Diego Maradona (13 คน)
	Pele (5 คน)
	Zinedine Zidane (8 คน)
	Ronaldo (4 คน)
	Johan Cruijff (3 คน)
	Michel Platini (0 คน)
	Franz Beckenbauer (2 คน)
	Roberto Baggio (1 คน)
	Lothar Matthaus (1 คน)
	จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 37 คน

	35.14%
	13.51%
	21.62%
	10.81%
	8.11%
	0.00%
	5.41%
	2.70%
	2.70%

ขอยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรี่ส์การโหวตหาทีมยอดเยี่ยมตลอดกาลในประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก หลังจากที่ได้จัดทำกระทู้มาได้หนึ่งสัปดาห์เต็มก็จะขอแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบว่ากระทู้นี้ถือเป็นกระทู้สุดท้ายของซีรีส์นี้ ก็ถือโอกาสนี้ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันโหวตและแสดงความคิดเห็นในกระทู้ที่ผ่านมา โดยการสรุปผลการโหวตทั้งหมดจะประกาศในช่วงกลางสัปดาห์ที่จะถึงนี้

สำหรับในพาร์ทสุดท้ายนี้จะเป็นการโหวตหานักเตะหมายเลขหนึ่งในรอบศตวรรษของประวัติศาสตร์ลูกหนังโลกว่าใครจะเป็นนักเตะยอดเยี่ยมอันดับ 1-3 ในสายตาของท่านโดยไม่จำกัดว่าจะเป็นผู้เล่นตำแหน่งใด เพราะถึงจะเป็นตำแหน่งกองหลังแต่ถ้าเล่นได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดในตำแหน่งของตัวเองก็น่าจะสามารถเป็นหมายเลข 1 ได้ แค่ขอให้เขาคนนั้นเป็นหมายเลข 1 ในสายตาของคุณ
และณ บัดนี้ขอจบซีรีส์การโหวตด้วยตัวเลือกดังต่อไปนี้


1.ดีเอโก้ มาราโดน่า
เสือเตี้ยมหัศจรรย์ ดีเอโก้ มาราโดน่าสุดยอดนักเตะแห่งทัพฟ้า-ขาว อาร์เจนตินา ได้รับการยกย่องในวงการลูกหนังว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในรอบศตวรรษ มาราโดน่าเป็นคนที่แสดงให้เห็นว่าการเล่นฟุตบอลให้ประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องเล่นเป็นทีมเสมอไป เขาพาอาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกในปี 1986 ที่เม็กซิโก และยังทำประตูที่จะได้รับการจดจำไปอีกนานในนัดที่พบกับอังกฤษ เขาพาอาร์เจนตินาเข้าชิงชนะเลิศอีกครั้งในฟุตบอลโลกปี 1990 แต่ได้แค่รองแชมป์ ในระดับสโมสรเขาได้สร้างตำนานที่เหลือเชื่อให้กับนาโปลี โดยพาทีมนาโปลีที่เป็นทีมระดับกลางๆปาดหน้าเอซีมิลานที่พร้อมไปด้วยซุปเปอร์สตาร์ผงาดคว้าแชมป์เซเรียอาได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร และยังเป็นแชมป์เซเรียอาได้อีกครั้งใน 2 ฤดูกาลต่อมา โดยที่ก่อนหน้านั้นได้เล่นให้กับบาร์เซโลน่าและทำประตูให้ทีมเป็นกอบเป็นกำ มาราโดน่าเป็นกองกลางที่มีสถิติการทำประตูไม่แพ้กองหน้าโดยมีค่าเฉลี่ยการยิงประตูประมาณ 0.5 ลูกต่อนัด

2.เปเล่
เอ็ดสัน อรันเตสโด นาสซิเมนโต้ หรือ เปเล่ ราชันลูกหนังโลก เจ้าของฉายาไข่มุกดำผู้ยิ่งใหญ่ เป็นนักเตะอีกคนหนึ่งที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะเก่งกาจที่สุดในรอบศตวรรษเช่นเดียวกับดีเอโก้ มาราโดน่า เขาเป็นนักเตะคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลกถึง 3 สมัยจากการเล่น 4 สมัยติดกัน ลงเล่นให้เล่นทีมแซมบ้า 92 นัดยิงไปถึง 77 ประตู ค้าแข้งในระดับสโมสรกับซานโต๊สยิงไปถึง 589 ประตูจาก 605 นัด ในสถิติอย่างเป็นทางการ แต่ถ้านับรวมการแข่งขันที่ไม่เป็นทางการด้วย เขาทำสถิติอันเหลือเชื่อให้กับวงการลูกหนังโดยยิงไปถึง 1087 ประตูจาก 1120 นัด และพาซานโต๊สเป็นแชมป์ลิเบอร์ราโดเรสคัพได้สองสมัย
เปเล่เป็นนักเตะที่ถนัดในการใช้ความสามารถเฉพาะตัวแหวกกองหลังเพื่อเข้าไปยิงประตู มีลูกยิงที่เฉียบคมและหนักหน่วงมาก เขาเคยยิงลูกบอลแบบเต็มข้อจากครึ่งสนามถากเสาไปนิดเดียว และยังเป็นกองหน้าที่ถนัดในลูกกลางเวหาไม่ว่าจะเป็นลูกตีลังกาหรือลูกโหม่ง

