PANTIP.COM : S6001652 คนเยอรมันเขาคิดไงมั่ง เกี่ยวกับมาตรฐานบอลลีกของชาติตัวเอง [ฟุตบอลต่างประเทศ]

ความคิดเห็นที่ 23

ผมขอโฟกัสประเด็นบาเยิร์น ล่ะกันครับเห็นหลายท่านพูดถึง หวังว่าคงจะเป็นบางแง่มุมที่คิดว่าหลายคนพอจะรับฟังได้

จริงๆ ก็ไม่ค่อยเป็นธรรมเท่าใดนักถ้าจะกล่าวหาแต่บาเยิร์นอย่างเดียว เพราะมันก็เป็นไปตามศักยภาพของทีมในช่วงนั้นโดยเฉพาะการบริหารจัดการต่างๆ อย่างเช่นในช่วงหลังที่เห็นได้ชัดดอร์ทมุนด์ ก็เคยก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งในมหาอำนาจลูกหนังเยอรมันอยู่ช่วงนึง เรียกได้ว่าการเงิน+บารมี ต่างๆพอสู้ได้ การแย่งซื้อตัวนักเตะทั้งในลีกเดียวกันหรือต่างลีก ไม่เป็นรอง เมื่อมีคู่แข่งอย่างดอร์ทมุนด์ในช่วงนั้น ข้อกล่าวหาเรื่องดูดนักเตะของบาเยิร์น ก็ไม่ค่อยเป็นที่วิพากษ์เทาไหร่ พอดอร์มุนด์ประสบปัญหาทางด้านการเงิน ล้มไป เหลือเพียงแต่บาเยิร์น ที่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ บาเยิร์นก็ใช้รูปแบบเดิม แต่คู่แข่งหายไป จึงถูกมองว่าเป็นทีมที่ชอบดูดนักเตะ แต่แท้จริงแล้วบาเยิร์นเป็นทีมที่คงเส้นคงวา โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการ ทีมที่เป็นคู่แข่งของบาเยิร์นประสบปัญหายืนระยะไม่ติดมากกว่า

เมื่อตอนที่ลีกบุนเดสลีก้ามีปัญหาทางด้านการเงินล้มไปเกือบทั้งหมด ก็มีแต่บาเยิร์นที่ยังพอยืนหยัดอยู่ได้ดี ตรงนี้ไม่ใช่ความผิดบาเยิร์น แต่เป็นเพราะการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม ฉนั้นในตรงนี้ บาเยิร์นจึงยืนระยะอยู่ได้ ในขณะที่ทีมต่างๆ ในบุนเดสประสบปัญหาแล้วก็ฟุบลงไป ขาดการพัฒนาที่ต่อเนื่อง แต่บาเยิร์นยังยืนอยู่ได้และเดินหน้าต่อไป นี่คือข้อแตกต่างในด้านศักยภาพ ที่หลายคนมองว่าบาเยิร์นเป็นทีมที่มีอิทธิพล และชอบดูดนักเตะตัดกำลัง แต่ถ้ามองลึกลงไปในรายละเอียดต่างๆ มันก็จะมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ถ้าเรามองยุทธศาตร์ในด้านเดียวมันก็ไม่เกิดประโยชน์

ทั้งนี้ผมจะไม่ขอหยิบเอารายชื่อนักเตะขึ้นมาน่ะครับ เพราะผมเคยพูดเรื่องนี้ไปนานแล้วโดยเฉพาะที่ pantip ซึ่งผมก็เปรียบเทียบนักเตะจากทีมต่างๆ ให้เห็นข้อแตกต่างเป็นช่วงเวลา ซึ่งจะสอดคล้องกับสถานะทางการเงิน ของทีมต่างๆ ในช่วงนั้น เรียกได้ว่าเป็นไปตามศักยภาพตามช่วงเวลา

