ความคิดเห็นที่ 1 สำหรับ จขกท. ชอบแบบเดิมที่สุด ความทรงจำดีๆ กับยอดทีมเหล่านี้ ปาร์ม่า แชมป์ทีมสุดท้ายของยูฟ่าคัพแบบเดิม ลาซิโอ แชมป์ทีมสุดท้ายของคัพวินเนอร์สคัพ ดอร์ทมุนด์ แชมป์ทีมสุดท้ายของยูซีแอลแบบเดิม ป.ล.แต่ถ้ากลับไปใช้แบบเดิม บางทียูฟ่าคัพอาจจะมีคนติดตามชมมากกว่ายูซีแอลเพราะมีโอกาสที่จะมีทีมใหญ่ในรายการเยอะกว่า แต่ว่าถ้าพูดถึงเรื่องศักดิ์ศรีเพียวๆ ก็ต้องเป็น ยูซีแอล  คัพวินเนอร์ส และสุดท้ายยูฟ่าคัพตามลำดับล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 50 02:45:27 จากคุณ : GURU_NAN_KHAO_NA - [ 28 ก.ย. 50 02:27:43 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แบบเดิมครับ แต่อย่างว่าถ้าแบบเดิมทีมใหญ่ที่ไม่ได้เป็นแชมป์ลีกคงไม่มีโอกาสได้ไป ทำให้สีสันลดลง เพราะแฟนบอลทีมที่ไม่ได้ไปคงติดตามไม่มากอย่างที่เคยเป็น จากคุณ : Archdemon - [ 28 ก.ย. 50 02:39:36 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมว่าแบบปัจจุบันก้อดีแล้วครับ... อืม...ถ้าจำไม่ผิด แบบเดิม นี่ไม่มีการกำหนดว่าแชมป์เก่าได้เข้าเล่นนะครับ เพิ่งมามีตอนหลัง...(ถ้าจำผิดต้องขออภัย) จากคุณ : (ถ้าจำผิดต้องขออภัย) (Chocolate Sunday) - [ 28 ก.ย. 50 03:13:03 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ความจริงชอบแบบเก่าอ่ะนะ แต่เอางี้ หยวนๆ สองถ้วย European Cup : League winners, Cup Winners,UCL Holder, UC Holder, League runner-ups Uefa CUp ทีมรองๆไป ตั้งแต่อันดับ3 แล้วทีมตกรอบ UCL ไม่ต้องมายุ่ง ตกแล้ว ตกไป จากคุณ : นายปลาตีน - [ 28 ก.ย. 50 19:30:44 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สำหรับผมก็โหวตเลือกแบบเดิมครับ สมัยก่อนการเล่นในถ้วยยูโรเปี้ยน จะต้องทุ่มเททุกนัด เพราะในแต่ละรอบจะแข่งแค่ 2 นัด เหย้า - เยือนเท่านั้น ถ้าไม่เจ๋งจริงก็จะได้เล่นในแต่ละรอบแค่ 2 นัดเท่านั้น  ไม่ใช่เล่นรอบเดียวตั้ง 6 นัด (นี่ยังดีนะครับว่า สมัยนี้ มีรอบแบ่งกลุ่มให้แค่รอบเดียว สมัยก่อนมีทั้งรอบแรกและรอบสอง) ระบบแบ่งกลุ่มเนี่ย ทำให้ โอกาสที่ทีมใหญ่ๆจะตกรอบแทบไม่มีเลย เพราะถึงจะแพ้ทีมบางทีม แต่ก็อาจไปแก้ตัวกับบางทีมได้เช่นกัน ผมยกตัวอย่างทีมลีดส์ของผมก็แล้วกันครับ ลีดส์เข้าเล่นแชมเปี้ยนลีกในระบบแบ่งกลุ่ม ในปี 2001 และทำผลงานได้ดีเข้าถึงรอบรอง แต่ทราบไหมครับว่า