ความคิดเห็นที่ 3
งานเข้า!บัลลัคซัดโทษน.86ซิวผี2-1
ศึกพรีเมียร์ลีกได้ลุ้นกันจนถึงนัดสุดท้ายแน่นอนหลังเชลซีเปิดบ้านเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดชนิดบีบหัวใจโดยมิชาเอล บัลลัคเป็นฮีโร่ซัดจุดโทษก่อนหมดเวลา 4 นาทีทำให้ตอนนี้ทั้งคู่แต้มเท่ากันที่ 81 อย่างสุดระทึกแล้ว
เชลซี 2-1 แมนฯยูฯ
ประตู : 1-0 บัลลัค น.45+1,1-1 รูนีย์ น.57,2-1 บัลลัค(จุดโทษ) น.86
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
เชลซีไม่มีแฟร็งค์ แลมพาร์ดที่กำลังอยู่ในช่วงทำใจหลังเสียคุณแม่ทำให้มิกาเอล เอสเซียงรับหน้าที่แทนโดยมีกาลูฮีโร่จากแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อคืนวันอังคารด้านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันปรับทัพเล็กน้อยในแดนกลางโดยส่งอันแดร์สันและดาร์เรน เฟลทเชอร์หมายใช้ความฟิตไล่บดส่วนโรนัลโด้และเตเบซนั่งสำรอง
แค่ 30 วินาทีทีมเยือนเกือบพังเมื่อเวส บราว์นโหม่งคืนหลังสวนทางกับฟาน เดอร์ ซาร์จนนายทวารร่างโย่งต้องล้มตัวปัดก่อนที่บอลทะลักออกไปนอกเขตเป็นเอสเซียงอัดตูมเดียวข้ามคานยาวไป จากนั้นนาทีที่ 2 คาลูฝืนฝ่าด่านเลี้ยงจี้เข้าเขตโทษหมายจะหลบสามแข้งยูไนเต็ดแต่ไม่พ้นถูกแหย่สกัดแต่เอสเซียงมาเก็บตกเหมือนเคยและยิงด้วยอีกซ้ายแต่บอลไม่แรงจนฟาน เดอร์ ซาร์ล้มตัวตระครุบไว้ทัน เจ้าถิ่นมาโหดสุดๆ
เกมยังเป็นเชลซีที่ได้ขึงเกมครองบอลส่วน"ปิศาจแดง"ตั้งรับรอสวนกลับเหมือนวันที่พบ"เจ้าบุญทุ่ม"แต่นาทีที่ 9 ดร็อกบาพักอกลูกวางยาวและวิดิชมาเร็วเอาหัวโหม่งทันควันแต่โชคร้ายเจอเข่าพี่แมลงสาบอัดเข้าเต็มปากจนตาลอยล้มทั้งยืนเลือดกลบปากแถมตอนปฐมพยาบาลตอนลุกขึ้นมาต้องลงไปนั่งใหม่เหมือนไม่ไหวสุดท้ายขึ้นเปลเข้าอุโมงค์ไปเลยและอีก 2-3 นาทีต่อมาฮาร์กรีฟส์ก็ลงมาเล่นแบ็คแทนและให้เทพบราว์นมายืนคู่ริโอ
นาทีที่ 15 เชลซีบุกเพลินๆเจอสวนนานี่ตัดบอลตั้งแต่หน้าเขตโทษเจ้าถิ่นแต่ยังนิสัยเหมือนเดิมคือพอลากมาถึงระยะหวังผลก็ซัดไกลบอลข้ามคานออกไป เรียกว่ารูนีย์ด่าแหลกเพราะวิ่งประครองมาทางซ้ายส่วนขวาก็มีกิกส์อีกคน
