาฮา ที่พักบอลในกรอบ แล้วให้เพื่อนสอดมาเล่นต่อ อย่างที่เราได้เห็นกันไปในนัดล่าสุด เราจะแก้ปัญหาอย่างไร หากยังต้องการจะเล่นในสไตล์นี้ต่อไป สิ่งที่ต้องทำก็คือ ให้ลูกทีมเข้าใจกันให้ได้เร็วที่สุด และใช้เวลากับบอลน้อยลงในแต่ละคน โดยเฉพาะโด้ กับนานี่ ทั้งนี้ก็เพื่อการจ่ายบอลและขยับหาที่ว่างให้เร็วขึ้น และเร็วพอที่จะโจมตีตอนที่พื้นที่ยังมีช่องว่าง ไม่ใช่อุตส่าห์มาเร็วๆ แล้วมาเสียเวลากับปีกอีกสิบยี่สิบวินาที แค่นั้นก็ไม่ทันกินแล้วใช่ไหมครับ แต่ถ้าหากเข้าขากันซะจนรู้ว่า ใครจะไปตรงไหนโดยไม่ต้องมอง ไม่ต้องหัน จ่ายได้เลย อันนั้นก็ว่ากันไป แต่ตอนนี้จะทำได้ง่ายหรือไม่ หากเทียบกับการเน้นให้ออกบอลเร็วขึ้น ง่ายๆแค่นั้นใช่ไหมครับ ส่วนเรื่องไปซุ่มซ้อมให้รู้อกรู้ใจกัน อันนั้นมันใช้เวลาครับไม่ใช่เดือนสองเดือนจะทำได้ง่ายๆ อีกเรื่องที่ต้องรีบปรับ ก็คือขุมกำลังสำรอง จะเห็นว่าหากเราใช้เกมแพลนนิ่งลักษณะนี้ เราจะมีแค่ตัวจริงที่รองรับรูปเกมแบบนี้นะครับ ส่วนตัวสำรอง จะเล่นแผนนี้ได้เต็มประสิทธิภาพหรือเปล่า ลองคิดว่า หากมีฮาร์กรีฟส์เป็นตัวตัดเกมจริงจังแล้ว เกิดเจ็บไป เอาโอเช หรือเฟล็ทช์มาตัดเกมแทน ได้วิ่งกันน้ำบานล่ะครับ หรือไม่ก็รูปเกมจะเสียไปอีกต่างหาก อีกเคสหนึ่ง หากนานี่ เจ็บไป โด้ถูกแบนขึ้นมาอีกพร้อมๆกัน ปีกที่เหลือในสไตล์นี้ก็หมดไป อีเกิ้ลส์ก็ไม่ใช่แบบนี้ จะเอามาโยน ก็ต้องเปลี่ยนเอาซาฮาลงมายืนแทน มันดูค่อนข้างวุ่นวายไม่น้อยนะครับ แต่ถ้าจะทำให้ได้ดี ก็ต้องเทรนพวกขุมกำลังสำรองให้คุ้นเคยกับระบบนี้ ให้เข้าใจเกมแพลนอันนี้ให้เต็มที่ เพื่อเวลาลงมาทดแทน จะได้ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงไม่เต็มร้อย อย่างน้อย เจ็ดแปดสิบเปอร์เซนต์ต้องทำได้ครับ ไม่งั้นรูปเกมเสียขบวนแน่ๆ จากคุณ : สงบใจ - [ 4 ก.ย. 50 09:36:20 ]

ความคิดเห็นที่ 8 บทสรุป เมื่อเราเดินหน้ามาถึงจุดนี้แล้ว ผมไม่คิดว่าเฟอร์กี้จะถอยหลังกลับแล้วล่ะครับ แต่น่าจะเดินหน้าลุยต่อไปเต็มที่มากกว่า อุปสรรคที่เห็นตอนนี้ที่ชัดเจนคือการหายไปของโรนัลโด้ กับรูนี่ย์ ที่ทำให้รูปเกมไม่ต่อเนื่อง อันนั้นก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่เฟอร์กี้คงยังใจเย็นอยู่และไม่กดดันตัวเองมากนักกับผลงานช่วงนี้ แต่เมื่อไหร่ที่ทั้งคู่กลับมาลงสนามได้พร้อมกัน แล้วทีมยังคงเล่นกันขาดๆเกินๆอยู่ล่ะก็ เราคงได้เห็นเฟอร์กี้ทำอะไรสักอย่างในตอนนั้นล่ะครับ คิดเห็นเป็นประการใด บอกกล่าวพูดคุยกันนะครับ สวัสดีครับ จากคุณ : สงบใจ - [ 4 ก.ย. 50 09:37:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 น่าจะไปสมัครคอลัมนิสนะครับ จากคุณ : WangYu - [ 4 ก.ย. 50 09:42:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณสงบใจถ้าว่างช่วยเปิดประเด็นวิพากษ์แนวรับที่ยังไม่ถูกทดสอบหน่อย อยากคุยกันเรื่องนี้ เพราะไหนๆนัดหน้าก็เจอเอฟเวอร์ตัน ซึ่งผมว่ามีป่วนแน่นอน จากคุณ : กระบี่เก้าสําเนียง - [ 4 ก.ย. 50 09:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ต้องขอบคุณการวิเคราะห์ที่ดีมากของคุณสงบใจนะครับ แต่ความคิดผม คิดว่านักเตะชุดนี้อาจจะเป็นชุดที่ดีที่ดีที่สุดชุดนึงตั้งแต่แมนยูมีมา เพราะทรัพยากรมีคุณภาพมาก ขาดก็แต่ ความเข้าใจเกมส์ร่วมกัน  และนักเตะ ที่บาดเจ็บกลับคืนทีม และทีมนี้จะเป็นทีมที่ผลัดใบ แมนยู ครั้งใหญ่อีกครั้ง ดั่งเช่นปี 95-96 เพราะอีกไม่นาน สโคลส์ กิ๊กส์ เนวิลล์  ซาร์ ไม่รวมโซลชาที่เลิกไปก่อน แต่ผมก็มั่นใจว่าตราบใดที่เซอร์อเล็กยังอยู่จะต้องจูนชุดนี้เป็นยอดทีมได้อีกแน่ ตั้งแต่แมนยูได้แชมป์เอฟเอคัพ ปี90 และได้คัพวินเนอร์ปี 91 ระบบการเล่นแมนยูยังไม่เข้าที่เข้าทางนักในลีกไม่มีลุ้นเลย เซอร์มาปรับทีมจนมีลุ้นในลีกก็ปี 91-92 แต่ก็พลาดให้ลีดส์   พอปี 92-93ก็ได้แชมป์เพราะจิ๊กซอร์ชั้นเลิศอย่างคันโตน่า