3.ซีเนอดีน ซีดาน
สุดยอดนักเตะในทศวรรษที่ 2000 จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้า ซิซู  เป็นนักเตะที่คว้ารางวัลเกียรติยศมาครอบครองได้มากที่สุดคนหนึ่ง ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของฟีฟ่า 3 สมัย บัลลงดอร์ 1 สมัย และได้รับรางวัลลูกบอลทองคำหรือนักเตะยอดเยี่ยมของฟุตบอลโลกปี 2006 เล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศส 108 นัด ได้แชมป์ทั้งสองรายการใหญ่คือยูโรปี 2000 และฟุตบอลโลกปี 1998 ที่เขาเป็นคนยิง 2 ประตูในรอบชิงชนะเลิศ ในระดับสโมสร เขาได้แชมป์เซเรียอา 2 สมัยและยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก 1 สมัยกับยุเวนตุส และย้ายไปอยู่กับรีล มาดริดด้วยค่าตัวที่สูงเป็นสถิติโลกในขณะนั้น กับทีมราชันชุดขาวเขาได้แชมป์ลาลีกา 1 ครั้ง และยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก 2 ครั้ง
ซีดานได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลย์เมกเกอร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดคนหนึ่งในวงการลูกหนังโลก มีเทคนิคการเล่นเอยู่ในขั้นสูงไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงบอล การส่ง หรือการยิง และยังมีร่างกายที่แข็งแกร่งเข้ากับสไตล์ฟุตบอลสมัยใหม่เป็นอย่างมาก และในหลายๆครั้งเขาสามารถเป็นคนกำหนดชัยชนะให้กับทีมได้

4.โรนัลโด้
โล้นทองคำ สุดยอดซุปเปอร์สตาร์แห่งยุคปัจจุบัน ด้วยลีลาการเล่นที่เร้าใจบวกกับความเฉียบคมในการยิงประตูทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดแห่งยุคเทียบเท่ากับซีเนอดีน ซีดาน เขาเป็นนักเตะที่คว้ารางวัลเกียรติยศส่วนบุคคลมาได้มากที่สุดในปัจจุบัน โดยได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า 3 สมัยและบัลลงดอร์อีก 2 สมัย โรนัลโด้ได้แชมป์โลกกับบราซิลสองสมัยและรองแชมป์หนึ่งสมัย ติดทีมไปเล่นฟุตบอลโลกมาแล้ว 4 ครั้งและอาจจะสร้างประวัติศาสตร์เล่นเป็นสมัยที่ 5 เท่ากับมัทเธอุสและคาร์บานาล นายทวารของเม็กซิโก เขาได้รางวัลลูกบอลทองคำในฟุตบอลโลกปี 1998 และยังได้รางวัลดาวซัลโวในฟุตบอลโลกปี 2002 โดยยิงไปถึง 8 ประตูทำให้ขึ้นเป็นนักเตะที่ยิงประตูได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ซึ่งเขายิงไปถึง 15 ประตู และเขาก็ไม่พลาดถ้วยแชมป์โคปาอเมริกากับบราซิลโดยได้แชมป์มาสองสมัย  เขาลงเล่นให้กับสโมสรชั้นนำในยุโรปทั้ง บาร์เซโลน่า รีล มาดริด อินเตอร์ มิลานและในปัจจุบันเล่นให้กับเอซี มิลาน แต่เคยได้แชมป์ลีกสูงสุดมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้นกับมาดริดและได้ถ้วยยูฟ่าคัพกับอินเตอร์  โรนัลโด้เป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ดุจดังพระเจ้าประทานมาให้ เขาสามารถเลี้ยงลูกบอลหลบกองหลัง 3-5 คนได้จนเป็นเรื่องปกติ และยังมีตำแหน่งในการเข้าฮอสที่ดีอีกด้วย จุดอ่อนของเขาดูจะมีเพียงเรื่องเดียวคือการโหม่ง แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหาเลย เมื่อเขาสามารถแสดงจุดเด่นอื่นๆมาทดแทนได้

