ความคิดเห็นที่ 1 1.ฟร๊านซ์  เบ็คเค่นบราวน์เออร์ “ไกเซอร์ลูกหนัง”   นักเตะหมายเลขหนึ่งในประวัติศาสตร์ของลูกหนังเยอรมัน เล่นให้ทีมชาติเยอรมันตะวันตก 103 นัด และเล่นในฟุตบอลโลก 3 สมัย ได้แชมป์โลกในปี 1974 และยูโร 1972 ในระดับสโมสร ปักหลักเล่นให้กับบาเยิร์น มิวนิค 13 ปี จำนวน 427 นัด ได้แชมป์บุนเดสลีกา 4 สมัย ยูโรเปี้ยนคัพ 3 สมัย เบ็คเค่นบราวน์ เป็นลิเบอโร่ที่มีวิสัยทัศน์การอ่านเกมได้เยี่ยมไปพร้อมๆกับการเข้าสกัดบอล รวมถึงมีเทคนิคชั้นสูง ทำให้เขาเป็นศูนย์กลางที่ควบคุมสมดุลของทีมทั้งในเกมรุกและเกมรับ และยังมีภาวะความเป็นผู้นำในสนามแบบเต็มเปี่ยม  นอกจากในตำแหน่งลิเบอโร่แล้วเขายังเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับได้ดีไม่แพ้กัน จากคุณ : Dearman - [ 9 เม.ย. 51 15:08:58 ]

ความคิดเห็นที่ 2 2.ฟรังโก้ บาเรซี่ อดีตปราการหลังตัวสุดท้ายของทีมชาติอิตาลีและเอซี มิลาน  เล่นให้อิตาลี 82 นัด ได้ที่ 3 ฟุตบอลโลกปี 1990 และรองแชมป์ปี 1994 ลงเล่นกับเอซี มิลานเป็นเวลาถึง 20 ปีรวม 532 นัด ได้แชมป์เซเรียอา 4 สมัยและยูโรเปี้ยนคัพ 3 สมัย โดยในสมัยที่เล่นให้กับมิลาน เขากับแนวกองหลังอย่างมัลดินี่ คอสตาร์คูร์ต้าและทัสซอตติ ได้ทำสถิติให้มิลานไม่เสียประตูติดต่อกันในลีกถึง 914 นาที ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดจนถึงเวลานี้  บาเรซี่เป็นกองหลังที่มีความสูงแค่ 176 cm แต่นั่นแทบไม่ได้เป็นปัญหากับเขาเลย เพราะมีการเทคตัวกระโดดที่สูง มีการเข้าสกัดที่รวดเร็วและตัดสินใจได้เด็ดขาด เรียกว่าสามารถอ่านเกมได้ขาดเกือบจะทุกจังหวะการเล่น เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหลังที่มีเกมรับดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกมฟุตบอล จากคุณ : Dearman - [ 9 เม.ย. 51 15:09:28 ]

ความคิดเห็นที่ 3 3.บ๊อบบี้ มัวร์ กัปตันและสวีปเปอร์ของทีมสิงโตคำราม ชุดประวัติศาสตร์คว้าแชมป์โลกในปี 1966 และได้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำการแข่งขันในครั้งนั้น เล่นให้ทีมชาติ 108 นัด ในระดับสโมสร เล่นให้เวสต์แฮมและฟูแล่ม เป็นส่วนใหญ่ของอาชีพค้าแข้ง ตลอดการเล่นในระดับสโมสรเล่นไปถึง 699 นัด มัวร์เป็นกองหลังที่ครบเครื่อง ทั้งการอ่านเกม การเข้าสกัด ความเร็วและแข็งแกร่งในลูกกลางอากาศ ทำให้เขาได้รับการยกย่องจากเปเล่ว่าเป็นกองหลังที่ทั้งเก่งและเล่นได้ขาวสะอาดที่สุดที่เคยเผชิญหน้ามา เขาได้รับเกียรติให้ถูกสร้างเป็นอนุสาวรีย์ที่หน้าสนามเวมบลีย์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมีอิทธิพลของเขาต่อชาวอังกฤษได้เป็นอย่างดี จากคุณ : Dearman - [ 9 เม.ย. 51 15:10:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 4.มัทธีอัส ซามเมอร์ เจ้าชายลูกหนังแห่งเมืองเบียร์ เจ้าของบัลลงดอร์ปี 1996  สร้างชื่อมาจากบทบาทลิเบอโร่ในนามทีมชาติเยอรมันชุดแชมป์ยูโร 1996 เคยลงเล่นให้กับทีมชาติเยอรมันตะวันออกก่อนการรวมประเทศ รวมเล่นให้ทีมชาติทั้งหมด 74 นัด เขาได้แชมป์บุนเดสลีกา 1 สมัยกับสตุ๊ดการ์ทและ 2 สมัยกับดอร์ทมุนต์ รวมถึงการพาดอร์ทมุนต์คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกได้เป็นครั้งแรกของสโมสร    ซามเมอร์เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์มาหลายปีรวมถึงในฟุตบอลโลก 1994 พึ่งจะมารับบทบาทลิเบอโร่ในช่วงท้ายของการค้าแข้ง เขามีแนวทางการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก มีจังหวะการประสานงานและสอดขึ้นเติมเกมรุกได้เหมาะเจาะอย่างไม่น่าเชื่อ จากคุณ : Dearman - [ 9 เม.ย. 51 15:10:35 ]

