ความคิดเห็นที่ 1 และในนัดชิงชนะเลิศกับทีมสหภาพโซเวียต นี้ เหล่านักเตะของเยอรมันก็ได้แสดงแสนยานุภาพในการเล่นเกมที่มีทั้งความดุดัน และ เทคนิคที่สวยงาม สอนบอลใส่นักเตะจากดินแดน หลังม่านเหล็กอยู่ตลอดทั้งเกมโดยถล่มทีมโซเวียตไปแบบขาดลอยด้วยสกอร์ 3-0 สามารถคว้า แชมป์ยุโรปมาครองได้เป็นสมัยแรกอย่างยิ่งใหญ่... จากคุณ : Romancini - [ 29 มิ.ย. 51 10:18:38 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Brussels 1972 : The Star Gerd Muller ซัลโวสองประตูใส่ทีมเบลเยี่ยมในรอบรองชนะเลิศ ก่อนที่จะมายิงในนัดชิงชนะเลิศกับทีมสหภาพโซเวียตอีกสองลูกนั้น ทำให้ไม่มีใครทีจะปฏิเสธความเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของทัวนาเมนท์ยูโร 72 ในครั้งนี้ของไอ้ลูกระเบิด แกร์ด มุลเลอร์ ศูนย์หน้าจอมถล่มประตูจากสโมสรบาร์เยิร์น มิวนิคและทีมชาติเยอรมันตะวันตกได้เลย... จากคุณ : Romancini - [ 29 มิ.ย. 51 10:19:25 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Brussels 1972 : TheTeams Champion Squads Sepp Maier , Horst-Dieter Hottges, Paul Breitner, Hans Georg Schwarzenbeck,   Franz Beckenbauer,Herbert Wimmer, Josef Heynckes, Uli Hoeness, Gerd Muller, Gunnter Netzer, Erwin Kremers  Substitutes  Wolfgang Kleff, Rainer Bonhof, Michael Bella, Jergen Grabowski,Johannes Lohr แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 51 10:34:58 จากคุณ : Romancini - [ 29 มิ.ย. 51 10:20:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ROME 1980 : The Final W.Germany 2 Belgium 1 ยูโร80 บนผืนแผ่นดินของประเทศอิตาลี ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ จากเดิมที่มีการจับคู่เตะเหย้าเยือนน็อคเอาท์กันมาเรื่อยๆจนเหลือเพียงแค่ สี่ทีมสุดท้ายจึงจะเล่นในรอบสุดท้ายนั้น ได้เปลี่ยนมาเป็น ทัวนาเมนท์ที่ประกอบไปด้วย 8 ทีมที่ผ่านมาเล่นในรอบสุดท้ายแยกเป็นสองกลุ่ม แล้วเอาทีมที่มีคะแนนดีที่สุดของกลุ่มไปชิงชนะเลิศกันส่วนทีมที่ได้ที่สองก็ไปชิงที่3แทน ทีมอินทรีเหล็กเยอรมันตะวันตกถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเอ ร่วมกับทีมเช็คโกสโลวาเกีย , กรีซ และคู่รักคู่แค้น ฮอลแลนด์ และในนัดแรกทีมอินทรีเหล็ก ก็ได้ประตูโทนจาก คาร์ล ไฮซ์ รุมเมนิกเก้ ในครึ่งเวลาหลังเฉือนทีมเช็คโกสโลวาเกียมาได้ และในนัดที่สองเป็นนัดที่สำคัญที่สุดเพราะเป็นการ เล่นกับทีมฮอลแลนด์ ที่เปรียบเหมือนกับคู่รักคู่แค้นกันมาโดยตลอด แต่ในศึกยูโรคราวนี้เป็นทีของ ทีมเยอรมันที่ได้แฮทริกของ เคล้าส์ อัลลอฟส์ ที่ถล่มใส่ทีมอัศวินสีส้มก่อนที่อินทรีเหล็กจะเชือด เอาชนะไปได้ 3-2 อย่างสุดมัน และ เมื่อรู้ว่าได้ผ่านเข้าไปเล่นในนัดชิงแล้วจึงผ่อนเกมเสมอกับกรีซ ในนัดสุดท้ายของรอบแรก 0-0 จากคุณ : Romancini - [ 29 มิ.