ความคิดเห็นที่ 7
นี่คือบันทึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 12 ////// ฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 12 ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 21 พฤศจิกายน ถึง 2 ธันวาคม พ.ศ. 2522
ทีมเข้าร่วมแข่งขัน 7 ประเทศ คือสาย A มีสโมสรอีเรียนยาย่าห์ (อินโดนีเซีย), ทีมชาติเกาหลีใต้ (บี), ทีมชาติศรี ลังกา และทีมไทย (เอ) และสาย B มีสโมสรชานตุง (จีน), ทีมชาติมาเลเซีย (แชมป์เก่า), ทีมชาติสิงคโปร์ และทีมไทย (บี)
รอบแรก 22 พฤศจิกายน 2522 ทีมชาติไทย (เอ) ชนะ ทีมชาติศรีลังกา 5 - 1 (3 - 0) 24 พฤศจิกายน 2522 ทีมชาติไทย (เอ) ชนะ สโมสรอีเรียนยาย่าห์ 3 - 0 (1 - 0) 26 พฤศจิกายน 2522 ทีมชาติไทย (เอ) เสมอ ทีมชาติเกาหลีใต้(บี) 0 - 0 (0 - 0) รอบรองชนะเลิศ 28 พฤศจิกายน 2522 ทีมชาติไทย (เอ) เสมอ ทีมชาติไทย (บี) 3 - 3 (1 - 1) 30 พฤศจิกายน 2522 ทีมชาตืไทย (เอ) ชนะ ทีมชาติไทย (บี) 5 - 2 (2 - 0) รอบชิงชนะเลิศ 2 ธันวาคม 2522 ทีมชาติไทย (เอ) ชนะ ทีมชาติเกาหลีใต้ (บี) 1 - 0 (0 - 0)
ทีมชาติไทยชุด เอ (คิงส์คัพ พ.ศ. 2522) จำนวน 17 คน มีดังนี้ คือ
ไชยวัฒน์ พรหมมัญ ชาญชัย กันอริ วิสูตร วิชายา มนัส รัตนติสร้อย อำนาจ เฉลิมชวลิต สุรศักดิ์ ตัณฑดิลก ประพันธ์ เปรมศรี จีระศักดิ์ เจริญจันทร์ สมพร จรรยาวิสูตร เชิดศักดิ์ ชัยบุตร สิทธิพร ผ่องศรี จำเริญ คำนิล วรวรรณ ชิตะวณิช สมชาย ชวยบุญชุม ดาวยศ ดารา พิชัย คงศรี นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ (หัวหน้าทีม)
ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง เป็นหัวหน้าสตาฟฟ์โค้ช นายสมชาติ ยิ้มศิริ และ เกรียงศักดิ์ วิมลเศรษฐ์ เป็นผู้ช่วยโค้ช พ.ต.ต. ชลอ เกิดเทศ เป็นผู้จัดการทีม
.............ฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 12 (พ.ศ. 2522) ทศวรรษแรกของการคว้าแชมป์ฟุตบอล ระดับทัวร์นาเม้นต์ ทีมไทย เริ่มจากการชนะเลิศร่วมกับชาติอื่น คือครองเหรียญทองกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 3 (พ.ศ. 2508) กับทีมพม่าและถ้วย พระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 9 (พ.ศ. 2519) กับทีมมาเลเซีย ก่อนจะประสบความสำเร็จแบบเอกเทศ ในเวลาต่อมา ทีมชาติไทยชุดเอ (คิงส์คัพ พ.ศ. 2522) จำนวน 17 คน คือผู้รักษาประตู ไชยวัฒน์ พรหมมัญ, ชาญชัย กันอริ กองหลัง มนัส รัตนติสร้อย, จำเริญ คำนิล, อำนาจ เฉลิมชวลิต, ประพันธ์ เปรมศรี, สุรศักดิ์ ตัณฑดิลก, จีระศักดิ์ เจริญจันทร์, กองกลาง สิทธิพร ผ่องศรี, วรวรรณ ชิตะวณิช, วิสูตร วิชายา กองหน้า เชิดศักดิ์ ชัยบุตร, พิชัย คงศรี, สมชาย ชวยบุญชุม, สมพร จรรยาวิสูตร, ดาวยศ ดารา และ นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์(หัวหน้าทีม) มี ดร.วิชิต แย้มบุญเรืองเป็นหัวหน้าสตาฟฟ์โค้ช นายสมชาติ ยิ้มศิริ และนายเกรียงศักดิ์ วิมลเศรษฐ์ เป็นผู้ช่วยโค้ช พ.ต.ต. ชลอ เกิดเทศ เป็นผู้จัดการทีม
