ความคิดเห็นที่ 1 ทีมเยอรมันตะวันตก ขนผู้เล่นชุดใหญ่ลงเต็มอัตตาศึก เช่นเดียวกับยอดทีมจากแดนเติร์ก ที่ใส่ผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดของตนลงเล่น และเมื่อเวลาของการแข่งขันเดินไปถึงแค่นาทีที่ 2 เท่านั้นเอง มาร์มัต ซูสท์ มิดฟิลด์ ของตุรกี ก็ทะลุขึ้นมาส่องประตูให้ทีมเติร์ก ออกนำไปอย่างรวดเร็ว แบบที่พลพรรคอินทีเหล็กงงเป็นไก่ตาแตกไปตามๆกัน แต่ยี่ห้อ “ เมค อิน เยอรมัน ”  แล้ว ใช้เวลาเพียงไม่นานก็เริ่มที่จะตั้งตัวติด ในนาทีที่ 22  ฮันส์ ชาฟเฟอร์ ดาวยิงจากสโมสร โคโลจณ์ ก็สามารถทำประตูตีเสมอได้ ก่อนที่ครึ่งแรกทั้งสองทีมไม่สามารถเพิ่มสกอร์ได้อีก จากคุณ : Romancini - [ 25 มิ.ย. 51 09:03:26 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อเกมการแข่งขันในครึ่งเวลาหลังเริ่มต้นขึ้น พลพรรคอินทรีเหล็กที่โดนเทศนาจาก แฮร์เบอร์เกอร์ ในห้องแต่งตัว ก็กลับลงมาด้วยความมุ่งมั่น คราวนี้จึงเปิดเกม ถล่ม ปูพรมใส่ทีมจากแดนไก่งวงอยู่ข้างเดียว และใช้เวลาเพียง 7 นาทีเท่านั้น เบอร์นี่ โคล์ท ก็หลุดขึ้นมาส่องให้ทีมขึ้นนำได้ป็นครั้งแรกของเกม ตุรกีเมื่อโดนขึ้นนำก็เริ่มที่จะเสียขบวนเริ่มเล่นพลาดมากขึ้น และจากการประกบ ผิดพลาดทางริมเส้น ทำให้เยอรมันเล่นลูกโยนยาวมาที่หน้าประตูของตุรกี และเป็น อ็อตม่าร์ วอลเตอร์ โฉบขึ้นมาโหม่งลูกตุงตาข่าย ให้ทีมอินทรีเหล็กนำๆไปเป็น 3 ประตูต่อ 1 ในนาทีที่ 60 จากคุณ : Romancini - [ 25 มิ.ย. 51 09:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อถูกทีเด็ดของทีมเยอรมันแบบนี้ ผู้เล่นของทีมตุรกีก็ถอดใจ เลยโดนแม็ค มอร์ล็อกซ์ จัดการลูกที่ 4 ให้เยอรมัน นำห่างไปเป็น 4-1 ก่อนที่จะหมดเวลาของการแข่งขันสิบนาที  และท้ายที่สุด เยอรมันตะวันตกก็เก็บชัยชนะเหนือทีมตุรกีได้อย่างสวยงาม จากคุณ : Romancini - [ 25 มิ.ย. 51 09:05:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 และหลังจากที่ลูกทีมสามารถเอาชนะตุรกี ได้ตามแผนแรกที่วางไว้ของกุนซือ    สมองเพชร เซปป์ แฮร์เบอร์เกอร์  แล้ว ในนัดต่อมาที่ทีมอินทรีเหล็กต้องลงเล่นกับ ยอดทีมแห่งยุคอย่างทีมฮังการี่ นั้น   แฮร์เบอร์เกอร์  ก็งัดแผนสองออกมาใช้ โดยถอดผู้เล่นตัวหลักจากนัดที่ถล่มตุรกีมาถึง 6 คน เอาตัวสำรองลงบดแข้งกับฮังการี่ แบบไม่หวังผล และก็ทำได้ตามแผนที่วางไว้ โดยถูกทีมฮังการี่ถล่มไปเล่ะเท่ะ ถึง 8 ประตูต่อ 3 แบบที่ผู้เล่นของทีมแม็กย่าร์ สะบักสะบอมไปตามๆกัน เกาหลีใต้หลังจากที่ถูก “ เดอะโกลเด้น ทีม” ฮังการี่ถล่มมาในนัดแรก 9 ต่อ 0แล้วมาในนัดที่สองก็โดน ทีมเติร์ก ช่วยสอนบอลให้ โดยถล่มไปเบาะ 7-0 ทำให้ทั้ง ตุรกี และ เยอรมันตะวันตก มีคะแนนเท่ากัน โดยที่ในสมัยนั้นการนับลูกได้เสีย ยังไม่เกิดขึ้นมาในโลกของกีฬาฟุตบอล  ทำให้ทั้งสองทีมต้องมาเล่นเพลย์ออฟ กันอีกที เพื่อแย่งชิงที่นั่งสุดท้าย ตามฮังการี่  เข้ารอบต่อไป จากคุณ : Romancini - [ 25 มิ.