อีก 6 นาทีต่อมาเชลซีพลาดโอกาสขึ้นนำอย่างไม่น่าเชื่อหลังจังหวะปีเตอร์ เช็กหวดเปิดเกมเป็นคาลูที่ปาดจังหวะเดียวให้โจ โคลควบติดเครื่องตั้งแต่ระยะ 40 หลาพรวดเดียวแบบโล่งๆแต่พอเข้าเขตโทษแล้วดันคิดช้าทำช้าเลยถูกกองหลังยูไนเต็ดช่วยกันเคลียร์แต่โชคร้ายไปอัดใส่หลังพวกเดียวกันจนมาเข้าทางโคลหล่อที่ตะบันยิงเร็วตูมเดียวบอลพุ่งชนคานดังสนั่นอย่างสุดช็อก
เกมช่วงนี้วันเวย์อย่างเดียวและดูเหมือนฝั่งทีมเยือนตั้งใจมาเน้นเสมอไว้ก่อนอย่างเดียวเหมือนที่บุกไปคัมป์นูแต่วันนี้ไม่มีตัวพาบอลไปเองอย่างโรนัลโด้ทำให้โงหัวไม่ค่อยขึ้น
นาที 26 บัลลัคแทงบอลให้กาลูที่ไหลต่อให้โจ โคลพาบอลกระชากแตกลอดขาริโอทะลุเข้าไปดวลกับฟาน เดอร์ ซาร์แต่ดันจับยาวไปเลยถูกแย่งไปหวุดหวิด
สงสัยต้องแจ้งตำรวจหน่อยแล้วเพราะรูนีย์กลายเป็นบุคคลสาปสูญเหมือนวันพบบาร์ซ่าส่วนนานี่แม้จะได้บอลบ้างแต่ดูเหมือนยังทำได้ทุกอย่างยกเว้นประโยชน์
เกมนี้จะว่าไปแล้วไม่เดือดเท่าไหร่เพราะเห็นหลายครั้งที่ผู้เล่นทั้งสองคนขอโทษกันขนาดนานี่เสียบโคลจากด้านหลังจนตัวลอยอดีตแบ็คปืนยังโบกมือบอกกรรมการว่าไม่มีอะไรไม่ต้องแจกเหลือง เหลือเชื่อจริงๆ
เกมเนือยๆลงเพราะยูไนเต็ดรับกันดีส่วนเชลซีเริ่มหมดมุกแต่พูดไม่ทันขาดคำช่วงทดเจ็บนาทีแรกดร็อกบาเป็นพระเอกหลังถูกแข้งยูไนเต็ดรุมกินโต๊ะอยู่หน้าเขตโทษแต่ก็ยังเอาตัวรอดและท่าทางจะปาดออกขวาให้โคลที่วิ่งทำทางตรงริมเส้นแต่ไม่จ่ายและเลือกเปิดยัดเข้าในเขตโทษบอลเลยข้ามกาลูไปถึงบัลลัคที่วิ่งสอดมาจากด้านหลังคนเดียวโก่งคอแบบตะกร้อโขกเต็มกบาลย้อนทางเสียบเสาแค่ 8 หลาไม่มีเหลือ เชลซีนำ 1-0 และมีการเอาเสื้อเบอร์ 8 ที่มีชื่อ"แพท แลมพาร์ด"แม่ของเพลย์เมคเกอร์หน้าใสมาฉลองอุทิศให้ด้วย ก่อนหมดครึ่งแรกเป็นเชลซีที่นำอยู่ 1-0
ครึ่งหลังยูไนเต็ดต้องเปิดเกมบุกตามธรรมชาติส่วนเชลซีก็ขึงในแดนตัวเองแน่นและใช้การสวนกลับแทน