5.โยฮัน ครัฟฟ์
เจ้าของฉายา “ นักเตะเทวดา ” ตำนานนักเตะของทัพอัศวินสีส้มอันเลื่องชื่อในทศวรรษที่ 70 สามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์ถึง 3 สมัยในปี 1971 1973 และ 1974 เล่นทีมชาติ 48 นัด นำฮอลแลนด์เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 1974 กับเยอรมันก่อนจะพ่ายไปอย่างหวุดหวิด 2-1 เขาอยู่ในทีมกับอาแจ็กซ์ชุดประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าแชมป์ลีกดัตซ์ 8 สมัยและได้แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพถึง 3 สมัยติดต่อกัน นอกจากนี้ เขายังเคยเล่นให้บาร์เซโลน่าอยู่ 5 ฤดูกาล ได้แชมป์ลาลีกาหนึ่งสมัย
ครัฟฟ์เป็นนักเตะที่เล่นได้ดีในทุกตำแหน่งของแนวรุก สอดคล้องกับนโยบายการทำทีมแบบโททั่ล ฟุตบอลของไรนุส มิเชล จากความสามารถเฉพาะตัวหลายด้านทั้งด้านกายภาพและจิตใจ เขามีความเร็วสูง จ่ายบอลได้แม่นยำ และจุดเด่นที่สุดคือการสร้างสรรค์เกม จากอิสระในการเล่นที่หลากหลายและการเคลื่อนไหวหาตำแหน่งที่ลงตัว ทำให้เขาเป็นนักฟุตบอลที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดคนหนึ่ง

6.มิชาเอล พลาตินี่
นโปเลียนลูกหนัง ผู้พาทีมชาติฝรั่งเศสครองแชมป์ฟุตบอลยุโรปปี 1984  เขาเป็นนักเตะคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่สามารถพิชิตรางวัลงบัลลงดอร์มาได้สามสมัยติดต่อกันในปี 1993-1995 ลงเล่นในฟุตบอลโลกสามสมัย และได้อันดับสี่ในปี 1982 อันดับสามในปี 1986 ติดทีมชาติรวม 72 นัด ลงเล่นในระดับสโมสรให้กับน็องซี่ แซงค์ เอเตียนและยุเวนตุส ได้แชมป์เซเรียอา 2 สมัยและคัพวินเนอร์สคัพ 1 สมัย ยิงไป 265 ประตูจากการลงเล่นในทุกรายการ 501 นัด พลาตินี่เป็นศูนย์กลางในแนวรุกของฝรั่งเศสในแนวทางการเล่นแบบสามเหลี่ยมร่วมกับอแล็ง ชิแรสและฌอง ติกาน่า เขาเป็นนักเตะในแนวรุกที่พล่านไปทั่วสนาม และมีความสามารถในการสร้างสรรค์เกมได้อย่างสวยงาม  มีการจ่ายบอลที่แม่นราวจับวางและมีจังหวะการยิงประตูที่ไม่แพ้กองหน้าหลายๆคน

7.ฟร๊านซ์  เบ็คเค่นบราวน์เออร์
เจ้าของฉายาแดร์ไกเซอร์ลูกหนังอันเลื่องชื่อของทัพอินทรีเหล็ก เป็นผู้เล่นที่ได้รับการเชิดชูมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลเยอรมันทั้งๆที่เขาเล่นในตำแหน่งลิเบอโร่ เล่นให้ทีมชาติเยอรมันตะวันตกทั้งหมด 103 นัด และลงเล่นในฟุตบอลโลก 3 สมัยติดต่อกัน และสามารถนำเยอรมันผงาดขึ้นครองแชมป์โลกได้สำเร็จในปี 1974 และรวมไปถึงการได้แชมป์ยูโรในปี 1972 ในระดับสโมสร เขาปักหลักเล่นให้กับบาเยิร์น มิวนิค 13 ปีถึง 427 นัด ได้แชมป์บุนเดสลีกา 4 สมัย ยูโรเปี้ยนคัพ 3 สมัย เบ็คเค่นบราวน์ เป็นลิเบอโร่ที่มีลีลาการเล่นที่สง่างามที่ไม่เหมือนใคร เขามีวิสัยทัศน์การอ่านเกมได้อย่างดีเยี่ยมไปพร้อมๆกับการเข้าสกัดบอล และมีบุคลิกแห่งผู้นำสูงมาก ทำให้เขาเป็นศูนย์กลางที่ควบคุมสมดุลของทีมทั้งในเกมรุกและเกมรับที่ทีมจะขาดไม่ได้  

