สบายๆ และเรื่อยเปื่อยกับ พอล สโคลส์
โต๊ะรับรองที่สนามซ้อมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นอกจาก แม็กกาซีนอย่างเป็นทางการของสมาคมนักฟุตบอลแล้ว มันยังเต็มไปด้วยแผ่นโฆษณา แอสตัน มาร์ติน, นาฬิกาสวิสฯ เรือนละ 5 พันปอนด์ แม้กระทั่งเพนท์เฮาส์สุดหรูเท่าที่โลกใบนี้จะมีได้ที่ ดูไบ มาริน่า แน่นอนว่า กับกลุ่มนักเตะแข้งทองที่นี่แล้ว มันตรงเป้าหมายที่สุด แต่อาจยกเว้นสักคน คนที่เป็นแฟมิลี่แมน, ขับออดี้, มีบ้านอยู่ที่ แซดเดิลเวิร์ธ มัวร์ และไม่ชอบแสงแดด ... ใช่ เขาคือ พอล สโคลส์ ที่เห็นแล้วแทนที่จะหยิบขึ้นมาดู อาจเกาหัวแกรกๆ แทน !
ครั้งหนึ่งในบทสัมภาษณ์ที่นานๆ จะมีสักครั้ง - ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้บทสัมภาษณ์ทุกชิ้นของ สโคลซี่ มีคุณค่ามาก - ก่อนศึก ฟุตบอลยูโร 2004 ที่ โปรตุเกส จะเปิดฉาก สโคลส์ บรรยายถึงวันแสนสุขในฝันของตัวเองว่า "ซ้อมฟุตบอลตอนเช้า, ไปรับลูกๆ ที่โรงเรียน, เล่นกับลูก, ดื่มชา, พาลูกเข้านอน แล้วก็ดูทีวีนิดนึง"
ถึงตอนนี้ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมีเพียง เขามีลูกเพิ่ม และตอนนี้เขาไม่ได้เล่นให้ ทีมชาติอังกฤษ มันเป็นการตัดสินใจที่เกิดขึ้นหลังจบทัวร์นาเมนต์ที่ โปรตุเกส เมื่อแสงแดดร้อนแรงทำให้อาการหอบหืดเขากำเริบหนัก และความจริงที่ว่าเขาโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามทุกนัด ทำให้ จอร์จ เบสต์ พูดในตอนนั้นว่า "อังกฤษ สูญเสียนักเตะที่ดีที่สุดไปแล้ว"
เพราะฉะนั้น แทนที่จะไปรวมพลทีมชาติเมื่อถึงเวลา สโคลส์ สามารถนั่งดื่มชา และอาบน้ำอยู่บ้าน เล่นกับลูกๆ อย่างสบายอารมณ์ "ผมรู้สึกว่าตัวเองได้ประโยชน์มากเลยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ผมมีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น นั่นช่วยได้เยอะเลย เวลา อังกฤษ ลงสนาม คุณจะมีเวลาพัก 2 วัน และมันดีเสมอที่มีเวลาผ่อนคลายตัวเอง บางครั้งคุณต้องมีเวลาให้ตัวเองบ้าง เวลาคุณอยู่กับทีมชาติ คุณไม่มีเวลาทำสิ่งต่างๆ อย่างที่ผมทำอยู่ตอนนี้"
ไม่ว่า อังกฤษ ในยุคของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ จะได้ดิบได้ดีกว่า สเวน โกรัน อีริคส์สัน หรือไม่ เมื่อยังมีประเด็นปัญหาเดิมๆ ในแผงกองกลางด้วยผู้เล่นอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แฟร้งค์ แลมพาร์ด และ โจ โคล แต่ที่แน่ๆ ก็คือฟอร์มของ สโคลซี่ ในสองเกมหลังทั้งกับ โบลตัน (2-0) และ ลิเวอร์พูล (3-0) อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้จัดการทีมอาจอยากเอา "เขา" ไปคิดอีกรอบ
ในส่วนการลุ้นแชมป์โค้งสุดท้าย คู่แข่งของ ยูไนเต็ด ก็ยังเป็นหน้าเดิมๆ เหมือนฤดูกาลแรกที่ สโคลส์ ประเดิมเล่นทีมชุดใหญ่ ปี 1994 ซึ่งถึงแม้จะมี แบล็คเบิร์น กับ นิวคาสเซิ่ล โผล่มาสร้างความหวือหวา แต่มันก็ยังเป็นการแข่งกันระหว่าง ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล และล่าสุดกับสมาชิกใหม่ทีมเศรษฐีอย่าง เชลซี