แต่แล้วเล่นมา 10 นาทียูไนเต็ดมาตีเสมอได้หน้าตาเฉยและต้องบอกว่าเป็นการพลาดแบบเด็กอนุบาลโดยเริ่มจากจังหวะที่ดร็อกบาโชว์ศักยานุภาพความใหญ่กับนานี่เอาตัวบังหลังจากตั้นสู้กันอยู่พักใหญ่แต่ดร็อกบาไปหยุดเล่นเหมือนหงุดหงิดเลยหันหน้าไปคุยประมาณว่าเอ็งจะเอายังไงแต่ที่ช็อกกว่าคือแฟร์เรียร่ามาเล่นเร็วส่งคืนหลังให้คาร์วัลโญ่ที่เหมือนยังไม่พร้อมเลยเหยียบบอลเลยต้องรีบแหย่คืนหลังกลายเป็นส่งให้รูนีย์ที่กระชากควบหนีหลุดเดี่ยวไปล่อเป้ายิงหักข้อหนีมือปีเตอร์ เช็กชนเสาเข้าประตูไป เป็นการง้างเกือกครั้งแรกของ"หมูพลิ้ว"ในเกมนี้อีกด้วย ตอนจังหวะเพื่อนจะเข้ามาดีใจรูนีย์ยกมือขาเพราะมีอาการเจ็บที่เอวอยู่นิดหน่อย
นาที 63 นานี่กระชากจากปีกซ้ายเข้าในก่อนส่งให้กิกส์หมายจะทำชิ่ง 1-2 แต่ปีกขนดกพลิกแล้วสับด้วยอีซ้ายหน้าเขตโทษบอลพุ่งตรงตัวเช็กแต่ด้วยความเร็วทำให้ต้องล้มตัวทุบออกหลังเอาเตะมุม
ตอนนี้กุนซือทั้งสองคนเปิดฉากสู้กันด้วยแท็คติกส์เมื่อป๋าส่งโรนัลโด้แทนรูนีย์ส่วนแกรนต์เอาอเนลก้าแทนแฟร์เรียร่า
เกมของยูไนเต็ดดีขึ้นมาเพราะเชลซีรีบบุกจนเกมเสียในขณะที่การลงมาของ"โด้จิ๋ว"ก็ช่วยเรียกฟาว์ลได้บ่อยขึ้นจนเกมเข้าทางทีมเยือนเต็มๆ
นาที 73 บัลลัคกับดร็อกบาทะเลาะกันเพื่อแย่งเตะฟรีคิก 20 หลาและไอ้แมลงสาบไม่สนจัดแจงวางลูกแล้วปั่นข้ามกำแพงบอลพุ่งแรงแต่ฟาน เดอร์ ซาร์พุ่งปัดสองมือทันควันก่อนเพื่อนเคลียร์ทิ้งแต่จังหวะสวนกลับนานี่กระชากจากหน้าประตูตัวเองมาถึงหน้าเขตโทษอีกฝั่งแต่เจอความทึกของเอสเซียงเบียดจนเช็กออกมาล้มตัวคว้าหวุดหวิด พอบอลตายหลังเอสเซียงเจ็บดร็อกบามาชี้หน้าโวยใส่บัลลัคทันทีแต่แข้งเยอรมันนิ่งแสดยืนกินน้ำไม่สนใจ จนสตีฟ คล้ากผู้ช่วยเข้ามาสงบสติอารมณ์ ไม่รู้แกรนต์ไปจำศีลอยู่หลุมไหน
อีก 4 นาทียูไนเต็ดได้ฟรีคิก 30 หลาและไม่มีการแย่งกันเพราะไกลจัดจนฮาร์กรีฟส์บอกเชิญเลยครับแต่โด้จิ๋วกางขาวิ่งมายิงตรงตัวเช็กที่รับเข้าซองบนเส้นพอดีถ้าซองแตกนี่ตายแน่เพราะทีมเยือนกรูมาจะซ้ำอยู่แล้ว
ก่อนหมดเวลา 10 นาทีแกรนต์อยู่เฉยไม่ไหวส่งเชฟเชนโก้ลงมาแทนคาลูทำให้ตอนนี้มีหน้าพยายมอยู่ในทีมถึงสามคนแล้ว แต่แล้วนาที 83 เชลซีมาได้จุดโทษเฉยโดยเริ่มจากจังหวะที่ซิลแวสตร์สไลด์สกัดดร็อกบาตรงกรอบโทษฝั่งขวาซะอยู่หมัดแต่บอลมาทะลักถึงเอสเซียงที่ถูกโยกมาเล่นแบ็คก่อนเปิดยัดเข้ากลางทันทีแต่คาร์ริคมาขวางบอลโดนมือไลน์แมนให้สัญญาแฮนด์บอลทันที ผู้เล่นยูไนเต็ดรุมประท้วงกันยิกแต่ไม่ทันการแล้ว คราวนี้บัลลัครับอาสายิงหลอกฟาน เดอร์ ซาร์ไปคนละทางเป็นประตูขึ้นนำให้เชลซี 2-1 แล้ว
