ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า ผมนั่งดูแมตช์นี้สบายๆ น่ะไม่ได้ซีเรียสอะไรมากเพราะเยอรมันก็ลอยลำเข้ารอบไปแล้ว ผมจึงตั้งปฎิธานก่อนเกมส์เอาไว้ว่า
นัดนี้ยังไงเยอรมันก็กำไร (ถ้าไม่มีผู้เล่นบาดเจ็บ)
1.ถ้าชนะ ก็จะช่วยสร้างความฮึกเฮิมให้กับนักเตะยิ่งขึ้นไปอีก
2.แม้ถ้าพลาดท่าพ่ายแพ้ ก็ถือว่าเยอรมันก็ยังมีจุดอ่อนบางประการให้แก้ไขกันต่อไป ถือว่าพลาดเพื่อรอการแก้
การผ่านเข้ารอบไปแล้วของเยอรมัน ทำให้สถานการณ์ได้เปรียบทุกอย่าง และที่สำคัญสามารถทดลองแทคติคบางอย่างกับทีมใหญ่และเล่นเต็มสูบอย่างเช็ค รวมไปถึงได้ทดสอบฟอร์มผู้เล่นบางคนแบบเต็มๆ อีกด้วย เพราะเกมส์ไม่มีความหมายอะไรแล้วในด้านการลุ้นเข้ารอบของเยอรมัน จึงเป็นโอกาสให้ทดลองนักเตะบางคนได้อย่างเต็มที่
จะเริ่มวิจารณ์คร่าวๆ ล่ะครับ สำหรับจุดบกพร่องต่างๆ ถือว่าติเพื่อก่อ ล่ะกันครับ ก็เหมือนตามหลักสากลทั่วไป ไม่ว่าแมตช์ไหนก็ตามแต่ นักเตะทุกคนที่ลงสนามก็ต้องมีผลงานให้วิจารณ์กันเสมอ
...............................................
แผนการเล่นของเยอรมันพบกับเช็ค
11 คนแรกเล่นกันในระบบ 4-4-2 โดยยืนในไลน์แบบนี้
----------------------------- ฮิลเดอร์บรัน ---------------------------
-- ฟรีดริส ------- แมร์แตซัคเคอร์ ------------- เม็ตเซลเดอร์ ------ แยนเซ่น ----
------------------------------ ฟริกงส์ -----------------------------
---- โอดอนคอร์ -------------- ชไวสไตเกอร์ ---------------- ทอร์ซอฟกี้ -----
------------------ คูรานี่ -------------- โพลโดลสกี้ --------------------
ฟอร์มการเล่นโดยรวมของทีม
ผมแยกเป็นสองกลุ่มน่ะครับ
1.ตำกว่ามาตราฐาน
2.ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้
ในกลุ่มแรกจะไล่แผงหลังทั้งหมดก่อน โดยขอข้ามผู้รักษาประตูไปก่อนครับ โดยแผงหลังวันนี้จะว่าไปก็ถือว่าเป็นชุดใหญ่ครับ ขาดไปเพียงก็แต่ ลาห์ม เท่านั้นซึ่ง แยนเซ่น คนที่มาทดแทนดีกรีก็ไม่ธรรมดา ในฐานะแคนดิเดตแบคซ้ายในทีมชาติและในสโมรสรบาเยิร์น ซึ่งถ้ามองจากขุนพลของกองหลังในวันนี้นับว่าไม่ธรรมดา เป็นระดับต้นๆ ของเยอรมัน
แต่ผลงานในวันนี้ของกองหลังทั้งแผง ผมจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ 1.