ตอนนี้ก็ได้แต่รอเวลาที่ทีมต่างๆ สร้างรากฐานและยืนระยะกันขึ้นมาใหม่ เชื่อว่าบทเรียนในอดีตจะเป็นประสบการณ์ให้ทีมพัฒนาขึ้นมาอย่างเป็นระบบและมีศักยภาพม ากขึ้น แน้วโน้มและทิศทางต่างๆ ของหลายๆ ทีม ผมว่ากำลังไปได้ดี แฟนบอลเพิ่มมากขึ้น,มีการขยับขยายสนาม,สปอนเซอร์ก็กล้าเข้ามาร่วมทำธุรกิจกล้าลงทุนอ ัดฉีดลงไป ทำให้ทีมกล้าทุ่มซื้อนักเตะฝีเท้าดีเข้ามาสู่ทีม

เงินไม่ใช่ปัจจัยของความสำเร็จเสมอไป การมีเงินมากในช่วงเวลาหนึ่งก็ใช่ว่าจะทำให้ทีมประสบความสำเร็จเสมอไป ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็ดอร์ทมุนด์ในช่วงเวลาหนึ่ง การบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากกว่า คือปัจจัยของความสำเร็จทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ขยายความเรื่องวิกฤติการเงินของทีมต่างๆ ในบุนเดสลีก้าในช่วงนั้นมีผลกระทบมาจากการล่มสลายของธุรกิจ เคียร์ชมีเดีย ที่เป็นของนาย เลโอ เคียร์ช ที่เป็นผู้ครอบครองลิขสิทธิผูกขาดฟุตบอลบุนเดสลีก้า แต่เพียงผู้เดียวในตอนนั้น ทีมระดับร่าง,ระดับกลาง หรือแม้แต่ทีมระดับใหญ่ หลายทีมก็ต่างพึ่งพาเม็ดเงินอัดฉีดส่วนหนึ่งจากลิขสิทธิถ่ายทอดฟุตบอลบุนเดสลีก้า จาก เคียร์ชมีเดีย และเรียกได้ว่า เคียร์ชมีเดีย เป็นพวกมือเติบด้วยคือชอบทุ่มซื้อลิขสิทธิในราคาแพงๆ โดยเป็นที่ทราบกันดีในเยอรมัน ภาพยนต์จากฮอลิวูดที่มาฉายในเยอรมัน หรือแม้แต่ sat1 ก็เป็นของ เคียร์ชมีเดีย ที่ทุ่มมาไว้ในกำมือทั้งหมด และที่หลายคนอาจจะทราบกันมาบ้างแล้ว เคียร์ชมีเดีย เดิมทีก็เป็นเจ้าของลิขสิทธิถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในปี 2002 และ 2006 แต่สุดท้ายก็ต้องถูกโอนลิขสิทธิถ่ายทอดฟุตบอลโลกให้กับ เคียร์ชสปอร์ต ในสวิสเซอร์แลนด์ เนื่องจากการล่มสลายของเขา

ว่ากันว่าช่วงที่เริ่มประสบปัญหาทางธุรกิจ เขาขาดทุนถึงวันล่ะ 2 ล้านดอลลาร์ และเป็นหนี้อยู่ประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์

ตอนที่เคียร์ซล่มสลายลง ทีมที่มีฐานะทางการเงินไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ก็พลอยล้มระเน ระนาด ตามเคียร์ซไปด้วย เกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่

จากคุณ : ::Sholl:: - [ 9 พ.ย. 50 12:37:16 ]

ความคิดเห็นที่ 43

ผมว่าทุกคนเริ่มจะออกนอกประเด็นไปไกลแล้ว ประเด็นคือคนเยอรมันเค้าคิดยังไงกับผลงานที่ตกต่ำในบอลยุโรป แต่ละคนที่ตอบมาเรื่องของบาเยิร์นจอมดูดกะชาลเก้จอมแทงข้างหลังนั้น ผมว่ายังตอบไม่ตรงเท่าไหร่