..............ทีมชาติไทยชุดบี (คิงส์คัพ พ.ศ. 2522) จำนวน 17 คน คือผู้รักษาประตู โรจนะ สมุลไพร, ศิริศักดิ์ แย้มแสง กองหลัง วิทชัย อรรถพร, สุทิน ไชยกิตติ, ทวี ทองอ่อน, จุฑา ติงศภัทิย์, ธวัชชัย อ่วมขาว, พิทักษ์ ศิลป์ประสิทธิ์ (หัวหน้าทีม) กองกลาง ปกาศิต สุวรรณานนท์, ไพศาล มีอำพัน, อนันต์ สาลี, ทวีวัฒน์ อัครเสลา, บัญญัติ คำนวณ กองหน้า บุญเลิศ เอี่ยวเจริญ, ชลอ หงษ์ขจร, ชัยยุทธ ผิวบัวเผื่อน และพงษ์ศักดิ์ สุขจิตต์ มี นายสมศักดิ์ อ่อนสมา เป็นหัวหน้าสตาฟฟ์โค้ช นายแก้ว โตอดิเทพ, นายศุภกิจ มีลาภกิจ และนายวันชัย เหลืองไพฑูรย์ เป็นผู้ช่วยโค้ช นายบุญสม ตันจำรัส เป็นผู้จัดการทีม
..............คิงส์คัพ ครั้งที่ 12 ระหว่างวันที่ 21 พฤศจิกายน ถึง 2 ธันวาคม พ.ศ. 2522 มี 7 ชาติส่งแข่งขัน สมาคมฟุตบอลฯ จัดสาย แยกตามความแข็งแกร่งและเหมาะสมของแต่ละทีม ในรอบรองจะต้องเตะกัน รวม 2 นัด ผลการแบ่งกลุ่ม คือสาย A มีสโมสร อีเรียนยาย่าห์ (อินโดนีเซีย), ทีมชาติเกาหลีใต้ (บี), ทีมชาติศรีลังกา และทีมชาติไทยชุดเอ และสาย B มีทีมชาติสิงคโปร์, ทีมชาติมาเลเซีย (แชมป์เก่า), สโมสรชานตุง (จีน) และทีมชาติไทยชุดบี อนึ่ง ภายหลังการประชุมของคณะกรรมการจัดแข่งขัน เกี่ยวกับชื่อทีมชาติทั้งสองชุด ในที่สุดจากจะเปลี่ยนเรียกว่า "รามา" และ "นารายณ์" ให้กลับมาใช้ทีมไทยชุดเอ และชุดบี ตามเดิม วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2522 ทีมชาติไทย บี ชนะทีมชาติสิงคโปร์ 2 - 1 (0 - 1) ได้ประตูจาก จุฑา ติงศภัทิย์, บัญญัติ คำนวน และผู้เล่นลอดช่องทำเข้าประตูตัวเอง
.............วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2522 ทีมชาติไทย เอ พบทีมชาติศรีลังกา ท่ามกลางผู้ชมประมาณ 15,000 คน นักเตะไทย สวมเสื้อแดงกางเกงขาวเป็นฝ่ายเขี่ยลูกเปิดเกมป้วนเปี้ยนในแดนทีมเยือน ผู้เล่นสิงหลพึ่งเดินทางมาถึง เมื่อช่วงบ่ายวัน แข่งขันและลงสนามทันที จึงทำให้สภาพร่างกายเสียเปรียบทีมเจ้าถิ่น น. 18 "สิงห์สนามศุภ" นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ ยิงเต็มแรงระยะ 10 หลา กระแทกคานบน (CROSS BAR) ตกมาโดนหลังนักเตะศรีลังกาเข้าประตู 1 - 0 น. 24 ดาวยศ ดารา หักหลบกองหลัง แล้วอัดบอลเสียบมุมขวา 2 - 0 และ น. 42 สิทธิพร ผ่องศรี ขึ้นโขกให้ทีมไทยออกนำห่าง ครึ่งแรก 3 - 0 น. 68 ชาปดีน ขวิดลูก ลอดแขน ชาญชัย กันอริ ไล่ตามมาเป็น 1 - 3 น. 70 จำเริญ คำนิล เตะบอลชุลมุนเป็นสกอร์ (SCORE) 4 - 1 และ น. 80 เปริส นายทวารสิงหลปัดลูกออกมาแต่ถูก จำเริญ โหม่งสวนเข้าประตู ทีมไทยถล่มศรีลังกา 5 - 1