ย. 51 10:20:55 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ในนัดชิงชนะเลิศเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 1980 มีขึ้นที่สนามโอลิมปิค ในกรุงโรม ทีมอินทรีเหล็กเยอรมันตะวันตก ลงสนามพบกับทีมม้ามืด เบลเยี่ยม ที่เขี่ยทั้งทีม อิตาลี เจ้าภาพ และสิงโตคำรามอังกฤษ รวมไปถึงทีมกระทิงดุสเปน ผ่านเข้ามาชิงได้แบบเหลือเชื่อ และเยอรมันตะวันตก ก็อาศัยชั้นเชิงที่เหนือกว่าได้ประตูขึ้นนำทีมปีศาจแดงของยุโรปไปก่อน 1-0 จากการทำประตูของ ไอ้ยักฆ์ขโมด ฮอร์ท ฮรูเบสซ์ ในนาทีที10ของเกม จากนั้นเกมก็อยู่ในอุ้งมือของทีมอินทรีเหล็กแทบทั้งหมด จนกระทั่งเวลาผ่านมาจนเหลืออีกเพียง 15 นาทีจะหมดเวลา การแข่งขันทีมเบลเยี่ยมก็มาได้ลูกโทษที่จุดโทษ และแวนเดอเอ็กเค่น ก็สำเร็จโทษให้เบลเยี่ยมตาม   ตีเสมอทีมเยอรมันได้เป็น 1-1 เกมทำถ้าว่าจะต้องมีการต่อเวลาออกไปอยู่แล้ว แต่ในนาทีที่ 88 เยอรมันได้ลูกเตะมุม คาร์ล ไฮซ์ รุมเมนิกเก้ เปิดบอลมาที่หน้าปากประตูของทีมเบลเยี่ยม และก็เป็นฮรูเบสซ์ เจ้าเดิมที่ทะยานขึ้นโขกบอลผ่านมือของ จอง มารี ฟาร์ฟ นายทวารของเบลเยี่ยม ไปตุงอยู่ในตาข่ายได้อีกครั้ง เป็นลูกที่สองให้ตัวเอง และเป็นประตูชัยให้เยอรมันตะวันตก เอาชนะ ไปได้ 2-1 คว้าแชมป์ยุโรปมาครองเป็นสมัยที่สองอย่างเฉียดฉิว... จากคุณ : Romancini - [ 29 มิ.ย. 51 10:21:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ROME 1980 : The Star Horst Hrubesch ไอ้ยักฆ์ขโมด คือฉายาที่เหมาะสมต่อศูนย์หน้าเจ้าเวหาจากสโมสรฮัมบรู๊ก ผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะจากร่างกายที่สูงใหญ่ และบึกบึน ทำให้ฮอร์ท ฮรูเบสซ์ คือฝันร้ายที่น่ากลัวของกองหลังทีมคู่แข่งที่ได้เจอ ความจริงแล้วในยูโร80 ครั้งนี้ ตอนแรกไม่มีที่ว่างให้กับศูนย์หน้าร่างยักฆ์ผู้นี้ แต่เพราะ เคล้าส์  ฟิชเชอร์ ดาวยิงตัวความหวังของทีมเกิดขาหัก ก่อนที่ทัวนาเมนท์จะเริ่มขึ้น จุ๊ปป์ แดร์วาล์ด บุนเดสเทรนเนอร์ จึงได้เรียกฮรูเบสซ์ มาเป็นศูนย์หน้าสำรองต่อจากเคล้าส์ อัลลอฟส์ และ คาร์ล ไฮซ์ รุมเมนิกเก้ แต่เมื่อได้ลงมาเล่นในเกมสุดท้ายของรอบแรกกับกรีซ และได้เล่นในนัดต่อมาคือในเกมชิงชนะเลิศ และสองประตูที่เขาทำให้ทีมอินทรีเหล็กเป็นแชมป์ นั้น การเป็นฮีโร่จึงคู่ควรกับเขาแล้วทุกประการ... จากคุณ : Romancini - [ 29 มิ.ย. 51 10:22:31 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ROME 1980 : The Teams Champion Squads Harald Schumacher, Manfred Kaltz, Karl-Heinz Forster, Uli Stielike, Bernhard Dietz, Bernd Schuster, Hans-Peter Briege, Hansi Muller, Karl-Heinz Rummenigge, Horst Hrubesch, Klaus Allofs   Substitutes  Bernhard Cullmann แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 51 10:36:02 จากคุณ : Romancini - [ 29 มิ.ย. 51 10:23:11 ]

