PANTIP.COM : S6306884 ### สงบใจ...รำลึก ### ครบรอบห้าสิบปี โศกนาฏกรรมที่มิวนิค [ฟุตบอลต่างประเทศ]

ความคิดเห็นที่ 31

"ดั๊ดลี่ย์" ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์, บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน, ทอมมี่ เทย์เลอร์, โรเจอร์ เบิร์น, บิล โฟ้กส์,จอห์นนี่ เบอร์รี่, เรย์ วู้ด, เดนนิส ไวโอเล็ต, แจ๊คกี้ บล้านช์ฟลาวเวอร์, เดวิด เฟ้กก์, มาร์ค โจนส์, แฮรี่ เกร๊ก, เอ็ดดี้ โคลแมน, วิล์ฟ แม็คกินเนส, น็อบบี้ สไตล์ส ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นผลิตผลของโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยฝีมือของบัสบี้ท ทั้งสิ้น ตำแหน่งแชมป์ดิวิชั่น 1 สองปีซ้อนฤดูกาล 1955-56 และ1956-57 คือบทพิสูจน์ถึงความยิ่งใหญ่ของ "บัสบี้ เบบส์" ชนิดที่ใครเลยจะกล้าปฏิเสธ เพลงแข้ง "ปีศาจแดง" ที่เต็มไปด้วยลีลาเหนือชั้นยามเมื่อลงสนามกระตุ้นเร่งเร้าอารมณ์แฟนบอลได้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมฟุตบอลที่ได้รับความนิยมสูงสุดและยิ่ง เมื่อพวกเขาได้มีโอกาสยาตราทัพสู่สมรภูมิยุโรปเพื่อร่วมศึกยูโรเปี้ยนคัพ ชื่อเสียงของเหล่าขุนพลลูกหนังจากโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็ยิ่งขจรขจายไกลยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ เป็นที่ยอมรับโดยไม่มีข้อแม้ว่า "บัสบี้ เบบส์" คือทีมที่ดีที่สุดทีมหนึ่ง เท่าที่วงการฟุตบอลเคยมีมาทีเดียว บัสบี้เองก็มักจะกล่าวด้วยความมั่นใจว่า บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของเขาทั้งหมด จะสามารถสร้างสรรค์เกมที่มีคุณค่าได้ต่อไปอีกนานเนื่องจากอายุเฉลี่ยของ แต่ละคนยังน้อยอยู่มาก โดยที่เขาหาได้เฉลี่ยวใจหรือนึกฝันมาก่อนเลยว่าวันเวลาของยอดซูเปอร์สตาร์เหล่านี้ช่างแสนสั้นยิ่งนักเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจของ "ปีศาจแดง" ทั้งปวง ...

7 กุมภาพันธ์ 1958 โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อเครื่องบินซึ่งบรรทุกผู้เล่นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทั้งทีมประสบอุบัติเหตุบนทางวิ่งของสนามบิน มิวนิค ในเยอรมนี นักเตะ 7 คนเสียชีวิตทันที ก่อนที่เจ้าหน้าที่สโมสรอีก 3 คน จะสิ้นใจตามไป และรายสุดท้ายก็เป็น เขา "ดั๊ดลี่ย์" (ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์) โศกนาฎกรรมประวัติศาสตร์ครั้งนั้น ส่งผลให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทบจะสูญสิ้นทุกสิ่ง ไม่มีใครนึกเสียดายเลยที่เส้นทางยูโรเปี้ยน คัพ ต้องมาสิ้นสุดในรอบก่อนรองชนะเลิศ ความยิ่งใหญ่ของเหล่า "ปีศาจแดง บัสบี้ เบบส์" ต่างหากคือสิ่งที่ทุกคนอาลัยและถวิลหา ทว่าด้วยเลือดนักสู้แบบฉบับ "ปีศาจแดง" โดยแท้ บัสบี้ และเด็กๆ ของเขาอีกจำนวนหนึ่งซึ่งรอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ก็ค่อยๆ ช่วยกันก่อร่างสร้างทีมขึ้นมาใหม่ โดยมีความทรงจำที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาเป็นแรงบันดาลใจ ยูไนเต็ด ยุคซิกซ์ตี้ จึงถือกำเนิดขึ้นมาท่ามกลางปริศนาที่ว่า "บัสบี้ เบบส์"
ชุดใหม่จะกร้าวแกร่งเกรียงไกรเหมือนเช่นรุ่นพี่ ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับหรือไม่ ?

