PANTIP.COM : S6121661 *ลีคในฝันบาสไทย *ตอนจบ [บาสเกตบอล/วอลเลย์บอล]

ความคิดเห็นที่ 1

วิทยาศาสตร์การกีฬากรรมพันธุ์คงมีส่วนเกี่ยวข้องเยอะอยู่คุณพ่อเหยาหมิงสูง 2.08 เมตร คุณแม่ก็สูง 1.88 เมตร เรียกได้ว่าสูงใหญ่กันทั้งบ้าน ตอนที่เหยาหมิงเกิดก็หนักมากกว่า 5โลแล้ว ออกมาตัวโตเท่ากับเด็กอายุ 3 ขวบ กะโหลกใหญ่กว่า เด็กจีนวัยแรกเกิดทั่วไปสองเท่าเลย ตอนที่เหยาหมิงอายุ 8 ขวบ ก็มีความสูงถึง 1.70 เมตรแล้ว ทำให้เวลาที่ไปไหนมาไหนก็มักจะตกเป็นเป้าสายตาของคนทั่วไป
ด้วยเหตุที่ขนาดรูปร่างของเหยาหมิงสูงใหญ่ก็เลยเป็นที่ตั้งใจของพ่อแม่ ว่าจะปั้นให้กลายเป็นดาวกีฬา ตัวพ่อแม่ เหยาหมิงเองก็เป็นดาวบาสเกตบอลที่นครเซี่ยงไฮ้เหมือนกัน จะว่าไปแล้วเหยาหมิงไม่ได้ถือกำเนิดมาจากความ บังเอิญ ในช่วงรุ่นพ่อแม่ของเหยาหมิง ท่านเหมาเจ๋อตงได้แนะนำให้เหล่าสหายหาคนหนุ่มสาวที่มียีนส์พิเศษ เข้าสู่ กลไกการกีฬาของประเทศซึ่งก็ก็นำไปสู่การแต่งงานของต้าฟางและต้าเหยาพ่อแม่ของเหยาหมิง เพื่อให้เกิดทายาทที่ หน่อยก้านดี
เรียกได้ว่าเหยาหมิงเป็นความหวังที่รอคอยมาแสนนานถึงสามชั่วอายุคนทีเดียว ตอนช่วงเหยาหมิงเด็กๆชีวิต ครอบครัวและฐานะการเงินไม่ค่อยดีนัก เพราะเป็นช่วงสิ้นสุดยุคปฏิวัติวัฒนธรรม และการมรณกรรมของท่าน ประธานเหมาเจ๋อตง ก็ส่งผลต่อชีวิตพ่อแม่ของเหยาหมิงมาก
ตอนนั้นทำให้แม่เหยาหมิงต้องถูกย้ายไปเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานรับใช้ซึ่งจัดเป็นงานต่ำต้อยที่สุดในระบบการ กีฬา และเป็นเสมียนที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การกีฬาแห่งเซี่ยงไฮ้ หมดโอกาสที่จะกลับมาเป็นโค้ชอีก ส่วนพ่อก็ ล้มเหลวในการสมัครงานโค้ช เลยต้องทำงานที่ท่าเรือในเซี่ยงไฮ้ เงินเดือนของคู่สามีภรรยารวมกันไม่ถึง 80 หยวน หรือราวสี่ร้อยบาทเอง ช่วงนั้นเหยาหมิงก็อยู่ในช่วงกำลังกิน รายได้ก็เลยถูกจ่ายไปในเรื่องอาหารแทบทั้งหมด

เหยาหมิงถูกชวนให้เข้าสู่โรงเรียนกีฬาประจำเมืองสีว์ฮุ่ยตั้งแต่ 8 ขวบ เพราะความสูงถึง 1.70 เมตร ตอนนั้นยากที่จะ รอดพ้นสายตาของแมวมองวงการกีฬา เหยาหมิงเคยเล่าถึงความใฝ่ฝันในวัยเด็กว่า เค้าอยากเป็นนักสำรวจด้าน โบราณคดี เดินทางไปตามที่ต่างๆ มุดถ้ำเล็กถ้ำน้อย แต่ก็คงเป็นยากเรื่องสำหรับเค้า เพราะพ่อแม่ก็บอกให้เขาเริ่ม ฝึกฝนบาสเกตบอล ตั้งแต่ยังไม่ถึง 9 ขวบ

