ความคิดเห็นที่ 1 อันดับ 10 ลิเวอร์พูล 3 – โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 1 (1977) จุดเริ่มต้นแห่งความยิ่งใหญ่ของหงส์แดงในเวทียุโรป  เมื่อสามารถคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพสมัยแรกของตัวเองได้จากชัยชนะครั้งสำคัญที่กรุงโรม  โดย “ไมตี้ เม้าส์” เควิน คีแกน กลายเป็นสตาร์ประจำเกมนัดนี้ หลังจากที่ลากลุยเข้าไปให้แบร์ตี้ โฟ้กท์ ทำฟาล์วเสียจุดโทษตั้งแต่เริ่มเกมไม่นาน  แต่อัลลัน ซิโมนเซ่น ก็ทำให้เดอะ ค็อปต้องลุ้นตัวโก่ง เมื่อตีเสมอให้แชมป์เยอรมันได้สำเร็จ  ก่อนที่ทอมมี่ สมิธ และฟิล นีล จะสำเร็จโทษย้ำชัยให้แฟนๆ หงส์ได้ออกมากิ๊บก๊าบกันในที่สุด จากคุณ : เดอะ ปูด - [ วันวิสาขบูชา 18:45:23 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อันดับ 9 เอซี มิลาน 4 – สเตอัว บูคาเรสต์ 0 (1989) สามเพชฌฆาตจากดัตช์ อันได้แก่ มาร์โก แวน บาสเท่น, รุด กุลลิทและแฟรงค์ ไรจ์การ์ด คือ ผู้อยู่เบื้องหลังแชมป์นี้ของ “ปีศาจแดง-ดำ” เอซี มิลาน   หลังจากที่โชว์ความเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดต่อคู่ปรับจากโรมาเนีย อย่างสเตอัว ในค่ำคืนนั้นที่นูคัมป์  โดยทั้ง 4 ประตูที่ทำได้นั้น เรียบร้อยโรงเรียนมิลานตั้งแต่ 46 นาทีแรก หลังจากนั้นก็เป็นการติ๊ดชึ่งเข้าไปรับแชมป์สบายๆ เพราะสเตอัวก็ไม่แลกแล้ว เพราะกลัวจะเละมากไปกว่านี้  ภาษาวัยรุ่นเรียก “คนละ Teen” จากคุณ : เดอะ ปูด - [ วันวิสาขบูชา 18:46:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อันดับ 8 เซลติก 2 – อินเตอร์ มิลาน 1 (1967) แจ๊คดาวรุ่งจากกรุงกลาสโกว์ บุกมาถล่มยักษ์ใหญ่จากมิลานชนิดหักปากกาเซียนทั้งหลายหมดเกลี้ยง เนื่องจากอินเตอร์ยุคนั้นแข็งเกร่งเหลือเกินจากแผนการเล่นแบบ “ตีหัวเข้าบ้าน” หรือ คาเตนัคโช่อันลือลั่น   และเมื่อซานโดร มัซโซล่า ดาวดังระดับเทพยุคนั้นยิงให้งูใหญ่ขึ้นนำไปก่อน คนดูก็เริ่มเดินออกจากสนามกันบ้างแล้ว   แต่ “ม้าลายเขียว-ขาว” ก็ไปโด๊ปอะไรมามิทราบ แผลงฤทธิ์เตะกองหลังงูที่ว่าแข็ง จนแหลกกระจายพลิกกลับมาชนะได้อย่างเหลือเชื่อ จากประตูของทอมมี่ เกมเมลและสตีฟ ชาลเมอร์ส สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกจากเกาะอังกฤษที่ได้แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพไปอย่างยิ่งใหญ่ จากคุณ : เดอะ ปูด - [ วันวิสาขบูชา 18:48:48 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อันดับ 7 รีล มาดริด 4 – รีมส์ 3 (1956) นี่เป็นนัดชิงยูโรเปี้ยนคัพครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่ง “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด สร้างความยิ่งใหญ่ในยุคนั้น