ย. 51 09:06:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เกมเพลย์ออฟมีขึ้นในตอนเย็นของวันที่ 23 มิถุนายน 1954 ที่เมือง ซูริค โดย ใช้สนามฮาร์ททรัม สเตเดี้ยม เป็นสังเวียนแข้ง โดยมีผู้ชมเข้ามาเป็นสักขีพยาน18,000 คน หลังจากสิ้นเสียงนกหวีดเริ่มเกมการแข่งขันจาก นาย วินเซนติ กรรมการชาวฝรั่งเศสแล้ว ทีมอินทรีเหล็กที่วันนี้มาในชุดเยือนสีเขียว ก็ดาหน้าพาบอลขึ้นไปถล่มใส่ทีมเติร์ก แบบไม่ให้ทันตั้งตัว และเพียงแค่ 7 นาทีเท่านั้น “ วอลเตอร์ ผู้น้อง”  อ็อตม่าร์ ก็ได้ลูกที่เปิดมาที่หน้าปากประตูของทีมตุรกี จึงสับไกเข้าไปให้เยอรมันออกนำไปอย่างรวดเร็ว ต่อมาในนาทีที่ 12  ฮันส์ ชาฟเฟอร์ ก็พาบอลหลุดเข้าไปยิงประตูให้ทีมอิทรีเหล็ก ออกนำห่างไป 2-0 ก่อนที่ มุสตาฟา เออร์ตัน จะโหม่งประตูตีตื้นให้ตุรกีตามมาเป็น 1-2 ในนาทีที่ 21 แต่ตุรกีดีใจได้เพียงแค่ 9 นาที เท่านั้น แม็ค มอร์ล็อกซ์ จอมถล่มประตูจากทีมสโมสรนูเรมเบิร์ก ก็ส่องไกลส่งบอลเสียบตาข่ายให้เยอรมันตะวันตกหนีไปอีกเป็น 3-1 ก่อนที่จะหมดครึ่งเวลาแรก จากคุณ : Romancini - [ 25 มิ.ย. 51 09:07:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อครึ่งหลังเริ่มขึ้นมา ทีมอินทรีเหล็กก็ยังไม่ยอมที่จะผ่อนเกมลงเลยแม้แต่น้อย และก็เป็นมอร์ล็อกซ์ คนเดิม ที่ทำประตูได้อีกในนาทีที่ 60 และอีกสองนาทีต่อมา ทีมเติร์ก ก็โดนทีเด็ดจากกับตันทีมอินทรีเหล็ก ฟริซต์ วอลเตอร์ ยิงให้เยอรมันนำตุรกี ห่างออกไปอีกเป็น 6 -1 และในนาทีที่  77  แม็ค มอร์ล็อกซ์ ก็ยิงลูกที่สามให้กับตัวเอง เป็นแฮทริก และเป็นสกอร์ที่ 7 ของทีม ก่อนที่ตุรกีจะมาทำประตูที่สองก่อนจบเกม 8 นาทีโดยเลฟเตอร์ ให้ตุรกีเป็นลูกสุดท้าย และเมื่อหมดเวลาของการแข่งขัน เยอรมันตะวันตกก็ถล่มตุรกี ไปด้วยผล 7ประตูต่อ 2 ผ่านเข้ารอบตามทีมฮังการี่ไป ได้สำเร็จ และในท้ายที่สุดทีมอินทรีเหล็ก ก็สามารถล้างแค้นทีมฮังการี่ไป 3-2 ได้เป็นแชมป์ฟุตบอลโลก เป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ของทีมอินทรีเหล็ก จากคุณ : Romancini - [ 25 มิ.ย. 51 09:08:15 ]

ความคิดเห็นที่ 7 และในคืนวันนี้ 2008 หลังจากที่เวลาผ่านมาครบ 54 ปีเต็มในสถานที่เดิมคือ    ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ทีมอินทรีเหล็กยุคใหม่ต้องลงเล่นในเกมรอบรองชนะเลิศ กับทีมตุรกี อีกครั้ง หวังว่าทีมชาติเยอรมันชุดนี้ คงจะทำผลงานได้ไม่น้อยหน้า ยอดทีมชุดที่สร้างประวัติศาสตร์ ไว้ที่นี่ในอดีตเมื่อ 54 ปีที่แล้วมา................... จากคุณ : Romancini - [ 25 มิ.ย. 51 09:09:20 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โห นับถือท่านมากเลย หารูปมาลงด้วย สุดยอดครับ เอาใจช่าวยให้เยอรมัน ไปเจอรัสเซียครับ อ้าว แล้ว สเปนล่ะ อิอิอิอิ จากคุณ : แผ่นดินคือหัวใจข้าฯ - [ 25 มิ.ย. 51 09:15:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ประทับใจมากครับท่าน Romancini ช่วยบอกได้ไหมครับ ว่าหารูปพวกนี้ได้จากที่ไหน จากคุณ : ทองทา - [ 25 มิ.ย. 51 09:44:25 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ประทับใจมากครับ จากคุณ : Necessary - [ 25 มิ.