ความคิดเห็นที่ 5 5.กาเอตาโน่ สคิเรีย สุดยอดตำนานลิเบอโร่ของอัซซูรี่ชุดแชมป์โลกปี 1982  เป็นตัวหลักของทีมชาติอิตาลีในฟุตบอลโลกสามสมัยติดต่อกันตั้งแต่ปี 1978-1986 รวม 78 นัด ในระดับสโมสรปักหลักอยู่กับยุเวนตุสเป็นเวลา 14 ปี ลงเล่น 397 นัด ได้แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ 1 สมัย สคิเรียได้ขึ้นชื่อว่าเป็นกองหลังที่ดีที่สุดตลอดกาลของอิตาลีไม่แพ้ บาเรซี่หรือมัลดินี่ เขาเล่นได้ตามแทคติคอย่างกลมกลืน มีทักษะในเกมรับ และยังเติมเกมรุกได้ดีอีกด้วย เขาเป็นกองหลังที่เล่นได้แฟร์มาก น่าเหลือเชื่อว่าตลอดการเป็นนักฟุตบอล เขาไม่เคยโดนไล่ออก หรือโดนแบนเลยแม้แต่ครั้งเดียว จากคุณ : Dearman - [ 9 เม.ย. 51 15:11:08 ]

ความคิดเห็นที่ 6 6.ดาเนียล พาสซาเรลล่า เป็นนักเตะอาร์เจนตินาชุดแชมป์โลกทั้งสองสมัยในปี 1978 และ 1986 ติดทีมชาติทั้งหมด 70 นัด เล่นให้กับริเวอร์เพลทจนถึงอายุ 30 ปีจึงย้ายไปเล่นกับฟิออเรนตินาและอินเตอร์ ตามลำดับ เขาเป็นกองหลังที่เติมเกมรุกขึ้นมาบ่อยและน่าเหลือเชื่อว่าจากการเล่นในระดับสโมสร 447 นัดสามารถทำประตูได้ถึง 140 ประตู จากคุณ : Dearman - [ 9 เม.ย. 51 15:11:47 ]

ความคิดเห็นที่ 7 7.อเลสซานโดร เนสต้า อิตาลีไม่เคยขาดกองหลังดีๆในทุกยุคทุกสมัย และเนสต้าก็เป็นอีกคนที่สานต่อระบบเกมรับอันเลื่องชื่อของอิตาลี และมีส่วนช่วยให้อิตาลีได้แชมป์โลกในปี 2006 ที่ผ่านมา  ปัจจุบันได้ประกาศเลิกเล่นทีมชาติแล้ว โดยรับใช้ชาติไปทั้งหมด 78 นัด ได้แชมป์เซเรียอากับลาซิโอและมิลานอย่างละ1สมัย แชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกกับมิลาน 2 สมัย เนสต้ามีสไตล์การเล่นในลักษณะเป็นตัวเก็บกวาด จัดเป็นกองหลังที่มีความเร็วสูงคนหนึ่ง สกัดกั้นลูกกลางอากาศได้ดี และยังทำได้ดีในการมาร์คตัวผู้เล่น จากคุณ : Dearman - [ 9 เม.ย. 51 15:12:38 ]