"บางทีช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกมกับ อาร์เซน่อล และ เชลซี อาจจะยิ่งใหญ่ขึ้นในแง่ของเกมลีก แต่ถ้าหากมองประวัติศาสตร์โดยรวม ยังไงๆ เกมกับ ลิเวอร์พูล ก็เป็นเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่ดี มันเป็นแบบนี้เสมอ ไม่ว่าคุณจะเล่นเกมเช้าวันเสาร์กับทีมชุดบี หรือทีมอายุไม่เกิน 16 ปี การเจอ ลิเวอร์พูล และพยายามเอาชนะพวกเขาให้ได้ก็พิเศษสุดเสมอ"
เจอร์ราร์ด เป็นอีกคนที่รู้สึกแบบเดียวกัน อย่างที่เขาเขียนเอาไว้ในหนังสือประวัติส่วนตัวถึงการไล่หวดกับ เวส บราวน์ ในเกมทีมเยาวชน แต่ "สตีวี่ จี" ยังลูกผู้ชายพอที่จะยอมรับว่า มันเป็นการปลดเปลื้องความเกลียดชังต่างๆ นานาลงไปได้เยอะ เมื่อเขาถูกพาไปแนะนำกับผู้เล่น "ปีศาจแดง" ตอนมีชื่อติดทีมชาติครั้งแรก "เกือบ 20 ปีของความเกลียดชังที่มีต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมได้จับมือกับ เบ็คแฮม และ สโคลส์ พวกเขาวิเศษมาก และทำตัวสบายๆ กับน้องใหม่"
แน่นอน สโคลซี่ ก็มีเสียงชม เจอร์ราร์ด เช่นกัน เมื่อสนับสนุนการปรับให้ จี ขึ้นไปเล่นหน้าต่ำ คอยประสานงานกับ เฟร์นานโด ตอร์เรส "ด้วยการขยับไปเล่นสูงขึ้น เขาสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นได้ ผมคิดว่ามันทำให้เขาได้ใช้จุดแข็งของตัวเอง เขาเป็นยอดนักวิ่ง เขาผ่านบอลดี พวกเขาเลยลงล็อกกับการเล่นระบบนี้ ด้วยการอัดมิดฟิลด์ตัวรับ 2 คน แล้วปล่อยให้ สตีเว่น ทำเกม"
"บางทีช่วงปีหลังๆ นับตั้งแต่ยุคของ ไมเคิ่ล โอเว่น และ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ดูเหมือนพวกเขาจะไม่มีกองหน้าคมๆ แต่ ตอร์เรส ยิงประตูได้เยอะ ทั้งที่นี่เป็นฤดูกาลแรก ปกตินักเตะต่างชาติต้องใช้เวลาปรับตัวก่อน แต่ไม่ใช่กรณีของเขาเลยด้วยการมี สตีเว่น มาคอยช่วยแบบนี้" สโคลซี่ นักเตะที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ บอกว่า เป็นคนเดียวที่ไม่โดน เฟอร์กี้ ทำ "แฮร์ไดรเออร์" กล่าว
อีก 1 เรื่องที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของ สโคลส์ นั่นก็คือการเข้าสกัด เมื่อเขาเป็นนักเตะที่บางครั้งสามารถอัดคู่แข่งลงไปนอนแอ้งแม้งแบบเจ็บๆ ได้อย่างสบายๆ และเขาเป็นนักเตะอังกฤษคนเดียว ที่โดนไล่ออกใน เวมบลีย์ ในเกมกับ สวีเดน ปี 1999 แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น "ผมพยายามนึกอยู่ว่า ครั้งสุดท้ายที่ผมโดนจดชื่อมันตอนไหน ผมรู้จากหนังสือโปรแกรม (ก่อนเกมกับ ลิเวอร์พูล) ว่าปีนี้ผมโดนจดชื่อแค่ 2 ครั้ง บางทีอาจเพราะผมไม่ค่อยได้อัดใคร ! ผมไม่ได้บอกว่ามันเป็นปัญหานะ ผมไม่เคยสนใจมัน และบางครั้งมันเป็นเพราะคุณเข้าผิดจังหวะ บางครั้งก็ไม่"