คุณ ::Scholl:: ได้ตอบเอาไว้ตรงแล้ว และผมขอเสริมเพื่อให้เกิดความเข้าใจดังนี้

1. ทีมจากเยอรมันที่ผลงานตกต่ำในบอลยุโรปนั้น ปัญหาหลักมาจากสถานะทางการเงินเป็นประการแรก เนื่องจากปกติแล้วทีมในเยอรมัน หรือแม้ทีมในลีกอื่น ๆ ของยุโรปก็ตาม ต่างก็ต้องพึ่งพาค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทั้งนั้น ซึ่งเป็นจำนวนเงินมหาศาล มีที่ไหนบ้างที่ไม่พึ่งค่าลิขสิทธิ์ ? อย่างทีมยักษ์ใหญ่ในอิตาลีที่มีรายได้ค่าตั๋วมากมายเนื่องจากสนามจุคนได้มาก มีแฟนบอลเข้าชมมาก (อันนี้ช่วงก่อนกัลโช่โปลี) ก็ยังต้องพึ่งพาค่าลิขสิทธิ์จำนวนมหาศาล แล้วทีนี้ในเยอรมัน บริษัทเคียร์ชมีเดียซึ่งเป็นบริษัทรับถ่ายทอดสดดันล้มละลายตามกระแสขาลงของเศรษฐกิจเยอรมันในช่วงต้นยุค 2000 คราวนี้ทีมบอลก็เลยล้มละลายกันเป็นแถบ บางพวกก็เกือบเจ๊งเพราะยังพอประคองไว้ได้บ้างเนื่องจากเป็นทีมใหญ่ มีแค่บาเยิร์นที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ก็เพราะการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ดูดนักเตะอย่างเดียวครับ ชาลเก้เองก็ดูดนักเตะ โดยเฉพาะเด็กเบรเมนจนผมเกลียดรูดี้ อัสเซาเออร์อดีตผู้จัดการทั่วไปคนก่อนแอนดี้ มุลเลอร์ ไปพักใหญ่ แต่ทำไมทีมผลงานลุ่ม ๆ ดอน ๆ ซึ่งประเด็นหลังนี่ผมจะไปว่าในข้อต่อไป

2. ทีมในเยอรมันขาดการบริหารที่มีประสิทธิภาพ และปรับตัวเข้ากับกระแสเศรษฐกิจตกต่ำไม่ทัน หลังจากเคียร์ชมีเดียล้มละลาย ทีมในเยอรมันขาดรายได้ในเรื่องของค่าลิขสิทธิ์ บริษัทที่มาแทน ผมจำไม่ได้ว่าบริษัทไหน ก็ยังให้ผลตอบแทนเรื่องลิทสิทธิ์ไม่มากเท่าเมื่อก่อน รายได้เลยหดหายเยอะ ซึ่งแทนที่ทีมในเยอรมันจะหันมาปรับปรุงการบริหารให้คล่องตัวขึ้น บริหารทีมให้มีประสิทธิภาพ เน้นวิสัยทัศน์และการวางแผนในระยะยาว รัดเข็มขัดและพัฒนาสต๊าฟฟ์โค้ช เน้นดึงดาวรุ่งมาปั้น รวมถึงเด็กฝึกหัดของตัวเองให้มากขึ้น ก็เปล่าเลย ยังไปพึ่งพานักเตะต่างชาติเหมือนเดิมแต่คราวนี้เป็นนักเตะเกรด B หรือ C เข้ามาทำให้ผลงานของตัวเองในบอลยุโรปตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย พอผลงานตกต่ำก็เอะอะปลดโค้ชที่มีความสามารถออกอย่างที่ชาลเก้ทำกับราล์ฟ รังนิค สุดท้ายผลงานก็ไม่ถึงไหน ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทั้ง ๆ ที่ชาลเก้เองก็ดูดนักเตะจากเบรเมนมาเยอะมากแถมยังดูดนักเตะจากที่อื่นไม่แพ้บาเยิร์น แต่ทำไมชาลเก้ถึงต้องประสบภาวะการเงินจนกระทั่งให้ก๊าซพรอมของรัสเซียเข้ามาเทคโอเวอร์ล่ะ ? มันมาจากการบริหารงานด้วย ส่วนทีมอื่นผมว่าก็ไม่ต่างกันนัก อย่างเลเวอร์คูเซ่นเองก็ปรับตัวไม่ทันกับปัญหานี้ ไม่คิดสร้างนักเตะและดึงเอาดาวรุ่งขึ้นมาก็ไม่ยอม ไปพึ่งนักเตะเกรดห่วย สุดท้ายก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ เบรเมนเองก็เป็นตัวอย่างของทีมที่พัฒนาการบริหารได้ดีและมีวิสัยทัศน์ ซื้อนักเตะมาแต่ละคนมีแต่คุ้มค่า ขายไปก็ได้กำไรแล้วมาซื้อนักเตะคนอื่นทดแทนได้อย่างดี แต่อย่างที่บอก เคียร์ชมีเดียล้ม ตัวเองเลยต้องล้มบนฟูก เกือบไม่มีเงินจ่ายค่าโบนัสนักเตะตัวเองในบอลเดเอฟเบโพคาลนัดชิง 2004 มาปีนี้ เบรเมนก็ดันพลาด หาคนแทนโคลเซ่ไม่ได้ ผลงานก็เลยลุ่ม ๆ ดอน ๆ นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของการบริหารงานที่ขาดประสิทธิภาพของทีมในเยอรมัน เพราะทีมในเยอรมันยังคิดว่าฟุตบอลมันคือกีฬา ในขณะที่ประเทศอื่นเค้าคิดว่ามันคือธุรกิจกันเกือบหมดแล้ว ก็เป็นธธรดาของกฎของลาร์ลส์ ดาร์วิน ที่ว่า สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งล้วนแต่มีการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดทั้งนั้น ผู้ที่แข็งแกร่งคือผู้ที่รอดชีวิต ผู้ที่อ่อนแอ คือผู้ที่สูญพันธุ์ กฎนี้ใช้ได้กับทีมจากประเทศเยอรัมน เยอรมันเป็นประเทศที่มีแต่นักสู้ ผู้คนทำงานกันบ้าคลั่ง นวัตกรรมมากมายหลั่งไหลมาจากประเทศนี้ เศรษฐกิจและสังคมที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป วัฒนธรรมก็สูงส่งและงดงามไม่แพ้ชาติที่มีอารยธรรมอื่น ๆ สามารถผ่านวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองมาได้ตลอด (ยกเว้นสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง) ก็มาจากความขยันขันแข็ง มีวินัย ประหยัดอดออม ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ดี สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และจิตใจนักสู้ของคนเยอรมัน แต่เสียดายที่มันไม่ได้ปรากฏในทีมฟุตบอลจากเยอรมัน ซึ่งบริหารงานได้ห่วยแตกและไม่เคยปรับตัวให้เข้ากับวิกฤตการณ์ได้เลย นี่แหละที่ทีมจากเยอรมันถึงได้ล้าหลังในบอลยุโรป