ความคิดเห็นที่ 8 8.รุด ครอล สวีปเปอร์จอมเทคนิคของทัพอัศวินสีส้มชุดรองแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1974 และ 1978 เล่นในนามทีมชาติ 83 นัด เขาเริ่มเล่นให้กับอาแจ็กซ์เป็นเวลา 12 ปี ก่อนจะย้ายไปอยู่กับนาโปลีในบันปลายการค้าแข้ง ลงเล่นในระดับสโมสรรวม 509 นัด ด้วยสไตล์การเล่นแบบโททั่ลฟุตบอลของอาแจ็กซ์และฮอลแลนด์ ทำให้เขาเป็นกองหลังที่ได้เติมเกมรุกได้บ่อยครั้ง และด้วยความหลากหลายในการเล่นของเขาทำให้สามารถสลับไปเล่นทุกตำแหน่งในแนวหลังหรือแม้แต่กองกลาง จากคุณ : Dearman - [ 9 เม.ย. 51 15:13:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 9.โลรองต์ บล็องก์ ปราการหลังตัวกลางทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์โลกปี 1998 และแชมป์ยูโร 2000 เล่นให้ทีมชาติ 97 นัด ในระดับสโมสรถือว่าเป็นจอมพเนจรคนหนึ่ง เคยเล่นให้ทั้งมาร์เซย์ บาร์เซโลน่า อินเตอร์ มิลาน และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ตสโมสรละไม่กี่ฤดูกาล  บล็องก์มีสปีดต้นค่อนข้างช้าแต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหามากเท่าไหร่นัก เพราะถูกทดแทนด้วยตำแหน่งการยืนและการอ่านเกมที่ยอดเยี่ยม จากคุณ : Dearman - [ 9 เม.ย. 51 15:13:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 10.เฟอร์นันโด เอียร์โร่ เป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของทีมชาติสเปนและรีล มาดริด รับใช้ชาติรวม 139 นัด เล่นในฟุตบอลโลกสามสมัยติดต่อกันตั้งแต่ปี 1994 -2002 เล่นให้กับมาดริด 439 นัดยิงไปถึง 102 ประตู ได้แชมป์ลา ลีกา 5 สมัยและยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก 3 สมัยในปี 1998 2000 และ 2002 นอกจากเซ็นเตอร์แบ็กแล้ว เขายังสามารถเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับได้ด้วย เอียร์โร่เป็นกองหลังอีกคนหนึ่งที่ค่อนข้างช้า แต่มีเทคนิคและการอ่านเกมที่ยอดเยี่ยม  มีทีเด็ดจากการยิงฟรีคิก โดยยิงไปถึง 139 ประตูตลอดชีวิตการค้าแข้ง จากคุณ : Dearman - [ 9 เม.ย. 51 15:14:25 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สำหรับผู้เล่นในตำแหน่งแบ๊กซ้ายคนอื่นๆที่ใกล้เคียงในการถูกนำมาติดท็อปเทนได้แก่ 11.โจเซฟ บ็อซซิซ    ฮอนเวด/ฮังการีชุดฟุตบอลโลกปี 1954-1958 12. ชิโร่ แฟร์แรร่า     ยุเวนตุส/อิตาลี 13.อูลี่ สตีลลิเก้        รีล มาดริด/เยอรมันชุดฟุตบอลโลกปี 1982 14.ออสการ์ รุจเจอรี่   โบคา จูเนียร์/ริเวอร์ เพลท/อาร์เจนตินาชุดฟุตบอลโลกปี 1986-1994 15.มิโอแดร๊ก เบโลเดดิชชี่  บาเลนเซีย/โรมาเนียชุดฟุตบอลโลกปี 1994 แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 51 22:58:17 จากคุณ : Dearman - [ 9 เม.ย. 51 15:14:51 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สำหรับตำแหน่งนี้ ผมขอโหวตให้กับฟรังโก้ บาเรซี่ เนื่องจากเขาเล่นเกมรับได้ดีกว่าเบ็คเค่นบราวน์ เพราะในตำแหน่งนี้ ผมให้ความสำคัญของเกมรับมากกว่าเกมรุก ถ้าว่าด้วยเรื่องเกมรับ บาเรซี่ถือว่าเป็นเบอร์หนึ่ง จากคุณ : Dearman - [ 9 เม.ย. 51 15:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอโหวตให้ บ๊อบบี้ มัวร์ ครับ ได้ดู ฟูลแมตช์ ที่ อังกฤษ เจอ บราซิล  บอลโลก1970 มัวร์เนี้ย จับเปเล่ไว้อยู่หมัดเลย จากคุณ : selar - [ 9 เม.ย. 51 15:28:56 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าสวีปเปอร์ ยกให้ บาเรซี่ ถ้าสต็อปเปอร์ ยกให้ บ็อบบี้ มัวร์ ถ้าลิเบอโร่ ยกให้ แบ๊คเค่นบาวเออร์ จากคุณ : ยุง บิน ชุม - [ 9 เม.ย. 51 15:54:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มัวร์สามารถเล่นได้ทั้งสวีปเปอร์และสต็อปเปอร์ แต่ในทีมชาติชุดแชมป์โลกปี 1966 เขาเล่นเป็นกองหลังตัวสุดท้าย โดยมีแจ๊คกี้ ชาร์ลตันเป็นสต็อปเปอร์ ก็ต้องถือว่าเขาเป้นสวีปเปอร์นะครับ แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 51 16:03:30 จากคุณ : Dearman - [ 9 เม.ย. 51 16:03:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เลือกยากนะตำแหน่งนี้ เพราะมันค่อนข้างแตกต่างไม่น้อย สำหรับตัวเลือกที่มีมาให้ ระหว่าง บาเรซี่  สุดยอด Sweeper ของโลก ถ้าพูดถึงตำแหน่งนี้ ผมไม่นึกถึงใครเลย เกมรับอันเหนียวแน่น คอยเก็บกวาดการเข้าทำที่ผ่านสต็อปเปอร์ได้ทั้งหมด และ เบคเค่นบาวเออร์ สุดยอด Libero ของโลก คอยช่วยเกมรับ และอ่านเกมคู่แข่ง พร้อมที่จะเปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้ตลอดเวลา เป็นตัวทำเกมจากแดนหลัง ทั้งสองคนเป็นสุดยอดในตำแหน่งของตน ซึ่งหน้าที่แตกต่างกันชัดเจน Sweeper ส่วนใหญ่จะอยู่หลังคู่สต็อปเปอร์ คอยเก็บกวาดแต่เพียงอย่างเดียว Libero แม้จะยืนในแผงหลัง แต่เป็นหัวใจในการเปลี่ยนเกมรับเพื่อรุก ต้องอาศัยการอ่านเกมที่เด็ดขาด เมื่อเอามารวมไว้ด้วยกัน  ก็ต้องตัดใจเลือกแค่หนึ่งคน จากคุณ : MegaNano - [ 9 เม.ย. 51 16:30:44 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ไกเซอร์ฟร้านซ์แน่นอน เพราะลักษณะการเล่นนั้น ลิเบอโร่ มีอะไรพิเศษมากกว่าสวีปเปอร์ เพราะฉะนั้น  ตำแหน่งนี้ เลยหานักเตะเล่นได้ดียากมากถึงมากที่สุด เพราะมันแทบจะรวมศาสตร์แห่งฟุตบอลไว้ที่คนคนเดียว จากคุณ : มิโรสลาฟ ดุ๊กดิ๊ก - [ 10 เม.ย. 51 01:02:49 ]

