ความคิดเห็นที่ 18
IAN RUSH: THE BIG INTERVIEW
ต่อเนื่องกับ "สัปดาห์พิเศษของ เอียน รัช" จากเว็บไซด์ทางการของ ลิเวอร์พูล, วันนี้เราจะนำบทสัมภาษณ์ของ "เพชรฆาตหนวดหิน" มาให้ทุกคนได้อ่านกัน...
ถ- เอียน, ครบรอบ 25 ปีแล้ว ที่คุณเคยยิงคนเดียวสี่ประตูในเกมที่เราถล่มเอฟเวอร์ตันไป 5-0 ที่กูดิสัน ปาร์ค. คุณพอจะรำลึกความหลังให้เราฟังได้มั้ย, ถึงเรื่องราวของวันนั้นในปี 1982 ?
ต- พูดตรงๆ, ผมจำเรื่องราวในวันนั้นได้อย่างชัดเจน. ผมจำได้ว่า บ็อบ เพสลี่ย์ ได้พูดกับผมก่อนเกมว่า ไม่มีใครเคยทำแฮททริกได้ใน เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ มาตั้งราว 50 หรือ 60 ปีแล้ว ก่อนหน้าเกมนั้น. มันไม่ใช่สิ่งที่ใครควรจะยกขึ้นมาพูดกับคุณ ก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้น, ดังนั้นการที่เขาพูดกับผมแบบนั้น มันจึงแปลกนิดหน่อย - เขาต้องรู้อะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้แน่เลย! (หัวเราะ)
เกมในวันนั้นมันเป็นช่วงเวลาอันน่าเหลือเชื่อมาก. เพราะผมเคยสัมผัสกับบรรยากาศในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ และแน่นอน ผมเคยเป็น เอฟเวอร์โตเนี่ยน มาก่อนด้วยซ้ำ, ดังนั้นการซัดคนเดียวถึงสี่ลูกในเกมแบบนี้ มันย่อมให้ความรู้สึกที่สุดยอดแน่นอน. เกมนั้นพวกเราเล่นกันได้ดี และเราก็ตัดพวกเขาออกจากเกมได้อย่างเด็ดขาด. มาตรฐานของฟุตบอลที่เราแสดงออกมาในวันนั้น ต้องถือว่าดีมากเลยล่ะ, ถ้าพิจารณาในแง่ที่ว่ามันเป็นเกมดาร์บี้ด้วยนะ.
ถ- ในฐานะที่คุณเป็นสาวกของท็อฟฟี่ในวัยเยาว์, มันทำให้คุณรู้สึกดีเป็นพิเศษมั้ย ที่ทำประตูพวกเขาได้ในวันนั้น?
ต- ใช่เลยล่ะ. ผมเคยยืนอยู่ใน กัลฟ์เลดี้ สตรีท เอนด์ (เหมือนอัฒจันทร์ฝั่งเดอะ ค็อปของเรา) และดูพวกเขาลงแข่งมาก่อน. ดังนั้นการยิงประตูพวกเขาได้ มันก็ทำให้ผมรู้สึกพิเศษจริงๆ. ผมจำได้ว่า อลัน แฮนเซ่น ผ่านบอลให้ผมยิงเป็นประตูแรก และผมก็ไม่อยากจะเชื่อเลย ที่เห็นบอลมันวิ่งเข้าสู่ก้นตาข่ายอย่างนั้น.
ผมมีเพื่อนมากมายบน กัลฟ์เลดี้ สตรีท ที่นั่งดูผมเล่นอยู่ในเกมนี้, ดังนั้นมันจึงเป็นแรงกระตุ้นชั้นยอดที่ได้ลงเล่น และทำได้ถึงสี่ประตู.
ถ- มันเป็นหนึ่งในห้าความทรงจำที่ดีที่สุดที่คุณมีต่อทีมใช่มั้ย?