ถ้าเอาระบบการแข่งขันแบบดั้งเดิมมาใช้ ในปีนั้น ลีดส์จะไปได้ไม่ไกลกว่ารอบแรกเลย เพราะนัดแรกเนี่ย ลีดส์ไปเยือนบาร์ซ่า แล้วโดนถลุงแพ้ยับกลับมา 0-4 ถ้ากลับมาเล่นในบ้านบ้าง  ผมว่ายังไง ลีดส์ก็ยิงบาร์ซ่า ได้ไม่ถึง 4 ลูกแน่ ๆ และจะตกรอบด้วยผลต่างประตู แต่บังเอิญในปีนั้นเป็นการแบ่งกลุ่ม ลีดส์เลยได้อานิสงค์จากที่บาร์ซ่า ไปแพ้เบซิคตัส ในขณะที่ลีดส์เปิดบ้านถลุงเบซิคตัสยับ และได้เข้ารอบแทนด้วยคะแนนที่มากกว่า หรืออย่างในปีที่ลีดส์แข่งกับสตุ๊ตการ์ทในปี 1993( หลังจากได้แชมป์ดิวิชั่น 1 ครั้งสุดท้ายก็เหมือนกัน) ในระบบเก่าที่ใช้การจับสลากเป็นหลัก ใครจะเชื่อครับว่า แชมป์จากอังกฤษ จะต้องมาเจอกับแชมป์จากเยอรมันในรอบแรก ที่จะมีผู้ผ่านเข้ารอบแค่ทีมเดียว   แล้วผลการแข่งก็สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย นัดแรกลีดส์ไปเยือน แพ้ไป 0-3 พอกลับมาเล่นบ้านลีดส์บ้าง นักเตะลีดส์ต่างทุ่มเท เอาชนะไปได้บ้าง 4-1 ซึ่งจริงๆแล้วลีดส์ต้องตกรอบด้วยกฎประตูทีมเยือน แต่จากความกดดันทำให้คริสตอฟ ดอมม์ ของสตุ๊ตการ์ท ลืมตัวส่งผู้เล่นต่างชาติลงสนามเกิน ทำให้ต้องแข่งใหม่ และลีดส์ชนะในแมทช์รีเพลย์ครับ สำหรับระบบของแชมเปี้ยนลีกในปัจจุบัน ถ้าไม่นับรอบแรกที่เป็นระบบแบ่งกลุ่ม ก็จะเห็นว่า รอบสองไป ก็จะมีการแข่งที่คล้ายๆกับแบบเดิม ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นทีมที่มีแฟนๆติดตามกันมากๆ และมาเจอกันเมื่อไร คู่ไหนก็มักเป็นบิ๊กแมทช์เสมอๆ  แต่ก็ยังไม่เหมือนของเดิมเสียทีเดียว เพราะระบบเดิมนั้น ไม่มีทีมวางครับ โอกาสที่ทุกทีมหรือว่า ทีมขวัญใจของแต่ละท่าน จะมีโอกาสมาเจอกันได้ทุกรอบ (เหมือนการจับสลาก เอฟเอคัพนั่นแหละ)   ไม่งั้นในปีที่ฟอเรสต์ได้ลงแข่งครั้งแรกในปี 1979 จะถูกจับสลากไปเจอแชมป์เก่าอย่างลิเวอร์พูล แล้วยังเขี่ยลิเวอร์พูลตกรอบแรกได้เลย  ส่วนของใหม่ที่ใช้ในปัจจุบัน ยังมีระบบทีมวางแล้วก็ข้อปลีกยอยบางอย่างครับ เช่น ไม่เจอทีมจากชาติเดียวกัน ,เคยเจอกันแล้วไม่เจอกันอีก ผมว่ากฎเกณฑ์ในปัจจุบัน เอื้ออำนวยต่อทีมใหญ่ ที่มีแฟนเชียร์มากให้ได้เข้ารอบลึกๆมากกว่า เดิม  ซึ่งก็คงเป็นที่สปอนเซอร์ และตัวเงินด้วย สุดท้ายทีมที่เป็นแชมป์ก็จะเป็นทีมหน้าเดิมๆ  โอกาสที่จะได้เห็นแชมป์หน้าใหม่จริงๆ อย่างสเตอัว บูคาเรสต์ คงเป็นไปได้ยาก จากคุณ : อาร์คีมิดิส - [ 28 ก.ย. 50 19:57:29 ]