แมนยูเลยเกรียงไกรในอังกฤษ  จนผมอดคิดว่าทีมนี้คือทีมที่แมนยู ไม่มีทางจะเปลี่ยนในเร็ววัน จนสิ้นปี 94-95  แมนยยูพลัดใบ ขาดตัวหลักไป    แต่ละคนนับเป็นยอดนักเตะ  ทั้ง อินซ์ ฮิวจ์ส  แคนแคน และดันเด็ก ขึ้นมา ผมนึกว่าแมนยูหมดความยิ่งใหญ่แล้วแต่เซอร์อเล็กก็ยังปรับทีมชุดนั้น โดยหน้าให้ก็องโต้ประคอง กลางมีคีน หลังมีพัลลี่ ถึงปี 99 แมนยูได้ทริปเบิ้ลแชมป์ จะเสริมตัวพอสมควรแต่ แกนหลักก็มาจากดาวรุ่งที่ท่านเซอร์ ดันขึ้นมา นี้คือความสำเร็จที่ ยิ่งใหญ่ของท่านเซอร์ ต้องชมว่าใจถึงมากกว่า ที่กล้าขายตัวเก๋าและดันเด็กขึ้นมาในปี95 หลังจากนั้นก็มียุค รุดขึ้นมา จนได้แชมป์พรีเมียร์ จนมาถึงยุคปัจจุบัน  ที่มีเจเนอเรชั่นทั้งจากการปั้นและซื้อ   ผมก็ยังเชื่อว่าท่านเซอร์จะจูน นักเตะของแมนยู จนเป็นยอดทีมอีกครั้งด้วยเวลาไม่นานนี้ เพราะท่านเซอร์เปรียบเสมือนพ่อนักเตะยามอยู่ในสโมสรคือให้ความเข้าใจถึงเรื่องส่วนตัว เพราะท่านเซอร์เปรียบเสมือนครู คือคอยเฝ้าสอนนักเตะ เพราะท่านเซอร์คือนักวางแผน เพราะท่านเซอร์คือผู้จัดการที่เก่งอาจจะไม่ใช่ที่สุดของโลก แต่ก็ไม่น้อยหน้าใครในระบบการจัดการของโลกปัจจุบันนี้ แมนยูอาจจะขาดอะไรก็ได้แต่ผมว่า ถ้าขาด เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสันและแมนยู คงสะเทือน  และส่งผลกระทบ มากอย่างที่สุด นี่คือความคิดของผมคนเดียวนะครับ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 50 09:55:41 จากคุณ : จูล่งแห่งเสียงซาน - [ 4 ก.ย. 50 09:51:51 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อ่านแล้วตาลายดีเหลือเกินนะครับ คุณ สงบใจ...อิอิ แมนฯยู ชุดนี้เท่าที่ผมดู และสังเกตุมา ผมว่านักเตะชุดนี้ มีดีเหลือหลายเลยนะครับ.. ขอให้เพียงจับจุดกันได้ และลงตัว ผมว่าน่ากลัวเลยหล่ะ เพราะว่า กว่าที่ เตเวซ แอนเดอร์สัน หรือแม้กระทั่งฮากรีฟ จะซ้อมร่วมกันได้ก็ปาไปเกือบๆ เปิดฤดูกาล ฉะนั้นความเข้าใจ มันก็ต้องน้อยกว่าทีมหัวแถวในเวลานี้อย่างลิเวอร์พลูแน่นอน ... เซอร์เอล็กซ์ กำลังจะสร้าง โมเดล รูปแบบเข้ามาใหม่ๆ เพื่อพยายามไม่ให้ติดกับรูปแบบเดิมๆ ซึ่งตรงนี้ผมว่าเฟอร์กี้ก็กำลังภาวณาให้นักเตะที่เจ็บกลับมาโดยเร็ว เพื่อจะมาเติมสิ่งที่เค้าได้ว่างรูปแบบใว้ให้ลงตัวนะครับ.. จะเป็นอาร์เจน ใส่ชุด สีแดงตราปีศาจถือสามง่าม หรือโปรตูกีส สวมชุดเอไอจี มันก็ดีเหมือนกันนั่นแหละครับ แต่ว่าใส่ชุดไหนมันจะเท่ และสาวๆมอง...  มันก็ขึ้นอยู่กับว่านักเตะที่ซื้อมา สามารถเล่น และลงตัวกับโมเดลที่เฟอร์กี้วางใว้มากแค่ไหนเท่านั้นเอง... จากคุณ : พริบพรรณดาว - [ 4 ก.ย. 50 10:09:31 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามาอ่านค่ะ เพลินเลย ^ __^ พอจะเข้าใจเฟอร์กี้มาสักสองสามฤดูกาลแล้วค่ะ ว่าอยากจะเป็นเจ้ายุโรปอีกสักครั้ง ฉะนั้น เรื่องนี้ก็เคลียร์สำหรับการซื้อ นานี่ และ แอนเดอร์สัน จากคุณ : BabyRed - [ 4 ก.ย. 50 10:14:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณคุณสงบใจมากครับ สำหรับบทวิเคราะห์ดีๆ ร่วมถึงคุณจูล่งด้วย ตอนนี้ที่ผมหนักใจก็คือ 1.เกมรับ ตอนนี้ขนาดริโอปักหลักคู่กับวิดิช เรายังอุ่นใจไม่ค่อยได้เลย ถ้าเกิดคนใดคนหนึ่งลงไม่ได้ ...ยังไม่อยากจะจินตนาการภาพเลย 2. แมนยูกับนักเตะลาตินอเมริกา เหมือนกับยังเป็นของแสลงกันอยู่ ...ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ อย่างเตเวช เล่นในพรีเมียร์มา 1 ฤดูกาล ผมว่าเรื่องปรับตัวกับเกมเร็วในอังกฤษคงไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือรูปแบบการเล่น จะเข้ากับเกมของแมนยูได้มากแค่ไหน ในเวลาที่เราเล่นโดยไม่มีกองหน้าตัวพักบอล หรือแมนยูต้องปรับระบบเข้ากับคู่กองหน้าขาลุยสองตัว ส่วนแอนเดอร์สันเนี่ย...