ในที่สุด "ปีศาจแดง" ก็กลับมาแรกฤทธิ์อีกจนได้ ลบล้างข้อวิตกเกรงของแฟน ๆ ที่ว่าพวกเขาคงยากที่จะหวนคืนสู่ความยิ่งใหญ่เหมือนเช่นอดีตลงจนหมดสิ้น ขุนพลคู่ใจของบัสบี้ ซึ่งนำทัพโดย 3 ทหารเสือ คือ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน, เดนิส ลอว์ และ "เทพบุตรมหาภัย" ยอร์จ เบสต์ สามารถสร้างปรากฏการณ์สั่นสะเทือนฟากฟ้าอาณาจักรลูกหนัง ยุโรปด้วยการพิชิตแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ได้อย่างงดงามยิ่งในปี 1968 หลังจากโศกนาฎกรรมที่มิวนิค บัสบี้ใช้เวลาสร้างทีมใหม่ถึงร่วม 5 ปีเต็ม ขวัญและกำลังใจ เริ่มกลับคืนสู่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อยูไนเต็ดบุกตะลุยขึ้นไปกระชาก ถ้วยเอฟเอ คัพ กลับบ้านได้ในปี 1963 บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า เขาขออุทิศตำแหน่งแชมป์เอฟเอ คัพ ครั้งนั้นแด่เพื่อนๆผู้ล่วงลับไปแล้ว พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่า จะนำความสำเร็จมาสู่ทีมเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่เขาเหล่านั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

บัสบี้จำเป็นต้องใช้จ่ายเงินไปไม่น้อยในการซื้อนักเตะเข้าทีมเพื่อทดแทนชุดเก่าโดยเร็ว ซึ่งเขาก็จัดการทุกอย่างได้อย่างชาญฉลาดตามเคย แพ็ท ครีแรนด์, เดวิด แซดเลอร์, จอห์น แอสตัน และ "ราชาสตั๊ดเหินหาว" เดนิส ลอว์ คือบรรดานักเตะหัวกะทิที่บัสบี้นำไปจัดสรรกำลังพลผีแดงได้พอเหมาะลงตัว จนมีประสิทธิภาพพร้อมพอที่จะพาทีมเดินหน้าได้อย่างมั่นใจคำกล่าวที่ว่า แม็ทท์ บัสบี้ เป็นผู้จัดการทีมที่ไม่เคยร้างรานักเตะที่ยิ่งใหญ่เคียงคู่อยู่ข้างกายเลยยังเป็นจริงอยู่เสมอและคราวนี้ดูเหมือนว่าคำนิยามดังกล่าวจะขลังขึ้นอีกซักสิบเท่าเพราะในช่วงปลายปี 1963 เขาก็ได้ไอ้หนูตัวผอมๆ ผิวคล้ำ ท่าทางขี้อายวัยแค่ 17 ปี จากเบลฟาสต์มาไว้ในครอบครอง ซึ่งเพียงไม่กี่ครั้งที่บัสบี้ เห็นเจ้าไอริชตัวน้อยลงโลดแล่นในสนาม เขาก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจพร้อมทั้งรู้สึกเชื่อมั่นอยู่ลึกๆ ว่า "ไอ้จิ๋ว จอร์จี้คนนี้ จะต้องได้เป็นนักฟุตบอลที่เก่งกาจที่สุดในโลกอย่างแน่นอน" มีหรือที่คำทำนายของคนอย่าง บัสบี้จะผิดพลาด

อัจฉริยะคนใหม่ที่ชื่อ ยอร์จ เบสต์ ซึ่งได้รับการฝึกปรือและดูแลอย่างใกล้ชิดกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่สร้างความเร้าใจและสามารถทำในสิ่งเหลือเชื่อให้เกิดขึ้นบ่อยที่สุด เบสต์เป็นทั้งอัจฉริยะพ่อมดลูกหนัง ศิลปินบนพื้นหญ้า มือปืนผู้ไม่เคยพลาดเป้า นักมายากลจอมเลื้อยมหัศจรรย์..และอีกสารพัด
ยุคทองของยูไนเต็ดเกิดขึ้นอีกคำรบหนึ่ง ด้วยดีกรีแชมป์ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1964-65 และ1966-67 ก่อนหน้าที่พวกเขาจะสร้างปรากฏการณ์ ทะยานคว้าถ้วยสีเงิน ใบใหญ่อันเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นหนึ่งแห่งยุโรปไปไว้โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นทีมแรกของอังกฤษ ว่ากันว่า แม็ตช์พิชิตเบนฟิก้า
4-1 คาเวมบลีย์ สเตเดี้ยม ในคืนวันที่ 29 พฤษภาคม ปี 1968 นั้น ถือเป็นมหากาพย์บทสำคัญของตำนานลูกหนังอังกฤษก็ว่าได้ ภาพของ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน เดินนำทัพ "ปีศาจแดง"ลงสู่สนาม หรือนาทีที่ ยอร์จ เบสต์ ลากเลื้อยเดี่ยวเข้าไปยิงลูกที่ 2 ให้ยูไนเต็ด ยังคงเป็นความทรงจำที่เล่าขานสืบต่อกันมาชนิดที่ไม่อาจมีใครอยากจะลืม

เพื่อไปดูข้อมูลครับ

http://red11.org/mufc/munich.htm

อันนี้เซอร์บ็อบ ยกย่อง ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์

http://www.msnbc.msn.com/id/22958007/

จากคุณ : rudy - [ 6 ก.พ. 51 11:51:59 ]