จนเป็นที่มาของฉายาทีมจนถึงปัจจุบัน ด้วยการคว้าแชมป์ครั้งแรกในซีรี่ส์ห้าครั้งรวด จนชาวบ้านแทบไม่อยากเล่นด้วย โดยทีรีมส์ จากฝรั่งเศส(ที่ปัจจุบันไม่รู้ไปอยู่ไหนแล้ว) มาเป็นเหยื่อ  โดยมาดริดต่อให้รีมส์ออกนำไปก่อนสองประตูด้วยซ้ำ   ก่อนที่อัลเฟรด ดิ สเตฟาโน่ ดาวยิงพระกาฬของทีมชุดขาวจะร่วมมือกับเฮคเตอร์ ริอัล เอาคืนจนครบถ้วน แถมยังแซงขึ้นหน้าคว้าแชมป์ไปอย่างสุดมันส์ จากคุณ : เดอะ ปูด - [ วันวิสาขบูชา 18:50:31 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อันดับ 6 แมนฯ ยูไนเต็ด 4 – เบนฟิก้า 1 (1968)     หนึ่งทศวรรษหลังโศกนาฎกรรมที่มิวนิค  แม็ทท์ บัสบี้ ก็นำขุนพลชุดใหม่ที่เหลือรอดชีวิตมาอย่าง บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน ผสมกับดาวรุ่งอย่างจอร์จ เบสต์ สร้างทีมที่เป็นความหวังใหม่ของเหล่าปีศาจแดงลงทำศึกยูโรเปี้ยนคัพรอบชิงเป็นครั้งแรกในเวมบลีย์ ถิ่นของตัวเอง   โดยมี “เหยี่ยวลิสบอน”เบนฟิก้า ที่มี “เสือดำแห่งโมซัมบิค” ยูเซบิโอ เป็นตัวชูโรง   เซอร์บ๊อบยิงให้ปีศาจแดงขึ้นนำไปก่อน แต่เบนฟิก้า ก็ยื้อตีเสมอได้สำเร็จจนล่วงเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ   ก่อนที่สามประสานของปีศาจแดง คือ เบสต์, ไบรอัน คิดด์ และเซอร์บ๊อบก็เหมาซัดให้ผองปีศาจแดงได้เริงร่ากันสุดเหวี่ยง แก้ไข  -  พิมพ์ปีพลาดไปทีแรก  ขออภัยครับ   แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 13:36:01 จากคุณ : เดอะ ปูด - [ วันวิสาขบูชา 18:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อันดับ 5 เบนฟิก้า 5 – รีล มาดริด 3 (1962) “เหยี่ยวลิสบอน” กลับมาเป็นพระเอกบ้างในเกมนี้ ทั้งที่เป็นรองรีล มาดริดอย่างสุดกู่ ตั้งแต่ก่อนแข่ง   แถมยังโดน อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน่ซัดให้ทีมชุดขาวนำไปก่อนถึงสองลูก (อีกแล้ว) แต่ยูเซบิโอ ซึ่งตอนนั้นวัยเพิ่ง 20 หมาดๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตัวเองก็อยากได้แชมป์เหมือนกัน เลยกลับมาแผลงฤทธิ์เดชจนราชันชุดขาวหน้ามืดไปตามๆ กัน  แม้ว่าดิ สเตฟาโน่จะทำแฮตทริคได้สำเร็จ   แต่ก็ไม่มีผล   เพราะเบนฟิก้า เล่นยิงไปซะ 5 เม็ดแล้ว รับแชมป์ไปอย่างหล่อ   จากคุณ : เดอะ ปูด - [ วันวิสาขบูชา 18:54:29 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อันดับ 4 เอซี มิลาน 4 – บาร์เซโลน่า 0 (1994) จะมีใครเชื่อว่า นี่เป็นสกอร์ที่เกิดขึ้นในเกมระหว่างสองยอดทีมในยุคนั้น แถมยังเป็นเกมที่มิลานลงสนามด้วยการขาดสองเซ็นเตอร์ตัวเก่งอย่างฟรังโก้ บาเรซี่และอเลสซานโดร คอสตาคูร์ต้าที่ติดโทษแบน   ขณะที่บาร์ซ่าก็ขนเอาบาซูก้าลงสนามมาอย่างเต็มสูบไม่ว่าจะเป็นฮริสโต้ สตอยช์คอฟ, โรมาริโอ หรือว่าขีปนาวุธพิสัยไกลอย่างโรนัลด์ คูมัน   แต่ความมหัศจรรย์ของเดยัน ซาวิเซวิช, ซโวนิเมียร์ โบบัน รวมไปถึงมาร์กแซล เดอไซยี่ในยุครุ่งเรืองสุดๆ ก็ทำให้แฟนๆ ลีกเทพแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองกับสกอร์ที่เกิดขึ้น   เพราะนี่ขนาดสามทหารเสือดัตช์ไม่อยู่แล้วนะเนี่ยะยังเละขนาดนี้  ยกให้เฮียไปทีมนึงแระกานนนนน จากคุณ : เดอะ ปูด - [ วันวิสาขบูชา 18:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อันดับ 3 แมนฯ ยูไนเต็ด 2 – บาเยิร์น มิวนิค 1 (1999) “ปาฎิหาริย์ที่คัมป์นู” กลายเป็นชื่อที่รับรู้กันโดยทั่วไป หลังจากที่เกมนี้จบลง เมื่อบาเยิร์น มิวนิค โคตรทีมจากบุนเดสลีกา น่าจะคว้าแชมป์ไปแล้ว ถ้าฟุตบอลเล่นกันแค่ 90 นาทีพอดีๆ เสือใต้ออกนำไปก่อนตั้งแต่ 6 นาทีแรก แต่ปีศาจแดงก็ตายยากตายเย็นสมราคา เมื่อเท็ดดี้ เชอริ่งแฮมตามตีเสมอให้ทีมอย่างใจหายใจคว่ำในนาทีที่ 90+1  เล่นเอาแฟนเสือใต้เซ็งไปตามๆ กัน   เท่านั้นยังไม่พอโอเล่ กุนนาร์ โซลชาดันจิ้มเข้าไปอีกดอกในนาทีที่ 90+3 เจออย่างนี้เข้า ซามูเอล คูฟฟูร์ถึงกับบ่อน้ำตาแตกกลางสนาม ทั้งที่นกหวีดหมดเวลายังไม่เป่าเลยก็แล้วกัน เล่นทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้นี่นา จากคุณ : เดอะ ปูด - [ วันวิสาขบูชา 18:58:05 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อันดับ 2 รีล มาดริด 7 – ไอน์ทรัคท์ แฟรงค์เฟิร์ต 3 (1960) ซีรี่ส์สุดท้ายจากแชมป์ห้าสมัยรวดของรีล มาดริด เหมือนกับไม่ได้เตะฟุตบอลกัน ถ้าดูจากสกอร์ที่ยิงกันเหมือนไม่มีผู้รักษาประตูลงสนามด้วยกันทั้งคู่อย่างนี้   แต่ถ้าดูจากคู่กองหน้าของราชันชุดขาวแล้ว ก็คงจะต้องยอมเฮียเขาแต่โดยดีล่ะครับ ในเมื่อขนาดอัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน่ (คนเดิมน่ะแหละ) ที่ยิงแฮตทริกในเกมนี้ยังไม่ได้บอลไปครองเลย   เพราะเฟเรนซ์ ปุสกัส คู่หูของตัวเองดันยิงไปซะ 4 ลูกนั่นเอง แฟรงค์เฟิร์ตที่ไปกระตุกหนวดเสือเข้าก่อนจากประตูแรกเลยต้องซมซานกลับเมืองเบียร์ไปอย่างชอกช้ำ จากคุณ : เดอะ ปูด - [ วันวิสาขบูชา 18:59:56 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อันดับ 1 ลิเวอร์พูล 3 – เอซี มิลาน 3 (2005) อ๊ะๆ  ที่ได้อันดับหนึ่งไม่ใช่เพราะสกอร์เท่ากัน  แต่เพราะหงส์แดงชนะจุดโทษตะหากล่ะ เกมนี้ไม่อยากใส่ไข่มากเพราะส่วนใหญ่จะได้เห็นกันคาตาอยู่แล้ว เมื่อมิลานนำไปก่อน 3-0 ในครึ่งแรก จนเดอะค็อปเริ่มร้องเพลงปลอบใจกันแล้ว แต่สตีเว่น เจอราร์ดก็นำทัพกลับมาตีเสมอได้อย่างเหลือเชื่อ เล่นเอามิลานช็อคไปตามๆ กัน แล้วก็เลยส่งผลไปถึงช่วงยิงจุดโทษตัดสินด้วย เมื่อเจอร์ซี่ ดูเด็คใช้ลีลา “สปาเก็ตตี้ แดนซ์” ป่วนสมาธินักเตะมิลานจนพลาดไปตามๆ กัน คว้าแชมป์สมาคมแดนซ์ไปอย่างสุดมันส์ จากคุณ : เดอะ ปูด - [ วันวิสาขบูชา 19:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ... ลิเวอร์พูลได้ทั้งอันดับที่ 10 และ 1 เลยวุ๊ย อิอิ จากคุณ : สายฟ้าสีเพลิง - [ วันวิสาขบูชา 19:03:02 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อันดับ 1 นี่เห็นด้วยนะ ถ้านับเกมส์ที่ได้ดูถ่ายทอดสด คือตั้งแต่ยุค 90 เกมส์นี้น่าจะเป็น The most sensational and emotional European Cup final ได้เลย จากคุณ : French Vanilla - [ วันวิสาขบูชา 19:03:39 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณลุงปูดครับ ในกระทู้ TOD คุณข้าวฟ่าง&ม่านแพร ก็เริ่มทำการแปลไปแล้วด้วยเหมือนกัน Link : http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S6620681/S6620681.html#46 ถ้าเข้าไปอ่านจะเห็นว่า เนื้อข่าวที่เหมือนกันเพราะเอามาจากแหล่งเดียวกันแต่ "สไตล์" เป็นสิ่งที่เลียนแบบกันไม่ได้นะครับ กระทู้ลุงปูดจะอ่านสบายๆตลกๆ ฮาในหลายๆส่วน อ่านแล้วอารมณ์ดี ซึ่งในขณะเดียวกัน คุณข้าวฟ่าง&ม่านแพร ก็จะเป็นแนวมีภาพ+คลิปประกอบ ข้อมูลแน่นด้วยการหาข้อมูลประกอบเพิ่มเติมในส่วนต่างๆ สรุปคือชอบทั้ง 2 คนง่ะ.....ขอบคุณทั้งคู่เลยนะครับ จากคุณ : กระแตตาโต - [ วันวิสาขบูชา 19:12:08 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ครือว่า แปลสบายๆ เพราะว่า ส่วนใหญ่จะเคยอ่านเคยเห็นมาแล้วทั้งนั้น แบบว่า เห็นมาเยอะ  ไม่ได้เห็นมานานนะเฟร้ย  เจ้ากระแต เลยเขียนและแปลกจากความทรงจำ และอยากให้อ่านกันเอาฮามากกว่า   แต่รายละเอียดและภาพปลากรอบ ต้องไปดูจากของน้องข้างฟ่างคนขยันครับ จากคุณ : เดอะ ปูด - [ วันวิสาขบูชา 19:21:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านได้อารมณ์กว่าผลงานแปลของ "เว๊บเจ๊กธิ" อีกวุ๊ย http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9510000058232 จากคุณ : drunk master - [ วันวิสาขบูชา 19:28:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อ่าว แหม ท่านดรังค์อุตส่าห์เข้ามาเยือน  ต้องขอรับคำชมไว้ด้วย เข้าไปอ่านเทียบกับเว็บนั้น  เด๋วเค้าก็หาว่าเป็นทีมงาน"พันธมิตร" อีกหรอก ท่าทางจะอยากได้ "แบล็คลิตร" จริงๆ นะเนี่ยะ   จากคุณ : เดอะ ปูด - [ วันวิสาขบูชา 19:34:53 ]