3. แท็กติกไม่ทันสมัย ทีมในเยอรมันยังมีระบบการเล่นที่ไม่ยืดหยุ่น และไม่พัฒนาแท็กติกการเล่นให้สอดคล้องกับฟุตบอลสมัยใหม่ ฟุตบอลสมัยนี้แท็กติกต้องปรับเปลี่ยนได้ตามรูปเกม แต่ทีมจากเยอรมันเล่นระบบเดียวตลอดทั้งเกมหรือซีซั่น เวลาทีมแย่ก็ส่งนักเตะลงไปแทน แล้วปรับทิศทางการวิ่งอีกนิดหน่อย แต่ไม่ปรับระบบ อย่างนี้มีแต่เสียเปรียบ ง่าย ๆ เบรเมนเล่น 4-1-2-1-2 แผงกลางสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด แต่พอเสียเปรียบคู่ต่อสู้กลับเล่นแบบเดิม ๆ อาศัยนักเตะที่ทำงานหนักขึ้นและเปลี่ยนตัวอื่นลงไปเพื่อเพิ่มความสด และขาดการยืดหยุ่นด้านกลยุทธ อีกทั้งไม่มีนักเตะที่รองรับในเรื่องของระบบอื่นมากพอ ทำให้แข่งขันได้ลำบาก ขนาดบาเยิร์นเองก็ยังมีปัญหาจุดนี้ ทีมเล็กกว่าก็ยิ่งเจอปัญหาใหญ่เข้าไปอีก