ความคิดเห็นที่ 8 LONDON 1996 : The Final Germany 2 Czech Republic 1 ฟุตบอลกลับบ้าน คือสโลแกนของยูโร 96 ที่มีอังกฤษ รับหน้าเสื่อเป็นโต้โผจัดขึ้น มีการเพิ่มจำนวนทีมที่เข้ามาเล่นในรอบสุดท้าย จาก 8 เป็น 16 ทีม แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม เอาที่ 1 และ 2 เข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป ทีมเยอรมัน ที่ต้องอกหักจากการพ่ายให้แก่เทพนิยายแห่งเดนส์ ในนัดชิงชนะเลิศยูโร 92 ที่สวีเดนหนที่แล้ว มุ่งมั่นที่จะเป็นแชมป์ในครั้งนี้ให้ได้ ในรอบแรกทีมอินทรีเหล็กอยู่ในกรุ๊ป B มีสาธารณรัฐเช็ค , อิตาลี , รัสเซีย เป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม ออกสต๊าท์เกมแรกกับเช็คฯ เยอรมันได้สองประตูจาก คริสเตียน ซีเก้ และแอนดี้ โมลเลอร์ ทำให้เอาชนะเช็คฯไปสบายๆ 2-0 เกมต่อมาทีมอินทรีเหล็กก็ยังคงโชว์ฟอร์มที่ดุดันต่อไปเมื่อเจ้าฉลามขาว เจอร์เก้น คลิ๊นมันส์ ซัดไปสองประตู ก่อนที่อดีตผู้เล่น เด เด แอร์ อย่างมัทธีอัส ซามเมอร์ จะช่วยทำอีกหนึ่งประตูให้เยอรมัน ถล่มหมีขาวรัสเซียไป 3-0 และในนัดสุดท้ายของรอบแรกทีมอินทรีเหล็กก็จัดการส่งอัซซูรี่ ทีมชาติอิตาลี ให้เก็บของกลับบ้าน จากผลเสมอ 0-0 ทำให้ทีมเช็คฯแซงอัซซูรี่ ตามเยอรมันเข้ารอบควอเตอร์ไฟนัลต่อไป ในรอบ 8 ทีม อินทรีเหล็กต้องลงเล่นกับทีมจอมเทคนิคโครเอเชีย ที่มีการเล่นที่น่าชมเป็นอย่างมาก แต่เมื่อบดกันไปนานๆ ยอดทีมจากโครแอ็ต ก็ทานความแข็งแกร่งของทีมเยอรมันไม่ไหวจากหนึ่ง ลูกโทษของคลิ๊นมันส์ และอีกหนึ่งประตูจากซามเมอร์ ถึงแม้ว่าดาร์วอร์ ซูเคอร์ จะยิงตามมาให้ทีม โครเอเชียหนึ่งประตูแต่ก็ไม่ทัน โครแอ็ตพ่ายให้กับอินทรีเหล็กไป 1-2 จากคุณ : Romancini - [ 29 มิ.ย. 51 10:24:01 ]