ยังไม่เห็นหมอนี่เล่นมากนัก ขอดูฟอร์มไปซักพัก แต่กลัวจะทำเหมือนสโคลด์ไม่ได้ ผมชอบกองกลางเหมือนสโคลด์อ่ะครับ ส่วนตัวแทนคีนเนี่ย ฮากรีฟ น่าจะทำได้ดีมากเลยล่ะ พูดถึงกลางต่อนิดๆ ถ้าคาริคเล่นแทนสโคลด์ได้ก็น่าจะดีนะครับ 3. ก็ขุมกำลังสำรองนี่ล่ะ ...ผมชอบนะที่แมนยูมักจะดันดาวรุ่งขึ้นมา แทนที่จะซื้อนักเตะที่เป็นเกรดธรรมดาเข้ามาเป็นอะไหล่สำรอง (โดยเฉพาะกองหลัง) แต่บางที ถ้าเกิดเยาวชนทำไม่ได้ เราก็จำเป็นต้องมีตัวสำรองที่อ่นใจได้ระดับนึงมากกว่านี้รึเปล่า? ว่าแล้วก็รอดูนัดต่อไป อิอิ จากคุณ : หน่วยต่อสู้อากาศยาน - [ 4 ก.ย. 50 10:23:18 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เขียนได้คุณภาพ ดีกว่าคอลัมนิส ตัวจริงหลายๆ คนในสตาร์ซอกเกอร์อีกนะเนี่ย แต่อย่าไปสมัครเลยครับ  เสียดาย ประเดี๋ยวไม่ได้อ่านฟรีในนี้ จากคุณ : FriFeb13 - [ 4 ก.ย. 50 10:26:23 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณหวังอยู่... ขอบคุณที่ชมครับแหะๆ คุณกระบี่เก้าสําเนียง... เดี๋ยวจะลองจัดดูให้นะครับ คุณจูล่งฯ กับคุณพริบพรรณฯ... ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ และยืนยันอีกเสียงว่า เชื่อใจเฟอร์กี้ครับ อยากเห็นกับตาว่าชุดนี้จะไปได้ถึงตรงไหน หากจูนกันเข้าที่เข้าทางเต็มที่ เอาใจช่วยเช่นกันครับ คุณเบี้เรดและหน่วยต่อสู้.... ขอบคุณครับที่ติดตามอ่าน และเห็นด้วยครับ คุณ FriFeb13 ขอบคุณครับ ปล. เข้ามาแก้ หลังอ่านคอมเมนต์ซ้ำๆ จนเข้าใจดีขึ้น  ชักมึนแฮะครับ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 50 10:50:09 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 50 10:35:14 จากคุณ : สงบใจ - [ 4 ก.ย. 50 10:34:03 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มาอ่านครับ ขยันคิด  ขยันพิมพ์มาก ๆ เลยครับ จากคุณ : ขุนไกรครับผม - [ 4 ก.ย. 50 10:40:43 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เห็นด้วยครับ ผมมั่นใจกับชุดตัวหลักมากๆ ครับ แต่กังวลใจตัวสำรองมากกว่าครับ  คริส อีเกิลส์ จะทำได้ดีแบบนั้นรึเปล่า  วิ่งเร็ว กระชากเก่ง  อย่างเดียวไม่ได้ทำให้เลี้ยงผ่านใครได้นะครับ   (ผมมองว่าเฟรทเชอร์ น่าจะเหมาะสำหรับเล่นกองกลางนะ) ผมลืมปาร์ก ไปเลย  ผมคิดว่า ปาร์กน่าจะเป็นกำลังสำรองชั้นดีของเรานะครับ  ลี มาร์ติน ปีกซ้ายอีกคนด้วย จากคุณ : อยู่กับผี - [ 4 ก.ย. 50 10:55:06 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อ่านเพลินดีครับคุณสงบใจ อ่านๆไปผมดันนึกถึงแบล็กเบรินซะงั้น ที่เป็นบอลสไตล์โยนยาวจากปีก เข้าทำไว เล่นหนัก (เหลือง แดง กระจาย)กองหน้าเล่นลูกกลางอากาศดี ยิงดี คล้ายๆกับแมนยูชุด 3 แชมป์ นะครับ (แต่เล่นดีไม่เท่า) เด็กผีแต่แอบกิ๊กกุหลาบไฟ จากคุณ : ยำไข่เค็ม - [ 4 ก.ย. 50 11:08:04 ]

ความคิดเห็นที่ 20 2 นัดถัดไป คงเป็นบททดสอบทีมนี้ล่ะครับ  เยือนเอฟเวอร์ตัน เหย้าเชลซี หนักจริงๆ - -' จากคุณ : SamuDi Knight - [ 4 ก.ย. 50 11:41:08 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณสำหรับข้อเขียนและบทวิเคราะห์ กำลังนึกภาพตามอยู่ครับ... :-) เห็นด้วยเหมือนกับกับหลายๆ คนครับ ที่ว่าทีมชุดนี้เป็นชุดที่ดีกว่าในรอบหลายๆ ปี ที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ดีที่สุด ตรงเรื่องขุมกำลังสำรองนี่แหละ ชุด 11 คนแรก กับกำลังเสริมที่เหลือ คุณภาพห่างกันเหลือเกิน แต่สังเกตกันมั๊ยครับ ว่ามันก็เป็นอย่างนี้มาตลอด นั่นแหละ นับจากชุดทริปเปิ้ลแชมป์แยกย้ายสลายตัวกันไป... ...และป๋าแกก็คงจะรู้ดี แต่ก็ไม่เห็นแกจะเดือดเนื้อร้อนใจอะไร.. เพราะตัวสำรองที่ส่งลงมา แกก็ต้องการให้มาเล่นตามคำสั่งหรือแทคติกที่แกวางไว้เท่านั้น.. อย่างโอเช หรือเฟลทเชอร์ และส่วนใหญ่ก็ทำหน้าที่กันได้ไม่บกพร่อง...ซะด้วยซิ แต่ก็นั่นละครับ เราไม่มีตัวสำรองแบบที่ลงมาพลิกเกม หรือคนที่พอลงมาแล้ว จะทำให้เรารู้สึกว่า "เดี๋ยวมีเฮ" มานานแล้ว.... (นับตั้งแต่เทดดี้ย้ายออกไป และเบอร์ 20 เริ่มเจ็บกระเสาะกระแสะ).. และ.....