ความคิดเห็นที่ 17 กระทู้แบบนี้พูดถึงแต่อะไรที่เป็นมงคลดีกว่า จากคุณ : เกรียนดรั๊งค์ฯ (drunk master) - [ วันวิสาขบูชา 19:41:33 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เข้ามาเยี่ยมเยือน หวังว่าเราจะได้ยินวาทะเด็ดๆแบบนั้นอีกนะคะพี่ปูด "Manchester United have reached the promised land" นอกจากนี้ก็มีพวก "Is this the moment?" ตอนเตะมุม "Can Manchester United score?They always score." แล้วก็ตอนคูฟูบ่อน้ำตาแตก ประมาณ With the great respect, who cares? จากคุณ : ข้าวฟ่าง&ม่านแพร - [ วันวิสาขบูชา 19:59:56 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มุมมองส่วนตัวนะครับ  (ไม่เห็นด้วยไม่ว่ากัน) ถ้าเป็นผม  ผมให้คู่  แมนฯ ยูไนเต็ด 2 – 1 บาเยิร์น มิวนิค  (1999)  เป็นอันดับ 1       เหตุผลเพราะ ช่วงเวลาทดเจ็บ  สะเทือนอารมณ์ทั้งฝ่ายชนะ และ แพ้  แบบสุด ๆ จริง   ซูฮกหัวใจนักสู้ นักเตะแมนยูทุกคนจริง ๆ จากคุณ : ton021 - [ วันวิสาขบูชา 20:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อันดับ 8 เซลติก 2 – อินเตอร์ มิลาน 1 (1967) สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกจากเกาะอังกฤษที่ได้แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพไปอย่างยิ่งใหญ่ อันดับ 6 แมนฯ ยูไนเต็ด 4 – เบนฟิก้า 1 (1966) ----------------------------------------------------------------------------- คุณ จขกท. ทีมแรกจากเกาะอังกฤษที่ได้แชมป์ไม่ใช่เซลติกครับ แต่เป็นเด็กๆของบัสบี้ปี 1966 ครับ ---------------------------------------------------------------------------- ขออภัยครับ แมนยูฯ 1968 ถูกครับ ผมจำสลับกันระหว่างอังกฤษกับเกาะอังกฤษจากการอ่านหนังสือแมนยูฯเมื่อนานมาแล้ว (หนังสือก็หายไปแล้ว เสียดายมาก หาไม่ได้แล้วด้วย) ตะกี้ลืมดูปีแมนยูฯด้วย ขอบคุณ #21 #22 ที่ทักมาครับ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 51 21:36:28 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 51 21:33:47 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 51 21:31:49 จากคุณ : คืนอาจารย์ไปหมดแล้ว - [ วันวิสาขบูชา 20:46:43 ]

ความคิดเห็นที่ 21 20 ครับ ทีมแรกจากเกาะอังกฤษที่ได้แชมป์=เซลติกครับ   เค้าไม่ได้หมายถึงเฉพาะประเทศอังกฤษครับ จากคุณ : PUEK - [ วันวิสาขบูชา 21:00:01 ]

ความคิดเห็นที่ 22 #20 แมนยูได้แชมป์ครั้งแรกปี 1968 ครับไม่ใช่ 1966 เซลติคเป็นแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพทีมแรกจากเกาะอังกฤษถูกต้องแล้วครับ เพราะฉะนั้นข้อมูลเรื่องปีตาม #6 ก็ไม่ถูกต้องนะครับ ปี 1966 เรียล มาดริดเป็นแชมป์ครับ ส่วนปีที่แมนยูเป็นแชมป์คือ 1968 จากคุณ : 9ho - [ วันวิสาขบูชา 21:21:16 ]