ความคิดเห็นที่ 9 รอบรองชนะเลิศเยอรมันต้องลงดวลกับเจ้าภาพอังกฤษ ที่เวมบลีย์ โดยปราศจากกับตันทีม เจอร์เก้น คลิ๊นมันส์ ทีมีอาการเจ็บจนลงเล่นไม่ไหว แต่อินทรีเหล็กก็รวมใจกันสู้กับสิงโตคำราม อย่างไม่ยอมแพ้ตลอด 120 นาทีของเกม ในที่สุดเมื่อถึงการดวลจุดโทษ ด้วยความนิ่งที่มีมากกว่า ทำให้เยอรมันเอาชนะทีมเจ้าภาพไปได้ 6 ประตูต่อ 5 หลังจากที่ในเวลาเสมอกัน 1-1 นัดชิงชนะเลิศที่เวมบลีย์เยอรมันโคจรมาพบกับทีมสาธารณรัฐเช็ค อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับนัดแรกที่เยอรมันเอาชนะเช็คฯมาแบบสบายๆ เพราะในนัดชิงทีมเช็คฯมาเล่นเกมเปิดหวังแรกกับเยอรมันตั้งแต่ต้นเกมเลย และจากการสกัดนอกเขต ของซามเมอร์ แต่ผู้ตัดสินกับชี้ให้เป็น จุดโทษแก่ทีมเช็คฯ และแพทริก แบร์เกอร์ ก็ไม่พลาด เช็คฯขึ้นนำไปในนาทีที่ 59 หลังจากนั้นเยอรมันถอดเอา เมเม็ต โชล ออกใส่ โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟ ลงมา เพื่อเล่นลูกโยนยาวบอม์ม ทางอากาศใส่ทีมเช็คฯ เพื่อทวงประตูที่เสียไปคืนมา และก็เป็นผล ในนาทีที่ 73 เยอรมันตีเสมอได้สำเร็จจากการโหม่งของ เบียร์โฮฟ ทำให้เกมต้องมีการต่อเวลาออกไปอีก 30 นาที แต่ถ้าในช่วงของการต่อเวลามีการทำประตูได้ ทีมนั้นก็จะชนะไปเลย ตามกฎโกลเด้นโกล ... หลังจากต่อเวลาไปถึงนาทีที่ 95 เยอรมันได้บอลที่หน้าประตูของทีมเช็คฯ เบียร์โฮฟยืนหันหลังให้กับประตูมีผู้เล่นเช็คฯตามประกบอยู่  แต่ทันใดนั้นโอลิเวอร์ เบียร์โฮฟ ก็กลับตัวยิงบอลไปที่ประตูของเช็คฯทันที ปีเตอร์ คูบ้า นายทวารเช็คฯดันรับบอลไม่อยู่ ลูกปลิ้นเข้าประตูไปเป็นโกลเด้นโกล...2-1 เยอรมันได้เป็นแชมป์ฟุตบอลยุโรปสมัยที่สามทันที... จากคุณ : Romancini - [ 29 มิ.ย. 51 10:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 10 LONDON 1996 : The Star Matthias Sammer เจ้าชายผมแดง อดีตนักเตะของเยอรมันตะวันออก แต่เมื่อมีการรวมเยอรมันนีเป็นหนึ่งเดียว มัทธีอัส ซามเมอร์ ก็กลายมาเป็นกำลังสำคัญให้แก่ทีมเยอรมัน ผู้เล่นจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่เชี่ยวชาญในการอ่านเกมและควบคุมแนวรุกและรับ ที่หาใครเปรียบได้เหมือน การรับตำแหน่งเป็น ลิเบอร์โล่ ที่เป็นตำแหน่งที่สำคัญของทีมและเคยสร้างชื่อเสียงให้กับสุดยอดยอดนักเตะของเยอรมัน อย่างฟร๊านซ์ แบ็คเค็นบาวน์  อาจจะสร้างความกดดันให้กับนักเตะคนอื่น แต่ไม่ใช่กับอดีตตำนาน นักเตะ เด เด แอร์  ผู้นี้ จากผลงานตลอดทั้งทัวนาเมนท์ ยูโร 96 ที่ซามเมอร์ ได้แสดงออกมา ทั้งการควบคุมแดนหลังในเกมรับ การสอดประสานในแผงมิดฟิลด์ และการเติมเกมบุกขึ้นมาทำประตู ในแดนหน้า เจ้าชายผมแดงผู้นี้ได้ทำมันมาแล้วทุกสิ่ง... แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 51 22:21:55 จากคุณ : Romancini - [ 29 มิ.ย. 51 10:25:20 ]