กิกส์กับสโคลลี่ กำลังจะได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรตินั้น.....!!! ประสบการณ์หรือเซนต์บอลของทั้งคู่ ยังอยู่ช่วยทีมได้อีกอย่างน้อยปีสองปีละครับ ตอนนี้ตัวหลักก็ทะยอยกันกลับมาแล้ว ผมเชื่อว่าทีมก็จะเริ่มลงตัวขึ้น และกลับมาสู่หนทางป้องกันแชมป์เหมือนเดิม.... ลองนึกดู นักเตะอย่าง รูนีย์ เตเบซ โรนัลโด้ นานี่ แอนเดอร์สัน ฮาร์กรีฟ คาร์ริค.. หรือเสือเฒ่าอย่างกิกส์กับสโคลล์ ถ้าจูนกันติด................................................ ใช่ครับ.... ปีนี้ลิเวอร์พูลดูลงตัวและน่ากลัวมากขึ้น เซลซีกับอาร์เซนอลก็ยังเคี่ยวเหมือนเดิม..... ไหนจะยังมีนิวคาสเซิล เอฟเวอร์ตัน แบล๊คเบิร์น ที่ดูมุ่งมั่นเหลือเกิน เหนื่อยแน่ครับกับการป้องกันแชมป์ของเรา แต่ที่รู้... EPL ปีนี้มันส์หยด..........ชัวร์ เอ....นี่มันคนละเรื่องกับที่น้าหงบเขียนใช่มั๊ยเนี่ย........ จากคุณ : next station - [ 4 ก.ย. 50 11:41:57 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อ่านแล้ว รู้สึก นับถือค่ะ นับถือ เห็นภาพเลย รู้สึกเหมือนกันว่่า ทำไมแมนยู เจอแต่เกมตั้งรับ แต่จะว่าไปก็โดนตั้งรับมาตั้งนานแล้ว แต่สมัยก่อนเขาลงไปรับไม่ทันกัน ก็เลยไม่ค่อยรู้สึกอะไร ไม่เหมือนในตอนนี้ เปิดหูเปิดตามากๆ เลยค่ะ ขอคารวะ ^_^ จากคุณ : prettynarak - [ 4 ก.ย. 50 11:43:12 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แมนยูอาจจะขาดอะไรก็ได้แต่ผมว่า ถ้าขาด เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสันและแมนยู คงสะเทือน  และส่งผลกระทบ มากอย่างที่สุด นี่คือความคิดของผมคนเดียวนะครับ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 50 09:55:41 จากคุณ : จูล่งแห่งเสียงซาน  - [ 4 ก.ย. 50 09:51:51 ] ^ ^ ขอคิดแบบคุณจูล่ง ด้วยคนนะ เห็นด้วยเลยกับประโยคนี้   จากคุณ : fan_man_u - [ 4 ก.ย. 50 11:52:13 ]

ความคิดเห็นที่ 24 1.ผมไม่ใช่กองเชียร์แมนยูฯ แต่การวิเคราะห์ของท่านเจ้าของกระทู้ดีมากทีเดียวครับ จากคุณ : นายเจ็ดตัวอักษร - [ 4 ก.ย. 50 11:52:28 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณมากครับ ยอดเยี่ยมเช่นเคยครับ :) จากคุณ : ป้อแป้เป็นเยลลี่ปีโป้ - [ 4 ก.ย. 50 12:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณค่ะ ติดตามกระทู้คุณสงบใจตลอดเลย จากคุณ : ผักทอดยอด - [ 4 ก.ย. 50 12:26:40 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ฟังน้าสงบใจ วิพากษ์ ก็ให้นึกถึง FM2007 ที่เคยเล่น แหมมันชั่งทำเกมส์มาละเอียดดีแท้ ยังกับแทคติคในสนามจริงๆ เลย อย่างเกมส์กับ ซันเดอแลน เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาเนี่ยหาก เป็นในเกมส์เราเป็นต่อมาก คอมป์มันจะมาอุดสุดๆ เจาะยังไงก็ไม่เข้า ยิ่งดันสูงยิ่งบุก ก็แค่ไปเคาะบอลในแดนคู่ต่อสู้เท่านั้น หากเราลองถอย แนวการณืการบุกลองมาเคาะบอลที่กลาง สนามรอช่อง หาโอกาส มันก็พอมีนะ โอกาสที่จะได้ประตู ไม่ใช่ ตะบี้ตะบันกดเขา อยู่แต่ในกรอบ ผมว่าการทดลองแทคติคของท่านเซอร์ครั้งใหม่ นี้ถูกทดสอบเร็วไปหน่อยเพราะ มันควรจะถูกใช้โดยตัวจริงอย่าง โด้หมูสับ กับ หมูรูนก่อน แต่ดันไม่อยู่ในสนามทั้งคู่ซะนี่ มันเลย เป็นการจัดแผนแบบใหม่จริงๆไม่ใช่ที่ซ้อมมาตั้งแต่ พรีซีซั่นนะครับ ผมคิดแบบนี้นะ ปล. นอกเรื่องไปซะไกล แหะๆ ก็มันเหมือนจริงๆนะเกมส์นี้อ่ะ FM2007 จากคุณ : ค้างคาวเฒ่า - [ 4 ก.ย. 50 12:42:48 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณจ้า   จากคุณ : Perfect Day : P-Blur - [ 4 ก.ย. 50 13:01:09 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ตามน้ำ เอ้ย...