ความคิดเห็นที่ 23 # 1967 - 1968 Manchester United FC # 1966 - 1967 Celtic FC ครับผม คือข้างบนเค้าเขียนผิดเท่านั้นเองแหละ สำหรับผม ผมว่าปี 1999 คือแมทช์ที่อยู่ในความทรงจำที่สุดละมั้งครับ ด้วยอะไรหลายๆอย่าง แม้ผมจะเป็นคนที่เชียร์ลิเวอร์พูล ยูเวนตัสและบาเยิร์นมิวนิค (ไม่ต้องบอกใช่ไหมครับว่าชอกช้ำขนาดไหน) ก็ยังอดทึ่งไปกับผลงานโกงความตายในแต่ละครั้งของเรดส์ เดวิลล์ไปได้ รองลงมาก้อคงเป็นลิเวอร์พูล-เอซี มิลานนั่นแหละครับ ใครจะรู้ว่าเอซีมิลานที่ยิงนำไปสามลูก จะถูกลิเวอร์พูลที่ตอนนั้นกองหน้ายิงกันธรรมดาๆ ไม่เป็นจะตีโต้กลับมาเป็น3-3 ได้ ก่อนจะชนะไปอย่างสุดมันส์ ส่วนเกมส์ที่น่าเบื่อที่สุด ถึงแม้จะเป็นคนเชียร์ยูเว่ แต่ขอยกตำแหน่งให้กับอิตาเลี่ยน ดาร์บี้แมทช ครับ จำได้ว่า ดูไปยังไม่ถึงสามสิบนาที ก้อขอปิดทีวีไว้ดูผลวันพรุึ่่งนี้ดีกว่า์ จากคุณ : Nighthawk121 - [ วันวิสาขบูชา 21:28:02 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ต้องเป็น "Is this their moment?" นะครับคุณข้าวฝ่าง ประมาณว่าเล่นมาตั้งเสียประตู 84 นาที ตอนนี้คือเวลาของพวกเค้าแล้วหรือเปล่า แค่ Manchester United have reached the promised land ประโยคเดียวน้ำตาก็ไหลได้แล้ว จากคุณ : ZagiX - [ วันวิสาขบูชา 22:24:03 ]

ความคิดเห็นที่ 25 รีมส์ คือ สต๊าด เดอ แรงส์ ครับ - - โดยยุคนั้นพวกเขามีดาวดังอย่าง เรมงต์ โกปา เจ้าของ บัลลง ดอร์ 1 สมัย แล้วตอนนี้พวกเขายังไม่ได้ตายจากไปไหนครับ เซลติก กับ อินเตอร์ นี่มีวาทะเด็ดด้วยครับ เพราะหลังจากจบเกมเหล่านักเตะ เซลติก ไปตะโกนล้อเลียนผู้เล่น อินเตอร์ กันยกใหญ่ นักข่าวไปสัมภาษณ์ บิล แชงค์ลีย์ ว่า " ใครบอกให้พวกเขาทำเช่นนั้นกัน ? " แชงค์ลีย์ ตอบ " ผมเองไง " ( ในปีก่อนหน้านั้น ลิเวอร์พูล ของ แชงค์ลีย์ ตกรอบไปแบบน่าสงสัยด้วยลูกเล่นตุกติกเกี่ยวกับการให้สินบนกรรมการของ อินเตอร์ ) ผมว่าแมตช์นี้น่าจะอันดับสูงกว่านี้นะ จากคุณ : SaVor - [ วันวิสาขบูชา 22:44:58 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมก็ว่าคู่แมนยูกะบาเยินเป็นที่ 1 ในใจผมเลย มันตัดสินในแค่ช่วงทดเวลา แต่คู่ลิเวอร์พูล พอตีเสมอ 3-3 ได้แล้วหลังจากนั้นก็อุดๆๆ จนแทบหลับคาเตียงเลย แต่ตอนยังไม่เสมอก็ลุ้นนั่งไม่ติดเหมือนกัน(ลุ้นเอซียิงลูกที่ 4) จากคุณ : darkoralra - [ 20 พ.ค. 51 01:12:44 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ^ ^ เพราะมันพลิกกันแค่ 2-3 นาทีงัยครับ ขณะที่อีกคู่มันมีให้ลุ้นตั้งแต่ตามอยู่ 0-3 จนกระทั่งไล่มาเป็น 3-3 คนที่เชียร์ลิเวอร์พูลหรือลุ้นฝั่งตรงข้าม ยังต้องนั่งตัวเกร็งอีกเป็นครึ่งชั่วโมง จากคุณ : drunk master - [ 20 พ.ค. 51 01:49:30 ]