ตำกว่ามาตราฐาน เพราะถ้าว่ากันตามจำนวนประตูที่เสียในรอบคัดเลือกถือว่าน้อยมาก (วัดก่อนเกมส์นี้) จัดได้ว่าเป็นแผงหลังที่มีมาตราฐานในการเล่นอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมมาโดยตลอด แต่เกมส์กับ เช็ค นั้นพบปัญหาอยู่หลายจุดโดยเฉพาะ 3 ประตูที่เสียไป ....... ว่ากันด้วยภาพรวมแล้วกองหลังวันนี้เล่นกันค่อนข้างเนือย จังหวะออกตัวในหลายๆ ครั้งช้า การเช็คล้ำหน้ามีข้อผิดพลาดจาก 2 ประตูที่เสียเห็นได้ชัดเจน ซึ่งวิธีการยืนของแผงกองหลังในยุคเลิฟ มักจะให้แผงกองหลังดันขึ้นค่อนข้างสูงเพื่อดักเช็คล้ำหน้าและคอยเสริมผู้เล่นในแดนกลางเมื่อเป็นฝ่ายครอบครองบอล ซึ่งบางครั้งเวลาโดนสวนเร็วก็จะเกิดปัญหาขึ้นได้ (เป็นเรื่องปกติแต่ต้องให้พลาดน้อยที่สุด) ในลักษณะนี้ผู้เล่นกลางรับต้องมีบทบาทสำคัญในการมาช่วยเสริมบ้าง ... ปัญหาอีกประการของคู่เซ็นเตอร์ที่เห็นจากเกมส์กับเช็คก็คือ การทำชิ่งเร็ว 1-2 ของผู้เล่นเช็คที่หน้าปากประตูสร้างปัญหาให้กับคู่เซ็นเตอร์ได้ ..... ส่วนแบคทั้งสองข้างเมื่อเติมเกมส์ขึ้นไปมักจะลงมาตั้งรับไม่ทันมีให้เห็นหลายจังหวะ (โดยเฉพาะแบคซ้าย)
ถ้าจะลึกลงในรายละเอียดปลีกย่อยสำหรับปัญหาในแนวรับก็จะมีอยู่หลายคนที่ มีข้อผิดพลาดจนเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียประตูซึ่งก็คงได้รับคำตำหนิจากโค้ชอยู่แล้ว ทั้งจังหวะเสียประตู 1 และ 2 ของ เม็ตเซลเดอร์ ที่เกิดจากการเช็คล้ำหน้าและการประกบตัวคู่ต่อสู้ ..... รวมไปถึงจังหวะที่เสียประตูที่ 3 ที่แผงหลังอย่าง แมร์แตซัคเคอร์ ดันขึ้นประกบสูงทิ้งตำแหน่งเซ็นเตอร์ ฮาลฟ์คู่เป็นพื้นที่ว่างทำให้ถูกฉวยโอกาสวางบอลยาวเข้าในกรอบเขตโทษเหลือแค่ ฟรีดริส คนเดียวที่ลงมาทันแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วโดนล๊อคหลบและยิงเข้าไป
สำหรับในครึ่งหลังมีการปรับเปลี่ยนผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังอยู่ 2 จุด คือหนึ่งโยคเอา ฟรีดริส ไปยืนเป็นเซ็นเตอร์ แทน เม็ตเซลเดอร์ แล้วเปลี่ยนเอา ฟริตส์ ลงมาประจำการทางแบคขวาแทน ซึ่งโดยรวมแล้วผลงานก็ยังไม่ดีขึ้นโดยเฉพาะคู่เซ็นเตอร์ที่ยังมีปัญหาอยู่ แต่จังหวะเกมส์ทางกราบขวาของ ฟริตส์ เมื่อถูกเปลี่ยนลงมาแล้วมีความคล่องตัวและเร็วขึ้น สามารถเติมเกมส์ได้ดีกว่า ฟรีดริส ทำให้ผลงานในตำแหน่งแบคขวาของทีมดูดีขึ้นมาบ้าง ในครึ่งหลัง โดยส่วนตัวผมคิดว่า ฟริตส์ ยังพอมีลุ้นในตำแหน่งตัวจริงแบคขวาทีมชาติเยอรมันอยู่ เบียดกับ ฟรีดริส แล้วสูสีกันมากเมื่อมองจากผลงาน 2-3 นัดที่ผ่านมาในทีมชาติ ซึ่งก็ต้องรอลุ้นโอกาสของเขาในแมตช์ต่อไปกับเกมส์ทีมชาติ ผมเชื่อลึกๆ ว่าเลิฟคงต้องลองใช้งานเยอะขึ้นแน่นอน
โดยรวมแล้วแผงกองหลังในวันนี้พบปัญหาหลายประการที่ เลิฟ ต้องนำเอากลับไปพิจารณาเมื่อเจอเกมส์ในลักษณะนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่แผงหลังของเยอรมันยังทำหน้าที่ได้ดีไม่ขาดตกบกพร่องนั่นก็คือ ลูกกลางอากาศ ถือว่าเป็นจุดแข็ง