ย. 51 09:46:51 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โอ กระทู้ดีๆแบบนี้ต้อง Vote ครับ นี่คือตำนาน Das Wunder von Bern (ปาติหาริย์แห่งกรุงเบิร์น) ของทีมอินทรีเหล็ก ที่ล้มทีมแกร่งแห่งยุคอย่างฮังการีลงได้ จากคุณ : เชียงคำ - [ 25 มิ.ย. 51 09:47:56 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Deutschland hat eine gefahrliche Mannschaft und ist die hochste Hurde คืนนี้ลุ้นทีมรักสุดใจค่ะ จากคุณ : Valentino Rossi Girl - [ 25 มิ.ย. 51 09:54:14 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตอบคุณทองทาครับ... ผมก็หามาจากหลายทางใน "  โลกออนไลน์ & Google  " รอบข้างของเราของเราๆท่านๆ นี่ล่ะครับ แต่ต้องใช้เวลามากจริงๆในการรวบรวม พอดีจะหาวัตถุดิบมาใช้เขียนเรื่องของทีมเยอรมัีน ในบล็อกของผมน่ะครับ !!!                                                  ~  Tonight We're Go To Wien  ~ แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 51 20:14:01 จากคุณ : Romancini - [ 25 มิ.ย. 51 10:09:22 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เยี่ยมจริง ขอบคุณจขกท. ครับ. จากคุณ : ก้องชายแดน - [ 25 มิ.ย. 51 10:09:26 ]

ความคิดเห็นที่ 15 โห..คุณจขกท.มาปลุกใจเราแฟนอินทรีเหล็กให้ฮึกเหิมใช่มั๊ยคะเนี่ย จนถึงวินาทีนี้ ยังเครียดไม่เลิกเลยค่ะ เสียวไส้จริงๆเลย ขอบคุณสำหรับภาพประวัติศาสตร์และรายละเอียดครบถ้วนนะคะ จากคุณ : takiendeutsch - [ 25 มิ.ย. 51 10:09:54 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ^________________________^ จากคุณ : ฟ้าคงสั่งมา - [ 25 มิ.ย. 51 11:30:17 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ภาพตั้งแต่ปี 1954 โน้นเลย ผมยังใช้กรรมอยู่ในนรกอยู่เลย นับถือ ๆ จากคุณ : SATADA - [ 25 มิ.ย. 51 11:35:01 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จขกท   ยอดเยี่ยมครับ...... ...ภาพ  พักสมอง จากคุณ : ~ทิดฉ่ำ~ - [ 25 มิ.ย. 51 11:49:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณภาพและเรื่องค่ะ^^ ... จากคุณ : ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie) - [ 25 มิ.ย. 51 11:49:34 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เพิ่มภาพปลุกใจค่ะ Das Wunder von Bern: Die wahre Geschichte จากคุณ : Valentino Rossi Girl - [ 25 มิ.ย. 51 12:06:41 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เชียร์เบียร์สู้ๆ จากคุณ : Bierhoff - [ 25 มิ.ย. 51 13:29:20 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ปีนี้ขอแชมป์ให้เยอรมนีครับ จากคุณ : RINI - [ 25 มิ.ย. 51 14:17:45 ]

ความคิดเห็นที่ 23 รูปคคห. 1 สมัยก่อนเค้ายืนกำแพงกันอย่างนั้นเหรอครับ -_-" จากคุณ : PEDestrain - [ 25 มิ.ย. 51 17:43:07 ]

ความคิดเห็นที่ 24 wowww ... very impressive....thanks for info. จากคุณ : Ben-SLH-Thai - [ 25 มิ.ย. 51 18:46:37 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คห.4 ผู้รักษาประตูไม่ใส่ถุงมือ??? หรือนั่นไม่ใช่?? จากคุณ : 76 (KuMp) - [ 27 มิ.ย. 51 04:30:29 ]