บางทีผู้ตัดสินใน อังกฤษ อาจจะรู้จักธรรมชาติของ สโคลส์ และอาจยอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่บ้างในบางครั้ง เหมือนกับที่ สตีฟ เบนเนตต์ เคยทำให้เห็นมาแล้วในอดีต เพราะอีก 1 ใบเหลืองจะทำให้ สโคลส์ อดเล่นนัดชิง เอฟเอ คัพ กับ มิลวอลล์ (3-0) ฤดูกาล 2004 แต่ไม่ใช่เกมยุโรป ที่เขาโดนไล่ออกใน แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ โรม่า ปีก่อน (นัดแรก แพ้ 1-2) จนอดมีส่วนร่วมในเกมประวัติศาสตร์ที่ชนะ 7-1 และแน่นอนว่า ต้องไม่ลืมโทษแบนของเขากับพี่ใหญ่ รอย คีน ในนัดชิงบอลยุโรปปี 1999 ด้วย
ปีนี้ โรม่า ขวางทางพวกเขาอีก และนักเตะทุกคนย่อมอยากลงสนาม โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีอดีตอย่างเขา "ผมคิดว่า ไม่ว่าคุณจะมีโอกาสหรือไม่มี ยังไงมันก็เป็นทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับทุกคนที่ได้มีส่วนร่วม ไม่เว้นแม้กระทั่ง เปาโล มัลดินี่ ที่ได้แชมป์ยุโรปมาแล้ว 5-6 สมัย คุณคิดว่าคุณยิงประตูได้ถล่มทลายแบบนั้นอีก การเอาชนะทีมชั้นนำของอิตาลี ด้วยสกอร์แบบนั้นมันมหัศจรรย์ แต่มันคงไม่เกิดขึ้นหรอก ถ้าเราบุกไปได้อะไรบางอย่างที่นั่น มีอะไรติดไม้ติดมือกลับออกมา ผมว่าก็สุดยอดแล้ว"
แน่นอนว่ารอยด่างปี 1999 ของ สโคลซี่ นั้น เฟอร์กี้ โค้ชคนเดียวในชีวิตของเขา รู้ดี ถึงขนาดเคยตกปากรับคำว่า สโคลส์ จะมีชื่อในเกมนัดชิงแน่นอน หากปีนี้ ยูไนเต็ด ไปถึง มอสโก ขณะที่ สโคลส์ บอกว่า "ถ้าหากเราไปถึงนัดชิงจริงๆ ผมก็อยากลงสนามเพราะว่าผมสมควรได้เล่นจริงๆ ไม่ใช่เพราะความสงสาร เพราะฉะนั้น ถ้าหากผมเล่นไม่ได้ความ ผู้จัดการทีมก็ไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่า - นายพลาดนัดชิงมาแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน ลงสนาม และเล่นสัก 10 นาทีซะ - ผมไม่คิดถึงเรื่องอะไรพวกนั้นเลย"
ด้วยวัย 33 ปี และหลังการควานหาผู้เล่นมิดฟิลด์ตัวกลางมาร่วมทีมเป็นระยะ ดูเหมือนฤดูกาลนี้จะเป็นครั้งแรกที่ เฟอร์กูสัน ค้นพบตัวตายตัวแทนของ สโคลส์ อย่างแท้จริง ด้วยการย้ายมาของ อันแดร์สัน กองกลางชาวบราซิลวัย 19 ปี จาก เอฟซี ปอร์โต้ ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา "วันเวลาที่จะมีใครบางคนที่หนุ่มกว่า, สดกว่า และเก่งกว่า มาเล่นแทนคุณ ยังไงมันก็ต้องมาถึง ผมรู้ว่าบางทีผมอาจเหลือเวลาไม่มาก เพราะฉะนั้น คุณจึงต้องพยายามสนุกเข้าไว้ มาซ้อม และลงสนาม ผมหวังว่าเวลานั้นคงจะยังอีกยาวนาน ผมอยากมีสมาธิกับการลงสนามให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
แม้กระทั่งเขาต้องย้ายทีม ? "มันคงไม่ไกลหรอก ผมเป็นคนติดบ้าน" สโคลส์ กล่าว หมายความว่าทีมรักแรกของเขา โอลด์แฮม แอธเลติก อาจจะมีลุ้น และคงเช่นเดียวกับบ้านหรูเริ่ดอลังการที่ ดูไบ มาริน่า เมื่อ บาร์ซ่า หรือ มิลาน คงเป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นไปไม่ได้ อย่างที่ครั้งหนึ่ง รอย คีน เคยเอ่ยถึงอดีตเพื่อนร่วมทีมคนนี้ว่า "เขาไม่ใช่พวกบ้าความดัง แค่เป็นนักเตะพรสวรรค์ และคนที่ตรงไปตรงมาเท่านั้น"
จาก www.siamsport.co.th
จากคุณ :
forbidth 
- [
28 มี.ค. 51 10:53:53
]
บทความสบายๆกับ พอล สโคลส์(นักเตะที่พูดน้อยแต่ผลงานเยี่ยม)
.....