ต- ไม่ต้องสงสัยเลย. แน่นอนว่าเกมเอฟเอ คัพในปี 1986 และ 1989 ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน. แต่เมื่อผมลองมองย้อนกลับไปถึงความสำเร็จที่ผมได้รับ ตลอดอาชีพนักฟุตบอลของผม, และมองในแง่ของเกมที่ดีที่สุดที่ผมเคยเล่นให้ลิเวอร์พูล, เกมนี้จัดว่าอยู่ในท็อปทรีเลยล่ะ.
ถ- ตอนนั้นมันเป็นดาร์บี้ แมทช์ครั้งที่สามของคุณ, และจากนั้นคุณก็กลายเป็นปีศาจที่คอยหลอกหลอนพวก เอฟเวอร์ตัน มาตลอดเลยใช่มั้ย?
ต- มันเป็นแค่หนึ่งในเรื่องราวเมื่ออดีตน่ะ. บอกตรงๆเลยนะ, ผมรู้สึกมั่นใจเสมอ เวลาที่ก้าวออกไปเผชิญหน้ากับพวกเขา. มันยากที่จะอธิบายน่ะ แต่ทุกครั้งผมรู้แค่ว่าผมต้องยิงประตูพวกเขาได้แน่, โดยเฉพาะหลังจากเกมในวันนั้น. มันแปลกมากที่ผมมีความคิดแบบนั้น, จริงๆ. แต่ที่มันไม่ค่อยดีนักคือ ทุกครั้ง, ผมต้องลงไปสู้กับ เควิน แร็ทคลิฟฟ์ และเนวิลล์ เซาท์ธอลล์ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมชาติเวลส์ของผมทั้งคู่ด้วยน่ะสิ!
เขาทั้งสองคนเป็นผู้เล่นที่เก่งกาจ แต่ก็ดูเหมือนว่าผมจะทำได้ดี ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับพวกเขา.
ถ- หลังเกม 5-0 วันนั้น, ได้ข่าวว่าคุณติดรถของ แร็ทคลิฟฟ์ กลับบ้านด้วยจริงๆเหรอ?
ต- ตอนนั้นผมถูกสั่งแบนไม่ให้ขับรถอยู่ ดังนั้นจริงครับ, แร็ทคลิฟฟ์ เป็นคนขับไปส่งผมที่บ้านจริงๆ. มันแปลกเหมือนกันนะ เพราะผมมีลูกบอลที่ใช้แข่งในเกมนั้นติดตัวอยู่ด้วย และผมก็ขอร้องให้เขาช่วยเอาบอลไปให้เพื่อนๆของเขาในทีม เอฟเวอร์ตัน เซนต์ให้ผมทุกคนหน่อย, เพราะผมให้เพื่อนร่วมทีม ลิเวอร์พูล เซนต์กันครบทุกคนก่อนหน้านั้นแล้ว. แต่คุณนึกภาพออกมั้ย?, เขาไม่ได้ตื่นเต้นหรือซาบซึ้งไปด้วยกับผลงานของผม และผมก็บอกคุณไม่ได้หรอก ว่าวันนั้นเขาพูดกับผมว่ายังไงบ้าง!
และวันนั้นมันก็เป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับเขาด้วยเช่นกัน เพราะตอนที่เราเดินไปที่รถด้วยกันนั้น มีแฟนๆ เอฟเวอร์โตเนี่ยน มารุมล้อมเขาอยู่ตั้งมากมาย. พวกนั้นแทบไม่อยากจะเชื่อ ว่าผมยิงทีมของพวกเขามาตั้งสี่ลูก แล้ว แร็ทคลิฟฟ์ ยังขับรถไปส่งผมที่บ้านอีก!
ถ- สี่ประตูในวันนั้น เป็นที่มาของเพลง "ทอมมี่ เสกาเซอร์ที่น่าสงสาร" ('Poor Scouser Tommy.') คุณรู้สึกยังไงตอนที่ได้ยินแฟนๆร้องเพลงนี้กันครั้งแรก?