นี่เป็นเหตุผลของความตกต่ำของผลงานทีมจากเยอรมัน

ส่วนที่ว่าคนเยอรมันคิดยังไงกับความตกต่ำของลีกตัวเองน่ะเหรอ ผมลองอ่านเหตุผลของผู้ที่อยู่ในวงการฟุตบอลและผู้สันทัดกรณีเค้ามองว่า ทีมเล่นเหมือนไม่มีใจ ไม่ทุ่มเท ไม่พัฒนาการเล่น แต่นั่นเป็นการมองตามรูปเกมที่ปรากฏ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น ก็อย่างที่ผมได้อธิบายมาแหละ อีกทั้งคนเยอรมันเค้ายอมรับเรื่องของมาตรฐานที่ตกต่ำของลีกตัวเองพอสมควร ซึ่งเค้ายอมรับความจริง แต่คนเยอรมันมักจะไม่ชอบใจที่มาตรฐานของตัวเองที่ดีอยู่แล้วต้องตกลงไปทั้ง ๆ ที่ระบบภายในของบอลประเทศตัวเองก็ยังดีกว่าประเทศที่ฟุตบอลเจ๋ง ๆ อย่างสเปนหรืออังกฤษด้วยซ้ำ ซึ่งเราก็ต้องเข้าใจคนเยอรมันด้วยว่าเค้าวางมาตรฐานตัวเองไว้สูงและเล็งผลเลิศเสมอ ซึ่งเคยมีบทความที่คริสโตฟ ดอย์มกะพอล ไบรท์เนอร์เขียนเอาไว้ในทำนองที่ว่าบอลเยอรมันต้องพัฒนาอีกเยอะทั้ง ๆ ที่ตัวเองมาตรฐานยังไม่ถือว่าแย่ซะทีเดียว

ตอบเจ้าของกระทู้ครับ ผมว่าทีมอย่างบียาร์เรอัล หรือทีมอื่น ๆ ในสเปนเอง แม้กระทั้งทีมบิ๊กโฟร์บางทีมก็ไม่ได้มีศักยภาพเหนือกว่าบาเยิร์น มิวนิคเท่าไหร่ เพียงแต่สื่อเยอรมันเค้าโปรโมทตัวเองไม่เก่งเท่าสื่ออื่น โดยเฉพาะสื่อสเปนและสื่ออังกฤษที่โปรโมทความสวยงามและเร้าใจของฟุตบอลจนคนไทยหลง (คนญี่ปุ่น เกาหลี จีนไม่หลง) และคิดว่าทีมเหล่านี้มันมีแต่นักเตะเทพ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วทีมจากเยอรมันก็ไม่ได้มีศักยภาพที่ต่างกันมากนัก นักเตะเบสิคแน่นกว่าด้วยซ้ำ จอมเทคนิคก็มีพอสมควร ถึงเทคนิคจะสู้ไม่ได้แต่ก็มีการเล่นที่เป็นระบบ เป็นทีมเวิค มีวินัยในการเล่นเข้ามาแทนที่ ซึ่งมันก็สู้ได้เพราะฟุตบอลมันเล่นกัน 11 คน มันต้องมีระบบและทีมเวิค คุณไม่อาจพูดได้เลยว่า ต่างคนต่างเล่นแล้วทีมจะชนะ ขนาดอาร์เจนติน่าในยุคที่มีมาราโดน่าฉายเดี่ยวยังมีเพื่อนร่วมทีมทำงานกันลืมตายอีก 10 คน โปรดเข้าใจด้วยครับ

ตอบคุณ Grand Gunner ในความเห็น 29 นะคับ แฟนบอลเยอรมันในพันทิพ พร้อมโต้แย้งหรือไขข้อข้องใจของผู้อื่นด้วยเหตุผลและตรงไปตรงมาเสมอคับ อาจมีอารมณ์บ้างแต่ก็ไม่มีการใช้ถ้อยคำเสียดสีรุนแรง แฟนบอลเยอรมันในที่นี้ ไม่ใช่พวกที่แตะต้องไม่ได้นะคับ แตะต้องได้คับ ไม่มีใครใหญ่คับฟ้ามาจากไหนถึงขนาดสะกิดนิดหน่อยก็ร้อนตัว ทุกคนคุยได้และพร้อมคุยกันด้วยเหตุผลเสมอคับ

จึงอธิบายให้ทราบมา ณ ที่นี้ หวังว่าทุกท่านคงเข้าใจ
แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 50 03:07:43
แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 50 03:06:26
แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 50 03:04:18
แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 50 16:07:27
แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 50 15:50:59
แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 50 15:43:42

จากคุณ : ดยุคแห่งออสเตรีย - [ 10 พ.ย. 50 15:29:13 ]