ตามนั้นงับ แต่อยากเห็น คาริค กะ ฮากริบ ลงมาทำเกมร่วมกันไว ๆ จังเลย (คู่ดูโอแห่งอนาคต) และอีกอย่างนะงับ แมนยู หน้าตัวเดียว กี่ปี ๆ ก็ไม่เวอคเลยแหละ จากคุณ : Jaxx5788 - [ 4 ก.ย. 50 13:02:58 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ผมว่ามันยังผสมไม่ลงตัวหนะครับ ไม่รู้จะผสมยังไงดี ถ้าตัดปีกออก จะเหลือกองกลาง มี 1.ฮากรีฟ 2.คาริค 3.นานี่(หน้าต่ำหรือกลางสูงหว่า ???) 4.เตเบส(หน้าต่ำ) 5.ซาฮา(ปกติหน้าสูงแต่ลงมาเล่นหน้าต่ำหรือออกปีกได้) ปวดหัว เหมือนที่ป๋๋าแกยังเจออยู่นี่แหละ ไม่รู้จะเล่นอะไรดี 4-4-2 4-3-3 4-5-1 4-2-2-2 สรุป ปวดหัว จากคุณ : pinestand - [ 4 ก.ย. 50 13:11:47 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมอยากให้ความเห็นแบบนี้นะครับ อย่าไปยึดตามสูตรการเล่นในหน้ากระดาษจนเกินไป หลายครั้งที่ไลน์อัพโชว์อย่างหนึ่ง แต่พอเล่นในสนาม กลับสลับกันจนเรางง ดังนั้น  4-4-2, 4-3-3, 4-4-1-1, 4-5-1 ก็ไม่ต่างกันในสนามครับ เพราะเท่าที่ได้ดูมา สุดท้ายก็พากันขึ้นๆลงๆ ซ้าย ขวา ซ้ายขวา A B Start เอ๊ย..ไม่ใช่ สุดท้ายก็สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกันจนผมเองเดี๋ยวนี้ เอาข้อมูลมาวิพากษ์ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยครับ คราวที่แล้ว เตเวซ เหมือนหน้าต่ำกึ่งมิดฟิลด์ด้วยซ้ำ เอวร่าก็เล่นตรงปีกมากกว่านานี่ซะอีก เดี๋ยวนี้ดูแมนยูแล้ว ต้องมีสมาธิครับ ใครอยู่ตรงไหน ต้องดูดีๆ ไม่งั้นพลาด จากคุณ : สงบใจ - [ 4 ก.ย. 50 13:21:44 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ใครที่อ่านบทวิเคราะห์นี้ของคุณสงบใจ แม้เพิ่งจะเป็นแฟนแมนยูก็จะเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันได้ง่ายๆ เลยนะครับ ผมแฟนปืนน่ะครับ ในย่อหน้านี้ คุณกระบี่เก้าสำเนียง คุณซุ่มอยู่ ก็พูดไว้หลายครั้งเช่นกันว่า เราถ่ายบอล ให้บอลวนไปเวียนมาจนน่ารำคาญ นั่นแหละครับ หากเราขึ้นบอลในสไตล์นั้น ริโอให้สโคลส์ สโคลส์ออกโรนัลโด้ โด้ยึกยักๆ หลอกซ้ายขวา ไปไม่ได้ ถ่ายคืนบราวน์ บราวน์ไม่มีลีลา ไปไม่ได้ กลับมาที่สโคลส์ มองหาเพื่อน แล้วข้ามฟากมานานี่ เอาแค่ตรงนี้ก็พอ คู่ต่อสู้กลับมากันครบแผงแล้วครับ แล้วสุดท้ายเราก็ทำได้แค่ถ่ายบอล ดึงบอลกลับกลางสนามเพื่อหาช่องใหม่ ก็กลายเป็นวนไปเวียนมาแล้ว นี่แหละครับ ที่ผมบอกว่า เราไม่ได้เพิ่งเจอการตั้งรับ เพียงแต่เมื่อก่อน เราทำเร็วเกินกว่าเขาจะตั้งรับต่างหาก แต่ตอนนี้ เราทำช้าจนเขาตั้งรับได้ทัน และเมื่อเขาตั้งรับได้ทัน การเจาะแบบที่ทำอยู่ก็ยาก ต้องเปลี่ยนมาใช้สไตล์ซาฮา ที่พักบอลในกรอบ แล้วให้เพื่อนสอดมาเล่นต่อ อย่างที่เราได้เห็นกันไปในนัดล่าสุด ผมรู้สึกว่าปืนก็มีปัญหานี้มาก่อนเหมือนกัน จึงอยากถามคุณสงบใจว่า ปัญหาอยุ่ที่กองหน้าตัวปิดสกอร์เหมือนกันรึเปล่า เพราะปืนฤดูกาลที่แล้วมีโอกาสยิงต่อเกมส์บางเกมส์ มากกว่า 20 ครั้งแต่ไม่ชนะ บางทีก็แพ้ เหมือนผี 4 เกมส์ก่อนหน้าเลย ขอบคุณนะครับ จากคุณ : เพชรฆาตสีส้ม - [ 4 ก.ย. 50 13:39:48 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมแฟนผีนะ ปีที่แล้วเท่าที่ดูปืนเล่นนะงับ แถวสองไม่คม(อย่างแรง) ผมนั่งดูบางเกมเนี่ยยิงกันอุดตลุด เห็นแล้วโคตรน่ากลัว แต่มันกลายเป็นว่ายิงแบบนั้นเกือบทั้งซีซั่น แล้วสกอไม่มามันก็ไม่มีประโยชน์งับ ถ้าลองมีพวกเท้าหนักๆ คม ๆ แบบ เอสเชียง แลมพ์ เจอร์ราด สโคล รับรอง ปีที่แล้วลุ้นกะแมนยู เชลซีมันกว่านี้เยอะ จากคุณ : Jaxx5788 - [ 4 ก.ย. 50 13:49:07 ]