ความคิดเห็นที่ 11 LONDON 1996 : The Teams Champion Squads Andreas Kopke, Thomas Helmer, Matthias Sammer, Mehmet Scholl ,Thomas Hessler, Stefan Kuntz, Markus Babbel, Christian Ziege, Jergen Klinsmann, Thomas Strunz, Dieter Eilts       Substitutes Marco Bode, Oliver Kahn, Rene Schneider,    Oliver Bierhoff, Oliver Reck แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 51 10:33:01 จากคุณ : Romancini - [ 29 มิ.ย. 51 10:25:53 ]

ความคิดเห็นที่ 12 WIEN 2008 : The Final Germany ?    Espana ? TONIGHT : 01.45.................!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 51 10:28:50 จากคุณ : Romancini - [ 29 มิ.ย. 51 10:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 " Are You Germany's Fan ??? " จากคุณ : Romancini - [ 29 มิ.ย. 51 10:28:03 ]

ความคิดเห็นที่ 14 We believe in Teams !!! จากคุณ : Romancini - [ 29 มิ.ย. 51 10:31:03 ]

ความคิดเห็นที่ 15 วันนี้เชียร์ขาดใจเลยยยยยยยยยยย อ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกฮึกเหิมชะมัด จากคุณ : ชิวเทียน - [ 29 มิ.ย. 51 11:39:08 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แต่ตอนนี้ข่าวบัลลัคเจ็บทำให้ใจหายวูบไปเลยค่ะ ไม่ว่าจะยังไง เราเล่นเป็นทีมอยู่แล้ว กัปตันสู้ๆ ขุนพลอินทรีเหล็กสู้ๆ กองเชียร์พร้อมประจำการ คว้าชัยกลับไปฉลองกันที่เบอร์ลินค่ะ.. จากคุณ : takiendeutsch - [ 29 มิ.ย. 51 12:32:54 ]

ความคิดเห็นที่ 17 กองทัพอินทรีเหล็ก ต้องวางกลยุทธ โจมตี ทางอากาศ น่าจะสำเร็จ เอ้า! จ้าวเวหา เตรียมพร้อม... จากคุณ : ก้องชายแดน - [ 29 มิ.ย. 51 12:39:59 ]

ความคิดเห็นที่ 18 Deutschland  Viel Erfolg!! จากคุณ : . (Friday13th) - [ 29 มิ.ย. 51 13:04:59 ]

ความคิดเห็นที่ 19 วันนี้ไม่ว่าบัลลัคจะลงเล่นได้หรือไม่ก็ตาม...... ขอให้อินทรีเหล็กท๊อปฟอร์มทันเวลา  สู้กับสเปนได้อย่างสมศักดิ์ศรี เอาอินทรีน้อยนำโชคมาร่วมเชียร์เช่นเคยครับ จากคุณ : เชียงคำ - [ 29 มิ.ย. 51 14:33:44 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผ่านมาอ่าน... จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 2 ก.ค. 51 08:54:36 ]