ความคิดเห็นที่ 8
ตลาดลูกหนังโลกยุคใหม่
ได้ฤกษ์เปิดตลาดนักเตะรอบสองไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ดูเหมือนกระแสการย้ายตัวนักเตะช่วงนี้ดูจะมีแต่ข่าวลือมากกว่าข่าวจริง เสียเป็นส่วนใหญ่ แถมราคาค่าตัวนักเตะบางรายยังแพงเว่อร์เกินราคาฝีเท้าเสียอีก แต่ท่านผู้อ่านไม่ต้องตกใจกับเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ เพราะเชื่อเลยว่าพอใกล้ตลาดวายเมื่อไหร่ ตลาดจะยิ่งคึกคักเป็นทวีคูณ
และแน่นอนตลาดการซื้อขายนักเตะที่บ้านเราให้ความสนใจเป็นอันดับแรกก็คงจะ หนีไม่พ้น พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นแน่ โดยล่าสุด พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีมูลค่าการซื้อตัวนักเตะในฤดูกาล 2007/08 รวมสูงถึง 721,385,000 ยูโร ซึ่งถือว่ามากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของวงการลูกหนังทั่วโลก ขณะที่รายรับในการขายนักเตะมีมูลค่า 344,301,000 ยูโร ทำให้มูลค่าทางการตลาดขาดดุลอยู่ถึง 377,084,000 ยูโร
อันดับสองตกเป็นของลีกแดนกระทิงดุ ลาลีกา สเปน ที่มีมูลค่าการซื้อตัวนักเตะในฤดูกาลล่าสุด รวมสูงถึง 561,750,000 ยูโร ขณะที่รายรับในการขายนักเตะมีมูลค่าเพียงแค่ 270,590,000 ยูโร เท่านั้น ส่งผลให้มูลค่าทางการตลาดติดลบอยู่ที่ 291,160,000 ยูโร โดยทีมที่ทำสถิติชอปมากที่สุดในสเปนก็คือ เรอัล มาดริด ที่ใช้เงินมากถึง 118 ล้านยูโร และนั่นกลายเป็นสถิติของโลกอยู่ในขณะนี้
อันดับสาม ลูกหนังมะกะโรนี กัลโช่ เซเรีย อา ที่ปีนี้ส่อแววจะซบเซาเพราะบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในอิตาลีต่างก็ประสบปัญหาถัง แตกกันทั่วหน้า แถมยังมีปัญหาแฟนบอลอีก ทำให้มูลค่าการซื้อตัวนักเตะในฤดูกาลล่าสุดอยู่ที่ 300,970,000 ยูโรเท่านั้น ขณะที่รายรับในการขายมีเพียง 199,685,000 ยูโร ติดลบอยู่ที่ 101,285,000 ยูโร
ขณะที่เวทีบุนเดสลีกา ช่วงหลายปีที่ผ่านมาสภาพเงินสะพัดดูจะเป็นรองลีกอื่นๆ แต่มาในปีนี้มูลค่าการซื้อขายในฤดูกาลล่าสุด 234,010,000 ยูโร มากเป็นอันดับที่สี่เท่านั้น ส่วนรายรับในการขายมี 135,505,000 ยูโร ขาดดุลอยู่ถึง 98,505,000 ยูโร ซึ่ง "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่เมืองเบียร์เพียงทีมเดียวก็มีมูลค่าการซื้อปาเข้าไปถึง 79 ล้านยูโร เข้าไปแล้ว
มากันที่อันดับที่ห้า ฟุตบอลลีกเอิง ฝรั่งเศส มีมูลค่าการซื้อขายในฤดูกาลล่าสุดเพียง 217,550,000 ยูโร ขณะที่รายรับในการขายมีมูลค่ารวมสูงถึง 335,585,000 ยูโร ซึ่งนับว่าสูงสุดเป็นอันดับที่หนึ่งในเรื่องของรายรับ ทำให้ลีกเอิงมีมูลค่ารวมกำไรสูงถึง 118,035,000 ยูโร
อันดับที่หก ลูกหนังแดนกังหัน พรีเมียร์ดัตช์ ฮอลแลนด์ ที่มีมูลค่าการซื้อเพียงแค่ 89,705,000 ยูโร ส่วนในเรื่องของรายรับมีมูลค่ารวม 125,655,000 ยูโร ทำให้ค่ารวมของตลาดซื้อขายกำไรอยู่ถึง 35,950,000 ยูโร