ต- ประหลาดใจน่ะสิ. ปัจจุบันพวกเขาก็ยังร้องเพลงนี้กันอยู่นะ และมันก็ทำให้ขนบนหลังคอของพวกคุณตั้งชันได้เลยล่ะ, แม้กระทั้งเดี๋ยวนี้ที่ผมได้ไปนั่งดูเกมของ ลิเวอร์พูล อยู่ก็ตาม. ผมพยายามไปนั่งชมเกมในบ้านของเราให้มากที่สุด เพราะมันทำให้ผมรู้สึกอิ่มเอมเป็นอย่างมาก. พูดตรงๆนะ ผมว่ามันเป็นบางอย่างที่หลายคนคงได้แต่ฝันถึง, เพราะแน่นอนตอนนี้ผมแขวนสตั๊ดไปแล้ว และทุกคนก็คงคาดหวังว่าจะได้ยินเพลงที่ร้องเกี่ยวกับผู้เล่นในปัจจุบันนี้มากกว่า. ดังนั้นเมื่อพวกเขายังร้องเพลงที่มีชื่อของผมอยู่แบบนั้น, มันก็ทำให้ผมรู้สึกสุขใจเป็นอย่างมาก.
ถ- ตอนคุณย้ายมาจากเชสเตอร์ ซิตี้, คุณเคยคิดมั้ย ว่าคุณจะกลายมาเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสร?
ต- ไม่หรอก, ไม่เคยเลย. ผมคิดแค่ว่าผมจะมาที่นี่, ลองพยายาม และให้โอกาสในชีวิตกับตัวเองบ้างที่ ลิเวอร์พูล, ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าผมไม่ดีพอ ผมก็จะย้ายกลับ เชสเตอร์ ซิตี้. แต่หลังจากผ่านไปสามเดือน ผมก็รู้แล้วว่าผมดีพอสำหรับที่นี่. ต้องยกความดีความชอบให้กับ บ็อบ เพสลี่ย์ เพราะเขาทำให้ผมมั่นใจ ด้วยการแสดงให้เห็นว่าเขาเชื่อมั่นในความสามารถของผม.
หลังจากนั้นมันก็เป็นเรื่องของการกอบโกยโอกาส เมื่อใดก็ตามที่ผมได้รับมัน. ผมใช้เวลาเป็นปีกว่าจะเข้ากับทีมได้, ดังนั้นเมื่อผมมีโอกาส ผมต้องคว้ามันไว้ด้วยทั้งสองมือของผมเอง. บ็อบ ย้ำกับผมอยู่อย่างนั้นประจำ, เขารู้ว่าผมมีอะไรบางอย่าง เพียงแต่ต้องทำให้ผมตระหนักเองให้ได้, และถ้ามีซักครั้งที่เหรียญเพนนีหล่น (พลาดโอกาส - ผู้แปล) ซึ่งหมายถึงผมจำเป็นต้องเห็นแก่ตัวให้มากกว่านี้หน้ากรอบประตู, ผมก็จะไม่หันกลับไปมองมันอีกเลย.
ถ- คุณได้เล่นเคียงข้างกับผู้เล่นอย่าง ดัลกลิช, เบียร์ดสลี่ย์ และฟาวเลอร์ แต่เห็นได้ชัดว่า คิงเคนนี่ คือบัดดี้ที่รู้ใจคุณที่สุดใช่มั้ย?
ต- ใช่อย่างไม่ต้องสงสัยเลย. ใครๆชอบถามผมว่า นักเตะคนไหนที่ดีที่สุดเท่าที่ ลิเวอร์พูล เคยมี, และผมก็จะตอบว่า "เคนนี่ ดัลกลิช" ทุกครั้ง. เราสองคนเข้าขากันมาก แต่ก็ตลกเหมือนกันนะ ที่เราไม่ค่อยได้พูดกันเลยในสนาม. เราแค่เข้าใจกันเป็นอย่างดี นั่นเลยทำให้ผมคิดว่า การพูดคุยมันไม่จำเป็นหรอก.
ผมมีความเร็ว, ส่วนเคนนี่สามารถดึงกองหลังไป และสร้างพื้นที่ว่างให้กับผมได้. เหมือนที่ผมบอกนั่นแหละ, เขาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของเราอย่างไม่ต้องสงสัย.