.............วันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2522 ทีมชาติไทย บี ชนะทีมชาติมาเลเซีย (บี) 1 - 0 (1 - 0) ได้ประตูจาก พงษ์ศักดิ์ สุขจิตต์ วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2522 ทีมชาติไทย เอ พบสโมสรอีเรียนยาย่าห์ แฟนลูกหนังกว่า 20,000 คน ผู้เล่นเจ้าบ้าน สวม เสื้อสีน้ำเงิน เปิดเกมบุกทีมจากประเทศอินโดนีเซีย หากการประสานงานแดนหน้าผิดพลาดบ่อยครั้ง น. 25 เชิดศักดิ์ ชัยบุตร ซัดเสียบคานบน ทีมไทยนำครึ่งแรก 1 - 0 ครึ่งหลัง ทีมชวาโยนยาวให้กองหน้ารูปร่างสูงใหญ่คอยหาจังหวะเข้าทำ เพื่อหวังจะ แก้ประตูคืน น. 64 วิสูตร วิชายา โดนใบเหลืองแรกของไทย น. 70 "เจ้าบัวลอย" จีระศักดิ์ เจริญจันทร์ หวดลักไก ่นอกเขต โทษเป็นสกอร์ 2 - 0 และ น. 82 เชิดศักดิ์ แปบอลมุดตาข่าย ทีมไทยพิชิตสโมสรอีเรียนยาย่าห์ 3 - 0
.............วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2522 ทีมชาติไทย บี ชนะสโมสรชานตุง 1 - 0 (0 - 0) ได้ประตูจาก ประกาศิต สุวรรณานนท์ สำหรับแมตช์ชุดเล็กลงสนาม ผู้เข้าชมไม่ต่ำกว่า 25,000 คน วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2522 ทีมชาติไทย เอ พบทีมชาต ิเกาหลีใต้ (บี) แฟนฟุตบอลประมาณ 20,000 คน ขุนพลเจ้าถิ่นและโสมขาว มี 4 แต้มเท่ากัน ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศแล้วทั้งคู่ จึงนำนักเตะสำรองลงสนาม เกมการแข่งขันทีมอารีดังเป็นฝ่ายบุกหนัก แต่ก็ไม่สามารถจะทำประตูสำเร็จ จนหมดเวลาทีม ไทย เสมอเกาหลีใต้ 0 - 0 ทีมพลังโสมเป็นที่ 1 ของสาย A เพราะมีลูกได้เสียดีกว่า และเจ้าบ้านอันดับ 2 ต้องไปตัดเชือกกับทีมไทย ชุดบี อันดับ 1 ของสาย B
............วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2522 รอบรองชนะเลิศนัดแรก ทีมชาติไทยชุดเอ พบทีมชาติไทยชุดบี มีคอลูกหนังกว่า 15,000 คน ผู้เล่นไทยทั้งสองทีมต่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ผู้ชมเริ่มทยอยออกจากสนามตั้งแต่ 15 นาทีแรกของการแข่งขัน น. 29 พิชัย คงศรี (เอ) ยิงก่อน 1 - 0 น. 35 ชัยยุทธ ผิวบัวเผื่อน (บี) ตีเสมอเป็น 1 - 1 น. 65 ดาวยศ (เอ) ส่องขึ้นนำ 2 - 1 น. 77 บุญเลิศ เอี่ยวเจริญ (บี) ยิงไล่ตามมา 2 - 2 น. 82 ดาวยศ (เอ) ซัดพลิกนำอีกครั้ง 3 - 2 และ น. 88 บุญเลิศ (บี) ยิงตีเสมอเช่นเดิม จบเกมนัดแรก ทีมไทย (เอ) เสมอไทย (บี) 3 - 3
............วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2522 รอบรองชนะเลิศนัดที่สอง ทีมชาติไทยชุดเอพบทีมชาติไทยชุดบี แฟนฟุตบอล ประมาณ 3,000 คน กล่าวกันว่าถ้าไม่ต้องมาตัดเชือกกันเองแล้ว อาจจะมีผู้เข้าชมเกมมากกว่านี้ เจ้าภาพชุดเอและบี เล่นแบบ เนื่อย ๆ หลีกเลี่ยงการปะทะ น. 11 สมพร (เอ) ซัดขยับนำก่อน 1 - 0 และ น. 33 ดาวยศ (เอ) ยิงปิดสกอร์ครึ่งแรก 2 - 0 ครึ่งหลัง น. 75 ดาวยศ (เอ) หวดลูกทิ้งห่าง 3 - 0 น. 77 นิวัฒน์ (เอ) จึงมีจังหวะทำประตูที่ 56 ในการเล่นทีมชาติสำเร็จ 4 - 0 น. 78 ชลอ หงษ์ขจร (บี) ซัดบอลเข้าตามมาห่าง ๆ 1 - 4 น. 80 บัญญัติ (บี) ยิงตีตื้นเป็น 2 - 4 และ น. 83 ดาวยศ (เอ) ส่องสกอร์สุดท้ายของเกม ทีมไทยเอชนะทีมไทยบีตามสภาวการณ์ 5 - 2 รอบชิงชนะเลิศ
............ฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 12 วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2522 ณ สนามศุภชลาศัยฯ ทีมชาติไทย เอ พบทีมชาติเกาหลีใต้ (บี) ทีมโสมขาวชุดเล็กฝ่าด่านสิงคโปร์มาได้ (รอบรอง นัดแรก 2 - 1 และนัดที่สอง 0 - 0) จึงมีแฟนลูกหนังเจ้าบ้านแห่เข้าเชียร์กว่า 50,000 คน จนต้องติดต่อสถานีโทรทัศน์ให้ทำการถ่ายทอดสดกระทันหัน เนื่องจากราวหมื่นคนนอกสนาม ต่างกำลังช่วยกันพัง ประตู เพื่อหวังร่วมสัมผัสบรรยากาศนัดชิงอีกสมัยหนึ่งของทีมไทย ขุนพลลุ่มเจ้าพระยา สวมชุดสีแดงลงสนาม ขณะที่ทีมพลัง โสมมี คิม ฮี ชุน, คิม ซัง นัม และคิม ยุง ซิค นำทัพเปิดเกมก่อนและเล่นแบบถึงลูกถึงคน ไชยวัฒน์ พรหมมัญ นายทวารไทย ต้องช่วยเซฟ (SAVE) ป้องกันเอาไว้ได้หลายครั้ง น. 25 ซอง จอง ซุค กัปตันอารีดังขึ้นโขกลูกแล้วหัวไปชนนักเตะเจ้าถิ่น ถึงเลือดสาดเปลี่ยนตัวออกทันที จบครึ่งแรกเสมอกัน 0 - 0 ใน 45 นาทีสุดท้าย สมพร จรรยาวิสูตร ลงแทนสมชาย ชวยบุญชุม และทีมพลังโสมกำลังบุกเพลินอยู่นั้น ทีมไทยก็มาได้เตะมุมจากจังหวะโต้กลับเร็ว (COUNTER ATTACK) น. 50 จีระศักดิ์ โยนย้อยตกเสาสอง นิวัฒน์ หัวหน้าทีมเกี่ยวบอลก่อนผ่านให้ดาวยศ ผู้เป็นน้องชายยืนโล่งกลางประตู "เจ้าหนูมหัศจรรย์" ยิงอัดเต็มแรงสวนตัวนายทวารเกาหลีใต้ ทีมเจ้าบ้านขยับขึ้นนำ 1 - 0 ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของคอบอลชาวไทย กว่าครึ่งแสน
............นักเตะอารีดังพยายามเร่งเครื่องโหมรุกหนัก น. 67 "มนุษย์ไม้" ประพันธ์ เปรมศรี ลงแทนสิทธิพร น. 69 มนัส รัตนติสร้อย ได้ใบเหลืองแรกของเกม และช่วงท้ายต้องถอยลงมาตั้งรับ (SHEPHERD) เพื่อหยุดลูกโยนยาวของทีมเยือน น. 85 จีระศักดิ์ โดนอีกหนึ่งเหลือง จนกระทั่งหมดเวลาการแข่งขัน ทีมไทยพิชิตเกาหลีใต้หวุดหวิด 1 - 0 นักฟุตบอลไทย ครองถ้วย พระราชทานคิงส์คัพ ทีมเดียวครั้งแรก โดยหนังสือพิมพ์สมัยนั้นเรียกว่า "เต็มใบ" เพราะเมื่อปี พ.ศ. 2519 คว้าแชมป์ ร่วมกับ ทีมเสือเหลืองมาเลเซีย และ "สิงห์สนามศุภ" นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ ประกาศเลิกเล่นทีมชาติอย่างเป็นทางการ ภายหลังสวม สตั๊ดรับ ใช้ประเทศมาไม่น้อยกว่า 1 ทศวรรษ.
(ผู้เขียน)นายจิรัฏฐ์ จันทะเสน //////////
ภาพและเรื่องจากเว็บไซต์ http://www.siamfootball.com/php/modules.php?name=Content&pa=printpage&pid=10
จากคุณ :
190อีสีขาว
- [
14 มี.ค. 51 21:37:04
]
|
|
|