เค้าเคยบอกว่าตอนเด็กเขาเกลียดบาสเกตบอลมาก แต่เพราะเคารพพ่อแม่มากเลยยอมทำตามใจท่าน เค้าบอกว่า เค้าต้องฝึกฝนทุกวัน ต้องวิ่งจนแทบล้มนอนกับพื้น ต้องกระโดดจนแข้งขาหมดแรง ต้องฝึกโยนลูกบอลจนแทบยกแขน ไม่ขึ้น และหลายครั้งที่เค้างอแงกับพ่อแม่เพื่อที่จะออกจากโรงเรียนกีฬา คุณพ่อเหยาหมิงบ่อยครั้งที่พยายามติดสินบนสัญญาว่าจะซื้อของขวัญ ให้เมื่อฝึกได้ดี เพื่อให้เหยาหมิงมีกำลังใจฝึกต่อไป
นัส แต่แม่กลับมองและห่วงอนาคตของเหยาหมิง แม่เหยาหมิงคิดว่าชีวิตนักบาสเกตบอลนั้น ดูจะไม่ให้รางวัลอะไรมาก นัก แม่ก็เลยพาเหยาหมิงออกจากโรงเรียนกีฬาสีว์ฮุ่ย และมาเข้าโรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านการศึกษาแทน
ซึ่งตอนนั้นเหยาหมิงดีใจมากที่เค้าไม่ต้องฝึกหนัก เพราะเค้าชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือเกี่ยวกับเรื่องต่างแดน และประวัติศาสตร์ราชวงศ์กษัตริย์จีน แต่เนื่องจากเขาเริ่มเรียนช้ามาก ทำให้เรียนไม่ทัน และในที่สุดก็ต้องกลับไปที่ โรงเรียนกีฬาสีว์ฮุ่ย เค้าเคยบอกกับเพื่อนสนิทในเซี่ยงไฮ้ว่า การออกจากโรงเรียน ไปเล่นบาสเกตบอล เป็นช่วงที่เค้า เสียใจที่สุด
เหยาหมิงถูกย้ายมาอยู่ที่สถาบันเทคโนโลยีการกีฬาแห่งเซี่ยงไฮ้ 8 ปีต่อมาบรรดาโค้ชต่างก็ตั้งความหวังที่จะปั้น เหยาหมิงให้เป็นดาว เหยาหมิงต้องแยกอยู่กับพ่อแม่มาอยู่หอพักโรงเรียน ช่วงนั้นแม่ของเหยาหมิงเป็นห่วงเค้ามาก เธอจะคอยทำอาหารรอเมื่อเหยากลับบ้านในวันหยุด ยืนรอลูกชายนอกห้องล็อกเกอร์เพื่อส่งอาหารและเสื้อผ้าให้ หลังจากจบเกมแต่ละนัด
แม่ของเหยาหมิงเองครั้งหนึ่งเคยวิตกทุกข์ร้อนมากที่หารองเท้าขนาดใหญ่สำหรับลูกชายในจีนไม่ได้ ก็เลย อ้อนวอนให้เพื่อนที่อเมริกาหารองเท้าไนกี้ แอร์ เบอร์ 18 ราคา 92 เหรียญสหรัฐ ส่งมาที่เซี่ยงไฮ้ แล้วในปี 1996 คณะ ผู้บริหารของไนกี้ได้เห็นเหยาหมิงเป็นครั้งแรก ขณะที่เขาวิ่งกระโดดตัวลอยราวกับยีราฟอยู่ในโรงยิมฯของเซี่ยงไฮ้ จากนั้น ผู้แทนของไนกี้ก็เข้าหาแม่ของเหยา เสนอรองเท้า เสื้อผ้าเท่ๆ และคำแนะนำต่างๆในการปั้นเหยาให้เป็นผู้เล่น ระดับโลก
แล้วหลังจากนั้นเหยาหมิงก็กลายเป็นตัวช่วยบุกเบิกตลาดไนกี้ในจีน และการไปสู่ดวงดาวนี้ เหยาจะต้องออกจากโลก บาสเกตบอลเก่าๆของจีน และกระโจนสู่การแข่งขันระดับนานาชาติ

จากคุณ : darakorn - [ 12 ธ.ค. 50 14:09:37 ]