ข้ามกันไปที่แผงกองกลาง สำหรับแผงกองกลางดูภาพรวมแล้วผมให้ ครึ่งต่อครึ่ง คือก้ำกึ่งระหว่างสองกลุ่มทั้ง 1.ตำกว่ามาตราฐาน และ 2.ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ และเมื่อมาเป็นผลงานโดยรวมของแผงกลางแล้วก็ต้องบอกว่าไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
ในกลุ่มที่ 1.ตำกว่ามาตราฐาน ต้องโฟกัสไปที่กลางรับ โดย ฟริงกส์ ได้รับมอบหมายให้คุมจังหวะเกมส์พร้อมกับตัดเกมส์คู่ต่อสู้แบ่งเบาภาระแผงกองหลัง แต่ภาพรวมในจุดนี้ต้องบอกว่าค่อนข้างเฉื่อย ความขยันมีน้อยไปนิด เกมส์กับเช็ควันนี้เกิดช่องว่างมากระหว่างแผงมิดฟิลด์ตัวรับและกองหลัง สังเกตุได้ว่าหลายครั้งผู้เล่นเช็คมักจะหลุดถึงหน้าประตูได้อย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่เป็นการขึ้นเกมส์มาตรงกลาง ทั้งการสวนกลับเร็ว และการทำชิ่งหน้าปากประตู หรือแม้แต่การแอบยิงจากแถวสอง ผู้เล่นแดนกลางและกองหน้าของเช็คมีพื้นที่ให้เล่นง่ายไป
มาดูกันที่มิดฟิลด์ตัวรุกที่มอบหมายให้คอยทำเกมส์รุกแบบเต็มๆ ตรงกลาง อย่าง ชไวสไตเกอร์ ผมจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ก้ำกึ่งระหว่าง 1.ตำกว่ามาตราฐาน (เพราะเคยทำผลงานได้ดีในบางครั้งกับตำแหน่งนี้ทั้งทีมชาติและสโมสร) 2.ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ (เพราะขาดความสม่ำเสมอนั่นเอง) สำหรับเกมส์รุกตรงกลางของทีมชาติเยอรมันในวันนี้ต้องบอกว่าไร้จินตนาการ จริงอยู่ทีมเล่นอย่างมีแบบแผน การครองบอลเน้นทีมเวิร์คที่ค่อนข้างดี แต่ขาดซึ่งจินตนาการในการเข้าทำ ซึ่งบางครั้งผู้เล่นในแนวรุกหรือตัวทำเกมส์จะมีบทบาทและสร้างความแตกต่างให้กับเกมส์ได้ คือเป็นมันสมองคอยออกไอเดียในการสร้างสรรค์เกมส์และจังหวะการลุ้นทำประตูให้กับทีมได้ ตัวอย่างมีให้เห็นไม่ใกล้ไม่ไกลลองดู ดีเอโก้ ที่เบรเมนนี่คือการเล่นในลักษณะที่ว่ามา แต่กับชไวสไตเกอร์ ในแมตช์กับเช็คนั้น เขาเล่นเหมือนกับว่าภาระที่แบกไว้บนบ่าทั้งสองข้างของเขามันหนักเกินไป การตัดสินใจเมื่อยามที่คับขันมักเกิดปัญหาให้เห็น ทั้งการเล่นยาก หรือแม้แต่การตัดสินใจช้า ..... ชไวสไตเกอร์ มักจะเจอปัญหากับการการเข้าประกบและเพลสซิ่งเร็วของแผงกลางคู่ต่อสู้ สังเกตุได้ว่าวันไหนถ้าผู้เล่นในแดนกลางไม่เหนือกว่าจริงๆ หรือผู้เล่นแผงกลางคนอื่นไม่ท๊อปฟอร์มจริงๆ ครั้นจะให้เขาแบกรับภาระในการทำเกมส์เอาไว้คนเดียว ก็ดูจะเป็นเรื่องที่หนักหนาเอาการเหมือนกัน ซึ่งก็ต้องใช้เวลาปรับแก้ไขแทคติคและวิธีการเล่นให้กับเขาเพื่อพัฒนากันต่อไป ยังมีเวลา
