ความคิดเห็นที่ 34
ตามติดบอลไทยกับฝันบอลโลก
คงไม่ช้าเกินไปที่จะเขียนถึงฟุตบอลไทยกับผลงานก้าวแรกของเส้นทางสู่ฟุตบอลโลก 2010 เนื่องจากได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในเกมถล่ม มาเก๊ากระเจิง 6-1 ที่สนามศุภชลาศัย เมื่อค่ำคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาพร้อมกับการกลับคืนมาของศรัทธาแฟนบอลไทย
บอกตามตรงว่าตามโผ11ตัวที่ออกมาค่อนข้างเป็นห่วงในเกมรับไทยมิใช่น้อยเพราะสองกองหลังตัวกลางอย่างปรัชญ์ สมัคราษฎร์ กับ ปฏิภาณ เพ็ชรพูล นั้นประสบการณ์ระดับชาติยังถือว่าน้อยแค่หางอึ่ง โดยเฉพาะรายหลังที่เพิ่งติดธงหมาดๆ ส่วนรายแรกแม้จะเคยฟันฝ่ากับทีมชาติมาบ่อยครั้งแล้วในทีมของโค้ชหรั่งแต่หากนับถึงเกมทัวร์นาเมตน์ยักษ์ระดับบอลโลกนี้นั้นยังถือว่าน้อย
แต่นั่นมันเป็นแค่ความกังวลเล็กๆเพราะไม่เคยเห็นฟอร์มของมาเก๊ามาก่อนแต่แค่เริ่มต้นได้ไม่นานก็เบาใจเพราะเกมรุกของมาเก๊าไม่มีพิษสงอะไรเลยจริงๆจากความกังวลในเกมรับหายไปแต่ไปบังเกิดกับเกมรุกแทน
คือตลอดครึ่งแรกไทยเราครองเกมบุกตลอด ถ้าเป็นการรายงานสดของเว็บไซต์ต่างประเทศคงจะลำบากถึงจำนวนยิงเข้ากรอบของไทยเพราะมันเยอะมาก แต่กับของมาเก๊าคือยิง 1 เข้า 1
ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นไปตามคำบอกกล่าวของดค้ชหลังหลังก่อนเริ่มแลัะหลังจบว่านักเตะเราค่อนข้างมีอาการเหนื่อยล้าเพราะเพิ่งจะกรำศึกในบอลลีกบ้านเรามา(ก็ไม่รู้ว่าจัดโปรแกรมกันอย่างไรเตะบอลลีกในประเทศก่อนทัวร์นาเมนต์ทีมชาติเริ่ม 3 วันชักเป็นห่วงกับคำว่า "ฟุตบอลอาชีพ" ของประเทศไทยไปใหญ่)
แต่อีกส่วนหนึ่งจากมุมมองเขาใครคนนี้เห็นว่าหลายคนพยายามใช้เกมนี้โชว์ฟอรืมให่สะดุดตาโค้ชเพราะโอกาสติดธงและเจอทีมที่อ่อนชั้นกว่ามันมีไม่มากนัก เลยจะพยายามโชว์ศักยภาพของตัวเองออกมาให้มากที่สุดเลยทำให้บางจังหวะมันเหมือนจะไม่มีทีมเวิรืคกันเลยออกไปแนว "วันแมนโชว์" ซะส่วนใหญ่
ครึ่งหลังคงเป้นเพราะโค้ชหรั่งเปิดฉากฉะกันหรืออย่างไรก็มิทราบได้แต่ของปรบมือดังๆให้กับการแก้เกมของโค้ชหรั่งกับการหาช่องทะลุแผงอุดของคู่แข่งเข้าไปยิงประตูและรูปเกมออกมาดีกว่าครึ่งแรกอย่างผิดหูผิดตาประตูเลยไหลมาเทมาอย่างที่รู้กัน
ที่เขียนมาทั้งหมดก็ยังไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของการเขียนแต่พอมาถึงตอนนี้เริ่มถึงบางอ้อว่าจะสื่อถึงอะไร...