ความคิดเห็นที่ 34 วิเคราะห์ดีครับ ปล. จขกท กดสูตรนี้เป็นนี่อายุ 3x ขึ้นไปชัวร์ จากคุณ : s7014249 - [ 4 ก.ย. 50 13:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อ้างอิงคุณเพชฌฆาตฯ และ คุณแจ๊กซ์ ผมว่าคล้ายๆกันครับ ที่เรามองกันว่าขาดตัวปิดสกอร์น่ะ ผมอยากคอมเมนต์ว่ามันไม่ใช่นะครับ เพราะเท่าที่ดูมาสี่ห้านัดนี่ ของแมนยูไม่ใช่ขาดตัวปิดสกอร์ครับ แต่ขาดคิลเลอร์พาสอย่างที่หลายๆคนว่าไว้ ที่จริงคิลเลอร์พาสมันเกิดขึ้นบ่อยมาก แต่ไม่ถึงตัว มันจึงไม่ใช่คิลเลอร์พาส ที่ไม่ถึงตัว ก็เพราะทำทางกันยังไม่ดี ยังไม่เข้าใจกัน จูนกันยังไม่ติด พูดง่ายๆก็คือยังไม่  คลิ๊ก  กันครับ และหากยังไม่ คลิ๊ก มันก็เจาะไม่เข้าเท่านั้นเอง หาก  คลิ๊ก  ได้เมื่อไหร่ ผมว่ายิงได้เมื่อนั้นแหละ เหมือนตอนปีที่แล้วที่ รูน กับรอน  คลิ๊ก  กันไงครับ แต่ของปืน เจาะเข้าได้ตลอด แต่ยิงไม่เข้าซะมากกว่าครับ ผมมองเป็นรื่องของโชคนะ ในกรณีนี้ เพราะการบุกของอาร์เซนอล จบด้วยการยิงแทบทุกครั้ง และแต่ละคน ก็ยิงสวยๆทั้งนั้น อย่าลืมครับ อองรีก็ไม่ใช่สไตรค์เกอร์นะ แต่ทำไมผลิตสกอร์ได้อย่างต่อเนื่องล่ะครับ ผมว่า อาร์เซน่อลตอนนั้นก็ยังไม่คลิ๊กเช่นกันครับ แต่ตอนนี้คงดีขึ้นแล้ว ปัญหาหลักของปืนกับผีที่เหมือนกันก็คือ จังหวะสุดท้ายเล่นกันมากครั้งเกินไปครับ ทำให้คู่ต่อสู้ลงมารับกันได้ทัน และเหลือช่องน้อยลง ทำให้ยิงยากขึ้น แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 50 13:59:21 จากคุณ : สงบใจ - [ 4 ก.ย. 50 13:58:44 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมขอย้อนไปถึงตอนที่เฟอร์กี้ซื้อตัว ฮวน เวรอน เข้ามา จุดประสงค์หลักของเฟอร์กี้แน่นอนคือ ต้องการแชมป์ยุโรปอีกครั้ง โดยที่เฟอร์กี้อาจคิดว่าเติมผู้เล่นในสไตล์ยุโรป เทคนิคดีๆซักคนคงช่วยได้ แต่ทีมของเค้าคือทีมที่เล่นในสไตล์อังกฤษ แม้ไม่ใช่อังกฤษโบราณ เพราะยังเน้นการต่อบอลซะส่วนมากไม่ได้ตะบี้ตะบันโยน แต่เวรอนเข้ามาคนเดียวไม่สามารถทำอะไร แถมเค้ายังทำให้ระบบทีมโดยรวมปั่นป่วน ซึ่งผมไม่โทษเวรอนนะว่าเค้าไม่ขยัน ไม่วิ่งบ้าเลือด เพราะนั่นไม่ใช่คุณภาพของเค้าที่จะทำอย่างนั้น ผมมองว่าเฟอร์กี้ไม่สามารถดึงสิ่งที่ดีที่สุดจากเวรอนให้เข้ากับทีมของเค้าได้ เคลเบอร์สันก็เช่นกัน มันจึงเกิดข้อสงสัยว่าเฟอร์กี้จะจัดการนักเตะละตินได้หรือไม่ มันยังเป็นเครื่องหมายคำถามสำหรับผมอยู่ กรณีเวรอน และเคลเบอร์สัน ทำให้ผมคิดเช่นนั้น และปัจจุบันเรามีนักเตะที่มากละิติน 2 คนคือเตเวซและอันเดอร์สัน โปรตุเกส 2 คน คือนานี่และโรนัลด้ ผมอยากดูว่าเฟอร์กี้จะจัดการพวกเค้าเหล่านี้อย่างไร ในรายของโรนัลโด้กว่าจะมีวันนี้ก็แทบรากเลือดสองปีแรกไปไม่เป็นเหมือนกัน ส่วนปีที่ 3 ผมไม่รู้ว่าจะให้เครดิตกับเฟอร์กี้หรือฟุตบอลโลกที่เค้าต้องการปิดปากคนที่ด่าเค้าดี ที่ทำให้เค้าโชว์ฟอร์มกระฉูดขนาดนั้น แต่ยังไงก็ต้องให้เครดิตเฟอร์กี้ที่ทำให้เค้ามีวันนี้ แต่อย่างไรก็ดีต้องยกความดีความชอบให้โรนัลโด้มากๆที่ปรับตัวให้เข้ากับสไตล์เฟอร์กี้ได้ ส่วนนักเตะอีก 3 คน คือ นานี่ อันเดอร์สัน เตเวซ ยังต้องดูต่อไป เฟอร์กี้จะทำได้หรือไม่ต้องจับตาดูให้ดี หาปรับตัวได้รับรองแมนยูยุคใหม่น่ากลัวแน่นอนมันจะมีความลงตัวระหว่างฟุตบอลเทคนิคกับฟุตบอลซาดิตส์ และไม่มีทางที่ทีมนี้จะมีสไตล์เหมือนอาร์เซน่อลแน่นอน แม้เฟอร์กี้จะไปคุมอาร์เซน่อลของเวนเกอร์ก็ตาม (ที่เหมือนตอนนี้ก็แค่ยิงเยอะแต่ไม่เข้าเท่านั้น) แต่ถ้าทั้งหมดล้มเหลวเราคงจะได้เห็นปีกสไตล์อังกฤษเดิมๆ อย่าง สจ๊วต ดาวนิ่งอะไรประมาณนั้นแน่ๆ แต่ผมว่า 3 คนนี้โชคดีที่มีโรนัลโด้ที่มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จมาก่อนเป็นใบเบิกทาง และเฟอร์กี้ปรับสไตล์ของตัวเองไปไม่น้อยเช่นกัน ปิดท้ายนิดนึงนักเตะที่ผมจับตามากที่สุดคือ อันเดอร์สันครับ วัดกึ๋นเฟอร์กี้กันเลยทีเดียวเลยว่ากรณีเวรอนจะกลับมาหลอกหลอนหรือไม่ ถ้าปั้นเด็กคนนี้ได้กระฉูดครับ ปล.ข้อเขียนคุณสงบใจมีประเด็นคุยเยอะมากเลยครับ ผมยกแต่เรื่องการปั้นนักเตะละตินละกัน เพราะเป็นอนาคตและทิศทางของทีมเราเลย จากคุณ : rudy - [ 4 ก.ย. 50 14:05:27 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณครับ..  กระจ่าง จากคุณ : ~-=AUSFAhRT=-~ - [ 4 ก.