โดยรวมแล้วคู่ตรงกลางของเยอรมัน ทั้งฟริงกส และ ชไวสไตเกอร์ เล่นได้ไม่เข้าขากันเท่าไหร่ โดยเฉพาะในครึ่งแรก การสลับตำแหน่งกันเพื่อเติมเกมส์รุก ยังดูมึนๆ จนบางครั้งทำให้เกิดช่องว่างมากตรงกลาง จนทำให้เกิดปัญหาช่องว่างระหว่างกลางรับและแผงกองหลังในหลายจังหวะโล่งทีเดียว ....... ในส่วนการทำเกมส์รุก ไม่ค่อยเห็นคู่นี้วางบอลยาวแม่นๆ ให้กับกองหน้าได้เล่นเท่าไหร่ ได้แต่ถ่ายบอลขวางสนามไปมาเท่านั้นเอง
ข้ามไปดูกันในปีกขวา และซ้าย เริ่มกันที่ โอดอนคอร์ สำหรับฟอร์มของปีกขวารายนี้ผมจัดให้อยู่ในกลุ่ม 2.ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ เป็นที่น่าเสียดายทั้งที่ได้รับโอกาสลงสนามตั้งแต่นาทีแรก แต่ไม่สามารถทำผลงานได้เป็นชิ้นเป็นอันซักเท่าไหร่ ความเร็วของเขาในวันนี้สร้างปัญหาให้กับคู่ต่อสู้ได้บ้างในบางครั้ง แต่ก็ไม่เกิดประโยชน์ ลูกเปิดจากด้านข้างขาดความแม่นยำ รวมไปถึงไอเดียในการเล่นเกมส์รุกที่นอกเหนือจากการออกริมเส้นแล้วโยนเข้ากลางไม่มีให้เห็น ทำให้บางครั้งเมื่อคู่ต่อสู้ปิดเกมส์ริมเส้นด้านข้างได้ดี ตัวเขาก็จะกลายเป็นจุดบอดในเกมส์รุกของทีมไปไม่เกิดประโยชน์
ต่อกันที่ปีกซ้าย ทอร์ซอฟกี้ น่าเสียดายผมว่าครึ่งแรกเขาทำผลงานใช้ได้เลย แต่ก็ถูกเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลังด้วยเหตุผลทางด้านแทคติคที่ต้องการปรับเปลี่ยนของเลิฟ คือต้องการเอา ชไวนี่ที่ทำเกมส์ตรงกลางไม่ออกแล้วให้ โรเฟสลงมาแทนแล้วโยกชไวนี่ กลับไปยืนซ้าย ทอร์ซอฟกี้ จึงซวยไป ตามสายตาผมเขาก็เลยยังอยู่ในกลุ่ม 2.ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ เพราะผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันจริงๆ แล้วยังไม่มีให้เห็นมากนัก ก็ได้แต่เห็นการออกบอลสวยๆ บ้างในบางครั้ง ซึ่งจะว่าไปถ้ามองจากฟอร์มโดยรวมในแผงกลาง เขาก็ดูจะเป็นคนที่เล่นได้ดีที่สุด แต่อับโชคไปหน่อย
มีการปรับเปลี่ยนผู้เล่นของแผงกลางในครึ่งหลังโดยได้เปลี่ยนตัว โรเฟส ลงมาซึ่งก็จัดอยู่ในกลุ่มที่ 2.ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ และผลงานโดยรวมของเขาในครึ่งหลังในนัดที่พบกับเช็ค ก็ไม่สามารถสร้างประโยชน์อะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ค่อยมีจังหวะทะลุ ขึ้นไปช่วยหนุนผู้เล่นในแดนหน้าเท่าไหร่ รวมไปถึงจังหวะสับไกลตามถนัดก็ไม่มี ได้แต่ถ่ายบอลไปมาเท่านั้น จะมีลูกสวยๆ ให้เห็นบ้างก็คือลูกที่จ่ายตัดหลังให้กับ แยนเซ่น ควบขึ้นไปทางซ้ายที่ดูแล้วสายตาและไอเดียดีมาก นอกนั้นภาพรวมแล้วจังหวะการเล่นดูยังจะช้าอยู่สำหรับเกมส์นี้ และความดุดันน้อยไปนิด