คืออย่างจะบอกกล่าวให้ให้นักเตะรุ่นน้องทั้งหลายทั้งระดับหัดเริ่มยันติดธงแล้วว่าควรเอา"เดอะ แบน" ตะวัน ศรีปาน กองกลางกัปตันทีมหมายเลข 10 ของไทยเป็นตัวอย่างเพราะด้วยตัวเลข 36 กะรัต แต่ผลงานบนสนามแทบไม่ได้บ่งบอกเช่นนั้น วิ่งพล่านทำเกมเชื่อมเกมอยู่ตลอดเวลาเหมือนยังวันรุ่นอยู่
"เดอะ แบน" ก็ผ่านเกมลีกมาเหมือนใครหลายๆคนในทีมตัวจริงแต่ความล้าแทบไม่มีให้เห็นแสดงให้เห็นว่าตะวันรักษาความฟิตของตัวเองได้เป็นอย่างดีนี่แหละคือ "มืออาชีพตัวจริง"
วกกลับมาที่เส้นทางบอลโลกกันต่อ....บอกตามตรงว่าผลงาน 6-1 ในนัดแรกไม่สามารถวัดอะไรได้เพราะมาเก๊าไม่ใช่คู่แข่งที่จะมาวัดศักยภาพทีมไทย แต่ที่บอกได้คือความไม่เป็นมืออาชีพของบอลไทย
อย่างที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้แล้วว่านักเตะทีมชาติไทยหลายคนในทีมชุดนี้ต้องอยู่เล่นฟุตบอลไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีกนัดกลางสัปดาห์ วันที่ 10 ต.ค. แต่ทีมไทยมีโปรแกรมเตะนัดสอง 15 ต.ค.คิดดูแล้วกันว่านักเตะจะกรอบแค่ไหน
เท่านั้นยังไม่พอ 7 นักเตะเทโรคือตะวัน ศรีปาน,ณรงค์ชัย วชิรบาล,ธีรเทพ วิโนทัย,พิพัฒน์ ต้นกันยา,อานนท์ สังสระน้อย,ปรัชญ์ สมัคราษฏร์,นิเวส ศิริวงษ์ กับ สุเชาว์ นุชนุ่ม ของทีโอทีมีคิวหวดแข้งเกมลีก 13 ต.ค. อีกซะงั้น รวมถึงวีระ เกิดพุดซา กับ ปุณณรัตน์ กลิ่นสุคนธ์ ของม.กรุงเทพที่ต้นสังกัดขอตัวไปทำศึกสิงคโปร์ คัพ ด้วย
เท่ากับว่าเกมนัดเยือน มาเก๊า 15 ต.ค.ทีมชาติไทยจะใช้ผู้เล่นที่เหลือทั้งหมดจำนวน 18 คนไปแข่ง ประกอบด้วย โกสินทร์ หทัยรัตนกุล,ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน,ปฏิภาณ เพ็ชรพูล,เจษฏา จิตสวัสดิ์,สุรีย์ สุขะ,เกียรติประวุฒิ สายแวว,อภิเชษฐ์ พุฒิตาล,ณัฐพร พันธ์ฤทธิ์,ณัฐพงษ์ สมณะ,นิรุจน์ สุระเสียง,ดัสกร ทองเหลา,พิชิตพงษ์ เฉยฉิว,กิตติศักดิ์ ธนสุวรรณ,จักรกริช บุญคำ, หัตฐพร สุวรรณ,สุริยา ดอมไธสง,ศรายุทธ ชัยคำดี และ ธีรศิลป์ แดงดา
เชื่อว่าที่โค้ชหรั่งเอานักเตะไปแค่นี้ไม่ใช่เพราะประมาทมาเก๊าแต่เพราะผลนัดแรกที่ออกมาขาดลอยจึงทำให้เล่นเกมนัดสองได้แบบไม่เครียดและกดดันและด้วยศักยภาพของนักเตะที่เหลือก็ยังเหนือกว่ามาเก๊าอยู่ดี หากไม่ติดเล่นประมาทกันไปเองทีมไทยคงไม่ตกรอบแรกแน่นอน(ตกก็บ้าแล้ว)
ส่วนคิวบอลลีกกับทีมชาตินั้นก็ไม่ต้องพูดถึงอีกแล้วเพราะหนนี้เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ลำค่าแล้วและผู้เกี่ยวของเองก็ออกมารับผิดชอบกันแล้วจึงได้แต่หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกหากอยากเห็นทีมชาติไทยพัฒนาก้าวไปข้างหน้า
ยิ่งเขียนยิ่งหาสาระใจความไม่เจอเอาเป็นว่ามาเก๊าคือบันไดก้าวแรกของทีมไทย แต่ยังเหลืออีกหลายร้อยขั้นให้ก้าว เพราะจากนี้ต่อไปจะเหลือแต่ "ของจริง" ให้เจอแล้ว คงเหลือ"สมันน้อย" ให้เชือดไม่กี่ทีมหรอก
และหวังว่าบรรดาสโมสรจะคำนึงถึงทีมชาติมากขึ้นมิใช่เห้นแต่ประโยชน์ของทีมตัวเอง (อันนี้เมือนทีมอาชีพแฮะ) เพราะเชื่อว่าหากให้ถามนักเตะที่ติดธงว่าถ้าต้องเลือกทีมชาติกับสโมสรเชื่อขนมกินได้ว่านักเตะ(ไทย)อยากติดธงมากกว่า
แล้วมาติดตามว่า15 ต.ค.นี้การแตะพื้นครั้งสุดท้ายของก้าวแรกของทีมไทย(ที่มาเก๊า)จะออกมาเป็นอย่างไร และก้าวต่อไปจะไปเหยียบย่ำแผ่นดินประเทศไหนเพื่อเป็นบันไดสู่บอลโลกต่อไป
"บอลนอกแค่สะใจ แต่บอลไทยอยู่ในสายเลือด"...กินใจชะมัด!!
-น้องเนียน-
http://www.siamsport.co.th/Columnnews288.html
จากคุณ :
yut
- [
10 ต.ค. 50 23:04:42
]
|
|
|