ความคิดเห็นที่ 18 "ดาเนียล พาสซาเรลล่าเป็นนักเตะอาร์เจนตินาชุดแชมป์โลกทั้งสองสมัยในปี 1978 และ 1986" ข้อมูลตรงนี้ผิดครับ  เขาได้แชมป์ปี78 (เป็นกัปตัน)และเล่นบอลโลกปี82 แต่ปี86 ไม่ได้เล่นครับ  เพราะไม่ถูกกับมาราโดน่าผู้ที่กลายเป็นกัปตันทีมชาติอาเจนติน่าแทน  เซนเตอร์ฮาล์ฟของอาเจนติน่าชุดปี86 คือโฆเช่ หลุยส์ บราวน์ และออสการ์ รุกเกียรี่ จากคุณ : Mica - [ 11 เม.ย. 51 20:00:20 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สูสีกันมากระหว่าง ไกเซอรฟร้านซ์ กับ บาเรซี่ แต่คิดดูดีๆแล้ว เลือก ไกเซอร์ฟร้านซ์ ล่ะกัน สุดยอดแห่งสุดยอดแล้วคนนี้ จากคุณ : อินทรีปีศาจ (เชฟห่าน) - [ 11 เม.ย. 51 23:02:27 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ถูกต้องครับที่พาสซาเรลล่าไม่ได้เล่น แต่เขาอยู่ในทีมสำรอง เลยถือว่าอยู่ในทีมชุดแชมปฺโลกปี 1986 ด้วย จากคุณ : Dearman - [ 12 เม.ย. 51 00:49:58 ]