สำหรับภาพรวมในครึ่งหลังแม้จะมีการปรับเปลี่ยนแทคติคไปบ้าง แต่รูปเกมส์ก็ยังไม่ดีขึ้นเกมส์รุกยังคงได้แค่ถ่ายบอลไปมา ไร้จินตนาการ และไม่มีจังหวะการเล่นฉาบฉวยที่สามารถสร้างโอกาสในแบบเซอร์ไพรส์ได้ แผงกลางในวันที่เล่นกับเช็คดูเหมือนว่าจะหมดไอเดียในการสร้างสรรค์กันไปดื้อๆ เมื่อเจอกับโซนรับที่แน่นหนาและมีวินัยของเช็ค ซึ่งผมได้เคยกล่าวไว้ในกระทู้บางกระทู้ที่นี่ว่า บางครั้งแม้ทีมชาติเยอรมัน จะอยู่ในฟอร์มที่ดีผู้เล่นมีความเข้าใจกันดีเรียกได้ว่าทีมเวิร์คดี แต่การที่ทีมไม่มีผู้เล่นที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับเกมส์ได้อย่างมากพอ ทำให้การเล่นในบางเกมส์เมื่อพบกับปัญหาเจาะคู่ต่อสู้ไม่เข้าทีมก็จะช๊อตกันไปดื้อๆ เหมือนกัน
มาดูกันที่แผงกองหน้า
วันนี้ในเกมส์กับเช็คเป็นการจับคู่กันระหว่าง โพลโดลสกี้ และ คูรานี่ เมื่อมองจากรูปการณ์แล้วก็เป็นไปตามคาดที่ เลิฟ จะให้โอกาส โพลโดลสกี้ บ้างเพราะเกมส์นัดที่ผ่านมา โกเมส มีผลงานไม่ดีเท่าไหร่
สำหรับคู่กองหน้าภาพรวมแล้วผมก็คงต้องจัดให้อยู่ในกลุ่ม 1.ตำกว่ามาตราฐาน ทั้ง โพลโดลสกี้ และ คูรานี่ โดยทั้งคู่ตลอดทั้งเกมส์ผมมองว่ามีจุดบอดกันคนล่ะด้านคือ
- ขาดความเฉียบคม
- หาพื้นที่และโอกาสให้ตัวเองได้ไม่ดี
สำหรับ คูรานี่ นั้นมีจุดบอดในเกมส์นี้ก็คือ ขาดความเฉียบคม โดยตลอดทั้งเกมส์เขาพยายามวิ่งหาพื้นที่ให้กับตัวเองในการลุ้นทำประตูได้พอสมควรถือว่าทำได้ดีในจุดนี้ แต่สุดท้ายก็ยังขาดความเฉียบคม ที่จะปรับเปลี่ยนให้โอกาสนั้นนำมาซึ่งประตูได้ ตลอดทั้งเกมส์ตัวเขาได้ยิงแบบจะๆ อยู่ 2-3 ครั้งน่าจะได้มาซัก 1-2 ประตู ...แต่กระนั้นก็ดีในช่วงปลายครึ่งหลังก็จะดูเงียบหายไป ....แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องชมตัวเขาในเกมส์นี้คือความขยัน ทั้งการวิ่งหาพื้นที่ หรือแม้แต่การลงไปช่วยแย่งบอลคู่ต่อสู้ ภาพรวมแล้วเขาขยันที่สุดในแผงกองหน้า
ในรายของ โพลโดลสกี้ สำหรับจุดบอดในเกมส์นี้ของเขาก็คือ หาพื้นที่และโอกาสให้ตัวเองได้ไม่ดี ซึ่งถ้าว่ากันตามตรรกะแล้วการที่ไม่มีโอกาสก็ไม่สามารถพิสูจน์ความเฉียบคมของเขาได้ ้ดังนั้นจุดบอดอีกด้านจึงไม่ต้องเป็นประเด็นที่ต้องนำมาพูดถึง .... สำหรับเกมส์นัดนี้โดยเฉพาะในครึ่งแรก โพลโดลสกี้ ลงต่ำมาเล่นบอลเองน้อยไปหน่อย ไม่งั้นจะมีลุ้นสับไกลได้บ้าง การวิ่งหาพื้นที่ของโพลโดลสกี้ ตลอดทั้งเกมส์ส่วนใหญ่ก็จะได้ออกแค่ด้านข้างเท่านั้น โอกาสลุ้นในกรอบเขตโทษไม่มีเลย แผงกองหลังเช็คยืนกันอย่างมีระเบียบวินัย การแทงบอลทะลุช่องให้ โพลโดลสกี้ ลุ้นทำประตูตามถนัดยาก ครั้นจะลุ้นทำประตูจากลูกกลางอากาศก็ไม่ใช่จุดแข็ง ดังนั้นเกมส์นี้ โพลโดลสกี้ จึงแทบไม่มีโอกาสลุ้นทำประตูเลย ....