ย. 50 15:23:09 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ^ ^ ^ ^ ผมก้คิดเหมือนกันเกี่ยวกับ น้องแอน ปมเสียว 17m มันจะเสียเปล่าหากปั้นไม่ได้ แต่ยังไงซะ ป๋า ก็คือ ป๋า เอาใจช่วยอย่างเดียว ว่า น้องแอน จะสามารถ เรียกความสามารถแบบ ที่ป๋า เคยพูดไว้ ถ้าน้องแอนสามารถเล่นได้แบบ ที่ป๋าหวัง ผมว่า แนวบอล แมนยูจะเปลี่ยนแปลงไป ในแบบที่เราไม่คาดฝัน นึกแล้ว อดสนุกกับการมีนักเตะให้เลือกเล่นหลายแบบไม่ได้จริงๆ หวังว่าจะมีวันนั้น สำหรับ ผีแดงอย่างเราๆ จากคุณ : ยุ่งแฮะ - [ 4 ก.ย. 50 15:25:36 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ปกติอ่านอย่างเดียว วันนี้ขอชมเจ้าของกระทู้หน่อยเถอะ วิจารณ์ได้เจ๋งมากๆคะ แมนยูช่วงนี้เจอปัญหายิงยังไงก็เจาะไม่ได้สักที หรือได้ทีก็ยากเหลือเกิน อยากเห็นเด็กรุ่นนี้เล่นเข้าขากันได้เร็วๆจัง จากคุณ : I am mayfairy - [ 4 ก.ย. 50 15:29:02 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ตามมาอ่านค่ะ วิเคราะห์ได้เยี่ยมอีกแล้ว รวมทั้งท่านอื่นๆ ที่เข้ามาร่วมตอบกระทู้นี้ด้วยนะคะ ได้รับความรู้ไปเพียบเลย จากคุณ : ผ่านมาทักทาย - [ 4 ก.ย. 50 15:59:37 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณสงบใจเขียนได้ดีมากครับ อย่าลืมรวบรวมงานเขียนของตัวเองพิมพ์เป็นหนังสือขายนะครับ ใช้ชื่อสงบใจนี่แหละ น่าจะเป็นหนังสือขายดีเล่มหนึ่งเลยนะครับ จากคุณ : นายชัย - [ 4 ก.ย. 50 16:54:41 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ยังวิเคราะห์ได้คม เช่นเคยนะครับคุณสงบใจ ..อ่านแล้วทำให้มีแง่คิดให้ชวนคิดตามเยอะเลย   ผมว่าน่าจะลองให้เฟลตเชอร์เล่นแบ็คขวาแทนบราวน์ดูนะ ฤดูกาลที่แล้วก็มีให้เห็นบ้างแล้ว... บางทีเกมส์ทางขวาอาจจะดูดีขึ้นกว่าตอนนี้ เพราะอย่างน้อยด้วยการที่เคยเป็นมิดฟิลด์มาก่อนการเข้าใจในเกมส์ และการจ่ายบอลน่าจะดีกว่ากองหลัง ถึงเกมส์รับอาจจะทำได้ดีไม่เท่าบราวน์ ที่สามารถหุบตัวเองเข้ากลางมาป้องกันลูกกลางอากาศและบล็อกลูกยิงของฝั่งตรงข้าม แต่อย่างน้อยการเข้าบอลและการยืนตำแหน่งหลังจากขึ้นไปเติมเกมส์น่าจะทดแทนกันได้ จากคุณ : Archdemon - [ 4 ก.ย. 50 17:08:55 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เข้ามาอ่านค่ะ เหมือนอ่านนิยาย..... ได้ความรู้เพียบเลย จะเป็นไงต่อ ก็ต้องลุ้นกันต่อไป จากคุณ : กากีแกมเขียว - [ 4 ก.ย. 50 17:11:12 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คุณสงบใจวิเคราะห์ได้ชัดมาก เห็นด้วยกับหลายๆอย่างไม่ทราบพี่เป็นนักบอลด้วยหรือเปล่าครับ เพราะดูแล้วเหมือนคนที่เคยลงแข่งแล้วเจออะไรมาหลายๆแบบ จากคุณ : โน้ต พ.ศ.ไหน - [ 4 ก.ย. 50 17:26:22 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ดีมากครับ จากคุณ : dabodabo55 - [ 4 ก.ย. 50 18:06:49 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ผมสงสัยว่า เฟอร์กี้ มีความถนัดที่จะทำทีมสไตล์อังกฤษที่เทคนิคไม่ต้องมาก แต่มีลูกบู๊ลูกฮึดได้ตลอด ... ทำไมเฟอร์กี้ไม่ทำต่อ บอลสไตล์เทคนิคสูง ดูสวยงาม ยังไงๆ มันก็คงไปกันได้ยากสำหรับอังกฤษ หรือแม้แต่ตัวเฟอร์กี้เอง ที่ทำทีมบอลมาเกือบทั้งชีวิต แต่เพิ่งมาเปลี่ยนเอาตอนแก่แล้ว ... มันจะทันคนอื่นๆได้ยังไง สาเหตุที่ป๋าเฟอร์กี้อยากเปลี่ยนแนว นอกจากอิทธิพลจากเครอซที่คุณสงบใจว่าแล้ว... ผมว่ามันยังมีเหตุผลจากหลายปีที่ผ่านมา แมนยูฯ ตกรอบด้วยฝีมือทีมจากอิตาลี และสเปน บ่อยๆ จนเฟอร์กี้คิดว่า "กรูทนไม่ไหวแล้ว" เลยอยากจะชนะบอลเทคนิค ด้วยเทคนิค ... ถ้าจะบอกว่าทำบอลสไตล์เทคนิคสูง เพื่อจะไปเอาถ้วยแชมเปี้ยนลีก ก็โอเคพอมีเหตุผล ... แต่ผมคิดว่ามันยากถึงยากที่สุด ระหว่างทีมที่เล่นสไตล์นี้มาเกือบร้อยปีอย่างพวกอิตาลี สเปน กับทีมที่เพิ่งหัดเล่น อย่างแมนยูฯ จะไปสู้กันได้ยังไง .. ทำไมไม่หาจุดแข็งที่เราถนัดปรับเปลี่ยนดีกว่า