อันดับที่เจ็ด ต้องบอกว่าพลิกความคาดหมายมาก เพราะไม่ได้เป็นลีกสูงสุดของประเทศ แต่กลับเป็น ลีกฟุตบอลแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ที่มีชื่อติดเข้ามาในทำเนียบท็อปเทนในปีนี้ ด้วยมูลค่าการซื้อสูงถึง 87,067,500 ยูโร ซึ่งถือเป็นมูลค่าสูงสุดของลีกรองจากทั่วโลก ขณะที่ในเรื่องของรายรับกลับมากจนไม่น่าเชื่อเพราะสูงถึง 176,425,000 ยูโร ทำให้ค่ารวมของตลาดซื้อขายกำไรอยู่ที่ 89,357,500 ยูโร
อันดับที่แปด เป็นลีกน้องใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งลีกได้ไม่ถึง 20 ปี นั่นก็คือ ยูเครน พรีเมียร์ลีก ที่แยกตัวออกมาจากสหภาพโซเวียตเมื่อปี 1992 โดยมีมูลค่ามูลค่าการซื้ออยู่ที่ 72,125,000 ยูโร ส่วนรายรับในการขายมีมูลค่ารวมเพียงแค่ 44.350.000 ยูโร แต่ก็ถือว่าก้าวหน้าขึ้นมากในเรื่องของตลาดนักเตะ
อันดับเก้า เป็นลีกจากยุโรปตอนใต้ ซูเปอร์ลีกา โปรตุเกส ที่มีมูลค่าการซื้อเพียงแค่ 53,300,000 ยูโร ขณะที่รายรับในการขายมีมูลค่ารวมสูงถึง 165,370,000 ยูโร ทำให้ค่ารวมของตลาดซื้อขายกำไรอยู่ที่ 112,070,000 ยูโร และแน่นอนนั่นย่อมบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า โปรตุเกส กลายเป็นตลาดส่งออกนักเตะรายใหญ่ของทวีปยุโรปอีกประเทศหนึ่งแล้ว โดยทีมที่ส่งออกนักเตะมากที่สุดตกเป็นของ เอฟซี ปอร์โต้ ที่ปล่อยนักเตะออกไปจากทีมด้วยมูลค่ารวมสูงถึง 70.4 ล้านยูโร
อันดับที่สิบ ตกเป็นของ ลีกาสอง เยอรมัน ที่มีมูลค่าการซื้อ 35,760,000 ยูโร ส่วนรายรับในการขายมีมูลค่ารวม 41,525,000 ยูโร ค่ารวมของตลาดซื้อขายกำไรอยู่ที่ 5,765,000 ยูโร นั่นก็คือสิบอันดับลีกที่มีอัตราการซื้อขายนักเตะมากที่สุดสิบอันดับแรกของ โลก ที่ดูจากทิศทางของตลาดลูกหนังโลกยุคใหม่แล้วเชื่อเลยว่า เงินได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งยวดไปแล้ว
แต่หากมองกลับกันถึงเรื่องของคุณภาพนักเตะแล้ว เผลอๆนักเตะที่ค้าแข้งอยู่ในลีกลูกหนังอื่นๆอาจจะมีมาตรฐานสูงกว่าก็เป็น ได้หากเทียบกันในเรื่องของราคาค่าตัว อย่างกรณีของ ดาร์เรน เบนท์ หัวหอกของ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมจากพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ ที่มีค่าตัวสูงถึง 16.5 ล้านปอนด์ แต่กลับทำผลงานได้ไม่เข้าตาจนต้องกลายเป็นเพียงแค่ตัวสำรองในถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน ในระยะหลัง
ขณะที่เวทีบุนเดสลีกา เยอรมัน นักเตะที่แพงที่สุดที่ย้ายมาเล่นในฤดูกาลนี้คือ ฟร้องค์ ริเบรี่ ของ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ที่ย้ายมาจาก โอลิมปิก มาร์กเซย ด้วยค่าตัว 17 ล้านปอนด์ ก็ถือว่าทำผลงานได้ตรงตามมาตรฐานเมื่อลงสนามช่วยทีมไป 16 นัด ยิงไป 4 ประตู นี่ยังไม่นับรวมถึงการสร้างสรรค์เกมให้เพื่อนร่วมทีมอีก นั่นเป็นแค่ข้อเปรียบเทียบของมูลค่านักเตะเท่านั้น แฟนบอลของทั้งสองทีมไม่ต้องคิดมาก
ซึ่งที่กล่าวมามันแสดงให้เห็นว่า การที่นักเตะมีมูลค่าแพง ใช่ว่าจะเล่นได้ดีและเข้ากับระบบของทีม เพราะในโลกลูกหนังยุคปัจจุบันนั้น มูลค่าของนักเตะถูกบรรดาเอเยนต์ปั่นจนไม่ต่างกับราคาหุ้นในโลกของธุรกิจไป เรียบร้อยแล้ว และคำถามที่ตามมาก็คือ "มูลค่าของนักเตะวัดกันจากอะไร"
weeza
http://www.siamsport.co.th/Columnnews680.html
จากคุณ :
yut
- [
10 ม.ค. 51 16:20:11
]
|
|
|