และจะเห็นได้ว่าครึ่งหลัง เลิฟ จึงปรับเปลี่ยนเขาถางมายืนเป็นปีกซ้าย แทน ชไวสไตเกอร์ แล้วเอา โกเมส มายืนแทน
ภาพรวมในแผงกองหน้า แม้ครึ่งหลังจะมีการส่ง โกเมส ลงมายืนเป็นหน้าคู่ กับ คูรานี่ แต่ผลงานก็ไม่ดีขึ้นทั้งคู่ก็แทบไม่มีโอกาสลุ้นทำประตูเช่นเดิม ทั้งนี้ก็ต้องมองไปยังแผงมิดฟิลด์ด้วยที่ไม่สามารถทำเกมส์ได้ตามถนัด กองหน้าจึงไม่ได้รับโอกาสดีๆ เท่าที่ควร และที่สำคัญ โกเมส เมื่อถูกเปลี่ยนตัวลงมาก็อยู่ในช่วงที่เกมส์ขาดแล้ว ทำให้ความกระตือรือร้น ในการเล่นก็จะลดน้อยลงไป
ปิดท้ายกับ ผู้รักษาประตู
แม้จะเสียไปถึง 3 ประตูในเกมส์นี้ แต่ฟอร์มโดยรวมแล้วผมถือว่าเขาไม่มีข้อผิดพลาดส่วนตัวอันใดเลย ซึ่งจังหวะที่เสียประตูแต่ละลูกนั้นเป็นเหตุสุดวิสัยแทบทั้งสิ้น โดยตลอดทั้งเกมส์ตัวเขาก็ช่วยเชฟลูกอันตรายอื่นๆ ได้อีกด้วย .... ถ้าจะถามว่าใครทำผลงานได้โอเคที่สุด ก็ต้องบอกว่าเป็น ฮิลเดอร์บรัน ที่ยังพอมีผลงานการเชฟลูกอันตรายหลายครั้งอยู่บ้าง แม้ว่าจะโดนยิงไปถึง 3 ลูกในเกมส์นี้ก็ตาม .... แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้เมื่อยามที่ ฮิลเดอร์บรัน ลงเล่นในเกมส์ทีมชาติดูเหมือนว่าเขาจะเจอปัญหาคล้ายๆ กับเลห์มันน์ ในช่วงแรกๆ ที่เขามายึดมือหนึ่งทีมชาติ คือขาดความดุดันและพลังในการกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม สังเกตุได้ว่าเขาส่งเสียงต่อว่าหรือกระตุ้นเพื่อน น้อยไปนิด เลยทำให้บางครั้งแผงหลังขาดความตื่นตัว และไม่รู้ข้อบกพร่องของตัวเอง จุดนี้ลองสังเกตุกันดูได้ผู้รักษาประตูที่ดี ต้องคอยส่งเสียงกระตุ้นเพื่อนอยู่ตลอดเวลา และเหตุผลสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดเพื่อนร่วมทีมต้องให้ความย่ำเกรง
ปิดท้ายให้คะแนนรายบุคคล
ฮิลเดอร์บรัน (3.5), ฟรีดริส (4.5), แมร์แตซัคเคอร์ (5), เม็ตเซลเดอร์ (5.5), แยนเซ่น (5), ชไวสไตเกอร์ (5.5), ฟริกงส์ (5), ทอร์ซอฟกี้ (4), คูรานี่ (4.5), โพลโดลสกี้ (5)
สำรอง :
โรเฟส (5), ฟริตส์ (4)
แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 50 03:09:30
แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 50 03:08:40
จากคุณ :
::Sholl::
- [
19 ต.ค. 50 03:07:35
]