8.โรแบร์โต้ บักโจ้
เจ้าเปียทองคำ  โกลเด้นบอยแห่งอัซซูรี่  ผู้พิชิตรางวัลบัลลงดอร์และนักเตะยอดเยี่ยมของฟีฟ่าในปี 1993 เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในการพาอิตาลีคว้ารองแชมป์โลกที่อมริกาในปี 1994 โดยแพ้บราซิลในการยิงจุดโทษไปอย่างหวุดหวิด บักโจ้เล่นในฟุตบอลโลกสามสมัยติดต่อกัน และถือเป็นนักเตะในแนวรุกที่ดีที่สุดเท่าที่อิตาลีเคยมีมา อย่างไรก็ตามจากอาการบาดเจ็บบ่อยทำให้เขาติดทีมชาติแค่ 57 นัด  บักโจ้เคยเล่นให้ทุกสโมสรชั้นนำในอิตาลีทั้งยุเวนตุส เอซี มิลานและอินเตอร์ มิลาน เขาเล่นให้ยุเวนตุสและฟิออเรนตินามากที่สุดเป็นระยะเวลา 5 ฤดูกาล ได้แชมป์เซเรียกับเอซี มิลานและยุเวนตุสอย่างละ 1 สมัย และยูฟ่าคัพ 1 สมัยกับยอดทีมจากเมืองตูริน นอกจากนั้นในช่วงปลายของอาชีพค้าแข้ง เขาได้ย้ายมาร่ายเพลงแข้งอย่างโดดเด่นให้กับโบโลญญ่าและเบรสชา  
บักโจ้เป็นกองหน้าที่มีตำแหน่งการยืนค่อนข้างต่ำ เขาอาจจะไม่ใช่กองหน้าที่ยิงระเบิดเถิดเทิง แต่เขาสามารถสร้างโอกาสการทำประตูได้อย่างยอดยี่ยม และยังชอบยิงประตูในแมตซ์ที่สำคัญอยู่เสมอ บักโจ้เป็นนักเตะอีกคนหนึ่งที่ยิงลูกฟรีคิกได้อันตรายมาก

9.โลธาร์ มัทเธอุส
สุดยอดนักเตะข้ามทศวรรษแห่งทัพอินทรีเหล็ก เยอรมัน เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยียมแห่งปีของฟีฟ่าในปี 1991 เจ้า“ซุปเปอร์แมน”โลธาร์ มัทเธอุสนั้นมีคุณสมบัติครบถ้วนตามฉายาของเขา จากพละกำลังที่ยากจะหาใครมาทาบ เขารับบทบาทเป็นลิเบอโร่ในทีมชาติเยอรมัน สามารถวิ่งขึ้นลงในสนามได้ตลอดเกม แต่ก็สามารถเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ได้ไม่แพ้ลิเบอโร่ และยังมีลูกยิงไกลที่เฉียบขาด เขาเป็นศูนย์กลางของทีมมาหลายยุคหลายสมัยนานถึง 20 ปี สามารถยืนระยะเล่นให้ทีมชาติเยอรมันเป็นสถิติสูงสุดที่ 150 นัด และยังสร้างสถิติลงเล่นมากที่สุดทั้งจำนวนนัดและสมัยที่ลงเล่น โดยเล่นไปถึง 22 นัด จากฟุตบอลโลกถึง 5 สมัยในปี 1982 1986 1990 1994 และ 1998 ได้รองแชมป์โลก 2 ครั้งและแชมป์ 1 ครั้ง แต่พลาดการเล่นในศึกยูโรหลายรายการโดยเฉพาะยูโร 96 ที่เยอรมันได้แชมป์ ถึงกระนั้นก็ยังได้แชมป์ยูโรในปี 1980 ที่เขาเพิ่งจะเริ่มเล่นให้ทีมชาติโดยลงเล่นไป 2 นัดในรายการนั้น  มัทเธอุสเล่นให้กับสโมสรมึนเช่นกลัคบัค ก่อนจะย้ายมาช่วยให้บาเยิร์น มิวนิคกวาดแชมป์บุนเดสลีกา 7 สมัยในระยะเวลา 12 ฤดูกาล นอกจากนี้ เขายังเคยไปเล่นในอิตาลีกับอินเตอร์ มิลาน 4ปีได้แชมป์เซเรียอา 1 สมัย

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------