ความคิดเห็นที่ 28 จนกระทั่งหมด 120 นาทีแล้ว ก็ยังต้องมาดวลจุดโทษกันต่อ จากคุณ : drunk master - [ 20 พ.ค. 51 01:51:21 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เสียดาย ถ้าได้ชิงกับเป็ด บรรยากาศในบอร์ดคงจะมันส์กว่านี่ นี่จะชิงพรุ่งนี้แล้ว..... บรรยากาศยังกับว่า ผีฟาดแชมป์ไปแล้ว.... อุ๊บ!! ดูดิ... หอยตัวจริงก็เงียบ หอยเฉพาะกิจก็สงวนตัว จากคุณ : ซุ่มอยู่ - [ 20 พ.ค. 51 11:27:42 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ู^^ คุณซุ่มอยู่ต้องขอบคุณแมนซิตี้ครับ มาถูกที่ถูกเวลา ว่าแต่คุณ drunk master มีอีกมะครับ แฮะๆ อิๆ ถ้าวัดตามความยิ่งใหญ่ก็แล้วแต่จะคิดผมว่านัดชิงแล้วมันก็ยิ่งใหญ่เหมือนกันหมดแหละ ถ้าวัดเรื่องการกระชากอารมณ์กองเชียร์์ ผมให้เกมปี1999มากกว่า จากชนะเป็นแพ้แล้วไม่ได้แชมป์ในสองนาที กระชากใจสุดๆ กำลังจะลงหลุมอยู่แล้ว โผล่ขึ้นมาหลอกจนหัวโกร๋นซะงั้น มันยิ่งกว่าCome backซะอีก จากคุณ : Olivier - [ 20 พ.ค. 51 13:43:21 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ตาดรังค์นี่มีของดีๆ เยอะ  อุบเงียบไม่ค่อยจะปล่อยของเลยนะ   จะเอาเด็กๆ น่ารักๆ มาลงบ้างก็ไม่ว่ากันหรอก   ขอบคุณคุณ Savor ครับ  สำหรับเรื่องทีมรีมส์  แล้วพอเปลี่ยนชื่อเป็นแรงส์นี่ทีมเดียวกับแรนส์ในปัจจุบันหรือเปล่าครับเนี่ยะ จากคุณ : เดอะ ปูด - [ 20 พ.ค. 51 13:50:15 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ช่วงนี้เปลี่ยนทีมช่อยบ่อยแฮะ หลายวันวันเพิ่งเชียร "์วิแกน แสนเสน่ห์" อยู่เลย พรุ่งนี้ต้องเปลี่ยนมาเชียร์ "สิงห์โตน้ำเงินครามอร่ามตา" อีกแล้ว ***ย่อหน้าไร้สาระ ข้ามๆไปก็แล้วกัน*** รวมฮิตน้องต๊อป http://luissybuster.ไม่อนุญาตให้โฆษณา/ แต่ถ้าจะดูเซ็ตข้างบนต้องตามนี้ http://liveisbeautiful.ไม่อนุญาตให้โฆษณา/photos/album/39/Night_Portrait_Stop_ อันนี้เคยดูดแบหยาบๆ 5mb ไม่เคยลองดูดแบบ mp4 เหมือนกันไม่รู้จะขนาดกี่เมก จากคุณ : น้องต๊อปเอฟซี No.769 (drunk master) - [ 20 พ.ค. 51 14:35:12 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ใครคือ น้องต็อปเหรอ  เห็นทีแรกนึกว่าป๋าต๊อปที่ชอบทุ่มให้ดาราสาวๆ ซะอีก แบบว่าไม่รู้จริงๆ นะเนี่ยะ   รีบๆ เอาของมาปล่อยเผื่อจะได้รู้จักมากกว่านี้ไวๆ   จากคุณ : เดอะ ปูด - [ 20 พ.ค. 51 15:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 34 Stade de Reims ไม่ได้หายไปไหนครับ เพียงแต่เล่นอยู่ใน ลีก เดอซ์ เท่านั้นเอง - -" ลืมไปว่าดาวดังของพวกเค้ายังมีอีกคนครับ เจ้าของสถิติดาวซัลโวตลอดกาลในฟุตบอลโลก 1 สมัย ชุส ฟงแตน นั่นเอง จากคุณ : SaVor - [ 20 พ.ค. 51 16:17:41 ]

ความคิดเห็นที่ 35 รีบๆ เอาของมาปล่อยเผื่อจะได้รู้จักมากกว่านี้ไวๆ  ฮ่าฮ่าฮ่า จากคุณ : เดอะ ปูด ^ ^ ตัวอย่างอยู่ใน 27,28 ที่เหลือตาม Link ใน 32 โลด~~~ ของแถม ~ บุกห้องแต่งตัวสาว MAXIM ~ http://www.fwdder.com/topic/25151 จากคุณ : drunk master - [ 20 พ.ค. 51 17:00:12 ]