ถ- คุณยิงแซงสถิติของ โรเจอร์ ฮันท์ ได้ในเกมกับแมนฯยูฯ, ทีมซึ่งคุณมักจะยิงพวกเขาไม่ค่อยได้มาก่อน. คุณรู้สึกยังไงที่ทำลายสถิติของ ฮันท์ ลงได้ ?
ต- ผมยิงประตูพวกเขาได้ลูกแรกในราว 22 นัด ก่อนหน้าไม่กี่เดือนที่เราจะหยุดพวกเขาไม่ให้คว้าแชมป์ลีกได้. แต่มันเป็นลูกแรกที่ผมยิงพวกเขาได้ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และดูเหมือนว่ามันจะทำให้ผมทำลายสถิติของ ฮันท์ ลงได้ด้วย. นั่นคือหนึ่งในความรู้สึกสุดยอดเท่าที่ผมเคยมีมา. การทำลายสถิติของ ฮันท์, หรือ "เซอร์" โรเจอร์ ลงได้, เป็นอะไรที่พิเศษ และผมก็ไม่เคยลืมมันเลย.
วันนั้นเราเล่นกันสบายๆ และผมก็ยิงลูกที่สองให้กับทีม, แต่สุดท้ายเราก็เสมอกับพวกเขาไป 2-2. พ่อของผมเป็นแฟนตัวยงของ ลิเวอร์พูล และ โรเจอร์ ฮันท์ ก็เป็นไอดอลของเขาเลยล่ะ, ดังนั้นการทำลายสถิติอย่างใดอย่างหนึ่งของเขาลงได้ มันย่อมต้องพิเศษกับผมอยู่แล้ว.
ถ- คุณมีสองช่วงเวลาในการอยู่กับทีมเรา, แต่นับจากทั้งสองช่วง, อะไรคือความทรงจำต่อทีมที่คุณชื่นชอบที่สุด?
ต- นีดชิงเอฟเอ คัพ ปี 1986 คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผมกับทีม. มันเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ที่เราคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในรายการหลักได้ และเราก็เอาชนะคู่แค้นของเราอย่าง เอฟเวอร์ตัน ในนัดชิงที่ว่าได้ด้วย.
เกมนั้นเราตามพวกเขาอยู่ 1-0 ก่อน, ในครึ่งแรก และสุดท้ายจบเกมเราก็เอาชนะไปได้ 3-1. ตอนยังเด็ก ผมเคยฝันว่าทำประตูได้ในนัดชิงเอฟเอ คัพ และผมก็ทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาจนได้ด้วยการยิงไปสองลูกในเกมนั้น. ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่ผมไม่มีวันลืมเลย. และเมื่อผมกลับมาสู่ทีมเป็นหนที่สอง สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในความทรงจำจากช่วงนั้นก็คือ ตอนที่ผมจะย้ายออกจากทีมในปี 1996. ตอนนั้นเราเล่นกับ มิดเดิ้ลสโบรห์ ในเกมสุดท้ายที่แอนฟิลด์ของผม, และผู้เล่นของทั้งสองทีม ก็ยืนเข้าแถวเพื่อเป็นเกียรติให้กับผม. ปฎิกริยาจากแฟนๆก็ยิ่งเยี่ยมยอด และพวกเขาก็ให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี.
สิ่งเหล่านี้มันตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผม เพราะมันไม่สามารถตีราคาออกมาได้. ดังนั้นในฐานะนักเตะ ผมขอตอบว่าเป็นเกมนัดชิงในปี 86 ที่ผมชื่นชอบที่สุด, แต่จากมุมมองที่มีต่อกองเชียร์, ผมคงต้องขอตอบว่า การต้อนรับของเดอะ ค็อปในเกมสุดท้ายที่แอนฟิลด์ของผม เป็นคำตอบสุดท้ายครับ!.
http://www.liverpoolthailand.com/webboard/index.php?showtopic=47870
จากคุณ :
ชายกลางเก่า
- [
12 พ.ย. 50 09:07:00
]
|
|
|