ก่อนหมดเวลานาทีเดียวยูไนเต็ดโหมบุกหมายจะตีเสมอและน่าจะทำได้เมื่อนานี่ได้บอลในเขตโทษฝั่งขวาก่อนไหลให้คาร์ริควิ่งมาจะยิงแต่เจอคาร์วัลโญ่เบียดล้มลงในเขตโทษบอลเลยไปถึงโรนัลโด้ที่วิ่งมายิงด้วยอีซ้ายบอลทะลุผ่านมือเช็กจะเข้าอยู่แล้วแต่แอชลีย์ โคลเคลียร์บนเส้นทันควันนิดเดียวเท่านั้นเอง
ทดเจ็บนาทีแรกเชลซีรอดตายสุดๆเมื่อเชฟเชนโก้เคลียร์บนเส้นจากลูกชุลมุนที่เฟลทเชอร์พุ่งตอปิดอร์โขกเน้น เหลือเชื่อจริงๆแต่เกมมาเดือดจังหวะต่อมาเมื่อริโอมีเรื่องกับมิเกลจนเพื่อนต้องมาห้ามทัพแถมมาเกเลเล่จะมาเอาด้วยอีกคนจนวุ่นวายไปหมด
จากนั้นเวลาที่เหลือยูไนเต็ดโหมหนักจะเอาประตูตีเสมอให้ได้แต่เชลซีช่วยกันได้ดีจนหมดเวลาช่วงทดเจ็บ 5 นาทีเป็นสิงห์ไฮโซที่เบียดเอาชนะไป 2-1 แต้มเท่ากันเรียบร้อยแล้วและต้องไปวัดกันสองนัดใครพลาดแม้แต่นัดเดียวชวดแชป์แต่ยูไนเต็ดขอชนะอีกแค่นัดเดียวเท่านั้น
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม :
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 7,เปาโล แฟร์เรียร่า 6(อเนลก้า น.66,5),ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 6,จอห์น เทอร์รี่ 7,แอชลีย์ โคล 8,มิชาเอล บัลลัค 8* ,จอห์น โอบี มิเกล 6 ,มิกาเอล เอสเซียง 7,ซาโลมง กาลู 8(เชฟเชนโก้ น.81),ดิดิเยร์ ดร็อกบา 8 ,โจ โคล 7(มาเกเลเล่ น.87)
แมนฯยูฯ : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 7 ,เวส บราว์น 7 ,ริโอ เฟอร์ดินานด์ 8 ,เนมันย่า วิดิช -(ฮาร์กรีฟส์ น.14,7 ),มิกาเอล ซิลแวสตร์ 7,ดาร์เรน เฟลทเชอร์ 5,ไมเคิ่ล คาร์ริค 6,อันแดร์สัน 7(โอเชีย น.65,6),นานี่ 6,เวย์น รูนีย์ 6(โรนัลโด้ น.63,6),ไรอัน กิกส์ 5
ที่มา : http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=86780
จากคุณ :
CrazyMc
- [
27 เม.ย. 51 09:31:42
]
|
|
|