ยิ่งบอลในลีก พอเปลี่ยนสไตล์ปั๊บ ผมเห็นถึงยุคลุ้นเหนื่อยซะทุกครั้งเลย ... นอกจากแชมป์ยุโรปยังไม่ได้ ซ้ำร้ายแชมป์ลีกในประเทศตัวเอง ยังไม่แน่นอนอีก .. ป๋าเฟอร์กี้จับปลาหลายมือ หรือ เดินทางผิดไปรึเปล่า ส่วนตัวผม ยังอยากให้เล่นสไตล์เดิมอยู่ฮะ ประเภทเดินหน้าลุย โยนใส่ๆ เข้าเสียบเข้าแท็คแบบเบรฟฮาร์ทอย่างเดิม ... ถึงมันจะไม่สวย การทำเกมสู้อิตาลีหรือสเปนไม่ได้ แต่ถ้าฝึกกันดีๆ วางแท็คติคให้เหมาะสม ก็น่าจะได้ ตลอดห้าหกปีหลัง ถ้าไม่ใช่ไอ้โด้คนเดียว ผมว่าเราสอบตกหมด สำหรับบอลสไตล์ลีลาทักษะ ... อยากให้กลับมาเหมือนเดิม แล้วคิดรูปเกมส์ใหม่ ปรับเปลี่ยนเอาที่เราชำนาญแล้ว ให้ดีกว่าเก่า ไม่ต้องไปเลียนแบบใคร อย่างเยอรมันผมก็คิดว่าประเทศนี้เล่นบอลไม่ได้สวยงามเหมือนกัน แต่ทำไมเค้าถึงยังแข็งแกร่ง และน่ากลัวอยู่ ... จากคุณ : Duckcovery - [ 4 ก.ย. 50 18:13:57 ]

ความคิดเห็นที่ 47 คุณสงบใจวิเคราะห์ได้ดีเยี่ยมมากเลยค่ะ อยากให้พวกคอลัมนิสต์วิเคราะห์ได้ซักครึ่งอย่างนี้ก็ยังดี...... แต่ส่วนตัวเห็นด้วยกับคุณ Duckcovery ค่ะ แมนยูมีสไตล์ที่เป็นของตัวเองชัดเจนมาแต่ไหนแต่ไร จะไปปรับเปลี่ยนให้เหมือนสเปน โปรตุเกส อิตาลี่ อาร์เจนติน่าไปทำไม เห็นด้วยกับคุณ Duck ค่ะ ว่าเราเปลี่ยนในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเรา มันจะไปสู้ไอ้พวก born to be ได้เหรอ มันก็เหมือนกับคนเอเชียอยากร้องเพลงแร็พเหมือนพวกฝรั่งผิวดำน่ะค่ะ มันก็อาจจะมีคนเก่งที่ร้องได้ดี แต่จะทำให้ดีเทียบเท่าน่ะเหรอ ไม่มีทาง เราน่าจะงัดเอาจุดแข็งเรามาพัฒนาให้มันดีขึ้นไปอีกจะดีกว่า ส่วนตัวชอบแบบที่แมนยูเป็นมาตลอด สไตล์บู๊บุกแหลก วิ่งไม่หยุดน่ะแหละค่ะ เกิดต้องเปลี่ยนไปเป็นแบบเชลซี หรือทีมจากอิตาลี่ล่ะก็ เราเซ็งตายเลยค่ะ จากคุณ : Hellen_th - [ 4 ก.ย. 50 20:02:46 ]

ความคิดเห็นที่ 48 แบบที่แมนยูเป็นมาตลอด สไตล์บู๊บุกแหลก วิ่งไม่หยุดน่ะแหละ ^ ^ ชอบแบบนี้เหมือนกันครับ รู้สึกว่านักเตะแมนยูต้องใจสู้มาก่อนเป็นอย่างเเรก จากคุณ : 19thwarrior - [ 4 ก.ย. 50 21:34:12 ]

ความคิดเห็นที่ 49 มาติดตามผลงานคุณภาพ อีกแล้วครับท่าน อิอิอิ ขอเป็นผู้อ่านที่ดีล่ะกันนะครับ จากคุณ : ฮาตึงว่าแล้ว - [ 4 ก.ย. 50 21:41:06 ]

ความคิดเห็นที่ 50 การเล่นบอลกับทีมที่ใช้ระบบ playmaker กับ ระบบเข้าทำจากปีก ... กองหน้ามันต้องทำตัวต่างกันนะ  ...  ผมว่านี่คือปัญหาของกองกลางตัวรุก กับกองหน้า จากละติน ที่ย้ายมาแล้วมีปัญหากับระบบทีมของเรานะ แล้วที่มันต้องส่งบอล ขวางสนามไปมา มันก็เพราะกองหน้าเรามีตัวเดียวไม่ใช่เหรอ ? ... กองหน้าเรามีตัวเดียว   ต้องเจอกับกองหลังเค้า เซ็นเตอร์ 2 แบคอีก 2 จะหาช่องวิ่งยังไงครับ ?  จะให้จ่ายบอลยังไง ?  มันไม่มีพื้นที่ให้วิ่งนะครับ เพราะหลังเค้าตั้งรับลึก   กว่าจะรอปีก และกองกลางขึ้นไปเติม  กองกลางทีมตรงข้ามก็ลงมาช่วย มามาร์คกันพอดี ผมอยากให้รอดูแมนยูของจริง ในระบบ 4-4-2 ดีกว่า ----------- เตเบส ---- รูนี่ ---------- โรนัลโด -- สโคลล์ --- ฮากรีฟ -- นานี่ เอฟร่า -- เฟอร์ดินาน -- วีดิช --  แกรี่ ------------- ฟาน เดอ ซาร์ ---------- จากระบบนี้ เราจะมีเกมรุก อย่างน้อย 4 คน และน่าจะมีการสลับตำแหน่ง ดึงตัวประกบออกจากตำแหน่ง  และมีรอเก็บตกนอกกรอบ คือ สโคลล์   อยากให้รอดูครับ จากคุณ : o_extreme - [ 5 ก.ย. 50 02:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ถาในอนาคตขอเปลี่ยนจาก คห.50 ครับ เป็น -----เตเบส---รูนีย์----- นานี่--คาริค----ฮากรีฟ---โรนัลโด้ เอฟร่า---เฟอร์ดินาน--วิดิช--(นึกไม่ออก ไม่อยากเอาบราวใส่เลย) --------นึกไม่ออก------------- เกมรุกจะมี 5 คน แต่ยังไงก็หวังว่า ฮากรีฟจะพัฒนามากขึ้นจนสามารถสลับกับคาริคได้ (ไม่อยากหวังกับนักเตะอายุเยอะ) จากคุณ : pinestand - [ 5 ก.ย. 50 07:14:12 ]